ตอนที่ 14
เย็นนี้เองตุลปรึกษากับเพื่อนๆที่ร้านข้าวต้มมัด โดยมีบุญลือกับสมฤดีนั่งห่อข้าวต้มมัดนั่งฟังอยู่ข้างๆ ตุลบอกว่าสงสารนลินีกับลูกและปรีชา จะยังไม่ให้แมตต์รู้เรื่องนี้
มนตรีติงว่าคิดให้ดีสิ่งที่ตุลทำมันถูกต้องหรือเปล่า โตมรก็ว่าทำอย่างนี้คนเขาจะเข้าใจเธอผิดไปตลอดชีวิต ไม่เพียงพนักงาน คุณแบรด คุณฌอน กับคุณแมตต์ด้วย ตุลเครียดแต่พูดจริงจังว่า
“แค่แกกับทุกคนที่นี่รู้ว่าความจริงเป็นยังไง ฉันก็สบายใจแล้ว ฉันก็แค่ตกงานคนอาจเขาใจผิดไปบ้างก็แค่เรื่องฉันประมาททำให้ปลาตาย ยังไงก็ไม่ถึงตำรวจ แต่ถ้าเราเอาหลักฐานไปให้คุณแมตต์ เรื่องต้องถึงตำรวจแน่ แล้วแกคิดว่าคุณหน่อยกับลูกจะเป็นยังไง คุณหน่อยติดคุก เด็กต้องถูกส่งไปสถานเลี้ยงเด็กกำพร้างั้นเหรอ?”
อโนมาติงว่าเด็กยังมีพ่อ ดารินทร์ถามว่าแล้วพ่อจะยอมรับลูกไหม และถ้าคุณหน่อยติดคุกยังไงเรื่องก็ต้องโยงไปถึงทักษะอยู่ดี มองอย่างเป็นกลาง ยังไงเด็กก็ต้องมีปัญหาอยู่วันยังค่ำ
บุญลือแทรกขึ้นว่าเด็กก็น่าสงสาร แต่กฎหมายก็ต้องเป็นกฎหมาย ตุลบอกว่าตนแค่ช่วยประวิงเวลาไว้ก่อนเท่านั้น ตนรู้ว่าทำไม่ถูกแต่ตนก็เชื่อเรื่องกรรม ใครทำชั่วไว้สักวันกรรมก็ต้องตามทัน และถ้าตนตกงานก็ไม่เดือดร้อนอะไรมากมาย และตนก็ตัดสินใจแล้วว่าจะไปอิตาลีกับฐานัท
ooooooo
พิมมี่กลับจากร้านอาหารพร้อมแหวนที่แมตต์ให้เป็นของขวัญวันเกิด เจอฌอนถือเค้กปักเทียนมาอวยพรวันเกิด ที่เซอร์ไพรส์คือเขามอบแหวนเพชรน้ำงามให้ด้วย!
“สวยจังค่ะ ดีใจจังวันเกิดปีนี้ได้ของขวัญเป็นแหวนตั้งสองวงแน่ะ วงนี้ของพี่แมตต์ค่ะ” พิมมี่ชูมือให้ดูแหวนที่นิ้ว
“วงนี้ไม่ใช่แหวนวันเกิด...” ฌอนนิ่งไปอึดใจ แล้วเอ่ยขอ “แต่งงานกับพี่นะพิมมี่”
พิมมี่บอกว่าตนไม่แน่ใจ ฌอนใจหายถามว่าความรู้สึกเธอไม่เหมือนเดิมหรือว่ามีคนอื่น
“ไม่ใช่ค่ะ ความรู้สึกพิมมี่มีให้พี่ฌอนยังเหมือนเดิม เพียงแต่...ไม่มากเท่าเดิม ถ้าเป็นเมื่อก่อนพิมมี่คงตอบตกลงโดยไม่ต้องคิด แต่ตอนนี้พิมมี่อยากให้เราใช้เวลามองกันมากกว่านี้ แล้วก็...ยอมรับในสิ่งที่อีกคนเป็นได้จริงๆไม่ใช่แค่พยายาม”
“พี่รู้ว่าที่ผ่านมา พี่ไม่มีเวลาให้พิมมี่เลย พี่ขอโทษ”
“เรายังอยู่ด้วยกันตรงนี้ค่ะพี่ฌอน มันอาจต้องกลับไปเริ่มต้นใหม่ อาจต้องใช้เวลา แต่ถ้าเรารักกันจริง ‘เวลา’ ก็ไม่ใช่ปัญหา จริงไหมคะ” พิมมี่มองแหวนในมือฌอนยิ้ม “นี่ถ้าเป็นแหวนวันเกิดพิมมี่จะรับไว้ แต่ถ้าเป็นแหวนแต่งงาน พิมมี่ยังรับไว้ไม่ได้ค่ะ”
พิมมี่ปฏิเสธอย่างสุภาพ มีเหตุผล แล้วเดินขึ้นห้องไป ฌอนมองแหวนในมืออึ้งสนิท!
ป้ากลางเห็นใจทั้งคู่ เจนสงสารฌอน และแบรดรู้สึกผิดกับฌอนมาก...เมื่อขึ้นห้องนอนและออกไปยืนที่ระเบียง เขาบอกเจนที่ถือถาดยามาให้ว่า
“ปัญหาทั้งหมดมันเกิดจากผม ที่ผมมีปัญหากับคุณใหญ่จนต้องหย่ากันก็เพราะเรื่องงาน แต่มันผิดด้วยเหรอที่ผมทุ่มเทเวลาทั้งหมดสร้างความมั่นคงให้ครอบครัว ผมคิดว่าผู้หญิงต้องการอย่างนั้นเสียอีก”
“ผู้หญิงทุกคนต้องการความมั่นคงค่ะ แต่น้อยกว่าความรัก ความเอาใจใส่ ส่วนเรื่องฌอน คงเป็นเพราะฉันที่เฝ้าบอกลูกทุกวันว่า คุณคือผู้มีพระคุณ ฌอนตั้งใจเรียนและทำงานหนักก็เพราะเขารักและศรัทธาคุณมาก จะว่าไปแล้ว ที่ชีวิตคู่ของฌอนกับนาตาลีต้องพัง ฉันก็มีส่วนด้วยเหมือนกัน”
“เพราะผมต่างหากที่สร้างปัญหาซ้ำซากทั้งกับคุณใหญ่จนมาลงที่ฌอน” แบรดแววตาครุ่นคิด ถอนใจก่อนบอกเจนว่า “ถึงเวลาที่ผมจะปลดระวางตัวเองสักที”
“ฉันดีใจค่ะที่ได้ยินคุณพูดแบบนี้ ความสุขของคุณจะทำให้ลูกๆมีความสุขไปด้วย” เจนดีใจมาก
“ฌอนทำเพื่อผมมามากแล้ว เขาควรจะมีความสุขสักที”
“ถ้าคุณทำได้อย่างที่พูด ฌอนมีความสุขแน่ค่ะ แต่อีกคนสิคะ น่าเป็นห่วงมากกว่า” เจนพยักพเยิดไปที่สนามหน้าบ้าน แบรดมองตาม เห็นแมตต์ยืนมองพระจันทร์อย่างเปล่าเปลี่ยว เศร้าเหงา...
แบรดเดินลงไปหาแมตต์ที่ยืนเหม่อมองพระจันทร์อยู่ เอ่ยขึ้นว่า
“พ่อรู้นะว่าลูกคิดอะไร รู้สึกยังไง ถ้าไม่มีเรื่องเกิดขึ้น พ่อจะไม่ห้าม...เรื่องความรัก เรื่องของหัวใจเป็นเรื่องที่ลูกต้องตัดสินใจเลือกเอง...แต่ตอนนี้ปัญหามันเกิดขึ้นแล้ว การนัดเจอหรือพูดคุยกับพนักงานที่ถูกตั้งข้อสงสัยทั้งต่อหน้าและลับหลัง คงเป็นเรื่องที่พนักงานคนอื่นเข้าใจได้ยาก ภาพลักษณ์บริษัทสำคัญที่สุดนะลูก อดทน รอให้หาตัวคนร้ายได้ก่อน ลูกจะได้รักผู้หญิงคนนั้นอย่างเต็มหัวใจ พ่อแนะนำได้เท่านี้”
เวลาเดียวกัน ทั้งฐานัทและตุลญาณาเตรียมเอกสารการเดินทางเรียบร้อยแล้ว แต่ทั้งคู่ต่างไม่อาจทำใจให้สดชื่นได้เมื่อนึกถึงอีกคน...ที่จะต้องจากไป...
ooooooo
เช้านี้ขณะมนตรีกำลังสั่งงานพนักงานให้ต้อนรับทีมสัตวแพทย์ที่จะมาตัดเขากวางเพื่อลดอาการบาดเจ็บช่วงฤดูผสมพันธุ์อยู่นั้น โตมรวิ่งหน้าตื่นเข้ามา พอเห็นแมตต์ยืนอยู่กับมนตรีก็ชะงักกึก ขอโทษแมตต์แล้วขอยืมตัวมนตรีสักครู่
พอพากันห่างแมตต์ออกไป โตมรก็ทำท่าเหมือนมีเรื่องคอขาดบาดตาย บอกมนตรีว่า จู่ๆตุลก็เลื่อนการเดินทางไปอิตาลีเร็วขึ้น มนตรีมึนไปครู่หนึ่งจึงถามว่าแล้วจะไปสายการบินอะไร ไฟลท์ไหน
โตมรเล่าการเดินทางของตุลอย่างละเอียดยิบ บอกว่าตุลให้ปิดเป็นความลับห้ามบอกใครเด็ดขาด
พอแมตต์รู้ว่าเป็นเรื่องเกี่ยวกับตุลก็เงี่ยหูฟัง จำวันเวลาและสายการบินที่ตุลจะไปไว้อย่างละเอียด
ooooooo
นลินีสุดทนกับการหลีกเลี่ยงที่จะรับรองบุตรของทักษะ วันนี้เธอลุยไปบริษัทเขาหวังจะพูดกันให้เด็ดขาด แต่ทักษะเห็นนลินีมาก็ขับรถหนีไปต่อหน้าต่อตา นลินีวิ่งตามร้องเรียกไปจนทักษะขับรถหลุดไป
นลินีตัดสินใจเป็นไงเป็นกัน นัดทักษะกับมณีทิพย์ไปพบกันที่ร้านอาหารหรู บอกมณีทิพย์ว่าตนเป็นภรรยาของทักษะและมีลูกด้วยกันแล้ว ทักษะตกใจแทบช็อกไม่คิดว่านลินีจะกล้าทำ แต่มณีทิพย์สงบนิ่งวางท่าอย่างนางพญาถามทักษะว่า “จริงหรือเปล่า”
ทักษะเอาตัวรอด โทษว่านลินีเคยเป็นเลขาของตนแค่ตามเครซี่เจ้านายเท่านั้นเอง
นลินีเจ็บจี๊ด แฉพฤติการณ์ของทักษะหมดสิ้น บอกว่าตนเงียบมานานแล้วแต่เขาบีบให้ตนต้องพูด เขาสัญญาว่าจะจดทะเบียนรับรองลูก มณีทิพย์ถามว่า แล้วจัดการหรือยัง พูดหน้านิ่งเย้ยในทีว่า
“นี่ไม่ใช่ครั้งแรกที่ผู้หญิงสาวสวยเดินมาร้องห่ม ร้องไห้แล้วบอกฉันว่ามีอะไรกับคุณทักษะ ถ้าเธอทำให้เขายอมรับลูกเธอได้ มันก็เป็นสิทธิ์ของเธอที่จะได้ตัวเขาไป ฉันไม่ใช่แม่พระที่จะลุกขึ้นมาจัดการเรื่องนี้ให้เธอ เชิญตกลงกันตามสบาย” มณีทิพย์ลุก บอกทักษะว่า “เคลียร์เรื่องผู้หญิงคนนี้ให้เรียบร้อย”
ทักษะบอกว่าไม่มีอะไรต้องเคลียร์เพราะตนไม่มีอะไรกับเขา เอาเด็กที่ไหนมาอ้างก็ไม่รู้
นลินีเหมือนถูกไฟเผาทั้งเป็น เดินตามทักษะที่ตามไปง้อมณีทิพย์ ทุบตีเขาถามว่าทำอย่างนี้ได้ยังไง ทักษะสะบัดจนนลินีล้มกระแทกพื้น ตวาดใส่ว่า
“จะไปบ้าที่ไหนก็ไป แล้วจำไว้ กูไม่มีวันจดทะเบียนรับเด็กหน้าไหนเป็นลูกทั้งนั้น!!!”
ปรีชาพุ่งเข้าชกทักษะ ถูกมณีทิพย์ส่งสายตาให้การ์ดสองคนรุมเข้าเล่นงานปรีชาจนสะบักสะบอม สองพี่น้องไม่เพียงเรียกร้องความเป็นธรรมไม่ได้ หากยังถูกทำร้ายสาหัสจนนลินีต้องไหว้อ้อนวอนการ์ดอย่าทำร้ายน้องชายตนเลย...ประคองปรีชาขึ้นมาร้องไห้อย่างหมดสิ้นทุกสิ่งทุกอย่างแล้ว...
ooooooo
นลินีพาปรีชาที่ถูกซ้อมจนสาหัสส่งโรงพยาบาล พยาบาลถามว่ามีเรื่องกับใครมาหรือ แบบนี้ควรแจ้งตำรวจ นลินีตัดสินใจว่า ถึงเวลาที่ต้องทำในสิ่งที่ถูกต้องแล้ว
วันนี้เป็นวันที่ตุลจะเดินทางแล้ว บุญลืออวยพรให้อยู่ที่ไหนก็ขอให้มีความสุข และถ้าเกิดอะไรขึ้น ก็ขอให้รู้ว่าพ่อกับแม่รออยู่ตรงนี้...ตุลโผกอดพ่อกับแม่น้ำตาซึม
แมตต์ที่รู้วันเวลาและสายการบินที่ตุลจะไป วันนี้เขาไม่อาจทำใจให้สงบได้ สุดท้ายทนไม่ได้ลุกพุ่งไปที่ประตู พอเปิดประตูออกไปก็ชะงักเมื่อเจอแบรดกับฌอนเดินเข้ามา ไม่ทันที่ใครจะพูดอะไร นลินีที่ใส่เฝือกอ่อน กับปรีชาที่หน้าตาบวมช้ำก็เดินมาจากอีกทาง
“คุณแบรด คุณฌอน คุณแมตต์คะ หน่อยมีเรื่องจะสารภาพค่ะ”
เมื่อเข้าไปในห้องประชุม นลินีรวบรวมกำลังใจสารภาพต่อหน้าผู้บริหารทั้งสามว่า
“เรื่องทั้งหมดที่เกิดขึ้นกับบลู ซี เวิลด์ เป็นเพราะหน่อย หน่อยเป็นคนร่วมมือกับคุณทักษะเองค่ะ”
นลินีเล่าทั้งน้ำตาว่า ตนหลงผิด โง่ ที่ไว้ใจผู้ชายเลวๆอย่างทักษะ ที่แท้เขาหลอกใช้ตนเท่านั้น ตนขอโทษที่ทำผิดกับทุกคน ฌอนถามว่าชาติเป็นคนของทักษะใช่ไหม
“ค่ะ เขารับชาติเข้ามาทำงาน แล้วโปรโมตคุณตุลขึ้นเป็นหัวหน้า ทั้งที่อายุงานชาติมากกว่า เขาทำให้ชาติเข้าใจผิด คิดว่าที่ไม่ได้ขึ้นเป็นหัวหน้าเพราะคุณแบรดเลือกคุณตุล ชาติแค้นคุณแบรดกับคุณตุลเลยไปเข้ากับคุณทักษะ หน่อยรู้เห็นเรื่องบลู แพลนเนต แต่หน่อยไม่ได้ร่วมมือกับเขา หน่อยสาบานได้”
นลินียังสารภาพว่าตนเป็นคนขโมยงาน บลูซี เวิลด์ไปในวันที่แมตต์กับตุลประชุมงานพรีเซนต์รอบสุดท้ายที่ห้อง ตนเอากาแฟเข้าไปเสิร์ฟ แกล้งชนแก้วกาแฟหก แล้วแอบติดเครื่องอัดเสียงไว้ที่ใต้โต๊ะ และคืนนั้นก็ให้ปรีชาเข้าไปเอาซึ่งก็คือผู้ชายใส่ชุดดำในกล้องวงจรปิดนั่นเอง ตอนนั้นตนลาพักงานเพราะครรภ์เป็นพิษจึงไม่มีใครสงสัยตนแต่สงสัยตุลญาณาแทน
ส่วนเรื่องวาล์วระบายน้ำที่ทำให้ปลาตายและหลอกให้ตุลไปดูนั้น ปรีชาก็โทร.บอกตุลจากตู้สาธารณะ หลอกให้ตุลไปดูตอนยังปกติ พอตุลกลับก็แอบไปปิดวาล์ว เพราะรู้ว่าตรงนั้นไม่มีกล้องวงจรปิด ปรีชาสารภาพน้ำเสียงสั่นเครือว่า
“ผมเองก็รักปลา ไม่ได้อยากทำให้ปลาพวกนั้นตาย แต่ถ้าผมไม่ทำ ไอ้ผู้ชายคนนั้นมันต้องบังคับให้พี่หน่อยจัดการเองแน่ๆ ผมก็เลย...”
เรื่องรูปถ่ายตุลกับทักษะนั่งคุยกัน นลินีบอกว่าตนเป็นคนถ่ายเพื่อเล่นงานตุล ทั้งที่ตุลไม่ได้มีส่วนเกี่ยวข้องด้วยเลยแม้แต่ครั้งเดียว ตนขอยอมรับผิดคนเดียว อย่าให้ปรีชาต้องมาเกี่ยวข้องด้วยเลย
ปรีชาไม่ยอมเพราะตนก็ทำผิด สองพี่น้องต่างปกป้องกัน กอดกันร้องไห้อย่างสำนึกผิด
ooooooo
แบรด ฌอน และแมตต์ มองหน้ากันว่าจะจัดการเรื่องนี้อย่างไรดี แบรดเสนอว่าเราต้องแจ้งความแต่จะกันนลินีกับปรีชาไว้เป็นพยาน เรื่องประกันตัวตนยินดีช่วย
ส่วนลูกของนลินีนั้น ฌอนบอกว่าถ้าติดขัดก็ให้ฝากน้ากลางช่วยเลี้ยงก่อนดีไหม พิมมี่ก็น่าจะชอบเด็ก เหมือนกัน แบรดเห็นด้วย สั่งให้เรียกตุลกลับมาทำงานได้เลย แมตต์ดูนาฬิกาแล้วรีบขอตัววิ่งออกจากห้องไปทันที ไปถามโตมรว่าตุลอยู่ไหน โตมรบอกว่าตนกับพี่ตรีไปส่งที่สนามบินตั้งแต่เที่ยงป่านนี้ไปถึงกรุงเทพฯแล้ว
“โทร.จองตั๋วเครื่องบินไปกรุงเทพฯให้ผมด่วนเลย เอาเที่ยวที่เร็วที่สุด สายการบินไหนก็ได้ ผมจะไปรอที่สนามบิน” แมตต์สั่ง
มนตรีมือไม้สั่นรีบโทร. แต่ไม่ทันไรแมตต์ก็โทร.มาบอกว่าเขาถึงสนามบินแล้ว และซื้อตั๋วไปกรุงเทพฯได้แล้ว แม้จะไม่ทันกับที่ตุลจะบิน แต่เขาตัดสินใจไปให้เห็นกับตา
ฐานัทกับตุลไปนั่งร้านกาแฟรอขึ้นเครื่อง ระหว่างนั้นฐานัทเห็นหญิงสาวคนหนึ่งใส่หมวกและแว่นดำ คลับคล้ายคลับคลากับใครบางคน แต่พอหันมองอีกทีเธอก็หายไปแล้ว
จนเสียงเรียกผู้โดยสารขึ้นเครื่อง ฐานัทยังหันมองข้างหลังอีกที คราวนี้สบตากันจังๆจึงเห็นว่าเป็นโรส ต่างมองกันอึ้งจนตุลบอกฐานัทว่าโหลดกระเป๋าเสร็จแล้ว แต่พอเขาหันไปมองอีกทีโรสก็หายไปแล้ว
แมตต์ไปถึงเจอโรสกำลังเดินออกมาพอดี เธอบอกเขาว่าไม่ทันแล้ว แมตต์ผิดหวังแทบหมดแรง ดึกคืนนี้เขาจึงไปที่บ้านบุญลือ ถามว่ารู้ไหมว่าตุลไปอยู่ที่เมืองไหน? แมตต์กลับไปบอกแบรดด้วยความเสียใจว่า “ไม่ทันแล้วครับพ่อ ตุลไปอิตาลีแล้ว...ผมไปไม่ทัน...”
แบรดอึ้ง เพราะนอกจากเรื่องแม่แล้ว ไม่เคยเห็นแมตต์เสียใจเรื่องไหนมากอย่างนี้...
ooooooo
เพียงสามวันต่อมา ตำรวจก็นำหมายเรียกไปเชิญทักษะไปให้ปากคำที่สถานีตำรวจ เพราะมีเจ้าทุกข์แจ้งความเรื่องทารุณสัตว์ ลักลอบค้าสัตว์ป่าสงวน จ้างวานบุกรุกและทำให้เสียทรัพย์
ทักษะหน้าถอดสีแต่ยังปากแข็งโวยวายว่าตนถูกใส่ร้าย ถามว่าใครเป็นเจ้าทุกข์ มีหลักฐานอะไร
แมตต์บอกว่าบลู แพลนเนต กับบลู ซี เวิลด์เป็นเจ้าทุกข์ ส่วนนลินีบอกว่าหลักฐานทั้งหมดอยู่ที่ตน
ไม่ใช่แค่คดีที่ตำรวจแจ้ง แต่ยังมีคดียักยอกทรัพย์เมื่อสามปีก่อนที่โกงเงินบลู แพลนเนตด้วย
ทักษะช็อก ร้องขอความช่วยเหลือจากมณีทิพย์ แต่ถูกเธอถีบหัวส่งบอกว่าเป็นความผิดส่วนบุคคล เรื่องยักยอกทรัพย์ก็เกิดก่อนทักษะมาทำงานที่เดอะสคิลส์ ส่วนเรื่องอื่นตนไม่รับรู้ แล้วขอตัวเพราะมีประชุม ทักษะร้องโวยวายอย่างบ้าคลั่งว่า “คุณจะทิ้งผมไม่ได้นะ...กูทำงานหาเงินให้มึง มึงจะทิ้งกูเหรอ!!”
“รู้แล้วใช่ไหมว่าถูกถีบหัวส่งมันเป็นยังไง...น่าสมเพชจริงๆ” นลินียิ้มสะใจ
แม้แมตต์จะรู้ว่าตุลไม่อยู่แล้ว แต่เขาก็โล่งใจที่เธอหลุดพ้นข้อกล่าวหาแล้ว...
โรสเอาข้าวต้มมัดไปฝากแมตต์ที่สวนสัตว์ แมตต์ชมว่าอร่อยจัง โรสถามว่าเมื่อไหร่เราจะกลับมากินของอร่อยๆกันเหมือนเดิม หรือต้องรอให้สองคนนั้นอุ้มลูกกลับมาก่อน
“เขามีความสุข เราก็ควรยินดีกับเขา เพราะความสุขของเขา ทำให้เรามีความสุขไปด้วย”
โรสกับแมตต์ยิ้มให้กันแกนๆ ต่างจมอยู่ในความคิดของตัวเอง...
ooooooo
ในห้องเรียนมหาวิทยาลัยที่อิตาลี ฐานัทและเพื่อนนักศึกษาต่างชาติอื่นๆต่างฟังอาจารย์บรรยายอย่างตั้งอกตั้งใจ แล้วฐานัทก็ออกไปพรีเซนต์งานอย่างคล่องแคล่วมั่นใจ
พอเลิกคลาส ฐานัทเก็บสมุดสเกตช์และหนังสือ หยิบสมุดแพลนเนอร์ขึ้นมาขีดฆ่าลงในปฏิทินที่เขียนว่า “First presentation”
เวลาเดียวกัน ตุลก็บันทึกลงในปฏิทินว่า “สำรวจปะการังใต้ทะเลวันที่ 1” เธอนำกลุ่มอาสาสมัครต่างชาติทั้งชายและหญิงในชุด wet suit ตุลบรรยายขั้นตอนการดำน้ำสำรวจปะการังให้กลุ่มอาสาสมัครฟัง แล้วจึงนำทุกคนลงเรือสปีดโบ๊ตที่จอดรออยู่...
หนึ่งเดือนผ่านมา...ตุลกับอโนมาและดารินทร์วีดิโอคอลคุยกัน อโนมาถามว่าพี่นัทเป็นยังไงบ้าง ตุล บอกว่าสบายดี ถามตุลว่าเหงาไหม ตุลบอกว่าเป็นอาสาสมัครที่นี่วันๆเจอฝรั่งเยอะแยะ แค่วุ่นวายเรียนภาษาเพื่อคุยกับเขาให้รู้เรื่องก็ไม่มีเวลาจะเหงาแล้ว
ตุลถามถึงนลินี อโนมาเล่าว่าคุณแบรดประกันตัวออกมาแล้ว ส่วนทักษะกลายเป็นหมาหัวเน่า พอหมดประโยชน์ เมียไฮโซก็เขี่ยทิ้งไปคว้าผู้จัดการคนใหม่ทันที ดารินทร์เสริมว่า แถมถูกเมียไฮโซโยกสมบัติทุกอย่างเป็นชื่อตัวเองหมด ตอนนี้ถ้าไม่มีเงินมาประกันตัวก็ติดคุกหัวโตแน่
ตุลเลียบเคียงถามถึงฌอน ถูกดารินทร์ดักคอว่าไม่ต้องทำเป็นถามถึงคนนั้นคนนี้ จะถามถึงแมตต์ก็ถามมาตรงๆเลย บอกว่าแมตต์กับโรสก็คงจะแต่งงานกันเพราะตุลบอกว่าเขาหมั้นกันแล้ว
ทั้งอโนมาและดารินทร์บอกให้ตุลทำใจเสีย ยังไงเธอก็มีตนสองคนอยู่ข้างๆเสมอ ตุลวางสายมองไปที่ชายหาดเวิ้งว้างอย่างเศร้าเหงา...เดียวดาย...
ผ่านไปเดือนครึ่งแล้ว...ตุลกับบัดดี้อาสาสมัคร ดำน้ำเก็บขยะในซอกหินและปะการังกันอย่างแข็งขัน ฝ่ายฐานัทก็จดไว้ในสมุดแพลนเนอร์ช่วงปลายเดือนว่า “final presentation”
ooooooo
ที่ร้านข้าวต้มมัด...โรสทำข้าวต้มมัดม่วนใจ๋ไฮโซ จนสมาคมนักธุรกิจเชิญไปรับรางวัลที่เดอะดาราทีวี โรสแต่งตัวสวยไปรับรางวัล บุญลือกับสมฤดีชมว่าโรสสวยมาก ชวนถ่ายรูปไว้เป็นที่ระลึก และอาจติดโชว์ไว้ที่ร้านด้วย
กลับถึงบ้านโรสดูรูปตัวเองรับถ้วยรางวัลที่ถ่ายคู่กับแมตต์อย่างภูมิใจ โรสเปิดเข้าไลน์ฐานัทแนบรูปทั้งหมดเตรียมส่ง แต่แล้วก็ลังเลว่าจะส่งดีหรือไม่ดี ถามรูปตัวเองถ่ายกับพิมมี่ที่วางอยู่หัวเตียงว่า ถ้าส่งไปแล้ว ตุลมาเห็นจะคิดมากไหม สุดท้ายก็พูดเองเออเองว่า
“แต่เขาก็อยู่ด้วยกันตั้ง 3 เดือนแล้วนะ ตุลไม่น่าจะคิดมาก” แต่คิดไปคิดมากลัวเสียภาพลักษณ์ตัดสินใจจะไม่ส่ง แต่บังเอิ๊ญ...ทำโทรศัพท์หล่นกระเด็นตกบนเตียง พอหยิบขึ้นมาดู โรสก็ตะลึงตาค้าง เมื่อเห็นว่ารูปทั้งหมดถูกส่งไปแล้ว! โรสรีบพิมพ์ข้อความส่งตามไปว่า
“ขอโทษๆๆ ส่งผิดห้อง”
“อีกสองวันผมจะกลับเมืองไทย คุณเอารางวัลมาให้ผมดูด้วยนะ” ฐานัทตอบกลับมาทันที โรสดีใจจนกรี๊ดดิ้นอยู่บนเตียง แต่พอนึกได้ก็ถามตัวเองว่าดีใจอะไรนักหนา เขาแต่งงานแล้วนะ...แต่ก็อดอ่านซ้ำและยิ้มกับข้อความที่ฐานัทตอบมาไม่ได้
ooooooo
คืนนี้แมตต์ชวนมนตรีกับโตมรมาเที่ยวที่ร้านคาราโอเกะ พอเมาความอัดอั้นก็ถูกระบายออกมาว่า ตนอกหักเพราะตุลถึงสองครั้ง ครั้งแรกตุลแย่งแองจี้ไป ครั้งที่สองตุลทำตนอกหักเพราะไปรักฐานัท
ด้วยความรักที่มีต่อเจ้านาย มนตรีกับโตมรวีดิโอคอลกับตุล บอกว่าตุลต้องรับผิดชอบ ก้มหน้าก้มตารับกรรมให้ดีเลย แล้วพากันแผดเสียงร้องเพลง “คู่คอง” ให้ตุลฟัง ตุลเห็นสภาพเมาปลิ้นของแมตต์ก็ตกใจ
รุ่งขึ้นโรสมาบอกแมตต์อย่างตื่นเต้นสุดๆว่าฐานัทกำลังจะกลับมา แมตต์ถามว่าเพิ่งจะไปสามเดือน ไหนบอกว่าจะไปห้าเดือน โรสนึกได้หน้าเจื่อนถามว่า สงสัยตุลจะท้อง
แมตต์ทำใจไม่ได้ ขอลาพักร้อนกับแบรด 2-3 วัน แบรดให้ 5 วันเลยเพราะตอนนี้งานลงตัวแล้ว
แมตต์เดินทางไปหา ดร.ธรณ์ที่กระบี่ทันที บอกว่าพอดีงานลงตัวแล้วเลยอยากมาช่วย
ที่กระบี่นี่เอง...แมตต์เจอกับตุลที่ไปปล่อยปลาการ์ตูนลงทะเล ทั้งสองมองหน้ากันช็อกพูดไม่ออก ดร.ธรณ์แนะนำตุลแก่แมตต์ว่าเพิ่งเข้ามาทำงานได้สามเดือน เธอโทร.มาสมัครงาน ตนเลยให้มาประจำที่กระบี่ แล้ว ดร.ธรณ์ก็ขอตัวเพราะมีวีดิโอ คอนเฟอเรนซ์กับทางกรุงเทพฯ ฝากให้ตุลช่วยพาแมตต์ไปส่งที่รีสอร์ตด้วย
ระหว่างนั้นโรสโทร.หาแมตต์บอกว่าฐานัทกลับมาแล้วแต่มาคนเดียว สงสัยว่าตุลท้องเลยไม่มา แมตต์ที่เจอตุลแล้วบอกโรสว่าตุลไม่ได้ท้อง โรสถามว่ารู้ได้ไง จู่ๆฐานัทก็เข้ามากระซิบโรสว่า ก็ตนยังไม่มีเมีย โรสตกใจขอวางสายกับแมตต์ทันที
ตุลทำหน้าที่อย่างดีแต่ไร้อารมณ์ ส่งแมตต์ถึงที่พักแล้วจะกลับ แมตต์ตามไปคว้าแขนไว้ถามว่า ถ้าเอาแต่หนีหน้าอย่างนี้แล้วจะรู้ความจริงได้ยังไง
“ความจริงอะไร” ตุลหยุดถามหน้านิ่งเสียงเฉย
“ผมไม่ได้หมั้นกับโรส เราสองคนไม่เคยคิดที่จะแต่งงานกันด้วยซ้ำ” ส่วนเรื่องแหวนหมั้น แมตต์ชี้แจงว่า เป็นของขวัญวันเกิดพิมมี่ แต่โรสเอาไปลองแล้วถอดไม่ออก และนิ้วที่ใส่ก็เป็นนิ้วนางขวาด้วย!
ตุลอึ้งถามแก้เก้อว่าแล้วมาบอกตนทำไม แล้วเขามาทำอะไรที่นี่ แมตต์บอกว่าพอรู้ว่าเธอไปกับฐานัท ตนก็ทนอยู่ที่นั่นไม่ได้แล้ว ถามว่าแล้วทำไมเธอถึงไม่ไปอิตาลี?
ความลับถูกเผยออกมาจากปากของตุลเองว่า
ตนรู้จากฐานัทว่าคนที่ช่วยชีวิตตนจากการจมน้ำคือเขา
ตุลขอบคุณ ตัดพ้อว่าน่าจะบอกตนบ้าง
ตุลยังรู้อีกว่า ไม่เพียงครั้งนี้ครั้งเดียว แมตต์ยังช่วยเธอฟื้นจากสลบที่ถูกมอเตอร์ไซค์เฉี่ยวชนด้วย
แมตต์พูดแล้วเดินไปเลย ตุลเป็นฝ่ายจ้ำตาม พลางตะโกนเรียกให้กลับมาพูดกันก่อน เห็นเขาไม่ฟังก็สั่ง
“หยุด!! กลับมาตอบคำถามฉันเดี๋ยวนี้!!!” แมตต์หยุดทันที หันมาจิกตาเจ้าเล่ห์เดินเข้ามาถามว่า
“จะให้ผมกลับไปหาคุณใช่ไหม แต่ผมไม่รับรองนะว่าจะมีการช่วยชีวิตกันเป็นครั้งที่สามหรือเปล่า”
ตุลใจเต้นแรงหัวใจแทบจะหลุดออกมาข้างนอก เธอตัดสินใจวิ่งหนี คราวนี้แมตต์ไม่ปล่อย วิ่งตามไป พอตามทันตุลยกมือไว้บอกเราดีกันแล้วนะ หายใจไม่ทันแล้ว
“หายใจไม่ทันยิ่งต้องเป่าปาก!” แมตต์ก้าวเข้าหา มองตุลอย่างอ่อนโยนจริงใจ จับมือไว้ถามว่า “ผมเคยบอกคุณหรือยังว่า ผม...รักคุณ”
ตุลหัวใจพองฟู ยืนมองและยิ้มให้กันท่ามกลางสายลมเสียงคลื่นและแดดอ่อนๆอันสดใส...
ooooooo
ฐานัทขับรถให้โรสส่งข้าวต้มมัดโดยโรสนั่งกำกับมาตลอดทาง ทั้งสองต่างเปิดใจที่ปิดบังมานาน เพราะขณะนั้นต่างคนก็มีอีกคนอยู่...แต่วันนี้ เมื่อต่างคนก็ไม่มีใครแล้ว ทั่งคู่เปิดใจให้กันและฐานัทก็ขอโรสแต่งงาน
ฝ่ายพิมมี่กับฌอน เมื่อปรับตัวเข้าหากันแล้ว ก็ช่วยกันทำงานอย่างมีความสุข
คู่ที่ฟลุคเข้ามาด้วยคือ โตมรกับอโนมา หลังจากจิกๆกัดๆกันมานาน ในที่สุดกลายเป็นความรัก แม้จะไม่ หวานชื่นเหมือนคู่อื่นแต่ก็สมน้ำสมเนื้อ เข้ากั๊นเข้ากัน...
ดารินทร์กับพี่อาร์ตที่รักกันมาตั้งแต่อยู่ ม.4 ผ่านมาเกือบสิบปีแล้ว เมื่อคู่รอบข้างลงเอยกันอย่างมีความสุข ดารินทร์ถามพี่อาร์ตว่าเมื่อไหร่จะมาขอสักที พี่อาร์ตบอกว่า
“ใจเย็นๆ น้องดาน่ารักขนาดนี้ พี่ไม่เปลี่ยนใจไปไหนหรอก แต่งช้า แต่แต่งชัวร์”
หนึ่งเดือนต่อมา...ยามเย็นที่ชายหาดแสนโรแมนติก ตุลญาณากับแมตต์ เมธากวิน จับมือกันเดินที่ชายหาดไปยังเรือที่จอดรออยู่ที่ท่า...ตุลญาณาเอ่ยขึ้นอย่างมีความสุขว่า...
“แล้วเรื่องชุลมุนวุ่นวายของพวกเราก็จบลงอย่างราบรื่น...โลกสวยงามรอเราอยู่ข้างหน้า ถ้าเราอดทน พยายามเข้าใจซึ่งกันและกัน เชื่อมั่นในความเป็น ‘มนุษย์’ ของเรา และให้เกียรติ ‘มนุษย์’ อื่น แต่นั่นยังไม่พอเพราะเราไม่ได้อยู่ในโลกนี้ตามลำพัง เรามีเพื่อนที่มีชีวิตอันน่ามหัศจรรย์อยู่กับเราทั่วทุกมุมโลก เพื่อนที่มีลมหายใจ มีชีวิต ต้องการความเข้าใจ ใส่ใจ และไม่อยากถูกใครเบียดเบียนเหมือนเรา”
ตุลญาณาหันสบตาแมตต์เอ่ยด้วยความหวัง...
“ถ้าเรานับทุกชีวิตเป็นเพื่อนกับเรา โลกคงน่าอยู่นะคะ”
“งดงามเลยล่ะ...โลกคงงดงามที่สุด”
ทั้งสองมองท้องทะเลสีครามต้องแสงอาทิตย์อัสดง ต่างหวังเต็มหัวใจว่าโลกจะงดงามอย่างที่ฝัน...
ooooooo
-อวสาน-










