สมาชิก

เพียงชายคนนี้ไม่ใช่ผู้วิเศษ

ตอนที่ 9

บนเกาะหน้ากระท่อม อนุศนิยากำลังตากผ้า มีชาวเรือมาตะโกนเรียกหมอให้ไปรักษาคนป่วย เธอตกใจเตือนศตวรรษจะไปไหนยังบาดเจ็บอยู่ แต่เขาบอกมีคนเจ็บต้องรีบไปช่วย ด้วยความเป็นห่วงหญิงสาวจึงขอไปด้วย

มาถึงหมู่บ้านประมง ศตวรรษรีบเข้าไปช่วยคนไข้ที่นอนดิ้นทุรนทุรายจากโรคเบนด์หรือโรคน้ำหนีบ อันเกิดจากการดำน้ำลึก ทำให้เกิดฟองอากาศไนโตรเจนไปอุดแทรกอวัยวะภายในทำให้มีอาการเจ็บปวดตามร่างกาย ตัวชา ควบคุมร่างกายท่อนล่างไม่ได้

ศตวรรษรักษาจนอาการคนไข้ทุเลาลง ให้หยุดดำน้ำหาปลาพักใหญ่ ถ้าฝืนจะแย่กว่าเดิม อนุศนิยาสังเกตเห็นชาวบ้านหลายคนพิการขาลีบ ไม่นั่งรถเข็นก็ถือไม้เท้า ระหว่างขับเรือกลับ ศตวรรษเล่าว่าวิถีชีวิตอันลำบากลำบนของชาวเลแถบนี้ ถูกบีบให้ต้องออกหาปลาไกลๆ เพราะพื้นที่ทำกินกลายเป็นรีสอร์ต ทำให้พวกเขาต้องดำน้ำลึก ร่างกายปรับความดันไม่ทัน ไม่ออกหาปลาครอบครัวก็ไม่มีกิน พวกเขาต้องยอมเสี่ยง อนุศนิยาทึ่งถ้าเขาไม่มาที่นี่คนไข้จะเป็นอย่างไร

“ผมไม่มาพวกเขาก็ไม่กล้าไปรักษาตัวในโรงพยาบาล เพราะบางคนไม่มีบัตรประชาชน บางคนอายที่ไม่รู้หนังสือแล้วก็ไม่มีเงิน ถ้ามาหาแล้วรอดก็ยังออกหาปลาผ่อนค่ารักษาได้ แต่ถ้าตาย ลูกเมียก็หาเงินผ่อนศพออกมาไม่ได้ พวกเขาถึงยอมตายอยู่ที่บ้าน”

“เพราะอย่างนี้นายถึงอยากมาอยู่ช่วยพวกเขาที่นี่ใช่ไหม”

“ผมเป็นหมอ ผมอยู่กับคนป่วยทุกวัน คุณก็เห็นคนบางคนแค่จะมีชีวิตให้อยู่รอดในแต่ละวันมันยากแค่ไหน พวกเราโชคดีกว่าเขาที่ไม่ต้องเสี่ยงเป็นเสี่ยงตาย แต่เราก็ไปทำชีวิตให้มันยุ่งยากวุ่นวาย จนลืมมองไปว่าแค่ยังมีชีวิตหายใจได้ทุกวันมันก็ดีมากแล้ว”

อนุศนิยาฟังแล้วซาบซึ้งในน้ำใจของศตวรรษ รู้สึกว่ารักคนไม่ผิด เขากำลังวางถังปูปลาที่ชาวเลให้มาลงบนหาด เธอโผกอดเขาจากด้านหลังบอก “นายพูดถูก ฉันทำให้ชีวิตยุ่งยากเอง ขอโทษนะที่ฉันปากไม่ตรงกับใจ ฉันมาเพื่อจะขอโทษนาย แค่นี้ก็ยังไม่กล้าพูดตรงๆเลย...

อย่าเพิ่งหันมานะขอพูดให้จบก่อน” อนุศนิยากอดรั้งเขาไว้ “อยากรู้ใช่ไหมทำไมฉันถึงกลัวจะ...ใจอ่อนให้นาย เพราะฉันกลัวว่าคนดีๆอย่างนายจะไม่ชอบผู้หญิงนิสัยเสียอย่างฉันไง ไม่ใช่นายไม่ดีพอ ฉันต่างหากที่รู้ตัวว่าไม่ดีพอสำหรับนาย”

ศตวรรษหันมาเห็นอนุศนิยาน้ำตาซึมก็ตกใจ เธอพร่ำขอโทษ เขาดึงเธอมากอดบอกถ้าเมื่อวานเธอเป็นอะไรไปคงไม่ได้ยินคำนี้ เธอร้องไห้โฮ เขาจูบหน้าผากเธอและกอดเธอแนบแน่น เธอรู้แล้วว่ามีเขาอยู่ในชีวิตช่วยเติมเต็มชีวิตให้เธอมากแค่ไหน

เย็นวันนั้น อนุศนิยาเริ่มมีความสุขกับชีวิตแม่บ้าน นั่งปิ้งย่างอาหารทะเลไว้ให้ศตวรรษ จับตามองเขาว่าชอบอะไรไม่ชอบอะไร ใส่รองเท้าซ้ายหรือขวาก่อนกัน อยาก รู้จักเขามากขึ้น ศตวรรษปลื้มใจที่อนุศนิยาไม่เก๊กไม่แอ๊บเหมือนเคย แถมมีท่าทีเขินอายน่ารัก

“จีบเมียตัวเองนี่มันแปลกดีนะ รู้สึกเหมือนทำอะไรข้ามขั้นชาวบ้านเขาหมด แต่งแล้วค่อยจีบ แปลว่าผมจีบติดแน่ใช่ไหม”

อนุศนิยาเย้าอย่าเพิ่งมั่นใจ ชายหนุ่มนึกถึงวันแรกที่เจอกันเธอคิดว่าเขาเป็นโจร ถ้าจีบตอนนั้นเธอคงด่าเขาไม่เจียม หญิงสาวยอมรับว่ามันผิดมาตั้งแต่ต้น เรียกว่ารักแรกพบไม่ได้ ศตวรรษเสียดายถ้าวันแรกเราไม่ตีกัน ไม่รู้วันนี้จะเป็นอย่างไร แต่ก็กลับไปแก้ไขอะไรไม่ได้ เขาอ้อนลงนอนหนุนตักเธอ คำพูดของเขาทำให้อนุศนิยาคิดอยากกลับไปแก้ไขวันแรกที่เจอกัน...

เย็นวันนั้นขณะที่ศตวรรษอาบน้ำอยู่ในห้องน้ำ อนุศนิยาถือเสื้อเขายืนรอหน้าประตู ยิ้มน้อยยิ้มใหญ่นึกถึงวันที่เจอเขาครั้งแรก พอศตวรรษออกมาเขานุ่งกางเกงเลตัวเดียว แปลกใจที่เห็นเธอ เธอกระเซ้าจำวันแรกที่เขาโป๊ตรงหน้าตนได้ไหม เขาหัวเราะแล้วถามอยากดูอีกหรือพร้อมกับแกล้งทำท่าจะถอดกางเกง อนุศนิยาร้องกรี๊ดวิ่งหนีไปทางหาดทราย เขาวิ่งตามไปตะครุบตัวเธอเหมือนวันนั้น ถามจำได้ไหมว่าเธอคิดว่าตนหื่นลวนลามเธอ

“จำได้...แล้วฉันก็ทำนายแบบนี้ไง” อนุศนิยากระทุ้งศอกใส่ แต่เขาหลบทันและดันตัวเธอลงนอนบนพื้นทราย เยาะเย้ยคราวนี้ไม่พลาดอีก

ศตวรรษกอดอนุศนิยาอย่างมีความสุข เธอให้เขาระวังจะมีคนแอบถ่ายรูปอีก เขานึกได้ที่เธอหาว่าเขาซ่อนกล้องถ่ายไว้แบล็กเมล์ เธอเอามือคล้องคอเขา “เชื่อแล้วว่านายไม่ได้เป็นคนทำ”

“ทำไมไม่เชื่อตั้งแต่ตอนนั้น จะได้ไม่เสียเวลากันมาจนป่านนี้”

“ทำยังกะว่าตอนนั้นนายชอบฉันลงนักนี่ เอาเป็นว่าบุพเพสำหรับเราสองคนคงไม่มี”

ศตวรรษว่าเข้าใจผิดแล้ว เราสองคนไม่ได้เจอกันครั้งแรกที่นี่ เขามองออกไปนอกทะเล แล้วศตวรรษก็พาอนุศนิยาพายเรือออกดูพรายน้ำกลางทะเล เธอตื่นตาตื่นใจกับความสวยงามของพรายน้ำ เขาบอกตรงนี้ต่างหากเป็นที่ที่เราเจอกันครั้งแรก

“คืนนั้นผมพายเรือของผมอยู่ดีๆ ก็มีผีพรายที่ไหนไม่รู้ดำน้ำมาหา”

อนุศนิยารีบแก้ตัวว่าตนไม่ได้เล่นยา แต่ตนโดนมอมยา เขาคงคิดว่าตนมั่วมาก เขาหัวเราะเย้าว่าเธอไม่ได้แค่มั่วยาแต่มั่วกับอาด้วย หญิงสาวจ๋อยลงทันตาสารภาพ “ฉันกับอาชยาไม่ได้มีอะไรกัน ฉันโกหกเพราะคิดว่าจะทำให้นายขยะแขยงแล้วก็ไม่ตอแยฉันก็เท่านั้น”

“คุณรังเกียจผมถึงกับต้องอ้างเรื่องนี้ขึ้นมาหลอกกันเลยเหรอ”

“ตอนนี้ไม่รังเกียจแล้วนะ” อนุศนิยาโผเข้าจุ๊บปากเขาเป็นการไถ่โทษแล้วกลับมานั่งที่

ศตวรรษตะลึงแต่แกล้งเก๊กว่าแค่นี้หรือที่เรียกว่าไม่รังเกียจ เขาโน้มหน้าไปใกล้หวังให้เธอจูบอีก แต่เธอเบี่ยงหนีจึงเกิดการยื้อ ทำให้เสียการทรงตัวพลัดตกจากเรือ...พรายน้ำสว่างวาบขึ้นสวยตระการไปทั่วท้องทะเล ศตวรรษไล่จับตัวอนุศนิยาและดึงเธอมากอดจูบอย่างดูดดื่ม

ทั้งสองว่ายน้ำขึ้นมานอนแผ่บนหาดทรายด้วยความเหนื่อยหอบ ศตวรรษถามจำได้หรือยัง เธอบอกจำไม่ได้จริงๆ เขาจึงพลิกตัวเข้าหาเธอ จ้องหน้าในระยะใกล้ “เรามาเริ่มต้นใหม่อีกครั้งตั้งแต่ตรงนี้เถอะนะ สมมติถ้าเราย้อนกลับมาเปลี่ยนแปลงอะไรได้ ผมก็อยากให้คุณจดจำช่วงเวลาที่คุณอยู่กับผมตรงนี้ อยากให้คุณมองผมด้วยสายตาแบบนี้”

อนุศนิยาเห็นเขาจะจูบจึงเตือนระวังมีคนมาเห็น ไฟบนเกาะดับลงพอดี เขาบอกไฟตัดแล้วและก้มลงจูบ เธออย่างอ่อนโยน หญิงสาวไม่ขัดขืนกอดเขาแนบแน่นด้วยหัวใจพองโต

ooooooo

เสียงนกร้องยามเช้าปลุกให้อนุศนิยาตื่นขึ้น เธอยังอยู่ในอ้อมกอดของศตวรรษบนเตียงในบ้านพัก เธอลอบมองใบหน้าเขาด้วยความรักด้วยความรู้สึกว่านับจากนี้คือชีวิตใหม่ของเธอ ศตวรรษลืมตามาเห็นเธอมองอยู่ ก็โถมกอดเธอแนบแน่น เธอเตือนไม่ไปทำงานหรือ

“ขอขี้เกียจสักวันไม่ได้เหรอ”

“คนไข้รอคุณอยู่นะ ตื่นเร็วเข้า”

ศตวรรษหูผึ่งเมื่อได้ยินเธอเรียก...แกล้งโอดโอย “สงสัยน้ำจะหนีบ หูผมได้ยินไม่ค่อยถนัด ยอมเรียกผมว่าคุณแล้วเหรอ...ได้อัพเกรดแล้วด้วย ดีจัง”

“คุณหมอรีบลุกไปทำงานเร็วเข้า อย่าเสียเวลา”

“เดี๋ยวขอตรวจคนไข้ฉุกเฉินตรงนี้ก่อน...คนไข้เป็นอะไรมาเอ่ย ไหนดูสิชีพจรเต้นแรงไหม” ศตวรรษเอาจมูกซุกไซ้ซอกคออนุศนิยา เธอดิ้นหนีหัวเราะด้วยจั๊กจี้ เขาเอาหูแนบท้องเธอบอกต้องอัลตราซาวด์ดูว่ามีน้องหรือยัง แล้วเชยคางเธอขึ้นบอก “สงสัยต้องเก็บตัวอย่างน้ำลายส่งแล็บด้วย” เขาโน้มหน้าจะจูบ

ทันใดเสียงมาเรียมดังขัดจังหวะ ทั้งสองตกใจรีบลุกขึ้นแต่งตัว ศตวรรษปรี่ลงไปรับหน้า เห็นมาเรียมนอนดิ้นอยู่บนแคร่ มีแอเซาะคอยดูแล พอเขาถามว่าเป็นอะไร มาเรียมโพล่งออกมาว่าเล็บขบ แอเซาะสะกิดจะแถอย่างนี้จริงหรือ ศตวรรษรู้ทันว่าเธอแกล้งจึงทำทีบอกว่าต้องถอดเล็บ แต่ตรงนี้ไม่มีเครื่องมือใช้คีมตรงนี้ไปก่อน มาเรียมตกใจลุกนั่ง อนุศนิยาตามลงมาด้วยความหมั่นไส้ บอกให้เลือกเอา จะถอดเล็บหรือถอดแหวน มาเรียมตาเหลือก...

เมื่อได้แหวนแต่งงานคืนมา ศตวรรษก็สวมใส่นิ้วอนุศนิยา กำชับอย่าทำหายอีก เธอหอมแก้มเขาฟอดใหญ่เป็นการขอบคุณ เขาเย้าว่าไม่พอ เธอค้อนขวับ ศตวรรษหยิบแปลนก่อสร้างออกมากางให้ดู ชี้ไปที่อาคารไม้เก่าๆว่าตรงนั้นจะเป็นศูนย์แพทย์กลางทะเลของตน มาช่วยทำฝันของตนให้เป็นความจริง มีเธออยู่เคียงข้างตนก็มีกำลังใจ เขาโอบกอดเธอถามอยู่ที่นี่มีความสุขไหม เธอพยักหน้า เขาถามอีกแล้วรู้ไหมว่าเธอสุขเพราะอะไร หญิงสาวส่ายหน้า

“สิ่งที่ทำให้เรามีความสุข มีสี่อย่าง...หนึ่ง อากาศบริสุทธิ์”

“ก็จริงนะ ไม่ได้หายใจลึกๆอย่างนี้มานานละ” อนุศนิยาสูดลมหายใจเข้าปอด

“สอง ก็คือการได้ใช้ชีวิตง่ายๆไม่ต้องทะเยอทะยาน สาม ได้ใช้ความคิดสร้างสรรค์”

“แบบที่เรากำลังจะทำอยู่นี่ใช่ไหม แล้วข้อสี่ล่ะ”

“คนเราจะมีความสุขก็ต่อเมื่อได้อยู่กับคนที่เรารัก...เพราะมีนุศให้รัก ผมถึงมีความสุข”

อนุศนิยายอมรับว่ามีความสุขจริงๆที่ได้อยู่ในอ้อมกอดเขา ได้ฟังเขาสารภาพรักท่ามกลางความอบอวลด้วยกลิ่นอายของความสุข

ooooooo

ทางคาซ่าเกิดปัญหาขึ้นอีก ประภาหน้าตื่นมารายงานชยากรว่าโปรเจกต์โว๊คคอนโด รีเจ็คเฟอร์นิเจอร์บิ๊วต์อินกลับมาหมด และจะฟ้องเรียกค่าเสียหายด้วย ตนยังติดต่ออนุศนิยาไม่ได้ อีเมลไปแล้วก็ยังไม่ตอบกลับ ชยากรได้ทีเอาเรื่องนี้มาเป็นข้ออ้างเรียกอนุศนิยากลับมาให้ได้

ด้านเกาะรอก ศตวรรษกับอนุศนิยาเดินทางเข้าฝั่งมาที่สถานีตำรวจ เพราะสารวัตรจับผู้ว่าจ้างได้ให้มาดูตัวว่าเคยมีเรื่องบาดหมางกับคนคนนี้บ้างหรือไม่ อนุศนิยาปฏิเสธ ศตวรรษโล่งใจที่ไม่ใช่ปมทางธุรกิจ พลันประภาโทร.เข้ามา อนุศนิยาเลี่ยงไปรับสายพอรู้เรื่องราวจากประภาก็ร้อนใจแต่ยังเสียดายความสุขที่นี่ ศตวรรษสังเกตเห็น พอรู้ว่าเป็นเรื่องงานก็ชวนเธอกลับบ้านเรา

“แล้วบ้านเราที่เกาะล่ะ”

“ที่ไหนมีนุศอยู่ ที่นั่นก็เป็นบ้านของเราทั้งนั้นแหละ”

อนุศนิยาโผกอดศตวรรษด้วยความปลาบปลื้มใจ... ศตวรรษพาอนุศนิยาซ้อนท้ายมอเตอร์ไซค์เลียบชายหาด บรรยากาศคล้ายกับคราวที่โสมมิกาซ้อนท้าย แต่คราวนี้เขามีความสุขมากกว่า

ถึงบ้านค่ำ ชยากรเหน็บ “กลับมาได้แล้วเหรอมัวแต่ฮันนีมูนจนลืมวันลืมคืนเลยสินะ”

ศตวรรษจับน้ำเสียงได้ จึงแกล้งโอบอนุศนิยาพาเข้าบ้านให้ชยากรอิจฉาเล่น อังกาบเห็นท่าทางลูกชายก็เข้ามาเตือนสติว่านันทพลเห็นอนุศนิยามีความสุขคงจะหายวันหายคืน แต่ชยากรค้าน “ก็ขอให้เข้ากันได้ดีตลอดไป...ผมพูดความจริงนะแม่ การแต่งงานที่ไม่ได้เกิดจากความรัก ไม่เคยมีจุดจบที่ดี แล้วยิ่งแต่งกันเพราะเงิน ผมว่ายังไงก็ไปกันไม่รอด”

อังกาบอ่อนใจที่ลูกชายยังไม่ตัดใจจากอนุศนิยาเสียที...ความรักของศตวรรษกับอนุศนิยายังหอมหวาน อนุศนิยาสวมชุดนอนตั้งใจโกนหนวดให้ศตวรรษ แม้เขาจะหวั่นใจแต่เพราะเธออ้อนว่าอยากทำให้สามี เขาเห็นเธอยิ้มๆจึงถามยิ้มแบบนี้หมายความว่าอย่างไร

“ก็คิดว่าไงล่ะ นี่คิดว่าฉันเคยโกนหนวดให้ผู้ชายอื่นจริงเหรอ” เขาบอกหน้าเธอฟ้องว่าเคย เธอหัวเราะ “ตั้งแต่เกิดมาฉันไม่เคยมีแฟน จะไปโกนให้ใครได้ นายนี่มันซื่อจนเซ่อ แค่นี้ก็เชื่อ”

เขาหมั่นเขี้ยวยื่นหน้าที่เลอะโฟมไปหอมแก้มเธอทั้งสองข้างแล้วหัวเราะชอบใจ เธอฉุนกระโดดขึ้นเอวเขา เอาหน้าถูหน้าเขาบ้าง เขาหัวเราะร่ารวบตัวเธออุ้มออกจากห้องน้ำมาวางบนเตียง คร่อมตัวเธอสบตานิ่ง เธอใจสั่นรัวถามจะทำอะไร

“คืนนี้เป็นคืนแรกที่เราจะได้นอนเตียงเดียวกันในห้องของเราสองคน ผมจะไม่มีวันปล่อยคุณ...ทั้งคืน” ศตวรรษใช้จมูกถูจมูกเธอ จังหวะนั้นเสียงเมลงานเข้ามา อนุศนิยาเอี้ยวตัวหยิบมือถือมาเปิดดู แล้วบ่นอุบทำไมทำงานพลาดกันแบบนี้

เสียงศตวรรษบ่น “ผมว่าเราต้องตัดไฟอย่างที่เกาะบ้างแล้วล่ะ” ว่าแล้วก็ดึงมือถือเธอออกไปวาง กอดเธอไว้ในอ้อมแขน “เรามาตกลงกันดีกว่า ว่าต่อไปนี้เราจะตัดไฟทุกเที่ยงคืน แล้วจัดโซนนิ่งห้ามเอางานขึ้นเตียงด้วย บนนี้ที่ผม ห้ามสนใจอย่างอื่นนอกจากผม ตกลงไหม”

“แต่บางทีนุศคุยงานกับเมืองนอก เวลาเขากับเรามันตรงกันซะที่ไหน”

ศตวรรษงอนพลิกตัวหนีบอกให้เธอแต่งกับงานไป เธอรีบฉุดเขาหันกลับมายอมทุกอย่าง เขายิ้มอย่างพอใจบอก “กลางวันนุศจะนอกใจผมไปหาใครผมไม่ว่า แต่หลังเที่ยงคืนต้องเป็นของผมคนเดียวนะ จำไว้” ทั้งสองยิ้มให้กันอย่างมีความสุขที่สุด

รุ่งเช้า อนุศนิยาแต่งตัวไปคุยโทรศัพท์สั่งงานกับประภาไป พอศตวรรษออกจากห้องน้ำ เธอก็วางสายหันมาติดกระดุมเสื้อให้เขา เขาสังเกตเห็นเธอยังไม่ได้ใส่ตุ้มหู จึงเลือกแบบให้เข้ากับชุดแล้วใส่ให้เธอเอง เธอถามน่าเกลียดไหม เขาเย้า ไม่โสดแล้วไม่มีใครเขามอง

ศตวรรษกับอนุศนิยาเดินคล้องแขนกันลงมา บรรดาอาๆตะลึงที่ทั้งสองกลับมา แถมเข้ากันได้ดี ศตวรรษเอ่ยปากทักทายทุกคน แล้วบอกว่าตนพาอนุศนิยาไปฮันนีมูน ไม่ได้หายไปไหน นนทยา นาวิกาและนุดีค้อนปะหลับปะเหลือก มีเพียงนันทนาที่ยิ้มสมใจ นุดีเหน็บคงไม่งอนให้เมียต้องหอบผ้าตามไปง้ออีก ศตวรรษแกล้งเย้า อยากพาเธอหนีตามนานแล้ว เลยลองซ้อมดู

ระหว่างนั้นอนุกรแฮงก์กลับมา จีน่าชงกาแฟดำมาเอาใจ พวกอาๆหันมาเหน็บแนมหลานชาย เขาสวนด่าครบองค์ประชุมแล้วใช่ไหมจะได้ไป นันทพลเอือมประชดน้องๆว่าตนยังไม่โดนมีใครจะสอยบ้างไหม

อังกาบช่วยเปลี่ยนบรรยากาศ หันมาถามศตวรรษจะมีหลานมาฝากคุณพ่อไหม ทั้งสองตอบพร้อมกันว่ายัง...นันทพลผิดหวังบอกไม่เป็นไรรอได้แค่ขอให้ชัวร์ ทั้งสองเขิน มีเพียงชยากรกับจีน่าที่มองด้วยความไม่พอใจ

อนุศนิยาออกมาส่งศตวรรษหน้าบ้าน ช่วยเขาสวมหมวกกันน็อกกำชับให้ขี่รถดีๆ เขายื่นแก้มให้เธอหอมก่อนสวมหมวก ชยากรยืนมองภาพบาดตา พอเธอหันมาเจอเขาก็รีบเข้ามาถามเรื่องงาน เขาอดเหน็บไม่ได้ “นึกว่าจะหมกมุ่นเรื่องอื่นจนไม่สนเรื่องงาน” เห็นเธอนิ่ง เขาจึงพูดเป็นการเป็นงาน “ทางนั้นจะยกเลิกสัญญา เรียกค่าเสียหาย แต่อาสงสัยว่าเรื่องนี้มันจะต้องเกี่ยวข้องกับซัพพลายเออร์ของเรา อาก็เลยว่าจะแวะไปที่โรงงานนั้น”

อนุศนิยาขอไปด้วย ทั้งสองนั่งรถไปด้วยกัน... ศตวรรษมาถึงโรงพยาบาล บังเอิญเจอกับประสงค์ถือเอกสารรอลิฟต์อยู่ จึงเข้าไปทักถามเป็นอะไร เขาตอบมาธุระท่าทางลุกลนขอตัวกลับ

ด้านอนุศนิยายืนอยู่หน้าโรงงานซัพพลายเออร์กับชยากร เธอแปลกใจที่ทำไมทางโว๊คถึงเปลี่ยนมาให้ที่นี่ผลิตแทน ชยากรเล่าว่าตนสืบรู้มาว่าแบบเฟอร์นิเจอร์ที่เราโดนก๊อบปี้ก็ผลิตจากที่นี่ อนุศนิยาช็อก “อาจะบอกว่าอาประสงค์วางยาเราหรือ!”

“เผลอๆที่นี่อาจจะเป็นของเขาก็ได้ ถึงได้เหมางานของเราออกมาทั้งหมด”

อนุศนิยาภาวนาอย่าเป็นอย่างนั้นเลย ชยากรบอกหลังโรงงานเลิกจะเข้าไปหาหลักฐานในนั้น อนุศนิยาห่วงจะอยู่ช่วยเขาเอง...ระหว่างนั้นศตวรรษโทร.มาถามว่าประสงค์มีโรคประจำตัวอะไรหรือเปล่าแล้วเล่าเรื่องที่เจอเขาให้ฟัง เธอจึงขอให้เขาสืบดูให้ที เขาอดไม่ได้ที่จะหยอดว่าคิดถึง เธอคุยกับเขาด้วยน้ำเสียงอ่อนหวานจนชยากรเคือง พอวางสายก็ติงว่าเรื่องนี้เป็นเรื่องในครอบครัว ไม่ควรให้คนนอกมายุ่ง อนุศนิยาสวนว่าศตวรรษเป็นคนในครอบครัวตน

ไม่ทันไรประสงค์ขับรถเข้าไปในโรงงานนั้น ทั้งสองยิ่งมั่นใจว่าเขาต้องเกี่ยวข้องด้วยแน่

ooooooo

ในวันนั้นมิรันตรีมาหาชยากรที่บ้าน นั่งคุยกับนันทพลและอังกาบ จีน่าเข้ามากวนว่าเมื่อเช้าเห็นออกไปกับอนุศนิยาป่านนี้ยังไม่กลับ นันทพลสวนทำไมไม่จับตาดูสามีตัวเองแบบนี้บ้าง ละไมช่วยเหน็บต้องให้ตนมาคอยแซะลงจากรถตีสี่ตีห้าทุกวัน จีน่าไม่พอใจที่โดนรุม

“ก็เพราะมันมีคนทำให้เขารู้สึกว่าบ้านไม่มีความสุขน่ะสิคะ เขาถึงต้องออกไปนอกบ้านทุกคืนแบบนี้”

อังกาบติงพูดแบบนี้มิรันตรีขยาดที่จะแต่งเข้ามา นันทพลกลับบอกว่า มิรันตรีจะเป็นคนทำให้บ้านนี้น่าอยู่ขึ้น จีน่าเจ็บใจเขม่นมอง มิรันตรีหน้าเสียเพราะรู้แก่ใจว่าจะไม่มีวันนั้น...จนเย็นย่ำ มิรันตรีจึงลากลับก่อน

ด้านชยากรแอบย่องเข้าไปค้นหาหลักฐานในโรงงาน อนุศนิยาเป็นคนล่อ รปภ.ให้ออกห่างจากประตู ชยากรเร่งรีบค้นจนเจอแฟ้มเสนอราคาและออเดอร์ที่โว๊คทำกับคาซ่า และใบราคาใหม่ที่โรงงานนี้ทำกับโว๊คซึ่งสนนราคาถูกกว่า ชยากรรีบหอบแฟ้มนั้นหนีออกมาอย่างเฉียดฉิว

กลับมาถึงบ้าน อนุศนิยากับชยากรยังคุยกันถึงเรื่องนี้ เธอจะกระชากหน้ากากนุดีกับประสงค์ออกมาให้ทุกคนเห็น ตอนนี้ตนรู้ด้วยว่าประสงค์กำลังยื่นเสนอราคาเข้าไปตกแต่งตึกใหม่ของโรงพยาบาลในนามคาซ่า ตนจะเล่นเกมนี้และจะตลบหลังทั้งสองคน

“นุศไม่อยากทำแบบนี้หรอกนะคะถ้าพวกเขาไม่มาตัดทางทำมาหากินของครอบครัวเรา”

คืนนั้น อนุศนิยานอนครุ่นคิดเรื่องงานจนนอนไม่หลับในอ้อมกอดศตวรรษ จึงลุกขึ้นจะกินยานอนหลับ ศตวรรษตื่นมาเห็นห้ามเธอไว้ สอบถามกลุ้มใจเรื่องอะไร เธอกล่าวขอโทษที่ผิดสัญญาเอาเรื่องงานขึ้นมาบนเตียง เขาปลอบไม่เป็นไรเพราะเรื่องของเธอเป็นเรื่องของครอบครัว

“นุศกลัวทำให้คุณพ่อผิดหวังที่อุตส่าห์ไว้ใจให้นุศสานฝันงานของท่าน แต่นุศกำลังจะทำมันพัง”

“พ่อคุณท่านรักคุณมากนะ ท่านไม่คิดอย่างนั้นแน่ ผมก็ไม่ค่อยรู้เรื่องธุรกิจแต่ผมเชื่อที่เขาว่ากันว่า ไม่มีความสำเร็จอะไรมาชดเชยความล้มเหลวในครอบครัวได้...ถ้าจะพูดกันเรื่องงาน คุณมีสิทธิ์แบล็กเมล์พวกเขา เปิดโปงพวกเขาจับพวกเขาได้เต็มที่ แต่ในเรื่องครอบครัว พวกเขาก็ยังเป็นคนในครอบครัวคุณอยู่ดี เราเปลี่ยนความจริงข้อนี้ไม่ได้และผมเชื่อว่าพ่อของนุศท่านคงไม่ได้อยากเห็นอานุดีย่อยยับหมดตัว”

“แต่พอมันเป็นเรื่องเงิน นุศก็ทนให้ใครมาเอาเปรียบไม่ได้ นุศกำลังเห็นแก่เงินมากกว่าครอบครัวใช่ไหม”

“ก็เพราะมันเป็นเงินของทุกคนในบ้านต่างหากล่ะ นุศถึงต้องปกป้องเอาไว้ ผมเข้าใจแล้วว่าภาระที่นุศแบกคืออะไร...ตอนเด็กๆตอนที่พ่อพยายามเปิดศูนย์แพทย์ ผมยังคิดว่าชีวิตนี้ต่อให้ผมทำอะไรให้ท่านไม่ได้ แต่แค่ได้ให้กำลังใจคนที่ใช้ชีวิตอยู่เพื่อคนอื่น ผมก็ไม่รู้สึกเสียชาติเกิดแล้ว ตอนนี้ผมก็กำลังรู้สึกแบบนั้นกับนุศเหมือนกัน” ศตวรรษดึงอนุศนิยามากอดให้เธออุ่นใจ

ooooooo

รุ่งเช้าชยากรบอกอนุศนิยาว่าได้ให้ประภาทำเอกสารไว้แล้วเดี๋ยวเราเข้าไปวางแผนกันที่ออฟฟิศ ว่าจะหลอกล่อประสงค์กับนุดีอย่างไร อนุศนิยาโพล่งขึ้นว่าจะไม่ทำแบบนั้นแล้ว เขางง

“นุศไม่อยากใช้วิธีสกปรกแบบเขา อยากจะสู้กันซึ่งๆหน้าแบบที่มืออาชีพเขาทำกัน ถ้าเขามองว่านุศไม่มีความสามารถเป็นผู้นำไม่ได้ก็ให้เขาออกไปตั้งบริษัทของเขาเองเถอะค่ะ ดีกว่ามาขัดขากันเองแบบนี้”

ชยากรท้วงจะปล่อยให้คนโกงบริษัทลอยนวลได้อย่างไร นันทพลได้ยินเข้ามาถามไถ่ ทั้งสองผงะ...นันทพลฟังอนุศนิยาเล่าแล้วถอนใจที่น้องสาวมาหักหลังกันเอง อนุศนิยาให้ปล่อยพวกเขาไป ตนอยากรู้ว่าถ้าไม่มีคาซ่าให้เกาะพวกเขาจะยืนหยัดอยู่ได้ไหม แต่ชยากรท้วงว่าเงินตั้งร้อยล้านที่พวกเขาต้องชดใช้ อนุศนิยาให้ถือเสียว่านั่นเป็นทุนให้พวกเขาไปตั้งต้นใหม่ แล้วต่อไปเรากับเขาจะแข่งกันอย่างไม่ต้องเกรงใจ นันทพลเห็นด้วย

“หมอเป็นคนเตือนสตินุศค่ะ บอกให้นุศชั่งใจเลือกระหว่างเงินกับครอบครัวให้ดี”

“มันก็พูดหวังฟลุคนั่นแหละ นุศหลับหูหลับตาเชื่อมันไปได้ยังไง ลำพังหนี้มันเองยังไม่มีปัญญาใช้แล้วยังมีหน้ามาบอกให้นุศโปรยทานให้คนที่โกงเราได้ยังไง”

อนุศนิยารู้ว่าชยากรเป็นห่วงแต่ตนเชื่อใจศตวรรษเพราะเราผ่านอะไรด้วยกันมามาก ชยากรหาว่าแค่เสี่ยงไปช่วยชีวิตก็คิดว่าจริงใจ ขนาดคนในครอบครัวที่เจอมาแต่เกิดยังหักหลังกันได้ แล้วผู้ชายอย่างนั้นมาแต่งงานกับเธอก็เพราะเงิน นันทพลติงอย่ามองแง่ร้ายเกินไป ชยากรปรี๊ด

“จะให้ผมมองมันในแง่ดีได้ยังไง ทั้งๆที่ผมรู้ว่ามันมาเพื่อเงิน คนที่อยู่กับเราเพราะเงินมันจะซื่อสัตย์ได้ซักแค่ไหน บางทีผมก็สงสัยเหมือนกันนะว่าผมยังมีความหมายในสายตาคนที่นี่ไหม อาจจะเป็นเพราะอย่างนี้ก็ได้ ใครๆถึงได้ไม่อยากทุ่มเทให้กับคาซ่าอีกแล้ว”

นันทพลและอนุศนิยาตกใจที่ทำให้ชยากรน้อยใจขนาดนั้น...ศตวรรษเดินมาได้ยินชยากรระบายความอัดอั้นกับอังกาบว่าตัวเขาหลอกให้อนุศนิยาหลงหัวปักหัวปำ เขางงมันอะไรกัน

นันทพลมาบริษัท คุยกับนุดีและประสงค์ด้วยตัวเอง เตือนสติน้องสาว “เมื่อก่อนตอนไม่มี...น้ำอัดลมขวดเดียวเรายังแบ่งกันกินได้ ตอนนั้นเราไม่สนหรอกว่าใครเป็นใคร มีเงินซื้อแค่ขวดเดียวฉันก็แบ่งให้น้องทุกคนกินจนครบได้”

นันทนา นนทยาและนาวิกาจำได้ว่าพี่ชายขีดเส้นแบ่งที่ขวดให้ทุกคนได้กินครบ และยังเป็นคนคอยบีบหลอดให้หยุด นันทพลเสียใจแล้วทำไมวันนี้เรามีเหลือกินเหลือใช้ แต่ทำเหมือนกินเท่าไหร่ก็ไม่พอ นุดีสวนเป็นเพราะเมื่อก่อนเรามีกันแค่ห้าคนแต่ตอนนี้เขาเอาชยากรและอนุศนิยามารุมแย่งส่วนแบ่ง ตนกับสามีไม่เชื่อว่าเด็กฟันน้ำนมอย่างอนุศนิยาจะพาคาซ่ารอดไปได้ ตนแค่ขอแบ่งให้คนของตนบ้างกลับหาว่าตนโกง ทุกคนก็คิดแต่ไม่กล้าพูด

อนุศนิยามองสายตาอาๆทุกคน “ถ้าใครไม่เชื่อใจนุศ อยากจะไปอยู่กับเขาก็ไปได้นะคะ”

ทุกคนลังเล นุดีกับประสงค์หอบข้าวของจะออกจากบริษัท แต่โดนห้ามเอาเอกสารใดๆไปด้วย นุดีโกรธโยนทุกอย่างทิ้ง อนุกรขอไปกับนุดี...อนุศนิยามาบอกชยากรว่านุดีกับประสงค์ออกไปแล้ว เขายังเคืองตนไม่ใช่คนสำคัญจะบอกทำไม เธอสวนเพราะเขาเป็นคนในครอบครัว เป็นคนที่ตนเคารพ ตนไม่เคยเปลี่ยนความรู้สึกนี้ ไม่อยากให้เรามองหน้ากันไม่ติด ชยากรโทษเป็นเพราะศตวรรษที่ทำให้ทุกอย่างเปลี่ยนไป อนุศนิยาถามอะไรที่บอกว่าเปลี่ยน

“นุศไงล่ะ จากคนที่เคยใช้เหตุผล แต่ตอนนี้นุศ กลับหลงมัน จนแยกไม่ออกว่าอันไหนดีอันไหนชั่ว อาอยากให้นุศตาสว่าง เห็นตัวตนที่แท้จริงของไอ้ศตวรรษมันซักที”

อนุศนิยาพูดอย่างจริงจังว่าถ้าแค่เขามาแต่งงานกับตนเพื่อใช้หนี้ให้แม่ มันทำให้คิดว่าเขาเป็นคนไม่ดีก็ใจแคบเกินไป ตนขอร้องให้โอกาสเขาพิสูจน์ตัวเองว่าเขาไม่ได้เลวร้ายอย่างที่คิด ชยากรเจ็บปวดใจมากขึ้น “นุศรู้ไหมตอนที่นุศไม่เลือกอา อาคิดว่านั่นเป็นตอนที่เจ็บปวดที่สุด แต่มันก็ไม่ใช่ คำพูดของนุศตอนนี้ต่างหากที่ทำให้อาเจ็บปวดยิ่งกว่า อารู้สึกเหมือนอากำลังตายทั้งเป็นที่เห็นนุศมาขอโอกาสแทนผู้ชายคนนั้น คนที่ไม่เคยหวังดี ไม่เคยรักและจริงใจกับนุศ”

“นุศไม่อยากให้อาตัดสินเขาจากคำพูดของคนอื่น ถ้าอาลองเปิดใจกับหมอ อาจะได้รู้ว่าตัวตนของเขาเป็นคนดีมากแค่ไหน”

“พอ...อาไม่อยากฟังนุศพูดอวยมันอีกแล้ว อาเชื่อในสิ่งที่อาคิด และความเชื่อมันก็เปลี่ยนกันไม่ได้ง่ายๆ นุศจำไว้ก็แล้วกันว่า อาเกลียดมัน!” พูดจบชยากรเดินจากไป

ooooooo

โสมมิกาถูกขังในห้องหลายวันจนทนไม่ไหว จะปีนหนีทางระเบียง อุดมศักดิ์กลับมาเห็นโวยจะบ้าฆ่าตัวตายหรือ เธอสวนคนอย่างตนไม่โง่ฆ่าตัวตายแต่จะหนีไปจากที่นี่ อุดมศักดิ์โกรธด่าว่าลูกบ้าผู้ชายถึงขนาดยอมเสี่ยงขนาดนี้หรือ เธอยิ่งเจ็บใจกระโดดลงมาต่อหน้าต่อตา

อุดมศักดิ์ตกใจด่าว่ารุนแรง โสมมิกาแค่ขาแพลงและเจ็บข้อศอกประกาศกร้าว ตนรักศตวรรษ ตนยอมโง่ยอมเจ็บเพื่อให้เขาเป็นของตน ตนจะไปหาเขา อุดมศักดิ์ยิ่งแค้นใจ ท้าถ้าไปแล้วไม่ต้องมาเรียกตนว่าพ่ออีก

โสมมิกาไม่แคร์เดินกะเผลกไปขึ้นรถขับออกไปทันที

โสมมิกาพาร่างบอบช้ำมาหาศตวรรษที่โรงพยาบาล ฟูมฟายว่าโดนพ่อไล่ออกจากบ้าน ไม่มีเงินมีแค่รถยนต์คันเดียว ศตวรรษฟังอย่างชั่งใจ เธอรู้ว่าเขาเป็นคนใจอ่อนจึงทำทีบอกลาจะไม่มารบกวนเขาอีก ศตวรรษเห็นสภาพเธอก็ทนไม่ได้ประคองไปทำแผล เธอแอบยิ้มสมใจ...หลังทำแผลให้เสร็จ ศตวรรษก็ให้พยาบาลดูแลต่อ โสมมิกาหลับไปเพราะความอ่อนเพลีย

ศตวรรษกลับมาเล่าให้อนุศนิยาฟังว่าโสมมิกาถูกพ่อไล่ออกจากบ้าน ตนช่วยทำแผลให้ตามหน้าที่ อนุศนิยาหึงให้เขาสัญญาจะไม่ไปยุ่งกับเธออีก ศตวรรษกอดและหอมแก้มเธอฟอด เธอโวยให้สัญญาไม่ใช่ให้หอม เขาบอกนี่เป็นวิธีสัญญาของเขา แล้วกอดเธอล้มตัวลงนอน

คืนนั้นชยากรเข้ามาขอโทษนันทพลที่เมื่อกลางวันพูดแรงเกินไป นันทพลบอกไม่โกรธและกับนุดีตนก็ไม่โกรธเพราะต่างก็เป็นน้อง ชยากรอึ้งสัญญาจะช่วยอนุศนิยาดูแลคาซ่า นันทพลขอพูดกับเขาในฐานะพี่ชาย ตนรู้ว่าห้ามความรู้สึกเขาไม่ได้แต่อยากให้เขาคอยดูแลปกป้องอนุศนิยาในฐานะหลานแท้ๆ เธอรักเขามาก อย่าทำลายความรู้สึกดีๆที่เธอกับเขามีต่อกันมาทั้งชีวิต

อนุศนิยาคงไม่อยากกลายเป็นคนแปลกหน้าสำหรับเขา เห็นเขานิ่งจึงย้ำ

“ความรักของแกคืออะไรชยา ตอนนี้แกอาจจะยังไม่รู้ แต่มีอยู่คนหนึ่งที่จะเป็นต้นแบบให้แกได้...คุณอังกาบแม่ของแก นับตั้งแต่ป๊ารับคุณอังกาบเข้ามาอยู่ในบ้าน ฉันคิดมาตลอดว่าต้องมีปัญหาเรื่องเมียหลวงเมียน้อย แต่ฉันคิดผิด คุณอังกาบไม่เคยแสดงตัวอยากมาแทนที่ม้าของฉัน เธอเจียมตัวอยู่ในที่ของเธอ เพราะอะไรรู้ไหม คุณอังกาบเคยบอกฉันว่า การเห็นป๊า คนที่เขารักมีความสุขนั่นก็พอแล้ว คุณอังกาบไม่เคยคิดที่จะครอบครองป๊า”

ชยากรฟังแล้วคิดตาม นันทพลเน้นการที่อนุศนิยา อยู่กับศตวรรษแล้วมีความสุข ก็ควรจะดีใจกับหลาน ชยากรให้คำมั่นว่าจะทำให้ดีที่สุด แต่ถ้าเมื่อไหร่ศตวรรษทำให้เธอเสียใจ ตนก็จะทำในสิ่งที่ตนต้องทำเพื่อปกป้องเธอ นันทพลคิดว่าชยากรคงเริ่มเข้าใจแม้ยังเจ็บปวดอยู่บ้าง

รุ่งเช้า โสมมิกาไม่ยอมไปจากโรงพยาบาล พยาบาลต้องมารายงานศตวรรษ เขาหนักใจเพราะสัญญากับอนุศนิยาไว้แล้วว่าจะไม่ไปยุ่งเกี่ยวกับโสมมิกาอีก แต่เขาก็ต้องมาขอให้เธอออก ไปจากโรงพยาบาลเพราะยังมีคนไข้อีกมากที่ต้องการห้อง เธอร้องไห้ฟูมฟายว่าไม่มีที่ไป

ศตวรรษให้พยาบาลช่วยหาอพาร์ตเมนต์ และพาโสมมิกามาส่งพร้อมจ่ายค่าเช่าล่วงหน้าให้ เผอิญเป็นที่เดียวกับที่จีน่าเคยอยู่ และเธอก็มาจ่ายค่าเช่าเพื่อเก็บห้องพักไว้ จีน่าเห็นศตวรรษกับโสมมิกาก็แอบถ่ายคลิปเอาไว้ และได้ภาพเด็ดเมื่อโสมมิกาขอกอดศตวรรษเป็นการอำลา พอศตวรรษกลับไปโสมมิกาก็ยิ้มกริ่มที่เขายังใจอ่อนเหมือนเคย จีน่าเข้ามาเยาะ

“นั่นสินะคะ หมอวรรษนี่บื้อชะมัดที่ไม่รู้ทันคุณ แต่ฉันรู้ว่าคุณคิดจะทำอะไร ผีย่อมเห็นผีเคยได้ยินป่ะคะ”

โสมมิกาสวนว่าต้องการอะไร จีน่าบอกเป็นสิ่งเดียวกับที่เธอต้องการ คือการทำลายอนุศนิยา แล้วชวนให้ร่วมมือกัน...จากนั้นจีน่าก็เอาคลิปมาให้ประภากับใบเฟิร์นดู แถมมีใบเช่าห้องพักพร้อมลายเซ็นศตวรรษยืนยันด้วย ไม่คาดคิดชยากรเดินมาเห็นโกรธแทนอนุศนิยา แต่ก็สั่งห้ามทั้งสามคนเอาเรื่องนี้ไปบอกอนุศนิยา เด็ดขาดพร้อมลบรูปทิ้ง จีน่าหัวเสียที่ผิดแผนแต่เธอได้แอบก๊อบปี้คลิปไว้ก่อนหน้านี้

พอชยากรมาคุยงานกับอนุศนิยา เขาครุ่นคิดแต่เรื่องของเธอ จนต้องเอ่ยปากถามว่าชีวิตคู่ยังมีความสุขดีอยู่ไหม เธอรับว่ามีมาก เขาแสดงความดีใจด้วย ทำให้อนุศนิยาคิดว่าเขายอมเปิดใจทำความรู้จักศตวรรษแล้ว...

หลังจากนั้น ชยากรมาหาโสมมิกาที่อพาร์ตเมนต์ กำชับอย่าทำอะไรให้อนุศนิยาต้องเสียใจ ที่ร่วมมือด้วยแค่ต้องการให้อนุศนิยาตาสว่างเท่านั้น โสมมิกาโกรธหลอกไปว่าตนกับศตวรรษเป็นของกันและกันแล้ว ตนไม่แคร์ที่จะต้องอยู่ในฐานะเมียน้อย ชยากรอึ้ง

“คุณกับผู้ชายคนนั้นจะมีความสัมพันธ์กันยังไงก็มีไป แต่อย่าให้นุศรู้เด็ดขาด เพราะถ้านุศเสียใจเมื่อไหร่ ผมไม่ปล่อยคุณสองคนไว้แน่”

ไม่เพียงแค่นั้น ชยากรบุกมาที่โรงพยาบาล กระชากคอเสื้อศตวรรษ “แกมันพวกสิบแปดมงกุฎ ฉันรู้แล้วว่าแกไปเช่าห้องให้โสมอยู่...แกทำแบบนี้กับนุศได้ยังไง ทั้งๆที่นุศรักแก แต่แกกลับทำลายความไว้วางใจของนุศโดยการไปมั่วกับผู้หญิงคนนั้น”

ศตวรรษปฏิเสธเสียงเข้มไม่เคยมีอะไรกับโสมมิกา แค่ช่วยหาที่พักให้เท่านั้น ชยากรไม่เชื่อ จะแฉให้อนุศนิยารู้ธาตุแท้ของเขา ศตวรรษร้อนใจมาก...ด้านโสมมิกาถามจีน่าทำไมชยากรถึงมาด่าที่ห้อง จีน่ารีบบอกว่าชยากร มาได้ยินที่ตนคุยกับประภา และลบคลิปทิ้ง โชคดีตนแอบก๊อบปี้ไว้แล้วไม่ต้องห่วง

ooooooo

ศตวรรษร้อนใจอยากเล่ารายละเอียดให้อนุศนิยาฟังก่อนที่จะไปได้ยินจากชยากรหรือใครๆ เขาพยายามโทร.หาเธอ เผอิญประภาถือโทรศัพท์อนุศนิยาไว้ จึงบอกว่าเธอไปพบลูกค้าและลืมมือถือไว้ เขาจึงขอสถานที่ เพื่อตามไป

แต่พอศตวรรษจะไปก็มีคนไข้ไตวายเข้ามา เขาจึงต้องอยู่ผ่าตัด...อนุศนิยาคุยงานกับลูกค้าเสร็จ ชยากรมาแวะรับชวนทานข้าว เธอไม่ลืมที่จะซื้อฝากศตวรรษ เขาเลียบเคียงถามสมมติว่าศตวรรษมีผู้หญิงอื่นจะเสียใจไหม เธอหน้าเครียดทันทีออกอาการหึงถามเป็นเรื่องจริงหรือเปล่า ชยากรคิดถึงคำพูดของนันทพลที่ว่า เห็นหลานมีความสุขน่าจะดีใจ เขาจึงรีบปฏิเสธแค่ลองถาม

ด้านศตวรรษพอผ่าตัดเสร็จ โสมมิกาก็โทร.เข้ามาทำเสียงเหมือนกำลังจะตายเพราะทานยาผิด เขาตกใจจะส่งรถพยาบาลไปรับ แต่เธอไม่ยอมอ้างกลัวพ่อรู้แล้วหาว่าตนเทกยา แล้วเธอก็ทำเสียงโครมครามตัดสายไป ศตวรรษตกใจมาก

มิรันตรีได้รับคลิปศตวรรษกับโสมมิกาก็ตกใจ ส่งไปให้อนุศนิยาโดยกำชับว่าอย่าเหวี่ยงอย่าวีน ที่ส่งให้เพื่อวิเคราะห์ว่าไม่ใช่เรื่องจริง แต่พออนุศนิยาได้รับรูปก็ปรี๊ด ชยากรตกใจหลุดปากว่าลบคลิปนี้ไปแล้ว อนุศนิยามองหน้าชยากรทำนองทำไมต้องปิดบัง เธอโมโหมากจะไปดูให้เห็นกับตาว่าศตวรรษเช่าอพาร์ตเมนต์อยู่กับโสมมิกาจริงหรือไม่ มิรันตรีตกใจรีบตามไป

ชยากรจำต้องพาอนุศนิยามาที่อพาร์ตเมนต์ เป็นจังหวะที่ศตวรรษมาดูโสมมิกาคิดว่าเธอเทกยา แต่ทั้งหมดเป็นแผนของโสมมิกา พอศตวรรษมาถึงเธอก็ดีใจล็อกคอเขา กอดรัดฟัดเหวี่ยง เข้าใจว่าเขายังมีใจเป็นห่วง ศตวรรษโกรธที่โดนหลอกพยายามผลักไสเธอออก

จังหวะนั้นอนุศนิยาเปิดประตูผางเข้ามาเห็นภาพโสมมิกาคร่อมร่างศตวรรษอยู่บนเตียง เขาตกใจผลักโสมมิกาออกแล้วลุกพรวดไปหาอนุศนิยา จะอธิบาย แต่เธอตบหน้าเขาฉาดด้วยความเสียใจแล้ววิ่งหนี ศตวรรษวิ่งตาม โสมมิกาสะใจ

“แผนตื้นๆแค่นี้ก็ทำลายแกได้แล้วนังนุศ แกนี่มันอ่อนชะมัด”

ชยากรกับมิรันตรีตามมาถึง เห็นอนุศนิยาร้องไห้ ก็กันศตวรรษไม่ให้ตามอนุศนิยาลงลิฟต์ สองหนุ่มจ้องหน้ากันแววตาเอาเรื่อง ศตวรรษไม่ย่อท้อวิ่งตามลงบันไดหนีไฟ มิรันตรีซักไซ้ถามอนุศนิยาเกิดอะไรขึ้น เธอยังไม่พร้อมจะพูดอะไรตอนนี้ ชยากรมาถึง ทั้งสามขึ้นรถขับออกไป ศตวรรษเสียใจมากที่อนุศนิยาเข้าใจผิด

กลับถึงบ้าน อนุศนิยารีบวิ่งเข้าบ้าน ชยากรจะตาม มิรันตรีเตือนให้ปล่อยเธออยู่ลำพัง เขาไม่พอใจแต่ก็บอกให้มิรันตรีกลับไปก่อน เธอน้อยใจที่เขาไม่คิดจะส่ง กลับตามอนุศนิยาเข้าไป

ooooooo

เพียงชายคนนี้ไม่ใช่ผู้วิเศษ

ละครแนะนำ

ข่าวละครวันนี้ดูทั้งหมด