ตอนที่ 3
หลังจากเยี่ยมอาการเมืองคุ้มแล้ว เสกขรเทวีให้สำเภางามอยู่ดูแลลูกชาย ส่วนตัวเองจะกลับคุ้ม แต่มาเจอเฟื้อแฝงกับทหารกลุ่มหนึ่งตรงหน้าหอหลวง
กลุ่มของเฟื้อแฝงหยุดและทำความเคารพเสกขรเทวีอย่างนอบน้อม เสกขรเทวีมองอาการรีบร้อนของพวกเขาอย่างประหลาดใจ ถามว่าจะไปที่ใดกัน
“เจ้าหลวงให้ข้าพระบาทไปดูว่าเจ้าเมืองคุ้มเสด็จออกไปที่หัวเมืองหรือยังพระเจ้าค่ะ”
“หาต้องไปไม่ การนี้ข้าจะกราบทูลเจ้าหลวงเอง”
“แต่...”
“ไม่มีแต่ ถ้าคำพูดของพระนางหน่อเจ้าแห่งเมืองทิพย์ไม่มีค่าแล้วละก็ หาสมควรมีพระนางหน่อเจ้าอยู่ในเมืองทิพย์อีกต่อไปไม่”
น้ำเสียงเฉียบขาดของเสกขรเทวีทำให้พวกเฟื้อแฝงนิ่งอึ้งพูดไม่ออก...
เสกขรเทวีเข้ามาพบเจ้าหลวงบุรพคามในหอหลวง ขอผัดผ่อนการเดินทางไปหัวเมืองของเมืองคุ้มที่ยังบาดเจ็บ แต่บุรพคามปฏิเสธเสียงแข็ง
“ไม่! ไอ้เมืองคุ้มมันสมควรตายเสียด้วยซ้ำ เอาใจฝักใฝ่อีทิพย์ลูกศัตรู หาควรมีชีวิตอยู่ไม่”
“ทรงตรองให้ดีเถิดเจ้าค่ะ ให้คนบาดเจ็บออกไปรับศึกก็เท่ากับว่าเสือกไสไล่ส่งให้ไปตาย”
“นั่นแหละคือสิ่งที่ข้าต้องการ”
“เจ้าพี่...”
“หาใช่การของเจ้าไม่ กลับไปได้แล้ว พระนางหน่อเจ้าหลวงมีหน้าที่ดูแลการฝ่ายใน อย่ามายุ่งกับการของข้า”
“เอาความแค้นเคืองส่วนตัวมาใช้กับการของบ้านเมือง หาใช่การที่ควรทำนะเจ้าคะ”
เสกขรเทวีพูดทิ้งท้ายแล้วผินกายออกไป บุรพคามตะโกนไล่หลังอย่างหัวเสีย
“มันจะมากไปแล้วนะเสกขร...เจ้าเป็นน้องพี่นะ เจ้าเห็นอีทิพย์ลูกศัตรูดีกว่าพี่”
พูดเสร็จหันรีหันขวาง ปัดพานแผ่นทองคำเปลวของโปรดกับจอกน้ำจัณฑ์กระเด็นไปคนละทาง ข้าทาสบริวารบริเวณนั้นหวาดกลัวลนลาน หมอบกรานใบหน้าแทบติดพื้น
ooooooo
เมืองคุ้มบาดเจ็บ แต่เจ้าหลวงบุรพคามแค้นเคืองจึงรับสั่งให้เมืองคุ้มไปรับศึกพวกฝรั่งดั้งขอที่ชายแดน เสกขรเทวีทูลขอแล้วแต่ไม่เป็นผล
เมื่อรู้ว่าเจ้าทิพย์ป่วยไข้ เมืองคุ้มเป็นห่วงนางมากและอยากจะไปเยี่ยม แต่สำเภางามไม่ยอม เมืองคุ้มจึงส่งยาให้เครือออนเอาไปให้นาง แต่เครือออนเสียรู้เฟืองกับตองนวลเอายานั้นไปทิ้ง
เมืองคุ้มจำใจต้องออกไปรับศึก แต่ได้แอบมาหาเจ้าทิพย์จนรู้ว่านางไม่ได้กินยาที่ตนฝากมาให้ก็โกรธมาก มาสอบถามเครือออนจึงรู้ว่าเป็นฝีมือเฟืองกับตองนวลทำให้ยาไม่ถึงมือเจ้าทิพย์
ตองนวลพยายามจะเหยียบเจ้าทิพย์ให้จมดิน หรือแม้แต่เสกขรเวทีพระนางหน่อเจ้าหลวง ตองนวลก็หาได้ให้ความเคารพ แต่แสร้งมาทำเป็นพินอบพิเทาใส่ร้ายเจ้าทิพย์ให้ฟัง
เสกขรเทวีรักและสงสารเจ้าทิพย์ซึ่งเป็นสายเลือดเดียวกัน นางไม่เคยฟังความข้างเดียว แต่ใช้เหตุผลมาค้านทำให้ตองนวลเสียหน้าและกลับไปด้วยความแค้นใจทุกครา
สำเภางามไม่เห็นด้วยที่เสกขรเทวีมีน้ำใจกับเจ้าทิพย์เกินไป กลัวนางจะแว้งกัดเข้าสักวัน แล้ววันนั้นเมืองทิพย์คงร้อนเหมือนถูกไฟแผดเผา แต่เสกขรเทวีหาได้ใส่ใจฟัง ยืนยันว่าตนต้องเปลี่ยนใจเจ้าทิพย์ได้
คืนก่อนออกเดินทาง เมืองคุ้มลอบมาพบเจ้าทิพย์ ขอให้นางรอตนเพื่อกลับมาเป็นใหญ่ในเมืองทิพย์ ล้มล้างบุรพคามที่ชิงบัลลังก์จากพ่อของนาง เจ้าทิพย์ดีใจมาก มอบแหวนของตนให้เมืองคุ้มติดตัวไป
สำเภางามเคยพูดกับเมืองคุ้มเรื่องยึดอำนาจจากบุรพคาม แต่คะนองไม่เคยรู้มาก่อน จนเมื่อได้ยินแม่พูดกับพี่ชายในวันออกไปรับศึกว่าเขาต้องทำให้ความฝันและความตั้งใจที่แม่เคยบอกไว้เป็นจริง คะนองจึงมาซักถามแม่ว่ามันคือสิ่งใด
“ไอ้บุรพคามนั่งบัลลังก์ตั่งทองครานี้ ก็เพราะเป็นขบถต่อเจ้าหลวงปิตุลา เจ้าคิดว่าเจ้าจะยอมทนก้มกราบมันไปจนวันตายได้รึ”
“เจ้าแม่...เราเกิดมาเป็นข้า เราจักทำอันใดได้”
“เปลี่ยนความคิดเสียใหม่คะนอง ถ้าไม่มีเจ้าหลวงปิตุลา เจ้าพ่อของเจ้าก็คงได้นั่งบัลลังก์ เจ้าหลวงปิตุลาก็เป็นพระญาติสนิท แม่ก็ไม่ว่ากระไรดอก แต่เจ้าก็รู้นี่ว่ามันชั่วช้าเพียงใด...แม่ยอมไม่ได้”
“แล้วเกี่ยวอันใดกับเจ้าพี่เมืองคุ้มเล่าเจ้าข้า”
“พี่เจ้าควรได้นั่งบัลลังก์ตั่งทองเป็นเจ้าหลวงองค์ต่อไปของเมืองทิพย์” สำเภางามกล่าวหนักแน่น คะนองตกใจถึงกับยืนตะลึง
ooooooo
เสกขรเทวีสั่งทหารปล่อยตัวบัวไหลออกจากตรุ บัวไหลจึงได้กลับมาดูแลรับใช้เจ้าทิพย์ที่คุ้มเล็ก ส่วนเครือออนก็ยังเพียรนำยามาให้เจ้าทิพย์ตามคำสั่งเมืองคุ้ม
แต่ยานั้นไม่เคยถึงมือเจ้าทิพย์ จนวันหนึ่งริมบึงสาวใช้ของเสกขรเทวีมาเห็นกับตาว่าเก็ตถวากับแก้วอากาศทำยาที่เครือออนนำมาหกหมด เรื่องเลยรู้ถึงหูเสกขรเทวี คราวนี้เจ้าทิพย์จึงได้รับยาจากหมอหลวงด้วยมือของเสกขรเทวีเอง
เจ้าทิพย์ยึกยักอคติจะไม่กินยานั้น แต่เมื่อนึกถึงคำเมืองคุ้มที่ให้นางรักษาตัวให้ดีเพื่อรอวันเขากลับมาเป็นใหญ่ เจ้าทิพย์ก็ยอมกิน ทั้งที่ในใจยังอาฆาตพยาบาทเสกขรเทวีและสำเภางาม
เจ้าหลวงบุรพคามเกิดความโลภอยากเป็นเจ้าเมืองที่มีทรัพย์สินมากมายในพระคลัง จึงใช้ทหารออกไปปล้นสะดมราษฎร ทหารปล้นพ่อค้าชื่อน้อยอินทา แต่ขุนห่มฟ้าทหารเอกของเมืองคุ้มช่วยไว้และจับทหารของบุรพคามได้หนึ่งคน ความเลยแตกว่าการปล้นเป็นคำสั่งของเจ้าหลวง
เพียงข้ามคืน เฟื้อแฝงทหารเอกของเจ้าหลวงบุรพคามก็เข้ามากราบทูลว่าเกิดเรื่องใหญ่ทหารทำงานไม่สำเร็จ
บุรพคามโกรธจนตัวสั่น ตวาดใส่เฟื้อแฝงเสียงดังลั่นคุ้มหลวง
“ข้าใคร่รู้นักทหารของเอ็งพ่ายไอ้พวกราษฎร หาปล้นสะดมสมบัติมาให้ข้าได้ มันน่าตัดหัวเสียบประจานนัก”
“หาไม่พระเจ้าข้า ทหารของข้าพระบาทที่รอดชีวิตมาได้บอกแก่ข้าพระบาทว่าผู้ที่ต่อตีทหารที่ให้ไปปล้นสะดมคือ...”
เฟื้อแฝงอ้ำอึ้งอยู่ครู่หนึ่งกว่าจะบอกออกมาว่าเจ้าเมืองคุ้ม บุรพคามได้ยินชื่อนี้ก็คำรามโกรธแค้น เสกขร–เทวีเข้ามาพร้อมริมบึงพากันชะงักด้วยความประหลาดใจ
“เจ้าพี่โกรธผู้ใดหรือเจ้าคะ”
“ก็ไอ้เมืองคุ้มน่ะสิ”
“เจ้าพี่มีรับสั่งให้เจ้าพี่เมืองคุ้มไปรับศึกพวกดั้งขอแล้วนี่เจ้าคะ ไยเจ้าพี่จึงโกรธเกรี้ยวเอากับเจ้าพี่เมืองคุ้มอีก”
“ก็...ก็มันทำให้กองทัพของเราแตกพ่ายเสียไพร่พลไปเป็นอันมาก”
“ข้าได้ข่าวว่าพวกดั้งขอมีอาวุธร้าย เจ้าพี่เมืองคุ้มต้านหาอยู่ไม่ เจ้าพี่ก็น่าจะให้ขุนทหารนำทัพไปช่วยเจ้าพี่ หาควรโกรธเกรี้ยวเยี่ยงนี้ไม่”
“หาใช่การของเจ้าไม่ รู้ไว้ด้วยเสกขร ข้าไม่เคยไว้ใจมัน ยิ่งคนในเมืองทิพย์รักและภักดีต่อมันมากเท่าใด ข้าก็ยิ่งเกลียดชังมันมากเท่านั้น”
“แล้วจะมีคุณอันใดเล่าเจ้าคะ ยิ่งเจ้าพี่กลั่นแกล้งรังแกเจ้าพี่เมืองคุ้มมากเท่าใด คนก็ยิ่งรักเจ้าพี่เมืองคุ้มมากเท่านั้น”
บุรพคามโกรธขึ้งชี้หน้าเสกขรเวทีพร้อมตวาดดุดัน “เสกขร...เจ้าเป็นน้องพี่ เป็นพระนางหน่อเจ้าหลวง ไยเจ้าจึงเอาใจฝักใฝ่มันเล่า”
“เจ้าพี่ ข้าหาได้คิดเยี่ยงเจ้าพี่รับสั่งไม่ แต่ข้าอยากให้เจ้าพี่มีเมตตาต่อเจ้าพี่เมืองคุ้มบ้าง หาใช่เพื่อการอื่น แต่เพื่อให้คนในเมืองทิพย์เห็นว่าเจ้าพี่มีความยุติธรรม”
“หยุดเลยนะเสกขร หากว่าเจ้าพูดอันใดเข้าข้างไอ้เมืองคุ้มอีกล่ะก็ อย่ามาให้ข้าเห็นหน้า ไป๊”
เสกขรเทวีน้อยใจ สะกดอารมณ์หันกลับไปพร้อมริมบึง บุรพคามยังไม่คลายความโกรธ อาละวาดเอากับเฟื้อแฝง ถีบเขากระเด็นแล้วโวยวายไม่ให้อภัยคนที่คิดร้ายต่อตน
ooooooo
หลังจากได้รับความช่วยเหลือจากเมืองคุ้มแล้ว น้อยอินทาพ่อค้าหนุ่มก็ชวนเมืองคุ้มและทหารไปพักผ่อนที่บ้านของตนเพื่อเลี้ยงอาหารคาวหวาน
เมืองคุ้มขอความเห็นจากขุนห่มฟ้าและขุนแสงฟ้าก่อนตอบรับความปรารถนาดีนั้น แต่ขอให้น้อยอินทารับปากอย่าแพร่งพรายให้ชาวบ้านและผู้อื่นรู้ว่าตนเป็นใคร
ทางฝ่ายในเมืองทิพย์ยังมีเหตุการณ์ยุ่งวุ่นวายไม่เว้นวัน เพราะตองนวลกับเฟืองสาวใช้คู่ใจเอาแต่คอย ตอแยหาเรื่องอนัญทิพย์อยู่ร่ำไป วันนี้สองฝ่ายมีปากเสียงกันในสวนดอกแล้วเลยเถิดลงไม้ลงมือ อนัญทิพย์ตบหน้าตองนวลที่กร่างหนักทั้งที่เป็นแค่ธิดาเมืองมีดที่พ่อแม่ส่งมาเป็นเชลย ขณะที่ตองนวลก็เยาะหยามอนัญทิพย์ว่าเป็นข้าไทไม่ใช่เจ้านางอย่างแต่ก่อน
เมื่อโดนตบหน้า ตองนวลแค้นเคืองจะตบคืนอนัญทิพย์ แต่เสกขรเทวีเข้ามาห้ามไว้และให้สองฝ่ายตามตนไปที่คุ้มเพื่อตัดสินความ โดยให้ริมบึงเอาตัวเก็ตถวากับแก้วอากาศที่เห็นเหตุการณ์ไปด้วย
สำเภางามร่วมรับฟังการตัดสินความครั้งนี้ด้วย ตองนวลฟ้องว่าอนัญทิพย์เข้าไปในสวนดอกทั้งที่ถูกถอดยศไปเป็นข้าไทแล้วไม่มีสิทธิ์ และตนก็ถูกอนัญทิพย์ตบหน้าด้วย
“เจ้าก็เลยสั่งอีเฟืองตบหน้าเจ้าทิพย์...ใช่หรือไม่เก็ตถวา แก้วอากาศ”
สองคนอึกอักไม่กล้าตอบเพราะตองนวลจ้องหน้าดุดัน กระทั่งเสกขรเทวีขึ้นเสียง เก็ตถวาจึงตอบความจริงว่าตองนวลสั่งเฟืองตบเจ้าทิพย์
ตองนวลลืมตัวตวาดเก็ตถวาเสียงแหลม ทำให้เสกขรเทวีมั่นใจว่าเรื่องเป็นเช่นนั้น สั่งตองนวลเป็นข้าไทในเรือนครัวเจ็ดวัน และห้ามอนัญทิพย์เข้าสวนดอกเป็นเวลาเจ็ดวันเช่นกัน สำเภางามไม่พอใจที่เสกขรเทวีเข้าข้าง
อนัญทิพย์มากเกินไป จึงเรียกอนัญทิพย์มาปรามห้ามเห่อเหิมทะเยอทะยานและถือโอกาสสั่งให้เลิกยุ่งกับเมืองคุ้มแลกกับตนจะขอให้พระนางหน่อเจ้าหลวงคืนยศให้
อนัญทิพย์ไม่ใส่ใจ หัวเราะเสียงขื่นในลำคอ ตอบไปด้วยท่าทีและน้ำเสียงแฝงเยาะหยัน
“ห้ามเจ้าพี่เมืองคุ้มให้สำเร็จก่อนดีกว่าเจ้าค่ะ ข้าเป็นหญิงอย่างใดเสียข้าก็คงไม่อาจบอกรักชายได้ก่อนดอกเจ้าค่ะ เจ้าสำเภางามอย่ากังวลไปเลย...ข้าขอทูลลา”
“อย่าหมายว่าเจ้าจะได้ครองรักกับเมืองคุ้ม ข้าไม่มีวันยอมให้ลูกข้าเกลือกกลั้วกับผู้หญิงเยี่ยงเจ้าดอก”
“ก็ผู้หญิงเยี่ยงข้ามิใช่หรือที่เจ้าพี่เมืองคุ้มสัญญาว่าจะกลับมาอยู่กินเป็นผัวเมียกับข้าไปจนวันตาย”
“อีทิพย์!”
อนัญทิพย์ยิ้มมุมปากสะใจ ท้าทายให้อีกฝ่ายคอยดูไปว่าตนได้ทำบุญมากับเมืองคุ้มแต่ชาติก่อนหรือไม่ สำเภางามฟังแล้วสะอึกอึ้ง มองตามนางไปเหมือนจะกินเลือดกินเนื้อ หลังจากนั้นก็มาเตือนเสกขรเทวีว่าเมตตาคนผิดจะทำให้ผู้คนติฉินนินทาได้ และจงระวังไว้ว่าจะตายเยี่ยงชาวนา
“ถ้างูเห่าตัวนั้นชื่อเจ้าทิพย์ ข้าก็จะถือว่าเป็นเวรกรรมของข้า”
สำเภางามอ่อนใจแต่ไม่ท้อถอย ปรับน้ำเสียงให้ราบเรียบอธิบายเหตุผล “เจ้านางตองนวลเป็นคนขาดสติ ส่วนเจ้าทิพย์ก็เป็นคนเจ้าคิดเจ้าแค้น พระนางหน่อเจ้าทรงตัดสินเยี่ยงนี้ก็เท่ากับเติมฟืนให้ไฟแห่งความแค้นของทั้งสองลุกโชนยิ่งขึ้น ข้าเป็นห่วงพระนางหน่อเจ้านักเจ้าค่ะ”
“เจ้าป้า...ข้าเชื่อมั่นในความดี ความดีย่อมทำให้ทุกสิ่งทุกอย่างดีในที่สุด”
คำตอบของเสกขรเทวีทำให้สำเภางามถึงกับพ่นลมหายใจแล้วกลับไปบ่นกับคะนองเรื่องเมืองคุ้ม กลัวว่าจะใจอ่อนเอาเจ้าทิพย์มาเชิดชู ซึ่งแม่ไม่ยอมให้เลือดชั่วของมันมาปนกับเลือดของฝ่ายเรา แล้วกำชับเครือออน
อย่าช่วยเหลือเจ้าทิพย์กับเมืองคุ้มให้ได้พบปะสนิทสนม ถ้าขัดคำสั่งตนได้เห็นดีกันแน่
ooooooo
มาเป็นข้าไทที่เรือนครัวได้แค่วันเดียวตองนวลก็ทนแทบไม่ไหว วางแผนให้เฟืองไปหาช่างทำร่มหลวงเพื่อคิดการใหญ่...
ด้านเสกขรเทวีมีน้ำใจเห็นว่าเป็นเวลาครบรอบวันตายของแม่อนัญทิพย์จึงชวนไปวัด แต่นางปฏิเสธ ยิ่งทำให้สำเภางามไม่พอใจในความเย่อหยิ่งจองหองของอนัญทิพย์
เสกขรเทวีเสียใจที่อนัญทิพย์ไม่ยอมรับความ ปรารถนาดีของตนสักเรื่อง แต่ยอมให้บัวไหลเก็บดอกไม้ริมทางไปกราบไหว้พระและทำบุญให้แม่ด้วยตนเอง
ข้างฝ่ายพวกเมืองคุ้มที่เดินทางไปยังเรือนของน้อยอินทาตามคำชวน บัดนี้พวกเขาถึงเรือนแล้ว น้อยอินทาซึ่งทราบดีว่าเมืองคุ้มมีเชื้อสายเจ้าหลวงแห่งเมืองทิพย์ จะไม่ให้เขากราบไหว้พ่อแม่ของตน แต่เมืองคุ้มไม่ยอม เพราะถ้าไม่ทำเช่นนั้นจะเกิดข้อสงสัยได้
น้อยอินทาบอกพ่อแม่และน้องสาวว่าเมืองคุ้มเป็นสหายของตนจะมาเที่ยวพักผ่อน พ่อแม่ยินดีต้อนรับและสั่งลูกสาวไปหุงหาอาหารมาเลี้ยงดูปูเสื่อผู้มาเยือน
ตกกลางคืน เมืองคุ้มกับน้อยอินทาได้พูดคุยกันตามลำพัง ต่างคนต่างเล่าถึงหญิงคนรักของตน น้อยอินทาคาดว่าคนรักของเมืองคุ้มต้องเป็นหญิงงามที่สุดในเมืองทิพย์
“จริงดังคำของท่าน น้อยอินทา...นางเป็นหญิงที่ข้ารักมากที่สุด ข้าคิดถึงและเป็นห่วงนางมาก”
“เหตุใดต้องเป็นห่วง”
เมืองคุ้มไม่ตอบ แต่บอกว่าจะเล่าให้ฟังภายหลัง แล้วถามถึงคนรักของน้อยอินทาบ้าง
“ข้าไม่กล้าเรียกว่าความรักดอก...หญิงที่ข้ารักสูงส่งเกินกว่าจะเอื้อมถึง”
“อย่างใดรึ...บอกข้าเถิด บางทีข้าอาจช่วยเจ้าได้”
“ข้าเป็นเพียงพ่อค้าเดินทางค้าขายระหว่างเมือง แต่นางสิเป็นถึงธิดาเจ้าหลวงเมืองท่าคอย...เจ้านางมณีหยาด”
“เมืองท่าคอย...อย่าห่วงไปเลย บางทีข้าอาจช่วยเจ้าได้”
“จริงรึ...อีกไม่กี่เพลาจะถึงวันตักบาตรเที่ยงคืนไหว้สาบูชาพระอุปคุตแล้ว ข้าได้พบนางเมื่อวันตักบาตรคราก่อน”
“ถึงวันนั้นข้าจะไปกับเจ้าด้วย อยากเห็นหน้าเจ้านางมณีหยาดบ้างแล้วสิว่าจักงามเพียงใด”
น้อยอินทาฟังแล้วใจชื้น รู้สึกมีความหวังและกำลังใจขึ้นมาไม่น้อย
ooooooo
เจ้าหลวงบุรพคามเกรี้ยวกราดใส่เฟื้อแฝงหลังรู้ว่าทหารปล้นสะดมราษฎรไม่ได้ทรัพย์สินอะไรสักอย่างเพราะพวกมันรู้แกวพากันปิดเรือนหนี
“กูบอกแล้วอย่างใดเล่า ปล้นคนเมืองทิพย์ไม่ได้ ก็ไปปล้นคนเมืองอื่น จำใส่หัวไว้ สมบัติในกำปั่นข้าจะต้องเพิ่มขึ้นทุกวัน”
“ครานี้พระองค์มิต้องทรงกังวลพระเจ้าข้า...
ข้าพระบาทจักมิใช้ทหารของเมืองทิพย์ออกปล้นสะดมแต่จะจ้างโจรป่าออกปล้นสะดมแทนพระเจ้าข้า”
“มันต้องเยี่ยงนี้สิวะ ไอ้ทหารเอกของข้า”
บุรพคามหัวเราะพอใจ อยากรู้ว่าโจรที่จะใช้ไปปล้นคือผู้ใดตนอยากเห็นหน้า เฟื้อแฝงจึงจะพามันมาเข้าเฝ้าในวันพรุ่ง
ฝ่ายตองนวลที่ใช้เฟืองแอบไปสั่งช่างทำร่มโดยอ้างชื่อเสกขรเทวี นางไม่ยอมบอกสาวใช้ว่าจะเอามาทำอะไร แต่วันนี้ตนอยากเดินเล่นให้ทั่วฝ่ายใน เฟืองจงนำไป
เฟืองมีท่าทีตกใจ บอกว่าพระนางหน่อเจ้าให้เจ้านางอยู่เรือนครัวเจ็ดวันจะเดินเล่นเพ่นพ่านฝ่ายในไม่ได้ ตองนวลหงุดหงิดไม่พอใจจิ้มหน้าผากเฟืองจนหน้าหงาย
“อีเฟือง อย่าขัดใจข้า...เสกขรมันสั่งก็ให้มันสั่งไป ข้าไม่ทำเสีย มันก็ทำอันใดข้ามิได้...ไป ข้าเบื่อ ข้าเหม็น เรือนครัวเสียนัก ข้าใคร่ได้ข่าวเจ้าพี่เมืองคุ้ม มีผู้ใดรู้บ้าง”
เฟืองตอบไม่ได้...สองนายบ่าวเดินไปได้ไม่กี่ก้าว ตองนวลนึกอะไรได้กรีดเสียงสั่งเฟืองให้กลับไปที่คุ้มของตน เอารัตนชาติที่ห่อผ้าไว้มาให้ตน
“เจ้านางจะเอามาทำไมเจ้าคะ”
“ไม่รู้สักเรื่องจะได้มั้ยอีเฟือง ข้าใช้อย่างใดก็ไปทำอย่างนั้น...ไปสิ แล้วรีบมาหาข้าที่นี่นะ”
“เจ้าค่ะ” เฟืองวิ่งออกไป ตองนวลชะเง้อมองตาม รอยยิ้มเจ้าเล่ห์ผุดพราย
ooooooo










