สมาชิก

เพียงชายคนนี้ไม่ใช่ผู้วิเศษ

ตอนที่ 12

พอศตวรรษรู้ข่าวก็รีบมาที่หน้าห้องฉุกเฉิน ถามมิรันตรีถึงอาการอนุศนิยา เธอถามกลับว่าเขารู้เรื่องอนุศนิยาท้องหรือไม่ เขาตกตะลึง นันทพลเดินออกมา ศตวรรษปรี่เข้าถามเกิดอะไรขึ้นกันแน่ นันทพลจับไหล่ศตวรรษบอกอนุศนิยาปลอดภัยแล้ว เขาโล่งอกแต่ต้องชะงักใจสลาย

“พ่อจำเป็นต้องขอนุศคืนจากหมอ เพราะหมอทำในสิ่งที่รับปากไว้ไม่ได้...หมอบอกว่าจะปกป้องนุศ แต่หมอก็ปล่อยให้โสมมาฆ่านุศเกือบตาย ในเมื่อหมอทำตามที่รับปากไว้ไม่ได้ก็ต้องออกไปจากชีวิตนุศตามที่สัญญาไว้ด้วย” ศตวรรษตกใจที่โสมมิกาเป็นคนขับชน “เห็นรึยังว่าหมอไม่มีปัญญาปกป้องนุศ ในฐานะคนเป็นพ่อ พ่อคงปล่อยชีวิตลูกไว้ในมือหมอไม่ได้ เพราะไม่งั้นพ่อจะเป็นอีกคนที่เป็นฝ่ายสูญเสียลูกอย่างที่หมอเสียไป รถชนวันนี้ทำให้นุศแท้ง”

ศตวรรษช็อก ไม่เคยรู้เรื่องลูกมาก่อน นันทพลจี้ใจเพราะอนุศนิยาไม่อยากให้ลูกมีพ่อเป็นเขา จากนี้พันธะที่มีต่อกันหมดลงเหลือภาระเดียวคือเขายังมีหน้าที่เป็นลูกหนี้อย่างเดิม ตนจะส่งทนายไปทำเรื่องหย่าเร็วที่สุด...ศตวรรษเสียใจยืนอึ้งกับความสูญเสียทุกอย่างไปพร้อมกันทั้งที่พยายามจะแก้ปัญหา พยาบาลเอาถุงซิปล็อกใส่ของใช้ส่วนตัวของอนุศนิยามาส่งให้ เขามองตุ้มหู นาฬิกาและแหวนแต่งงานยิ่งทำให้เจ็บปวดใจ เห็นคราบเลือดบนเสื้อผ้าที่อนุศนิยาใส่ยิ่งรู้สึกผิด

ข่าวโทรทัศน์เผยให้เห็นภาพจากกล้องวงจรปิดหน้าคาซ่าสตูดิโอ ว่ามีรถพุ่งเข้าชนอนุศนิยาอย่างเจตนาทำร้ายร่างกาย ตำรวจเชื่อว่าน่าจะเกิดจากปัญหาส่วนตัวมากกว่าปมทางธุรกิจ...อุดมศักดิ์ถึงกับเครียดกับการกระทำไม่ยั้งคิดของโสมมิกา พอเธอกลับมาก็เข้าไปต่อว่า สติดีหรือเปล่า หึงไม่ลืมหูลืมตาอยากได้ผัวถึงกับลงมือเก็บเมียเขา ทั้งโง่ ทั้งงี่เง่า โสมมิกายังไม่สำนึก

“ก็แล้วป๋ามายุ่งอะไรด้วยเล่า!”

“ฉันเดือดร้อนเพราะรู้ว่าพรุ่งนี้ตำรวจจะต้องมา เมื่อวงจรปิดเห็นรถแกโชว์หรา” โสมมิการ้อนรนถามตรงนั้นมีกล้องวงจรปิดหรือ “ก็ใช่น่ะสินังลูกโง่ คราวที่แล้วแค่จ้างวาน แกยังต้องหนีหัวซุกหัวซุน แล้วครั้งนี้แกเจอข้อหาพยายามฆ่า แกคิดว่าฉันจะช่วยอะไรแกได้”

โสมมิกาเริ่มกลัวขอให้พ่อช่วย อุดมศักดิ์สั่งทำลายรถ อย่าให้ใครรู้ว่าโสมมิกาเป็นคนขับ เธอหน้าซีดอ้างแค่จะสั่งสอนไม่ได้คิดฆ่า เขาตวาดตำรวจคงเชื่อ เป็นกรรมจริงๆที่มีลูกอย่างแก

ศตวรรษเห็นข่าวยิ่งห่วงจิตใจอนุศนิยาอย่างมาก ลูกแพร์รายงานว่าหมอยังไม่ให้เคลื่อนไหวจึงยังลุกจากเตียงไม่ได้ เขาฝากลูกแพร์ดูแลและคอยส่งข่าว ส่วนตัวเขาจะไปจัดการปัญหา

แต่แล้วตำรวจตามเจอรถของโสมมิกาและยึดไว้ได้ก่อนที่จะโดนทำลาย อุดมศักดิ์เครียดจัด เผอิญศตวรรษมาขอพบโสมมิกา เขาเสียงกร้าว “มาก็ดี... กำลังอยากเจอตัวอยู่พอดี”

“โสมอยู่ที่ไหน ให้เขาออกมามอบตัวเดี๋ยวนี้ คุณมีลูก ผมก็มี พวกคุณมาทำกับลูกเมียผมอย่างนี้ไม่ได้” ท่าทางศตวรรษโมโหจัด

“ห่วงแต่เมีย ไม่ห่วงแม่แกแล้วรึไง ฉันจะปล่อยแม่แกให้ ถ้าแกไปเป็นพยานว่าอยู่กับโสมเมื่อคืนวาน”

ศตวรรษไม่ทำ อุดมศักดิ์ขู่ว่าศพเดียวไม่พอจะให้แม่ตามไปอีกศพก็ได้ ศตวรรษจับอุดมศักดิ์กระแทก “คุณจะเอาชีวิตแม่ผมมาแลกกับลูกตัวเองไม่ได้ โสมต้องชดใช้ในสิ่งที่เขาทำ ปล่อยแม่ผมมา ไม่งั้นไม่ใช่แค่โสมแต่คุณจะโดนอีกข้อหา!”

บอดี้การ์ดลากตัวศตวรรษออก อุดมศักดิ์สวนคิดว่าไม่กล้าลงมือหรือ ศตวรรษตวาดยังมีความเป็นคนอยู่ไหม ทำไมทำกับพวกตนอย่างนี้ อุดมศักดิ์สั่ง “แกต้องไปให้การเป็นพยานเวลาให้โสม แล้วเอาใบหย่ามายืนยันว่าแกอยู่กินกับลูกฉัน ถ้าโสมรอด แม่แกก็รอด”

“ผมจะไม่ยอมให้คุณอยู่เหนือกฎหมาย พวกคุณทำผิดต้องชดใช้” ศตวรรษตะโกนลั่น โสมมิกาแอบมองจากในบ้าน ตกใจไม่เคยเห็นเขาโกรธมากขนาดนี้ ทำให้ยิ่งใจเสียกลัวลาน

ในวันนั้นอุดมศักดิ์มาให้ข่าวว่าโสมมิกาไม่ได้เป็นคนขับรถคันนั้น “ผมไม่อยากให้เป็นเรื่องอื้อฉาว แต่เขาสองคนอยู่กินด้วยกันมาตั้งแต่ที่หมอแยกกันอยู่กับภรรยา แล้ววันนั้นหมอศตวรรษก็อยู่ที่บ้านกับลูกสาวผม เพราะฉะนั้นไม่มีทางที่โสมจะไปอยู่ที่นั่นได้”

มิรันตรีกำลังตัดเล็บให้ชยากรซึ่งยังนอนไม่รู้สึกตัว เห็นข่าวในทีวีก็ตกใจ...อุดมศักดิ์ยืนยันว่าลูกสาวตนมีความสุขดี ไม่มีเหตุผลต้องไปทำร้ายใคร และศตวรรษกับเมียก็กำลังทำเรื่องหย่า...มิรันตรีดูข่าว ไม่ทันสังเกตว่านิ้วมือชยากรกระดิก ดวงตากลอกไปมาพยายามจะตื่น

เสียงผู้ประกาศข่าวบอกว่าที่อุดมศักดิ์ออกมาให้การวันนี้เพราะตำรวจจับคนก่อเหตุได้ คือนายวิจารณ์ อดีตลูกน้องของอุดมศักดิ์ที่โดนไล่ออก เขารับสารภาพว่าขโมยรถโสมมิกาไปขับชนอนุศนิยาเพื่อใส่ความตำรวจจะสืบสวนขยายความต่อไป

นันทพลดูข่าวแล้วเครียดที่ตอนนี้เป็นที่วิพากษ์ วิจารณ์กันหนักถึงเรื่องรักสามเศร้าของสองสาวในวงสังคม...ทุกคนเชื่อว่าคนร้ายที่จับได้เป็นแพะ ต่างโทษศตวรรษคงรับเงินถึงยอมช่วยฝ่ายโสมมิกา อนุศนิยาร้องไห้โฮที่โดนศตวรรษหักหลัง มิรันตรีไม่อยากเชื่อ

“เขาคงอยากจะแก้แค้นนุศที่นุศจะหย่ากับเขา” อนุศนิยาปักใจ

“ก็เขาเป็นฝ่ายนอกใจนุศก่อน เขามีสิทธิ์จะแก้แค้นอะไร ทำอย่างนี้ไม่ต่างอะไรกับสมรู้ร่วมคิดมาฆ่านุศเลยนะ” ชาครีย์เสริม

มิรันตรีไม่เชื่อคิดว่าต้องมีอะไรไม่ชอบมาพากล อนุศนิยาคิดว่านี่คือตัวตนจริงๆของเขา...ศตวรรษรีบกลับมาที่โรงพยาบาล ไม่ทันสังเกตว่าพยาบาลต่างมองและซุบซิบ หมอณัฐปรี่เข้ามาถามว่าตอนเกิดเหตุอยู่กับโสมมิกาจริงหรือ ศตวรรษงงพอเห็นภาพข่าวก็ตกใจที่อุดมศักดิ์มัดมือชกแบบนั้น จึงบอกเพื่อนหมอว่าตนมีหลักฐานว่าไม่ได้อยู่กับโสมมิกาวันเกิดเหตุ

“งั้นแกรีบออกมายืนยันความบริสุทธิ์ให้ตัวแกเหอะว่ะ ไม่งั้นเรื่องมันจะไปกันใหญ่ ที่สำคัญเมียแกคงทำใจไม่ได้”

มีตำรวจสองนายยืนรอ ศตวรรษเห็นแล้วรีบบอก “ผมเอาคืนพวกเขาแน่ ถ้าผมแน่ใจว่าแม่ผมปลอดภัย พี่ช่วยอะไรผมสักอย่างได้ไหม” ศตวรรษอธิบายให้หมอณัฐฟังก่อนที่ตำรวจจะเข้ามาเชิญตัวไปให้ปากคำที่โรงพัก

ooooooo

ในขณะที่โสมมิกาซุกตัวอยู่แต่ในห้องด้วยความหวาดกลัวความผิด อุดมศักดิ์เข้ามาสั่ง ถ้าตำรวจเรียกไปต้องบอกว่าเธอกับศตวรรษอยู่กินกันที่บ้านหลังนั้น

“ฉันทำให้มันยอมช่วยแกเพื่อรักษาชีวิตแม่มัน อย่าโง่เชื่อว่ามันทำเพราะหลงแกอีกล่ะ”

“ทำไมต้องดึงหมอมาเกี่ยว เขาอาจจะหักหลังเราก็ได้”

“ฉันต้องเบี่ยงประเด็นเป็นเรื่องนี้ เพราะถ้าเมียมันอยากขุดก็เท่ากับมันกำลังแฉประจานตัวเองออกมา แกคิดว่ามันจะกล้ามาสาวไส้เรื่องผัวตัวเองมีชู้ไหมล่ะ”

โสมมิกากลัวถ้าตำรวจไม่เชื่อว่าลูกน้องพ่อเป็นคนขับจริง อุดมศักดิ์บอกอย่างมากตนก็รับว่าเป็นคนสั่ง โสมมิกาตะลึงไม่คิดว่าพ่อจะออกรับผิดแทนแบบนี้ เขาสวน “ก็เพราะฉันรู้ว่าโง่ๆอย่างแกมีปัญญาเอาตัวรอดที่ไหน” โสมมิกาน้อยใจประชดไม่ต้องมาช่วย “ฉันมีส่วนรับผิดชอบที่ทำให้แกไปวิ่งไล่จับผู้ชาย แล้วแกควรจะสำนึกได้แล้วว่า ไม่มีผู้ชายหน้าไหนที่มันทุ่มให้แกได้เท่ากับฉัน ต่อให้แกไปไล่ล่าหาความรักจากใคร เขาก็ให้แกไม่ได้เท่าฉัน”

โสมมิกาเริ่มสำนึกถึงความรักของพ่อเพราะรู้ชะตากรรมตัวเองดีว่าไม่มีทางเลือกอื่นอีก...ในขณะเดียวกัน ชยากรฟื้นขึ้นมาท่ามกลางความดีใจของอังกาบ นันทพลและพี่สาวทุกคน รวมทั้งอนุศนิยาที่นั่งรถเข็นมาดูอาการเขาด้วย ชยากรงงๆที่เห็นนันทพลกับอนุศนิยาอยู่ในชุดคนไข้ อังกาบเล่าคร่าวๆว่าเกิดเรื่องมากมายหลังจากเขาประสบอุบัติเหตุ ชยากรจะลุกแต่ลุกไม่ไหว

“หนูมิจะต้องดีใจที่เห็นชยาฟื้นขึ้นมาแบบนี้ เพราะหนูมิมานั่งเฝ้าชยาทุกวันเลยนะลูก”

“ฉันขอสั่งแกนะชยา ห้ามแกตายก่อนฉันเด็ดขาด!” นันทพลเสียงเข้ม

ในขณะที่ทุกคนมีความสุข ศตวรรษเศร้าหมอง ยืนมองทารกหน้าห้องเด็กอ่อน รู้สึกใจหายกับการต้องสูญเสียลูก เผอิญลูกแพร์เข็นรถเข็นอนุศนิยามาจะกลับห้องพัก เขาจึงโบกมือให้ลูกแพร์ทำนองตนจะเข็นให้เอง อนุศนิยาไม่รู้ว่าคนที่เข็นเป็นศตวรรษ เอ่ยถามลูกแพร์ว่าหมอให้ตนกลับบ้านเมื่อไหร่ ศตวรรษไม่กล้าตอบ อนุศนิยาจึงหันมองแล้วตกใจจะลุกหนี

ศตวรรษรีบเข้ามานั่งคุกเข่าขวาง “ทำไมต้องหนีหน้าขนาดนี้ ชาตินี้เราจะเจอหน้ากันไม่ได้แล้วรึไง”

อนุศนิยาสวนเราไม่ได้เป็นอะไรกันแล้วทำไมต้องเจอกัน ศตวรรษขอร้องอย่าเพิ่งเชื่อข่าว ตนไม่ได้อยากช่วยโสมมิกา แต่เธอไม่เชื่อหาว่าเขาเห็นแก่เงิน ชายหนุ่มรีบบอกว่าพวกนั้นขู่จะเอาชีวิตแม่ตน หญิงสาวไม่สนใจให้รีบๆหย่ากันเสียก่อนที่จะถูกฟ้องหย่าแล้วเขาจะหมดตัว

“ไม่มีนุศ ไม่มีลูกก็เหมือนกับผมไม่เหลืออะไรแล้ว ทำไมนุศไม่บอกว่าเรากำลังจะมีลูก”

“ฉันไม่อยากให้ลูกมีพ่อแบบนี้ เห็นแก่ตัวออกอย่างนี้จะไปเป็นพ่อใครได้”

“ผมจะเอาคืนโสม ขอโอกาสผมพิสูจน์หน่อยได้ไหม”

“จะเอาโอกาสไปทำไม ถามตัวเองก่อนเถอะว่ายังมีดีพอให้ฉันรักไหม”

ศตวรรษจุกแทบพูดไม่ออกได้แต่บอกว่า แม้ไม่มีโอกาสกลับมาอยู่ด้วยกันก็ถือว่าตนชดใช้ให้ลูก อนุศนิยา

บอกแค่ออกไปจากชีวิตตนก็ถือว่าชดใช้ ศตวรรษพยายามอ่านสายตาเธอเห็นไม่มีความหวั่นไหวแต่อย่างใด จึงยอมจำนน

“ถ้าเลือกได้ให้คนที่ตายเป็นผมก็ดี จะได้ไม่ต้องอยู่เห็นคุณมองผมด้วยสายตาแบบนี้”

อนุศนิยารู้สึกใจหายเมื่อเห็นศตวรรษปล่อยมือเดินจากไป

ooooooo

ไม่กี่วันต่อมา ทนายความเอาเอกสารการหย่ามาให้อนุศนิยากับศตวรรษที่โรงพยาบาล รายละเอียดหลังการหย่า ศตวรรษต้องชดใช้หนี้ที่เหลือ 40 ล้านภายใน 4 ปี โดยจะไม่คิดดอกเบี้ย แต่ถ้าชำระไม่ครบถ้วนจะมีการฟ้องล้มละลายทันที สินสมรสไม่มี มีแต่สินเดิมของแต่ละฝ่าย

ศตวรรษรับฟังนิ่งๆ ทนายความบอกอีกเรื่องว่า กรรมสิทธิ์บ้านทางอนุศนิยาไม่ขอรับ มีข้อแม้ให้เซ็นหย่าเร็วที่สุด ศตวรรษอื้ออึงหยิบปากกาเซ็นชื่อโดยไม่อ่าน ทำให้อนุศนิยาเสียใจที่เขาไม่ลังเลสักนิด ทนายความกล่าวย้ำจะนัดวันจดทะเบียนหย่าอีกที แต่จะนัดคนละวันเพื่อไม่ให้ลำบากใจที่ต้องเจอกัน ศตวรรษเจ็บแปลบในใจบอกเอาตามที่อนุศนิยาสบายใจแล้วถือเอกสารกลับออกไป ทนายความแปลกใจที่ง่ายดาย สงสัยจะได้เงินจากอีกฝ่ายมากพอ อนุศนิยาเจ็บจี๊ด

ในวันเดียวกัน ชยากรถามอังกาบทำไมอนุศนิยา ถึงเจ็บตัวขนาดนี้ พอรู้เรื่องก็ตกตะลึงไม่คิดว่าทุกอย่าง ที่โสมมิกาพูดไว้จะทำได้รวดเร็ว อังกาบแย็บถามที่ทั้งสองหย่ากัน เขาว่าเป็นข่าวดีหรือข่าวร้าย ชยากรยังสับสน ให้คำตอบไม่ได้

“ลูกอาจจะดีใจที่เห็นว่าหมอออกไปจากชีวิตของนุศได้ แต่ลูกก็ต้องยอมรับว่า ถึงไม่มีหมอแล้วนุศก็คงไม่กลับมาหาลูกอีกแล้ว...ชยาฟังแม่นะ ต่อให้ลูกรักหนูนุศแค่ไหน เรื่องของลูกกับหนูนุศก็ไม่มีวันเป็นไปได้ เพราะสิ่งที่แม่กำลังจะบอกชยามันคือความจริงที่ชยาต้องยอมรับ”

ระหว่างที่อังกาบคุยกับชยากร ศตวรรษเดินทางไปสถานีตำรวจให้ปากคำด้วยสีหน้าจริงจังหนักแน่น...

อังกาบกำลังบอกชยากร “แม่รู้ว่าสิ่งที่ชยาต้องการทำที่สุดก็คือการบริจาคไตให้คุณพล ลูกถึงไปทำเรื่องบริจาคไตเอาไว้ ดังนั้นตอนที่ลูกยังไม่ฟื้น แม่เลยขอให้เขาตรวจเนื้อเยื่อของลูกกับคุณพล เผื่อถ้าเกิดเหตุฉุกเฉินขึ้นมา คุณพลจะได้รับไตของชยาตามความตั้งใจที่ลูกทำไว้ แต่นอกจากการตรวจเนื้อเยื่อ แม่ตัดสินใจขอให้หมอช่วยตรวจดีเอ็นเอของลูกกับคุณพล แม่รู้ว่าที่ลูกไม่กล้าตรวจเพราะไม่อยากให้แม่ต้องรับบาป ถ้าผลออกมาว่าชยาไม่ใช่สายเลือดของเตี่ย นั่นหมายความว่าแม่มีชู้ แต่แม่ไม่เคยกลัวเพราะแม่รู้ดีว่าลูกเป็นลูกของแม่กับเตี่ย...”

ชยากรอึ้งกับสิ่งที่ได้ยินทั้งความรู้สึกที่มีต่อแม่ ต่ออนุศนิยาและต่อนันทพล น้ำตาเขาไหลพรากกุมมือแม่ ขอโทษที่ทำเหมือนไม่เชื่อใจแม่มาตลอด อังกาบไม่เคยโกรธ อะไรที่ผ่านไปแล้วก็ปล่อยให้ผ่านไป ทำปัจจุบันให้ดีขึ้น ใช้ชีวิตไปในทางที่ถูกต้อง เขากอดแม่รับปากจะแก้ตัว

เมื่อบรรดาพี่สาวรู้ผลดีเอ็นเอของชยากรก็แถไปว่า ถ้าตรวจแต่แรกพวกตนก็คงไม่จิกเขาเป็นไก่ขนาดนั้น นันทพลเน้นตอนนี้รู้แล้วก็ขอให้เลิกแล้วต่อกัน ไม่ทันไร อังกาบเข็นรถเข็นชยากรเข้ามา สามสาวอายที่จะสู้หน้าต่างขอตัวแต่ชยากรขอให้อยู่ฟังตนสักครู่ ชยากรกราบขอโทษพี่ๆทุกคนโดยเฉพาะนันทพล ที่ไม่เคยฟังความจริงจนทำให้ชีวิตอนุศนิยามีแต่ปัญหา

“ฉันไม่ปฏิเสธเลยเรื่องปัญหาที่แกสร้าง แต่ต่อให้แกสร้างปัญหาอีกแค่ไหน แกก็คือน้องชายฉัน”

อังกาบน้ำตาซึม สามสาวเอ่ยปากขอโทษชยากรและอังกาบเช่นกัน ชยากรรู้สึกเหมือนได้ปลดล็อกความรู้สึกโดดเดี่ยวที่ผ่านมา

ooooooo

อนุศนิยาเห็นข่าวทางทีวีว่าศตวรรษเดินทางเข้าให้การกับตำรวจ โดยเบื้องต้นไม่เปิดเผยคำให้การเนื่องจากมีผลต่อรูปคดี และจะสรุปส่งฟ้องศาลในเร็ววันนี้แน่นอน อนุศนิยาน้ำตาปริ่ม ผิดหวังที่ศตวรรษไปช่วยเหลือโสมมิกาจนได้

ออกจากสถานีตำรวจ รถตู้ของอุดมศักดิ์ก็มาจอดขวางหน้า ศตวรรษยื่นซองเอกสารให้ พร้อมกับบอกว่า ตนให้ปากคำตำรวจแล้ว และนี่คือสัญญายินยอมหย่า

ของตนกับอนุศนิยา อุดมศักดิ์เปิดดู “ถือว่าตอนนี้เราลงเรือลำเดียวกัน แต่ถ้าแกตุกติกอะไร คนต่อไปที่จะตายคือแก!”

ศตวรรษยืนนิ่งไม่ได้โล่งใจอย่างที่ควรเป็น...เขาขี่รถกลับมาบ้านพบเสาวรสสภาพสะบักสะบอมจากการถูกซ้อม เขาเจ็บแค้นจะไปเอาเรื่องอุดมศักดิ์แต่เสาวรส รั้งไว้กลัวลูกเป็นอะไร ศตวรรษต่อว่าแม่ไปเอาเงินและบ้านจากโสมมิกาทำไม เธอเสียงอ่อยว่าโสมมิกาบอกจะช่วย

“ผมถามหน่อยเถอะ แม่ร้อนเงินอะไรนักหนา ทำไมแม่ถึงต้องการเงินตลอดเวลา ทุกวันนี้แม่เอาเงินไปทำอะไร” เสาวรสอึกอักกว่าจะสารภาพว่าเป็นหนี้บ่อน เพราะคิดจะหาเงินเพิ่มให้เขา ศตวรรษโวย “อย่ามาอ้างว่าช่วย ช่วยสร้างปัญหาน่ะสิไม่ว่า ยิ่งแม่ไปเอาเงินโสมมา แม่รู้รึเปล่าว่าโสมเขาทำกับผมยังไง ผมกับนุศต้องเลิกกัน แม่ไม่รู้ตัวเลยใช่ไหมว่าถูกโสมหลอกใช้ แล้วยังเรื่องคดีรถชนนี่ แม่จะให้ผมมองหน้านุศยังไง โสมทำเมียผมเจ็บ ทำลูกผมตาย...” เสาวรสตกใจ ศตวรรษพรั่งพรูความชอกช้ำ “นุศแท้งลูก ลูกของผม! ผมคนเดียวยังใช้หนี้ให้แม่ไม่พอรึไง แม่ยังต้องการอีกกี่ชีวิตไว้ล้างหนี้ให้แม่ครับ”

เสาวรสรู้สึกผิดพร่ำขอโทษ ไม่คิดว่าโสมมิกาจะแค้นถึงขนาดฆ่าแกงกันได้ ศตวรรษกลั้นน้ำตาไม่ไหวระเบิดอารมณ์ว่าแม่ไม่คิดหรือไม่คิดจะใส่ใจ ตอนนี้แม้แต่ครอบครัวตนก็ไม่มี ตนจ่ายให้แม่มากกว่านี้ไม่ไหวแล้ว...คำต่อว่าของลูกชายกรีดใจเสาวรสอย่างมาก ตีอกชกหัวฟูมฟายขอโทษ ศตวรรษพยายามระงับอารมณ์ให้สงบก่อนจะกล่าว

“เรามีกันแค่นี้ ยังไงผมก็ทิ้งแม่ไม่ได้ ตอนนี้ผมช่วยแม่ไม่ได้แล้ว ผมก็ต้องชดใช้ให้นุศเขาเหมือนกัน ผมให้การกับตำรวจว่าโสมเจตนาขับรถชนนุศ ตำรวจออกหมายจับเมื่อไหร่ ป๋าโสมคงไม่เอาผมไว้แน่...ผมไม่ได้บอกตำรวจเรื่องที่พวกเขาจับตัวแม่ไว้ เพราะกลัวพวกมันเล่นไม่ซื่อ แต่หลังจากนี้แม่คงต้องหลบไปก่อนพี่ณัฐจะช่วยดูแลแม่ให้”

เสาวรสเป็นห่วงความปลอดภัยของศตวรรษมากกว่า แต่เขาไม่มีอะไรจะเสียอีก จะทำให้โสมมิการับโทษให้ได้ ไม่อย่างนั้นชาตินี้คงสู้หน้าอนุศนิยาไม่ได้อีก เสาวรส เสียใจมากที่เป็นคนพังชีวิตลูก ตนสมควรตายมากกว่า ศตวรรษย้ำจะไม่ยอมให้ใครมาทำร้ายคนที่รักอีกแล้ว แม่เจ็บมามาก ตนจะสู้เพื่อเอาผิดโสมมิกาให้ได้ เสาวรส ถามทำไมต้องเอาชีวิตไปแลก

“มันคุ้มตรงที่นุศจะได้เห็นความบริสุทธิ์ใจ แล้วยอมยกโทษให้ผมไงครับ”

เสาวรสร้องไห้โฮโผกอดลูกชายด้วยความรู้สึกผิด

ooooooo

วันต่อมา อนุศนิยามาเยี่ยมชยากร และปอกผลไม้ให้เขาทาน เขานึกถึงที่เคยอิจฉาที่เธอปอกผลไม้ ให้ศตวรรษเป็นคนแรก แต่ตอนนี้เขารู้สึกผิดตัดสินใจสารภาพกับเธอว่า เรื่องบ้านที่โสมมิกาซื้อเป็นแผนของตน ตนรู้ว่าไม่มีวิธีไหนจะทำให้ผิดใจกับศตวรรษได้เท่าเรื่องเงิน

“อาเลยออกเงินให้โสมไปล่อทางนั้น ให้เขาโอนทรัพย์สินทุกอย่างมาเป็นชื่อของหมอกับโสม...แต่อาแตกคอกับโสมเรื่องคลิปที่งานคาซ่า เราทะเลาะกันจนเกิดอุบัติเหตุ อาน็อกไป โสมคงเอาเงินของเขาไปทำตามแผน อาคิดตื้นๆว่าถ้ากำจัดศตวรรษไปได้ ชีวิตนุศคงจะดีขึ้น อาไม่รู้ว่าตอนนั้นนุศกำลังจะมีลูก...แค่ขอโทษคงไม่พอใช่ไหม”

อนุศนิยาอึ้งถอยห่าง ชั่งใจอยู่นานก่อนจะเอื้อนเอ่ย “ต่อให้อาวางแผนมาดีแค่ไหน แต่ถ้าพวกเขาไม่เห็นแก่เงินก็คงไม่ติดกับของอาหรอกค่ะ เขาขายตัวให้ทางนั้นจริงๆนี่คะ นุศทนใช้ผู้ชายร่วมกับใครไม่ได้หรอกค่ะ”

ชยากรละอายใจอยากให้อนุศนิยาด่าว่ายังดีกว่า อนุศนิยาจึงบอกว่าถ้าเขาอยากไถ่โทษก็รีบรักษาตัวให้หายแล้วมาทำงานแทนตน ตนอยากวางมือจากคาซ่า ชยากรทึ่งกับเงื่อนไขของเธอ

ช่วงเวลารักษาตัว ชยากรต้องทำกายภาพบำบัด มิรันตรีแอบมาดูด้วยความห่วงใย เผอิญได้ยินพยาบาลคุยกันก็เข้าใจว่าเป็นเคสชยากร ว่าคนไข้ผ่าตัดสมอง เนื้อสมองบางส่วนเสียหาย จะจำบางอย่างไม่ได้ ต้องคอยเฝ้าระวัง พอชยากรทำกายภาพเสร็จ มิรันตรีจึงปรากฏตัว แต่เขามองเธอเฉยชา ทำให้คิดว่าเขาจำเธอไม่ได้จริงๆจึงเดินตามไปส่งเขาเงียบๆ ชยากรชำเลืองมองว่าทำไมไม่คุย จนกระทั่งเธอทนไม่ไหวโพล่งถามว่าจำไม่ได้หรือความจำเสื่อมจริงใช่ไหม เขาแอบขำแกล้งถามเราเคยรู้จักกันด้วยหรือ มิรันตรีน้ำตาคลอทำไมคนตั้งเยอะเขาถึงจำตนไม่ได้คนเดียว เขาถามเราเกี่ยวข้องอะไรกัน เธอปัดช่างเถอะไหนๆก็เลิกกันแล้วกลับไปเป็นคนแปลกหน้าก็ดี
ชยากรหัวเราะออกมา “เดี๋ยว...บอกว่าเลิกกัน งั้นคงเป็นแฟนเก่าใช่ไหม”

มิรันตรีเจ็บจี๊ดบอกเราเลิกกันแล้ว ลืมๆไปก็ได้ ชยากรแกล้งพูดว่าคงเลิกกันไม่ดี งั้นเรามารีบูทสมองลองทำความรู้จักกันใหม่ เผื่อจะกลับมารักกันได้ มิรันตรีส่ายหน้า บอกเขาคงลืมไปแล้วว่าคบตนเพื่อบังหน้าเท่านั้น เขารู้สึกตัวเองใจร้ายจริงๆ เธอพรั่งพรูว่าเขามองเธอเป็นผู้หญิงบ้านๆไม่เจียมตัว มโนไปเองว่าเขามีใจ เขาจำไม่ได้เลยหรือว่าพูดอะไรไว้บ้าง ชยากรอึ้งที่ตัวเองทำร้ายจิตใจเธอไว้มาก ขยับเข้าไปเช็ดน้ำตาให้

“ตอนนี้มิรันตรีคือแฟนผม ผมจริงจังกับมิ เขาเป็นคนแรกที่ทำให้ผมลืมผู้หญิงทุกคนบนโลกนี้ได้...ทำไมประโยคแบบนี้ถึงไม่รู้จักจำเอาไว้ เคยมีคนบอกว่า...บางครั้ง บางที อะไรที่ใกล้ตัวที่เรามองข้ามมักเป็นสิ่งที่ดีที่สุด ...เธอเคยสอนว่าวิธีแก้แค้นคนที่เกลียดเราได้ดีที่สุดก็คือการที่เราต้องมีความสุขให้เขาอิจฉา...ฉันจำได้ขึ้นใจ”

มิรันตรีแปลกใจที่เขาจำคำพูดของตนได้ ชยากร บอกสมองตนไม่ได้มีปัญหา เธอโวยแล้วทำไมทำเป็นไม่รู้จัก เขาว่าแค่งอนที่เธอไม่มาเยี่ยม มิรันตรีโกรธจริงจัง “อาไม่รู้หรอกว่าหัวอกของคนที่ถูกลืมมันเป็นยังไง ไอ้นิสัยเนี่ยหมอรักษาให้ไม่ได้หรอกนะ แก้ที่ตัวเองเถอะ”

ชยากรงงที่มิรันตรีโกรธจริงเดินจากไป อังกาบเดินมาเห็นถามชยากรว่ามิรันตรีไปไหน อย่าทำเหมือนเธอเป็นของตาย รู้ไหมว่าเธอมาดูแลเขาทุกวัน ดูแลตัดเล็บ ทาครีม เช็ดตัวให้ ชยากรถอนใจรู้สึกผิด สารภาพกับแม่ว่า เดิมที่คบมิรันตรีก็ไว้บังหน้า อังกาบเอ็ด

“ทำไมไปหลอกใช้เขาแบบนั้น แม่ดูออกว่าหนูมิรักชยามาก การทำให้ใครคนหนึ่งรู้สึกว่าไม่มีค่าบางทีมันก็แรงพอๆกับฆ่าเขาเลยนะลูก ชยาก็เคยโดนพี่ๆร้ายใส่ ลูกก็น่าจะรู้ว่าเวลาโดนใครรังเกียจมันเจ็บแค่ไหน”

ชยากรสลดใจ...พอถึงวันที่จะกลับบ้าน ชยากรเดินมาเจอเสาวรสเธอรีบถามถึงอนุศนิยา เขาขอร้องให้เลิกยุ่งเกี่ยวกับเธอ เสาวรสจึงบอกเรื่องที่ศตวรรษกำลังช่วยเอาผิดโสมมิกา ยอมเสี่ยงชีวิตเพื่อจะจับเธอให้ได้ ชยากรอึ้ง หมอณัฐเดินมาตามแล้วรีบพาเสาวรสออกไป ชยากรตามไปดู เห็นศตวรรษล่ำลาเสาวรส แล้วหมอณัฐพาเธอขึ้นรถไปก็เอะใจ

ชยากรรีบมาที่บ้านโสมมิกา เห็นจีน่าขึ้นรถออกไปก็ชักสงสัยว่าเธอจะเป็นหนอนบ่อนไส้ พอเจอหน้าโสมมิกา เขาก็ต่อว่าเธอใจร้ายที่คิดฆ่าอนุศนิยากับลูก โสมมิกาสวนว่าอนุศนิยาอยากเอาชนะตนเลยใช้เด็กมากั๊กเขาไว้ ชยากรว่ามันก็ไม่ชั่วเท่ากับที่เธอฆ่าคนเพื่อแย่งผู้ชายมาสนองตัณหาตัวเอง โสมมิกาปรี๊ด

“แล้วที่นังนุศจงใจแย่งทุกอย่างจากโสม พังชีวิตโสม มันไม่ชั่วเลยสินะ แล้วคุณก็อย่าทำเป็นด่าคนโน้นคนนี้ว่าไม่ดี คุณนั่นแหละต้นเหตุของเหตุการณ์ชั่วๆทั้งหมด ถ้าคุณไม่คิดร่วมมือกับโสม เรื่องมันจะบานปลายมาขนาดนี้เหรอ”

“แต่คุณก็ได้ศตวรรษคืนไปแล้ว ยังจะมาทำร้ายนุศอีกทำไม”

“คืนเหรอ! มันคืนมาที่ไหน หมอเขาซื่อสัตย์กับเงินของนังนุศจนไม่เห็นโสมในสายตาด้วยซ้ำ” ชยากรเหวอไหนว่าอยู่กินกันที่บ้านนั้น “นังนุศมันโง่เพราะมีชนักปักหลังที่ใช้เงินซื้อผัวมา ปั่นหัวนิดเดียวมันก็คิดว่าผัวไม่ซื่อกับมันแล้ว ทั้งๆที่หมอวรรษไม่ได้รู้เรื่องด้วยเลยสักนิด”

ชยากรกระจ่างแจ้งถามเรื่องคดี บอดี้การ์ดเข้ามาลากตัวชยากรออกไปเกรงโสมมิกาจะหลุดปาก ชยากรตะโกนถามว่าเธอข่มขู่ให้ศตวรรษเป็นพยานใช่ไหม โสมมิกาตะโกนสวนถ้าตนไม่ได้ อนุศนิยาก็ต้องไม่ได้ ชีวิตตนไม่มีทางที่จะแพ้

ชยากรกลับมาบ้าน อังกาบกำลังเป็นห่วงที่หายตัวไป เขารีบถามหาอนุศนิยา...ระหว่างนั้นอนุศนิยากำลังคุยกับนันทพลเรื่องการเปลี่ยนไต นันทพลเป็นห่วงไม่อยากให้เธออยู่คนเดียวช่วงนี้ อนุศนิยาบอกไม่ต้องห่วง ตนจะทำตามคำแนะนำของหมอและจะเป็นซิงเกิลมัมที่ดี

“อุตส่าห์รอดมาได้ แต่อยู่พร้อมหน้าพ่อแม่ลูกไม่ได้ อาภัพจริงๆหลานคนนี้” นันทพลบ่น

ชยากรมาได้ยินการสนทนานี้พอดี อนุศนิยายืนยันว่ายอมเหนื่อยเลี้ยงลูกคนเดียวดีกว่ามีพ่อไม่ดี ตนจะรอให้ชยากรรับงานแทนแล้วจะเดินทางไปอยู่ต่างประเทศเพื่อคลอดลูกที่นั่น..ชยากรตกใจรีบกลับมาให้อังกาบช่วยเล่าเรื่องที่เกิดขึ้นทั้งหมดให้ฟังอย่างละเอียด

ooooooo

หลายวันต่อมา อนุศนิยา มิรันตรีและชาครีย์เลี้ยงฉลองกับรางวัลดีไซน์ยอดเยี่ยมประจำปีที่ได้รับ และยังได้โกอินเตอร์เปิดตัวสินค้าที่ญี่ปุ่นกับมิลาน...

ชยากรโทร.เข้ามือถือมิรันตรีแต่เธอไม่รับสายจนอนุศนิยาแปลกใจ ชาครีย์แซวคงหนีงานมา พอมือถือดังขึ้นอีก มิรันตรีจึงขอตัว

มิรันตรีรับสายอย่างหงุดหงิด ชยากรถามว่าอยู่กับอนุศนิยาหรือเปล่า พอเธอตอบว่าอยู่ เขาจึงถามเรื่องอนุศนิยาท้อง ให้ช่วยสังเกตว่าเธอยังท้องอยู่หรือเปล่า “นุศตั้งใจปกปิดเพื่อให้ศตวรรษยอมหย่า เขาวางแผนจะไปอยู่เมืองนอก ลองจับตาดูถ้ารู้ว่านุศท้องต้องรีบมาบอก”

มิรันตรีงุนงง กลับมานั่งจับตาดูอาการของอนุศนิยา สุดฤทธิ์ แล้วเธอก็แกล้งสั่งไวน์มาดื่ม อนุศนิยาปัดไม่ดื่มอ้างต้องไปประชุมต่อ...พออนุศนิยาไปเข้าห้องน้ำ มิรันตรีฉวยโอกาสรื้อกระเป๋า ชาครีย์เอ็ดไม่มีมารยาท แต่พอมิรันตรีหยิบถุงยาแก้แพ้ท้องออกมาก็ตะลึงงัน

“นุศตั้งใจปกปิดพวกเราทุกคน ซองยานี่ก็ไม่ใช่โรงพยาบาลที่แอดมิตด้วย แบบนี้แสดงว่าจงใจแหกตา คุณวรรษแหงๆ” มิรันตรีสาธยายแล้วโทร.ไปรายงานชยากร

ไม่ทันไรก็มีข่าวออกมาว่าตำรวจออกหมายจับโสมมิกา ชยากรตกใจรีบโทร.หาศตวรรษ

ooooooo

เพียงชายคนนี้ไม่ใช่ผู้วิเศษ

ละครแนะนำ

ข่าวละครวันนี้ดูทั้งหมด