สมาชิก

รักนี้เจ้จัดให้

ตอนที่ 10

บ่ายนี้ขณะณัฐอยู่ในห้องทำงาน เมย์เคาะประตูถือแจกันดอกไม้ใบใหญ่เข้ามาบอกว่าอิงอรส่งมาให้

ณัฐเหลือบมองแว่บเดียว พยักหน้าอย่างไม่สนใจ

พอเมย์เดินออกไป เขาหยิบการ์ดที่แนบมากับแจกันอ่าน “หายเร็วๆนะคะคนดีของอร รักค่ะ...อร”

เขาวางการ์ดไว้ที่เดิมหันไปทำงานต่อ พลันก็ฉุกคิดอะไรได้มองแจกันยิ้มอย่างมีแผน

เวลาผ่านไปไม่นาน ลูกจันที่กำลังทดลองเครื่อง สำอางอยู่กับพอล อุ่นเรือนก็มาเคาะประตูเข้ามาพร้อมแจกันใบใหญ่บอกว่า “ดอกไม้จากคุณณัฐค่ะ”

ลูกจันมองแจกันนิ่งๆแต่พอลตาร้อนผ่าวๆ เมื่อได้รับแจกันดอกไม้ ลูกจันโทร.ถามณัฐว่าจะส่งมาปลอบ ขวัญตนทำไม ตนสิควรปลอบขวัญเขามากกว่า นิ่งฟังปลายสายแล้วรับปากว่า “ก็ได้ค่ะ” จากนั้นหันมาบอกพอลที่เงี่ยหูฟังอยู่ว่า “พีท...ถ่ายรูปฉันกับดอกไม้นี่หน่อย”

พอลถามว่าจะถ่ายไปทำไม ลูกจันบอกว่าณัฐขอให้ถ่ายส่งไปให้เขาดู ก็ทำให้เขาหน่อยแล้วกัน คิดเสียว่าตอบแทนที่เขาช่วยตนเมื่อเช้า พอลจึงรับมือถือจากลูกจันไปถ่ายๆให้เสร็จๆแล้วส่งมือถือคืน

ลูกจันเอาไปกดดู เห็นภาพที่ถ่ายเลือนรางเหมือนถ่ายวิญญาณยังไงยังงั้น เลยให้ถ่ายใหม่ คราวนี้พอถ่ายเสร็จพอลก็บ่นว่าเบื่อแล้ว จะไปเดินเล่นแล้วออกไปเลย

ลูกจันกดดูภาพแล้วเซ็ง เพราะพอลถ่ายแจกันดอกไม้เต็มจอเห็นแค่ติ่งหูของลูกจันติดไปนิ้ดดด...เดียวเอง!

ooooooo

บ่ายวันเดียวกัน ณัฐไปพบแฟรงกี้ที่ห้องส่วนตัวในร้านอาหารญี่ปุ่น แฟรงกี้มองตาณัฐพูดเหมือนขู่ๆว่า

“ไอ้เรื่องที่พี่กระทืบพี่พีทเกือบตายนั่นน่ะ ก็มีผมคนเดียวที่อยู่ในเหตุการณ์ ผมก็กลัวว่าพี่พีทเจะเอาผมเป็นพยานถ้าเรื่องถึงตำรวจ ผมก็เลยไม่ค่อยได้รับงานเพราะจะหลบพี่พีท แต่พอไม่รับงาน มันก็....”

“จะเอาเท่าไหร่?” ณัฐตัดบทอย่างรู้ทัน แฟรงกี้ขอ 5 แสน หมดแล้วค่อยมารบกวนใหม่ “ได้...เดี๋ยวพี่จะรีบจัดการให้”

แฟรงกี้มัวแต่ดีใจเลยไม่ทันได้สังเกตสีหน้ากระหยิ่มของณัฐที่ยกสาเกจิบ ครู่เดียวณัฐก็ออกไปโทร.ถึงใครบางคนสั่ง

“รีบมาจัดหนักให้มัน...วันนี้เลย!!”

ระหว่างแฟรงกี้รออยู่ในห้องอาหารส่วนตัวนั้น เขา สะดุ้งเฮือกเมื่อพอลผลักประตูเข้ามา พอลทักด้วยสีหน้า ปกติถามแฟรงกี้ว่ามากับใคร แฟรงกี้โกหกว่ามาคนเดียว ทั้งที่บนโต๊ะมีจานวางอยู่สองชุด พอลรู้ทันทีว่าแฟรงกี้โกหก แต่ทำไมต้องโกหก? ก็พอดีพนักงานเดินตามมาขอโทษ พอลที่บอกห้องผิดห้องเขาอยู่ทางโน้น...

พอลขอโทษแฟรงกี้ มองเขาอย่างจับพิรุธ พอพอลเดินออกไป แฟรงกี้ก็นั่งหน้าซีดเหงื่อแตก

ครู่หนึ่งแฟรงกี้ได้รับโทรศัพท์จากณัฐบอกว่า

“งั้นพี่ไม่กลับเข้าไปแล้วนะ ไม่อยากเจอพีท อ๋อ...เรื่องเงินน่ะเหรอ ก็บอกแล้วไงว่าจะจัดให้ รอแป๊บนึงนะ” ณัฐเก็บมือถือยิ้มเหี้ยม

พอลสงสัยว่าทำไมแฟรงกี้ต้องโกหกตน แสดงว่าอีกคนที่มาด้วยต้องมีส่วนเกี่ยวข้องกับการทำร้ายพีท เขารีบเดินกลับไปที่ห้องนั้นอีกที ปรากฏว่าพนักงานเคลียร์ห้องเรียบร้อยแล้ว พอลกำหมัดนึกเสียดายว่าพลาดไปนิดเดียวเอง
แต่แฟรงกี้ก็ไม่รอด เมื่อไปถึงลานจอดรถเขาถูกนักเลงสองคนพุ่งเข้าทำร้ายสะบักสะบอม หนึ่งในนั้นร้องบอกเพื่อนว่า

“เฮ้ย...พอแล้ว...นายบอกเอาให้หนัก แต่อย่าให้ถึงตาย เดี๋ยวตำรวจสาวไปถึงนาย”

พอพวกมันผละไป แฟรงกี้ก็ครางออกมาเบาๆ... “พี่พีท??”

แฟรงกี้เชื่อว่าพีทส่งคนมาทำร้ายตน โทร.เตือนณัฐให้ระวังตัว ณัฐตกใจเมื่อแฟรงกี้จะไปแจ้งความรีบห้ามขู่ว่าถ้าตำรวจสอบสวนแล้วพีทแจ้งความกลับเรื่องที่เราเคยทำร้ายเขา เราจะเดือดร้อน และเห็นด้วยที่แฟรงกี้จะหลบไปอยู่ต่างจังหวัดสักพัก ไม่ต้องห่วง ตนจะระวังตัวให้ดี พอวางสายจากแฟรงกี้ ณัฐก็เหยียดยิ้มให้กับความโง่ของแฟรงกี้

ooooooo

วันนี้ พอลได้ทำความดีอีกแล้ว เขาช่วยพายายคนหนึ่งที่ร่างกายผ่ายผอมข้ามถนน ยายหันมาขอบใจ เกิดไอใส่เขาไม่ทันปิดปาก มีรอยเลือดจางๆติดที่เสื้อพอล

หลังจากนั้นไม่นานพอลก็เริ่มไอและไอถี่ขึ้น มีไข้ต่ำๆ ลูกจันหายาให้กิน บอกว่ากินยาแล้วนอนพักเสียตนไปทำงานก่อนแล้วจะรีบกลับมาอยู่เป็นเพื่อน

ค่ำวานนี้อุ่นเรือนได้พบสิ่งมหัศจรรย์ในชีวิต เมื่อเธอหอบแฟ้มเดินมา ถูกคนร้ายกระชากกระเป๋าจนแฟ้มร่วง อุ่นเรือนตกใจกว่าจะหายตะลึงร้องขอความช่วยเหลือโจรก็หนีหายไปแล้ว

แต่ขณะกำลังก้มเก็บแฟ้มอยู่นั่นเอง ก็มีหนุ่มหล่อคนหนึ่งยื่นกระเป๋าสะพายมาตรงหน้าถามว่า

“ของคุณใช่ไหมครับ”

พอเงยหน้าเห็นหนุ่มหล่อที่เอากระเป๋าสะพายมาคืนให้ อุ่นเรือนก็แทบจะกรี๊ดความหล่อของเขา ครู่เดียวต่างก็แนะนำตัวเองแก่กัน หนุ่มหล่อชื่อกอล์ฟ ส่วนอุ่นเรือนบอกชื่อจริง แต่เจ้านายบอกว่าเชยให้เรียกเป็นแอนนี่

“ผมว่าชื่ออุ่นเรือนน่ารักดีออกครับ ฟังดูไทยๆ แล้วก็อุ่นๆดีด้วย” อุ่นเรือนดีใจบอกว่าให้เรียกตนว่าอุ่นเฉยๆก็ได้ หนุ่มหล่อก็ให้เรียกตนว่ากอล์ฟเฉยๆเช่นกัน ทั้งสองสบตากัน ปิ๊ง...ๆ...ๆ...เห็นโลกสดใสขึ้นในบัดดล...

รุ่งขึ้น อุ่นเรือนแต่งตัวสวยเป็นพิเศษ จนถูกอาร์ตที่ประคองช่อดอกไม้มาด้วยชมว่าวันนี้แต่งตัวสวยจัง อุ่นเรือนตอบเขินๆว่าวันนี้มีนัด อาร์ตแซวว่าแต่งตัวเสียขนาดนี้คงไม่ใช่นัดธรรมดาแน่ ทำเอาอุ่นเรือนเขินเลยแก้เกี้ยว ทำเป็นรู้ว่าอาร์ตจะเอาดอกไม้ไปให้ลูกจันเลยอาสาเอาไปให้ หารู้ไม่ อาร์ตตั้งใจเอาดอกไม้มาให้จุ้มจิ้ม แต่พออุ่นเรือนอาสาเช่นนั้นเลยต้องยื่นให้ไม่กล้าบอกความจริง

อุ่นเรือนถือช่อดอกไม้เดินยิ้มอิ่มใจไปเจอจุ้มจิ้ม ถูกมองทึ่งชมว่าวันนี้แต่งตัวสวยจัง มองดอกไม้ชมว่าสวย หอมเชียว อุ่นเรือนบอกว่าอาร์ตฝากไปให้ลูกจัน แถมยังพูดขำๆว่า

“ทำคะแนนสู้ตายแบบนี้ สักวันพี่ลูกจันคงใจอ่อนเนอะ”

จุ้มจิ้มพยักหน้ายิ้มๆแต่ใจหาย แววตาสลดวูบ อุ่นเรือนไม่ทันเห็นเพราะมัวแต่ปลื้มปริ่มหัวใจกับนัดพิเศษของตัวเอง

ooooooo

ความปรารถนาดีของอุ่นเรือน กลายเป็นเรื่องบาดใจของจุ้มจิ้ม เมื่ออาร์ตมาคุยด้วยก็งอนไล่อย่ายุ่งกับตนอีก

พอดีลูกจันเรียกอาร์ตไปสั่งว่าวันนี้ตนมีงานด่วน ให้ตามไปที่ห้องเดี๋ยวนี้เลย อาร์ตเลยต้องรีบตามลูกจันไป

สั่งงานอาร์ตและเซ็นเอกสารเสร็จ ลูกจันเดินไปหาอุ่นเรือนที่กำลังคุยโทรศัพท์กระจุ๋งกระจิ๋งกับกอล์ฟอยู่ พอเงยหน้าเห็นลูกจันยืนอยู่ก็ตกใจรีบวางสายถามว่าพี่ลูกจันมายืนนานแล้วหรือ ลูกจันบอกว่าเพิ่งมาถึง อุ่นเรือนแอบโล่งใจ

“วันนี้พี่มีธุระที่บ้านจะรีบกลับก่อน ถ้ามีอะไรด่วน โทร.เข้าเครื่องพี่ก็แล้วกัน” สั่งเสร็จพอจะไป กลับพูดน้ำเสียงจริงจังว่า “แอนนี่...อย่าไว้ใจใครง่ายๆนะโดยเฉพาะผู้ชาย!!”

อุ่นเรือนหน้าจ๋อยที่ถูกจับได้ว่าแอบคุยกับผู้ชาย...

พอลูกจันกลับถึงบ้าน ก็ดูแลพอลอย่างห่วงใย

พอลได้ทีทำเป็นป่วยหนักแม้แต่โจ๊กก็สำออยให้เธอป้อน เท่านั้นไม่พอยังอ้อนให้เช็ดตัวให้อีก ลูกจันทำเต็มที่จนเหงื่อไหลไคลย้อยหน้ามันแผล็บ จนพอลชมว่า

“ไม่น่าเชื่อนะว่า บก.ลูกจันจะดูแลผู้ป่วยเก่งขนาดนี้”

“เรื่องกล้วยๆจ้ะ ฉันก็ก๊อปมาจากละครทุกกระเบียดนิ้ว นางเอกเกือบทุกเรื่องต้องมีฉากป้อนข้าวพระเอก”

แต่พอสวมบทนางเอกดูแลพอลเสร็จ ลูกจันบ่น “เฮ้ออ...เป็นนางเอกนี่เหนื่อยจังเนอะ...”

คล้อยบ่าย อุ่นเรือนโทร.มาบอกว่าณัฐส่งดอกไม้มาให้อีก ลูกจันบอกว่าให้เก็บไว้ที่ออฟฟิศนั่นแหละ

พอลพูดพาลๆอย่างหมั่นไส้ว่าบ้านเขาขายดอกไม้รึไงถึงได้ส่งมาทุกวัน ลูกจันไม่พูดอะไรขอไปอาบน้ำก่อน

“ทำไมไม่ด่ามันเหมือนเดิมวะ” พอลพึมพำอย่างระแวง

อาร์ตไม่สบายใจ ตกเย็นก็มองหาจุ้มจิ้ม แต่ดั๊นนน...ไปเจออุ่นเรือนอีก ถูกอุ่นเรือนถามดักคออีกว่ามองหาลูกจันหรือ รักลูกจันมากใช่ไหม อาร์ตตอบยิ้มๆว่า “รักมาก”

จุ้มจิ้มเดินมาได้ยินพอดีหัวใจแทบสลายรีบเดินหนีไป เลยไม่ได้ยินที่อาร์ตบอกอุ่นเรือนว่า “แต่รักแบบพี่สาวน่ะ”

อาร์ตตามหาจนเจอจุ้มจิ้มร้องเรียกเพื่อจะคุยด้วย ถูกจุ้มจิ้มปฏิเสธและไล่ให้ไปไกลๆ ต่อไปไม่ต้องมายุ่งกับตนอีก ทำเอาอาร์ตมึน ไม่รู้ว่าเธอโกรธเรื่องอะไร

แต่พอจุ้มจิ้มกลับถึงบ้าน ก็คิดถึงคำพูดของแม่ที่ว่า “การรักเขาข้างเดียว ถึงมันจะไม่ผิด แต่มันเจ็บนะลูก” คิดแล้วก็บอกกับตัวเองน้ำตาไหลพรากว่า “มันเจ็บจริงๆจ้ะแม่จ๋า...”

ส่วนอาร์ตก็กลับไปนั่งมึน ถามตัวเองว่า “เราทำอะไรผิดวะ???”

ooooooo

ระหว่างที่พอลไม่สบายนั้น ที่บ้านพีท ลมพัดแรงทำให้กรอบรูปพอลตกลงมาแตก กระจกบาดนิ้วพีทจนเลือดออก พีทสังหรณ์ใจกลัวพอลจะเป็นอะไร

พอดีหมอแจ้งพอลว่าเอกซเรย์พบจุดฝ้าที่ปอด แต่เพื่อความมั่นใจหมอจะเอาเสมหะไปตรวจเชื้อก่อน อีก 3 วันถึงจะรู้ผลว่าใช่วัณโรคหรือไม่ ระหว่างนี้ก็ให้ระวังการใกล้ชิดกับคนอื่นด้วย เพราะถ้าเป็นวัณโรคจริงเชื้อจะค่อนข้างแรง ติดต่อกันง่าย แค่ฟังหมอชี้แจง

ลูกจันก็เศร้า จับมือพอลปลอบใจ พอลเองก็ระวังตัวขยับถอยห่างกลัวลูกจันจะติดโรค

กลับถึงบ้าน พอลใส่มาส์กปิดปากแน่นหนาและบังคับให้ลูกจันใส่ด้วย ลูกจันถามว่าใส่ทำไม พอลชี้แจงอย่างที่หมอพูด ถามว่าไม่กลัวติดโรคหรือ ลูกจันตอบทันทีอย่างเด็ดเดี่ยวหนักแน่นว่า “ไม่กลัว!!!”

พอลทนเห็นลูกจันต้องเหน็ดเหนื่อยกับการดูแลตนและยังเสี่ยงต่อการติดโรคด้วย จัดกระเป๋าเตรียมจะไปอยู่ที่อื่น แต่พอลูกจันรู้ก็ร้องไห้คร่ำครวญว่าถ้าเขาไปแล้วตนจะอยู่กับใคร จะอยู่อย่างไร ลูกจันร้องไห้ คร่ำครวญจนพอลใจอ่อนต่างโผกอดกันอย่างไม่ยอมพรากจากกันไปไหน...

พีทใจไม่ดีพยายามโทรศัพท์หาพอลมีแต่เสียงบอกว่า ไม่มีสัญญาณตอบรับจากเลขหมายที่ท่านเรียก โทร.ครั้งแล้วครั้งเล่าก็มีแต่เสียงบอกอย่างนั้น พีทร้อนใจทนไม่ไหวขอให้ป้าภาไปดูที่บ้านให้ที

“ไปได้ยังไงล่ะพีท ป้ามุสาหนูลูกจันว่าป้าไป แสวงบุญที่อินเดีย อีกเดือนนึงถึงจะกลับ”

เมื่อป้าภาไปไม่ได้ พีทตัดสินใจไปเอง เขาถือไม้เท้าใส่เสื้อแจ็กเกตมีฮู้ดพร้อมแว่นดำ แอบออกจากห้องไป

พอลนอนอยู่ที่ห้องนั่งเล่น ปวดฉี่จึงลุกไปเข้าห้องน้ำ เป็นจังหวะที่พีทมาถึงพอดี พีทเข้าไปในบ้าน พลันก็สะดุ้งเฮือกเมื่อลูกจันร้องเรียก “พีททททท...” สัญชาตญาณนักแสดงทำงานทันที พีทเอาไม้เท้าซ่อนไว้ใต้โซฟา นอนห่มผ้าคลุมแต่เท้าถึงคอ พอลูกจันเดินมาถึง ความคิดถึงเพื่อน พีทขอกอดลูกจันบอกว่า “ฉันรักแกนะ” ลูกจันกอดตอบงงๆ “ฉันก็รักแก”

พีทอาศัยความเป็นนักแสดงมืออาชีพ ลูกจันเลยจับโกหกไม่ได้ ระหว่างนั้นพอลกลับจากห้องน้ำมาเห็นก็รีบหลบไปอยู่หลังเสา สองพี่น้องส่งสัญญาณให้กัน พอลหลบเงียบในขณะที่พีทก็สวมบทบาทแทนพอลได้อย่างแนบเนียน

อาศัยช่วงจังหวะที่ลูกจันไปอุ่นโจ๊กให้ พีทกับพอลก็รีบสลับเปลี่ยนกันเหมือนเดิม พอลกลับมานอนสำออยที่โซฟา ส่วนพีทหลบไปซุ่มดู เกือบถูกลูกจันจับได้หลายครั้งแต่ก็มีวิธีหลอกล่อเบนความสนใจของลูกจันเอาตัวรอดได้หวุดหวิดทุกครั้ง

ลูกจันเห็นพอลส่องพระ ก็เอะใจว่าพีทไม่เคยสนใจเรื่องพระ พอลบอกว่าเวลาไม่สบายก็อยากหาที่พึ่งทางใจ เธอเลยไปซื้อหนังสือพระมาให้หลายเล่ม

ลูกจันเห็นพอลไม่สบายก็กลัวเขาจะเป็นอะไรไป บังคับให้สัญญาว่าจะไม่ตายก่อนตน เพราะถ้าเขาตายก่อนตนคงทนอยู่ไม่ได้ จนพอลต้องสัญญาให้แล้วๆ ไปว่าตนจะไม่ตายก่อนเธอ ลูกจันถึงได้หยุดคร่ำครวญ

ตกค่ำเมื่อนั่งดูทีวีชีวิตสัตว์กัน ลูกจันเอะใจว่าจู่ๆทำไมเขาถึงมาสนใจเรื่องสัตว์ป่าขึ้นมา แล้วก็ตอบเองอย่างที่คิดว่าตัวเองทั้งฉลาดและเฉลียวว่า เพราะเขาต้องไปเล่นเป็นคุณชายรัชชานนท์ในสุภาพบุรุษจุฑาเทพนั่นเอง พอลเลยสบายไม่ต้องหาเหตุผลมาแก้ตัว แต่ก็อธิบายธรรมชาติของสัตว์ป่าให้ฟังว่า

“สัตว์ป่าจะไวต่อกลิ่นมาก ถ้าได้กลิ่นแปลกปลอม สัตว์ป่าจะหวาดกลัวจนไม่ยอมออกหากิน ซึ่งจะส่งผลให้ระบบนิเวศของป่าต้องเสียไป”

“เอ๊ะ!” ลูกจันมองหน้าขวับบอกว่าเขาพูดเหมือนนายตัวเหม็นที่เจอกันในป่าเลย พูดแล้วก็รู้สึกตัวเองผิดที่ตอนนั้นด่านายตัวเหม็นไปเยอะ บ่นว่าเขาคงโกรธน่าดู คาดว่าป่านนี้คงตายไปแล้ว ชวนวันไหนเราไปทำบุญให้เขากันไหม

“เออ...เขายังไม่ตายมั้ง” พอลงึมงำ

“ใครจะไปรู้ล่ะ อยู่ในป่าในดงขนาดนั้น ป่านนี้เสือคาบ ไปกินแล้วก็ไม่รู้ ไม่ได้แล้ว ฉันต้องรีบทำบุญอุทิศส่วนกุศลไปให้เขา จะได้ไม่เป็นเจ้ากรรมนายเวรกันต่อไป”

พอลส่ายหน้าเอือมๆในความฟุ้งซ่านของลูกจัน แต่อีกใจก็อดขำไม่ได้

แล้วเช้าวันรุ่งขึ้น ลูกจันก็ตักบาตรขอพรพระให้พอลหายเร็วๆ และอุทิศส่วนกุศลให้นายตัวเหม็นคนนั้นด้วย พอลฟังแล้วเซ็ง...

ไม่เพียงเท่านั้น สายๆยังพากันไปปล่อยปลาปล่อยเต่าและกรวดน้ำด้วยกัน ลูกจันหลับตาอธิษฐานขณะกรวดน้ำ...

“บุญกุศลนี้ ข้าพเจ้าขอให้กลายเป็นพรส่งถึงผู้ที่อยู่ข้างๆข้าพเจ้า ขอให้เขาหายจากอาการป่วยทั้งหลาย และข้าพเจ้าขออุทิศบุญนี้แก่วิญญาณของนายตัวเหม็นที่เจอในป่าด้วยเทอญ”

พอลแอบคิดในใจว่าวันนี้รับบุญเพียบเลย แต่พอลูกจันหันถามว่ารู้สึกอิ่มบุญบ้างไหม เขายิ้มแหยๆ บอกว่า...

“อิ่มจนจุกเลยล่ะ!!”

เพราะหมอนัดเย็นนี้ไปเอกซเรย์ปอดอีกที ลูกจันเลยชวนพอลรออยู่ที่สวนรถไฟเลยเพราะที่นี่อากาศดีเหมาะสำหรับเขา แล้วต่างก็นอนอ่านหนังสือจนหลับไป บนอกลูกจันมีหนังสือแฟชั่นชั้นสูงของเมืองนอกวางอยู่ ส่วนบนอกพอลมีหนังสือพระวางอยู่...

เมื่อไปหาหมอเอกซเรย์อีกครั้ง พอหมอมาแจ้งผลว่าพอลไม่ได้เป็นวัณโรคแต่เป็นปอดชื้น ลูกจันก็ร้องไห้น้ำตาไหลพรากๆจนนั่งรถกลับไปด้วยกันก็ยังร้องไห้ไม่หยุด พอลถามว่าเป็นอะไร

“ก็ฉันดีใจนี่ แกไม่รู้หรอกว่าตอนแกป่วยฉันทรมานใจแค่ไหน...ดีใจจังที่แกไม่เป็นไร” ต่างมองกันอย่างซึ้งใจ ลูกจันจะโผกอด พอลรีบกันตัวเธอไว้ถอดมาส์กของตัวเองออกแล้วถอดให้เธอ ดึงตัวเข้าไปกอดบอกว่า

“แบบนี้ดีกว่าเยอะเลยเนอะ”

ลูกจันพยักหน้า ต่างก็โผเข้ากอดกันแน่นด้วยความรัก...

ooooooo

ความเข้าใจผิดเรื่องอาร์ตมอบดอกไม้ให้ลูกจันและได้ยินอาร์ตบอกอุ่นเรือนว่าตนรักลูกจัน ทำให้จุ้มจิ้มเสียใจมาก ถึงกับลางานหนึ่งสัปดาห์ แล้วพาแม่ไปพักผ่อนชายทะเล

แต่ไปได้เพียง 3 วัน นันทนาผู้เป็นแม่ก็เก็บกระเป๋าชวนกลับ จุ้มจิ้มถามว่าทำไมรีบกลับ ตนอยากให้แม่มา พักผ่อนหลายๆวัน

“พาแม่มาพักหรือว่าหนีใครบางคน” แม่ถามอย่างรู้ทัน จุ้มจิ้มหลบตาหน้าเศร้า แม่พูดอย่างอบอุ่นด้วยความรักว่า “จุ้ม...คนเราต้องยอมรับความจริง ถึงแม้ว่าบางครั้งความจริงจะทำให้เราเจ็บปวด แต่เราก็ต้องอยู่กับมันให้ได้ การหนีปัญหาไม่ช่วยอะไรนะลูก”

ถูกแม่พูดจี้ใจดำ จุ้มจิ้มร้องไห้น้ำตาไหลพราก แม่ดึงเธอเข้าไปกอด ปลอบ...

“ถึงยังไงหนูก็ยังมีแม่ที่รักหนูนะลูก” สองแม่ลูกกอดกันด้วยความรัก ความเข้าใจท่ามกลางเสียงลมและคลื่นที่ซัดสาดเข้ามาเหมือนจะช่วยปลอบโยนด้วย...

ผิดกับอุ่นเรือนที่ดอกรักกำลังผลิบานในหัวใจ กอล์ฟถามอย่างตื่นเต้นขณะนั่งทานอาหารด้วยกันว่า งานของเธอน่าสนุกดูเป็นคนละโลกกับงานวิศวกรของตนเลย ขอให้อุ่นเรือนเล่าให้ฟังบ้างได้ไหม

อุ่นเรือนกำลังอยู่ในอารมณ์รัก...เล่างานที่เซเลบให้กอล์ฟฟัง เล่าอย่างภูมิใจที่มี บก.เก่งอย่างลูกจัน และเล่าขั้นตอนการทำงาน เรื่องราวในออฟฟิศอย่างละเอียด

กอล์ฟฟังอย่างตั้งใจเก็บรายละเอียด อุ่นเรือนเล่าอย่างสนุกสนานจนไม่เห็นแววตาที่ซ่อนอะไรบางอย่างของเขา

ooooooo

เพราะณัฐรับปากกับสาโรจน์ที่จะดึงลูกจันมาเป็น บก.นิตยสารเล่มใหม่ วันนี้สาโรจน์โทร.มาถามความคืบหน้า

“ครับ...ผมกำลังพยายามอยู่ครับพี่...คนอย่างลูกจันใช้เงินซื้อไม่ได้หรอกครับ แต่ผมรับรองว่าอีกไม่นาน พี่ต้องได้ลูกจันมาทำงานด้วยแน่ๆ”

บ่ายนี้เองพีทเปิดคอมฯหน้าพันทิป มีคนเอาคอลัมน์ซุบซิบจากหนังสือพิมพ์มาโพสต์ว่า

“ไฮโซณัฐ บก.สุดหล่อโชว์แมนอีกแล้ว ล่าสุด เพิ่งเสี่ยงชีวิตไปบู๊กับอันธพาลกว่า 30 คนเพื่อช่วยคุณยายอายุเกือบร้อยจนรอดจากการถูกข่มขืนหวุดหวิด...เก่งทั้งบู๊ทั้งบุ๋น แถมยังจิตใจงามแบบนี้ ท่านรัฐมนตรีคงใจอ่อนยกลูกสาวให้เร็วๆนี้”

พีทอ่านแล้วส่ายหน้าอย่างรู้ทันการพีอาร์ตัวเองของณัฐ ทำให้เขาคิดถึงสิ่งที่ณัฐทำกับตนอย่างเจ็บปวดอีกครั้ง

ส่วนลูกจันอ่านแล้วถามพอลขำๆว่าตนดูเหมือนคนแก่อายุเกือบร้อยเลยหรือ แล้วหัวเราะท้องคัดท้องแข็งจนพอลมองงงๆกลัวๆว่า บ้ารึเปล่าเนี่ย??

เมื่อรู้ว่าพอลไม่ได้เป็นวัณโรคแล้ว ลูกจันจึงกลับไปทำงาน ปรากฏว่าเธอต้องเซ็นเอกสารเป็นตั้ง เซ็นจนปากกาหมึกหมดไปหลายด้าม พอถึงแฟ้มสุดท้าย เธอบ่นกับอุ่นเรือนว่า

“เฮ้อ...พี่คงไม่กล้าลางานอีกนานเลย” อุ่นเรือนหัวเราะขำ ๆ แต่พอจะเอาเอกสารออกไป ลูกจันบอกว่า “แอนนี่...ว่างๆพาแฟนมาให้พี่รู้จักบ้างสิ” อุ่นเรือนรับคำยิ้มปลื้ม ในขณะที่ลูกจันมองตามไปด้วยความเป็นห่วง...

ooooooo

มินตราเครียดเพราะยังหานายแบบมาขึ้นปกทีนคลับเล่มใหม่ไม่ได้ ตัดสินใจโทร.หาพอลขอร้องเขาให้เกียรติขึ้นปกให้ทีนคลับ พอลขอคุยกับลูกจันก่อน

“ไม่ได้!!” ลูกจันเสียงดังสั่งเข้ม “แกถ่ายให้เซเลบเล่มเดียวพอ” พอลดีใจเพราะไม่อยากถ่ายอยู่แล้ว แต่ไม่รู้จะปฏิเสธอย่างไร แบบนี้ตนก็จะอ้างว่าลูกจันไม่ให้คิว เลยถูกลูกจันค้อนว่าเจ้าเล่ห์ พอลเตือนว่าเดี๋ยวให้รีบลงมากินข้าว

พอลูกจันลงมาอีกทีก็ดีใจสุดๆ เมื่อเห็นเตาหมูกระทะวางอยู่พร้อมหมูและผัก

“เย้...ของโปรดเลย”

“เลี้ยงฉลองที่ฉันหายป่วยไง แล้วก็...เลี้ยงขอบใจแกที่ช่วยกรวดน้ำให้ฉันด้วย”

พอลพูดค้อนเคืองๆ ลูกจันมัวแต่ดีใจได้กินหมูกระทะไม่ได้รู้สึกอะไรด้วยเลย...

ทั้งสองกินหมูกระทะกันอย่างมีความสุขมาก ยิ่งเมื่อพอลดูแลคอยคีบหมูให้ลูกจันจนเต็มจานเธอก็ยิ่งรู้สึกดีกับการดูแลของเขา นั่งกินหมูกระทะกันอย่างอารมณ์เข้ากั๊น...เข้ากัน...

ooooooo

พอไปทำงานในวันรุ่งขึ้น ณัฐก็เอาดอกไม้ไปให้ลูกจันถึงเซเลบ พูดคุยอ่อนหวาน หว่านล้อมให้กลับมาดีกันเหมือนเดิม ทั้งยังชวนไปทานข้าวเที่ยงด้วยกันข้างนอก บอกว่าวันก่อนลูกจันเลี้ยงตนแล้ว วันนี้ตนขอเลี้ยงบ้าง

ลูกจันบอกอุ่นเรือนว่าตนจะไปทานข้าว อาจกลับมาช้าหน่อยมีอะไรด่วนให้โทร.เข้ามือถือ พอลูกจันเดินคู่ไปกับณัฐ ทั้งแซนดี้ อุ่นเรือน และอาร์ตก็มองกันงงๆว่า ยังไงเหรอ? ยังไงเนี่ย? ยังไงน่ะ??? ทุกคนมีแต่คำถามที่ไม่มีใครตอบได้

อึดใจเดียวพอลก็ผลักประตูห้องทำงานของลูกจันส่งเสียงร่าเริง “เซอร์ไพรส์...” พลันก็เจื่อนเมื่อพบแต่ห้องที่ว่างเปล่า อุ่นเรือนมาบอกว่าลูกจันออกไปทานข้าวกับณัฐ พอลก็ยิ่งเจื่อน เข้าไปนั่งรอในห้อง เห็นแจกันและการ์ดของณัฐก็หมั่นไส้ ขอน้ำเดือดๆจากอุ่นเรือนแก้วหนึ่งอ้างว่าไม่ค่อยสบายอยากจิบอะไรร้อนๆ

พออุ่นเรือนเอาน้ำร้อนมาให้ พอลก็เทใส่ดอกไม้ในแจกันจนเหี่ยวเฉา แล้วหัวเราะสะใจกับผลงานของตัวเอง

พอลรออยู่นานถึง 4 ชั่วโมง พอลูกจันกลับมาเห็นดอกไม้เหี่ยวเฉาก็สงสัยว่าทำไมเหี่ยวเร็วนัก พอลทำไม่รู้ไม่ชี้บอกว่าคงอากาศร้อนหรือไม่ก็เป็นดอกไม้ที่ใกล้หมดอายุแล้ว

อุ่นเรือนเข้ามาเห็นลูกจันก็ทักบอกอย่างเจตนาดีว่าพอลมารออยู่ตั้ง 4 ชั่วโมงแล้ว ลูกจันหันมองพอลอึ้ง พอลแก้เกี้ยวว่าพอดีไม่รู้จะไปไหนเลยนั่งรอ ลูกจันถามอีกว่าหิวไหม พอลตอบแข็งขันว่าไม่หิว แต่ท้องร้องจ๊อกๆ ทำให้เสียหน้า ลูกจันมองหน้าพอลพูดขำๆปนเอ็นดูว่า

“พีท...ฉันว่าแกเป็นคนโกหกไม่ขึ้นนะ อย่าเอาดีทางนี้ดีกว่า”

พอลยิ้มเจื่อน เขิน ทำหน้าไม่ถูกที่ถูกจับได้ว่าโกหกคำโตถึงสองเรื่องติดๆกัน

ooooooo

พอจุ้มจิ้มกับมาทำงาน อาร์ตก็รีบไปชวนกินข้าวด้วยกัน ถูกปฏิเสธอย่างเย็นชาห่างเหินว่ากินมาแล้ว ขอบใจ!!

อาร์ตยังไม่ละความพยายาม คืนนี้ไปที่หน้าบ้านจุ้มจิ้ม มองเข้าไปในบ้านราวกับจะส่งกระแสจิตถึงกันจุ้มจิ้มเองก็แอบดูอาร์ตอยู่ที่หน้าต่าง จนนันทนามาบอกว่า

“จุ้ม...คนเราหนีอะไรก็หนีได้ แต่หนีหัวใจตัวเองไม่ได้หรอกนะลูก” จุ้มจิ้มฟังแม่ได้แต่น้ำตาไหลพราก นันทนาจึงออกไปบอกอาร์ตว่า “กลับไปก่อนเถอะอาร์ตมันดึกแล้ว ใจเย็นๆนะอาร์ต เรื่องบางเรื่องมันก็ต้องใช้เวลาให้เวลาจุ้มอีกสักหน่อย จุ้มพร้อมเมื่อไหร่เขาก็คงคุยกับอาร์ตเอง”

“ครับ...ขอบคุณครับ” อาร์ตน้ำตาคลอ ยกมือไหว้ลากลับไปด้วยหัวใจที่ห่อเหี่ยว มืดมน...

จุ้มจิ้มมองรถอาร์ตที่ห่างออกไป หันกลับไปนอนร้องไห้อย่างร้าวรานใจ...

ooooooo

รักนี้เจ้จัดให้

ละครแนะนำ

ข่าวละครวันนี้ดูทั้งหมด