ตอนที่ 3
ตอนที่ 3 อัจฉริยะที่แท้จริงจะไม่มีวันเสียเวลาโดยเปล่าประโยชน์
"เริ่มภารกิจ!"
ลู่โจวหลับตาแล้วเอ่ยเสียงเบา เขาพูดออกไปอีกสองครั้ง เพื่อทำให้มั่นใจว่าโฮโลแกรมฟังอยู่
เมื่อลืมตาขึ้น เขาก็เห็นตัวหนังสือกึ่งโปร่งใส่ลอยอยู่ตรงหน้า
[ภารกิจที่สามเริ่มต้นขึ้น: เวลาปัจจุบัน: ศูนย์ชั่วโมง เวลาจะถูกหยุดลงเมื่อออกจากห้องสมุด]
ลู่โจวรู้สึกตกใจกับตัวหนังสือที่จู่ๆ ก็ปรากฏตรงหน้า เขาหันไปมองรอบๆ อย่างระแวดระวัง และเมื่อเห็นนักศึกษาคนนึงเดินผ่านตัวหนังสือกึ่งโปร่งใสไปหน้าตาเฉย เขาก็เริ่มโล่งอก
กลายเป็นว่านอกจากเขาแล้วไม่มีใครเห็นตัวหนังสือของระบบเลย
อย่างไรก็ตาม ใช้เวลายี่สิบสี่ชั่วโมงอ่านหนังสือสักสองเล่มในห้องสมุด ภารกิจก็น่าจะสำเร็จใช่ไหม?
ลู่โจวเดินไปตรงหมวดคณิตศาสตร์เพราะมันดีกว่าไม่ได้อะไรเลย เขากำลังจะเลือกหยิบหนังสือมาอ่าน แต่จู่ๆ เขาก็เห็นว่าบนหนังสือมีสัญลักษณ์ตัวเล็กติดอยู่ ไม่เพียงแค่นั้นสัญลักษณ์ตัวเล็กยังดูมีแบ่งเป็นสี ๆ ตามกฎเกณฑ์ของมัน มันมีตั้งแต่สีแดงไปจนถึงสีเทาตามตัวเลขจำนวนมากไปถึงตัวเล็กจำนวนน้อย
[การวิเคราะห์พื้นฐานสมัยใหม่ของดิดอนน์ 10]
[พีชคณิตเชิงเส้น 0]
[การบรรยายคณิตวิเคราะห์ใหม่ 100]
[...]
อะไรเนี่ย?!
ลู่โจวพลันนึกถึงรางวัลของภารกิจสามทันที แต้มประสบการณ์ของภารกิจนี้จะได้รับโดยขึ้นอยู่กับคะแนนคุณค่าของหนังสือ
กล่าวอีกนัยนึง ถ้าเขาแค่อยู่ในห้องสมุดเฉยๆ เขาก็จะได้รับแค่ตั๋วเสี่ยงโชคเท่านั้น
อัจฉริยะที่แท้จริงจะไม่เสียเวลาของตนเองโดยเปล่าประโยชน์ที่ห้องสมุด!
ลู่โจวกลืนน้ำลายเมื่อคิดถึงเรื่องนี้
อย่างไรก็ตามมีเรื่องนึงที่เขาไม่เข้าใจ ทำไมหนังสือคณิตศาสตร์ขั้นสูงถึงมีคะแนนคุณค่าต่ำแบบนี้ ทั้งๆ ที่หนังสือคณิตศาสตร์เริ่มต้นถึงมีคะแนนคุณค่าสูง?
โดยเฉพาะอย่างยิ่ง... หนังสือวิเคราะห์พื้นฐานสมัยใหม่ของดิดอนน์ที่เป็นผลงานชิ้นเอกและได้รับการแนะนำอย่างสูงจากอาจารย์ของเขาว่าต้องอ่านเป็นเรื่องที่ยากมากที่นักศึกษาจะอ่านแล้วเข้าใจตำราเล่มนี้อย่างละเอียดถี่ถ้วน อย่างน้อยต้องมีความคุ้นเคยกับการวิเคราะห์เชิงประจักษ์รวมไปถึงฟังก์ชันพื้นฐานถึงจะเข้าใจหนังสือเล่มนี้ได้
เขาพลันนึกได้ว่าในแถบคุณสมบัติของเขามีระดับคณิตศาสตร์ คือ 0 ใบหน้าของเขาปรากฏร่องรอยความโศกเศร้าออกมาเล็กน้อย
ไม่น่าแปลกใจเลย!
บางทีไอ้คะแนนคุณค่าบ้าบอนี่อาจขึ้นอยู่กับระดับความรู้ปัจจุบันของเขา?
คะแนนคุณค่ามีอยู่สองด้าน ยกตัวอย่างเช่นหนังสือการคาดคะเนของรีมัน มันเป็นหนังสือที่สำคัญในแวดวงวิชาการ มีทฤษฎีทางคณิตศาสตร์นับพันที่ถูกสร้างขึ้นมาโดยมีการคาดคะเนของรีมันเป็นพื้นฐาน มันจึงมีคุณค่าสูงมาก อย่างไรก็ตามสำหรับตัวลู่โจว มันเป็นเรื่องที่ยากที่เขาจะเข้าใจการคาดคะเนของรีมัน เรื่องนี้ไม่มีส่วนช่วยเหลือทางการศึกษาของเขาเลย ดังนั้นคุณค่าของมันจึงเป็นศูนย์
ลู่โจวเข้าใจคะแนนคุณค่าแล้ว เขาจึงไม่ลังเลเลยที่จะเลือกหยิบหนังสือ'การบรรยายคณิตวิเคราะห์ใหม่'
บังเอิญว่าในชีวิตจริงเขาจะมีสอบวิชาคณิตวิเคราะห์ 2 ในอีกสองสัปดาห์ ซึ่งตัวเขาเองก็ไม่เข้าใจจุดยากบางจุด ดังนั้นจึงนับได้ว่านี่เป็นการทบทวนบทเรียน
เมื่อพบที่นั่งที่ยังว่าอยู่ เขาจึงเดินเข้าไปและนั่งลงแล้วเริ่มอ่านหนังสือคณิตวิเคราะห์
พูดตามตรงเขาไม่ค่อยชอบเรียนคณิตศาสตร์มากนัก ทว่าเขาสามารถทนอ่านหนังสือได้อย่างน่าประหลาดใจ
เขาไม่รู้ว่ามันเป็นเพราะผลกระทบของระบบไหม แต่เขารู้สึกว่าตนเองค่อยๆ เข้าสู่ห้วงสมาธิ เขาแทบจะลืมเลือนทุกสิ่งรอบข้าง เขาสัมผัสได้แต่ตนเองกับหนังสือเท่านั้น ไม่มีอะไรอย่างอื่นเลย
เวลาค่อยๆ ไหลผ่านไปอย่างช้าๆ ผู้คนในห้องสมุดก็น้อยลงเรื่อยๆ ส่วนลู่โจวกำลังจดจ่ออยู่กับหนังสือโดยไม่ได้สนใจเรื่องอื่นเลย เขายังคงจมอยู่ในมหาสมุทรแห่งความรู้ในหนังสืออย่างล้ำลึก
มีคนมาสะกิดไหล่เขาเบาๆ จนทำให้เขาหลุดออกจากห้วงสมาธิ
"นักศึกษา มันสี่ทุ่มแล้ว ห้องสมุดจะปิดแล้ว" บรรณารักษ์กล่าว
ลู่โจวรีบลุกขึ้นยืนก่อนจะสอดที่คั่นหนังสือไว้ในตำรา เขากล่าว "โอ้... ขอโทษครับ ผมลืมดูเวลา ผมจะเก็บของเดี๋ยวนี้"
"ไม่ต้องรีบร้อน ฉันทำงานอยู่ที่นี่มาหลายปีแล้ว นี่เป็นครั้งแรกเลยที่ฉันเห็นนักศึกษาตั้งใจอ่านหนังสือคณิตศาสตร์" บรรณารักษ์กล่าว
"ผมยังยืมหนังสือได้อยู่ไหม? ผมอยากยืมหนังสือเล่มนี้" ลู่โจวกล่าว เขายังคงติดใจภาวะห้วงสมาธิเมื่อกี้ แถมเขายังรู้สึกค้างคาอีกด้วย
เขาไม่เคยเสพติดการแก้ปัญหาทางคณิตศาสตร์มาก่อน
เขารู้สึกหยั่งกับว่าเขากำลังอ่านนวนิยาย ไม่ใช่ตำราเรียน เป็นนวนิยายที่บันทึกชีวิตของคณิตศาสตร์
บรรณารักษ์เห็นว่าเขาสุภาพแค่ไหน เธอจึงกล่าวอย่างรวดเร็ว "ไม่เป็นไร ถ้าเธอต้องการ เธอก็ยืมไปได้ คอมพิวเตอร์ยังคงเปิดทิ้งไว้อยู่ ฉันจะช่วยเธอดำเนินการเอง เธอได้เอาบัตรห้องสมุดมาด้วยไหม?"
ลู่โจวกล่าวอย่างจริงใจ "ผมเอามา...ขอบคุณครับ!"
"ไม่มีปัญหา!"
ลู่โจวยัดหนังสือใส่กระเป๋าแล้วรีบออกจากห้องสมุด
เขาเดินผ่านหน้าจอโฮโลแกรม เวลาภารกิจก็หยุดลง
อย่างไรก็ตามลู่โจวไม่ได้สนใจเลย เขาไม่อยากเสียเวลาแม้แต่วิเดียว เขาอยากกลับไปสัมผัสกับประสบการณ์การอ่านที่แสนวิเศษโดยเร็ว
เมื่อเขากลับมาถึงหอพักและพบว่าเพื่อนร่วมห้องอีกสองคนได้กลับมาแล้ว และพวกเขากำลังเล่นเกม LOL กันอยู่
หวงกวงหมิงได้ยินเสียงเปิดประตู แต่เขากำลังต่อสู้กันอย่างเข้มข้นพร้อมกับเพื่อนร่วมทีม เขาจึงกล่าวโดยไม่แม้แต่จะหันมามอง "สหายโจว ลีคไหม?"
เขาเน้นเสียงคำว่า 'ลีค' จนเกินจริง มันคือคำเชิญที่พวกเขาที่เอาไว้เชิญคนมาร่วมต่อสู้บนสนามซัมมอนเนอร์ลิฟ
"วันนี้ไม่ดีกว่า ฉันยังมีเรื่องต้องทำ พวกนายเล่นกันเลย"
สือช่างเถิงดันอีกฝ่ายกลับไปแล้ว เขาจึงมีเวลาว่างอยู่บ้าง เขาหันกลับมามองแล้วเห็นลู่โจวกำลังนั่งอ่านหนังสือที่หยิบออกมาจากกระเป๋าสะพาย เขาร้องตะโกนทันที "อะไรวะนั่น! ลู่โจว นายชอบเรียนหนังสือตั้งแต่เมื่อไหร่กัน?"
หลิวรุ่ยได้ยินว่าลู่โจวกำลังอ่านหนังสือ เขาจึงบังคับตัวเองให้มามองที่โต๊ะลู่โจว
ลู่โจวหัวเราะ มันเป็นเรื่องที่ยากจะอธิบาย เขาจึงกุเรื่องขึ้นมาแก้ตัวว่า "ไม่ใช่ว่าใกล้สอบแล้วเหรอ? ฉันยังไม่เข้าใจอยู่หลายจุด ถ้าฉันไม่ทบทวนบทเรียนตอนนี้ มันก็คงจะสายเกินไป ฉันจะลีคกับพวกนายหลังสอบเสร็จแล้วกัน"
"โคตรขยัน! แค่เอาให้ผ่านก็พอ!" หวงกวงหมิงกล่าวขณะคลิกเมาส์ตีป้อมฝั่งตรงข้ามอย่างเมามัน
ถ้าลู่โจวจำได้ถูก หวงกวงหมิงก็เคยพูดแบบนี้ในเทอมก่อน แม้ว่าคะแนนสอบ 'คณิตศาสตร์' ของหวงกวงหมิงจะได้ เก้าสิบคะแนน แต่มันก็ห่างจากอัจฉริยะอย่างหลิวรุ่ยแค่ หนึ่งคะแนน
ทุกคนต่างก็แอบขยันกัน
ลู่โจวหัวเราะแล้วไม่ได้พูดอะไรมาก เขาพลิกไปหน้าที่มีที่คั่นหนังสือคั่นอยู่ แล้วจดจ่อไปกับการอ่านหนังสือ
สิบวินาทีผ่านไป
หนึ่งนาทีผ่านไป
ห้านาทีผ่านไป
เขาได้ยินเสียงแห่งชัยชนะดังมาจากด้านหลัง ลู่โจวพลิกอ่านไปได้ไม่ถึงสองหน้าดี เขาก็พลิกกลับแล้ว ไม่มีคำไหนเลยที่เขาอ่านแล้วเข้าหัว
"ฮ่าๆ! ซิลเวอร์สี่! ฉันแรงค์อัพแล้ว!" หวงกวงหมิงกล่าวอย่างอวดดีก่อนจะเอนกายพิงเก้าอี้
"ฉันแบกนาย นายมันกาก" สือช่างถิงเอนตัวพิงเก้าอี้แล้วบิดขี้เกียจ
"นายไม่ได้แบกฉัน ฉันฆ่ามาสก์แมนในเสี้ยววิด้วยเลอปลองที่น่าทึ่งของฉัน"
"น่าทึ่งบ้านนายสิ เลิกคุยโวกับการโชคช่วยได้แล้ว ฉันแบกนายตั้งแต่แอลโล่เฮล ฉันต้องเล่นไอดีไก่เพื่อพาไอดีกากๆ ของนายขึ้นซิลเวอร์ นายลืมชนะครั้งแรกของเมื่อวานไปแล้วด้วยซ้ำ!"
ไม่มีทางที่ลู่โจวจะมีสมาธิได้เลย
มันไม่ใช่เพราะเสียงคุยของเพื่อนร่วมห้อง เขาแค่ไม่สามารถเพ่งความสนใจไปที่หนังสือ สภาพจิตใจเขาตอนนี้คล้ายกับสภาพจิตใจตอนเขาทบทวนหนังสือตามปกติ แค่มีอะไรนิดหน่อยก็รบกวนกระบวนการคิดของเขาแล้ว
ย้อนกลับไปที่ห้องสมุด ที่นั่นก็มีเสียงคุยเสียงความเคลื่อนไหว แต่เขายังสามารถจดจ่อเข้าไปสู่โลกแห่งตำราได้อย่างเต็มที่
ลู่โจวสูดลมหายใจเข้าลึกๆ แล้ววางหนังสือ 'การบรรยายคณิตวิเคราะห์ใหม่'
บางทีมันอาจเป็นพลังของระบบใช่ไหม?