สมาชิก

ท่านชายในสายหมอก

ตอนที่ 7

ยายขมดีใจที่ขิงตามไปชิงถุงกล้วยแขกจากแก้วมาได้ เธอขอดูภาพขิงที่แต่งเป็นชาย ขิงยิ้มแหยๆ ชี้ว่าอยู่ในท้องตุ๊ก โซว์เสนอให้ตุ๊กกินยาถ่าย แล้วค่อยเอามาให้ยายดู ยายขมทำท่าจะอ้วกส่ายหน้า โซว์หันมาขอบใจรุ้งที่บอกเรื่องนี้ รุ้งขอเปลี่ยนเป็นจูจุ๊บ ยายขมเอาไม้เคาะหัวรุ้งหาว่ากระแดะ โซว์ยิ้มขำๆเห็นขิงหายไป

ขิงมายืนปาก้อนหินลงน้ำอย่างหงุดหงิด ทำเสียงเลียนแบบรุ้งที่ขอเปลี่ยนจากคำขอบคุณเป็นจุ๊บ โซว์ตามมาได้ยินแกล้งตอบว่าได้ พร้อมยื่นหน้า ขิงหันมาสะดุ้ง เผลอตบหน้าเขา

“โอ๊ย ตบหน้าฉันทำไม”

“สมน้ำหน้า อยากยื่นหน้ามาใกล้ๆทำไม ฉันก็ตกใจน่ะสิ”

โซว์แกล้งทำเป็นเจ็บมาก ขิงหน้าเสียเข้ามาขอดู เขายิ้มตาเป็นประกาย เอ่ยขอบใจเธอ ขิงงงขอบใจเรื่องอะไร โซว์ว่าเรื่องที่เธอช่วยตน

“ฉันไม่ได้ช่วยนาย ฉันช่วยตัวเองต่างหาก”

“ผู้หญิงอะไรปากแข็ง”

ขิงยืนกรานว่าไม่ได้ปากแข็ง โซว์ยอมแพ้แต่จ้องหน้า จนเธอเขินหน้าแดงเงื้อมือขู่ “มองอะไร  เดี๋ยวโดนอีกข้างหรอก”

โซว์จับมือขิงไว้ เธอยิ่งหน้าแดงร้องให้ปล่อย เขาแกล้งดึงเธอเข้ามากอด ขิงใจเต้นรัว ตั้งสติกระทืบลงบนเท้าโซว์ เขาร้องลั่นรีบปล่อย เธอเดินหนีด้วยความอายสุดๆ

ooooooo

วันนี้ลัดลดามาทำสปาเล็บที่ร้าน เธอเอารูปที่ถ่ายกับเจ้าชายอย่างใกล้ชิด อวดพนักงานให้ฮือฮากันว่าเธอจะได้เป็นเจ้าหญิงของนิวแลนด์ ไม่ทันไร ติ๊งโหน่งโผล่มาค้านว่าไม่จริง สองสาวตบตีกันยกใหญ่ ถึงขนาดเอายาทาเล็บป้ายหน้ากัน แล้ววิ่งหนีออกมานอกร้าน

ด้วยความที่ติ๊งโหน่งแรงมากกว่า จึงขึ้นคร่อมบนตัวลัดลดาและจับหน้าเธอจะโขกพื้น

“อย่านะ อย่าจับหน้าฉันกระแทกพื้นนะ ฉันเสียเงินเป็นแสน กว่าจะได้หน้านี้มา”

ติ๊ง โหน่งหัวเราะสะใจ บอกให้เธออ้อนวอนขอร้องดีๆ ลัดลดารู้ว่าติ๊งโหน่งบ้ายอจึงรีบยกยอว่า “ติ๊งโหน่งผู้แสนดีและน่ารัก ว่าที่เจ้าหญิงแห่งนิวแลนด์”

เท่านั้นติ๊งโหน่งก็เคลิ้มลุกขึ้นยืนบิดไป มา ลัดลดาได้ทีถอดรองเท้าปาใส่หน้า ติ๊งโหน่งหลบทัน รองเท้าลอยไปโดนตำรวจจราจร ติ๊งโหน่งรีบปิดตาชี้ไปที่ลัดลดาว่าเป็นคนทำ สุดท้ายลัดลดาถูกจับขังที่โรงพัก เธอเกาะลูกกรงเคียดแค้นติ๊งโหน่งสุดๆ

ส่วน ติ๊งโหน่งกลับมาร้องไห้ อ้อนวอนให้ชรินทร์สืบว่าลัดลดากำลังทำงานอะไรกับเจ้าชาย ชรินทร์อ่อนใจแต่ก็ไม่อยากขัดใจลูกสาว จึงรับปากแล้วมาโบ้ยให้อำนาจไปจัดการสืบมา
“เป็นโอกาสของเราแล้วอำนาจ เราจะใช้เรื่องติ๊งเป็นข้ออ้างในการเข้าหาเจ้าชาย แกรู้ใช่ไหมว่า จริงๆฉันต้องการอะไร” อำนาจรับคำ ชรินทร์หัวเราะอย่างบ้าคลั่ง...

วันต่อมา อำนาจหอบรูปติ๊งโหน่งขนาดเท่าตัวจริงมาที่ห้องพักเจ้าชาย พัชรีรายงานปีเตอร์ เขาให้เอากลับไป แต่พออำนาจบอกว่า

“คุณติ๊งสั่งว่า ถ้าเจ้าชายไม่รับ เธอจะมาด้วยตัวเอง”

“งั้นรีบเอาเข้ามาเลย” ปีเตอร์ละล่ำละลัก

อำนาจให้ลูกน้องขนเข้ามามองหาที่ติด ปีเตอร์ให้วางไว้ อำนาจตอบว่าไม่ได้ ไม่อย่างนั้นติ๊งโหน่งจะมาติดเอง ปีเตอร์รีบบอกจะทำอะไรก็ทำไปเลย...พอแขวนรูปเสร็จ อำนาจกลับมาที่รถ มองจอภาพผ่านกล้องวงจรปิดที่ติดไว้ที่ดวงตาของรูปติ๊งโหน่ง ปีเตอร์รู้สึกแปลกๆ เหมือนมีคนจ้องมองตลอดเวลา พอพัชรีคุยเรื่องชรินทร์ เขารีบปราม

“อย่าเพิ่งพูดอะไรที่นี่เลยนะพัชรี เรารู้สึกแปลกๆ ไปข้างนอกกันเหอะ” ปีเตอร์เดินออก

อำนาจเจ็บใจ สั่งลูกน้องจับตาดูเจ้าชายว่าไปไหนแล้วให้โทร.รายงาน

ooooooo

ตุ๊กตื่นเต้นดีใจเข้ามากอดยายขม บอกว่าทางโรงแรมโทร.มาว่าจะให้เข้าไปแสดง ทุกคนดีใจกันใหญ่ แก้วได้ข่าว ไม่พอใจอย่างมาก เกรงโซว์จะโด่งดัง ทำให้ขิงสนใจเขามากขึ้น จึงคิดแผนการสกัดกั้นไม่ให้ลิเกยายขมเข้าไปแสดงในโรงแรม

รุ้งฟิตซ้อมออกกำลังให้ร่างกายแข็งแรง เธอออกมาวิ่งจ๊อกกิ้ง โดนแก้วกับยอดฉุดมาเกลี้ยกล่อม ว่าถ้าปล่อยให้คณะลิเกเข้าไปแสดงในโรงแรม โซว์ก็จะดังเป็นพลุ แล้วจะไม่มาเหลียวแลเธออีก รุ้งคิดตามเริ่มหวั่นใจ

“ร่วมมือกับฉัน เธอจะได้ไอ้หน้าวอก ส่วนฉันจะได้น้องขิงไว้เชยชม” แก้วยั่วยุ

“ไม่ ฉันเป็นนางเอก ฉันจะไม่มีวันยอมร่วมมือกับตัวร้ายอย่างแก”

“แต่ตอนนี้เธอไม่ได้เป็นนางเอกแล้ว อย่าลืมสิ...น้องขิงต่างหากที่เป็นนางเอก น้องขิงจะดังแทนเธอแล้วไม่แน่ น้องขิงก็จะได้ไอ้หน้าวอกไป ส่วนเธอก็จะตกกระป๋อง ไม่มีใครเอา”

“โอ๊ย หยุด หยุดได้แล้ว ตกลง ฉันจะร่วมมือกับแก แกจะให้ฉันทำอะไรว่ามาเลย”

แก้วกับยอดยิ้มร้าย บอกแผนการกับรุ้ง เพราะรู้ว่าที่บ้านยายขมกำลังจัดงานฉลองเย็นนี้...

ตุ๊กมองขิงตกแต่งบ้าน แต่สายตาชำเลืองไปทางโซว์ พอเห็นเขามองมาก็เขินหน้าแดง ตุ๊กแกล้งเรียก สองคนสะดุ้ง ขิงกลบเกลื่อนดุโซว์ให้ทำงานต่อไป ตุ๊กกระซิบถามขิง

“ทำไมเอ็งชอบพูดไม่ดีกับไอ้โซ่ฮะ ทำตัวเป็นนางเอก เกาหลีขี้วีนไปได้ ข้าว่าเอ็งหาของอะไรให้มันหน่อย ขอบใจที่มันมีส่วนทำให้คณะลิเกเรากลับมาดังอีกครั้ง”

“น้าก็หาสิ ทำไมต้องให้ฉันหาด้วย”

“ข้าว่าไอ้โซ่มันคงอยากได้ของจากเอ็งมากกว่าคนอื่น”

“ทำไม...” ขิงหันมาทำหน้าเหวี่ยง

“แหมๆๆทำเป็นซื่อ ไอ้โซ่ชอบเอ็งน่ะสิ” ตุ๊กยิ้มกรุ้มกริ่ม

ขิงเขินว่าตุ๊กบ้าไปแล้ว ตุ๊กโต้ ไม่บ้าแต่จับตาดูมานานต่างหาก ผู้ชายด้วยกันดูออก และว่าถ้าขิงได้แต่งงานกับโซ่ที่ท่าทางจะรวย ตนกับแม่จะได้สบายไปด้วย ขิงโมโหกลบเกลื่อน

“ความรักมันซื้อไม่ได้ด้วยเงินหรอกนะน้า ถ้าฉันจะรักใครซักคน ฉันต้องรักที่ตัวเขา”

ขิงเดินฉับๆหนี ตุ๊กมองตามเหวอๆที่หลานตนมีอุดมการณ์แบบนี้ ก็ขึ้นคานไปแล้วกัน...ส่วนขิงหลบเข้ามาในห้อง มองตัวเองในกระจก ตกใจที่ตัวเองหน้าแดง นึกโกรธตุ๊กที่มาจี้ใจ พลันเห็นภาพหลอนในกระจกว่าโซว์กำลังยิงศรรักใส่ เธอหันขวับไปมองไม่มีใคร

“บ้าเอ๊ย...ไม่จริงเราไม่ได้ชอบไอ้โซ่ ไม่มีทาง ไม่ๆๆตั้งสติไว้ขิง ตั้งสติ” ขิงจับใจที่เต้นรัวโดนสร้อยพระที่ห้อยคออยู่ เธอนึกได้ว่าเป็นของรัก จึงคิดจะให้โซว์เป็นของตอบแทนน้ำใจ

ooooooo

ในครัว ขณะที่รุ้งทำอาหาร เหม่อคิดถึงคำพูดของแก้วที่ว่า ตนจะตกกระป๋องให้ร่วมมือกับเขา เธอครุ่นคิดสองจิตสองใจกลัวตัวเองตกกระป๋องก็กลัว จึงตะโกนระบายอารมณ์ออกมาว่าไม่จริง...ยายขมเข้ามาเอ็ดที่แหกปากเสียงดัง รุ้งแก้ตัวว่าเทสต์เสียง แล้วทำเป็นไล่โน้ตโดเรมีๆ

“แล้วนี่ทำอะไรเยอะแยะ อย่าคิดว่าได้งานที่โรงแรมแล้วจะใช้เงินอย่างกับเบี้ยได้นะ ยังไงก็ต้องประหยัดเหมือนเดิม รีบๆทำเข้าล่ะ ข้าหิวแล้ว” ยายขมบ่นเมื่อเห็นอาหารหลายอย่าง

พอยายขมเดินออกไป เสียงตุ๊กแกดังขึ้น รุ้งแปลกใจคว้าสากจะทุบหัว เดินตามเสียงมาที่หน้าต่าง พลันแก้วกับยอดปีนขึ้นมา รุ้งเงื้อมือจะฟาดชะงัก โวยมาทำเสียงตุ๊กแกทำไม

“ถ้าฉันเรียกเธอ คนก็ได้ยินน่ะสิ ปล่อยให้ร้องอยู่ได้ตั้งนาน นี่ยานอนหลับเอาใส่อาหารให้คนทั้งบ้านกิน พอทุกคนหลับ น้องขิงก็จะเป็นของฉัน ส่วนไอ้โซ่ก็จะเป็นของเธอ ฮ่าๆๆ”

หลังทำอาหารเสร็จ รุ้งยกชามแกงเขียวหวานที่เทยานอนหลับลงไปออกมาวางบนโต๊ะเป็นอย่างสุดท้าย ยายขมเริ่มเปิดงาน ยกแก้วน้ำขึ้นกล่าว

“ข้าขอบใจพวกเอ็งทุกคนที่เหน็ดเหนื่อย ซ้อมอย่างหนัก จนทำให้คณะลิเกยายขมกลับมามีชื่อเสียง เป็นที่ชื่นชอบของคนดูอีกครั้ง” ทุกคนปรบมือ ร้องเย้ๆ ยายขมสำทับ “ขอให้ทุกคนตั้งใจ ขยันและจริงจัง เพราะโอกาสที่เราจะได้ไปเล่นลิเกในโรงแรม ไม่ได้มีกันบ่อยๆ น่าเสียดายที่วันนี้ตาไม่ได้อยู่เห็น” ยายขมทำท่าจะร้องไห้

ขิงเข้ามาปลอบ ยายขมปาดน้ำตาแล้วบอกทุกคนดื่มให้กับความสำเร็จล่วงหน้า ท่าทางรุ้งหลุกหลิกเร่ง “เอ้า ดื่มกันเสร็จแล้วก็มาทานอาหารกันดีกว่า แกงเขียวหวานร้อนๆรีบกินซะ”

รุ้งจัดแจงตักแกงใส่ถ้วยเล็กแจกทุกคน ตุ๊กกระเซ้า วันนี้มาแปลกบริการทุกคน มีอะไรหรือเปล่า รุ้งหน้าซีดมือสั่น ปฏิเสธไม่มีอะไร ให้รีบกินก่อนที่จะหายร้อน ยายขมชักสงสัย

“ไอ้ตุ๊กพูดถูก ท่าทางเอ็งมีพิรุธ ใส่อะไรในแกงนี้รึเปล่า”

“เออ...ใช่ ฉันใส่...ใส่ความรักยังไงล่ะ เฮอะๆๆ” รุ้งเกือบหลุด จึงหัวเราะกลบเกลื่อน

ขณะเดียวกัน แก้วกับยอดรอฟังข่าวนอกบ้าน เกิดหิวขึ้นมา แก้วจึงชวนยอดเข้าไปหาอะไรกินในครัว ทั้งสองเห็นแกงเขียวหวานเหลืออยู่กันหม้อ ก็ตักราดข้าวกินกัน

รุ้งไม่เห็นใครกินแกงเขียวหวานของตนก็บ่นเสียใจที่อุตส่าห์หลังขดหลังแข็งทำตั้งนาน ตุ๊กยิ่งสงสัย ทำไมต้องยัดเยียดให้ใครๆกิน ยายขมเอะใจ

“เอางี้ เพื่อพิสูจน์ว่าเอ็งไม่ได้ใส่อะไรลงไป เอ็งต้องกินให้ดูก่อน”

ตุ๊กเห็นด้วย รุ้งอึกอักเห็นทุกคนมองเป็นตาเดียว จึงกลั้นใจกินคำเดียวคงไม่เป็นไร แล้วบอกทุกคน “เห็นไหมว่ากินได้ เลิกมองฉันในแง่ร้ายซักที ฉันก็แค่อยากทำอะไรให้ทุกคนบ้าง”

ทุกคนจึงรับถ้วยแกงจากรุ้งมา รุ้งเห็นในชามหมดจึงบอกว่าจะเข้าไปตักเพิ่มในครัว เธอเดินยิ้มย่องเข้ามา เจอแก้วกับยอดกินข้าวกันอยู่ก็เอ็ดเกรงคนมาเห็น สองคนโอ้อวดว่ามือชั้นนี้แล้ว ไม่มีใครเห็นแน่ แล้วย้อนถามว่ายาออกฤทธิ์หรือยัง ขาดคำสองคนก็หลับผล็อยลงกลางครัว

“อ้าว...ทำไมหลับกันก่อนล่ะ หรือว่า...เฮ้ย ทำไมโง่กันแบบนี้ แย่แล้ว แล้วที่เรากินไปคำเดียวมันจะออก...ฤทธิ์...ไหม...” ไม่ทันขาดคำ รุ้งก็หลับลงไปกองกับพื้นข้างแก้ว

ตุ๊กกับยายขมกินแกงของรุ้งแล้วชมว่าอร่อย ขิงจึงยกของตัวให้ยาย โซว์ก็ยกของเขาให้ตุ๊กเพราะมันเผ็ด สองคนกินกันเปรม ขิงหันมาบอกโซว์ว่า ให้ออกไปคุยกันข้างนอกหน่อย โซว์แปลกใจเดินตามขิง ไม่ทันไร ยายขมกับตุ๊กรู้สึกง่วงแล้วฟุบหลับคาจานข้าว

ออกมาถึงริมน้ำ โซว์ถามขิงว่ามีอะไรจะบอกตน แล้วกระเซ้า หรือจะบอกรักตน ขิงตีเขาเพียะ โซว์รวบมือเธอไว้ ขิงเสียงเขียวสั่งให้ปล่อย เขาลอยหน้าเยาะว่าไม่ปล่อย

“ถ้าไม่ปล่อยไม่ต้องเอาของ”

“เธอมีของจะให้ฉันเหรอ หรือว่าเป็นแหวนแต่งงาน”

“นายโซ่...” ขิงชักโมโห

“ล้อเล่น แหม แค่นี้ทำหน้าหงิกไปได้” โซว์ยิ้มแหยๆ

ขิงล้วงสร้อยออกมายื่นให้ “นี่เป็นพระประจำตัวฉัน ท่านอยู่กับฉันมาตั้งแต่ฉันเด็กๆ ฉันให้นาย”

“มันมากไปนะขิง”

“มันไม่มากไปหรอก เพราะนายทำให้คณะลิเกของยายฟื้นคืนชีวิตกลับมาอีกครั้ง แล้วอีกอย่าง ถ้าถึงวันที่นาย...ต้องกลับประเทศ นายจะได้จำที่นี่ได้”

โซว์เครียดลง ใจอยากจะบอกว่าตนไม่มีวันลืมเธอ แต่ปากพูดออกไปว่า ตนไม่มีวันลืมทุกคนที่นี่ เขาขอเธอสวมสร้อยให้ ขิงยิ้มอย่างจริงใจก่อนจะเอาสร้อยคล้องคอเขา ทั้งสองชวนกันแหงนมองดูดาว ดูจะเข้าอกเข้าใจกันมากขึ้น โซว์ชวนคุย

“คืนนี้ดาวเต็มฟ้าเลยนะขิง เธอเห็นดาวเหนือไหม พ่อบอกว่ามันเป็นดาวประจำตัวฉัน ถ้าเธอเห็นดาวเหนือเมื่อไหร่ ขอให้รู้ไว้นะว่าเราไม่ได้ห่างกัน” โซว์รู้สึกว่าขิงเงียบไปจึงหันมอง เห็นเธอสัปหงกเอนมาซบไหล่ตน เขายิ้มอย่างเอ็นดู แล้วประคองให้เธอนอนหนุนตัก ลูบผมเธออย่างอ่อนโยน “ฉันจะจำเวลานี้เอาไว้ ฉันจะไม่มีวันลืมเธอเด็ดขาด”

วันรุ่งขึ้น ในครัวบ้านยายขม แก้วนอนกอดหอมรุ้งอยู่บนพื้น ต่างคิดว่าตนกอดเจ้าชายกับขิง แต่พอลืมตามา เห็นกันก็ตกใจ ผละออกร้องลั่น ยอดสะดุ้งตื่น ทั้งสามจึงรู้ว่าแผนล้มเหลว เพราะกินอาหารที่ใส่ยากันเสียเอง...ด้านนอก ยายขมกับตุ๊กตื่นขึ้นมารู้สึกมึนๆ งงๆ ต่างแปลกใจ ว่าทำไมหลับคาโต๊ะอาหารแบบนี้ ไม่ทันไร แก้ว รุ้ง และยอดวิ่งหน้าตื่นออกมาจากครัว

“ไอ้แก้ว ไอ้ยอด มาทำไมแต่เช้า” ยายขมร้องถาม

“เอ่อ...อ่า คือ อ๋อ มาเก็บดอกเบี้ย” แก้วหน้าเหลอหลา

“ความจำเสื่อมเหรอไง ฉันไม่ได้เป็นหนี้พวกแกแล้ว” ยายขมโวย

“เออ จริง มันเบลอๆ งงๆ น่ะยาย ฉันไปล่ะ” แก้วมองรุ้งแล้วเดินออกไปหน้าตาเฉย

รุ้งหน้าเสียมองหาโซว์กับขิง...ที่ริมน้ำ ขิงตื่นขึ้นมาเห็นว่าตัวเองนอนหนุนตักโซว์อยู่ก็ตกใจจะลุก แต่เขาขยับตัวเสียก่อน เธอจึงแกล้งหลับต่อ โซว์ลืมตามาเห็นขิงยังไม่ตื่น เขายิ้มลูบหน้าลูบผมเธอ ขิงใจเต้นรัวนอนนิ่ง โซว์มองขิงเคลิ้มค่อยๆก้มลงจะหอมแก้ม

ยายขม ตุ๊ก และรุ้งเดินมาพอดี ยายตะโกน “ไอ้โซ่...เอ็งจะทำอะไรหลานข้า”

โซว์สะดุ้งลุกพรวด ทำขิงตกจากเก้าอี้ร้องโอย...เขาตกใจรีบประคองเธอลุกยืน ตุ๊กถามทั้งสองมาทำอะไรกันตรงนี้ ต่างคนต่างมองหน้ากัน

ทุกคนกลับมาคุยกันในบ้าน ต่างพูดเหมือนกันว่า เผลอหลับไปหลังจากกินแกงของรุ้ง รุ้งร้อนตัว “เปล่านะ ฉันไม่ได้วางยานอนหลับนะ”

“ข้ายังไม่ได้บอกซักนิดว่าเอ็งวางยานอนหลับ ทำไมต้องร้อนตัวด้วย หรือเอ็งวางยาพวกข้าจริงๆ เอ็งคิดจะทำอะไรหานังรุ้ง” ยายขมชักสงสัย

รุ้งหน้าซีด หาทางออกแกล้งร้องว่าปวดท้อง แล้ววิ่งเข้าห้องน้ำไป เธอนั่งถอนใจที่เกือบถูกจับได้ มองตัวเองในกระจก เกิดความรู้สึกหวั่นไหวเมื่อนึกถึงตอนที่ตัวเองนอนกอดกับแก้ว

“ทำไมใจเต้นแรงแบบนี้ ไอ้แก้วนะไอ้แก้ว เกือบเสียจูบแรกให้มันไปแล้วไหมล่ะ เลิกคิดได้แล้ว บ้าๆๆๆ” รุ้งดึงกระดาษมาเช็ดแก้ม

ooooooo

หลังจากติดกล้องในห้องพักปีเตอร์ อำนาจเฝ้าดูความเคลื่อนไหว เห็นวันๆเจ้าชายทำแต่เรื่องไร้สาระ วันนี้ก็นั่งถอนขนรักแร้ เขาเริ่มเบื่อหน่าย

พอเห็นพัชรีเข้ามาในห้อง ก็มีความหวังว่าจะได้รู้อะไรบ้าง ปีเตอร์ตกใจที่พัชรีเข้ามาไม่รู้เนื้อรู้ตัวจึงทำแหนบหนีบเนื้อร้องลั่น

“ว้าย เจ้าชายเป็นไรเพคะ”

“เจ็บน่ะสิ มาไม่ให้สุ้มให้เสียง มีอะไร”

“มีเรื่องตื่นเต้นมานำเสนอเพคะ”

“เจ้ายอมเราแล้วเหรอพัชรี” ปีเตอร์ทำตาหวาน

“ไม่ใช่เรื่องนั้นเพคะ ทางร้านซ่อมกล้องโทร.

มาบอกว่ากู้ไฟล์ในการ์ดกล้องถ่ายรูปได้แล้ว แบบนี้เจ้าชายต้องโทร.บอกเพื่อนเจ้าชายรึเปล่าคะ ว่าเรากู้ไฟล์ได้ เผื่อเขาอยากดู”

“ไม่เป็นไร ให้เราดูรูปก่อน จะได้รู้กันซักทีว่าเป็นนายชรินทร์รึเปล่าที่เป็นคนฆ่านายสุเมธ...พัชรีขอเราไปแต่งตัวก่อนนะ” ปีเตอร์ท่าทางตื่นเต้นดีใจมาก

อำนาจรีบแจ้งให้ชรินทร์ทราบว่าเจ้าชายได้เอสดีการ์ดไป และตอนนี้ส่งไปซ่อม ชรินทร์สั่งให้ไปเอาการ์ดนั่นมาจากร้านให้ได้ ไม่อย่างนั้นตนกับเขาถูกจับแน่ อำนาจครุ่นคิดจะรู้ได้อย่างไรว่าไปซ่อมร้านไหน พลันนึกได้ว่าพัชรีวางบิลไว้บนโต๊ะ จึงซูมกล้องเข้าไปดูชื่อร้าน

เมื่อปีเตอร์กับพัชรีมาถึงร้าน เถ้าแก่ตรวจเช็กแล้วบอกว่ามีคนมารับไปแล้ว ทั้งสองตกใจ เป็นไปได้อย่างไร...ทางชรินทร์ได้เอสดีการ์ดมาเปิดดู ก็หัวเราะร่า เพราะในนั้นมีแต่ภาพหมูหมากาไก่และวิวทิวทัศน์ แต่มีภาพหนึ่งเห็นโซว์ถ่ายตัวเองหน้าร้านบนถนนข้าวสาร ทั้งชรินทร์และอำนาจแปลกใจ สงสัยว่าโซว์จะรู้จักกับเจ้าชาย ชรินทร์สั่งอำนาจไปสืบมาให้ได้

ด้านปีเตอร์กับพัชรีกลับมาครุ่นคิดกันว่า มีคนรู้ได้อย่างไรว่าเอสดีการ์ดซ่อมอยู่ที่ร้านนั้น

“เราจะทำยังไงดี งานนี้เราตายแน่ เราต้องโดนลงโทษประหารเจ็ดชั่วโคตร”

“ใจเย็นๆสิเพคะเจ้าชาย ใครที่ไหนจะกล้ามาลงโทษเจ้าชายเพคะ”

ปีเตอร์นึกได้รีบแก้ตัวว่า เสด็จพ่อโปรดคนสนิทคนนี้มาก ถ้าช่วยเขาไม่ได้ต้องโกรธมาก พัชรีทำหน้าไม่อยากเชื่อ เพราะไม่เคยเห็นเจ้าชายร้อนรนขนาดนี้ ปีเตอร์ตัดบทอย่ามัวมาสงสัย ให้ช่วยคิดว่าทำไมมีคนมารับของไปแทน เขาวางบิลลงบนโต๊ะ...ด้วยความที่เป็นนักข่าวผ่านประสบการณ์มาบ้าง พัชรีเดินสำรวจรอบโต๊ะ แล้วฉุกคิด มองไปที่รูปติ๊งโหน่ง รู้สึกมีอะไรผิดสังเกตตรงดวงตา จึงเข้าไปกอดปีเตอร์เอาตัวเองหันหลังให้ภาพ เขากลับเข้าใจเป็นอื่น

“อะไรกันพัชรี อยู่ดีๆทำไม...ถึงทำอย่างนี้ล่ะ หือ...”

“ไปคุยกันในห้องนอนเถอะเพคะ” พัชรีกระซิบข้างหู

“จะดีเหรอพัชรี เราไม่อยากจะถูกเตะอย่างวันนั้นอีก แค่คิดก็หน้าเขียวแล้ว”

“ไปเถอะน่า สัญญาว่าจะไม่ทำอย่างนั้นแล้ว”

“แต่เราไม่อยากเอาเปรียบเจ้านะ”

“คิดแต่เรื่องลามกนั่นแหละ” พัชรีโมโหปล่อยเขาแล้วเดินนำเข้าห้อง

“เดี๋ยวก่อนพัชรี คิดเรื่องลามกอะไร เราไม่เคยนะพัชรี...พัช...” ปีเตอร์พูดไม่ทันจบ

พัชรีดึงเขาเข้าห้องปิดประตู ปีเตอร์ยังเข้าใจว่าเธอหลงเสน่ห์ตนจนอดใจไม่ไหว จึงทำปากจู๋รอ เธอหันมาเห็นตบหน้าเขาฉาดแล้วบอกว่าเราถูกสอดแนม ปีเตอร์ตกใจกุมหน้าป้อยๆ

พัชรีบอกข้อสันนิษฐานของตนว่า  ที่รูปติ๊งโหน่งมีกล้องสอดแนม พวกมันถึงรู้ความเคลื่อนไหวของเรา

“มิน่าเราถึงรู้สึกว่ามีคนแอบจ้องมองอยู่ตลอดเวลา ตายล่ะ...แล้วนี่เราเผลอทำอะไรทุเรศออกไปรึเปล่าเนี่ย” ปีเตอร์เป็นกังวล

“ไม่ใช่เวลาจะมากังวลเรื่องไร้สาระอย่างนั้นนะเพคะเจ้าชาย ตอนนี้พวกมันรู้แล้วว่าพวกเรากำลังแอบสืบเรื่องนั้นอยู่”

ปีเตอร์เริ่มกลัวให้เอารูปติ๊งโหน่งไปทิ้ง แต่พัชรีค้านจะเป็นการประกาศว่าเรารู้ตัว สู้เราซ้อนแผนดีกว่า ปีเตอร์ทึ่งในความคิดของพัชรี จะเข้าไปกอดชมเชย แต่โดนเธอยันออกมา

ooooooo

และแล้ว ตุ๊กก็ได้รับแจ้งว่าให้เข้าไปแสดงลิเกในวันพรุ่งนี้ ตุ๊กรีบบอกว่าคงเตรียมตัวไม่ทัน พอทางนั้นเสนอราคาสามเท่า เขารีบตกลงทันที ยายขมเอ็ดตะโรที่ตุ๊กเห็นแก่เงิน แล้วจะซ้อมทันได้อย่างไร ตุ๊กบอกว่าเงินตั้งเป็นแสนไม่อยากได้หรือ ตนจะโทร.ไปยกเลิกก็ได้

“ทำยังงั้นได้ไง เดี๋ยวรับเดี๋ยวไม่รับ ใครๆเขาจะหาว่าลิเกยายขมเชื่อถือไม่ได้” ยายขมเปลี่ยนน้ำเสียงทันที

ขิงกังวลจะซ้อมทันหรือ ยายขมให้เล่นเรื่องเดิมเพราะซ้อมกันมาดีอยู่แล้ว โดยขิงเป็นนางเอก รุ้งเป็นนางร้าย รุ้งไม่พอใจ ออกมากินดับอารมณ์ที่ตลาด เจอแก้วกับยอดมายุยงเป่าหูอีก

“เธอจะยอมให้โซ่เขาดังคนเดียว แล้วเธอก็เป็นแค่นางร้ายตกอับที่คนมองข้ามงั้นหรือ”

“พอแล้ว ไม่ต้องบิ๊วต์มาก รู้ก็รู้ว่าฉันหูเบา ใจอ่อนจะให้ทำอะไรก็ว่ามา”

ยอดเร่งให้แก้วบอกแผนการ แต่แก้วยังไม่ได้คิด จึงผลัดพรุ่งนี้จะมาบอก...

คืนนั้น ขิงเดินไปเดินมาอยู่ริมน้ำ ด้วยความกังวลใจว่าพรุ่งนี้จะทำได้ไม่ดี เธอถอนใจบนบานให้พ่อแม่ช่วย โซว์เดินเข้ามาใกล้แล้วเอ่ยว่า ต้องทำได้อยู่แล้ว ขิงหันมาเห็นรอยยิ้ม แววตาเปล่งประกายของเขา ใจแทบละลายรีบหลบตาจะเดินหนี โซว์คว้ามือเธอไว้

“ใครจะนึกว่าสาวโหดอย่างเธอจะตื่นเต้นกับเขาเป็นเหมือนกัน”

ขิงกลบเกลื่อนด้วยการชูกำปั้น “นี่ ถ้าไม่เห็นว่านายต้องเล่นลิเกพรุ่งนี้นะ นายตายแน่”

“อะไรกัน คนอุตส่าห์หวังดี มีวิธีหายตื่นเต้นมาบอก ไม่อยากรู้ก็ตามใจ”

ขิงรีบดึงแขนเขาว่ามาแล้วก็อย่าให้เสียเที่ยวเลย โซว์จึงบอกว่า ตอนเด็กพ่อตนพาออกงานครั้งแรก ตนตื่นเต้นมาก พ่อเลยทำแบบนี้ ว่าแล้วเขาก็ดึงขิงเข้ามากอด ตบที่หลังเบาๆเป็นจังหวะเหมือนเห่กล่อม ตอนแรกเธอจะดันตัวออก แต่รู้สึกผ่อนคลายอย่างประหลาด จึงเคลิ้มซบหน้ากับอกเขา โซว์ยิ้มอย่างพอใจ

ooooooo

ด้านติ๊งโหน่งเห็นข่าวเจ้าชายเสด็จมาดูลิเก

ที่โรงแรมหัวหินของลัดลดา ก็โกรธอาละวาดจะให้ ชรินทร์ทำให้ตัวเองได้ไปร่วมงานนี้ด้วย ชรินทร์จึงยุลูกสาวว่า ความรักคือการแย่งชิง ลูกของพ่อทั้งอึ๋มกว่าสวยกว่า พรุ่งนี้ไปแย่งเจ้าชายมาให้ได้ ติ๊งโหน่งยิ้มอย่างมีความหวัง

ชรินทร์มาสั่งอำนาจให้พาติ๊งโหน่งไปหัวหินวันพรุ่งนี้ ถือโอกาสสืบเรื่องเจ้าชายมาด้วย

วันรุ่งขึ้น ลัดลดาคุมพนักงานตกแต่งสถานที่ ทำความสะอาดอย่างใกล้ชิด ติ๊งโหน่งโผล่มาถากถาง สองสาวประฝีปากกันรุนแรง อำนาจเห็นท่าไม่ดีรีบดึงติ๊งโหน่งกลับออกมาก่อน

ระหว่างที่คณะลิเกยายขมแต่งตัวหลังเวที ตุ๊กออกมาเข้าห้องน้ำ ได้ยินคนคุยกันว่ามีนักข่าวมาทำข่าวมากมายทั้งในและต่างประเทศ ก็หน้าตื่นมาบอกยายขมว่าพวกเราจะดังใหญ่แล้ว ทุกคนดีใจ มีแต่รุ้งที่ดูเครียดเป็นกังวล ขิงถามรุ้งเป็นอะไรหรือเปล่า พลันมือถือรุ้งดังขึ้น เธอเห็นว่าแก้วโทร.มาก็ลนลาน ขอตัวออกไปคุยข้างนอก ตุ๊กแซวว่าคงแอบมีกิ๊ก โซว์พลอยดีใจ

รุ้งวิ่งออกมามองซ้ายมองขวาไม่มีใครก็กดรับสาย โวยจะโทร.ทำไมนักหนา คิดแผนได้แล้วหรือ ถ้าช้าตนจะเปลี่ยนใจ แก้วเดินคุยมือถือเข้ามาข้างหลัง บอกเธอว่ามันสายไปแล้ว รุ้งสะดุ้งหันกลับมา เจอแก้วมองถมึงทึงถาม “อย่าบอกนะว่าคิดจะเปลี่ยนใจจริงๆ”

รุ้งท่าทางอึดอัดใจ ถามว่าจะให้ตนทำอะไร แก้วยิ้มอย่างมีแผน...รุ้งกลับมาเตรียมตัว พอดีลัดลดาเข้ามาบอกโซว์ว่า เวลาเจ้าชายเสด็จมา ให้เขามายืนข้างหน้ากับตน แล้วถวายดอกไม้แก่เจ้าชาย โซว์แย้งว่า นางเอกน่าจะเป็นคนมอบมากกว่า

“อย่าเลย ให้โซ่น่ะดีแล้ว ผู้ชายหล่อๆกับดอกไม้สวยๆ เข้ากันจะตาย” ลัดลดาหยิกแก้มเขา

ขิงหมั่นไส้ ตุ๊กกระซิบว่าบุญหล่นทับโซว์แล้ว ดอกฟ้าโน้มตัวลงมาหา ขิงไม่พอใจ

“ดอกฟ้าหรือดอกไม้พลาสติกกันแน่ สวยด้วยแพทย์ขนาดนั้น เห็นแล้วขนลุก”

ตุ๊กหันไปแขวะรุ้ง ไม่หึงเสด็จพี่ของตัวหรือ รุ้งมองเงอะงะปัดว่าช่างเขา ตุ๊กแปลกใจกับท่าทีของรุ้ง ถามย้ำว่าเป็นอะไร รุ้งหงุดหงิดโวยวายเสียงดังออกมาว่าไม่มีอะไร ลัดลดาหันมองเหยียดๆ แล้วเกาะแขนโซว์ดึงให้ไปยืนกับตัวพร้อมบอกว่า

“เห็นมั้ยล่ะ ให้พวกนั้นยืนอยู่ตรงนั้นแหละ เดี๋ยวทำอะไรให้ลดาขายหน้าแย่”

ไม่ห่าง ติ๊งโหน่งยืนมองถมึงทึงอยู่ กระซิบกับอำนาจว่า “นึกอยู่แล้วเชียว ทำไมจู่ๆยัยลดาขาลีบถึงได้ลุกขึ้นมาอนุรักษ์วัฒนธรรมไทย ที่แท้ก็พระเอกลิเก
หล่อนี่เอง”

“แต่หล่อแบบนี้ก็สเปกคุณติ๊งเหมือนกันไม่ใช่เหรอครับ” อำนาจย้อน

ติ๊งโหน่งบิดไปมาด้วยความเขินที่เขารู้ทัน แต่ปากแข็งว่าตนรักเดียวใจเดียวชายอื่นไม่สน แต่สายตาที่มองโซว์หยาดเยิ้มจนอำนาจเบ้หน้า พลันเสียงดนตรีดังขึ้น แสดงให้รู้ว่าเจ้าชายเสด็จ ทุกคนประจำที่ พอปีเตอร์เดินเข้ามาพร้อมพัชรี ลัดลดาพุ่งเข้ากระแทกพัชรีกระเด็นไป แล้วเกาะแขนปีเตอร์ เต๊ะท่าให้นักข่าวถ่ายภาพ ไม่ทันไร ติ๊งโหน่งเข้ามาแทรกกลาง ยิ้มหวานให้ปีเตอร์

“ดีใจใช่ไหมล่ะเพคะที่เจอติ๊ง เราไปดูลิเกด้วยกันดีกว่าเพคะ”

ลัดลดาได้สติผลักติ๊งโหน่งออกแล้วโวย เข้ามาได้อย่างไร ติ๊งโหน่งลอยหน้าตอบว่า แฟนอยู่ไหนตนก็อยู่ที่นั่น เธอเข้าไปกอดแขนปีเตอร์ ลัดลดาโกรธดึงปีเตอร์มาทางตน โต้ว่างานนี้เจ้าชายมากับตน ติ๊งโหน่งยักไหล่ไม่สนใจ สองสาวดึงแขนแย่งตัวปีเตอร์กัน เขาทนไม่ไหวสะบัดสองสาวออก สบตาโซว์เชิงฟ้อง โซว์ขยิบตาให้เข้าไปในงาน ขิงมองอย่างสงสัย

ใกล้ถึงเวลาแสดง โซว์สำรวจความเรียบร้อยของตัวเองอยู่หน้ากระจก ไม่ทันไร ทั้งติ๊งโหน่งและลัดลดา ผลัดกันเข้ามาลวนลาม เขาพยายามหลบหลีก โชคดีที่ปีเตอร์มาเคาะประตูเรียก สองสาวตกใจต่างเข้าไปหลบในตู้เสื้อผ้าด้วยกัน โซว์ส่งสัญญาณให้ปีเตอร์อย่าเพิ่งพูดอะไร สองสาวอยู่ในนี้ เขาพยักหน้าอย่างเข้าใจ แกล้งเก๊กเสียงบอกโซว์ว่า เชิญไปสนทนาหน่อย

“ได้ครับเจ้าชาย ไปข้างนอกดีกว่านะครับ ในนี้มันอุดอู้”

ปีเตอร์นึกได้ เอาเก้าอี้ไปดันประตูตู้ไว้ แล้วหัวเราะคิกคักเดินตามโซว์ออกไป สองสาวได้ยินเสียงประตูปิดก็หันมาทะเลาะกันเองว่าจะฟ้องเจ้าชาย แต่แล้วทั้งสองก็เปิดประตูตู้ไม่ได้ ต่างร้องให้คนช่วย

ooooooo

ขิงออกมาทำสมาธิในสวนของโรงแรม พอจะกลับเข้าไป เห็นโซว์คุยกับปีเตอร์ พยายามเงี่ยหูฟัง... ปีเตอร์รายงานเรื่องชรินทร์เป็นฆาตกรจริง แต่ยังไม่มีหลักฐาน โซว์ให้เร่งสืบ แต่ตอนนี้กลับเข้าไปข้างในก่อน ปีเตอร์ทำความเคารพ ขิงเห็นท่าทีก็แปลกใจ ทำไมถึงเรียกโซว์ว่าเจ้าชาย

เธอเดินงุนงงกลับมาที่หลังเวที เจอตุ๊กจึงลองถามดูว่า เชื่อไหมถ้ามีคนบอกว่าโซว์เป็นเจ้าชาย ตุ๊กหัวเราะเยาะถ้าเป็นอย่างนั้นตนก็เป็นณเดชแล้ว เธอเองก็ไม่อยากจะเชื่อ

และแล้วลัดลดากับติ๊งโหน่งก็ออกมาได้ ทั้งสองเดินหัวฟูถกเถียงกันมา เผอิญชนกับแก้วและยอดที่ปลอมตัวเป็นช่างไฟเข้ามา ลัดลดาแปลกใจไม่เคยเห็นหน้า แก้วรีบบอกว่าตนได้รับแจ้งว่ามีไฟฟ้าขัดข้อง เธอจะซักถาม พอดีเห็นติ๊งโหน่งเดินไปก็เกรงจะไปหาเจ้าชายก่อน จึงรีบชี้ห้องคุมไฟให้ แล้ววิ่งตามติ๊งโหน่งไป แก้วกับยอดยิ้มย่อง

การแสดงกำลังจะเริ่มขึ้น วงปี่พาทย์บรรเลงคึกคักสนุกสนาน ปีเตอร์ลืมตัวลุกขึ้นเต้นส่งเสียงร้อง “บราโว... อะไรจะมันส์ขนาดนี้”

พัชรีดึงเขาให้นั่งลงและเอ็ดห้ามส่งเสียง ไม่ใช่คอนเสิร์ต ปีเตอร์สงบลงทำหน้าอ้อน จู่ๆลัดลดากับติ๊งโหน่งก็แทรกเข้ามาประกบข้างปีเตอร์ กระแทกพัชรีกระเด็นออกไป ต่างแย่งกันพูด ปีเตอร์จึงเอ็ดทั้งสองคน

“ที่นี่ไม่ใช่คอนเสิร์ตนะ คุณติ๊งโหน่ง คุณลัดลดา ผมจะดูลิเก กรุณาอย่าทำเสียงดังได้ไหม” ว่าแล้วก็หันไปสบตายิ้มๆให้พัชรี เธอค้อนขวับที่เอาคำพูดตนไปใช้

พอการแสดงเริ่มขึ้น โซว์รำและร้องออกมา บรรยายตามท้องเรื่องว่าตนเป็นเจ้าชาย กำลังจะหนีการแต่งงานที่เสด็จพ่อจัดให้ จึงต้องมาบอกลาหญิงที่ตนรัก แต่ช่างยากจะหักใจ...ปีเตอร์ได้ฟังแล้วถึงกับน้ำตาไหลพราก ลัดลดากับติ๊งโหน่งเห็นก็ร้องตาม พัชรีชำเลืองมองงงๆ มันเศร้าตรงไหน

หลังเวที ยายขมเตือนรุ้งว่าจะถึงคิวแล้ว รุ้งสะดุ้งท่าทางมีพิรุธ ขอเวลาเดี๋ยวแล้ววิ่งออกไป ยายขมงงเป็นอะไร...ลิเกดำเนินมาถึงฉากพระเอกบอกลานางเอก ปลอบอย่าร้องไห้ ถ้าเสด็จพ่อเปลี่ยนใจเรื่องแต่งงานเมื่อไหร่ ตนจะกลับมา นางเอกเป็นห่วงจะหนีไปที่ใด ในป่ามีแต่อันตราย

“เจ้าไม่ต้องห่วง เราเพิ่งสำเร็จวิชาทั้งศาตราและอาคม เรามั่นใจว่าเราจะต้องปลอดภัย” โซว์จับมือขิงขึ้นมาจูบเบาๆ ขิงสะดุ้งผลักเขาหงายหลังไป

คนดูหัวเราะกันครืน โซว์เจ็บก้นลุกขึ้นถาม “ทำไมเจ้าทำกับพี่อย่างนี้ เห็นทีต้องลงโทษ”

“เสด็จพี่จะทำอะไรเพคะ” ขิงหน้าตื่น

โซว์แกล้งยื่นหน้าเข้าหา “เราจะจูบเจ้าน่ะสิ”

ขิงตกใจที่โซว์นอกบท วิ่งหนีรอบตั่ง คนดูหัวเราะสนุกสนาน...ด้านแก้วกับยอดเข้ามาในห้องคุมไฟแล้ว แต่หาไม่เจอว่าแผงคัตเอาต์ไหนที่เป็นของห้องจัดงาน เพราะมีอยู่ห้าแผงใหญ่
บนเวที โซว์ยังวิ่งไล่จะหอมแก้มขิง ขิงพยายามส่งสัญญาณให้รุ้งออกมาได้แล้ว โซว์กระซิบ “จะเอาไง ถ้าไม่มีใครออกมา ฉันหอมจริงแล้วนะ...”

ยายขมชะเง้อหารุ้ง ตุ๊กเห็นไม่ได้การ รีบบอกแม่ว่า แม่ต้องเล่นแทนรุ้งแล้ว ยายขมตกใจ

“เอาน่าแม่ เล่นเป็นโจรก็ยังเคยเล่นมาแล้วนี่ เป็นนางอิจฉาอีกซักตัวจะเป็นไรไป”

ยายขมครุ่นคิดสักพัก...ด้านหน้าเวที ขิงยังผลักไสวิ่งหนีโซว์ด้วยความเขินอายจริงๆ พลันยายขมในชุดนางร้ายออกมาร้องและรำ เสียงคนดูแว่วมา ทำไมนางร้ายถึงหง่อมขนาดนี้

โซว์เองก็ตะลึงเผลอร้องออกมาว่า “ไม่ได้เจอกันหลายปี ทำไมเจ้าแก่หง่อมขนาดนี้”

“ก็เพราะนังพรพิศพิลาสคนดีของเสด็จพี่สิเพคะ ใช้ไสยศาสตร์เวทมนต์จนหม่อมฉันต้องกลายเป็นอย่างนี้ เสด็จพี่ต้องช่วยหม่อมฉันนะเพคะ” ยายขมแก้สถานการณ์

ท่าทางคนดูเข้าใจ ต่างสนุกไปกับการแสดง ติ๊งโหน่งแขวะลัดลดาว่า “เจ้าชายเห็นไหมคะ พวกตัวอิจฉามักเป็นพวกแก่หงำเหงือก”

“ก็ยังดีกว่าพวกหลงตัวเอง ทั้งๆ ที่หน้าหนอนหน้าเน่าอย่างหล่อนก็แล้วกัน” ลัดลดาโต้

ปีเตอร์ทำเสียงเอ็ดสองสาวให้เงียบอย่ารบกวน สองสาวหุบปากค้อนขวับใส่กัน...ในห้องคุมไฟ แก้วกับ ยอดคิดจะดับไฟทั้งห้าแผง ทันใด เหมือนมีไม้ฟาดหัวทั้งสองสลบเหมือดไป รุ้งยืนถือไม้ค้าง พึมพำขอให้ทั้งสองไปที่ชอบๆ

การแสดงจบลงด้วยดี คนดูปรบมือกึกก้อง เหล่านักแสดงไหว้ขอบคุณบนเวที ลัดลดากับติ๊งโหน่งแย่งกันคล้องพวงมาลัยติดเงินให้โซว์ หอมแก้มซ้ายแก้มขวา ควักเงินออกเพิ่มข่มกัน จนสุดท้ายกลายเป็นเขียนเช็ค รุ้งกลับมายืนมองน้ำตาคลอ ซึ้งใจที่ตนตัดสินใจถูก

หลังจากเปลี่ยนเสื้อผ้ากันเรียบร้อย ยายขมนั่งนับเงินที่ได้รับ ขิงปลื้มใจไปด้วยเพราะมันมากพอที่จะใช้จ่ายไปอีกหลายเดือน ลัดลดาเข้ามาบอกว่านักข่าว ต่างประเทศรอสัมภาษณ์โซว์ ตุ๊กตื่นเต้นที่จะได้โกอินเตอร์ แต่ขิงเห็นหน้าโซว์ไม่ยินดี แถมเลี่ยงหนีอ้างว่าปวดท้องแล้ววิ่งไป ขิงตามมาดักหน้าถามว่ากำลังหนีอะไรอยู่ โซว์อึกอักอยากจะบอกความจริง พอดีขิงโพล่งออกมาว่า เขากลัวคนอื่นรู้ใช่ไหมว่าตัวเองเป็นใครสักคนที่สำคัญ โซว์ตัดสินใจบอกเป็นนัยๆ

“ก็ได้ ฉันจะบอกความจริงก็ได้ ฉัน...เป็นลูกของคนสำคัญ แล้วฉันก็หนีพ่อมา เลยไม่อยากให้ใครเห็นหน้า เพราะถ้าพ่อฉันรู้เข้า ฉันต้องโดนเล่นงานแน่ๆ”

“คนสำคัญนี่สำคัญขนาดไหน คงไม่ใช่เจ้าชายหนีเที่ยวหรอกนะ”

โซว์รีบปิดปากขิง “เธอนี่พูดอะไรไม่รู้จักที่ต่ำที่สูง เจ้าชายแห่งนิวแลนด์ก็ยังอยู่ที่นี่ พูดอย่างนี้ไม่ให้เกียรติพระองค์เลย”

“ก็แค่อยากรู้ นายพูดความจริงแน่นะ” ขิงปัดมือโซว์ออก

โซว์หลบตาบ่นว่าตนพูดไปหมดแล้ว ขิงให้เขาสบตาเวลาพูดถึงจะเชื่อว่าพูดความจริง เขาจึงฝืนตัวสบตาเธอ ขิงจ้องอย่างจับผิดและย้ำ “หลังจากนี้นายห้ามโกหกฉันอีก สัญญาได้มั้ย”

โซว์พยักหน้า แต่สีหน้าไม่ค่อยสบายใจ...ในขณะที่ ทุกคนเก็บของเตรียมตัวกลับ รุ้งถือข้าวของตัวเองเดินเศร้าๆ มาหายายขม

“ฉันขอลาออกจากคณะจ้ะยาย ฉันมันตัวยุ่ง อยู่ไปก็ไม่ช่วยให้คณะเจริญขึ้น แถมยังก่อเรื่องให้ทุกคนปวดหัวอยู่เรื่อย” รุ้งยกมือไหว้จะเดินไป

ยายขมตามไปดักหน้า “คนทำผิดแล้วรู้ตัวว่าผิด และยังคิดกลับเนื้อกลับตัว ใครๆก็ให้อภัยได้ทั้งนั้นแหละ”

“ยายไม่โกรธฉัน ไม่ไล่ฉันออกจากคณะเหรอ” รุ้งน้ำตาคลอมองยายขม

“ข้ามันก็แก่แล้ว จะให้ลุกขึ้นไปร้องรำทำเพลงบนเวทีตลอดมันก็ไม่ไหว ข้าก็ได้แต่หวังพึ่งคนอย่างพวกเอ็งนี่แหละ ที่จะมาสานต่อภูมิปัญญาไทย ที่นับวันก็ยิ่งจะหายไปทุกทีๆ”

รุ้งทำนบน้ำตาแตก โผเข้ากอดยายขม พร่ำขอโทษ ยายลูบหลังลูบไหล่เตือนคราวหน้าจะทำอะไรก็คิดให้ดีเสียก่อน เป็นครั้งแรกที่สองคนเปิดใจยอมรับกันและกัน

โซว์กลัดกลุ้มหลบมาอยู่คนเดียวมุมหนึ่งในโรงแรม ปีเตอร์ตามมาพบ แสดงความยินดีที่วันนี้ประสบความสำเร็จ แต่พอเห็นสีหน้าเครียดของเขาก็รีบถาม โซว์ ตอบว่าตนไม่สบายใจที่โกหกขิง อยากบอกความจริงเธอ ปีเตอร์ร้องห้าม เพราะจะนำภัยมาสู่เจ้าชายเอง

“ไม่จริง ขิงไม่ใช่คนแบบนั้น ขิงเป็นคนดี ไว้ใจได้ เราตัดสินใจแล้ว เราจะบอกขิงว่าเราเป็นเจ้าชาย” โซว์ จะเดินไป ปีเตอร์พยายามห้าม

พลัน ทั้งสองแทบช็อก เมื่อเห็นขิงยืนฟังอยู่ไม่ห่าง เธอตาเขียวโกรธที่โซว์ยังโกหกตนอีก เขารีบเข้าไปจะอธิบาย แต่เธอมองอย่างจะเอาเรื่อง โซว์ละล่ำละลัก

“ฉันยอมรับว่าฉันโกหกเธอ แต่เธอจำไม่ได้เหรอว่า ฉันเคยบอกเธอไปแล้วว่าฉันเป็นเจ้าชาย แต่เธอไม่เชื่อฉัน”

ขิงจำได้เริ่มอึกอัก “เออ...ก็ตอนนั้นนายไม่จริงจัง พอฉันบอกไม่เชื่อ นายก็ไม่คิดจะอธิบายต่อ ไม่ต้องมาโยนความผิดให้ฉันเลย ตัวเองเป็นคนผิดแท้ๆ”

โซว์ยอมรับว่าตนผิด เพราะถ้าเปิดเผย เสด็จพ่อต้องรู้และส่งคนมาเอาตัวกลับแน่ ขิงหาว่าเขาเห็นแก่ตัว กลัวพ่อจับได้แต่ไม่กลัวว่าตำรวจจะจับแล้วตนจะเดือดร้อนแค่ไหน โซว์หน้าเหลอ ไปกันใหญ่แล้ว...ระหว่างนั้น อำนาจเดินตามหาติ๊งโหน่ง เห็นสองคนคุยกัน จึงแอบฟัง

ขิงไล่โซว์ให้กลับประเทศไป เขาย้อนถามว่าคณะลิเกของยายขมจะทำอย่างไร เธอว่าจะหาทางออกเอง เขาถามอีก แล้วเรื่องคดีที่ตกเป็นผู้ต้องสงสัยล่ะ

“ฉันปลอมตัวเป็นผู้ชาย ยังไงเขาก็จับฉันไม่ได้ ส่วนนายเป็นถึงเจ้าชายประเทศนิวแลนด์ ยังไงนายก็ไม่ถูกจับอยู่แล้ว ฉันจะถือว่าที่ผ่านมา ฉันกับนายเราไม่เคยรู้จักกัน” ขิงเดินจากไป

อำนาจตาโพลง รีบโทร.หาชรินทร์แต่ติดต่อไม่ได้ เพราะชรินทร์กำลังสนุกอยู่กับคุณหญิงฉาดประภา...พอดีติ๊งโหน่งเข้ามาโวยอำนาจที่หายไปไหนมา ตนอยากกลับบ้าน

ooooooo

ปีเตอร์ตามมาหาโซว์ด้วยความเป็นห่วง เกรงโดนขิงทำร้าย โซว์หน้าเศร้าเล่าว่าขิงโกรธมากและไล่ให้กลับบ้าน ตนคงจะหน้าด้านอยู่ต่อไม่ได้ ขอไปลายายขมก่อนแล้วจะกลับไปด้วย แต่พอกลับมาที่บ้านยายขม เขาได้เห็นสีหน้ามีความสุขของยาย และเห็นทุกคนเฮฮา

ขนาดตุ๊กบ่นเรื่องรุ้งเกือบทำงานพัง ยังถูกยายขมเอาไม้เคาะหัวแถมชมว่ารุ้งเป็นพวกปิดทองหลังพระ

ถ้าไม่ได้รุ้งวันนี้งานพังต่างหาก จู่ๆขิงก็เอ่ยขึ้นว่า โซว์มีเรื่องจะบอกทุกคน

ตุ๊กแทรกขึ้น “ก่อนจะฟังเรื่องของแก ฟังเรื่องของฉันก่อน หลังจากการแสดงจบลง ก็มีคนสนใจคณะลิเกของเรามากมาย คิวงานแสดงของเรายาวไปถึงปลายปีแล้ว เฮ...”

ขิงตกใจต่อว่ารับไปได้อย่างไร แล้วอ้างเกรงซ้อมไม่ทัน ยายขมกลับบอกว่าน้ำขึ้นต้องรีบตัก ขอให้ทุกคนตั้งใจซ้อมมากขึ้น ขิงมองหน้าโซว์อึ้งๆ ยายขมหันมาบอกให้เขาพูดได้

โซว์อึกอักก่อนจะเอ่ย “ผมแค่อยากขอบคุณยายน่ะครับ ที่ช่วยผลักดันจนทำให้ผมทำทุกอย่างออกมาได้เป็นอย่างดี”

ทุกคนยิ้มอย่างพอใจ ยกเว้นขิงที่พูดไม่ออก ทำหน้าไม่สบายใจ...จากนั้นขิงยังมาเห็นยายขมคุยกับภาพตาด้วยความดีใจ ที่คณะลิเกทำท่าจะไปได้ดี เธอลองหยั่งเชิงถามยายขมว่า ถ้าเกิดโซว์ไม่อยู่กับพวกเรา ยายจะทำอย่างไร

“ก็ซวยสิวะ ที่คนจ้างเราเพราะชอบไอ้โซ่ ทำไม มีอะไร หรือเอ็งสองคนทะเลาะกันอีก”

ขิงรีบปฏิเสธ ยายขมโล่งใจ แล้วบอกขิงว่า วันนี้เป็นวันที่ตนมีความสุขที่สุดในรอบหกสิบปี ขิงถอนใจกลับออกมา เจอโซว์ยืนเศร้าๆอยู่ เขาถามเธอว่าบอกยายขมให้แล้วใช่ไหม ตนจะได้ไปลา ขิงกลับบอกว่า ตนบอกยายว่าเขาจะอยู่ที่นี่ไม่ไปไหน โซว์ดีใจ ขิงรีบขู่ ที่ทำไปเพราะยาย ห้ามเขาเข้าใกล้ตนอีกถ้าไม่จำเป็น ทำเอาโซว์จ๋อย...

ขณะเดียวกัน แก้วกับยอดฟื้นขึ้นมาด้วยความแปลกใจว่า ใครที่เป็นคนมาตีหัวพวกตน ด้านชรินทร์พอได้รับรายงานจากอำนาจก็ตกใจ เป็นกังวลว่าจะทำอย่างไรดี เผอิญติ๊งโหน่งเข้ามาร้องไห้ จะให้เขาจ้างคณะลิเกของยายขมมาแสดงในงานวันเกิดแม่ เขากำลังหงุดหงิดเผลอตวาดลูกสาวออกไปว่าอย่าเพิ่งมากวนใจ ติ๊งโหน่งร้องไห้โฮ อำนาจกระซิบว่า

“นายครับ คณะลิเกคณะนี้แหละครับ ที่เจ้าชายกับคนของมันอยู่”

ชรินทร์ตาวาว รีบปลอบลูกและยอมจะจ้างลิเกคณะนี้มาแสดง ติ๊งโหน่งดีใจโผกอดพ่อ...

ooooooo

ท่านชายในสายหมอก

ละครแนะนำ

ข่าวละครวันนี้ดูทั้งหมด