ตอนที่ 12
ตอนที่ 12 ความอิจฉาได้สร้างกำแพงขึ้นมา
เวลาไหลผ่านไปอย่างช้าๆ เดี๋ยวมันก็จะเป็นเวลาสอบ ‘พีชคณิต2’ แล้ว
“นักศึกษา! โปรดปิดโทรศัพท์ วางบัตรนักศึกษาและบัตรประชาชนไว้มุมขวาของโต๊ะ อาจารย์จะทวนกฎการสอบอีกครั้ง การโกงข้อสอบเป็นเรื่องที่ยกโทษให้ไม่ได้! ถ้าถูกจับได้นักศึกษาจะถูกส่งไปยังฝ่ายวิชาการทันที พวกเธอต่างก็กำลังจะเข้าสู่ปีสอง อาจารย์หวังว่าพวกเธอจะไม่ทำพลาดในช่วงเวลาที่สำคัญเช่นนี้ ในทุกปีมักจะมีนักศึกษาสองสามคนที่ทุจริต อาจารย์หวังว่าทุกคนจะทำตามกฎนะ”
ศาสตราจารย์อาวุโสยืนอยู่บนโพเดียมแล้วหันมองรอบๆ ห้องจากนั้นเขาก็ชี้ไปที่นักศึกษาปริญญาโทแล้วกล่าว “หวังน้อย เริ่มจากฝั่งขวา”
“ครับ” ชายที่ชื่อหวังน้อยพยักหน้า เขาเริ่มตรวจสอบบัตรนักศึกษาจากฝั่งขวา
ศาสตราจารย์อาวุโสวางขวดสุญญากาศไว้บนโพเดียมแล้วเริ่มตรวจสอบจากฝั่งซ้าย
ลู่โจวเหยียดหลัง เขาปิดโทรศัพท์แล้วยัดมันใส่กระเป๋า จากนั้นเขาก็วางหนังสือเรียนและเครื่องมืออิเล็กทรอนิกส์ไว้บนโต๊ะแถวแรกอย่างที่ทุกคนทำ
ในที่สุดวันนี้ก็มาถึง!
หลังจากสอบเสร็จ เขาจะมีเวลาไปทำเรื่องอื่นอีกมากมาย
ลู่โจวกลับไปนั่งเก้าอี้แล้วนั่งลง นักศึกษาปริญญาโทมองบัตรประชาชนและบัตรนักศึกษาของเขา จากนั้นเขาก็นั่งลงที่โต๊ะเพื่อรอกระดาษสอบ
ท้ายที่สุดแล้วมหาลัยจินหลิงก็เป็นมหาลัยดัง ซึ่งการสอบจำเป็นต้องมีกฎระเบียบที่เข้มงวดมาก
ถึงแม้ว่าชายชราคนนั้นจะสวมแว่นและมีรอยยิ้มบนหน้า ทว่าเขามีความชำนาญในการจับผิดว่าคุณแอบอ่านโพยหรือแอบดูโทรศัพท์ ถึงคุณจะพยายามซ่อนแค่ไหนก็ตามเขาก็จะจับได้อยู่ดี
มีนักศึกษาสองสามคนที่นำโพยเข้ามา พวกเขานั่งกันอย่างกระวนกระวาย พวกเขาอยากโกง แต่พวกเขาก็กลัว
ลู่โจวถอนหายใจ เขารู้สึกแย่แทนคนโชคร้ายเหล่านี้ เขารีบเขียนบนข้อสอบอย่างรวดเร็ว
เห็นได้ชัดว่าศาสตราจารย์ถังเป็นคนเขียนข้อสอบ อย่างไรก็ตามมันไม่สำคัญว่าใครเป็นคนเขียนข้อสอบ เพราะหัวข้อสอบล้วนอยู่ในหลักสูตร อย่างน้อยในมุมมองของลู่โจวหัวข้อเหล่านี้มันง่ายมาก
ส่วนแรกเป็นการเติมลงช่องว่าง โจทย์แรกถามถึงวิธีแก้สมการเชิงอนุพันธ์ เขาแค่ต้องทำตามขั้นตอน แม้ว่าสูตรจะซับซ้อนเล็กน้อย แต่มันก็ยังเป็นโจทย์ประเภทเดียวกัน ลู่โจวถือว่ามันเป็นโจทย์แจกคะแนน
โจทย์ที่สองถามหาสมการเชิงเส้นโดยใช้พิกัดเชิงพื้นที่ มันชัดแจ้งในตัวเองอยู่แล้ว ดังนั้นมันจึงเป็นคะแนนฟรีอีกคะแนน
โจทย์สามเป็นอนุพันธ์ และโจทย์สี่เป็นการหาอินทิกรัลของเส้นโค้ง มันเป็นคะแนนฟรีทั้งหมด
โจทย์ที่ห้าน่าสนใจ ใช้ฟังก์ชัน f(x) แก้ s(-5/2π) โดยมีฟังก์ชันการกระจายของอนุกรมฟูเรียร์ไซน์เป็น s(x)
อืม…
มันยากเล็กน้อย
ลู่โจวถือปากกาและเคาะลงกระดาษทดเบาๆ สองสามครั้ง จากนั้นเขาก็แก้โจทย์อย่างรวดเร็ว
โจทย์ดูยาก เพราะมันทดสอบความรู้ฟังก์ชันฟูเรียร์ไซน์และถามถึงการแก้สมการ ไม่ต้องพูดถึงว่าฟังก์ชันไม่ใช่เรื่องง่าย อย่างไรก็ตามหลังจากได้คิดเล็กน้อย วิธีคำนวณมันดูไม่ยาก เราแค่ต้องทำตามขั้นตอน
ลู่โจวอ่านหนังสือหมดทั้งสองเล่มแล้ว ดังนั้นมันจึงเป็นเรื่องง่ายสำหรับคนอย่างเขา
หลังจากนั้น เขาก็ดูคำถามปรนัย มีโจทย์แจกคะแนนเช่นกัน เขาเริ่มลงคำตอบอย่างรวดเร็ว
จากนั้นก็มาถึงคำถามข้อใหญ่ ในที่สุดเขาก็ต้องคิดจริงจัง!
ลู่โจวลูบกำปั้น เขารู้สึกว่าต้องเตรียมตัว เขาพร้อมลุยแล้ว เมื่อเขามองโจทย์ เขาก็อึ้ง…
มันไม่ใช่เพราะโจทย์ยาก
แต่เพราะ…
เอิ่มมม…
นี่มัน?
ลู่โจวแอบเหลือบมองเพื่อนรอบข้าง พวกเขากำลังขบปากกาดิ้นรนอยู่
จากนั้นเขาก็เหลือบมองข้างหลัง เขาเป็นคนที่มีจินตนาการล้ำเลิศมาก เขาทอยลูกเต๋าบนกระดาษทด เขากระทั่งใช้อภิปรัชญาในการแก้โจทย์
มีชายคนหนึ่งลุกขึ้นยืนแล้วเดินไปที่โพเดียม เขาคืนกระดาษข้อสอบแล้วเดินออกจากห้องอย่างมั่นใจ
ลู่โจวนับถือชายคนนี้อย่างมาก
วีรบุรุษมักผ่านบนเส้นทางเดียวกัน!
ฉันเดาว่าฉันคงไม่ใช่คนเดียวที่คิดว่าข้อสอบนี้ง่ายเกินไป!
ลู่โจวเลิกลังเลแล้วเริ่มเขียน เขาแก้โจทย์บนกระดาษข้อสอบอย่างรวดเร็ว นอกจากโจทย์สุดท้ายซึ่งทำให้เขาเสียเวลาไปห้านาที โจทย์ที่เหลือกินเวลาเขาไปสองนาทีเท่านั้น
เขามองดูกระดาษข้อสอบ เขามั่นใจว่ามันไม่มีข้อผิดพลาด เขาเห็นว่าเขาใช้กระดาษทดไปไม่ถึงหนึ่งในสี่ด้วยซ้ำ ลู่โจวเก็บของแล้วเดินไปคืนกระดาษข้อสอบ
ศาสตราจารย์อาวุโสกำลังนั่งดื่มชาอยู่ที่โพเดียม เขาไม่จะมองลู่โจวตอนคืนกระดาษข้อสอบด้วยซ้ำ
อย่างไรก็ตามเมื่อสายตาเขาดันเหลือบเห็นกระดาษข้อสอบเพียงชั่วครู่ เขาก็หลี่ตาทันที
โอ้
เขาทำข้อสอบเสร็จแล้วจริงหรือ?
มันแค่ครึ่งชั่วโมงเท่านั้น!
เขาเอื้อมมือหยิบกระดาษข้อสอบแล้วดันแว่นขึ้น จากนั้นเขาก็เริ่มดูคำตอบ
ข้อแรกถูก
ข้อสองถูก
ข้อสาม…
ยิ่งเขาตรวจดูเท่าไหร่ สีหน้าเขาก็จริงจังมากขึ้นเท่าไหร่
นักศึกษาปริญญาโทรู้สึกสงสัยว่ามีอะไรเขียนบนกระดาษข้อสอบ อย่างไรก็ตามเมื่อมองดูสีหน้าที่จริงจังของศาสตราจารย์อาวุโส เขาก็ตัดสินใจที่จะไม่รบกวน เขาเดินออกจากโพเดียมเงียบๆ แล้วเดินตรวจอยู่หลังห้อง
เวลาค่อยๆ ไหลผ่านไป หลังจากอ่านบรรทัดสุดท้ายของโจทย์ข้อสุดท้าย คิ้วที่ผูกเป็นปมของหลู่ฟางผิงก็คลายออก เขาพยักหน้ายอมรับ
น่าสนใจ
น่าสนใจมาก
‘ดูเหมือนศาสตราจารย์ถังจะสอนนักเรียนได้ดี…’ เขาคิด ศาสตราจารย์หลู่ฟางผิงหยิบถ้วยชาขึ้นมาจิบ ใบหน้าเขาไร้ความรู้สึก
ส่วนนักศึกษาสองคนแรกที่ออกห้องสอบไปไม่ได้มีปฏิกิริยาอะไร อย่างมากพวกเขาก็พยายามปลอบตัวเองโดยคิดว่า ‘ไอ้โง่ทั้งสองยอมแพ้แล้ว ฉันคิดว่าคงไม่ใช่แค่ฉันคนเดียวที่คิดว่าข้อสอบมันยาก…’
ยกเว้นหลิวรุ่ยที่นั่งอยู่ข้างหลังลู่โจว
เขาเห็นกับตาว่าลู่โจวเขียนเต็มกระดาษ
แม้ว่าเขาจะเห็นได้ไม่ชัดเจนว่าลู่โจวเขียนอะไร แต่จากสมการ เห็นได้ชัดว่ามันไม่ได้ถูกเขียนมามั่วๆ
…บางทีอะนะ
เขามองดูกระดาษของตน เขายังคงติดอยู่ที่โจทย์เติมคำตอบลงช่องว่างข้อสุดท้ายอยู่เลย เขายังคิดคำตอบไม่ได้เลย
พูดตามหลักเหตุผล เขาควรยอมแพ้ถ้าเขาติดอยู่ที่โจทย์ๆ นึง เขาควรรอจนกว่าเขาจะทำที่เหลือเสร็จ จากนั้นเขาค่อยกลับมาพยายามทำโจทย์ข้อเดิม อย่างไรก็ตามหลิวรุ่ยยังคงคิดว่าถ้าลู่โจวทำได้ เขาก็ต้องทำได้ เขาไม่อาจยอมรับความพ่ายแพ้
ความอิจฉาได้ก่อกำแพงขึ้นมา
ความอิจฉาทำให้ฉันแก้โจทย์นี้ไม่ได้
อ้ากกกก…
หัวใจฉันกำลังจะระเบิด!
หลิวรุ่ยขยุ้มผม เขารู้สึกว่าทั้งร่างกายเขามันอ่อนแรง
…..
หลังจากเดินออกจากห้องสอบ ลู่โจวก็ไม่เสียเวลาไปไหน เขาเดินกลับหอพักแล้วสำเนาวิทยานิพนธ์ลงใน USB จากนั้นเขาก็ไปที่ออฟฟิศศาสตราจารย์ถังที่ตึกแลป
ออฟฟิศเงียบมาก นอกจากศาสตราจารย์ถังที่กำลังสูบบุหรี่ริมหน้าต่าง ก็มีแค่นักศึกษาสองคนเท่านั้นที่กำลังจดจ่ออยู่กับโปรเจคอยู่หน้าคอม ตอนที่ลู่โจวเดินเข้ามา พวกเขาไม่ได้หันมามองด้วยซ้ำ เพราะพวกเขาไม่ได้สังเกตเห็นเลย
ศาสตราจารย์ถังสังเกตเห็นลู่โจวกำลังยืนอยู่หน้าประตู เขาจึงส่งสัญญาณให้ลู่โจวเข้าไป เมื่อเขาเห็น USB เขาก็หัวเราะ “โอ้ เธอทำวิทยานิพนธ์เสร็จเร็วขนาดนี้เลยหรือ?”
ลู่โจวกล่าวอย่างสุภาพ “ใช่ครับ ผมทำเสร็จแล้ว ฉบับภาษาอังกฤษกับภาษาจีนก็อยู่นี่แล้ว อาจารย์ช่วยดูให้ผมหน่อยได้ไหมครับ?”
“เอามาสิ นี่เป็นเหตุผลที่เธอมาใช่ไหม?”
ศาสตราจารย์ถังรับ USB มาจากลู่โจวแล้วเดินไปที่โต๊ะทำงาน เขาเปิดโน๊ตบุ๊คแล้วเสียบ USB เข้าไป จากนั้นเขาก็เริ่มอ่านวิทยานิพนธ์
“การสอบของเธอเป็นไงบ้าง?”
“มันโอเคครับ โจทย์ค่อนข้างง่าย”
“อ๊ะ โอ้อวดเหลือเกิน ฉันจะตรวจข้อสอบเธอด้วยตัวเอง”
“โปรดเมตตาผมด้วย!”:
“อย่าแม้แต่จะคิด”
ถังจื้อเหว่ยหัวเราะแล้วเปิดวิทยานิพนธ์ ถ้าคนอื่นขอร้องเขาแบบนี้ เขาคงไม่พอใจแน่นอน แต่เมื่อลู่โจวเป็นคนกล่าว เขาก็ไม่ได้สนใจเลย เขาถึงกับหัวเราะด้วยซ้ำ
เขารู้ระดับความสามารถของศิษย์ การบอกให้นักศึกษาอย่างลู่โจวไปสอบข้อสอบนี้ก็เหมือนการดูถูกเล็กน้อย
เวทีสำหรับนักศึกษาอย่างลู่โจวไม่ใช่การสอบไฟนอล แต่เป็น ‘ชาเลนเจอร์คัพ’ มันเป็นการแข่งขันสำหรับสะเต็มศึกษา หรือการแข่งขันแบบจำลองทางคณิตศาสตร์ปริญญาตรีระดับประเทศ
ถังจื้อเหว่ยสวมแว่นตาแล้วจดจ่อกับวิทยานิพนธ์ เขาอ่านต่อไปเรื่อยๆ
พูดตามตรง เมื่อเขาเห็นลู่โจวมาที่ออฟฟิศ หัวใจเขาก็เปี่ยมไปด้วยความประหลาดใจแล้ว
การจะเป็นนักวิชาการก็เหมือนกับการใช้ถังไปตักน้ำจากทะเลไปเติมอ่างเก็บน้ำ
ถนนมีทั้งหลุมทั้งบ่อและอุปสรรค คุณต้องข้ามทั้งภูเขาลำธาร ต้องผ่านทั้งสายฝนและความร้อน ในที่สุดคุณก็เดินถึงอ่างเก็บน้ำแห่งวิชาการ จากนั้นคุณก็ใช้ถังน้ำรั่วๆ เทน้ำลงในอ่างเก็บน้ำ มันจะทำให้ความพยายามทั้งหมดคุ้มค่า
ใครที่อยากเป็นนักวิชาการต้องลุยอย่างใจจริง คนที่อยากได้ความประสบความสำเร็จทันทีก็จะไม่มีทางยอมรับ
ไม่ว่าเขาจะมีพรสวรรค์ทางคณิตศาสตร์มากแค่ไหน แต่นักศึกษาปริญญาตรีจะแบกถังน้ำไปได้มากแค่ไหนกันเชียว?
ไม่ต้องพูดถึงการไปให้ถึงอ่างเก็บน้ำ เกรงว่าแค่เดินไปครึ่งทางน้ำก็ระเหยแล้ว
ดังนั้นศาสตราจารย์ถังจื้อเหว่ยจึงมีท่าทีที่สงบมาก เขาไม่ได้ใช้ความคิดของนักคณิตศาสตร์มาอ่านวิทยานิพันธ์ แต่เขาใช้ความคิดของนักการศึกษามาอ่านแทน มันราวกับว่าเขากำลังดูแลดอกไม้ที่พึ่งปลูก
แม้แต่ก่อนที่เขาจะอ่านวิทยานิพนธ์ เขาก็คิดแล้วว่าเขาจะวิจารณ์วิทยานิพนธ์ของลู่โจวอย่างรักษาน้ำใจอย่างไรดี เขาอยากสอนลู่โจวว่าอย่าวิ่งก่อนจะเดินเป็น และเขาก็ไม่อยากดับความสนใจและความหลงใหลของลู่โจว
ทันใดนั้นศาสตราจารย์ถังได้ทำหน้าอึ้ง เขาขมวดคิ้วเป็นปมแล้วเข้าสู่ห้วงภวังค์
นี่มัน…
นี่มันถูกเขียนโดยนักศึกษาปริญญาตรีจริงหรือ?
บางทีเขาอาจคัดลอกมาจากหนังสือ?
ศาสตราจารย์ถังเปี่ยมไปด้วยความสงสัย เขาสุ่มเลือกย่อหน้านึงแล้วนำไปค้นหาบนโลกออนไลน์
หาไม่เจอ
ไม่เชื่อ ชายชราเข้าสู่เว็บไซต์ตรวจสอบวิทยานิพนธ์แล้วอัปโหลดวิทยานิพนธ์ทั้งหมดลงบนเว็บ
เขาเบิกตากว้างมองผลลัพธ์การค้นหา
นี่มันเป็นไปได้อย่างไร?
.....................................