ตอนที่ 15
นันทพลนอนอยู่ในห้องปลอดเชื้อ อนุศนิยาเข้ามาเยี่ยมสีหน้าห่อเหี่ยว เขาติงเห็นหรือยังว่าชีวิตคนเรามันสั้น ไม่ต้องรอหย่าก็อาจตายจากกันได้ นันทพลอ้างอิงตอนที่แม่ของอนุศนิยาตายตนอยากให้เธอ
อยู่นานกว่านั้นแม้จะต้องทะเลาะกันทุกวันก็ตาม
“พ่อยอมแลกให้อายุตัวเองสั้นลงเพื่อให้แม่อยู่เหม็นหน้าพ่อต่อไปก็ยังดี นุศก็เหมือนกัน พอถึงนาทีนี้นุศรู้แล้วใช่ไหมว่าข้อเสียอะไรๆของหมอที่นุศรับไม่ได้ มันไม่มีความหมายอะไร”
อนุศนิยาน้ำตาคลอรู้แล้วว่าตอนนี้ตนยอมยกโทษให้ศตวรรษได้หมดทุกสิ่ง นันทพลเตือนสติ “ชีวิตคู่ต่อให้ทุกข์รออยู่ เราก็ยังอยากกอดคออยู่ด้วยกันตลอดไป ที่นุศ อยากหย่าไม่ได้แปลว่านุศแกร่ง แต่เป็นเพราะนุศไม่กล้าแบกรับปัญหาเอาไว้ ปัญหามันจะช่วยสร้างภูมิคุ้มกันในชีวิตให้นุศกับหมอ หมอเขาถึงได้ไม่เคยท้อแล้วยอมสู้ต่อไปกับนุศไง”
ระหว่างนั้นศตวรรษเริ่มรู้สึกตัว มองไปรอบห้องไม่เห็นใคร จึงเอื้อมหยิบมือถือมาดูวันเวลา กลับเห็น ข้อความกระหน่ำเข้ามาไม่ขาดสาย จึงกดอ่าน เห็นทั้งข่าวกอสซิปและคลิปเสียงของอนุศนิยาก็แทบหมดอาลัย ตายอยาก เสาวรสเข้ามาดีใจที่ลูกฟื้นไม่ทันสังเกตสีหน้าลูก...
นันทพลยังคงสอนอนุศนิยา “คนเราถ้าต้องกักตัวเองอยู่ในห้องปลอดเชื้อ ไม่ได้แปลว่าเขาสุขสบาย แต่มันฟ้องว่าเรากำลังอ่อนแอถึงได้ออกไปเผชิญกับโลกข้างนอกไม่ได้ เหมือนอย่างพ่อตอนนี้ไง...ถ้านุศคิดว่าแต่งงานแล้วจะมีแต่ความสุขอย่างเดียว นั่นแปลว่านุศยังไม่ยอมรับความจริงของชีวิต เราเองยังไม่ดีพร้อม แล้วจะไปคาดหวังว่าคนอื่นจะมาเติมเต็มให้ชีวิตเราสมบูรณ์แบบได้ยังไง จะมีสักกี่คนที่ทนรับข้อบกพร่องของเราได้อย่างหมอทำ”
อนุศนิยารู้สึกผิดที่ทำร้ายจิตใจศตวรรษไว้มาก...
ในขณะที่ศตวรรษเสียใจกับข่าวสารที่ได้รับรู้ เสาวรสช่วยแก้ตัวแทนว่าเรื่องนี้เป็นฝีมือโสมมิกา ตอนนี้อนุศนิยาก็กำลังโดนนักข่าวไล่บี้ เธอคงไม่ได้คิดอย่างที่พูด แค่ประชดโสมมิกามากกว่า แต่ศตวรรษคิดว่าเป็นความจริงในใจเธอ
“เรื่องแค่นี้ทำไมวรรษถึงรู้สึกมากนัก ทั้งๆที่ผ่านมาวรรษสู้มาตลอด”
“เพราะที่ผ่านมาผมยังเชื่อว่าผมจะดูแลนุศได้ไม่ทำให้เขาต้องอับอายที่มีผมอยู่เคียงข้าง แต่ตอนนี้ผมไม่แน่ใจแล้วครับแม่ ว่าการที่ชีวิตของนุศต้องมีคนอย่างผมมันจะดีสำหรับเขา ความจริงสิ่งที่นุศพูดกับโสมอาจจะเป็นสิ่งที่นุศรู้สึกจริงๆแต่ไม่เคยกล้าพูดมันออกมา”
ศตวรรษครุ่นคิดเรื่องที่ผ่านมาตั้งแต่โดนโสมมิกาหลอกครั้งแล้วครั้งเล่า ทำให้อนุศนิยาโกรธ ภาพอนุศนิยาเลือดตกยิ่งเสียใจ ตัดสินใจปลดสายน้ำเกลือเดินโขยกเขยกออกไปแผนกไตเห็นคนไข้และพยาบาลซุบซิบมองตัวเองก็รู้ว่าเป็นเพราะคลิปเสียงนั่น ลูกแพร์เข้ามาถามอย่างห่วงใยว่าเขาจะไปไหน เขาไม่ตอบเดินผ่านไปดื้อๆจึงเดินตามด้วยความเป็นห่วง
อนุศนิยามาหาศตวรรษที่ห้องพัก แปลกใจที่เสาวรสบอกว่าเขาหายไปไหนไม่รู้นานแล้ว ไม่ทันไรลูกแพร์เข้ามาส่งพาสปอร์ตให้ “คุณนุศอยู่นี่เอง...หมอวรรษให้เอามาให้ค่ะ”
อนุศนิยารับมาเห็นมีกระดาษโน้ตแนบมาด้วยว่า “ผมรู้แล้วว่าผมไม่ดีพอสำหรับนุศตรงไหน ขอโทษที่ทรมานด้วยการยื้อนุศไว้ ผมจะติดต่อทนายและเซ็นหย่าให้ ผมรับปากว่าจะไม่มาให้เห็นหน้า หวังว่านุศกับลูกจะมีชีวิตที่ดีกว่าเมื่อไม่มีผม”
เสาวรสถามเกิดอะไรขึ้น อนุศนิยายื่นโน้ตให้แล้วรีบวิ่งออกไปเจอหมอณัฐเขายังไม่รู้ด้วยซ้ำว่าศตวรรษฟื้นแล้ว เธอจึงรีบวิ่งลงมาที่ชั้นล่าง...ศตวรรษเดินออกมาเรียกแท็กซี่หน้าตึก อนุศนิยาเห็นแต่ไกลร้องเรียก แต่เขาขึ้นรถออกไปเสียแล้ว เธอได้แต่ยืนร่ำไห้ที่เขาทิ้งเธอไป
ooooooo
วันต่อมาศตวรรษเดินทางมาเกาะรอกด้วยท่าทางเศร้าเหงา มองภายในกระท่อมด้วยหัวใจเปล่าเปลี่ยว เห็นรอยลิปสติกที่กระจกก็หวนคิดถึงวันที่อนุศนิยาแกล้งจุ๊บรอยลิปสติกไว้ให้ตรงกับตำแหน่งปากเวลาที่เขาส่องกระจก เป็นการทวงมอนิ่งคิสจากเขา
ด้านอนุศนิยานั่งมองพาสปอร์ตและตั๋วเครื่องบินของเธอและชาครีย์ ครุ่นคิดว่าควรจะตัดสินใจอย่างไรดี
วันหนึ่งมีชาวประมงพาเพื่อนแรงงานพม่าป่วยหนักมาให้ศตวรรษรักษา เขาตรวจอาการพบว่ามีเลือดคั่งในปอดต้องเจาะออกด่วน ชาวประมงยัดถุงสร้อย
ข้อมือทองเล็กๆของคนป่วยให้บอกว่าเป็นค่ารักษา
คนป่วยมีลูกเล็กอยากจะกลับไปหาลูกหาเมียแต่มาป่วยเสียก่อน ศตวรรษเห็นสร้อยก็รู้ว่าคงจะซื้อไว้ให้ลูกจึงไม่ขอรับและนำตัวมารักษาที่ศูนย์แพทย์เล็กๆของเขา
ระหว่างนั้นโสมมิกาแอบตามมาเฝ้าดูศตวรรษอยู่นาน จนเขารักษาคนป่วยรอดปลอดภัย ขณะที่กำลังเปลี่ยนสายน้ำเกลือ ศตวรรษเห็นเงาโสมมิกาผ่านถาดเครื่องมือก็ชะงักหยิบกระดาษมาจดบางอย่างส่งให้
แอเซาะพร้อมสั่งว่าออกเรือไปยังร้านยาและซื้อยา
พวกนี้มา แอเซาะกำกระดาษเดินออกมากับชาวประมง จนมาถึงเรือที่จอดอยู่ชายหาด จึงคลี่กระดาษออกดู
ต้องตกตะลึงเมื่อข้อความในกระดาษไม่ใช่ชื่อยา แต่เป็น...คนร้ายอยู่ที่นี่ เรียกตำรวจที...แอเซาะตั้งสติได้รีบบอกชาวประมงให้วิทยุแจ้งตำรวจด่วน ตัวเขากระโดดกลับจะไปช่วยศตวรรษ
ศตวรรษทำทีเป็นดูแลคนป่วยไม่กระโตกกระตาก โสมมิกาเดินเข้ามาถากถาง “ตกอับต้องกลับมาเป็นหมาวัดจนได้”
“ก็ยังดีกว่าผู้ร้ายหลบหนีอย่างคุณแล้วกัน” ศตวรรษหันมาจ้องไม่ตกใจสักนิด
โสมมิกาแปลกใจถามเขารู้หรือว่าตนมา ศตวรรษหัวเราะเบาๆบอกว่าตนโดนแฉขนาดนั้นมีหรือที่เธอจะไม่มาสมน้ำหน้า โสมมิกาสวนสุดท้ายอนุศนิยาก็ไม่ลดตัวมาเอาเขาจริงๆ
“ไม่ต้องห่วงผมหรอก ห่วงตัวเองดีกว่า โสมไปไม่รอดหรอกนะ มอบตัวซะเถอะนะ”
“จะยัดเยียดให้โสมติดคุกไปทำไม ถึงโสมติดคุกอีนุศมันก็ไม่แม่พระพอจะย้อนกลับมาเอาหมอหรอกนะ”
“ถึงชาตินี้ผมกับนุศจะอยู่ด้วยกันไม่ได้ก็ไม่ได้แปลว่าโสมจะไม่ต้องรับกรรมที่ทำลงไป ยังไงโสมก็ต้องชดใช้”
โสมมิกาโกรธจัดคว้ามีดหมอมาท้าให้เขาฆ่าตน เอาคืนแทนอนุศนิยา ศตวรรษมองด้วยสายตาสมเพชที่เธอไม่สำนึกผิดสักนิด โสมมิกาประกาศกร้าวว่าถ้าต้องติดคุกเธอยอมตาย เขาว่าตายโดยไม่สำนึกจะมีประโยชน์อะไร โสมมิกาฟูมฟายในเมื่อเกลียดตนแล้วจะเก็บตนไว้รกโลกทำไม เขากระชากกรรไกรออกจากมือเธอว่าตายมันง่ายเกินไป โสมมิกาผิดหวังที่เขาไม่แคร์โวย
“ชีวิตโสมยังเน่าไม่พอรึไง แค่นี้ยังไม่สะใจหมอใช่ไหม ถึงจะต้องเอาตัวโสมไปเซ่นนังนุศให้ได้”
“หยุดโทษคนอื่นซะที ที่ทุกอย่างมันเป็นอย่างนี้เพราะโสมทำตัวเองทั้งนั้น”
“แล้วที่หมอมาหลอกให้โสมรักแล้วหักหลัง ทำเหมือนโสมไม่มีค่า คิดว่าที่ตัวเองทำมันไม่ผิดเลยงั้นใช่ไหม หมอดีกับทุกคนในโลก ยกเว้นโสมคนเดียว ทำไมหมอดีกับโสมบ้างไม่ได้”
ทันใดแอเซาะพรวดพราดเข้ามาพร้อมปืนร้องว่าตำรวจกำลังมา ศตวรรษหน้าเสียที่แอเซาะทำเสียแผน โสมมิกาโวยที่ไม่ฆ่าตนเพราะจะส่งตนให้ตำรวจนี่เอง ศตวรรษจึงบอกว่าพ่อเธอไม่อาจปกป้องเธอได้ เธอจะหนีไปจนตายหรือ โสมมิกาโวยวายไม่ยอมติดคุกแล้ววิ่งเตลิดออกไป แอเซาะเล็งปืนยิง ศตวรรษรีบปัดเกรงจะโดนเธอ โสมมิกากรีดร้องวิ่งหนีเข้าไปทางป่า
มีเรือสปีดโบ๊ตแล่นมา แอเซาะคิดว่าเป็นตำรวจจึงโบกมือเรียก ปรากฏเป็นพวกลูกน้องอุดมศักดิ์อาวุธครบมือ มาขู่กรรโชกถามหาโสมมิกา ทั้งแอเซาะและชาวประมงตกใจกลัว...ด้านศตวรรษวิ่งตามโสมมิกา เธอวิ่งหนีขึ้นเขา ลูกน้องอุดมศักดิ์รีบตาม โสมมิกามาสุดทางตรงหน้าผา เบื้องล่างเป็นทะเล เธอหันกลับมาขู่จะโดดลงไป
“โดดลงไปไม่คุ้มหรอกนะ มอบตัวซะยังดีกว่า”
“ไม่!โสมยอมตายยังดีกว่าโดนจับให้ทุกคนสมน้ำหน้า”
ศตวรรษถามไม่คิดถึงคนที่จะเสียใจบ้างหรือ เธอสวนว่าไม่มี เขาจึงบอกว่าพ่อของเธอ เธอกลับหาว่าพ่อคงจะดีใจด้วยซ้ำ ศตวรรษปลอบ “ชาตินี้คุณเกิดมาพร้อมขนาดนี้ยังหาความสุขไม่ได้ คิดว่าตายแล้วเกิดใหม่คุณจะหาความสุขได้เหรอ”
“ไม่ต้องมาพูดดี อยากให้โสมมีความสุขแล้วจะลากโสมเข้าคุกไปทำไม!”
“ผมไม่ได้อยากเห็นโสมตาย แค่อยากเห็นคุณคิดได้แล้วเป็นคนใหม่ ลองมีชีวิตเพื่อคนอื่นดูบ้างไหม เหมือนอย่างที่ผมยอมให้นุศเขาไปมีชีวิตใหม่โดยไม่มีผมอยู่ในชีวิตเขาไง ถ้าโสมทนเห็นคนอื่นมีความสุขไม่ได้ คุณจะไม่มีวันหาความสุขได้เลย”
โสมมิกาเริ่มสับสนไม่อยากเชื่อเขาอีก ทันใดเธอถอยลื่นจะตกหน้าผา ศตวรรษตกใจกระโดดเข้ารวบตัวเธอไว้ เธอยิ่งสับสนทำไมเขาไม่ปล่อยให้เธอตาย เขาย้ำไม่ได้อยากให้เธอตาย ลูกน้องอุดมศักดิ์ตามมาถึงเข้าใจว่าศตวรรษกำลังทำร้ายโสมมิกาก็ตะโกนให้ปล่อยเธอ ศตวรรษจึงขู่ให้พวกนั้นวางอาวุธถ้าไม่อยากให้เจ้านายตายไปพร้อมตน โดยดึงเธอมากำบังให้เลือก
โสมมิกากลับสั่งให้ยิงเข้ามาเลย ตนไม่กลัวตาย แอเซาะตามมาถึง ลูกน้องอุดมศักดิ์แตกตื่นนึกว่าศตวรรษตุกติกจึงยิงเปรี้ยงออกไป ศตวรรษเห็นอย่างนั้นก็ผลักโสมมิกาหลบกระสุนล้มลง ส่วนตัวเขาเสียหลักหงายตกหน้าผาลงไป โสมมิกาและแอเซาะตกใจมากลูกน้องอุดม– ศักดิ์ช่วยกันดึงโสมมิกาหนี เธอยังร้องเรียกศตวรรษลั่น
ร่างศตวรรษตกลงในทะเลร่างกายบอบช้ำอย่างหนัก แต่ยังมีสติพยายามตะเกียกตะกายช่วยเหลือตัวเอง พอชาวประมงรู้ก็รีบให้พรรคพวกเอาเรือออกไปช่วยงมหาศตวรรษ...ก่อนที่สติเขาจะดับลง ภาพความทรงจำผุดขึ้นเห็นอนุศนิยาในวันแรกที่เขาพบเธอ เธออยู่ในชุดกรุยกรายไม่ต่างจากพรายน้ำลอยอยู่ไม่ห่าง ดวงตาเขากะพริบมองอย่างสุขใจก่อนจะปิดลง
ขณะเดียวกันอนุศนิยานั่งหลับมาในรถ ได้ยินเสียงศตวรรษบอกว่าเหนื่อยก็หลับเสีย ถึงแล้วจะปลุก...เธอสะดุ้งตื่นมองไปกลับต้องผิดหวังเมื่อเห็นชาครีย์เป็นคนขับรถ เขาหันมาถามตกใจหรือ ขอเป็นโชเฟอร์ให้วันหนึ่ง เธอเหนื่อยมากหรือ หญิงสาวส่ายหน้าช้าๆ
ทันใดประภาโทร.เข้ามาแจ้งเรื่องศตวรรษพลัดตกหน้าผาหายไปในทะเล อนุศนิยาตกใจกรีดร้องไม่จริง...
จนชาครีย์ตกใจ
ooooooo
ด้านโสมมิกานั่งหน้าเศร้ามาในรถตู้ พบอุดมศักดิ์ที่จอดรถรออยู่ริมถนนเลียบชายฝั่ง เธอบอกพ่อว่ามันจบแล้ว ศตวรรษตายแล้ว อุดมศักดิ์ตวาดกลับ ตนสั่งให้หนีแล้วกลับมาทำไม
ทันใดเสียงไซเรนตำรวจดังมา อุดมศักดิ์ตกใจสั่งลูกน้องให้เอาโสมมิกามาอยู่รถตน ตนจะไปอยู่คันเธอเพื่อตบตาตำรวจ กำชับพาเธอหนีออกนอกประเทศให้ได้ แล้วหันมาสั่งโสมมิกา
“ไปซะแล้วจำไว้ ถึงฉันตายก็อย่ากลับมา...”
โสมมิกาใจหายเพิ่งประจักษ์เดี๋ยวนี้ว่าคนที่รักตนมากที่สุดคือพ่อ...เธอพร่ำขอโทษน้ำตาไหลพราก ลูกน้องดึงโสมมิกาขึ้นรถขับออกไปโดยเร็ว รถตำรวจแล่นเข้าล้อมตะโกนให้มอบตัว อุดมศักดิ์ลงจากรถทำเอาตำรวจพากันแปลกใจ...โสมมิกาสำนึกผิดร้องไห้ใจแทบขาด
กลางทะเล เรือสปีดโบ๊ตของแอเซาะกับมาเรียมจอดร่วมกับเรือนักประดาน้ำที่มาช่วยกันงมหาศตวรรษ มาเรียมร้องไห้โฮ แอเซาะตะโกนเรียกศตวรรษลั่น
อนุศนิยานั่งเครื่องบินมากระบี่กับชาครีย์แล้วลงเรือออกไปร่วมค้นหา ชาครีย์เห็นถึงความห่วงใยของเธอก็เริ่มปลงใจ แอเซาะบอกอนุศนิยาว่าค้นหาศตวรรษออกมาจนห่างเกาะมากแล้วยังไม่พบ ไม่รู้ว่าถูกพัดไปไหน
“ฉันจะหาเขาเอง คุณวรรษ...นุศมาแล้ว คุณอยู่ที่ไหนคุณวรรษ ได้ยินนุศไหม คุณจะทิ้งนุศกับลูกไปแบบนี้ไม่ได้นะ ถ้าคุณทิ้งนุศ นุศจะตามไปทวงหนี้คุณถึงชาติหน้า” อนุศนิยาน้ำตาไหลพราก “นุศขอโทษ นุศอยู่ไม่ได้ถ้าไม่มีคุณ กลับมาเถอะนะ เรายังรักกันอยู่ไม่ใช่เหรอ อย่าทิ้งนุศไว้คนเดียวเลย...ขอร้อง กลับมาเถอะนะ”
ทุกคนสลดใจที่เห็นอนุศนิยาร้องไห้ขนาดนั้น มาเรียมเห็นว่ามืดแล้วเป็นห่วงที่อนุศนิยาท้องอยู่ จึงชวนให้กลับฝั่ง แต่เธอไม่ยอมอ้อนวอนขอร้องนักประดาน้ำให้ค้นหาศตวรรษอีกครั้ง ทุกคนมองหน้ากันต่างอ่อนล้า
พลันอนุศนิยามองไปเห็นบางอย่างอยู่กลางทะเล เธอนึกได้ว่า ณ จุดนั้นเป็นจุดที่เธอกับศตวรรษพบกันครั้งแรก จึงชี้บอกทุกคนว่า
“นั่น...ตรงนั้น!”
แอเซาะคิดว่าคงเป็นฝูงปลา อนุศนิยาไม่รอช้ากระโดดตูมลงไปเอง ชาครีย์และทุกคนตกใจ อนุศนิยาว่ายตรงไปยังจุดนั้น เพราะเชื่อว่าศตวรรษต้องรอตนอยู่ตรงนั้น
ร่างศตวรรษนอนลอยอยู่บนผิวน้ำ ด้านล่างเต็มไปด้วยพรายน้ำส่องประกายระยิบระยับ อนุศนิยาดีใจโผเข้าหาพยายามเรียกให้เขารู้สึกตัว ใช้ปากประกบปากเป่าอากาศเข้าไปในปอดเขา
“คุณวรรษตื่น ตื่นขึ้นมา...นุศมาช่วยแล้ว...อย่าเพิ่งเป็นอะไรนะ”
ooooooo
หลายวันผ่านไป ศตวรรษฟื้นขึ้นมาอย่างงุนงงที่ตัวเองมานอนในกระท่อมได้อย่างไร จะลุกก็ยังไม่ไหวปวดไปทั่วตัว มองไปเห็นอนุศนิยากำลังตากผ้าอยู่ก็คิดว่าตัวเองตาฝาด เธอเดินเข้ามาเห็นเขาก็ตื่นเต้นดีใจถามไถ่อาการ ศตวรรษกลับถามตนฝันไปหรือเปล่า
“หลับฝันไปหลายคืนแล้ว พอเถอะตื่นซะที ไหนดูซิหายดีรึยัง...ไข้หายแล้ว แต่หน้ายังซีดอยู่เลย ผอมไปด้วยนะ”
อนุศนิยาแตะหน้าผาก จับหน้าตาศตวรรษอย่างรักใคร่ห่วงใย ศตวรรษเอ่ยถามเธอมาทำไม อนุศนิยา สวนว่า
“นุศสิต้องถามว่าคุณหนีมาทำไม ไม่ยอมรักษาสัญญา ยังไม่ทันครบ 10 วัน ชิ่งมาได้”
ศตวรรษตอบว่าเขาไม่ดีพอ
“...ก็เลยทิ้งกันดื้อๆ สุดท้ายกลายเป็นนุศที่ต้องขายหน้าเพราะขนาดทุ่มเงินยังซื้อใจคุณให้อยู่กับนุศไม่ได้”
“ผมไม่กล้าดึงนุศมาอยู่กับผมแล้ว เพราะผมไม่รู้แล้วว่าจะพานุศมาเจอกับอะไร แค่ 10 วันผมยังทำให้นุศมีความสุขทุกวันไม่ได้”
“ถามนุศซักคำรึยัง ที่นุศต้องการอาจจะไม่ใช่ความสุขก็ได้”
“บางทีการที่นุศไม่แคร์ผมแล้วมันอาจจะดีก็ได้ เพราะถ้าเกิดอะไรขึ้นกับผมอีก นุศจะได้ไม่ต้องมานั่งเสียใจ”
“เพราะอย่างนี้คุณถึงไม่เคยบอกว่าคุณกำลังถูกตามเก็บใช่ไหม ทำไมถึงคิดอะไรใจแคบอย่างนั้น ถ้าชีวิตมันยากเราก็ยิ่งต้องผ่านมันไปด้วยกันให้ได้ ต่อไปยิ่งนุศกลัวคุณยิ่งห้ามถอดใจ”
ศตวรรษถามพูดเหมือนจะกลับมาอยู่กับตน อนุศนิยาบอกไม่สนว่าจะอยู่กันนานแค่ไหน รู้แค่อยากอยู่กับเขาทุกวัน จะสุขจะทุกข์ก็ช่าง ขอแค่นี้ให้ได้ไหม
ศตวรรษแย้งว่าไม่อายที่มีสามีขายตัวใช้หนี้หรือ เธอบอกว่าความจริงเป็นอย่างไรเรารู้ดี ชีวิตมันสั้นเอาเวลาเปลี่ยนความคิดคนอื่นมาอยู่ด้วยกันให้คุ้มค่าดีกว่า
เขาเหน็บว่าแล้วถ้าวันหนึ่งเธอเบื่อจะโยนตนทิ้งเหมือนที่บอกในคลิปไหม อนุศนิยาบอกเขาก็รู้ว่าตนงกขนาดไหนจะแบ่งเขาให้ใครได้หรือ นอกจากลูกสาวเราแล้ว ผู้หญิงคนไหนก็ไม่มีวันได้เขา...พูดจบอนุศนิยาซบหน้าลงกับไหล่ศตวรรษอย่างหวงๆ
“เราทิ้งทุกอย่างมาอยู่ที่นี่ด้วยกันเถอะนะ นุศเหนื่อย นุศอยากพัก ไม่อยากทำอะไรนอกจากอยู่กับคนที่นุศรัก”
ศตวรรษปลาบปลื้มดีใจดึงเธอมากอดกล่าว “ความ จริงต้องขอบคุณโสมที่ทำให้ผมเกือบตาย เพราะมันทำให้ได้คุณกลับคืนมา ไม่รู้ป่านนี้โสมจะเป็นยังไงบ้าง”
“ตำรวจกำลังไล่ล่า ถึงยังรอดอยู่ก็คงไม่ต่างจากตายทั้งเป็น ถ้าเขารู้จักยอมรับความจริง เขาคงจะไม่ต้องเอาชีวิตตัวเองเข้าแลกกับความรักอย่างนี้...แต่บางทีที่โสมเป็นแบบนี้ก็อาจจะเป็นเพราะผู้ชายชอบอ่อย ที่ทำตัวใจดีกับใครๆไปเรื่อย” อนุศนิยาอดเหน็บไม่ได้
ศตวรรษกระชับอ้อมกอดที่เธอหึงแสดงว่ารักตนมาก เธอหมั่นไส้ขยับตัวออกโดนแผลเขาร้องโอย...เธอถือโอกาสอ้างว่าซี่โครงเขาหักคงกอดไม่ได้อีกนาน ไว้หายแล้วค่อยมากอดใหม่
เขาร้องว่าทนไหว ขอกอดให้หายคิดถึงก่อน เธอปฏิเสธว่าไม่ได้ ถ้าซี่โครงทิ่มปอดเดี๋ยวตนเป็นม่าย ศตวรรษหน้าเหยเพราะขยับตัวตามไม่ไหว...
ooooooo
สองปีผ่านไป ศูนย์แพทย์บนเกาะรอกเปิดตัวตามที่ตั้งใจ นันทพลกับชยากรให้สัมภาษณ์นักข่าวว่าอาคารนี้เป็นการดำเนินงานของศตวรรษและอนุศนิยา พวกตนได้ตั้งโครงการให้คนไข้นำถุงน้ำยาล้างไตกลับมาขายให้คาซ่า
ทางคาซ่าจะนำถุงน้ำยาไปล้างทำความสะอาดแล้วนำมาดีไซน์เป็นข้าวของเครื่องใช้ประจำวันออกจำหน่าย นำรายได้กลับมาเป็นทุนแก่ศูนย์แพทย์
ส่วนมิรันตรีมาลองชุดแต่งงาน ชยากรเห็นแล้ว
ตะลึง เธอเขินอายแต่ก็ชวนเขาถ่ายรูปคู่ลงเว็บไซต์เพราะบก.บอกว่าเราประกาศออกสื่อเมื่อไหร่จะเลื่อนตำแหน่งให้ ชยากรแกล้งหอมแก้มเธอแล้วบอกพนักงานที่ร้านให้ช่วยเอาภาพนี้ลงเว็บไปเลย
ด้านอนุศนิยาอุ้มลูกสาววัยสองขวบเดินอยู่กับมาเรียมซึ่งท้องแก่บนเกาะรอก เห็นสาวๆแวะมาเยี่ยมชมศูนย์แพทย์และถ่ายรูปกับศตวรรษก็เกิดอาการหึง มาเรียมออกหน้าให้แกล้งจูงหนูน้อยเดินเข้ามาเอาท้องที่โย้เบียดสาวๆออกห่างจากศตวรรษ วางตัวเป็นเมียหมอ ทำให้สาวๆถอย แล้วมาเรียมก็บอกเขาว่าอนุศนิยางอนตุ๊บป่องไปแล้ว ศตวรรษอุ้มลูกตามมาที่กระท่อม
ลูกน้อยหลับคาบ่า เขาจึงวางลงในเปลแล้วเดิน
ตามหาอนุศนิยา เจอเธอนั่งอยู่ริมหาดก็เข้าไปง้องอน เธอกระเง้ากระงอดถามผายปอดไปกี่คน เขาบอกไม่ได้ตรวจใครเลยสาบานได้ อนุศนิยาหงุดหงิดตัวเองที่กลายเป็นอีป้าขี้หึงไปได้อย่างไร เขารีบแก้แทนว่าไม่ใช่ป้า ถ้าไม่นับเรื่องอึ๋มไม่เห็นมีใครสวยสู้เธอได้เลย อนุศนิยาหันขวับมาถามใครอึ๋ม เขาหัวเราะขำความหึงของเธอ
“เราเจอกันก็เพราะคุณมาช่วยชีวิตนุศ นุศกลัวจะมีคนเก็บไปเคลิ้มเหมือนกันน่ะสิ”
“ไม่มีใครเขาใจง่ายอย่างนุศแล้วเชื่อสิ...เดี๋ยวผมจะสักต้นแขนว่า...คนนี้ของนุศ...ดีไหม ผู้หญิงที่ไหนเห็นจะได้ไม่กล้าเข้าใกล้”
อนุศนิยาพูดงอนๆว่าไม่ต้อง เขาหอมแก้ม ถามว่าทำไมวันนี้งอแงจัง แล้วกอดปลอบว่าไม่มีผู้หญิงคนไหนบ้าทิ้งชีวิตมาอยู่เกาะกับตนหรอก เธอเหน็บว่ารู้ก็ดีแล้ว เขากระชับอ้อมกอดและเน้นย้ำ
“ผมมีแต่ตัวกับหนี้ เพิ่งรู้สึกมีค่าก็ตอนที่นุศมารักนี่แหละ หมาวัดตัวนี้รักเจ้าของมันมาก ต่อให้นุศจะดุจะตี ผมก็เต็มใจจะล่ามตัวเองอยู่กับเจ้าของคนนี้คนเดียวตลอดไป”
อนุศนิยาปลาบปลื้มสวมกอดตอบด้วยหัวใจเปี่ยมสุข คิดไม่ผิดเลยที่รักชายผู้ที่วิเศษคนนี้
ooooooo
–อวสาน–










