สมาชิก

ท่านชายในสายหมอก

ตอนที่ 14

แม้ปีเตอร์พยายามส่งสัญญาณว่ามีเรื่องสำคัญ

มาทูล แต่โซว์กลับบอกว่าไม่มีเรื่องอะไรสำคัญไปกว่าเรื่องราชการแผ่นดิน ปีเตอร์ขยับเข้ากระซิบว่า

“แต่เจ้าชายเชื่อหม่อมฉันสิพระเจ้าค่ะ ว่าเรื่อง นี้...สำคัญจริงๆ”

“ไม่มีอะไรสำคัญทั้งนั้นแหละ เจ้าออกไปเถอะ เราจะอ่านหนังสือ”

“เจ้าชายทรงฟังกระหม่อมซักนิดเถอะพระเจ้าค่ะ”

โซว์ปฏิเสธ ปีเตอร์เซ้าซี้จนพระราชาซึ่งนั่งนิ่งอยู่นานเริ่มรำคาญ

“เอ๊ะเจ้านี่...จะตื๊ออะไรหนักหนา ก็คนเขายังไม่อยากฟัง ยังจะตื๊ออยู่ได้”

“แต่กระหม่อมมั่นใจว่า ถ้ากระหม่อมได้กราบทูลเจ้าชายเรื่องนี้ เจ้าชายต้องดีใจแน่”

“โอเค งั้นพูดมาสั้นๆ...สามคำ” โซว์ตัดความรำคาญชูสามนิ้ว

ปีเตอร์คิดสักพักก่อนจะเอ่ยชัดถ้อยชัดคำว่า “คุณ...ขิง...มา...”

โซว์อึ้งตะลึงไป พระราชาและพระราชินีมองหน้ากันตกใจ...

ประตูห้องรับแขกเปิดออก ขิงมองด้วยความตื่นเต้น ปีเตอร์เดินนำพระราชาและพระราชินีเข้ามา ขิงชะเง้อมองไม่เห็นโซว์ก็รู้สึกผิดหวัง ไม่ทันไรประตูเปิดอีกครั้ง โซว์ถูกผลักเข้ามา ขิงดีใจแต่เขากลับเชิดเมินหน้าหนี พระราชาเอ่ยขึ้น

“ลูกชายเราบอกว่า เจ้าตัดสินใจทุกอย่างไปแล้ว ทำไมถึงกลับมาที่นี่อีก”

“การตัดสินใจบางครั้งก็มีผิดพลาดบ้าง หม่อมฉันอยากจะแก้ไขการตัดสินใจนั้นเพคะ”

พระราชามองโซว์ เห็นยังเชิดไม่สนใจ จึงถามขิงว่า “เจ้าคิดว่าเจ้าจะมีโอกาสเหรอ”

“หม่อมฉันรู้ว่าหม่อมฉันไม่ควรได้รับ แต่...ความผิดพลาดของเมื่อวาน คือบทเรียนของวันนี้...ทรงให้โอกาสหม่อมฉันอีกครั้งนะเพคะ ตอนนี้ หม่อมฉันแน่ใจในสิ่งที่คิดและหม่อมฉันไม่กลัวอะไรอีกแล้ว”

“พูดน่ะมันง่าย”

“หม่อมฉันถึงอยากจะขอโอกาสพิสูจน์”

“เจ้าจะพิสูจน์อะไรหรือ”

“พิสูจน์ว่าหม่อมฉันพร้อมจะเปลี่ยนแปลงตัวเอง เพื่อให้เป็นคนที่คู่ควรกับเจ้าชายเพคะ”

“แสดงว่าเจ้าพร้อมจะเปลี่ยนแปลงตัวเองให้เป็นคนของนิวแลนด์”

ขิงชำเลืองมองโซว์เห็นยังนิ่งเฉยก็ใจเสีย แต่ก็ตอบอย่างหนักแน่นว่าตนพร้อม พระราชาหันไปถามโซว์จะว่าอย่างไร เขาทำเป็นไม่รู้ไม่ชี้ พระราชินีทบทวนคำพูดของขิงให้ฟัง เขามองขิงแบบไม่มีเยื่อใยพร้อมกับตอบว่า

“หม่อมฉันไม่มีสิทธิ์พูดอะไรอีกแล้ว ทุกอย่างแล้วแต่เสด็จพ่อ ถ้าท่านว่ายังไง หม่อมฉันก็ว่าอย่างนั้น”

“งั้นเราไม่ให้โอกาสเจ้า เจ้ากลับไปเถอะ” พระราชาสรุป ทำเอาโซว์สะดุ้งแต่เก็บอาการ

ขิงหน้าเสีย ปีเตอร์ช่วยแก้สถานการณ์ให้ว่า ขิงเดินทางมาเหนื่อยๆ จะให้กลับไปเลยคนจะนินทาได้ว่าพวกเราดูแลแขกไม่ดี ขอให้ขิงได้พักสักสองสามวัน พระราชินีเห็นด้วย พระราชาหันไปบอกโซว์ว่า ขิงเป็นแขกของเขาให้จัดการเอาเอง ว่าแล้วทั้งสองพระองค์ก็เดินไป ขิงจะคุยกับโซว์แต่เขาเดินหนี เธอหน้าเจื่อนผิดหวัง ปีเตอร์อ้าปากจะปลอบ โซว์หันกลับมาเร่ง

“เอ้า...แล้วจะยืนเศร้ากันอยู่ทำไมล่ะ รีบตามมาสิ เรามีอะไรต้องทำอีกเยอะนะ”

ปีเตอร์รีบสะกิดขิงให้ตามโซว์ไป...ระหว่างเดิน โซว์เก๊กท่าหน้าบึ้ง ขิงหยั่งเชิง

“ใจคอนายจะไม่ทักฉันสักคำรึไง ฉันดีใจนะที่ได้เจอนาย”

โซว์นิ่งไม่ตอบ ปีเตอร์กลัวขิงจะเสียใจจึงตอบแทน

“ปีเตอร์มั่นใจว่าเจ้าชายดีใจมากๆๆ”

“สู่รู้...” โซว์หันมาเอ็ด

ปีเตอร์กระซิบ “หม่อมฉันขอแนะนำ อย่าเยอะ เอาแต่พอดีๆ เดี๋ยวคุณขิงกลับไปจะจ๋อย”

“ฉันไม่ไปหรอกปีเตอร์ ถึงใครจะไล่ ถึงใครจะไม่อยากต้อนรับ ฉันก็จะอยู่ อยู่เพื่อพิสูจน์ความตั้งใจของฉันให้ได้”

“จะทำได้จริงเร้อ ดีแต่ปากมากกว่ามั้ง” โซว์ทำเป็นรำพึง

“ถ้านายเคยทำเพื่อฉันขนาดนั้นได้ ฉันก็ทำเพื่อนายได้เหมือนกัน”

โซว์พยักหน้าทำนอง...งั้นเหรอ...ปีเตอร์เบ้หน้าหมั่นไส้ แต่รีบหันมาชมขิงว่าซาบซึ้ง

“ซึ้งหรือไม่ซึ้งมันอยู่ที่การกระทำ ไม่ใช่คำพูด เธออยากจะทำอะไร พิสูจน์อะไรก็ทำไปเถอะ เราไม่ห้าม เราไม่เหมือนใครบางคนที่ชอบไล่คนอื่นหรอก เราใจกว้างพอ” โซว์เดินไป

ขิงรู้ว่าถูกแขวะ ปีเตอร์ตัดบทบอกเธอให้ไปพักผ่อน ตนขอจัดการอะไรบางอย่างก่อน อย่างไรเสียตนขอให้เธอสู้ๆ ขิงฝืนยิ้ม รู้สึกทุกอย่างมันคงไม่ง่ายเสียแล้ว

ปีเตอร์เดินตามโซว์เข้ามาในห้องบรรทม ตั้งใจจะต่อว่าเต็มที่ แต่โซว์กลับหันมาแล้วยิ้มแก้มแทบปริทำท่าลิงโลด

“สำเร็จแล้วปีเตอร์ เห็นไหมว่าขิงรักฉัน เขาตามมาง้อฉันด้วย ฮ่าๆๆ”

ปีเตอร์ต่อว่าไม่ออก ได้แต่เตือน “แล้วทำไมต้องไปทำปั้นปึ่งใส่คุณขิงด้วย เดี๋ยวคุณขิงเสียใจ เก็บเสื้อผ้าใส่กระเป๋ากลับบ้านหรอก”

“อ้าว...เราก็ต้องมีฟอร์มบ้าง เราก็อยากจะรู้ว่าเขารักเรามากแค่ไหนนี่”

“แล้วคราวนี้รู้รึยังล่ะ ว่าคุณขิงรักมากแค่ไหน”

“ก็แค่ระดับเดียว เราอยากรู้ทั้งหมดของหัวใจเขา อยากรู้ว่าเขาจะทำเพื่อเราและประเทศเราได้ขนาดไหน” โซว์ยิ้มอย่างมีแผน

ปีเตอร์ส่ายหน้า พอเธอง้อก็เยอะเชียว...

ooooooo

พออยู่ลำพัง ขิงก็งุ่นง่านกังวลใจ พลันพระราชินีแวะมาหา ขิงตกใจจนพูดอะไรไม่ออก ท่านมาเพื่อถามให้แน่ใจว่าขิงรักโซว์หรือเปล่า เพราะท่านเพิ่งเห็นเจ้าชายยิ้มได้ในวันนี้นับตั้งแต่กลับมาจากเมืองไทย ขิงอึ้งไปสักพัก ก่อนจะตอบอย่างจริงใจ

“หม่อมฉันรักเจ้าชายและไม่ว่าที่ผ่านมาจะมีเหตุการณ์อะไรต่างๆมากมายเกิดขึ้นระหว่างหม่อมฉันกับโซว์ ก็ไม่เคยทำให้ความรักของหม่อมฉันที่มีต่อโซว์ลดลงเลยเพคะ”

พระราชินีมองลึกเข้าไปในดวงตาของขิง เห็นถึงความจริงใจของเธอ จึงย้ำเตือน

“สิ่งที่เจ้าจะต้องเจอต่อจากนี้ จะเป็นเรื่องจริงที่หนักมาก เกินกว่าที่คนธรรมดาจะรับไหว แต่ถ้าเจ้ารักลูกชายเราจริงอย่างที่เจ้าบอก ความรักจะทำให้เจ้าข้ามผ่านอุปสรรค ความยากลำบากและความแตกต่างทั้งปวงไปได้ และเราจะช่วยเจ้าเอง”

ขิงปลื้มใจ คุกเข่าลงแสดงความขอบคุณ พระราชินีดึงเธอขึ้นพร้อมกับสอนว่า

“ผู้ที่จะเป็นราชินีแห่งนิวแลนด์ ต้องไม่คุกเข่าให้ใครง่ายๆ นี่เป็นเรื่องแรกที่เจ้าต้องจดจำ”

ขิงลุกขึ้นและก้มหัวให้อย่างงามสง่า ยิ้มอย่างมุ่งมั่น พระราชินีพอใจต่อก้าวย่างแรกของขิงเป็นอย่างมาก

วันรุ่งขึ้น ขิงยืนอยู่ต่อหน้าพระราชา ท่านกล่าวว่า พระราชินีบอกถึงความมุ่งมั่นของเธอ จึงอยากจะให้โอกาสได้เรียนรู้การเป็นคนนิวแลนด์ แต่มีเงื่อนไข

“ถ้าภายในหนึ่งอาทิตย์เจ้ายังไม่สามารถพิสูจน์ได้ว่า เจ้าเหมาะสมคู่ควรกับการเป็นคนนิวแลนด์แล้ว เจ้าต้องกลับบ้านไปและไม่ต้องกลับมาอีก”

โซว์กลืนน้ำลายเอื๊อกแต่ยังรักษาฟอร์ม มองลุ้นๆ ขิงน้อมรับ จะใช้โอกาสที่มีทั้งหมดเพื่อพิสูจน์ตัวเอง

“บอกไว้ก่อนว่ามันไม่ง่าย” พระราชาย้ำ

“หม่อมฉันรู้เพคะ แต่หม่อมฉันเชื่อว่า ถ้าหากคนเรามุ่งมั่นจริงๆต่อให้สิ่งที่ทำยากเย็นขนาดไหน ต้องบุกน้ำลุยไฟยังไง เราก็จะทำสำเร็จเพคะ”

“งั้นเจ้าไปได้แล้ว ไปเตรียมตัวเตรียมใจรอรับบททดสอบของเจ้า”

ขิงก้มหัวให้อย่างสง่างามก่อนจะเดินออกไป ทำ เอาพระราชาและโซว์ทึ่งกับความเปลี่ยนแปลงของเธอ พระราชินียิ้มที่ความรักทำให้คนเราทำได้ทุกอย่าง โซว์ถามว่าเมื่อคืนคุยอะไรกัน พระราชินียิ้มๆ ตอบว่า... บอกไม่ได้ เป็นความลับ โซว์หันมาถามพระราชา ท่านตอบ

“พ่อเชื่อว่า สักวันหนูขิงเขาก็จะบอกเจ้าเองน่ะแหละ” สองพระองค์หันมายิ้มให้กัน

โซว์ได้แต่เซ็งด้วยความอยากรู้...เดินหงุดหงิดมาในสวน เห็นพัชรีหอบกระเป๋ามา ปีเตอร์ดีใจมากเข้าไปกอด สองคนหยอกล้อกันจนโซว์ทนดูไม่ไหว

ooooooo

เมื่อปีเตอร์เรียกพัชรีมาให้ช่วยขิง ทั้งสองจึงหอบหนังสือตั้งใหญ่มาวางตรงหน้าขิง พร้อมกับบอกว่า นี่คือพงศาวดารเกี่ยวกับประเทศนิวแลนด์ ตั้งแต่ยุคต้น 400 กว่าปีก่อน ที่เธอจะต้องศึกษา ขิงถึงกับเหวอแต่ก็พร้อมจะอ่านให้หมด พัชรีเห็นใจ ยื่นซีดีให้

“มีตัวช่วย นี่คือซีดีประวัติประเทศนิวแลนด์คร่าวๆคัดเน้นๆเหลือสองชั่วโมง จะได้เอาเวลาไปทำอย่างอื่นบ้าง”

“ยังมีอย่างอื่นที่ต้องทำอีกเหรอคะ”

“มีครับ นอกจากต้องศึกษาประวัติ ต้องเรียนรู้การเมือง เศรษฐกิจ สังคม ศาสนา มารยาท ศิลปวัฒนธรรมและที่สำคัญ ต้องรู้จักพวกนี้ด้วย”

ปีเตอร์แผ่ม้วนกระดาษแผ่นใหญ่ออก ฝุ่นคละคลุ้ง

“มันคือแผนภูมิต้นไม้ของครอบครัว...อยู่บ้านเขาเราต้องรู้จักปู่ย่าตายายของพวกเขาด้วย”

ขิงกับพัชรีมองแล้วทึ่ง ไม่คิดว่าญาติโยมจะมากมายขนาดนี้ ขิงถามว่าต้องท่องจำทั้งหมดหรือ ปีเตอร์ตอบว่า ควรจะ เพราะทุกคนล้วนมีคุณงามความดีต่อประเทศนิวแลนด์ ขิงฮึด บอกปีเตอร์ว่า ตนชอบเพราะตนเป็นคนมีญาติน้อย อยากมีญาติเยอะแบบนี้บ้าง เขาดีใจที่เธอมุ่งมั่น...

ooooooo

พอโซว์เห็นปีเตอร์เปิดประตูเข้ามา ก็รีบลากคอมาถามถึงขิงว่าเธอทนไหวไหม ปีเตอร์รายงาน ท่าทางเธอเอาจริงเอาจัง แต่น่าหวั่นใจ เพราะการเปลี่ยนคนจากวัฒนธรรมหนึ่งมาสู่อีกวัฒนธรรมหนึ่ง มันไม่ใช่เรื่องง่าย โซว์ทำเป็นสะใจ หัวเราะเยาะหาว่า เธอทำตัวเอง

“เจ้าชายจะไม่ไปดูและให้กำลังใจคุณขิงซักนิดเหรอครับ”

โซว์เชิดตอบว่าไม่ ปีเตอร์แอบหมั่นไส้...

บนโต๊ะอาหารมื้อกลางวัน ขิงมองจานชาม แก้วน้ำ ช้อนส้อมที่วางอยู่มากมายอย่างอึ้งๆ ก่อนจะเท้าแขนลงบนโต๊ะด้วยความเคยชิน พระราชินีเดินเข้ามา ใช้ไม้ตีแขนเพียะ...

“เวลานั่งที่โต๊ะอาหาร ห้ามเท้าแขนและไม่ควรถอดรองเท้าใต้โต๊ะ ไม่ควรใส่รองเท้าแตะหรือรองเท้าเปิดส้น ผมก็ต้องเก็บให้เรียบร้อย เสื้อผ้าก็ไม่ควรใส่คอลึก ถ้าสวมกระโปรงก็ไม่ควรนุ่งสั้น”

ขิงรีบใส่รองเท้า โอดโอย “โหย...แค่จะกินข้าวสักมื้อ ทำไมมันถึงยากขนาดนี้เพคะ ตอนนั้นที่นั่งทานกับโซว์ยังไม่เห็นเข้มงวดแบบนี้เลยเพคะ”

“เพราะนี่แสดงถึงวัฒนธรรมและขนบธรรมเนียมที่ดีที่เราพึงกระทำน่ะสิ และการที่เราทำได้อย่างถูกต้อง เท่ากับเราให้เกียรติเพื่อนร่วมโต๊ะคนอื่นด้วย ไม่ว่าเราจะรับประทานกับคนที่สูงกว่า เสมอเรา หรือต่ำกว่า ถ้าเขาอยู่ร่วมโต๊ะอาหาร เขาคือคนที่สำคัญยิ่ง”

“ขิงไม่เคยคิดในจุดนี้เลย คิดแค่กินให้อิ่มก็พอแล้ว”

“คนที่จะปกครองคนอื่น จะคิดถึงแต่ตัวเองไม่ได้ เข้าใจใช่ไหม”

“เข้าใจเพคะ”

“เอาล่ะ เราจะค่อยๆสอนเจ้าช้าๆนะ นี่มีดตัดเนย ช้อนขนม ส้อมขนม แก้วน้ำ แก้วแชมเปญ แก้วไวน์ขาว ไวน์แดง...”

“ทำไมพระองค์ถึงยอมช่วยหม่อมฉันเพคะ ทำไมถึงทรงยอมเอาเวลาอันมีค่าของพระองค์มาให้กับคนที่ไม่ได้เรื่องอย่างหม่อมฉัน”

“เพราะเรารู้น่ะสิว่า การที่สามัญชนธรรมดาๆคนหนึ่ง จะต้องทำทุกอย่างเพื่อเปลี่ยนแปลงตัวเอง ให้เป็นคนที่คู่ควรกับตำแหน่งสำคัญที่สุดแบบนี้ มันทั้งยากและต้องใช้กำลังใจมากเท่าไหน เราถึงอยากเป็นกำลังใจให้เจ้าทำสำเร็จ” พระราชินีลูบหัวขิงอย่างอ่อนโยน

ขิงปลื้มใจ รับปากจะทำให้ได้ไม่ยอมแพ้...โซว์ ปีเตอร์ และพัชรีแอบมองอย่างไม่อยากเชื่อว่าพระราชินีจะลงมาสอนขิงด้วยตัวเอง โซว์ทำเป็นปากดี

“เพราะยัยนั่นซื่อซะจนเซ่อ จนเสด็จแม่ทนไม่ไหว ทั้งที่เราเองก็เคยสอนไปบ้างแล้ว”

ปีเตอร์กับพัชรีอ่อนใจ พยายามบอกโซว์ว่า ขิงทุ่มเทสุดๆ โซว์ยังแย้ง

“ทุ่มเทอะไรล่ะ ทำเราปวดตับล่ะไม่ว่า ดูท่าทางจับมีดสิ จับส้อมอย่างกับจะไปแทงคนที่ไหน เฮ่อ...”

“ถ้าไม่อยากปวดตับ เจ้าชายก็ไปช่วยคุณขิงสิ เรื่องโต๊ะเสวยเจ้าชายเก่งจะตาย”

“ไม่ได้หรอก อุตส่าห์กดดันยายนั่นมาซะขนาดนี้แล้ว ขืนใจดีด้วยเดี๋ยวยายนั่นได้ใจ”

“งั้นก็ตามใจ ให้คุณขิงท้อแล้วกลับบ้านไปเลย เพราะเรื่องแบบนี้ หม่อมฉันก็จนปัญญาเหมือนกัน ไปเถอะพัชรี เรื่องนี้เราช่วยไม่ได้หรอก” ปีเตอร์กับพัชรี ค้อนขวับ เดินจากไป

ใจจริงโซว์เป็นห่วงขิงอย่างมาก เขางุ่นง่านเป็นกังวลบ่นว่าพ่อไม่น่ากำหนดเวลาแบบนั้น พระราชาเดินมาข้างหลัง เขาหันมาสะดุ้งที่ท่านมาไม่ให้สุ้มให้เสียง

“ถ้ามาให้รู้ตัว จะรู้ได้ยังไงว่าเจ้าแอบไม่พอใจกับคำสั่งของพ่อ”

“ไม่ใช่ไม่พอใจ แต่แค่คิดว่ามันไม่ยากไปหน่อยเหรอ คนนะไม่ใช่คอมพิวเตอร์ ถึงจะได้สูบข้อมูลทีละเยอะๆได้”

“ก็ไอ้อะไรที่คนอื่นเขาทำไม่ได้นั่นแหละ ที่คนอย่างพวกเราต้องทำได้ อย่าลืมสิ การจะปกครองคนได้ต้องมีความเสียสละ อดทน ตอนนี้ผู้หญิงคนนั้นกำลังพยายามทำอยู่ มีแต่เจ้านั่นแหละที่ยังไม่ทำ”

“หม่อมฉันไม่ทำอะไร หม่อมฉันก็ทำทุกอย่างแล้ว”

“ก็สละทิฐิโง่ๆที่เจ้ามีออกซะสิ ในเวลาที่ยากลำบากแบบนี้ ต่อให้มียาดีแค่ไหน ก็คงสู้กำลังใจดีๆจากคนที่รักไม่ได้หรอก”

“โอ้โห นี่ถ้าไม่ได้ยินกับหูเอง หม่อมฉันคงไม่เชื่อว่าจะได้ยินเสด็จพ่อพูดอะไรๆแบบนี้ ไม่คิดว่าเสด็จพ่อจะอินกับเรื่องนี้นะเนี่ย”

“ก็อินน่ะสิ...อินมากด้วย...เจ้าไม่รู้หรอก การที่เห็นคนที่รักเรา ต้องพยายามทำอะไรในสิ่งที่เป็นไปไม่ได้ แต่เขาก็ทำให้เราจนได้เนี่ย มันทั้งรู้สึกดีและรู้สึกแย่ไปพร้อมๆกัน”

“เสด็จพ่อพูดเหมือนมีความหลังอะไรซักอย่าง ที่ลูกไม่รู้ใช่ไหม”

“ฮ่าๆๆ...ตอนนี้เจ้าไม่ได้มีหน้าที่มาถาม หน้าที่ของเจ้าก็คือ ไปช่วยหนูขิงก่อนที่แกจะไม่มีโอกาสได้ช่วย บอกไว้ก่อนนะ หนึ่งอาทิตย์คือ 7 วัน 168 ชั่วโมง ไม่มีน้อยไม่มีมากกว่านั้น ถ้ายัยหนูนั่นทำไม่ได้ ทุกอย่างจบ”

พระราชาจะเดินไป โซว์รั้งแขนไว้ “แล้วหม่อมฉันต้องทำยังไงล่ะเสด็จพ่อ เก๊กมาซะตั้งเยอะแล้ว”

“ทำทุกอย่างให้เห็นภาพ และอะไรๆมันก็จะง่าย” พระราชายิ้มเท่ ก่อนจะเดินจากไป

ooooooo

และแล้วโซว์ก็สอนทุกอย่างตั้งแต่การหยิบขนมปัง จับมือเธอสอนการหั่นสเต็ก ขิงแอบเขิน...เสร็จจากรับประทานอาหารเย็น ขิงมานั่งยิ้มๆอยู่ในห้อง พัชรีแซวที่โซว์มาดินเนอร์ด้วย ขิงเบ้หน้า ชูมือให้ดูว่า เขามาจับผิดต่างหาก โดนตีจนแดงไปหมด

“แล้วจำที่เรียนไปวันนี้ได้ทั้งหมดรึยังคะ”

“จำได้สิ ขืนจำไม่ได้มีหวังนายนั่นเอาเรื่องตาย”

“งั้นก็ถือว่าได้ผล”

“ก็จริงน่ะนะ ฮ่าๆๆ” ขิงหัวเราะเขินๆ

“อย่าเพิ่งหัวเราะไปค่ะ ยังไม่หมด” พัชรีหยิบกระดิ่งตรงหัวนอนมาสั่น

ปีเตอร์เปิดประตูเข้ามาพร้อมหอบหนังสือกองโตมาด้วย บอกว่าต้องอ่านวัฒนธรรมและสังคมของนิวแลนด์ ขิงตะลึงอยากเอาตำราเข้าเครื่องปั่นกินแทนอาหารเสียจริงๆ แต่ก็สูดลมหายใจเข้าฮึดสู้

ขิงตั้งใจอ่านหนังสือพร้อมเปิดดิกชันนารีประกอบ โซว์แอบมองยิ้มปลื้ม สุดท้ายอดไม่ได้ที่จะเข้ามาช่วยแนะวิธีจำ แล้วเขาก็พาเธอออกมารีแล็กซ์ มาดูทุ่งหญ้าเขียวชอุ่ม ดูการทำเกษตรกรรม และอ่านแผนภูมิต้นไม้ราชวงศ์ให้เธอได้จดจำไปด้วย สุดท้าย ทั้งสองนอนแผ่หลาบนหญ้าด้วยความอ่อนล้า ไม่นานขิงก็หลับไป โซว์ลูบผมเธออย่างสงสารและพึมพำ

“ไม่เคยนึกเลยว่าเธอจะทุ่มเทเพื่อฉันขนาดนี้ ขอบคุณนะขิง” โซว์ขโมยหอมแก้มแล้วทำเป็นนอนหลับ

ขิงค่อยๆลืมตาขึ้นมา อมยิ้มเขินๆที่โดนขโมย

หอมแก้ม แล้วหลับตาลงอย่างมีความสุข

คืนนั้น โซว์มาขอร้องพระราชาให้ยกเลิกเวลาหนึ่งอาทิตย์ เพราะขนาดตนเรียนมาทั้งชีวิตยังรู้จักประเทศไม่หมด แล้วขิงจะจำได้อย่างไร พระราชากลับโต้ว่ามีคนทำได้

“ใครทำได้เหรอพระเจ้าค่ะ เคยมีสามัญชนที่ต้องขึ้นมาเป็นผู้ปกครองนิวแลนด์ด้วยเหรอพระเจ้าค่ะ” โซว์ถามแต่ไม่มีใครตอบ พระราชินีเอาแต่ยิ้มๆ

พระราชากล่าวว่า ไม่ต้องห่วงเรื่องอื่น พ่อกับแม่รับคนที่ลูกรักได้เสมอ คนที่ลูกต้องห่วงมากที่สุดคือ ประชาชน คนที่ลูกรักจะทำอะไรเพื่อประเทศของเราได้บ้าง...โซว์ฟังแล้วครุ่นคิด

ooooooo

วันต่อมา ขิงรู้สึกวันนี้ทำไมบรรยากาศดูเงียบๆ ปีเตอร์บอกว่า เกิดปัญหาขึ้นในนิวแลนด์ มีม็อบประท้วงจากเกษตรกรที่ปลูกข้าวโพดแถบมิดเวส ที่จริงก็ประท้วงทุกปี แต่ครั้งนี้หนัก

“พวกเขาต้องการให้ทางรัฐบาลรับซื้อข้าวโพดของพวกเขา เพราะโรงงานที่รับซื้อให้ราคาต่ำ แถมไปรับซื้อข้าวโพดจากจีนที่มีราคาถูกกว่ามาแทน ไม่มีตลาด

ชาวไร่ก็ขายของไม่ได้ ก็ไม่มีเงินไปซื้อของมากิน จะกินข้าวโพดที่ปลูกเองทั้งปีทั้งชาติก็คงไม่ไหว”

ขิงได้ยินแล้ว วิ่งมาแอบฟังหน้าห้องประชุมด้วยความอยากรู้ว่าจะทำอย่างไร รัฐมนตรีรายงานถึงสาเหตุ พระราชามอบหน้าที่ให้โซว์คิดหาทางแก้ปัญหา เมื่อพวกรัฐมนตรีกลับออกไป โซว์ยังนั่งอ่านเอกสารอย่างเคร่งเครียด ขิงยกน้ำชาและของว่างเข้ามา แล้วถามหยั่งเชิงว่ามีอะไรให้ตนช่วยบ้างไหม เขากลับไล่เธอ

ไปอ่านตำรา หรือถ้าอยากไปไหนก็ให้บอกปีเตอร์...

ขิงกลับครุ่นคิดอยากช่วยโซว์แก้ปัญหา จึงมาบ่นกับพัชรีและปีเตอร์ พัชรีเปรยว่า

“จริงๆพวกมิดเวสก็ไม่ได้อดตายหรอกค่ะ เพียงแค่เขามีแต่ข้าวโพด...แล้วไอ้ข้าวโพดมันก็เปลี่ยนเป็นอย่างอื่นไม่ได้ ถ้ามันสามารถเปลี่ยนเป็นหมู ไก่ แกะ แฮมหรือขนมปัง พวกเขาก็คงไม่เดือดร้อนหรอก”

“ก็เพราะชาวมิดเวสคิดแต่ปลูกพืชโดยพึ่งพิงตลาดและพ่อค้าคนกลางมากเกินไป ทำให้วิถีชีวิตที่มีอยู่แต่เดิมเสื่อมสลาย ตามที่ขิงอ่าน เขตมิดเวสเป็นเขตที่อุดมสมบูรณ์มาก ไม่เห็นจำเป็นต้องปลูกพืชอย่างเดียวเลย”

“มันเป็นไปตามการเจริญเติบโตของเศรษฐกิจโลกน่ะครับ”

“เราไม่จำเป็นต้องโยนปลาไปให้คนที่หิว แต่เราควรจะพาเขาไปที่แหล่งน้ำ และสอนเขาจับปลา”

“เอ่อ คุณขิงครับ เราอยู่บนภูเขานะครับ จะไปจับปลาที่ไหน”

“คนที่มีที่ดิน ยังไงก็ไม่อดตายหรอก ใช่...เรารู้แล้ว” ขิงคิดอะไรได้รีบวิ่งออกไป

โซว์กำลังปรึกษางานกับพระราชา ว่าควรรับซื้อข้าวโพดไว้ทั้งหมดก่อน...พลัน ขิงพรวดพราดเข้ามา แล้วโพล่งขึ้นว่า

“หลังจากนั้นเราต้องส่งเสริมให้เกษตรกรที่นั่น หันกลับมาปลูกพืชเพื่อการดำรงชีวิตของตัวเองก่อน

แล้วถึงจะค่อยสร้างเสริมความเจริญและความมั่นคงทางเศรษฐกิจให้สูงขึ้นเรื่อยๆ”

โซว์เอ็ดว่าพูดเรื่องอะไร ขิงอธิบายว่า พวกเกษตรกรพึ่งพิงโรงงานและสภาวะเศรษฐกิจโลกโดยไม่พยายามพึ่งพาตัวเอง เมื่อพืชผลราคาไม่ดี เศรษฐกิจโลกถดถอย พวกเขาไม่สามารถพึ่งพาตัวเองได้ แต่ถ้าเราให้เขากลับมาพึ่งตัวเองให้ได้ก่อน โดยไม่ต้องพึ่งปัจจัยภายนอก พวกเขาก็จะมีชีวิตอยู่ได้โดยไม่ต้องพึ่งพาใคร พระราชาฟังแล้วคุ้นๆ ว่าเคยได้ยินแนวคิดนี้มาก่อน

“เป็นแนวคิดของกษัตริย์ประเทศหม่อมฉันเพคะ ท่านสอนให้เราพอเพียง และพัฒนาประเทศไปตามลำดับขั้นอย่างมั่นคงเพคะ หากพระองค์ลองศึกษาและลองไปใช้กับเกษตรกรแถบมิดเวส หม่อมฉันว่าอาจจะเป็นการแก้ปัญหาที่ยั่งยืน คนมีที่ดินยังไงก็ไม่อดตายหรอกเพคะ”

พระราชานิ่งคิด โซว์เข้ามาดึงขิง ตำหนิไม่ใช่ เรื่องที่จะพูดเล่น แล้วขอให้ออกไปก่อน...

ooooooo

เวลาผ่านไปไม่นาน พระราชาเอาหนังสือเศรษฐกิจพอเพียงฉบับภาษาอังกฤษมาอ่าน โซว์หน้าเครียดเข้ามาหา ขอให้ประทานอภัยแก่ขิง ตนจะอบรมเรื่องมารยาทให้มากกว่านี้

“ไม่จำเป็นหรอก เราไม่จำเป็นต้องฝึกอะไรเด็กคนนั้นอีกต่อไป แค่นี้พ่อก็รู้อะไรๆมากพอแล้ว...ไปตามเด็กคนนั้นมาพบพ่อ พ่อมีเรื่องต้องคุยกับเขาเป็นครั้งสุดท้าย”

“อย่าบอกนะว่าเสด็จพ่อจะไล่ขิงกลับประเทศ ทำไมเสด็จพ่อทำแบบนี้ นี่มันยังไม่ครบเจ็ดวันตามสัญญาเลยนะพระเจ้าค่ะ เสด็จพ่ออย่าเพิ่ง...”

“เจ้าจะไปตามเขามาพบพ่อดีๆ หรืออยากให้พ่อไปบอกเด็กคนนั้นด้วยตัวเอง” พระราชาเสียงเข้ม ทำเอาโซว์อึ้งไม่กล้าโต้แย้งอีก

ในขณะที่ขิงกำลังเก็บเสื้อผ้าใส่กระเป๋า ปีเตอร์กับพัชรีร่ำไห้เสียดายที่เธอต้องกลับประเทศไทย โซว์เดินเข้ามา ปีเตอร์ดีใจคิดว่าคงมาห้าม แต่โซว์กลับบอกว่าพระราชาต้องการพบขิงเป็นครั้งสุดท้าย ปีเตอร์กับพัชรีโผกอดกันร้องไห้โฮ

ขิงเรียกสติตัวเองกลับมา “ไม่เป็นไรนะ พวกเราทำทุกอย่างดีที่สุดแล้ว ขอโทษนะโซว์ ที่ฉันทำไม่สำเร็จ”

“ฉันขอโทษที่ช่วยเธอไม่ได้” โซว์เข้ากอดขิงด้วยความเศร้าเสียใจ...

ขิงเข้ามาพบพระราชาด้วยสีหน้าสงบนิ่ง “เวลาของหม่อมฉันหมดแล้วใช่ไหมเพคะ”

“เจ้าหมายถึงอะไรล่ะ ถ้าเจ็ดวันที่เราสัญญากันไว้น่ะ มันคงไม่จำเป็นแล้ว...เพราะเจ้าแสดงให้เราเห็นแล้วว่า เจ้าคู่ควรที่จะอยู่เคียงข้างลูกชายของเรา”

ขิงเหวอ พระราชายิ้มให้อย่างจริงใจ พร้อมหยิบหนังสือเศรษฐกิจพอเพียงขึ้นมาวาง...

ooooooo

ท่านชายในสายหมอก

ละครแนะนำ

ข่าวละครวันนี้ดูทั้งหมด