ตอนที่ 44
ตอนที่ 44 ความไม่พอใจจากคนโสด
ตอนเช้า...ณ ห้องสมุด
ในที่สุดลู่โจวก็เป็นอิสระจากพายุปากเสียงประชาชน เขาจึงมาเรียนในห้องสมุดตามเดิม
เขาพบเฉินยู่ซานที่กำลังเรียนเพื่อเตรียมสอบเข้าปริญญาเอกตามปกติ
พวกเขาคุยเรื่องคณิตศาสตร์กันและเริ่มคุยกันถึงเรื่องที่เกิดขึ้นช่วงนี้
ดวงตาของเฉินยู่ซานเบิกกว้างเมื่อเธอได้ยินว่าลู่โจวปฏิเสธข้อเสนอไป
"นายปฏิเสธข้อเสนอจากซุนเฟิง?”
นั่นเป็นเงินเดือนครึ่งล้านหยวนเลยนะ!
นั่นมันไม่เหมือนกับเขาเลย...
"ใช่ ผมไม่สามารถหยุดเรียนเพื่อไปทำงานที่ซุนเฟิง" ลู่โจวกล่าวและกลอกตามอง เขากล่าวเสริม "ไม่งั้นพ่อเอาผมตาย"
"เอ้อ นั่นสิ ถ้านายยอมรับงาน นายก็เรียนต่อไม่ได้" เฉินยู่ซานกล่าวแล้วพยักหน้า เธอเอาปากกาดันคางแล้วกล่าว "งั้นก็ไม่ต้องไป การได้รับปริญญาเป็นเรื่องสำคัญ"
ลู่โจวหัวเราะ
ในมุมมองของเขา การรับปริญญาไม่ได้สำคัญขนาดนั้น
มันก็แค่ว่าอยู่ในมหาวิทยาลัยมันทำภารกิจให้เสร็จง่ายกว่า เขาสามารถอ่านหนังสือทั้งหมดในห้องสมุดและดาวน์โหลดเอกสารการวิจัยได้ฟรี เขากระทั่งได้คุยกับศาสตราจารย์แบบไม่เสียค่าใช้จ่าย
มีแต่พระเจ้าเท่านั้นที่รู้ว่าระบบจะมอบภารกิจอะไรให้เขาเมื่อเขาออกจากมหาวิทยาลัย
เขาควรจะอยู่ในมหาวิทยาลัยก่อนที่เขาจะระดับเพิ่ม เขาอยากเริ่มธุรกิจเทคโนโลยี มันไม่มีที่ไหนที่ทำวิจัยได้ดีกว่าอยู่ในมหาวิทยาลัยแล้ว
เฉินยู่ซานกล่าว "เอ้อ ป้าฉันฝากถามมาว่าคืนนี้นายว่างไหม?”
ลู่โจวตอบ "ผมว่าง มีอะไรหรือ?”
เฉินยู่ซานกล่าว "เธออยากเลี้ยงข้าว"
"เลี้ยงข้าว? ทำไมล่ะ?” ลู่โจวกล่าว เขามองเฉินยู่ซานด้วยความสงสัย
ทำไมเธอถึงอยากเลี้ยงข้าวฉันโดยไม่มีเหตุผลล่ะ?
แน่นอนถ้ามีคนยืนกรานเลี้ยงข้าวเขา แน่นอนว่าเขาไม่ปฏิเสธ
เฉินยู่ซานกล่าวด้วยรอยยิ้ม "นายกำลังสอนพิเศษลูกพี่ลูกน้องฉันใช่ไหม? ผลสอบเดือนนี้ออกมาแล้ว เธอได้คะแนนคณิตมากกว่าที่คิดไว้ ป้าฉันอยากเลี้ยงข้าวนายเพื่อแสดงความขอบคุณ แน่นอนฉันเป็นคนเอางานให้นาย ดังนั้นฉันก็ควรรับความดีความชอบเหมือนกัน ฉันจะไปด้วย"
ลู่โจวยิ้มแล้วถาม "เธอได้เท่าไหร่?”
"หนึ่งร้อยสิบหก! ป้าฉันดีใจมากเมื่อได้ยินคะแนนสอบ นั่นป้าฉันเลยนะ! ฉันไม่เคยเห็นเธอมีความสุขแบบนั้นมานานแล้ว" เฉินยู่ซานกล่าว เธอบุ้ยปาก "เห็นมั้ยฉันบอกนายแล้วว่านายสอนคณิตเก่ง"
คณิตศาสตร์ระดับมัธยมปลาย...
ทบทวนบทเรียน แก้ไขข้อผิดพลาด และหนังสือข้อสอบมัธยมปลายในสามปี
ถ้าคุณมีสามสิ่งนี้ บางครั้งคะแนนสอบของคุณก็อาจไม่เลว อย่างไรก็ตามถ้าคุณอยากได้คะแนนสูงๆ มันก็ยังขึ้นอยู่กับความสามารถ บางคนก็มีพรสวรรค์ทางตัวเลข ถ้าคุณไม่มีพรสวรรค์ ต่อให้พยายามมันก็เป็นไปไม่ได้เลยที่จะตามทัน
ยกตัวอย่าง ลู่โจวมีเพื่อนร่วมชั้นสมัยมัธยมปลายคนหนึ่งที่ทำสมการปริภูมิสองมิติโดยไม่ต้องใช้ปากกา เขาสามารถคำนวณในใจ ทุกครั้งที่ครูคณิตพูดถึงการเสียคะแนนสอบที่ไม่น่าพลาด เธอจะกล่าวถึงอัจฉริยะคนนั้น
อันที่จริงหานเมิ่งฉีมีพรสวรรค์ทางวิทยาศาสตร์อยู่บ้าง เมื่อเขาสอนอะไรบางอย่างให้เธอ เธอก็จะไม่ทำผิดอีกเลย ถ้าเธอมีทัศนคติในการเรียนรู้ที่ถูกต้อง เธอก็คงตามเพื่อนได้ง่ายๆ
ลู่โจวยิ้มแล้วกล่าว "อาจเป็นเพราะลูกพี่ลูกน้องคุณกับน้องสาวของผมอายุใกล้กัน การรับมือกับวัยรุ่ยอายุเท่าเธอส่วนใหญ่เกี่ยวกับการสื่อสาร"
"นายมีน้องสาวด้วยเหรอ?” เฉินยู่ซานถามด้วยแววตาเปล่งประกาย
ในเวลานั้นเองก็มีเสียงกระแอมหนักๆ ดังมาจากแถวหน้า
ทั้งสองรู้สึกถึงความข้องใจอย่างแรงกล้าแล้วหุบปากโดยไม่รู้ตัว
ความไม่พอใจมาจากคนโสดที่นั่งอยู่ใกล้ๆ พวกเขา
เฉินยู่ซานแลบลิ้น เธอหยิบหนังสือแบบฝึกหัดแล้วขยับเก้าอี้กลับไปที่เดิม
มันเป็นเรื่องยากที่จะคุยหรือหัวเราะในห้องสมุด แม้ว่าพวกเขาจะคุยกันเงียบๆ แต่คนที่กำลังเรียนก็ยังได้ยินพวกเขาอยู่ ลู่โจวรู้เรื่องนี้แล้วยิ้ม เขารู้สึกเขินอาย เขาเลิกพูดอย่างรวดเร็วแล้วเริ่มอ่านหนังสือต่อ
เมื่อวานเขาอ่านหนังสือทอพอโลยีจบแล้ว ในที่สุดเขาก็อ่านหนังสือคณิตศาสตร์ทั้งหมดในรายชื่อ วิชาต่อไปที่รอเขาอยู่ก็คือวิทยาการสารสนเทศ
ระบบสร้างรายชื่อหนังสือวิทยาการสารสนเทศไม่มากนัก ทั้งหมดมีเพียงสามเล่มเท่านั้น หนึ่งในนั้นเกี่ยวข้องกับอัลกอริทึมแบบใหม่ในขณะที่อีกสองเล่มหลักๆ เป็นความรู้ภาษาซีบวกขั้นสูง
สิ่งที่น่ารำคาญก็คือมันยากที่จะเรียนรู้การเขียนโปรแกรมขั้นสูงจากการอ่านหนังสือเล่มเดียว เขาต้องอ่านเอกสารอื่นๆ อีกจำนวนมาก มันไม่ใช่เรื่องง่ายที่จะเลือกวิทยานิพนธ์ที่มีค่าจากทะเลวิทยาการคอมพิวเตอร์ขนาดใหญ่
ในเวลานั้นเองลู่โจวก็ตระหนักอย่างล้ำลึกว่ามะเร็งโลกวิชาการ'ที่แท้จริงคือเหล่าคนที่ส่งวิทยานิพนธ์ที่ต่ำกว่ามาตรฐาน น่าขยะแขยง
...
ตอนเย็น ลู่โจวเก็บข้าวของแล้วเดินไปหน้าประตูมหาวิทยาลัยกับเฉินยู่ซาน
มีรถมาเซราติสีขาวจอดอยู่ริมฟุตบาท มีสาวน้อยในชุดเดรสยืนอยู่ข้างประตูที่เปิดอยู่
เมื่อหานเมิ่งฉีเห็นทั้งสอง เธอก็โบกมือให้พวกเขา
จะว่าไปแล้ว มันเป็นครั้งแรกของลู่โจวที่เห็นรถของคุณหยาง รถยนต์ระดับไฮเอนด์ทำให้เขาช็อก
คนที่เป็นเจ้าของบริษัทนี่ร่ำรวยมาก
รถคันนี้มีค่ามากกว่าบ้านของคนส่วนใหญ่เสียอีก
หานเมิ่งฉีเห็นลูกพี่ลูกน้องของตนแล้วเข้าไปกอดด้วยรอยยิ้ม "พี่สาว ในที่สุดพี่ก็มา ฉันรอมานานแล้ว"
เธออบอุ่นมากกับเพื่อนและครอบครัว แต่เธอจะขี้อายมากกับคนแปลกหน้า ลู่โจวไม่เคยเห็นเธอร่าเริงและผ่อนคลายแบบนี้เลย
แน่นอนมันเป็นเพราะเธอสอบได้คะแนนดีในการสอบเดือนก่อน รวมถึงวันหยุดฤดูร้อนที่ยาวเป็นเดือน จึงเห็นได้ชัดว่าสาวน้อยมีความสุขมาก
ในเวลานั้นเองคุณหยางก็เปิดประตูรถและเดินออกมา
เมื่อเธอเห็นลู่โจว เธอก็ยิ้มแล้วพยักหน้าให้เขา
"ครูลู่ ขอบคุณสำหรับการสอนคณิตศาสตร์ให้เมิ่งฉี"
"ด้วยความยินดีครับ มันเป็นหน้าที่ของผม" ลู่โจวตอบด้วยรอยยิ้ม
จะว่าไปแล้วมันเป็นครั้งแรกเลยที่เขาเห็นคุณหยางยิ้มแบบที่ไม่ใช่ยิ้มเป็นทางการ อย่างไรก็ตามดูเหมือนว่าความตึงเครียดระหว่างแม่กับลูกสาวจะไม่ได้ลดลงเลย เมื่อหานเมิ่งฉีเห็นแม่ เธอก็เลิกยิ้มแล้วไม่แม้แต่จะมองเธอ
คุณหยางไม่ได้สนใจความเย็นชาของลูกสาว เธอทักทายหลานสาวด้วยรอยยิ้มแล้วกล่าว "ขึ้นไปในรถเถอะ" จากนั้นเธอก็กลับขึ้นรถ
หานเมิ่งฉีเข้าไปนั่งเบาะหลัง เฉินยู่ซานและลู่โจวแลกเปลี่ยนสายตากัน
ลู่โจวบอกเป็นนัยๆ ว่า "ใครนั่งหน้า?"
เฉินยู่ซาน "เอ่อ...ฉันนั่ง?"
ลู่โจว "ตกลง"
เฉินยู่ซานเปิดประตูรถแล้วเข้าไปนั่งเบาะหน้าในขณะที่ลู่โจวไปนั่งเบาะหลังกับหานเมิ่งฉี
รถสตาร์ท
เมื่อหานเมิ่งฉีมองลู่โจว เธอก็บุ้ยปาก เธอกระแอมแล้วกล่าว "เฮ้ ฉันมีข่าวดีมาบอกนาย"
ลู่โจวรู้สึกว่ามันต้องเป็นข่าวเกี่ยวกับเมิ่งฉี เขาจึงยิ้มแล้วกล่าว "ข่าวอะไรเหรอ?”
หานเมิ่งฉีกลอกตาแล้วกล่าว "ฉันไม่บอก เดาซิว่าฉันได้คะแนนสอบประจำเดือนเท่าไหร่?”
"หนึ่งร้อยสิบหก?”
"เฮ้ มีคนบอกนาย! มันไม่นับ! พี่สาวฉันบอกนายใช่ไหม?” หานเมิ่งฉีกล่าวแล้วเชิดหน้าด้วยความไม่พอใจ เฉินยู่ซานที่นั่งอยู่ข้างหน้าก็แอบหัวเราะ
ใครจะสนว่าจะนับหรือไม่นับ เราไม่ได้พนันเงินกันนี่นา
ลู่โจวดูจนปัญญา
"เมิ่งฉี" คุณหยางกล่าวขณะขับรถ
หานเมิ่งฉีบุ้ยปาก แต่ก็ไม่ได้พูดอะไร
เห็นได้ชัดว่าเธอยังเกลียดแม่เธออยู่
แต่พอลองมาคิดดู มีแม่ที่ติดกล้องวงจรปิดเป็นโหลในบ้าน ใครบ้างจะไม่เกลียดแม่แบบนี้?
บรรยากาศในรถน่ากระอักกระอ่วนเล็กน้อยเนื่องจากบรรยากาศของแม่และลูกสาว เฉินยู่ซานคุยกับป้าของเธอเป็นครั้งคราวในขณะที่หานเมิ่งฉีแค่จ้องไปนอกหน้าต่างอย่างเงียบๆ
เวลานั้นเองคุณหยางก็ถาม "ฉันได้ยินมาว่าเธอปฏิเสธข้อเสนอจากซุนเฟิงกรุป?”
ลู่โจวชะงักไปชั่วครู่ก่อนจะกล่าวด้วยรอยยิ้มบางๆ "ครับผมปฏิเสธไป คุณรู้เรื่องนี้ได้ไงครับ?”
คุณหยางถาม "เธออยากเริ่มทำบริษัทเองเหรอ?”
ลู่โจวตอบ "อันที่จริงผมมีแผนแบบนั้น แต่ตอนนี้ผมกำลังมุ่งเน้นไปที่การเรียน"
คุณหยางพยักหน้าแล้วกล่าว "ถ้าเธอมีไอเดียดีๆ แล้วต้องการเงินทุน เธอก็โทรหาฉัน แม้ว่าฉันจะช่วยเธอไม่ได้มาก แต่ฉันก็สามารถแนะนำให้เธอรู้จักกับนักลงทุนที่ใจดี แน่นอนไม่ว่าเธอจะได้รับเงินทุนนั้นหรือไม่ก็ยังขึ้นอยู่กับว่าโปรเจกต์ของเธอสดใสแค่ไหนและการนำเสนอของเธอเป็นอย่างไร"
ลู่โจวนั่งอย่างตื่นเต้นและฟังอย่างตั้งใจ
คำพูดจากผู้มีประสบการณ์ที่ประสบความสำเร็จนั้นเป็นสิ่งที่ไม่สามารถเรียนรู้ในชั้นเรียนของมหาวิทยาลัย
อย่างไรก็ตามหานเมิ่งฉีดูเหมือนจะไม่ชอบคำพูดของแม่ เธอกล่าวพึมพำ "แม่เลิกงานแล้ว แม่เลิกพูดเรื่องงานได้แล้ว"
คำพูดของลูกสาวทำให้คุณหยางช็อกเล็กน้อย
รถกลับมาอยู่ในความเงียบงันอีกครั้ง