ตอนที่ 2
เจ้าหลวงปิตุลาผูกคอตายคาตรุ อนัญทิพย์หรือเจ้าทิพย์เสียใจมาก ร่ำไห้แทบขาดใจ...
เมื่อข่าวนี้แพร่กระจายไป เสกขรเทวีไปเยี่ยมแต่เจ้าทิพย์ไม่รับไมตรีด้วย ฝ่ายบุรพคามโกรธมากที่ปิตุลาผูกคอตายเพราะจะเป็นอุบาทว์ให้แก่เมืองทิพย์ จึงรับสั่งให้เจ้าทิพย์เข้าเฝ้าเพื่อลงโทษกักขังไว้ถึงเวลากลางคืนหมายปลุกปล้ำทำเมีย
เมืองคุ้มรู้ข่าวจึงมาที่คุ้มของบุรพคาม สองคนมีปากเสียงกันต่อหน้าทหารของบุรพคามที่ยืนถือดาบเตรียมพร้อม
“ไอ้เมืองคุ้ม มึงกล้าดีอย่างใดถึงมาที่นี่”
“ปล่อยเจ้าทิพย์ออกมาเถิด พระศพของเจ้าหลวงปิตุลาก็ยังอยู่ที่ตรุ หาได้จัดการอย่างใดไม่”
“กูจะให้มันเน่าเป็นผีเฝ้าตรุ อยากตายเองนี่หว่า”
“แล้วเจ้าทิพย์มีความผิดอันใดเล่าพระเจ้าข้า”
“ผงธุลีใต้ตีนกูยังมีค่ามากกว่าผู้หญิงเลวๆอย่างอีทิพย์ เจ้าก็มีศักดิ์เป็นญาติผู้น้องของข้า เหตุใดจึงใฝ่ต่ำคิดจะยกอีทิพย์ขึ้นเป็นเมียเล่า”
“เจ้าทิพย์ไม่ผิดอันใด แต่เจ้าหลวงแหละที่ผิดชิงบัลลังก์ตั่งทองจากเจ้าหลวงปิตุลาแล้วยังคิดข่มเหงเจ้าทิพย์อีก”
บุรพคามโกรธจัดสั่งทหารฆ่าเมืองคุ้มอย่าให้รอด ชีวิตกลับไปได้ ทหารกรูเข้ามาทำตามคำสั่งแต่เมืองคุ้มต่อสู้ป้องกันตัว เจ้าทิพย์ที่ถูกขังอยู่ข้างในได้ยินเสียงก็ตวาดสั่งเฟื้อแฝงให้หลีกไป
“เจ้าหลวงสั่งไว้ห้ามมิให้เจ้านางออกไปข้างนอก”
“คืนนี้ข้าก็จะเป็นเมียเจ้าหลวงแล้ว ข้าจะกราบทูลให้เจ้าหลวงตัดหัวเจ้า มิเชื่อก็ลองดู”
คำขู่ของเจ้าทิพย์ได้ผล นางออกมาเห็นพลธนูรายล้อมเล็งเมืองคุ้ม บุรพคามเห็นเจ้าทิพย์ก็หันไปตวาดทหารคนสนิทด้วยความโกรธ
“ไอ้เฟื้อแฝง ให้อีทิพย์ออกมาทำไม”
เฟื้อแฝงหน้าซีดพูดไม่ออก เจ้าทิพย์ปราดไปขวางเมืองคุ้มไว้ ขอร้องบุรพคามปล่อยเมืองคุ้มไป ตนยอมทุกอย่าง จะฆ่าก็ได้ ขออย่างเดียวปล่อยเขาไป
บุรพคามได้ยินแล้วหัวเราะลั่นเยาะหยัน “ไอ้เมืองคุ้ม มึงนี่คงต้องมุดหัวอยู่ใต้ซิ่นอีทิพย์แน่”
เมืองคุ้มทนไม่ไหวจะเอาเรื่อง แต่เจ้าทิพย์ขอร้องเขาให้กลับไป ทันใดนั้นเสกขรเทวี สำเภางาม คะนอง เข้ามาอย่างเร่งรีบ
“ปล่อยเจ้าทิพย์กลับไปเถิดเจ้าค่ะ”
“หาใช่การของเจ้านะเสกขร แม้นมิทำให้อีทิพย์กับไอ้เมืองคุ้มหลาบจำ พี่จะปกครองเมืองทิพย์ได้อย่างใด”
“บัลลังก์ที่มั่นคงคือบัลลังก์ที่อยู่ในหัวใจคนนะเจ้าพี่ ผู้คนที่ยังรักเจ้าหลวงปิตุลาจะมิได้ติฉินเจ้าพี่ให้มัวหมอง”
“ก็ได้...แต่สำหรับไอ้เมืองคุ้ม ข้าต้องลงโทษมัน หัวมันต้องหลุดจากบ่าในวันพรุ่ง”
สำเภางามทรุดกายลงร้องไห้โฮ กราบขอร้องเจ้าหลวง “ให้อภัยลูกของข้าเจ้าด้วยเถิดเจ้าค่ะ ผิดครานี้ก็เพราะเห็นผิดเป็นชอบ หลงเสน่ห์เล่ห์กลเจ้าทิพย์ หาได้ชั่วร้ายโดยสันดานไม่นะเจ้าคะ”
เจ้าทิพย์ถูกพาดพิง จ้องมองสำเภางามด้วยดวงตาเกลียดชัง เสกขรเทวีจิตใจดีเสมอ ขอร้องเจ้าหลวงว่า
“เจ้าสำเภางามเป็นเจ้าป้าของเรานะเจ้าพี่ หากมิเห็นแก่เจ้าพี่เมืองคุ้มก็เห็นแก่เจ้าป้าเถิด ผู้คนในเมืองทิพย์ก็ล้วนแต่เชื้อเครือเดียวกันทั้งนั้น ฆ่าฟันกันไปก็รังแต่จะทำให้เชื้อเครือสิ้นสูญ”
บุรพคามมองเมืองคุ้มอย่างไม่พอใจ คะนองนั่งก้มหน้าอยู่หลังแม่ ลอบส่งสายตาไม่พอใจไปที่บุรพคาม
“ก็ได้ แต่มันต้องออกไปอยู่หัวเมืองจนกว่าข้าจะยกโทษให้ มันจึงจะกลับมาได้”
“เมืองคุ้ม...กราบแทบบาทเจ้าหลวงที่ทรงมีพระเมตตาต่อเจ้าเสียสิ”
เมืองคุ้มนิ่งเฉยไม่ทำตามคำแม่ จนคะนองต้องช่วยกระตุ้น นั่นแหละถึงจำใจกราบบุรพคาม
บุรพคามพอใจและจะหันกลับเข้าข้างใน ต้องชะงักกับคำขอของเสกขรเทวีอีก
“เจ้าพี่...ข้าขอตัวเจ้าทิพย์ไปอยู่กับข้า”
“จักให้มันเป็นเสนียดคุ้มเจ้ารึ เสกขร”
เจ้าทิพย์เม้มปากแค้นเคือง บุรพคามสะบัดหน้าไม่ใส่ใจ เสกขรร้องถามร้อนรน
“พระศพของเจ้าหลวงปิตุลาเล่าเจ้าคะ”
“จะทำอย่างใดก็ได้ แต่ให้พ้นเขตคุ้มหลวงของข้า อย่าให้ผงเถ้ากระดูกมันแม้เพียงละอองธุลีตกต้องแผ่นดินเมืองทิพย์เป็นอันขาด”
ตอบแล้วบุรพคามเดินหนีเข้าห้อง เสวยน้ำจัณฑ์รวดเดียวหมดจอกแล้วขว้างไปมุมหนึ่งเพื่อระบายอารมณ์ขุ่นเคืองพร้อมกับตะเบ็งเสียงถามเฟื้อแฝง
“มึงบอกกูซิวะ กูเป็นเจ้าหลวงหรือกูเป็นอันใดกันแน่”
เฟื้อแฝงหน้าซีดตัวสั่นด้วยความกลัว ก้มหน้างุดไม่กล้าตอบ
ooooooo
เมืองคุ้มกราบขอโทษสำเภางามกับเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น ที่ตนทำไปเพราะทนไม่ได้ที่เห็นบุรพคามใช้อำนาจไม่เป็นธรรม
“อำนาจมันมาแล้วก็ไป ปล่อยให้กงล้อของเวรกรรมทำหน้าที่ของมันเถิด เจ้าอย่าไปยุ่งกับการนี้เลย ไปอยู่หัวเมืองก็ระวังตัว ไว้เมืองทิพย์สงบลงกว่านี้ แม่จะทำให้เจ้ากลับคืนมาได้”
“ข้ายังมิไปดอก ตราบใดที่พระศพของเจ้าหลวงปิตุลายังไม่แล้ว”
“ใจเจ้าผูกพันกับอีทิพย์เพียงนี้เจียวหรือ เจ้าก็รู้ว่าแม่ไม่ชอบมัน”
“หัวใจข้าไม่เคยเปลี่ยนแปรไปจากเจ้าทิพย์แม้แต่น้อย”
เมืองคุ้มยืนยันคำเดิมแล้วเดินจากไป ทิ้งให้แม่ฮึดฮัดขัดใจ คะนองกับเครือออนได้แต่มองหน้ากันไม่ออกความเห็น...
เสกขรเทวีให้เจ้าทิพย์มาพักที่คุ้มของตน รับปากจะช่วยเหลือทุกอย่างและสั่งริมบึงดูแลเรื่องเครื่องนอน ริมบึงจัดมาให้แต่เจ้าทิพย์ผลักไส ขยี้ขยำผ้าห่มแทบขาดวิ่น แถมด่าเสกขรเทวีจนริมบึงทนไม่ไหวจะตบตี
“อย่า...ริมบึง”
“เจ้าทิพย์ใช้วาจาหยาบหยามพระนางเจ้านะเจ้าคะ”
“ช่างเถิด ข้าไม่ถือสา...แม้นเจ้ามิต้องการความช่วยเหลือจากข้า ข้าก็ไม่ว่าดอก แต่เจ้าควรอยู่ในคุ้มข้าก่อนเถิด วันพรุ่งค่อยไปจากที่นี่”
เสกขรผละไป ริมบึงมองหน้าเจ้าทิพย์อย่างเกลียดชัง สะบัดหน้าเดินตามนายของตนออกไป...ไม่ได้ยินเสียงบ่นเคียดแค้นของเจ้าทิพย์
“ฮึ! ผ้าหนึ่งผืนแลกกับบัลลังก์ตั่งทองของพ่อข้า มันแลกกันมิได้ดอก...เสกขร”
ooooooo
เช้าแล้ว สำเภางามมาที่คุ้มของเสกขรเทวี ริมบึงรับหน้าบอกให้รู้ว่าเมือคืนเจ้าทิพย์พักที่นี่ สำเภางามไม่ชอบใจ เข้ามาต่อว่าเจ้าทิพย์ที่นั่งเชิดหน้าราวกับเจ้านาย
“ท่าทางเจ้าไม่สำนึกในพระคุณของพระนางหน่อเจ้าเลยสักน้อย”
“ช่างเถิดเจ้าป้า”
“พระนางหน่อเจ้าหลวงให้ชีวิตแก่เจ้า ควรที่จะกราบพระนางเป็นการสำนึกบุญคุณสักครา”
“บอกให้เจ้าหลวงบุรพคามกับพระนางหน่อเจ้าหลวงไปกราบศพพ่อข้าเพื่อขอโทษก่อนสิ ข้าจะยอมกราบแทบเท้าเสกขร”
“อีทิพย์!”
สำเภางามแว้ดสุดเสียง พอดีบัวไหลวิ่งร้องไห้เข้ามาบอกเจ้าทิพย์ว่าศพเจ้าหลวงปิตุลาส่งกลิ่นแล้ว
เจ้าทิพย์อนาถใจ เอาความเจ็บแค้นมาลงที่เสกขรเทวี พูดใส่หน้าก่อนจะออกไป
“ถ้าเจ้ายังมีสำนึกผิดชอบชั่วดีอยู่บ้าง ก็ควรไปกราบศพพ่อข้า”
คำพูดนั้นทำให้เสกขรเทวีตัดสินใจไปกราบศพเจ้าหลวงปิตุลาบนกองฟอน แทนที่เจ้าทิพย์จะพอใจ กลับพูดให้นางเจ็บช้ำน้ำใจยิ่งขึ้นอีก
“อย่าคิดว่าพ่อข้าจักยกโทษให้เจ้ากับพี่ของเจ้า”
“สุดแท้แต่ดวงพระวิญญาณของเจ้าหลวงปิตุลาเถิด ข้าทำดีที่สุดแล้ว ข้ามั่นใจว่าเจ้าหลวงปิตุลาทรงแจ้งใจดีว่าข้าคิดอย่างใด”
เก็ตถวากับแก้วอากาศแอบมองอยู่รอบนอก รีบกลับมาบอกเล่าให้ตองนวลฟัง ใส่สีตีไข่โดยเฉพาะเรื่องเมืองคุ้มกอดปลอบเจ้าทิพย์ตลอดเวลา
“เจ้าพี่เมืองคุ้มก็เห็นผิดเป็นชอบไปได้ หลงคิดว่าอีทิพย์เป็นนางฟ้านางสวรรค์ หารู้ไม่ว่าอีทิพย์น่ะผีนรกมาเกิดแท้ๆ อีทิพย์เผาศพพ่อมันกลางเมือง อุบาทว์เหตุจะเกิดขึ้นกับเมืองทิพย์ มันไม่ถูกเจ้าหลวงบุรพคาม ประหารชีวิตก็ให้มันรู้ไป”
“เจ้ากล้าไปกราบทูลเจ้าหลวงรึ”
“มีอะไรบ้างที่ข้าไม่กล้า ปะหน้าอีทิพย์ที่ใดเจ้าสองคนก็เตือนมันด้วยนะว่าหัวมันจะหลุดจากบ่า”
เฟืองฟังอยู่ตลอด เออออไปกับตองนวล สะใจว่าเจ้าทิพย์ต้องกลายเป็นผีหัวขาดก็คราวนี้
ooooooo
เมืองคุ้มลักลอบพบเจ้าทิพย์ในสวนดอกเพื่อบอกลาไปรับศึกตามคำสั่งเจ้าหลวงบุรพคาม เขาขอให้นางอดทนรอตนกลับมา
บัวไหลดูต้นทางให้สองคน แต่กระนั้นก็หาได้หลุดรอดสายตาของเฟืองกับตองนวล เมื่อเห็นบัวไหล สองคนก็แน่ใจว่าเจ้าทิพย์ต้องอยู่บริเวณนี้
แต่บัวไหลหัวไวส่งเสียงร้องเป็นอีกาให้เจ้าทิพย์รู้ เมืองคุ้มจึงหลบรอดไป ส่วนเจ้าทิพย์เข้ามาช่วยบัวไหลที่โดนเฟืองกระชากผมจนล้มกลิ้ง
เจ้าทิพย์กับตองนวลประจันหน้า ตองนวลถือดีว่าตนเป็นเจ้านางต่างแดน ดูแคลนเจ้าทิพย์เป็นข้าไทของเมืองนี้
“เจ้าเป็นข้าไทไพร่ราบ กล้าดีอย่างใดมานั่งเล่นในสวนดอก ข้าจะกราบทูลเจ้าหลวงให้ลงอาญาเจ้า”
“สวนดอกนี้พ่อข้าก็สร้างขึ้น เหตุใดข้าจะมานั่งเล่นมิได้เล่า ข้าเป็นคนเมืองทิพย์ สวนดอกนี้ก็เป็นสมบัติของเมืองทิพย์ อีธิดาเมืองมีดต่างหากเล่าที่ไม่ควรเข้ามาในสวนดอก”
“ถึงข้าจะมาจากเมืองมีด ข้าก็เป็นเจ้านางสูงศักดิ์ หาได้ถูกลดยศเป็นข้าไทเยี่ยงเจ้าไม่ ดอกไม้ที่มันร่วงหล่นลงพื้นดินแล้วจักกลับขึ้นไปประดับอยู่บนต้นก็คงยาก”
“ก็คอยดูไปก็แล้วกันอีตองนวล...ไป อีบัวไหล ข้าจะกลับคุ้ม”
บัวไหลออกเดินตามนายของตน ตองนวลหมั่นไส้ส่งสายตาให้เฟืองถีบบัวไหลจนล้ม แล้วหัวเราะสะใจไปด้วยกัน บัวไหลลุกขึ้นได้ก็ตบตีเฟืองไม่นับ
“ว้าย! ช่วยด้วย เจ้านางช่วยด้วยเจ้าค่ะ”
เฟืองร้องลั่นสู้ไม่ได้ ตองนวลไม่รอช้าจิกผมบัวไหลดึงออกจากเฟือง เจ้าทิพย์ไม่ยอมให้คนของตนโดนรังแก ตบตองนวลอย่างแรง เก็ตถวากับแก้วอากาศปราดเข้ามาพอดี ต่างร้องวี้ดว้ายทำให้สองฝ่ายหยุดชะงัก
“ข้าเห็นเจ้าถูกมันตบพอดีเลย...เจ็บมากหรือไม่ตองนวล”
“ถ้าจะมาสมน้ำหน้าข้าก็มิต้อง” ตองนวลสะบัดเสียงใส่แก้วอากาศอย่างไม่สบอารมณ์
ตองนวลโกรธแค้นเจ้าทิพย์มาก ไปบีบน้ำตาแต่งเรื่องฟ้องเสกขรเทวีให้ลงโทษ
“ข้าไม่คิดเลยว่ามันจะกล้าตบข้า ข้าถามทุกข์สุขมันดีๆนะเจ้าคะ พระนางหน่อเจ้าหลวงต้องจับตัวมันมาลงโทษให้สาสมกับความผิด”
“ข้าต้องเชื่อเจ้ารึ ตองนวล...เก็ตถวา แก้วอากาศ เจ้าสองคนเห็นเจ้าทิพย์ตบหน้าตองนวลหรือไม่”
เก็ตถวากับแก้วอากาศอ้ำอึ้ง สำเภางามเร่งสองคนให้ตอบมาจนได้คำตอบแท้จริงว่าพวกตนเห็นเจ้าทิพย์ตบตองนวล แต่ไม่เห็นว่าก่อนหน้านั้นตองนวลทำอันใดเจ้าทิพย์บ้าง
“นั่นสิ แล้วจะให้ข้าตัดสินได้อย่างใด ฟังความข้างเดียว ผู้ใดรู้เข้าก็จะหาว่าข้าไม่ยุติธรรม”
“อีทิพย์มันถูกลดไปเป็นข้าไทแล้ว ถึงอย่างใดมันต้องผิด”
“แล้วเหตุใดเจ้าไม่ผิดล่ะตองนวล”
“ก็ข้าเป็นเจ้า อีทิพย์เป็นข้าไท มันต้องผิดวันยังค่ำ”
“เป็นอันใดก็ไม่ยากเท่าเป็นเจ้าคนนายคนดอก ทำดีก็อย่าหมายว่าผู้คนจักสรรเสริญ ทำชั่วผู้คนก็ยิ่งติฉินด่าว่า...เกิดมาสูงเท่าใดก็ต้องรู้จักให้อภัยคนต่ำกว่าเท่านั้น”
“ข้าหายอมไม่ พระนางเจ้าต้องลงโทษอีทิพย์
มิเช่นนั้นข้าจะกราบทูลฟ้องเจ้าหลวงด้วยตัวข้าเอง”
สำเภางามไม่พอใจปรามเสียงเข้ม “ตองนวลอย่าก้าวร้าวพระนางหน่อเจ้าหลวง หาไม่ข้านี่แหละจะกราบทูลเจ้าหลวงเอง”
“ข้าไม่ยอมดอก พยานรู้เห็นข้าก็มี ทั้งอีเฟือง ทั้งเก็ตถวาและแก้วอากาศ”
“เอาเถิด ข้าจะนำตัวเจ้าทิพย์มาเฆี่ยนเป็นการลงโทษอย่างที่เจ้าต้องการ”
“ข้ากราบขอบพระทัยพระนางเจ้า ฟ้าดินจักสรรเสริญพระนางเจ้ามิรู้จบรู้สิ้นเจ้าค่ะ” ตองนวลก้มกราบ แต่พอได้ยินเสกขรเทวีพูดต่อไปก็สะอึกอึ้ง
“แต่ถ้าข้าเฆี่ยนเจ้าทิพย์สิบที ข้าก็จะเฆี่ยนเจ้ายี่สิบที”
“เหตุใดต้องเฆี่ยนข้าด้วย”
“ตบตีกัน หามีผู้ใดรู้ว่าเจ้าตบตีเจ้าทิพย์ด้วยหรือไม่ ข้าจำต้องลงโทษเจ้ามากกว่าเจ้าทิพย์”
“เหตุใดต้องมากกว่า”
“ก็ตองนวลเป็นเจ้า อนัญทิพย์เป็นข้าไท เป็นเจ้าย่อมต้องได้รับการลงโทษมากกว่าสิ...หาไม่ฟ้าดินก็จะติฉินนินทาข้ามิรู้จบรู้สิ้น”
“ข้าไม่ยอม พระนางหน่อเจ้าหลวงไม่ยุติธรรม”
“ถ้าเจ้ายอมรับคำตัดสินของพระนางหน่อเจ้าหลวงมิได้ เจ้าก็กลับไปเสีย”
สำเภางามตัดบท ตองนวลตวัดสายตามองนางอย่างไม่พอใจ ลุกขึ้นเดินชักแถวออกไปหน้าคุ้ม รึมบึงตามออกมาส่ง
“อีริมบึง บอกพระนางหน่อเจ้าหลวงด้วยว่าตราบใดที่พระนางยังเอาตัวอีทิพย์มาลงโทษให้ข้าไม่ได้ ข้าไม่ยอมดอก เป็นไรก็เป็นกัน”
“การใดที่ทำให้พระนางหน่อเจ้าหลวงร้อนอกร้อนใจ ข้าเจ้ามิทำดอก เจ้านางน่าจะสำนึกเช่นเดียวกับข้าเจ้า”
“นี่เอ็งด่าข้ารึ” ตองนวลตวาดแว้ด ริมบึงหาได้หวาดกลัว ตอบกลับเสียงเรียบว่า
“ข้าเจ้าเพียงแต่จะบอกเจ้านางว่าข้าเจ้าจะไม่ทำให้ผู้เป็นนายต้องเดือดเนื้อร้อนใจเป็นอันขาด”
“นั่นมันเจ้า มิใช่ข้า”
เก็ตถวากับแก้วอากาศพลอยเย้ยเยาะริมบึงไปกับตองนวล อ้างตัวเป็นเจ้า คงคิดอย่างริมบึงไม่ได้
“หาผิดกันดอกเจ้าค่ะ ข้าเจ้าภักดีต่อพระนางหน่อเจ้าหลวงด้วยสำนึกในบุญคุณล้นหัวล้นเกล้า พวกเจ้านางก็พลัดมาจากบ้านอื่นเมืองอื่น เหตุใดจึงไม่สำนึกในคุณข้าวแดงแกงร้อนและแผ่นดินเมืองทิพย์บ้างเล่าเจ้าคะ”
ริมบึงยอกย้อนจนตองนวลโกรธควันออกหู สั่งเฟืองเอาเลือดปากริมบึงออกมาให้ตนดูเป็นขวัญตา แล้วตนจะให้รางวัลอย่างงาม
เฟืองรับคำและเงื้อง่า แต่ต้องชะงักเพราะเหลือบเห็นเสกขรเทวีออกมาพร้อมสำเภางาม
“ตองนวล ลืมไปแล้วรึ...ถ้าเจ้าตบข้าไทอย่างริมบึง ข้าจะลงโทษเจ้าเป็นสองเท่า”
เสกขรเทวีสำทับเสียงแข็ง ตองนวลแค้นเคืองแต่ไม่กล้าออกฤทธิ์...เมื่อพากันกลับถึงคุ้มของตน ตองนวลประกาศอาฆาตเจ้าทิพย์เป็นศัตรูตลอดไป ให้เก็ตถวากับแก้ว–อากาศคอยดูว่าสักวันตนต้องชนะเจ้าทิพย์ได้แน่นอน
เฟืองเพิ่งมาถึง จีบปากรายงานตองนวลว่าเห็นเมืองคุ้มพาเจ้าทิพย์ขี่ม้าไปชายป่า ตองนวลร้อนใจจะตามไปดูให้เห็นกับตาว่าสองคนไปเพื่อการใด
เมืองคุ้มช่วยสร้างกู่เก็บอัฐิเจ้าหลวงปิตุลาแล้วพาเจ้าทิพย์ไปดู ตองนวลนั่งเสลี่ยงติดตามแต่เจอบัวไหลขัดขวางจนมีปากเสียงกันใหญ่โต ก่อนจะเข้าถึงตัวเจ้าทิพย์กับเมืองคุ้มได้สำเร็จ
ตองนวลขุดคุ้ยเรื่องเดิมที่เจ้าทิพย์หมดอำนาจวาสนา ไม่เหมาะสมกับเมืองคุ้มเลยสักนิด เจ้าทิพย์ทุ่มเถียงอย่างไม่ยอม ขณะที่เมืองคุ้มก็ผลักไสตวงนวลให้กลับไป
ตองนวลโกรธฟาดงวงฟาดงาจะทำลายกู่ของเจ้าหลวงปิตุลาแต่ไม่สำเร็จ จึงกลับมาฟ้องเจ้าหลวงบุรพคามว่าเมืองคุ้มช่วยเจ้าทิพย์ก่อกู่เจ้าหลวงปิตุลา บุรพคามโกรธมากจะลงโทษเมืองคุ้มกับเจ้าทิพย์ เสกขรเทวีกับสำเภางามรู้จากเครือออนจึงรีบตามไปช่วย
ooooooo
บัวไหลถูกเฟื้อแฝงจับขังในตรุตามคำสั่งบุรพคาม เจ้าทิพย์ซึ่งไม่ยอมให้ใครทำลายกู่ของพ่อถูกบุรพคามทำร้ายจนหน้าไปกระแทกกับกู่จนบาดเจ็บเลือดไหล ส่วนเมืองคุ้มที่พยายามช่วยเจ้าทิพย์ก็ถูกดาบฟันที่ต้นแขนบาดเจ็บเช่นกัน
เสกขรเทวีทุกข์ใจกับความบาดหมางของสองฝ่ายที่ต่างก็เป็นญาติเครือกัน นางนำเจ้าทิพย์ไปรักษาพยาบาลบาดแผลที่คุ้ม แต่เจ้าทิพย์ไม่รับความช่วยเหลือและยืนยันว่าจะกลับไปตายที่คุ้มเล็กของตน ไม่สนใจทั้งอาหารและยาที่ริมบึงจัดมา ส่วนเมืองคุ้มก็ยังออกไปรับศึกไม่ได้ ต้องรักษาบาดแผลที่แขนก่อน เสกขรเทวีนำยามาให้เขาด้วยความเป็นห่วง
ตองนวลกับเฟืองมาดูเจ้าทิพย์ในเช้าวันถัดมา ได้ยินเสียงร้องโอดโอยครวญครางดังออกมาแล้วนึกกลัว ไม่แน่ใจว่าคนหรือผี เลยจดๆจ้องๆไม่กล้าเข้าไป
สุดท้ายตองนวลให้เฟืองย่องไปดูลาดเลาก่อนที่ตัวเองจะตามเข้าไป พอเห็นสภาพเจ้าทิพย์นอนหนาวสั่นร้องครวญครางเจ็บแผลก็สงสัยว่าเป็นอะไร เจ้าทิพย์แม้เป็นไข้แต่ยังรู้สติดี ผลักไสตองนวลให้กลับไป
“จะตายอยู่ต่อหน้าข้ายังกล้าออกปากไล่ข้าอีก...จะให้ข้าช่วยอันใดก็บอกมา เจ้าชอบกินอะไรก็บอกข้าได้นะ ตายไปข้าจะได้ใส่บาตรไปให้เจ้ากิน”
พูดเสร็จตองนวลหันไปหัวเราะกับเฟือง เจ้าทิพย์แค้นใจคว้าของใกล้ตัวขว้างใส่ไม่นับ ทั้งนายและบ่าวร้องวี้ดว้ายวิ่งหนีออกมาแทบไม่ทัน...
ooooooo










