ตอนที่ 31
ตอนที่ 31 ไม่ว่าฉันจะกินเท่าไหร่น้ำหนักก็ไม่ขึ้น
เฉินยู่ซานกัดนิ้วโป้งแล้วขมวดคิ้ว เธอจ้องมองกระดานหมากฮอสแล้วเริ่มคิดหนัก
ผลแพ้ชนะได้ถูกตัดสินแล้ว...
ไม่มีโอกาสที่จะกู้เกมได้เลยสักนิด
เธอใช้เวลาคิดอยู่นานและยอมรับความพ่ายแพ้ในที่สุด เธอชักชวนด้วยน้ำเสียงที่ไม่ค่อยมั่นใจนัก
"...อีกตา"
ลู่โจวถอนหายใจแล้วแหงนมองไปยังท้องฟ้า
"ผมยอมได้ไหม? "
"ไม่ได้! "
เฉินยู่ซานโกรธมากจนอยากกระทืบพื้น
เมื่อเธอถามคำถามเกี่ยวกับคณิตศาสตร์ เธอจะถูกเหน็บแนมเสมอว่า'นี่มันง่ายเกินไป โจทย์แจกคะแนนอีกแล้ว มันจะสายเกินไปที่คุณจะสอบเข้าปริญญาเอก' เธออยากกู้หน้าคืนจากการเล่นหมากฮอสแต่ลู่โจวก็ไม่ยอมเธอเลย เขาชนะไปสิบเกมรวด แม้กระทั่งเขาให้เธอเริ่มก่อน
บางที IQ ฉันอาจต่ำเกินไป?
เฉินยู่ซานถูกเรียกว่าเป็นนักศึกษาอัจฉริยะในช่วงสามปีมานี้ แต่แล้วจู่ๆ เธอก็รู้สึกกังขากับความสามารถของตนเอง
เธอผลักกระดานหมากฮอสอย่างดื้อรั้นแต่ยังอยากจะเล่นต่อ ลู่โจวจึงอดถามไม่ได้
"ผมขอถามหน่อยได้ไหม? "
เฉินยู่ซานตอบอย่างฉุนเฉียว "ว่า"
ลู่โจวถามอย่างจริงจัง "ทำไมคุณถึงคิดว่าตัวเองเก่งหมากฮอส? "
เฉินยู่ซานได้ยินแบบนั้นแล้วก็หน้าแดงก่ำ เธอกล่าวอย่างกระอักกระอ่วน "ตอนที่ฉันยังเด็ก ฉันไม่เคยแพ้พ่อกับแม่เลย"
"เด็กแค่ไหน? "
เฉินยู่ซานพึมพำเสียงเบา "ฉันคิดว่าน่าจะเป็นช่วงประถม"
คุณพระ!
เธอยังจำเหตุการณ์สมัยประถมได้อยู่เหรอ?
เห็นได้ชัดว่าพ่อแม่ปล่อยให้ชนะ เธอไม่ได้เล่นกับเด็กคนอื่นเลยเหรอ?
ลู่โจวไม่รู้ว่าทำไม แต่จู่ๆ เขาก็รู้สึกเสียใจแทนเธอ
เขาสั่งพิซซ่าหน้าสุพรีมทะเลเป็นมื้อเที่ยง คุณหยางพูดถูก พิซซ่าที่ร้านกาแฟนี้อร่อยมาก
แม้ว่าราคามันค่อนข้างแพงแต่ลู่โจวไม่ได้เป็นคนจ่ายเงิน กระทั่งเขายังเหลือที่ว่างในท้องเพื่อสั่งของหวานมากินได้อีก
เฉินยู่ซานทานแซนด์วิช ขณะที่เธอเฝ้าดูลู่โจวทานอย่างมีความสุข เธอก็อดบ่นไม่ได้ "นายกินมากไปแล้ว ถ้าไม่ระวังในการกินนายจะอ้วนเอาได้นะ"
ลู่โจวตอบ "ผมหวังว่าผมจะอ้วนนะ" เขากล่าวด้วยสีหน้าเรียบเฉย ในขณะที่กำลังทานไอศกรีมแคลอรีสูงและมูสช็อกโกแลต,ช็อกโกเลตไปด้วย "ผมเองก็ไม่รู้ว่าทำไม แต่ไม่ว่าผมจะกินมากแค่ไหน มันก็ไม่อ้วนขึ้น"
จู่ๆ ก็เกิดความเงียบขึ้น เฉินยู่ซานไม่พูดอะไรออกมา
เอิ่ม...
มันมีความเกลียดชังบางอย่างอยู่ในคำพูดหยอกล้อนี้หรือ?
เขารู้สึกถึงความคับข้องใจ...
ลู่โจวอดเป็นกังวลไม่ได้
...
กว่าพวกเขาจะกลับมหาลัย มันก็บ่ายสองแล้ว ซึ่งถือเป็นช่วงเวลาที่ร้อนที่สุดของวัน
เฉินยู่ซานกลัวถูกแดดเผา เธอจึงไม่อยู่ข้างนอกนานนัก เธอกล่าวลาลู่โจวแล้วมุ่งหน้ากลับหอพักของตน
ลู่โจวสังเกตว่ามันยังเร็วไป ดังนั้นเขาจึงกลับหอพัก พร้อมหยิบโน้ตบุ๊กกับหนังสือที่เขายืมมาก่อนหน้านี้แล้วมุ่งไปยังตึกคณิต จากนั้นเขาก็หาที่ว่างในห้องเรียนนั่งทบทวน
อีกสี่ชั่วโมงกว่าเขาจะทานแคปซูลได้อีกครั้ง เขากินยาไปตอนหกโมงแล้วเรียนจนถึงห้าทุ่ม บางทีมันอาจจะถึงเที่ยงคืนเลยด้วยซ้ำ ซึ่งเวลานั้นห้องสมุดจะปิดทำการ ดังนั้นเขาจึงไม่สามารถนั่งเรียนในห้องสมุดได้
ลู่โจววางแผนกินยาทุกวัน แต่พรุ่งนี้เขางานยุ่ง จึงไม่อยากเสียเวลาของวันนี้ไป เขาตัดสินใจลุยวันนี้อย่างเต็มที่
เขาเปิดโน้ตบุ๊ก เมื่อตรวจสอบอีเมล เขาก็เห็นว่าหวังเสี่ยวตงส่งโปรแกรมสมบูรณ์ให้เขาแล้ว
เขามองดูโปรแกรมแล้วทำการบันทึกข้อมูลต้นฉบับเพื่อนำมาเป็นข้อมูลสำรองเอาไว้ จากนั้นเขาก็เริ่มเขียนวิทยานิพนธ์ตามรูปแบบแบบจำลองทางคณิตศาสตร์
เขาใช้เวลาช่วงบ่ายในการทำวิทยานิพนธ์จนสำเร็จ จากนั้นเขาก็แนบโปรแกรมและวิทยานิพนธ์ลงในอีเมลแล้วส่งให้ศาสตราจารย์หลิว
'ไปกินข้าวที่โรงอาหารก่อนแล้วค่อยกลับมาทำงานละกัน' ลู่โจวคิด เขาเหยียดหลังแล้วลุกขึ้นยืน จากนั้นก็เดินออกห้องเรียน
เนื่องจากเป็นช่วงวันหยุดฤดูร้อน ดังนั้นโรงอาหารจึงแทบไร้ผู้คน
ข้อดีคือเขาไม่ต้องไปต่อแถว ข้อเสียคือพนักงานในโรงอาหารก็หยุดเช่นกัน ดังนั้นจึงมีอาหารให้เลือกน้อยลง
อย่างไรก็ตามเรื่องนี้ไม่ได้ส่งผลต่อลู่โจว เพราะเขาทานบะหมี่เป็นมื้อค่ำเสมอ
ลู่โจวเห็นศาสตราจารย์ถัง เขาจึงเดินเข้าไปกล่าวทักทาย พร้อมวางถ้วยบะหมี่ตรงข้ามศาสตราจารย์ถัง
ศาสตราจารย์ถังเห็นลู่โจว เขาจึงหัวเราะแล้วถาม "เตรียมการสร้างแบบจำลองทางคณิตศาสตร์ไปถึงไหนแล้ว? "
ลู่โจวหัวเราะเช่นกัน "พอได้ครับ ผมพึ่งส่งการบ้านให้ศาสตราจารย์หลิว"
"แล้วช่วงนี้เธอค้นคว้าเรื่องอะไร? "
ลู่โจวเห็นว่าศาสตราจารย์ถังไม่ได้ถามเรื่องการสร้างแบบจำลองทางคณิตศาสตร์ ดังนั้นเขาจึงตอบกลับไป "ช่วงนี้ผมอ่านวิทยานิพนธ์ เกี่ยวกับเรื่องความก้าวหน้าในการวิจัย โปรแกรมคำนวณกริ๊ม..."
ศาสตราจารย์ถังประหลาดใจ เขายิ้มออกมาแล้วถาม "เป็นวิทยานิพนธ์จากสถาบันวิทยาศาสตร์แห่งประเทศจีน เหรอ? "
ลู่โจวพยักหน้าแล้วตอบ "ครับ ผมอ่านวิทยานิพนธ์ปี 1992 การกระจายจำนวนเฉพาะแมร์แซน และพบว่าเนื้อหามันน่าสนใจมาก เสียดายขั้นตอนกระบวนการในวิทยานิพนธ์มันสั้นเกินไป มันมีเพียงข้อสรุปเดียวเท่านั้น ดังนั้นผมต้องศึกษามันต่อไป"
"โอ้ อาจารย์รู้จักวิทยานิพนธ์นั้น" ศาสตราจารย์ถังกล่าว เขารู้สึกคิดถึง "วิทยานิพนธ์ฉบับนั้นของท่านโจวเป็นส่วนช่วยเหลือสำคัญต่อวงการคณิตศาสตร์จีน"
น่าเสียดาย วิทยานิพนธ์นี้สั้นเกินไป มันมีความยาวเพียงสองหน้าเท่านั้นแม้ว่ามันจะเสนอสูตรที่ถูกต้องของจำนวนเฉพาะของแมร์แซน แต่มันก็ไม่มีกระบวนการพิสูจน์ สุดท้ายมันก็ได้แต่ตีพิมพ์ในฐานะข้อคาดคะเนเท่านั้น
ศาสตราจารย์ถังหยุดชั่วครู่ เขามองลู่โจวแล้วยิ้ม "จะว่าไป แล้วเรื่องเรียนฟังก์ชันเชิงเส้นล่ะ? ทำไมเธอถึงมาเรียนจำนวนเฉพาะของแมร์แซน? "
"คือ...ด้วยความสนใจล่ะมั้ง? "
ด้วยน้ำเสียงไม่แน่นอนแบบนี้ ลู่โจวยังไม่เชื่อคำพูดของตัวเองเลยด้วยซ้ำ
ศาสตราจารย์ถังไม่เชื่อ เขาส่ายหน้าแล้วกล่าวอย่างจริงจัง "ความสามารถทางคณิตศาสตร์ของเธอนั้นสูงมาก แต่เธอใจร้อนเกินไปหน่อย เธอจะไม่สำเร็จอะไรเลยถ้าเธอเปลี่ยนหัวข้อ เธอให้ความสำคัญกับผลประโยชน์เกินไป เธอคิดว่าจำนวนเฉพาะของแมร์แซนแก้ได้ง่ายขนาดนั้นเลยเหรอ? โปรเจกต์โปรแกรคำนวณกริ๊มที่เธอพูดถึงใช้เวลาถึงแปดปีเต็ม มันคำนวณไม่ได้ด้วยซ้ำว่าจำนวนเฉพาะของแมร์แซนตัวที่สี่สิบสี่จะเป็นจำนวนเฉพาะตัวที่สี่สิบสี่จริงไหม เธอคิดว่าเงินรางวัลมันได้รับมาง่ายๆ งั้นเหรอ? "
แม้ว่าพวกเขาจะพบจำนวนเฉพาะของแมร์แซนตัวที่สี่สิบสี่ในปีสองพันหกแต่พวกเขาก็ยังไม่รู้ว่ามีตัวอื่นอีกไหมที่อยู่ในระหว่างตัวที่สี่สิบสามกับตัวที่สี่สิบสี่
นี่เป็นเพราะจำนวนมันมีมากเกินไป จำนวนตัวเลขที่ต้องคำนวณนั้นเกินกว่าจะจินตนาการได้
ตามเกณฑ์ให้รางวัลของโปรเจกต์โปรแกรคำนวณกริ๊ม ถ้าใครอยากได้รางวัล คนคนนั้นต้องแก้ปัญหาจำนวนเฉพาะของแมร์แซนหนึ่งร้อยล้านตัวก่อน รางวัลมันไม่คุ้มกับงานที่ทำ เพราะยังไงรางวัลของจำนวนหนึ่งร้อยล้านตัวก็มีแค่แสนห้าหมื่นเหรียญเท่านั้น ค่าใช้จ่ายที่เสียไปไม่คุ้มกับเงินด้วยซ้ำ
มันเป็นเรื่องน่าตลกที่ผลกำไรของการขุดบิตคอยน์นั้นมากกว่าทำวิจัยทางคณิตศาสตร์
ศาสตราจารย์ถังรู้ว่าลู่โจวต้องการเงิน
ลู่โจวยิ้มเชิงขอโทษและไม่ได้ปฏิเสธแต่อย่างใด
มันเป็นเรื่องยากเกินไปที่จะอธิบายให้ศาสตราจารย์ถัง
‘ฉันว่าปล่อยให้เขาเข้าใจผิดไปเถอะ’
ศาสตราจารย์ถังเห็นว่าลู่โจวไม่ตอบ เขาจึงถอนหายใจแล้วกล่าวอย่างจริงจัง "วิทยานิพนธ์ของเธอนั้นยอดเยี่ยม อาจารย์ได้คุยกับศาสตราจารย์ฟิสิกส์หลายคนและพวกเขาก็เห็นด้วยกับอาจารย์ว่า ถ้าเธอทำวิจัยในสาขานี้ต่อ เธอจะประสบความสำเร็จภายในสองปีแน่นอน แม้ว่าเธอจะเห็นแก่ผลประโยชน์ แต่เธอก็ควรมองผลประโยชน์ระยะยาวด้วย"
ลู่โจวถามเสียงเบา "ศาสตราจารย์ นี่หมายความว่าศาสตราจารย์ไม่แนะนำให้ผมวิจัยสาขานี้ต่อใช่ไหม? "
ศาสตราจารย์ถังส่ายหน้าแล้วกล่าว "อาจารย์ไม่ได้หมายความว่าอย่างนั้น ก็แค่อาจารย์ไม่ชอบสาขานี้ อย่างแรกเลยมันเป็นสาขาที่ไม่เป็นที่นิยม สองมันยากที่จะสำเร็จ และสุดท้ายอาจารย์ไม่ได้วิจัยสาขานี้มากนัก ดังนั้นอาจารย์จึงช่วยเธอไม่ได้ ถ้าเธอสนใจอยากวิจัยจริงๆ อาจารย์ก็ไม่คัดค้าน แต่ถ้าเธอแค่อยากได้เงิน มันก็เสียเวลาเธอไปเท่านั้น อาจารย์พูดมามากแล้ว ลองไปคิดดู! "