ตอนที่ 21
วันต่อมาเจ้าหลวงม่านฟ้าต้องว่าราชการ ปรากฏว่าเขาเมามายจนทำหน้าที่ไม่ได้ ปิ่นมณีแสดงอำนาจด้วยการนั่งตั่งทองของเจ้าหลวง ทำให้สำเภางามกับเมืองคุ้มและเสกขรโกรธมาก
สำเภางามกับปิ่นมณีมีปากเสียงกันต่อหน้าทุกคนในหอคำ สำเภางามทนไม่ไหวตบหน้าปิ่นมณีเซแทบล้ม พอตั้งหลักได้ก็หันมาจะตบคืน แต่ชะงักเพราะเสกขรตวาดเสียงดัง
“หยุดนะ หากเจ้าคิดจะทำอันใดพระพันปีผู้เป็นเชื้อเครือสูงสุดล่ะก็...ทุกคนในหอคำหายอมไม่”
“ลืมไปกระมังว่าบัดนี้หาได้เป็นพระมหาเทวีเจ้าแล้ว แต่เป็นข้า...เพลานี้ข้าสั่งถอดยศและตัดหัวผู้ใดก็ได้ เมื่อครั้งที่เจ้าพ่อประชวร ผู้หญิงที่ชื่อเสกขรมิใช่หรือที่นั่งว่าราชการเอง หามีผู้ใดคัดค้านไม่...แล้วไยจึงห้ามข้า”
“แต่ข้าไม่เคยนั่งที่ตั่งทอง”
“แต่ข้าจะนั่ง...ท้าววงษา ขุนเวียง หากผู้ใดขวางข้าก็นำตัวมันไปตัดหัว หาต้องใส่ใจว่ามันเป็นผู้ใดไม่”
ปิ่นมณีดึงดันนั่งที่ตั่งทอง กวาดตาไปทั่ว แล้วสั่งเสกขรให้กลับไปนั่งที่ตั่งของตน ตองนวลหอบหิ้วตองแปงที่ยังไม่สร่างเมามาด้วย หัวเราะเย้ยหยันเสกขรที่ก่อนหน้านี้เคยเล่นงานตนกับลูก
เสียงหัวเราะของตองนวลทำให้ปิ่นมณีไม่ชอบใจ จ้องนางนัยน์ตาแข็งกร้าวเอาเรื่อง ตองนวลไม่กล้าฮือเพราะเกรงบารมี สำเภางามเห็นแล้วขัดใจไปหมด ลุกขึ้นพูดว่าตนจะกลับ หากผู้ใดจะตัดหัวตนก็เข้ามาเลย
“เข้ามาสิท้าววงษา ขุนเวียง...ข้าก็จะกลับกับเจ้าแม่ด้วย”
คะนองท้าทาย แต่สำเภางามให้เขาอยู่อารักขาทุกคนในหอคำ พูดจบก็เดินกลับออกไปคนเดียว ปิ่นมณีไม่ใส่ใจ กวาดสายตาไปทั่ว ถามว่า
“มีผู้ใดจะกลับอีกหรือไม่ ข้าจะได้รู้ว่ามันผู้นั้นท้าทายข้า ไพร่พลอารักขาของข้าล้อมอยู่รอบหอคำจำนวนมาก ข้าพูดเยี่ยงนี้ทุกคนคงแจ้งใจดี”
ทุกคนเงียบกริบ ปิ่นมณีสะใจ เช่นเดียวกับท้าววงษาและขุนเวียงที่สบตากันแล้วระบายยิ้มอย่างผู้ชนะ
สำเภางามเดินผ่านห้องม่านฟ้า พบบัวไหลทำลับๆล่อๆ และเห็นยอดพุ่มร้องไห้อยู่มุมหนึ่ง เมื่อซักถามก็ได้ความเกี่ยวกับม่านฟ้า สำเภางามจึงเข้าไปในห้องและพบม่านฟ้านอนเมามายไร้สติ เรณุมาศกับยอดพุ่มเห็นสภาพม่านฟ้าก็ตกใจเช่นกัน ทุกคนช่วยกันปลุกอยู่นานกว่าม่านฟ้าจะรู้ตัว
เวลานั้นปิ่นมณียังว่าราชการอยู่ที่หอคำ นางใช้อำนาจสั่งพวกคะนองเกณฑ์พลออกไปรับศึกดั้งขอที่ท้าววงษาบอกว่ามาล้อมเมืองทิพย์ เมืองคุ้มไม่เห็นด้วย แต่ค้านไปก็ไร้ผล เพราะปิ่นมณีถือว่าตนมีอำนาจสูงสุดแทนเจ้าหลวงม่านฟ้า
สำเภางาม ยอดพุ่ม และเรณุมาศยังคงอยู่กับม่านฟ้าในห้องนอน ปิ่นมณีกลับมาเจอแต่แสร้งทำเป็นไม่รู้เรื่องเมื่อสำเภางามคาดคั้นถามหาเมรัยอยู่ที่ไหนให้เอามาให้ตน
“เมรัย...อุ๊ย...หามีไม่เจ้าค่ะ เจ้าหลวงเสวยหมดแล้วเมื่อคืน เกลี้ยงเลย สงสัยว่าคงมีรสหวานกลมกล่อมถูกพระทัยแน่ๆเจ้าค่ะ”
“อีปิ่นมณี มึงถอดเชื้อแม่มึงมาไม่ผิดเพี้ยน ระวังกรรมจะสนองมึงในเร็ววัน”
สำเภางามกลับออกไปอย่างเดือดดาล ปิ่นมณียิ้มสะใจ มองหน้าเรณุมาศแล้วโผไปหาม่านฟ้า
“เจ้าพี่...ข้าปิ่นมณี...ไปนั่งตั่งทองว่าราชการแทนเจ้าพี่มา ไม่เห็นพระพักตร์เจ้าพี่เพียงอึดใจ ข้าแทบจะขาดใจตาย”
“ข้าก็เหมือนกัน...ปิ่นมณี”
ม่านฟ้าดึงปิ่นมณีมากอดจูบอย่างหลงใหล ปิ่นมณีสาแก่ใจ ชายตามองเรณุมาศอย่างเหนือกว่า เรณุมาศละอายแทนรีบเดินออกไป โดยมียอดพุ่มก้าวตามด้วยสีหน้าหม่นหมอง สงสารลูกชาย
ooooooo
ปิ่นมณีหาทางแก้แค้นและอาฆาตที่สำเภางามตบหน้าตนในหอคำ ด้วยการให้แก้วอากาศกับเก็ตถวาทำงานบางอย่างให้ตน แลกกับที่ทำงานให้อนัญทิพย์ไม่สำเร็จ
ปิ่นมณีวางแผนเปลี่ยนโตกใส่อาหารของสำเภางาม โดยให้สองเจ้านางแอบนำไปที่โรงครัว ในโตกที่นำมามีงูซ่อนอยู่ วันนั้นกลุ่มของคะนองและทหารส่วนหนึ่งต้องไปรับศึกดั้งขอตามแผนการของอนัญทิพย์ เมืองคุ้มจึงมาอยู่ดูแลสำเภางามด้วยตัวเอง
สำเภางามเกือบถูกงูกัด ถ้าไม่ได้เมืองคุ้มช่วยไว้ ริมบึงโกรธมาก เข้าใจว่าเป็นฝีมืออนัญทิพย์ จึงไปด่าทอนางถึงหน้าคุ้ม
“มึงใช่หรือไม่ เป็นตัวการเอางูใส่โตกอาหารไปถวายพระพันปีหมายปลงพระชนม์”
อนัญทิพย์ตกใจ ย้อนถามเสียงดังลั่น “ว่าอย่างใดนะ”
“จำไว้นะอีทิพย์ กูต้องเอาคนผิดมาลงโทษให้ได้ ต่อให้มือของมึงกับพวกจะถืออาชญาจารีตมณเฑียรบาลไว้ ก็อย่าหมายว่าจะทำระยำตำบอนอันใดได้ คนไม่เห็น ผีก็ต้องเห็น สักวันกรรมจะสนองพวกมึง”
ด่าเสร็จ ริมบึงกลับมาที่คุ้มคะนอง ซึ่งเมืองคุ้มกับสำเภางามยังอยู่ที่นี่ รวมทั้งทองพญา เสกขร เครือออน ขุนทหาร และข้าไทจำนวนหนึ่ง
เมืองคุ้มเตือนทุกคนว่า “ศัตรูมีอยู่รอบตัว พวกเราต้องระวังตัว ภัยจะมาถึงตัวเมื่อใดก็ได้”
ทองพญามองไปยังริมบึงที่เพิ่งกลับมา ถามว่าเป็นอย่างใดบ้าง
“อีทิพย์มันไม่ยอมรับ มันทำเป็นไม่รู้ไม่เห็นด้วยซ้ำ”
“มันจะเป็นผู้ใดไม่ได้ดอก อีปิ่นมณี อีหลานที่สืบเชื้อชั่วมาจากแม่มันนั่นแหละ”
“แต่เราก็ต้องสอบสวนทวนความเอาจากเจ้านางเก็ตถวากับเจ้านางแก้วอากาศก่อนนะเจ้าคะ”
ทองพญาเห็นด้วยกับคำพูดของเสกขร จึงให้ขุนห่มฟ้ากับขุนแสงเมืองไปนำตัวเจ้านางทั้งสองส่งให้เจ้าหลวงสอบสวนเป็นการด่วน
ไม่ช้าไม่นาน ม่านฟ้าก็นั่งบัลลังก์ทั้งที่อยู่ในภาวะซึมเซา ปิ่นมณีนั่งใกล้ๆคอยกำกับ
เก็ตถวากับแก้วอากาศปฏิเสธพัลวันทั้งน้ำตาว่าพวกตนไม่รู้เรื่อง เจ้าหลวงต้องยุติธรรม ขอร้องอย่าจับตนจำตรุ
“พอได้แล้ว หนวกหูรำคาญ” ปิ่นมณีตวาดพร้อมกับจ้องหน้าดุเจ้านางทั้งสอง
“พระมหาเทวีเจ้าแหละใช้ข้า ให้ข้าทำ ถ้าไม่ทรงใช้ ข้าก็ไม่ทำดอก” เก็ตถวาพูดความจริง ทุกคนตกใจมองปิ่นมณีเป็นตาเดียว
“ข้าแค่ให้เปลี่ยนโตกพระกระยาหาร แต่ข้าไม่ได้ให้เอางูใส่ไปด้วย เจ้าสองคนคงเกลียดชังพระพันปีมาก โทษฐานที่ดุด่าเจ้านางทั้งสองมาตั้งแต่สาวยันแก่”
ปิ่นมณีโยนความผิดหน้าตาเฉย ขณะเดียวกันอนัญทิพย์ก็เข้ามาปกป้องลูกของตน ด้วยการให้หาคนผิดมารับโทษ หากเก็ตถวากับแก้วอากาศไม่ผิด ก็ต้องหาคนทำผิดมารับโทษแทน
สุดท้ายหวยเลยมาออกที่พวกแม่ครัว ปิ่นมณีรีบสั่งขุนเวียงไปนำตัวพวกแม่ครัวมาโบยคนละสิบที แล้วจำตรุใส่ขื่อคา อย่าให้เป็นเยี่ยงอย่างแก่คนทั้งแผ่นดิน
ม่านฟ้าเห็นดีเห็นงามเพราะควบคุมสติตัวเองไม่ได้ พอออกจากหอคำก็ร่ำร้องหาแต่เหล้า ปิ่นมณีสาสมใจบอกอนัญทิพย์ว่ายาผงเสน่ห์ของแม่ได้ผลชะงัด
“ใช้เสน่ห์ของตัวเองมัดใจผัวไม่ดีกว่ารึ หาควรใช้เมรัยไม่”
“เจ้าแม่ก็เห็นนี่เจ้าคะ เรียกหาแต่เมรัย ข้าจะขัดพระทัยได้รึ”
อนัญทิพย์พูดไม่ออก เรณุมาศเข้ามาเห็นแม่ก็สวมกอดด้วยความดีใจ ม่านฟ้ามองมานัยน์ตาพร่าเลือน แต่ยังจำเรณุมาศได้ ปิ่นมณีเห็นท่าไม่ดี ไม่ต้องการให้น้องสาวใกล้ชิดม่านฟ้าจึงเร่งบัวไหลพานางกลับห้องตัวเองเดี๋ยวนี้
ทองพญากับริมบึงตั้งใจมาถามปิ่นมณีว่าคนผิดได้รับโทษหรือยัง ปิ่นมณีตอบประชดว่าเต็มตรุเลย อยากเห็นให้ไปดูเอง ตนสั่งเฆี่ยนมันด้วย ริมบึงท้วงว่า
“แน่ใจว่าเจ้าจับคนผิดมาถูกคนนะ”
“หากคิดว่าผิด เจ้าก็ไปหาหลักฐานมาสิ”
ปิ่นมณีมองทั้งสองคนอย่างท้าทาย อนัญทิพย์ชักสีหน้าและไล่ไปด้วยความรำคาญ
“กลับไปได้แล้วอีริมบึง...พระนางหน่อเจ้าหลวงด้วย มิควรเดินตามหลังอีข้าไทที่ได้ยกเป็นเจ้าดอก มันหมดสง่าราศี”
เสียงม่านฟ้าโวยวายอยากได้เหล้า ทองพญากับริมบึงมองเขาอย่างสังเวชใจก่อนเดินจากไป ปิ่นมณีจ้องตามด้วยความหมั่นไส้ บ่นขึ้นมาว่าอยากฆ่าทองพญา เลยโดนอนัญทิพย์ตำหนิว่าเพราะวู่วามอย่างนี้ ภัยจึงมาถึงตัว
ปิ่นมณีไม่สนใจฟัง เดินตามแม่ไปยังห้องเรณุมาศ เห็นลูกโก่งคออาเจียนและมีอาการวิงเวียน อนัญทิพย์คาดเดาว่าเรณุมาศท้อง ปรากฏว่าเป็นจริง
เท่านั้นเอง ปิ่นมณีไม่พอใจอย่างแรง ทุบตีเรณุมาศจนอนัญทิพย์ต้องจับแยก
“เรณุมาศมันเป็นน้องเจ้า แล้วแม่ก็ยืนอยู่ตรงนี้ เหตุใดไม่เกรงใจแม่บ้าง”
“ข้าเป็นพี่มัน มันเป็นน้อง มันท้องก่อนข้าได้รึ นี่มันคงหาโอกาสยั่วยวนเจ้าพี่เพลาข้าไม่อยู่ เจ้าแม่ยังจะมองมันว่าเป็นคนดีอีกรึเจ้าคะ”
“รับปากกับแม่ก่อนว่าจะไม่ทำร้ายน้อง”
ปิ่นมณีไม่พูด สะบัดหน้าเดินไปไม่แยแสคำขอของอนัญทิพย์
ooooooo
เมืองคุ้มกับทองพญาตัดสินใจบวชพราหมณ์สะเดาะเคราะห์ให้สำเภางาม ส่วนเรณุมาศที่ตั้งท้องก็ดูแลตัวเองอย่างดี ทำให้ปิ่นมณีริษยา และยิ่งไม่พอใจที่รู้ว่าม่านฟ้าจะหลงตนเองเวลาเมายาผงเสน่ห์ที่แม่ให้มาเท่านั้น แต่ในยามปกติเขาไม่เคยลืมเรณุมาศเลย
ปิ่นมณีแค้นใจ อยากกำจัดศัตรูของตนทุกคน อนัญทิพย์เตือนว่าพวกของเมืองคุ้มกับเสกขรมีมาก จะตกจากตั่งทองวันใดก็ไม่รู้ แต่ปิ่นมณีก็ยังรั้นวางแผนฆ่าเชื้อเครือของเมืองคุ้มและเสกขร หวังกำจัดศัตรูให้หมดไป
ความร้ายกาจของปิ่นมณีเหนือกว่าอนัญทิพย์มากนัก นางโหดเหี้ยมเลือดเย็นวางแผนฆ่าคนนับร้อยในงานสมโภชพระนคร ซึ่งอ้างกับม่านฟ้าว่าเพื่อรับขวัญหลานที่เกิดจากเรณุมาศ โดยสั่งการไปทางท้าววงษาและขุนเวียงให้ดำเนินการ
ยอดพุ่มถูกฆ่าตายในงานนี้ด้วย ตองนวลรู้เห็นด้วยตาตนเองก็หวาดกลัว พาตองแปงหนีจากเมืองทิพย์ไปอยู่เมืองมีด
กว่าอนัญทิพย์จะรู้ก็ยับยั้งปิ่นมณีไม่ได้เสียแล้ว อนัญทิพย์โกรธมากเล่นงานบัวไหลที่รู้เห็นเป็นใจกับปิ่นมณีโดยไม่ยอมบอกตน
“มึงรับใช้กูมานาน กูยอมรับว่ากูกระหายอำนาจ กูอยากได้อำนาจของพ่อกูคืนมา กูอยากนั่งตั่งทองเป็นใหญ่ในเมืองทิพย์เยี่ยงที่พ่อกูเคยเป็น แต่กูไม่เคยคิดฆ่าคนเป็นผักเป็นปลา ไยมึงไม่ห้ามลูกกู อีบัวไหล หัวใจมึงทำด้วยอันใด”
“หยุดเถิดเจ้าแม่...นี่มันการของข้า”
“การอุบาทว์อัปรีย์ ฆ่าคนนับร้อยคน คิดบ้างหรือไม่คนที่ตายเป็นเชื้อเครือของเราทั้งนั้น”
“เสด็จกลับไปเถอะเจ้าแม่ ข้าไม่อยากเป็นผู้แพ้... ใช้เพลายามแก่นึกถึงแต่วันเก่าๆที่ผ่านเลยไป เยี่ยงที่เจ้าแม่เป็น”
“ปิ่นมณี!”
“ข้าพูดผิดหรือเจ้าคะ เจ้าแม่สูญเสียเจ้าพ่อ สูญเสียบัลลังก์ตั่งทอง สูญเสียยศศักดิ์ มีผู้ใดเคยใส่ใจไยดีกับเจ้าแม่บ้าง ข้าจะไม่มีวันเป็นเยี่ยงเจ้าแม่ดอก”
ฉาด! อนัญทิพย์ตบหน้าปิ่นมณีเต็มแรง ปิ่นมณีไม่ทันตั้งตัว ตกใจและเจ็บจนน้ำตาร่วง
“ข้าเจ็บนะเจ้าแม่”
“แล้วผู้อื่นเขาไม่เจ็บหรือ เขาเจ็บแล้วเขาก็จำตายไปแล้วกี่ชาติ เกิดมาอีกกี่ภพ ผู้คนก็ยังขุดซากศพเจ้ามาสาปแช่ง”
“ถึงขั้นนี้แล้ว...ผู้ใดก็ห้ามข้ามิได้” ปิ่นมณีสะบัดหน้าเดินกลับเข้าไปในห้อง
อนัญทิพย์ตวัดสายตาไปยังท้าววงษากับขุนเวียง ตะคอกถามว่าทำไมพวกเขาไม่ใช้ปัญญา
“แม้แต่เจ้านางยังห้ามพระมหาเทวีเจ้ามิได้ แล้วข้าพระบาทจักห้ามได้หรือพระเจ้าข้า”
“แจ้งใจในตัวข้าพระบาทด้วยพระเจ้าข้า”
คำตอบของสองขุนนางเล่นเอาอนัญทิพย์สะอึกอึ้ง หันหลังจากไปทั้งน้ำตาเอ่อคลอ บ่นพึมพำด้วยความเสียใจว่าตนเลี้ยงลูกผิดเอง
ooooooo
เช้าวันถัดมา เสกขรเศร้าหมองแต่ซ่อนไว้ด้วยท่าทีเข้มแข็ง รายล้อมไปด้วยริมบึง ข้าไท และขุนทหารจำนวนหนึ่ง ขุนแสงเมืองกับขุนห่มฟ้ารายงานว่า
“ผู้คนร้องไห้กันระงม เพราะมีคนหายไป ส่วนใหญ่เป็นเจ้านายเก่า เชื้อเครือเจ้าหลวงที่สืบทอดกันมาแต่ครั้งพระราชบิดาของพระนางเจ้า”
“น่าแปลกมากพระเจ้าข้า บนฟ้าก็มีเหยี่ยวและมีนกแร้งเกาะตามที่ต่างๆ ราวกับมันได้กลิ่นซากศพ”
“ถูกอีปิ่นมณีมันกำจัดหมด มันจะเป็นอื่นไปมิได้” ริมบึงพูดโพล่งอย่างคับแค้น
ด้านม่านฟ้าที่ยังไม่รู้ว่าแม่ของตนตายแล้ว เขาลืมตาตื่นในเช้านี้ด้วยสติที่เหมือนจะกลับมาดังเดิม ขณะที่ ปิ่นมณียังนอนหลับอยู่ข้างๆ
ม่านฟ้าสะบัดศีรษะไล่ความมึนงงก่อนลุกออกไปเห็นข้าไทหลายคนเก็บกวาดทำความสะอาดคุ้ม จึงถามว่าใครเห็นเจ้านางยอดพุ่มแม่ของตนบ้าง
บัวไหลกำลังจะเข้ามา ถึงกับชะงักเท้าและจะหันกลับออกไป แต่ม่านฟ้าหันมาเห็นเสียก่อน
“บัวไหล...แม่ข้าอยู่ที่ใด”
“อยู่...อยู่คงอยู่กับเจ้านางเรณุมาศกระมังเจ้าคะ เจ้านางเสด็จไปที่คุ้มเจ้านางอนัญทิพย์ตั้งแต่เมื่อคืนแล้วเจ้าค่ะ”
ม่านฟ้าไม่ได้ดังใจ เดินกลับเข้ามาในห้องนอน ปิ่นมณีตื่นแล้วถามอย่างเอาใจ
“เจ้าพี่เสียงดังแต่เช้า มีผู้ใดทำให้เจ้าพี่ไม่พอพระทัยหรือเจ้าคะ ข้าจะได้จัดการลงโทษมันให้เจ้าพี่”
“แม่ข้าหายไป ข้าไม่เห็นตั้งแต่เมื่อคืนแล้ว”
“เจ้านางยอดพุ่มสนิทชิดเชื้อกับเจ้านางริมบึง แอบเสด็จไปที่คุ้มเจ้านางหลวงเป็นประจำ ลางทีก็หนีหายไปที่วัดหลวง ข้าต้องให้คนไปตามกลับมา แต่เอ... เห็นวันก่อนร่ำร้องว่าจะกลับเมืองท่าคอย มิใช่ว่าแอบเสด็จหนีไปแล้วนะเจ้าคะ”
ม่านฟ้าร้อนใจหันกลับออกไปอีก ปิ่นมณีเดินตามพร้อมกับร้องเรียก
“เจ้าพี่...เจ้าพี่จะเสด็จไปที่ใดเจ้าคะ ข้าจะได้จัดเสลี่ยงหลวงให้เจ้าพี่”
ม่านฟ้าไม่ฟังเดินหายไปทางหนึ่ง บัวไหลที่เยี่ยมๆมองๆ ได้จังหวะรีบเข้ามาบอกปิ่นมณี
“เมรัยหมดแล้วเจ้าค่ะ ผงมหาเสน่ห์ที่จะใช้ผสมเมรัยก็หมดแล้วตั้งแต่เมื่อคืน ต่อไปพระมหาเทวีเจ้าจะควบคุมเจ้าหลวงอีกไม่ได้แล้วเจ้าค่ะ”
ปิ่นมณีหงุดหงิด เริ่มรู้สึกหวาดหวั่นกับความยุ่งยากที่จะเกิดขึ้น
ooooooo










