ตอนที่ 9
ปีโป้กับมินตราคู่หูคู่แสบที่เมื่ออยู่ในสังคมอยู่ในออฟฟิศ ทั้งสองคือผู้ที่สวยเริ่ดเชิดหรูได้ในทุกสถานการณ์ แต่เมื่ออยู่ลำพังคนเดียว ทั้งสองก็มีสภาพไม่ต่างกัน
ปีโป้กินบะหมี่สำเร็จรูป ใส่เสื้อกล้ามเก่าๆ กางเกงขาสั้นเน่าๆอยู่ที่ห้องพัก แต่พอมินตราโทร.มาก็โม้ว่ากำลังกินอาหารญี่ปุ่นอยู่เช่นเดียวกันมินตราก็แต่งตัวโทรมๆ ซื้อโครงไก่ทอดบอกแม่ค้าว่าเอาไปเลี้ยงหมาแต่ขอน้ำจิ้มโกหกแม่ค้า ว่าหมาบ้านตนกินรสจัด!
วันนี้มินตราโทร.มาย้ำเตือนปีโป้เรื่องจะไปสืบประวัติลูกจันให้ถึงบ้านเกิดกัน ปีโป้บอกว่าจำได้ กินเสร็จจะรีบไปเลย
ลูกจันที่ตกเป็นเป้าจะขุดคุ้ยกำพืดเพื่อทำลายภาพลักษณ์ กำลังอยู่บ้านแม่กับยาย ทำตัวสบายๆ เอาดอกไม้ใส่เรือให้พอลพายไปแจกยาย แจกป้า ในละแวกบ้าน ให้เอาไปไหว้พระ เสร็จแล้วชวนพอลไปหาอะไรอร่อยๆกินกัน
เห็นพอลพายเรือทะมัดทะแมงแบบคนพายเป็น ลูกจันทักว่ามาคราวก่อนเขายังพายเรือไม่เป็นเลย
“ก็...เล่นละครเลยต้องฝึกไง” พอลอ้างไปเรื่อยเปื่อย
“อือ...แกนี่เก่งเนอะ เปลี่ยนตัวเองเป็นตัวละครได้ทุกตัวเลย โชคดีนะที่เรื่องนี้แกเล่นเป็นสายชลเลยต้องหัดพายเรือ ถ้าเรื่องหน้าเป็นไอ้แมงมุม แกคงต้องฝึกไต่กำแพงสินะ...ฮ่าๆๆ” ลูกจันขำมุกของตัวเองฉุกคิดได้ “เอ๊ะ...แต่มีอยู่บทนึงที่แกเล่นเท่าไหร่ก็ไม่เคยอิน” พอลถามว่าบทอะไร ลูกจันตอบหัวเราะลั่นว่า “บทผู้ชายไง ฮ่าๆๆๆ”
“แล้วถ้าเกิดฉันอินกับบทผู้ชายขึ้นมาล่ะ” พอลลองแย็บ แล้วก็ต้องสะดุ้งสุดตัวเมื่อเธอหยุดหัวเราะถลึงตาคำราม
“แกกับฉันก็คงต้องเลิกคบกัน!”
เมื่อพากันไปที่ตลาดน้ำ พอลได้เห็นถึงความงามจากข้างในของลูกจัน คือความมีเมตตาของเธอ...
เมื่อเธอเห็นแม่ค้าพาลูกน้อยมาขายของด้วยก็สงสารรับไปอุ้มดูแลจนแม่ขายของเสร็จส่งลูกคืนแล้วรำพึงกับพอล...
“น่าสงสารเนอะ ตัวเล็กจิ๊ดเดียวต้องมาตากแดดขายของกับแม่”
เธอซื้อห่อหมกปลาช่อน 5 ห่อ ห่อหมกปลากราย 5 ห่อจากแม่เด็ก แต่พอจะพายเรือไปหาที่กินกัน เห็นยายคนหนึ่งพายเรือขายห่อหมกเหมือนกัน ก็ซื้ออีก 10 ห่อ นึกไปนึกมาสงสารยายเลยเหมาทั้งหมด จนอาหารเต็มเรือเพียบ
พอลเห็นน้ำใจอ่อนโยนมีเมตตาของลูกจันก็ชม แซวๆ ว่าเสียดายอายุมากไปไม่อย่างนั้นจะส่งประกวดนางงาม
“เชอะ...เพิ่งเห็นความสวยของฉันเหรอยะ”ลูกจันทำเชิด
“ไม่ได้ส่งประกวดเพราะสวย แต่ส่งเพราะเห็นมีคุณสมบัตินางงามครบ คือรักเด็ก รักคนแก่”
“รักแกด้วย” ลูกจันยิ้มหวานให้ พอลกำลังจะยิ้มตอบ พลันก็หุบยิ้มเมื่อได้ยินประโยคต่อไปว่า “แต่เกลียดผู้ชาย!!”
อาร์ตกับจุ้มจิ้ม นับวันเข้าใจกันและกันมากขึ้น แม้อาร์ตจะพอใจที่ได้ใกล้ชิดจุ้มจิ้ม แต่เขาก็ไม่ฉวยโอกาส
บางครั้งแม้จะหวั่นไหวบ้าง แต่จิตใต้สำนึกเตือนสติที่เคย รับปากกับแม่ของจุ้มจิ้มว่าจะดูแลจุ้มจิ้มอย่างดี ก็หักห้ามใจได้
จุ้มจิ้มรับรู้อารมณ์ความรู้สึกของอาร์ตยิ่งนิยมชมชอบที่เขามีความเป็นสุภาพบุรุษและซื่อสัตย์ต่อทั้งตัวเองและคนอื่น
ooooooo
ความริษยามาดร้ายที่จะทำลายภาพลักษณ์ของลูกจัน ทำให้มินตรากับปีโป้ดั้นด้นไปหาบ้านลูกจันในชนบท แต่เพราะไม่เคยรู้ระแคะระคายอะไรเลย จึงต้องตระเวนถามชาวบ้านไปตลอดทาง
แวะเข้าไปถามชาวบ้าน บ้างถูกไล่ตะเพิด บ้างถูกหมาไล่กัดวิ่งหนีจนรองเท้าส้นสูงหักทุลักทุเล ลำบากกันแทบตาย แต่หารู้ไม่ว่าคนที่ตัวเองตามแคะคุ้ยนั้น กำลังสนุกสบายอกสบายใจกับการพักผ่อนในบ้านเกิดที่อบอุ่นด้วยความรัก...
แม้จะปลอมตัวแปลงตนอย่างไร พอลก็ยังมีความเป็นพอลที่รักธรรมชาติชอบถ่ายรูป ไปกับลูกจันเขาก็ถ่ายรูปเสียจนลูกจันทักว่า
“ทำไมหมู่นี้แกถ่ายรูปจริงจังอย่างกับจะเป็นตากล้องมืออาชีพ” ถามแล้วเห็นพอลขยับจะตอบก็ห้าม “หยุด...ไม่ต้องพูด ฉันขอทายว่า ละครเรื่องหน้าแกต้องรับบทเป็นตากล้องใช่ไหม” พอลเลยโมเมว่าใช่ด้วยความสบายใจที่ไม่ต้องโกหกเอง ลูกจันยิ้มพูดอย่างภูมิใจตัวเองมากว่า “หึๆ ฉันนี่ทั้งสวยทั้งฉลาดของแท้เลยเนอะ”
พอลยิ้มเพลียๆกับความมั่นใจของเธอ แล้วหันไปถ่ายรูปต่อเงียบๆ คิดว่าเธอจะได้หยุดพูดเสียที ที่ไหนได้ ไม่ถึงอึดใจเธอก็สงสัยขึ้นมาอีก ถามพอลว่าสร้อยที่คอเขาอาจารย์ที่ไหนให้มาหรือ เห็นใส่ไม่ยอมถอดเลยคำถามนี้ กระตุกใจพอลให้คิดถึงอดีตขึ้นมา...
ตอนนั้นพีทกับพอลยังเด็กอยู่ คุณยายเรียกไปบอกว่าจะให้ของที่ระลึกคนละชิ้นให้เลือกเอาเองว่าชอบชิ้นไหน แล้วคุณยายก็เอากล่องสมบัติมาเปิดให้เลือก มีเครื่องประดับทั้งเพชร ทองและอัญมณีหลายชิ้น พอลบอกให้พีทเลือกก่อน
พอพีทเลือกเสร็จ พอลมองตาค้าง เพราะมีทั้งมงกุฎทั้งติดกิ๊บเพชรแน่นไปทั้งหัว ยิ้มแป้นแล้นอย่างภูมิใจราวกับตัวเองเป็นนางงาม คุณยายจึงให้พอลเลือกบ้าง
พอลเห็นแหวนเงินเกลี้ยงๆวงหนึ่งอยู่ท่ามกลางอัญมณี เขาเลือกแหวนวงนั้น คุณยายเล่าอย่างมีความหลังว่า
“แหวนวงนี้ เป็นแหวนวงแรกที่คุณตาของหนูให้ยาย ราคามันไม่มากหรอกลูก แต่คุณค่าของความรักที่ซ่อนเอาไว้ในแหวนวงนี้มันมหาศาล” คุณยายเอาแหวนร้อยเข้าไปในสร้อยแล้วสวมให้พอล “เอ้า...ยายให้พอลเก็บเอาไว้ให้คนที่พอลรักนะลูก” เวลานั้นพอลก้มมองสร้อยแล้วเงยหน้ามองยายแววตาใสบริสุทธิ์
พลันพอลก็หลุดจากภวังค์เมื่อเห็นลูกจันชะโงกเข้ามาดูจนจมูกเกือบชนกัน เธอถามว่าอาจารย์ไหนให้มา พอเขาบอกว่ายายให้ เธอก็ถามอีกว่าเมื่อไหร่ พอลบอกว่าตั้งแต่เด็ก
“แล้วทำไมเพิ่งเอามาใส่ตอนนี้” พอลบอกว่าคิดถึงยาย “โถ...ไม่เป็นไรนะ ป่านนี้ยายคงนั่งดูแกอยู่บนสวรรค์แล้วล่ะ ... มา...ฉันกอดแกแทนยายเอง” ว่าแล้วกอดพอลแน่น ทำให้พอลคิดถึงอดีตอีกครั้ง...
ตอนที่ได้แหวนจากคุณยาย พอลถามว่าตนจะรู้ได้ยังไงว่าจะให้แหวนวงนี้กับใคร คุณยายบอกว่า...
“ถึงวันที่หนูเจอเขา หัวใจจะบอกหนูเองจ้ะ”
หัวใจพอลเวลานี้ที่ถูกลูกจันกอดไว้แน่นไม่ได้บอกอะไร เอาแต่เต้นตึ้กตั้กๆๆๆๆๆๆ ถี่ขึ้นแรงขึ้น จนพอลสงสัยว่าหัวใจตัวเองกำลังจะบอกอะไรรึเปล่าเนี่ย???
ooooooo
คืนนี้ลูกจันกับพอลพากันไปนั่งที่ศาลาท่าน้ำที่บ้าน ลูกจันนั่งดูดาวพึมพำอย่างสบายอกสบายใจว่าสงบดีจัง พอลเหลือบมองสงสัยว่าเธออยู่ในอารมณ์ไหนกันแน่
“บางทีฉันก็คิดนะว่าอยากมีชีวิตสงบแบบนี้
ตลอดไป” พอลถามว่าเธอไม่ชอบชีวิตในเมืองหรือ? “เปล๊า...ฉันชอบแบบนี้มากกว่า แต่ต้องหลังจากที่ฉันมั่นใจว่าเซเลบได้เป็นที่ 1 แน่นอนแล้ว”
“ตอนนี้เซเลบก็เป็นที่ 1 อยู่แล้วนี่”
“ใช่...แต่ฉันจะประมาทไม่ได้ เพราะใครๆก็รอจะโค่นที่ 1 ของฉัน...โดยเฉพาะไลม์!!”
“ลูกจัน...ไม่มีใครเป็นที่ 1 ได้ตลอดไปหรอกนะ ถ้ายึดติดกับความเป็นที่ 1 แกก็คงต้องเหนื่อยกับการต่อสู้ไปตลอดชีวิต...มันคุ้มเหรอลูกจันกับการทิ้งความสุขทั้งชีวิต เพียงเพื่อคำว่าที่ 1”
คำพูดของพอลทำให้ลูกจันนิ่งไปเหมือนกระทบใจเธอ ทันใดนั้นมีแสงพุ่งเป็นสายลงมา ลูกจันหลุดจากความคิดตัวเองร้องบอกพอลว่าดาวตกให้อธิษฐานเร็ว แล้วตัวเองก็พนมมือหลับตาอธิษฐานเอาจริงเอาจัง
พอลเพ่งไปทางที่เห็นแสงพุ่งลงมาอย่างสงสัย พลันก็เกิดเสียงระเบิดตูม! ลูกจันผวาเฮือกลืมตามองหน้าพอล เขาบอกว่าคงไม่ใช่ดาวตก พร้อมกันนั้นก็ได้ยินเสียงชาวบ้านร้องบอกกันเซ็งแซ่ว่าเครื่องบินตก ไปช่วยกันเร็ว ลูกจันมองพอลหน้าจ๋อยสนิท!
ooooooo
เสียงเครื่องบินตก ทำให้มินตราตกใจกระโดดกอดปีโป้จนรถเสียหลักตกลงข้างทาง ทั้งปีโป้และมินตราต่างเปื้อนโคลนมอมแมม ปีโป้ถอดใจจะกลับ พอดีมีรถกระบะเก่าๆผ่านมา ปีโป้วิ่งออกไปโบก
ปีโป้ทำหน้าน่าสงสารบอกชาวบ้านว่ารถตนเกิดอุบัติเหตุขอติดรถไปลงถนนใหญ่หน่อยได้ไหม มินตราถามว่าแล้วบ้านลูกจันล่ะ ชาวบ้านได้ยิน บอกว่าพวกตนกำลังจะไปบ้านลูกจันพอดี ทั้งสองเลยได้อาศัยไปด้วย
พอไปถึงบ้านลูกจัน มินตราโกหกว่าตนจะมาหาข้อมูลทำงานแต่รถเกิดอุบัติเหตุเสียก่อน ลูกจันมองอย่างไม่เชื่อ แต่แม่กับยายบอกให้ก้อยพาไปห้องพักก่อน มินตราเห็นบ้านใหญ่โตห้องหับมากมาย ก็นึกกลัวผีขึ้นมา ขอนอนห้องเดียวกับปีโป้ ยายเลยบอกให้ก้อยเปิดห้องใหญ่ให้นอนด้วยกัน
“ดึกแล้ว ยายกับแม่ไปพักผ่อนเถอะจ้ะ เดี๋ยวทางนี้หนูดูแลเอง” ลูกจันบอกมินตราวางแผนอ่อยพอลยั่วลูกจันทั้งแกล้งทำเป็นยกกระเป๋าเข้าห้องไม่ไหว สุภาพบุรุษพอลเลยจะไปช่วยยกให้ ถูกลูกจันหยิกแขนบิดถามเสียงเขียว
“ยังไม่เข็ดใช่ไหม เรื่องเป็นสุภาพบุรุษเนี่ย?”
พอลรีบวางกระเป๋าคลำแขนป้อยๆ ลูกจันสั่งก้อยให้ยกกระเป๋าเข้าไป ปรากฏว่าก้อยยกกระเป๋าเดินตัวปลิวไปสบ๊าย...สบาย
พอเข้าห้องพักแขก มินตรายืนมองไปนอกหน้าต่างเห็นสวนกว้างใหญ่สุดลูกหูลูกตา บ่งบอกถึงฐานะที่ดีมากของครอบครัวลูกจัน มินตราก็เครียดผิดหวังที่จะมาก่นกำพืดเด็กบ้านนอกยากจนของลูกจัน แต่ครอบครัวของลูกจันร่ำรวยฐานะดีอย่างคาดไม่ถึง ส่วนปีโป้เดินสำรวจของประดับห้องที่ล้วนแต่มีรสนิยมราคาแพง ถามมินตราว่า
“ไหนเธอบอกว่าลูกจันเป็นเด็กบ้านนอกจนๆไงดูซิทั้งบ้านทั้งสวนใหญ่ขนาดนี้ จนตรงไหน แค่เรื่องสวยกับเก่งเราก็สู้ยากแล้ว ดั๊นนนน...รวยอีก แบบนี้พวกเราก็แพ้ลูกเดียวดิ” พูดแล้วเห็นมินตราเงียบ ปีโป้เสนอ “หรือว่า...เราจะเปลี่ยนแผนมาทำดีกับลูกจัน เผื่ออีกหน่อยมีปัญหาเรื่องเงินเรื่องทองจะได้หยิบยืมได้มั่ง”
มินตราที่นิ่งอยู่นานเหวี่ยงใส่ทันทีว่าอยากเป็นเพื่อนก็ไปคนเดียวเลยไป๊ แล้วคิดหาทางเล่นงานลูกจันอีก เพราะเชื่อว่าคนเราถึงจะร่ำรวยสวยเว่อร์เพอร์เฟกต์
ยังไงก็ต้องมีจุดอ่อน เราต้องหาให้เจอรุ่งขึ้น มินตราเห็นพอลกับลูกจันจะออกไปตัดดอกกล้วยไม้ ก็เว้าวอนขอติดรถไปด้วยเพื่อหาข้อมูล แล้วให้ปีโป้อยู่บ้านเพื่อค้นหาจุดอ่อนของลูกจันให้ได้
พอลูกจัน พอล กับมินตราออกไป ปีโป้ก็แอบเข้าไปในห้องลูกจันเพื่อหาจุดอ่อนโจมตี แต่หาเท่าไรก็ไม่เห็น ปีนก็แล้ว ก้มมองก็แล้ว ก็ไม่เจออะไร จนบังเอิญแหวนไปเกี่ยวกับขอบเตียงหลุดกลิ้งไปใต้เตียง ปีโป้มุดเข้าไปหาจนเจอ
แต่บังเอิญมือไปกระทบกับกล่องเหล็ก ปีโป้มองอย่างสงสัย ดึงกล่องเหล็กออกมาเปิดดู เห็นมีของกระจุกกระจิกและสมุดไดอารี่ ปีโป้ค่อยๆหยิบของออก
มาทีละชิ้น...ทีละชิ้น จนเจอซองใส่เปลือกลูกอมหลายยี่ห้อ ของแต่ละชิ้นมีบันทึกไว้หมด เช่น “เปลือกลูกอมรสโปรดของพี่ณัฐ”...“น้ำที่พี่ณัฐกินเหลือ...เราเอามากินต่อ...ชื่นใจจัง”
หยิบไปจนเจอกล่องที่มีกระดาษเขียนแปะไว้ว่า “วันนี้พี่ณัฐเจ็บคอ เราเลยซื้อยาอมให้ พี่ณัฐยิ้มหวานให้เราด้วย...กรี๊ด!!!”
ไม่ว่าอะไรที่เกี่ยวกับณัฐ ลูกจันรวบรวมเขียนบันทึกเก็บไว้หมด ปากกาที่ใช้จนหมึกหมดแล้วก็เอาปลอกมารวมมัดกันไว้ ตั๋วหนัง ตั๋วดูคอนเสิร์ต แม้กระทั่งตั๋วรถเมล์!
ไดอารี่ทั้งเล่มมีแต่บันทึกเรื่องของณัฐอย่างละเอียดแทบทุกลมหายใจ ล้วนแล้วแต่เป็นเรื่องราวที่ลูกจันได้ทำให้ณัฐทั้งสิ้น ปีโป้พลิกไปจนถึงหน้าหนึ่งมีดอกกุหลาบแห้งอัดติดไว้พร้อมข้อความว่า
“วาเลนไทน์นี้...พี่ณัฐให้กุหลาบเราด้วย พี่ณัฐบอกว่ารักเราคนเดียว เราก็รักพี่ณัฐคนเดียวเหมือนกัน...”
“พี่ณัฐ...ใครวะ???” ปีโป้ทำหน้างง แต่พอพลิกไปอีกถึงกับตะลึง เมื่อเจอรูปลูกจันถ่ายคู่กับณัฐ! ปีโป้แสยะยิ้มอย่างสะใจ!! เสร็จแน่ ลูกจัน!!!
ไวเท่าความคิด ปีโป้ไลน์หามินตราทันที “เจอของดีแล้ว รีบกลับมาวางแผนต่อด่วน!!”
ลูกจัน พอลและมินตราพากันไปตัดกล้วยไม้ที่สวน มินตรามารยาเพื่อดึงพอลให้มาคอยช่วยรับช่อกล้วยไม้จากตน แต่พอลเจอสายตาพิฆาตของลูกจัน เขาก็บอกมินตราว่าเดี๋ยวจะเรียกเด็กมาช่วยรับช่อกล้วยไม้ให้
มินตราเจ็บใจ ใช้ลูกไม้เดิมทำเป็นเท้าแพลง พอลเลยต้องมาประคอง เป็นจังหวะที่ปีโป้ส่งไลน์มาพอดี
มินตราอ่านแล้วดีใจ โกหกพอลว่าปีโป้ส่งไลน์มาว่าป่วยหนัก ตนต้องรีบพาปีโป้ไปหาหมอก่อน แล้วลุกวิ่งไปเหมือนไม่เป็นอะไรเลย
“คุณมินคงห่วงเพื่อนมากนะ วิ่งซะลืมขาแพลงไปเลย” พอลมองตามและเหน็บขำๆ โดนลูกจันจิกอย่างหมั่นไส้ว่า
“อุ๊ยรำคาญ ก็บอกแล้วไงว่าให้ดูละครซะมั่ง ไอ้มุกขาแพลงเนี่ย มันเป็นมุกประจำตัวของนางร้ายทั่วประเทศไทย”
“แต่ตอนที่เราเดินตามหาจุ้มจิ้มที่ทะเล แกก็เคยขาแพลงนะ” พอลติงยิ้มๆ
“มันไม่เหมือนกันนะยะ พวกนางร้ายน่ะ แพลงปลอม ส่วนฉันเป็นนางเอก เเพลงจริงย่ะ” ลูกจันเหวี่ยงใส่แล้วสะบัดไปอย่างอารมณ์เสีย
ooooooo
และแล้วก็หมดเวลาพักผ่อน พรุ่งนี้ต้องเตรียมกลับไปทำงานกันแล้ว คืนนี้ลูกจันกับพอลไปนั่งชมดาวกันที่ท่าน้ำ
“ใจหายเนอะ พรุ่งนี้ก็ต้องกลับแล้ว” ลูกจันรำพึงโดยไม่หันมองพอล เขาบอกว่าถ้าอยากมาอีกก็บอก
ตนจะขับรถให้ ลูกจันหันมองพอลพูดอย่างซึ้งใจ “ขอบใจนะพีท นอกจากแม่กับยายแล้ว ชีวิตฉันก็มีแกนี่แหละที่ดีกับฉันที่สุด เป็นคนที่ฉันไว้ใจที่สุด เราจะอยู่ด้วยกันไปจนแก่เลยนะแก”
พอลนิ่งด้วยความรู้สึกผิดที่ทำให้ลูกจันเข้าใจว่าตนเป็นพีท ทั้งที่ตัวเองคือพอลเป็นชายทั้งแท่ง! ลูกจันเห็นพอลนิ่งเงียบ เธอพูดต่ออย่างคาดหวังถึงอนาคตว่า
“ถ้าวันนึงแกมีแฟน แกก็ต้องอยู่กับฉันนะ เอางี้...
ให้แฟนแกมาอยู่บ้านเดียวกับเราก็ได้ แต่แกต้องแบ่งเวลาให้ฉัน 5 วัน แฟนแก 2 วัน แฟร์ๆ เลย!!” พูดแล้วยิ้มแฉ่งเอาใจ พอลอึ้งนึกถามว่าแฟร์ตรงไหนเนี่ย? เลยถามหยั่งเชิงบ้างว่า
“แล้ว...ถ้าแกมีแฟนล่ะ” ลูกจันทำเสียงสูงปรี๊ดว่าไม่มี้...ไม่มี ก็รู้อยู่แล้วว่าตนเกลียดผู้ชาย พอลติงว่า “ผู้ชายที่แกเคยรัก ทำให้แกเจ็บขนาดที่ต้องเกลียดผู้ชายทั้งโลกเลยเหรอ”
“ฉันไม่ได้เกลียดผู้ชายทั้งโลกหรอก ฉันแค่ ‘ไม่เชื่อใจ’ ผู้ชายอีกแล้ว บางคนอาจต้องใช้เวลาเจ็บซ้ำๆ หลายครั้งกว่าจะเข็ดเรื่องความรัก แต่สำหรับฉัน...ครั้งเดียวก็มากพอแล้วที่จะทำให้ฉันหมดศรัทธาในความรัก”
พอลฟังแล้วสงสาร ปลอบประโลมว่า “ถ้าเรื่องเก่าๆ กับคนเก่าๆ มันทำให้เจ็บ ก็ลืมมันไปเสียสิลูกจัน”
“ถ้ามันลืมได้ง่ายๆ ก็ดีสิ!!” ลูกจันน้ำตาคลอ ทำให้พอลยิ่งเศร้าที่ลูกจันยังไม่ลืมใครคนนั้น ลูกจันพูดปนสะอื้นว่า “แกช่วยลูบหัวฉันเบาๆ ได้ไหมพีท” แล้วเอนนอนหนุนตักพอล เขายกมือลูบหัวเธอแผ่วเบาอย่างอ่อนโยน ท่ามกลางดวงดาวเต็มท้องฟ้าในค่ำคืนที่เงียบเหงาเศร้าหมองนี้...
ลูกจันนอนหนุนตักพอลจนหลับไป พอลเห็นยุงมาบินวน เขาค่อยๆ ก้มหน้าลงดูเหมือนกำลังจะก้มจูบ....
แม่ที่ระแวงพอลอยู่ มาซุ่มดูเห็นพอลทำท่าจะก้มจูบลูกจันก็ตาโตขยับจะพุ่งออกไปขัดจังหวะ ถูกยายที่มาซุ่มดูอีกต่อหนึ่งจับไว้ พอแม่หันมองยายก็ส่ายหน้าทำจุ๊ปากห้าม แล้วหันมองพอลกันต่อไป
ที่แท้พอลแค่ก้มลงเป่าไล่ยุงไม่ให้กัดลูกจันเท่านั้นเอง แม่บอกยายว่า “แม่...หนูสงสัยว่า...” ยายพูดขัดขึ้นว่าให้ดูๆ ไปก่อนดีกว่า แม่ร้องอ้าวถามว่าแม่รู้หรือ
“ถ้าแม่โง่ จะเลี้ยงลูกกับหลานมาได้ถึงป่านนี้เรอะ แม่เองก็เกลียดผู้ชายมาตั้งแต่โดนพ่อของจันทร์ทิ้งไป สอนจันทร์มาตลอดถึงความเลวร้ายของผู้ชาย แต่ในที่สุดจันทร์ก็รักกับพ่อของลูกจันจนได้ เราฝืนพรหมลิขิตไม่ได้หรอกลูก อย่างเดียวที่เราทำได้ คือภาวนาให้ลูกจันโชคดีได้เจอผู้ชายที่ดีกว่าที่เราสองคนเจอ”
สองแม่ลูกหันไปมองลูกจันอีกที เห็นพอลลูบหัวและเป่ายุงให้ลูกจันอย่างละมุนละไม ทะนุถนอม ก็ได้แต่มองนิ่ง...
ooooooo
ระหว่างหยุดยาวหลายวัน อาร์ตกับจุ้มจิ้มช่วยกันขายสร้อยที่จุ้มจิ้มร้อยที่ตลาดนัด ความรู้สึกดีๆ ต่อกันเพิ่มมากขึ้นทุกวัน เมื่อมีเวลาว่างก็ชวนกันไปเที่ยวสวนสนุก เล่นกันอย่างร่าเริงเหมือนเด็กๆ
จุ้มจิ้มแอบร้อยสร้อยให้อาร์ต จนวันนี้มาทำงาน อาร์ตซื้อกาแฟมาเผื่อ จุ้มจิ้มจะจ่ายค่ากาแฟ อาร์ตบอกว่าซื้อมาฝาก จุ้มจิ้มเลยเอาสร้อยที่ร้อยและใส่กล่องไว้อย่างสวยงามมอบให้ อาร์ตเห็นสร้อยก็ปลื้มจนอดยิ้มไม่ได้ เพราะนั่นไม่ใช่การจ่ายค่ากาแฟแล้ว...แต่มีความหมายลึกซึ้งอยู่ในสร้อยเส้นนั้น ที่ต่างก็รู้กันโดยปริยาย....
ฝ่ายปีโป้กับมินตราได้ข้อมูลเด็ดกลับมาทำงาน ปีโป้กระเหี้ยนกระหือรือถามมินตราว่าจัดการเลยไหมตนจะได้รีบปล่อยรูปให้ครบทุกสื่อเลย
“ยัง...” มินตรายิ้มร้าย “คนแบบลูกจันมันแมว 9 ชีวิต ตายยาก ถ้าจะฆ่า ต้องหาช่วงที่มันกำลังอ่อนแรงที่สุด แล้วกระทืบซ้ำ! เชื่อฉันสิ ช้าแต่ชัวร์สะใจกว่า!!”
ปีโป้กับมินตราประสานสายตากันแบบร้ายสุดๆ
ลูกจันแวะซื้อกาแฟก่อนเข้าออฟฟิศ แต่พอจะจ่ายเงิน กลับมีอีกมือหนึ่งมาจ่ายแทน หันไปเห็นเป็นณัฐ เธอมองหน้าเขาด้วยสายตาเย็นชา วางเงินค่ากาแฟที่เตรียมไว้แล้วเดินออกจากร้านไป ณัฐมองตามอย่างหมายมาด
พอลูกจันเดินออกมาจะขึ้นรถ ก็ถูกคนร้ายสองคนพุ่งเข้ามาเอาปืนจ่อ ลูกจันตกใจบอกมันว่าอยากได้อะไรเอาไปเลย มันบอกว่าไม่อยากได้เงินแต่จะข่มขืน ลูกจันร้องขอความช่วยเหลือสุดเสียง
พระเอกขี่ม้าขาวมาช่วยทันที ณัฐนั่นเอง! เขาพุ่งเข้ามาชกต่อยกับคนร้ายทั้งสองอย่างเก่งกาจสามารถมาก จนคนร้ายทั้งสองทิ้งปืนวิ่งหนีไป ลูกจันเดินไปหยิบปืน ปรากฏว่าเป็นปืนไฟแช็ก! แต่ตัวณัฐก็บาดเจ็บทรุดลง ลูกจันรีบเข้ามาประคองถามว่าเป็นอะไรมากไหม
“ไม่เป็นไรค่ะ ลูกจันปลอดภัยดีใช่ไหมคะ” ณัฐไม่สนใจตัวเองแต่ห่วงใยลูกจันมาก
ลูกจันยิ้มน้อยๆ อย่างขอบคุณ ณัฐมองเธอด้วยแววตามีเลศนัย...
ooooooo
สายวันนี้เอง พอลก็ได้รับโทรศัพท์จากพีท บอกข่าวดีว่าอาการของตนดีขึ้นมากแล้ว ถ้าตนตัดเฝือกเมื่อไร พอลก็กลับไปใช้ชีวิตแบบเดิมของเขาได้แล้ว
เป็นข่าวดีของพีทที่ทำให้พอลใจแป้ว พอพีทบอกว่าให้อดทนอีกนิดนะ พอลก็ตอบไม่เต็มเสียงว่าตนยังพอไหว พีทไม่ต้องรีบก็ได้
ลูกจันประคองณัฐที่สำออยว่าเจ็บมาก พาเข้าไปในเซเลบ โดยไม่รู้ตัวว่าถูกปีโป้ใช้มือถือแอบถ่ายรูปไว้ตลอดเวลา พอลูกจันพาณัฐเข้าห้องทำงาน ปีโป้ก็โทร.บอกมินตราว่า
“ฉันว่า...ใกล้หมดเวลาของลูกจันแล้วล่ะ”
ส่วนบรรดาพนักงานในเซเลบ ทั้งจุ้มจิ้ม อาร์ตและแซนดี้ต่างมองกันอย่างแปลกใจ อาร์ตพึมพำงงๆ ว่าเขาดีกันแล้วหรือ อุ่นเรือนไม่รู้จะตอบอย่างไร งึมงำได้คำเดียว “ค่ะ...”
ใกล้เที่ยง พอลมาที่ห้องทำงานลูกจันเพื่อชวนไปกินข้าวด้วยกัน พอเปิดประตูเข้าไปเขาถึงกับอึ้ง เมื่อเห็นลูกจันกำลังทำแผลให้ณัฐอย่างใกล้ชิดมาก
“อ้าวพีท...แวะมากินข้าวเที่ยงกับฉันเหรอ” ลูกจันทัก พอลพยักหน้าแต่ตายังมองณัฐ ส่วนณัฐก็มองพอลอย่างระแวง “งั้นเดี๋ยวเราไปพร้อมกันเลยก็แล้วกัน”
ลูกจันชวนณัฐไปด้วยกันเป็นสามคน
เมื่อไปถึงร้านอาหารญี่ปุ่น ลูกจันบอกณัฐว่า “มื้อนี้ถือว่าฉันเลี้ยงขอบคุณที่คุณช่วยฉันวันนี้ก็แล้วกัน”
“ขอบคุณค่ะลูกจัน ที่จริงไม่ต้องเลี้ยงก็ได้ พี่เต็มใจปกป้องลูกจันอยู่แล้ว” ลูกจันถามว่าแผลยังเจ็บอยู่ไหม ณัฐสำออยว่า “ก็...เริ่มปวดแล้วค่ะ...สงสัยจะอักเสบ”
พอลมองความใกล้ชิดของทั้งสองอย่างขัดตาขัดใจ
ooooooo
กินอาหารแล้วณัฐกลับไปที่ไลม์ เขานั่งหัวเราะชอบใจจนเจ็บแผล ทันใดนั้นมีเสียงเคาะประตูดังขึ้น เมย์เลขาของเขาเดินเข้ามาบอกว่า มีแขกมาขอพบ บอกว่าชื่อศักดิ์ แต่ท่าทางแปลกๆ
ณัฐไม่รอให้เมย์พูดจบก็อนุญาตให้เข้ามา มันคือหนึ่งในคนร้ายที่จี้ลูกจันเมื่อเช้านี้นั่นเอง!
“สั่งแล้วใช่ไหมว่าไม่ให้มาที่นี่” ณัฐพูดอย่างไม่พอใจ มันบอกว่ากำลังร้อนเงิน ลูกต้องจ่ายค่าเทอมพรุ่งนี้เลยต้องมาขอรับค่าจ้างก่อน ณัฐเดินไปหยิบเงินโยนให้บนโต๊ะ มันมองเงิน ถามว่าทำไมน้อยกว่าที่เราตกลงกัน ณัฐตวาดว่า “ก็ลูกน้องมึงเล่นทำเกินแผนที่กูบอก ต่อยกูซะเกือบหน้าแหก กูจ่ายให้แค่นี้ก็บุญแล้ว”
คนร้ายมองณัฐอย่างไม่พอใจแต่ทำอะไรไม่ได้ ณัฐบอกให้มันกลับไปไล่ลูกน้องโง่ๆ ออกไปเสีย ทำงานโง่ๆ แบบนี้ตนไม่เลี้ยงไว้ให้เปลืองข้าวสุกหรอก
“แต่ตอนคุณอิงอรก็ใช้แผนนี้ นายยังเคยชมว่าไอ้ใบมันเล่นได้สมจริงดี”
“ก็ตอนนั้นมันเล่นดี แต่ตอนนี้มันเล่นเกิน ไม่ต้องพูดมาก กูบอกให้ไล่ออกก็ไล่ออกสิ แล้วรีบออกไปได้แล้ว เดี๋ยวใครมาเจอเข้าจะสงสัย”
คนร้ายรับคำและกลับไปอย่างไม่พอใจ อึดใจเดียวมีเสียงเคาะประตูอีก
“กลับมาทำไมอีก!” ณัฐตวาด
“อรเองค่ะพี่ณัฐ” อิงอรนวยนาดเข้ามางงๆ กับน้ำเสียงแข็งกร้าวของเขา
“ขอโทษค่ะอร...พี่คิดว่าพวก...เอ่อ...พวกลูกน้องน่ะ” ณัฐหันมา อิงอรเห็นหน้าเขาเต็มตา เธอร้องกรี๊ดตกใจสุดขีดเมื่อเห็นใบหน้าที่ฟกช้ำของเขา ถามว่าเป็นอะไร ใครทำ? ณัฐตีหน้าเศร้าเล่าว่า “อ๋อ...ก็พอดีพี่เจอโจรมันกำลังจี้...”
“อย่าบอกนะคะว่าพี่ณัฐไปช่วยผู้หญิงที่กำลังโดนโจรจี้ เหมือนที่เคยช่วยอร...” เธอขัดขึ้นอย่างไม่พอใจเพราะความหึง ณัฐอ้อนว่าไม่เหมือน เพราะคนที่ตนช่วยคราวนี้เป็นยายแก่อายุเกือบ 80 แล้ว ไม่สาวไม่สวยเหมือนเธอ “งั้นก็แล้วไป แต่ทำไมคราวนี้พี่ณัฐโดนเยอะจัง ตอนช่วยอรน่ะ พี่ณัฐชนะพวกโจรได้สบายๆเลยนี่”
ณัฐโกหกหน้าตาเฉยว่าคราวนี้พวกมันมีเกือบ 10 คน อิงอรถามว่า คน 10 คนรุมจี้คนแก่คนเดียวเนี่ยนะ ณัฐพยักหน้าหงึกเริ่มรู้สึกว่าคนร้ายมากไปหน่อย
“เลว!!” อิงอรด่า เห็นณัฐสะดุ้ง เธอรีบขอโทษชี้แจงว่าตนด่าพวกโจร ณัฐยิ้มแหยๆ ถึงอิงอรจะบอกว่าเธอด่าคนร้าย แต่ณัฐก็สะดุ้งแบบวัวสันหลังหวะ
ooooooo
วันนี้พอลทำเอาลูกจันช็อก เมื่อเขามองหน้าเธออย่างพินิจพิจารณาแล้วบอกว่า เหมือนจะเห็นตีนกาขึ้น
ลูกจันตกใจมากรีบหยิบตลับแป้งเอากระจกส่องซ้ายขวา...ซ้ายขวาหาตีนกา พอไม่เจอก็ด่าพอลอย่างโล่งใจว่า
“ไม่มีซะหน่อย บ้าจริง...ใจหายหมดเลย” พอลขอโทษบอกว่าตนตาฝาดไปหน่อย “อย่าตาฝาดบ่อยนะยะ ฉันจะหัวใจวาย เอ๊ะ...วันนี้มันคิวถ่ายของแกนี่ ไม่ไปถ่ายเหรอ”
“พี่แมนยังไม่ออกจากโรงพยาบาล เลยต้องยกกองไปก่อน”
“โห...งี้กว่าจะได้ปิดกล้องคงเป็นปี ผู้จัดคงกัดลิ้นเลยอ่ะ” มองหน้าพอลบอกว่า “ถ้าแกเหงา แกมาออฟฟิศกับฉันทุกวันก็ได้นะ”
พอลยิ้มกว้างอย่างถูกใจจี๋เลย
ที่ออฟฟิศไลม์...วันนี้ณัฐคัดเลือกนายแบบ มีนายแบบหล่อล่ำมา 4 คน ณัฐมองไล่ละเลียดกล้ามเนื้อเป็นมัดบนแผงอกเปลือยของนายแบบแต่ละคน โดยมีเมย์ยืนอยู่ใกล้ๆ คอยรับคำสั่ง
ณัฐมองไล่มาจนถึงคนสุดท้าย ต่างสบตากันด้วยแววตามีอะไรบางอย่าง ณัฐยิ้มที่มุมปากบอกนายแบบคนนั้นว่า
“วันอาทิตย์นี้แวะไปหาผมที่คอนโด...ผมจะให้คุณดู reference ปกที่จะให้คุณถ่าย” นายแบบคนนั้นยกมือไหวขอบคุณด้วยความดีใจสุดๆ สบตากันอีกครั้งอย่างเข้าใจความหมายในแววตากัน พอดีมีโทรศัพท์เข้า ณัฐสั่งเมย์ให้จัดการเรื่องแผนที่คอนโดของตนให้นายแบบด้วย แล้วหันไปรับสาย “ว่าไงแฟรงกี้?”
ooooooo
ที่เซเลบ อุ่นเรือนถือเทสเตอร์เครื่องสำอางเข้าไปในห้องลูกจัน รายงานว่า
“สินค้าใหม่ค่ะพี่ลูกจัน เป็นเครื่องสำอางสำหรับผู้ชาย เพิ่งจะมาลงโฆษณากับเรา ลูกค้าอยากให้พี่ลูกจันเป็นคนเขียนรีวิวสินค้าค่ะ”
“โอเคจ้ะ เดี๋ยวพี่จัดให้” พออุ่นเรือนเดินออกไป ลูกจันก็เหล่ไปทางพอลอย่างเจ้าเล่ห์ เรียกเสียงหวาน “พีทททท” พอพอลถามว่ามีไร ลูกจันยิ้มประจบ “แกช่วยเป็นหนูทดลองสินค้าให้ฉันหน่อยสิ ฉันจะได้เขียนรีวิวได้ นะ...ๆๆๆ ”
“เอ่อ...ฉัน...ฉันขี้เกียจอ่ะ”
“ไม่เป็นไร แกไม่ต้องทำอะไรเลย แค่นั่งเป็นหุ่นเฉยๆ แล้วบอกความรู้สึกหลังใช้ก็พอ” ว่าแล้วลูกจันจับพอลนั่ง หยิบลิปบาล์มมาทาปากเขาทันที พอลเผยอปากให้ทา หน้ากับหน้าที่ห่างกันแค่คืบ ทำเอาพอลสะท้านทรวง ขณะกำลังเคลิ้ม ลูกจันก็ถามว่า “เป็นไงมั่งแก”
พอลตอบเคลิ้มๆ ว่านุ่มดี ลูกจันถามว่าแล้วอื่นๆล่ะ พอลตอบทั้งที่ยังไม่หายเคลิ้มว่า “ดี...ดีมากเลย” ลูกจันเลยให้ห้าดาวที่ลิปบาล์ม แล้วหันไปหยิบแป้งฝุ่นมาทดลองต่อ พอลหลับตาให้ลูกจันตบแป้งให้ ความใกล้ชิดทำให้พอลได้กลิ่นหอมจากตัวลูกจัน พอเธอถามว่าเป็นไงมั่ง พอลตอบเคลิ้มๆ ว่า “หอมดี...”
“หอมเหรอ?? เอ๊ะ ไหนบอกว่าไม่ได้ผสมน้ำหอมไง” แล้วเอาแป้งขึ้นดม “ไม่เห็นมีกลิ่นเลยพีท จมูกแกเพี้ยนแล้ว ป่วยรึเปล่าเนี่ย”
“อ้าวเหรอ...” พอลหลุดจากภวังค์ทำหน้าเหวอ “เออ...สงสัยเป็นหวัด จมูกมันรับกลิ่นไม่ค่อยดีอ่ะ” พอลยิ้มแหยหลบตาลูกจันอย่างมีพิรุธ
ooooooo










