พรายสังคีต
ทุกคนขยับตัวมองเมหวาดๆ ยชญ์เดินมาถามเมว่าเกิดอะไรขึ้น เมบอกไม่รู้แต่ตนสีซอไม่ได้
ยชญ์บอกเมว่าไม่ต้องกลัว เมบอกว่าตนไม่ได้กลัวแต่คิดถึงพี่โฉม เพราะทุกครั้งที่ซ้อมก็มีพี่โฉมอยู่ด้วยเสมอ ตนเลยรู้สึกแย่ ขอโทษทุกคนด้วย แล้วขอตัวออกไปนั่งร้องไห้ที่มุมตึก
ขณะเมกำลังร้องไห้เสียใจที่ตัวเองทำให้วงซ้อมไม่ได้อยู่นั้น วิญญาณโฉมยงค์เข้ามาถามอย่าง อ่อนโยนว่าร้องไห้ทำไม เมบอกว่าตนเสียใจที่เป็นตัวถ่วงพี่ๆในวง ถามว่าตนจะขอลาออกจากวงได้ไหม
โฉมยงค์ประคองเมขึ้นยืน จับบ่าทั้งสองข้างพูดอย่างหนักแน่น...
“เมเป็นคนมีฝีมือและมีพรสวรรค์ด้วย แต่ประสบการณ์ของเมอาจจะยังน้อยอยู่ เมื่อมาเจอพี่ๆ ที่เขามีประสบการณ์มากกว่า เมก็เลยรู้สึกกดดัน ซึ่งก็เป็นเรื่องธรรมดาของน้องใหม่ทุกคน แม้แต่อาจารย์ก็เคยผ่านจุดนั้นมาแล้ว”
“จริงเหรอคะ” โฉมยงค์พยักหน้า เมพูดอย่างกังวลว่า “แต่การแข่งขันก็ใกล้เข้ามาทุกทีแล้ว เมไม่อยากเป็นตัวถ่วงให้ทุกคน”
“ฟังให้ดีนะเม ไม่มีใครคิดว่าเมเป็นตัวถ่วงเลย ทุกคนดีใจเสียอีกที่ได้น้องใหม่ฝีมือดีอย่างเมมาร่วมวง บางครั้งการเล่นดนตรีขนาดระดับผู้เชี่ยวชาญยังพลาดได้ เพราะฉะนั้นเมไม่ต้องคิดมากที่วันนี้เล่นพลาด”
โฉมยงค์เห็นเมรู้สึกดีขึ้น จึงพูดต่อด้วยน้ำเสียงอ่อนโยนอบอุ่นว่า
“ถ้ามีปัญหาอะไรมาระบายและปรึกษาพี่ได้เสมอ อย่าคิดว่าพี่เป็นอาจารย์แต่คิดว่าเป็นพี่สาวคนหนึ่งของเม โอเคไหม?”
เมขอบคุณ โผเข้าอ้อมแขนโฉมยงค์ที่รอรับอยู่ โฉมยงค์กอดและลูบหลังเมปลอบใจเหมือนพี่สาวที่ให้ความอบอุ่นน้อง เมในอ้อมกอดของโฉมยงค์ยิ้มอย่างตื้นตันใจ บอกโฉมยงค์ด้วยน้ำเสียงที่เข้มแข็งว่า
“เมจะไม่อ่อนแออีกแล้ว พี่โฉมคะ เป็นกำลังใจให้เมด้วยนะคะ”
ยชญ์ออกมาตามเม เจอพุกที่มาในเสื้อผ้าชุดปัจจุบันทำให้ยชญ์ไม่สะดุดใจ ถามว่าเห็นเด็กผู้หญิงที่เพิ่งเดินออกจากตึกไหม พุกส่ายหน้า พอยชญ์จะเดินต่อพุกเรียกไว้ เตือนว่า
“ช่วงนี้จะมีเคราะห์ ให้หมั่นทำบุญอุทิศให้บรรพบุรุษบ่อยๆ เคราะห์ร้ายจะได้กลายเป็นดี” บอกแล้วพุกหันเดินกลับมุมตึกไป ยชญ์จะเดินตามก็เจอเมโผล่มาพอดี เมถามว่า “นายมายืนทำอะไรตรงนี้”
“ก็มาตามเธอน่ะสิ” ยชญ์บอกแล้วกวาดตาไปรอบๆ เมถามว่ามองหาอะไร “ผู้ชายที่เดินสวนกับเธอเมื่อกี้เป็นอาจารย์ในมหาวิทยาลัยหรือเปล่า” เมถามงงๆว่าผู้ชายที่ไหน ตนยังไม่ได้เดินสวนกับใครเลย “ก็พอเขาเดินพ้นมุมตึกไปเธอก็โผล่ออกมาแล้วจะว่าไม่สวนกันได้ยังไง”
เมหันมองไปทางมุมตึกถามว่านายแน่ใจหรือว่าเห็นเขาเดินไปทางนั้น ยชญ์บอกว่าแน่ใจ มองหน้าเมแล้วถามว่าเธอโอเคหรือยัง เมพยักหน้า เขาจึงบอกให้กลับไปซ้อมต่อกัน ทุกคนรอเธออยู่
พอยชญ์กับเมเดินกลับไปที่ตึก พุกก็ปรากฏร่างขึ้นมองตามยชญ์ไปอย่างเป็นห่วง
ooooooo
เทิดอยู่ที่เรือนเล็ก ตีระนาดเสียงเพลงกระท่อนกระแท่นแบบตีไม่ถนัดเพราะมือยังเป็นแผลไฟไหม้อยู่ เทิดวางไม้ระนาดลงอย่างหงุดหงิด พลันก็ได้ยินเสียงแพรร้องเพลงท่วมธรณี...
“แสนเจ็บแสบแปลบดิ้นแทบสิ้นชีพ ดุจประทีปโดนล้วงลักจากอกข้า...”
เทิดก็โกรธแค้นขึ้นมา จ้องไปข้างหน้าอย่างน่ากลัว
วงดนตรีซ้อมเพลงเสร็จอย่างราบรื่น แพรถามยชญ์ว่าจะให้ซ้อมต่อไหม ยชญ์ให้พักสักครู่ให้หายเมื่อยก่อน แพรจึงขอไปห้องน้ำก่อน ถามมิ่งจะไปไหม มิ่งไม่ไป ถามเม เมบอกว่าให้เดินไปก่อนเดี๋ยวจะตามไป แล้วเมก็ไปหยิบโทรศัพท์ที่กระเป๋าตัวเอง