ตอนที่ 10
แพรวได้เจอพัสสนในแหล่งกบดานของเสี่ยทับ สองพี่น้องสวมกอดกันร้องไห้ด้วยความดีใจ แต่เมื่อได้ยินเสี่ยทับติดต่อไปยังต้นกล้าบอกให้เขามาหา แพรวรู้ทันทีว่าเสี่ยทับต้องการชีวิตคนรักของตน
เพื่อความปลอดภัยของแพรว ต้นกล้าจะไปพบเสี่ยทับคนเดียว แต่พวกศุภโชคไม่ยอม ใช้วิธีตามไปห่างๆด้วยการซ่อนสัญญาณติดตามตัวขนาดเล็กไว้ในปากกาของต้นกล้า
เมื่อต้นกล้าเผชิญหน้ากับพวกเสี่ยทับ เป็นเวลาที่พัสสนกำลังไข้ขึ้นตัวร้อนจัด เสี่ยทับก่นด่าอาฆาตต้นกล้าเพราะเข้าใจว่าเขาฆ่าฐาปนิสร แต่พอต้นกล้าพูดความจริงว่าฆาตกรตัวจริงคือจ่ายศ แน่นอนว่าจ่ายศต้องหาทางเอาตัวรอด
แต่หลักฐานที่ต้นกล้ามีทำให้จ่ายศปฏิเสธไม่ออก ฐาปนิสรแอบอัดคลิปเสียงขณะทะเลาะกับจ่ายศและจะโดนเขาข่มขืนเอาไว้แล้วมอบให้ต้นกล้าเอาไว้ก่อนตาย
เมื่อความจริงปรากฏ เสี่ยทับโกรธแค้นแทบกระอัก สั่งลูกน้องจับตายจ่ายศมาให้ได้ ต้นกล้าแบ่งลูกทีมส่วนหนึ่งให้ช่วยแพรวพาพัสสนออกไป ส่วนตัวเองกับลูกทีมที่เหลือรีบตามพวกเสี่ยทับ แต่จ่ายศโชคดีหนีรอดไปได้ ขณะที่เสี่ยทับโดนต้นกล้าจับได้โดยละม่อมในข้อหาค้าแรงงาน เถื่อน อาวุธสงคราม และยาเสพติด
จ่ายศหนีกลับมาที่ท่าเรือแล้วเจอมะเดี่ยวสกัดไว้ ต้นกล้าได้รับการแจ้งข่าวจากมะเดี่ยวแต่พวกเขามาช้าเกินไป มะเดี่ยวถูกจ่ายศยิงอาการเป็นตายเท่ากัน ส่วนจ่ายศโดนทีมฉลามวาฬยิงร่างพรุนตายคาที่
มะเดี่ยวบอกลาเพื่อนร่วมทีมทุกคนก่อนสิ้นลมหายใจก่อนที่รถพยาบาลจะมาถึง ทุกคนสุดเศร้าและอาลัยต่อการจากไปของเพื่อนรัก แม้แต่แพรว หนึ่งนาที และเจ๊ญา พอรู้ข่าวก็ร่ำไห้น้ำตานองหน้า
ภีรชาช่วยดูแลอาการป่วยของพัสสนเป็นพิเศษทำให้แพรวคลายความกังวล เมื่ออาการป่วยดีขึ้นพัสสนสำนึกผิดต่อพี่สาวที่หนีออกจากบ้านจนต้องเผชิญชะตากรรมอันโหดร้าย แพรวเองก็ขอโทษน้องที่วู่วามเอาแต่บังคับกดดันเพราะหวังดี
สองพี่น้องปรับความเข้าใจกันได้ ฝ่ายวันเพ็ญพอรู้ข่าวพัสสนก็รีบเดินทางมาพร้อมพงศ์พันธุ์และจะรับตัวลูกชายกลับไปรักษาต่อที่นครสวรรค์ โดยให้แพรวกลับไปพร้อมกันด้วย แต่แพรวอิดออดเพราะ
ยังห่วงต้นกล้าและไม่อยากอยู่ไกลกัน
วันเพ็ญขอบใจต้นกล้าที่ช่วยพัสสน แต่เธอไม่ยอมให้แพรวอยู่ต่อ แถมบอกลูกให้ตัดใจจากผู้ชายคนนี้ เมื่อแพรวยืนยันหนักแน่นว่าเธอกับต้นกล้ารักกัน ทำให้วันเพ็ญโกรธมากด่าแพรวใฝ่ต่ำ ทำแบบนี้เอกรินทร์ถึงได้หนีกลับเมืองนอก
ต้นกล้าตัดสินใจขอคุยกับวันเพ็ญเป็นการส่วนตัว เขายกมือไหว้วันเพ็ญพร้อมพูดจากใจว่า
“ผมขอโทษสำหรับทุกเรื่องนะครับ ไม่ว่าจะเป็นเรื่องในอดีตที่เกิดขึ้นระหว่างพ่อแม่ของผมและคุณน้า คุณน้ายกโทษให้พวกเราได้ไหมครับ”
“ทำไมฉันจะต้องยกโทษให้”
“เพราะว่าผมรักน้องแพรว และผมก็อยากให้น้องแพรวเข้ามาเป็นส่วนหนึ่งในครอบครัวของผมครับ”
“แต่ฉันเกลียดเธอ และฉันก็เกลียดพ่อแม่ของเธอด้วย รู้เอาไว้นะ ครอบครัวของฉันและครอบครัวของเธอไม่มีวันจะอยู่ร่วมโลกกันได้”
“ทำไมคุณน้าถึงต้องผูกใจเจ็บขนาดนี้ด้วยครับ ทั้งๆที่เรื่องก็ผ่านไปตั้งนานแล้ว”
“ฉันไม่สน เกลียดก็คือเกลียด ไม่มีอะไรมาเปลี่ยนความรู้สึกฉันได้”
“ถ้าอย่างนั้นคุณน้าเกลียดผมเพราะอะไรครับ เพราะผมเป็นคนเลว หรือผมเคยทำอะไรให้คุณน้าต้องเจ็บช้ำน้ำใจ คุณน้ายังไม่เคยรู้จักตัวตนจริงๆของผมด้วยซ้ำ ขอให้ผมได้พิสูจน์ตัวเองว่าผมเป็นผู้ชายที่ดีพอที่จะรักและดูแลน้องแพรวให้คุณน้าเห็นจะได้ไหมครับ”
“ฉันไม่ให้! ฉันไม่สนใจว่าแกจะเป็นคนดีแค่ไหน เพราะแกเป็นลูกของคนที่ฉันเกลียด แกเปลี่ยนพ่อแม่ของแกได้ไหมล่ะ”
แพรวที่ฟังอยู่ทนไม่ไหวเดินออกมาขอร้องแม่ แต่วันเพ็ญไม่ฟังอะไรทั้งนั้น สั่งแพรวรีบกลับไปเก็บข้าวของแล้วเลิกกับต้นกล้า จากนั้นก็ฉุดกระชากแพรวออกไป พงศ์พันธุ์เศร้าใจที่ไม่สามารถช่วยน้องสาวได้ เจ๊ญากับหนึ่งนาทีสงสารและเห็นใจแพรวแทบกลั้นน้ำตาไม่อยู่
ในที่สุดแพรวต้องกลับนครสวรรค์พร้อมแม่ เธอมาบอกลาต้นกล้าและขอโทษแทนแม่ ต้นกล้าเข้าใจแม่ของเธอดี ท่านฝังใจกับความโกรธเกลียดมานาน ไม่ว่าจะเกิดปัญหาอะไรขึ้นระหว่างเรา เขาจะรักเธอคนเดียวเสมอ ขอแค่เธออย่าเพิ่งท้อ ให้คิดเสมอว่าความพยายามอยู่ที่ไหนความสำเร็จอยู่ที่นั่น เขาจะหาทางเอาชนะใจแม่ของเธอให้ได้
“น้องแพรวกลับบ้านกับคุณแม่ แล้วไม่ต้องกังวลอะไร ทำหน้าที่ลูกให้ดีที่สุด และเชื่อในความรักของเราก็พอ ตราบใดที่น้องแพรวยังรักพี่ สักวันเราสองคนต้องได้กลับมาอยู่ด้วยกัน พี่สัญญา”
“แพรวไม่มีวันเปลี่ยนใจจากพี่ต้นกล้า ต่อให้นี่เป็นวันสุดท้ายที่เราจะได้จับมือกัน แพรวก็จะรักพี่ต้นกล้าคนเดียวตลอดไปค่ะ” แพรวพูดแล้วจะร้องไห้ ต้นกล้ากอดปลอบเธอทั้งที่ตัวเองก็รู้สึกแย่
ooooooo
ในระหว่างที่ครอบครัวของวันเพ็ญกลับมาอยู่กันพร้อมหน้าที่นครสวรรค์ ทีมฉลามวาฬของต้นกล้า ได้ปฏิบัติภารกิจร่วมกับเรืออากาศเอกกรัณย์ สังกัดกองบิน 23 กองทัพอากาศ กวาดล้างขบวนการค้า แรงงานเถื่อนซึ่งเป็นเครือข่ายคนสำคัญของเสี่ยทับ
ศักดามีลูกน้องจำนวนมากที่จะรับมือกับทางการ หนำซ้ำเขายังจับหนึ่งนาทีที่ตกกระไดพลอยโจนมารวมกลุ่มกับแรงงานเถื่อนขณะพยายามเข้ามาทำข่าวไว้เป็นตัวประกัน
หนึ่งนาทีกลัวมากแต่ยังอุตส่าห์ใช้โทรศัพท์มือถือ ไลฟ์สดเผยแพร่เหตุการณ์ปะทะกันระหว่างพวกศักดากับทหาร ซึ่งครอบครัวแพรวและต้นกล้าต่างรับรู้ด้วยความเป็นห่วงทุกคน
นอกจากมีลูกน้องจำนวนมากและตัวประกันแล้ว ศักดายังมีทั้งอาวุธสงครามและระเบิด ทำให้ทีมทหารยากลำบากต่อการปฏิบัติงาน เพราะต้องระวังเป็นพิเศษเพื่อไม่ให้ตัวประกันและแรงงานเถื่อนเป็นอันตราย
แต่ไม่ว่าศักดาจะฤทธิ์เยอะแค่ไหนก็พ่ายแพ้ให้กับความเก่งกาจรอบคอบของทหารอยู่ดี ศักดาถูกจับดำเนินคดีพร้อมลูกน้องจำนวนหนึ่งที่รอดตาย ส่วนพวกแรงงานเถื่อนและหนึ่งนาทีปลอดภัย ญาติที่เฝ้ารอต่างรับขวัญกันด้วยความดีใจ
บุญเกิดกับจุกพ่อแม่ของต้นกล้าโล่งใจที่ลูกชายปลอดภัย แต่สำหรับแพรวต้องการไปดูให้เห็นกับตาจึงพยายามขออนุญาตวันเพ็ญแต่ไม่สำเร็จ ทำให้เฮียเพ้งไม่ชอบใจเพราะสงสารลูกสาว และทนเห็นความเผด็จการของวันเพ็ญไม่ได้ ถามอย่างอัดอั้นขณะอยู่กันสองคนว่า
“คุณคงมีความสุขแล้วสินะ”
“อย่ามาประชดฉัน”
“ผมไม่ได้ประชด ที่คุณทำทุกอย่างลงไปก็เพื่อให้มันเป็นแบบนี้ไม่ใช่เหรอ ถ้าคุณไม่ชอบผลที่เกิดขึ้น แล้วคุณทำทำไม”
“คุณไม่เข้าใจ ฉันทำทุกอย่างก็เพื่อลูก”
“ใครกันแน่ที่ไม่เข้าใจ เด็กมันรักกันจริงๆ ไอ้เรื่องเก่าๆของคุณมันจบไปนานแล้ว คุณอย่าเอาปัญหาไปลงที่เด็กได้ไหม บอกตามตรงบางครั้งผมไม่รู้ว่าทำไมคุณยังฝังใจอยู่อีก หรือว่าคุณยังไม่ลืมบุญเกิด”
“ฉันเปล่า”
“แล้วทำไมยังโกรธเขาอยู่”
“ก็...ก็มันเป็นเรื่องศักดิ์ศรี พูดไปคุณก็ไม่เข้าใจ”
“งั้นผมถามอีกแค่คำเดียว ระหว่างศักดิ์ศรีของคุณ กับความสุขชั่วชีวิตของลูก อะไรสำคัญกว่ากัน”
วันเพ็ญอึ้งไปครู่ใหญ่ก่อนตอบ “ถึงไอ้ต้นกล้าจะไม่ใช่ลูกนังจุกกับบุญเกิด ฉันก็ยังไม่ชอบที่มันเป็นทหาร คุณก็เห็นแล้วนี่ว่างานของมันน่ะเสี่ยง จะตายวันตายพรุ่งก็ไม่รู้ แล้วฉันจะฝากลูกไว้กับคนแบบนั้นได้ยังไง”
“แต่ลูกเรารักเขา และสิ่งที่สำคัญที่สุดสำหรับคนเป็นพ่อเป็นแม่ก็คือความสุขของลูก ลองถามตัวเองให้ดีว่าความสุขของคุณคืออะไร”
วันเพ็ญพูดไม่ออก เริ่มสับสนว้าวุ่นใจ ครู่ต่อมาตั้งใจจะไปคุยกับแพรว แต่เห็นลูกหน้าตาหมองเศร้าเดินไปอีกทางจึงไม่กล้าเรียก พลันสะดุดตากับสมุดเล่มหนึ่ง ที่แพรววางทิ้งไว้
สมุดบันทึกของแพรวที่บรรจงเขียนความทรงจำสวยงามที่สุดในชีวิตทำให้วันเพ็ญรับรู้ความรู้สึกนึกคิดของลูกที่มีต่อต้นกล้า
“เคยมีคนบอกฉันว่าความรักคือของขวัญที่งดงามที่สุด แต่ไม่มีใครเตือนฉันเลยว่าการจะได้ของขวัญชิ้นนี้มาครอบครอง บางครั้งมันมีสิ่งที่ต้องแลกมา ฉันรักผู้ชายคนหนึ่งมาก และมั่นใจว่าเขาก็รักฉันมากเช่นกัน...
อันที่จริงฉันเคยพยายามเกลียดเขา แต่ทุกอย่างที่เกิดขึ้นระหว่างเรา ความดี ความจริงใจของเขา ทุกสิ่งที่เขาทำเพื่อฉันมันกลายเป็นความผูกพัน กว่าจะรู้ตัว เขาก็กลายเป็นคนที่สำคัญที่สุดในชีวิตของฉันไปแล้ว...ช่วงเวลาที่เราได้อยู่ด้วยกัน ฉันมีความสุขมาก ฉันรู้ว่านี่คือของขวัญชิ้นเดียวที่ฉันต้องการ แต่ของขวัญชิ้นนี้มีสิ่งที่ต้องแลก เมื่อคนที่ฉันรักที่สุดอีกคนเกลียดเขามาก และไม่ต้องการให้เราอยู่ด้วยกัน”
อ่านมาถึงตรงนี้วันเพ็ญเริ่มมือสั่น น้ำตาคลอด้วยความสงสารลูก
“สำหรับฉันไม่มีอะไรเจ็บปวดไปมากกว่าการต้องทำร้ายคนที่เรารักและรักเราอีกแล้ว ฉันตกอยู่ในสถานการณ์ที่เลือกไม่ได้...ในที่สุดฉันต้องยอมรับว่าเราสองคนคงไม่มีโอกาสได้ใช้ชีวิตร่วมกัน แต่ฉันไม่เคยเลิกรักเขา...สิ่งเดียวที่ฉันทำได้คือการเขียนบันทึกเล่มนี้ขึ้นมา เพื่อเป็นตัวแทนความทรงจำของเรา เพื่อเป็นกำลังใจวันที่เราต้องแยกจากกัน และมีชีวิตอยู่ต่ออย่างคนที่ไร้หัวใจ”
ข้อความย่อหน้าสุดท้ายนั้นบาดลึกในใจวันเพ็ญจนไม่สามารถปิดกั้นความรักของลูกสาวได้อีกต่อไป เธออนุญาตให้แพรวไปหาต้นกล้าได้แต่ต้องเป็นวันพรุ่งนี้เพราะวันนี้มืดค่ำแล้ว
ทุกคนดีใจมาก เฮียเพ้งปลาบปลื้มที่วันเพ็ญเห็นแก่ความสุขของลูกมากกว่าตัวเอง แต่ไหนๆก็ไหนๆแล้ว เฮียเพ้ง ยังอยากให้วันเพ็ญกับจุกแม่ของต้นกล้าคืนดีกันด้วย จึงร่วมมือกับบุญเกิดวางแผนให้สองคนนี้ได้ปรับความเข้าใจ ลืมเรื่องราวในอดีต ซึ่งทั้งคู่ก็ไม่บ่ายเบี่ยง แต่ยังคงมีอาการ เคอะเขินต่อกันบ้าง
ooooooo
แพรวมาที่กองเรือพร้อมพงศ์พันธุ์และวันเพ็ญ ต้นกล้าแทบไม่เชื่อสายตา สวมกอดแพรวด้วยความคิดถึง พอรู้ว่าวันเพ็ญอนุญาตให้เขากับแพรวคบกันได้ ต้นกล้ายิ้มแก้มปริ คาดไม่ถึงว่าจะมีวันนี้
“ขอบคุณมากนะครับที่คุณน้าให้โอกาสผม ผมจะรักและดูแลแพรวให้ดีที่สุด จะไม่ทำให้คุณน้าผิดหวัง”
“ยังมีอีกเรื่อง คงจำได้ที่ฉันเคยพูดกับเธอ...ยัยแพรว เป็นแก้วตาดวงใจของฉัน เธอรับปากว่าจะดูแลลูกสาวฉันแล้วก็ห้ามทิ้งกลางคันเด็ดขาด ต่อไปนี้เธอต้องรักษาตัวเอง ให้ดี ห้ามเจ็บ ห้ามตาย เข้าใจมั้ย”
“เข้าใจครับคุณน้า”
“ยังจะเรียกน้าอยู่อีก”
ต้นกล้าหันไปสบตาแพรวด้วยความดีใจก่อนหันกลับมาพูดใหม่ “ครับคุณแม่”
วันเพ็ญยิ้มให้ต้นกล้าเป็นครั้งแรก และรู้สึกสบายใจเมื่อเห็นสีหน้าของแพรวเต็มไปด้วยความสุข
ค่ำคืนนั้นต้นกล้าจูงมือแพรวเดินเล่นไปตามชายหาด ท่ามกลางบรรยากาศเย็นสบายและหัวใจที่สุขสดชื่นของทั้งคู่
“มีความสุขที่สุดเลยค่ะ ในที่สุดเราสองคนก็มีวันนี้”
“พี่ก็เหมือนกันครับ ตั้งแต่วันนี้เป็นต้นไป พี่จะไม่ปล่อยให้น้องแพรวหลุดมือไปอีกแล้วครับ”
“พี่ต้นกล้าต้องรักษาสัญญาที่ให้ไว้กับแม่นะคะ ต้องดูแลแพรวให้ดีมากๆ ห้ามทิ้งแพรวไปไหน”
ต้นกล้าชะงักเล็กน้อย ทำให้แพรวนิ่วหน้าสงสัย ถามว่าเป็นอะไร
“มีเรื่องหนึ่งพี่ยังไม่ได้บอกน้องแพรว พี่จะต้องไปฝึกที่ต่างประเทศ...แบบนี้ถือว่าทิ้งน้องแพรวหรือเปล่าครับ”
“ทำไมเพิ่งมาบอกคะ”
“พี่ก็อยากจะบอกนะครับ แต่ช่วงที่ผ่านมาพี่ติดต่อ น้องแพรวไม่ได้”
“พี่ต้นกล้าอ่ะ รู้งี้ไม่มาหาดีกว่า พอเรามาก็ทิ้งเรา”
“พี่ไม่ได้ทิ้งนะครับ โธ่น้องแพรว อย่าโกรธพี่เลยนะ นะครับคนดี...นะๆๆ”
“ล้อเล่นค่ะ แพรวไม่โกรธหรอก การไปฝึกก็เป็นหน้าที่หนึ่งของทหาร แต่พี่ต้นกล้าต้องสัญญานะคะว่าจะรักษาตัวเองอย่างดี แล้วก็ต้องคิดถึงแพรวทุกวันด้วย”
“ได้เลยครับพ้ม พี่จะตั้งใจฝึกและจะรีบกลับมาหาน้องแพรว ถ้าน้องแพรวคิดถึงพี่ ก็ให้มองดาวดวงนั้นนะครับ”
ต้นกล้าชี้มือไปบนท้องฟ้า แพรวแหงนหน้ามอง เลยเสียรู้โดนต้นกล้าขโมยหอมแก้มไปหนึ่งฟอด
ooooooo
หลังจากต้นกล้าไปต่างประเทศ แพรวกลับมาอยู่นครสวรรค์กับครอบครัวอย่างมีความสุข แล้ววันหนึ่งก็เริ่มเขียนบันทึกเรื่องราวดีๆลงในไอดารี่อีกครั้ง
“พี่ต้นกล้าต้องไปฝึกหกเดือน ฉันเลยต้องกลับบ้าน แต่คราวนี้ไม่เหมือนกับครั้งก่อน ฉันได้เห็นว่าแม่รักฉัน และพยายามเปิดใจให้ความรักของฉันจริงๆ แม้แต่พ่อยังบอกว่าไม่เคยคิดเลยว่าแม่จะทำได้...โชคดีที่แม่ของพี่ต้นกล้าก็เป็นคนใจกว้าง ตอนนี้ฉันเลยมีแม่สองคน พวกเขาเริ่มจะเข้ากันได้แล้ว...”
“ส่วนเพื่อนรักของฉัน หนึ่งกับเจ๊ญาก็กำลังมีเรื่องดีๆเหมือนกัน หนึ่งได้รับรางวัลนักข่าวดีเด่น ซึ่งก็เป็น ผลจากความตั้งใจทำงานของหนึ่งนั่นแหละ ตอนนี้หนึ่งเลยยิ่งไฟแรง ทุ่มเทกับงานสุดๆ ความรักของเจ๊ญาก็ราบรื่นมาก เห็นว่าตอนนี้เจ๊มีแผนจะย้ายไปอยู่ที่สัตหีบถาวรแล้ว”
“และสำหรับเรื่องของฉัน ฉันเพิ่งแก้ต้นฉบับนิยายเรื่องความรักระหว่างทหารเรือหนุ่มกับนักเขียนสาวช่างฝัน รอบที่สามเสร็จ บก.ให้ผ่านแล้ว กำลังรอตีพิมพ์ แต่เรื่องที่ทำให้ฉันมีความสุขมากที่สุดไม่ใช่นิยายผ่าน แต่เป็น วันพรุ่งนี้ฉันจะได้เจอกับคนที่ฉันรักมากที่สุด”
แพรวยิ้มแววตาเป็นประกาย...แล้ววันถัดมาก็เดินทางไปยังกองเรือยุทธการที่สัตหีบ รอการกลับมาของต้นกล้าอย่างใจจดใจจ่อ พอใกล้เวลายิ่งกระสับกระส่าย
“ทำไมป่านนี้ยังไม่กลับมาอีก”
สิ้นเสียงบ่นของเธอ เสียงต้นกล้าดังขึ้นทันที
“น้องแพรวครับ”
แพรวหันขวับไปตามเสียงเรียก ยิ้มกว้างด้วยความดีใจ ต้นกล้าทิ้งกระเป๋าสัมภาระ ต่างวิ่งเข้ามาสวมกอดกัน แนบแน่น
“พี่ต้นกล้า...คิดถึงจังเลยค่ะ”
“พี่ก็คิดถึงน้องแพรวสุดหัวใจเหมือนกันครับ”
“แพรวลุ้นแทบตาย กลัวพี่กลับมาไม่ทันงาน”
“มันเป็นงานสำคัญสำหรับเราสองคน ยังไงพี่ก็ต้อง กลับมาให้ทันอยู่แล้ว”
“แพรวตื่นเต้นจังเลยค่ะ แล้วพี่ต้นกล้าล่ะคะ”
“พี่ก็ตื่นเต้นไม่แพ้น้องแพรวเหมือนกันครับ”
ooooooo
งานสำคัญที่ว่าคืองานแต่งงานของหิรัญญาหรือเจ๊ญากับเรือโทศุภโชคนั่นเอง ซึ่งงานนี้ถูกจัดขึ้นด้วยการร่วมแรงร่วมใจของเพื่อนทหารและคนใกล้ชิด บรรยากาศอบอวลไปด้วยความอบอุ่น เป็นกันเอง
ทีมฉลามวาฬช่วยจัดสถานที่อย่างขะมักเขม้น ครั้นเสร็จสมบูรณ์และจวนได้เวลาหนึ่งนาทีก็ถามหาเจ้าบ่าวเจ้าสาว ทะเลบอกว่าอาวุธกำลังไปตามเจ้าบ่าว ส่วนเจ้าสาวคงต้องรบกวนหนึ่งนาที
หนึ่งนาทีพยักหน้าแล้วจะรีบร้อนออกไป แต่เสียงต้นกล้าดังขึ้นเสียก่อน
“ไม่ต้องตามหรอก เจ้าบ่าวเจ้าสาวมาแล้ว”
อาวุธเดินนำต้นกล้ากับแพรวเข้ามา สายตาหลายคู่เขม้นมองด้วยความประหลาดใจ นึกว่าคู่นี้คือบ่าวสาว แต่พอสองคนผละออกห่าง เผยให้เห็นบ่าวสาวตัวจริงที่ยืน ยิ้มหน้าบาน
“เจ้าสาวสวยจนตะลึงเลยใช่ไหมคะ”
ทุกคนขานรับคำถามของแพรวเป็นเสียงเดียว หิรัญญาเขินมากจนหน้าแดงระเรื่อ ศุภโชคส่งสายตาหวานเยิ้มให้เจ้าสาวเป็นระยะ
ต้นกล้ารับหน้าที่พิธีกรงานแต่ง กล่าวก่อนจะเข้าพิธีลอดซุ้มกระบี่
“สวัสดีแขกผู้มีเกียรติทุกท่าน ตอนนี้เรากำลังจะเข้าสู่ช่วงพิธีสำคัญของงานนี้แล้วนะครับ นั่นคือพิธีลอดซุ้มกระบี่ พิธีนี้มีความหมายและความสำคัญในพิธีมงคลสมรส เนื่องจากเจ้าบ่าวเป็นนายทหาร โดยพิธีลอดซุ้มกระบี่นั้นมีขึ้นเพื่อเป็นเกียรติแก่เจ้าสาว ถือเป็นการรับเจ้าสาวเข้ามาเป็นคู่ชีวิตของเหล่าทหารเพื่อใช้ชีวิตร่วมกันครับ”
พูดถึงตรงนี้ต้นกล้าหันไปยิ้มแย้มให้แพรวสื่อความหมายว่าคือเธอด้วยในอนาคต
“ความหมายของการลอดซุ้มกระบี่คือคู่บ่าวสาวพร้อมแล้วที่จะใช้ชีวิตคู่ร่วมฟันฝ่าอุปสรรค ปัญหาต่างๆที่จะเกิดขึ้นด้วยความรักและความศรัทธา บัดนี้ได้เวลาอันเป็นมงคลแล้ว ขอเชิญแขกผู้มีเกียรติทุกท่านร่วมเป็นสักขีพยานแสดงความยินดีต่อพิธีการอันเป็นมงคล รับเอาดาวดวงใหม่เข้าสู่อ้อมกอดของเหล่าทหาร ณ บัดนี้”
นายทหารชั้นสัญญาบัตรเดินแถวเข้ามาตั้งซุ้มกระบี่ ศุภโชคและหิรัญญาจับมือกันเดินลอดซุ้มด้วยรอยยิ้มแห่งความสุขสมหวัง
เสียงปรบมือแสดงความซาบซึ้งและยินดีดังกราวใหญ่ หลังจากนั้นก็เป็นช่วงเวลาดื่มกินตามอัธยาศัย แต่แล้ว
สักครู่ต้นกล้าเพิ่งรู้สึกว่าแพรวหายไป เขาเดินตามไปเจอเธอที่ชายหาด สวมกอดจนเธอสะดุ้ง
“จับได้แล้ว แอบหนีพี่มาอยู่ตรงนี้เอง คิดอะไรอยู่ครับ”
“ไม่บอก”
“ไม่บอกพี่ปรับนะ”
“ไม่กลัว” ขาดคำ ต้นกล้าหอมแก้มเธอทันที พอเธอโวยวายเขาก็ยิ่งแกล้ง
“ไหนบอกไม่กลัวไง ทีนี้จะบอกพี่ได้หรือยัง ถ้ายังไม่พูดอีก พี่จะปรับน้องแพรวไปเรื่อยๆนะครับ”
ต้นกล้าไม่พูดเปล่า หอมแก้มแพรวซ้ายขวาจนเธอร้องลั่นว่า
“พอแล้วค่ะ บอกก็ได้...แพรวกำลังคิดว่าแพรวโชคดีมากที่ได้รักพี่ต้นกล้า พี่ต้นกล้าดีกับแพรว ทำทุกอย่าง เพื่อแพรวมากมาย จนแพรวไม่คิดว่าในโลกใบนี้จะมีคนแบบพี่ต้นกล้าอยู่ ขอบคุณมากนะคะ ขอบคุณที่รักแพรว ขอบคุณจริงๆค่ะ”
“พี่ต่างหากที่ต้องขอบคุณน้องแพรว ที่น้องแพรวเลือกพี่ ยอมรับและเข้าใจทุกอย่างที่เป็นพี่ สัญญากับพี่นะครับว่าจะอยู่กับพี่ตลอดไป”
“ค่ะ แพรวสัญญา”
นอกจากคำพูดสัญญาแล้ว แพรวยังยอมให้ต้นกล้า บรรจงจุมพิตเธออย่างดูดดื่มและเนิ่นนาน...
ooooooo
จบตอน “ราชนาวีที่รัก”










