สมาชิก

เพลิงพระนาง

ตอนที่ 16

อนัญทิพย์มาเยี่ยมอาการป่วยของเมืองคุ้มแต่สำเภางามไม่ยินยอม สองฝ่ายทุ่มเถียงกันหน้าคุ้มหลวงอยู่พักหนึ่งก่อนที่ตองนวล เก็ตถวา และแก้วอากาศจะมาสมทบ

ทุกคนอ้างตัวเป็นเมียเมืองคุ้มย่อมมีสิทธิ์เข้าเยี่ยม แต่สำเภางามใช้สิทธิ์ความเป็นแม่ไม่ยอมท่าเดียว จนกระทั่งเสกขร ทองพญา และริมบึงมาถึง แล้วอนัญทิพย์ทำท่าจะทำร้ายทองพญาที่จะเข้าไปหาเมืองคุ้ม เสกขรจึงยอมให้อนัญทิพย์เข้าไป ส่วนตองนวล เก็ตถวา และแก้วอากาศก็ได้อานิสงส์ไปด้วย แต่สำเภางามไม่วายกำชับเสียงเข้มว่า

“อย่าก่อกวนในห้องบรรทมนะ แล้วจำไว้ด้วย กำพืดแม่ค้านั่งตลาดน่ะเก็บไว้ใช้กับลูกเจ้า ไม่ใช่กับทองพญาหลานข้า”

“เจ้าค่ะ แม่ข้าเป็นแม่ค้านั่งตลาด แต่เจ้าสำเภางามทรงลืมแล้วหรือเจ้าคะ ก่อนได้ดีมียศก็เคยกราบแทบบาทแม่ค้านั่งตลาดมาแล้ว...ไยจึงลืมสิ้นเล่า”

อนัญทิพย์ยอกย้อนแล้วเดินลอยหน้าเข้าไป สำเภางามหน้าตาบึ้งตึงโกรธแค้น ริมบึงก็รู้สึกไม่ต่างกัน สั่งข้าไทเอาน้ำมนต์ที่วัดหลวงมาพรมให้ทั่วคุ้มเพื่อไล่เสนียด

เมื่อเข้ามาภายในห้องนอนที่หมอหลวงกำลังตรวจอาการเมืองคุ้มที่หลับตานิ่ง อนัญทิพย์คร่ำครวญด้วยความรักที่ยังมีต่อเมืองคุ้มอย่างเต็มเปี่ยม

“เจ้าพี่อย่าเป็นอันใดนะเจ้าคะ หากเจ้าพี่ไม่มีพระชนม์ชีพอยู่แล้วข้าจักอยู่ได้อย่างใด”

“เจ้าทิพย์อย่าพูดเยี่ยงนี้ เจ้าพี่ทรงหลับ แต่ทรงรู้สติทุกอย่าง”

“ทรงรู้ทุกอย่าง...ก็ดี จักได้ทรงรู้ว่าอีเมียคนแรกของเจ้าพี่มันทุกข์ตรมเพียงใด”

อนัญทิพย์ย้อนเสกขรแล้วขยับตัวขึ้นไปเอาใบหน้าเกลือกกับฝ่ามือของเมืองคุ้ม สำเภางามมองค้อนไม่พอใจ ส่วนพวกตองนวลก็ชักสีหน้าหึงหวง อีกสักครู่เมืองคุ้มลืมตา สีหน้าอิดโรย ทุกคนดีใจ อนัญทิพย์รีบโผเข้าหาและพยายามกันไม่ให้เสกขรได้ใกล้ชิด

“ข้าดีใจนักที่เจ้าพี่รู้ตัว ลืมตาขึ้นมาก็เห็นหน้าข้าเป็นคนแรก เช่นเดียวกับที่ข้าเป็นเมียคนแรกของเจ้าพี่...เจ้าพี่รักข้ายิ่งกว่าผู้ใด ข้าก็รักเจ้าพี่หาเสื่อมคลายไม่”

สำเภางามหมั่นไส้อนัญทิพย์ เร่งหมอหลวงให้ตรวจอาการเจ้าหลวง ส่วนผู้ใดไม่เกี่ยวให้ถอยออกมา แต่อนัญทิพย์รีบปฏิเสธ

“ไม่...หากเจ้าพี่จะหายประชวรหรือจะสิ้นพระชนม์ ก็ต้องอยู่ในสายตาของข้า”

“ข้าอนุญาตให้ห้องนี้มีเพียงข้า อนัญทิพย์ และเจ้าสำเภางามเท่านั้น หมอหลวงตรวจพระอาการเถิด...ผู้อื่นออกไป”

ทุกคนทำตามคำสั่งของเสกขรโดยดี แม้แต่ทองพญาที่เป็นลูกก็ไม่มีละเว้น พอออกมานอกห้องตองนวลก็แขวะริมบึงว่า

“ข้านึกว่าเจ้าเป็นสุดที่รักของพระมหาเทวีเจ้าเสียอีก กระไรเลยถูกไล่มาเยี่ยงข้า”

“ข้ามิได้เป็นที่รักเยี่ยงที่เจ้านางแจ้งใจดอก”

เก็ตถวาและแก้วอากาศก็ผสมโรงกับตองนวล เย้ยริมบึงว่าเห็นเดินเคียงข้างเสลี่ยงหลวงมาตั้งแต่สาวยันแก่ ลืมกำพืดแล้วหรือว่าเคยเป็นข้าไทมาก่อน

“พระนางเจ้าทรงมีพระราชอำนาจสูงสุดรองจากเจ้าหลวง หากรับสั่งอันใดข้าก็ต้องทำ หาเกี่ยวกับความรักความชังดอกเจ้าค่ะ”

ตองนวลเบ้ปาก ทองพญายืนอยู่ใกล้ๆ บอกว่าตนเป็นลูกแท้ๆยังต้องออกมาเลย ไยเจ้านางตองนวลต้องกังขาเจ้านางริมบึงด้วย...ตองนวลไม่รู้จะตอบโต้ยังไง ได้แต่สะบัดหน้าค้อนให้ภายในห้อง หมอหลวงรายงานอาการของเมืองคุ้มว่าร่างกายกลับคืนสู่ภาวะปกติแล้ว

เสกขรเชื่อว่าเป็นเพราะบารมีของพระเจ้าตนหลวงที่ตนไปบนไว้ อนัญทิพย์ถามทันทีว่าบนอะไร บวชชีงั้นหรือ

“ไม่ดอก...ข้าบนไว้ว่าหากเจ้าพี่หายประชวร ข้าจะไปกราบพระธาตุเจ้าที่กลางป่า”

สำเภางามตกใจทำท่าจะคัดค้าน แต่เสกขร ชิงพูดเสียก่อนว่า

“ไม่ต้องกังวลดอกเจ้าป้า เพื่อเจ้าพี่ข้ายอมได้ ทองพญาก็จะถือศีลบวชเป็นนางชีเจ็ดวัน ข้าจะให้ทำพิธีรับขวัญเจ้าพี่”

ทุกคนฟังเสกขรแล้วนิ่งไปอย่างคล้อยตาม

ooooooo

เมื่อกลับมาที่คุ้มของตน ริมบึงเล่าเรื่องอาการของเมืองคุ้มให้ครองภพฟังด้วยความเป็นห่วง แต่สิ่งที่ตนห่วงที่สุดเวลานี้ก็คือลูกของแม่

“เหตุใดต้องห่วงข้าด้วย”

“หากเจ้าพ่อเป็นอันใดไป เจ้าก็เป็นผู้หนึ่งที่จะได้นั่งบัลลังก์ตั่งทอง ครองภพเหย...ที่ใดมีอำนาจ ที่นั่น ย่อมมีการแย่งชิง แม่ไม่อยากเห็นลูกติดบ่วงแร้วของนายพรานที่กระหายอำนาจ”

“ข้าไม่ได้อยากนั่งบัลลังก์ตั่งทอง...เจ้าแม่ก็ทราบดี”

“แต่เจ้าคือลูกของเจ้าหลวง มีศักดิ์และสิทธิ์เท่าเจ้าตองแปง หากขุนนางพร้อมใจกันเลือกเจ้า ลูกจะปฏิเสธอย่างใด”

“ไม่ว่าอำนาจจักอยู่ที่ผู้ใด หากเป็นไปด้วยความชอบธรรม ข้าก็ต้องยอมรับ แต่หากมีความไม่ชอบธรรมเกิดขึ้น ข้านี่แหละจะตายเพื่อเมืองทิพย์”

ขาดคำของครองภพ ข้าไทชื่อสีที่สำเภางามส่งมารับใช้ริมบึงก็เข้ามาบอกว่าเห็นคนมาด้อมๆมองๆ ที่หน้าคุ้ม ครองภพลุกขึ้นหยิบดาบเดินออกไปทันที ครู่เดียวก็จับตัวได้ ทหารให้การว่าเจ้านางตองนวลส่งตนมา ครองภพกับริมบึงจึงไปต่อว่าตองนวลถึงคุ้ม

แต่ตองนวลแก้ข้อกล่าวหาได้สำเร็จ แล้วขอให้เก็ตถวากับแก้วอากาศโพนทะนาเรื่องที่ริมบึงกับลูกมาหาเรื่องตนถึงคุ้ม สองเจ้านางทำตามคำขอโดยเริ่มที่คุ้มของอนัญทิพย์เป็นที่แรก

หลังฟังความจากเก็ตถวากับแก้วอากาศแล้ว

อนัญทิพย์บ่นอย่างไม่สบอารมณ์นัก

“นี่ยังไม่มีผู้ใดได้อำนาจก็กัดกันแล้วรึ...จักฝากแผ่นดินไว้กับผู้ใดได้ อีริมบึงมันคงคิดใส่ร้ายไอ้ตองแปง หมายให้เจ้าหลวงโกรธแล้วแต่งตั้งไอ้ครองภพเป็นเจ้าหลวง”

“แท้ๆเจ้าค่ะเจ้านาง”

“จักทำอย่างใดดีเจ้าคะ พระสนมเอกเห็นควรว่าผู้ใดควรได้เป็นเจ้าหลวงต่อจากเจ้าพี่”

อนัญทิพย์มองหน้าทั้งสองคน ย้อนถามอย่างรู้ทัน “ตองนวลมันคงให้เจ้าสองคนมาโยนหินถามทางข้ารึ”

เก็ตถวากับแก้วอากาศรีบส่ายหน้าปฏิเสธ แต่กลายเป็นโดนไล่

“ถ้าเช่นนั้นก็กลับไปได้แล้ว ผู้ใดจักเป็นเจ้าหลวงต่อจากเจ้าพี่ เจ้าสองคนควรเจียมตัวว่าเป็นเจ้านางเล็กเจ้านางน้อย อย่าหมายยุ่งเกี่ยวกับการของแผ่นดิน ได้เสวยสุขเป็นเจ้านาง มีคุ้มให้นอน มีข้าวให้กิน ก็ควรแก่บุญทานที่เคยทำมาแต่ปางก่อนแล้วมิใช่รึ”

เก็ตถวากับแก้วอากาศอึกอักพูดไม่ออกทั้งที่ไม่ชอบใจ อนัญทิพย์ผุดลุกขึ้นพูดเสียงแข็ง

“บอกอีตองนวลว่าอย่าหมายเล่นเล่ห์เพทุบายใดๆทั้งสิ้น การของแผ่นดินเมืองทิพย์หาใช่เมืองมีด เมืองพ่อเมืองแม่มันไม่...ไปได้แล้ว”

สองเจ้านางค้อนปะหลับปะเหลือกเดินออกไป ปิ่นมณีที่นั่งฟังอยู่ด้วยกับเรณุมาศตั้งคำถามว่า

“เจ้าแม่...หากไอ้ตองแปงได้ขึ้นนั่งตั่งทองก็เท่ากับว่าอีทองพญาต้องเป็นเมียไอ้ตองแปงสิเจ้าคะ”

“ตามกฎมณเฑียรบาลเป็นเช่นนั้น”

ปิ่นมณียิ้มสะใจ ปรายตามาทางเรณุมาศ “เยี่ยงนี้แล้วข้าสงสารเจ้านักเรณุมาศเหย...อกหักล่ะสิ”

“ข้าไม่ได้รักเจ้าพี่ตองแปง ข้าบอกเจ้าพี่หลายคราแล้ว”

“น้ำตาอย่าเช็ดหัวเข่าให้ข้าเห็นก็แล้วกัน ฮึ!”

“อย่าเพิ่งเดาไปเลยว่าผู้ใดจักได้เป็นเจ้าหลวง หามีอันใดแน่นอนไม่” อนัญทิพย์พูดแล้วยิ้มพรายเหมือนมีแผนการบางอย่างอยู่ในใจ...

รุ่งขึ้นครองภพกับริมบึงมาที่คุ้มของคะนอง เล่าเรื่องไม่ชอบมาพากลที่เกิดขึ้นให้คะนองและสำเภางามฟังอย่างวิตกกังวล

คะนองสงสัยว่าทหารที่จับได้มาจากใคร สำเภางามให้เค้นความจริงจากมัน ปะแดงรีบอาสา แต่คะนองบอกว่าเรื่องนี้เป็นหน้าที่ของตน

ไม่ทันที่คะนองจะไปที่ตรุซึ่งทหารคนนั้นถูกจองจำ ขุนห่มฟ้าก็มาบอกว่ามันตายแล้ว โดนยาพิษตายเมื่อคืน สำเภางามแน่ใจทันทีว่าเรื่องชั่วช้าแบบนี้ไม่พ้นฝีมือ

อนัญทิพย์ ริมบึงก็เชื่อเช่นนั้น บ่นขึ้นมาอย่างหวาดหวั่น

“นี่เพิ่งเริ่มต้นเท่านั้น จักมีคนตายอีกกี่ศพเพื่อสังเวยคนใจคอโหดเหี้ยมเยี่ยงมัน”

ooooooo

ค่ำคืนนี้ ท้าววงษานำอัฐมาให้เรือนแก้วไว้ใช้จ่าย โดยให้บ่าวสองคนพาไป เรือนแก้วเห็นอัฐจำนวนมากก็ตื่นเต้น ถามพ่อว่าเอามาจากที่ใด

“หาต้องถามไม่” พูดแล้วหันมาสั่งบ่าว “มึงเอาเหล้าให้กูที แล้วก็ไปนวดกูในห้องด้วย...อย่าช้าล่ะ”

เรือนแก้วยิ้มรู้ทัน พอพ่อเดินไปก็จัดแจงสั่งบ่าวให้อาบน้ำอาบท่าทาตัวให้หอม อย่าขัดใจพ่อของตน แล้วพรุ่งนี้ค่อยพาตนไปตลาด

ท้าววงษาเตรียมจะพาเรือนแก้วเข้าไปถวายตัวต่อเจ้าหลวง ส่วนอัฐจำนวนมากนั้นก็ได้จากบัวไหลที่อนัญทิพย์ฝากมาให้เป็นค่าจ้างที่ส่งทหารไปด้อมๆมองๆ หน้าคุ้มของริมบึง แล้วยังลอบวางยาปิดปากทหารก่อนที่ความจริงจะเปิดเผย...

คืนเดียวกัน เมืองคุ้มอาการดีขึ้นลุกนั่งได้แล้ว เสกขรดูแลรับใช้ใกล้ชิด หวังว่าเขาจะหายเป็นปกติในเร็ววัน

“เจ้าพี่ทรงแข็งแรงขึ้นมากนัก อีกไม่นานก็คงว่าราชการได้เช่นเคย”

เมืองคุ้มส่ายหน้าบอกว่า “ข้าหาได้ปรารถนาในสมบัติใดๆอีกแล้ว ตลอดรายทางชีวิตข้ามีแต่การฆ่าฟัน แย่งชิง ข้าทำทุกอย่างเพื่อราษฎรและแผ่นดินเมืองทิพย์ แต่ที่ใดมีอำนาจ การแย่งชิงอำนาจก็หาได้สิ้นสุดไม่”

“แต่เจ้าพี่เป็นเจ้าหลวงของเมืองทิพย์นะเจ้าคะ”

“วันใดที่เมืองทิพย์มีเจ้าหลวงองค์ใหม่ปกครองแทนพี่ วันนั้นพี่คงนอนตายตาหลับ”

“ในพระทัยเจ้าพี่หมายให้ผู้ใดนั่งเมืองเจ้าคะ”

เมืองคุ้มมองออกไปด้านนอก ส่ายหน้าไม่ตอบเหมือนยังคิดไม่ตก

ooooooo

ที่เมืองท่าคอย ม่านฟ้าที่ปรารถนาจะได้ครองคู่กับเรณุมาศก็รุกเร่งน้อยอินทากับมณีหยาดให้ไปสู่ขอ โดยยืนยันคำเดิมว่าตนไม่มองหญิงใด นอกจากเรณุมาศคนเดียวเท่านั้น

“แต่ลูกก็รู้ว่าเรณุมาศเป็นธิดาของเจ้านางอนัญทิพย์ คนในเมืองทิพย์เล่าลืออย่างใดเจ้าลืมแล้วรึ”

“ข้าคิดว่าหาเกี่ยวกันไม่เจ้าข้า เพียงแต่เจ้าพ่อสู่ขอน้องเรณุมาศให้ข้า เสร็จการอภิเษกแล้วน้องเรณุมาศ ก็ต้องมาอยู่ร่วมหอกับข้าที่เมืองท่าคอย มิได้ยุ่งเกี่ยวอันใดกับเมืองทิพย์”

“หญิงงามในเมืองท่าคอยก็มากมายนัก ไยเจ้าไม่แลตามองบ้างเล่า”

“โธ่...เจ้าแม่ ต่อให้งามกว่าน้องเรณุมาศเพียงใด ข้าก็หาใส่ใจไม่เจ้าข้า หัวใจข้าอยู่ที่น้องเรณุมาศเพียงผู้เดียวเท่านั้น”

ม่านฟ้าย้ำแล้วย้ำอีกจนมณีหยาดอ่อนใจ ตัดบทว่า “ไว้พ่อกับแม่หารือกันก่อน การนี้ต้องรอฤกษ์รอยาม แม่จะให้โหรหลวงหาฤกษ์ไว้ก่อนนะ”

“ขอบพระทัยเจ้าแม่มากเจ้าข้า”

มณีหยาดสบตากับน้อยอินทาด้วยความหนักใจ ตกบ่ายวันนั้นมณีหยาดไปพบแม่ชียอดพุ่มเพื่อหารือเรื่องที่ม่านฟ้าต้องการแต่งงานกับเรณุมาศ แต่กลายเป็นแม่ชีให้มณีหยาดกับน้อยอินทาตัดสินใจเอง เพราะม่านฟ้าคือลูกของพวกเขา และเคยรับปากไว้ว่าจะไม่แพร่งพรายความจริง ขอให้ม่านฟ้าเข้าใจเช่นนั้นตลอดไป

ooooooo

ที่เมืองทิพย์กำลังจัดเตรียมพิธีรับพระขวัญให้เมืองคุ้ม ทองพญาซึ่งถือศีลอยู่ถูกปิ่นมณีกลั่นแกล้งด้วยการสั่งบัวไหลลอบไปเผาชุดขาว ส่วนเมืองคุ้มก็ฝันร้ายว่าไฟไหม้บัลลังก์ตั่งทอง

อนัญทิพย์ใช้ช่วงเวลานี้ส่งท้าววงษาไปยังเมืองท่าคอยเพื่อจัดการรับตัวม่านฟ้ามาเมืองทิพย์ในฐานะองค์รัชทายาท ม่านฟ้าตกใจและไม่ยอมรับความจริงว่าตนคือลูกของเมืองคุ้มกับยอดพุ่ม แต่ในที่สุดก็หลีกหนีไม่ได้

เมื่อม่านฟ้าต้องมาที่เมืองทิพย์ ยอดพุ่มสึกจากชีตามมาด้วย ท้าววงษาไม่ต้องการให้ยอดพุ่มเข้าเมืองจึงทำทีเป็นโจรป่าเข้าโจมตีเพื่อแยกม่านฟ้ากับยอดพุ่มออกจากกัน

ท้าววงษาส่งสารถึงอนัญทิพย์ เกรงว่าม่านฟ้าจะมาไม่ทันพิธีรับพระขวัญเมืองคุ้มที่ยังป่วยหนัก แล้วครองภพอาจได้นั่งบัลลังก์ตั่งทอง อนัญทิพย์จึงพยายามใกล้ชิดเมืองคุ้มเพื่อหาทางชิงบัลลังก์ให้ได้ นางนึกถึงยาที่เจ้าพ่อของนางให้หมอหลวงปรุงแล้วฝากไว้กับตนบุญที่วัด จึงไปเอามาในยามวิกาล

อนัญทิพย์กับบัวไหลกลับมาพร้อมห่อยา ปิ่นมณีจับตาดูด้วยความไม่พอใจในการกระทำของแม่

“ยาขนานนี้แหละ พ่อข้าได้มาจากฤาษีชีไพรกลางป่าคราไปออกศึกกับพวกชาวดง ข้าจำได้”

“โอสถนี้ตั้งแต่ข้ายังไม่เกิด เพลานี้มิเสื่อมไปแล้วหรือเจ้าคะ”

“หาไม่...อายุของสมุนไพรเพิ่มมากขึ้น สรรพคุณก็เพิ่มตาม วันพรุ่งแม่จะไปเฝ้าเจ้าพ่อ ลูกจะไปกับแม่ด้วยหรือไม่”

“ไม่เจ้าค่ะ หากข้าเป็นเจ้าแม่ ข้าจะไม่ไปเฝ้าเจ้าพ่อ”

“ปิ่นมณี ไยเจ้าพูดเยี่ยงนี้”

“เจ้าแม่ลืมสิ้นแล้วหรือเจ้าคะ เจ้าพ่อเคยทำอันใดไว้กับเจ้าแม่แล้วก็พวกเรา ตลอดเวลาที่ผ่านมาเจ้าพ่อเคยเหลียวแลพวกเราบ้างหรือไม่ ข้าเจ็บแล้วข้าก็ต้องจำ ข้าจะไม่มีวันก้มหัวให้เด็ดขาด”

บัวไหลตกใจในถ้อยคำของปิ่นมณี ทำท่าจะคัดค้านแต่ปิ่นมณีชิงไล่นางออกไป ตนต้องการพูดกับแม่ตามลำพัง... บัวไหลออกมาจากห้องก็เห็นเรณุมาศยืนหน้าเศร้า บ่นเบาๆ “ผีห่าตนใดสิงใจเจ้าพี่ปิ่นมณีถึงได้พูดเยี่ยงนี้”

“กลับเข้าไปในห้องเถิดเจ้าค่ะ เจ้านางน้อย เชื่อข้าเจ้าเถิด” บัวไหลรุนหลังเรณุมาศไปจากตรงนั้น

ส่วนในห้อง อนัญทิพย์ถามปิ่นมณีว่าไม่เชื่อหรือว่ายานี้มีคุณนัก

“ข้าเชื่อเช่นนั้น หาไม่เจ้าตาคงไม่เก็บรักษาไว้ที่วัดหลวงดอก”

“โอสถก็เหมือนมือของเราแหละลูกเอ๊ย มือของเราจักอุ้มชูผู้ใดก็ได้ แล้วบีบคอผู้ใดก็ได้เยี่ยงกัน”

“เจ้าแม่หมายความว่าอย่างใดเจ้าคะ”

“ให้เจ้าพ่อใช้โอสถขนานนี้จนแข็งแรง”

“มีฤทธิ์ มีเดช มีพลังวังชา แล้วมากดหัวพวกเราอีกน่ะรึเจ้าคะ”

“หากเป็นเช่นนั้น แม่ก็จะใช้โอสถนี้สังหารเจ้าพ่อ”

ปิ่นมณีตะลึงอย่างคาดไม่ถึง อนัญทิพย์พูดต่อไปด้วยสีหน้าเรียบนิ่งแต่น้ำเสียงหนักแน่นน่ากลัว

“แม่ไม่ได้ตาบอด ไม่ได้หูหนวก ไม่ได้เป็นใบ้ แม่รู้สึกได้ถึงความรักและความชังที่ทุกคนมีให้แม่ หากความอดทนสิ้นสุดวันใด แม่ก็พร้อมที่จะทำเพื่อตัวเองและลูกของแม่”

ปิ่นมณีพยักหน้าน้อยๆ โผเข้ากอดแม่พร้อมกับพึมพำ “สักวันต้องเป็นวันของเรา”

ooooooo

เช้าวันทำพิธี ตองนวลมาปลุกตองแปงที่เมามายตั้งแต่เมื่อคืนให้ลุกขึ้นแต่งตัวไปร่วมพิธี แต่ตองแปงออกฤทธิ์ออกเดชจนนางเหนื่อยใจ พาลโทษพวกข้าไทว่าเอาเหล้าให้ลูกตนกินจนเสียผู้เสียคน

ตองนวลกล่อมตองแปงว่าเขาคืออนาคตของเมืองทิพย์ แต่ตองแปงกลับย้อนถามแม่ว่าคิดดีแล้วหรือจึงได้พูดแบบนี้

“ตองแปง ไยเจ้าพูดเยี่ยงนี้เล่า เจ้าเป็นลูกของเจ้าหลวง เพลานี้หามีผู้ใดเหมาะเท่าลูกของแม่ไม่ ต่อให้มีผู้ใดขัดขวาง แต่มันก็ฝืนกฎมณเฑียรบาลหาได้ไม่ ผู้ใดไม่เห็น ฟ้าดินและผีหลวงก็ต้องเห็น ผู้ใดไม่กระทำตามกฎมณเฑียรบาลมันจะลอยหน้าฝืนอาญาแผ่นดินได้อย่างใด”

“ฮึ! เจ้าแม่ พอปลายดาบ ปลายหอก และปากกระบอกปืนหันไปทางใด กฎมณเฑียรบาลก็หันไปทางนั้นทุกครา”

“โอ๊ย เลิกโต้เถียงแม่ได้แล้ว อีเฟืองช่วยลูกกูแต่งตัวบัดเดี๋ยวนี้”

เฟืองขยับจะเข้าไป แต่โดนตองแปงตวาดด่าหยาบคายเลยไม่กล้า...

ด้านอนัญทิพย์กับปิ่นมณีตั้งใจนำยามาให้เมืองคุ้มกิน โดนสำเภางามขัดขวางเพราะไม่ไว้วางใจ แต่เสกขรยินยอมเพราะเชื่อว่าอนัญทิพย์ยังรักเมืองคุ้มอยู่

คะนองไม่ไว้ใจสองแม่ลูกจึงควบม้าไปที่วัดหลวงถามไถ่ครองภพที่คอยปกป้องคุ้มภัยให้ทองพญาซึ่งกำลังถือศีล จนรู้ว่าเมื่อคืนอนัญทิพย์มาขอยาไปจากตนบุญจริงๆ ทองพญากับครองภพพลอยห่วงทุกคน ตามคะนองกลับมาด้วย

อนัญทิพย์ท้าทายเสกขรกับสำเภางามว่าหากเมืองคุ้มไปที่หอคำเพื่อร่วมพิธีรับขวัญได้ในวันนี้ เสกขรจะต้องอนุญาตให้ตนเข้าเฝ้าเมืองคุ้มได้ทุกเมื่อ เสกขรรับปาก...แล้วหลังจากกินยาปรากฏว่าเมืองคุ้มไปได้ แต่ต่อมาก็มีอาการทรุดลงต้องตามหมอหลวงมาตรวจอาการโดยเร็ว

สำเภางามโกรธมาก ขัดขวางอนัญทิพย์ที่ตามมาพร้อมปิ่นมณีและเรณุมาศ

“ไสหัวไปอีทิพย์...เมื่อเช้ามาลวงด้วยโอสถพ่อมัน ยามบ่ายจักลวงด้วยอันใดอีก”

“พระพันปีอย่าเพิ่งโมโหสิเจ้าคะ ฟังเหตุฟังผลบ้างสิ”

“ข้าไม่ฟัง...ไสหัวไป”

เสกขรออกมาจากด้านในที่หมอกำลังตรวจอาการเมืองคุ้ม พูดอย่างใจเย็นกับอนัญทิพย์ว่า

“เจ้าทิพย์ กลับไปเสีย เจ้าก็เห็นว่าพิธีเชิญพระขวัญหาสำเร็จไม่ เจ้าพี่ยังบรรทมซมด้วยพิษไข้ ยาของเจ้าก็ไม่ได้ผล”

“ข้าบอกเจ้าแล้วว่าเจ้าพี่จะค่อยๆดีขึ้น หาได้หายภายในวันนี้ไม่ แต่หลังจากเจ้าพี่เสวยพระโอสถของพ่อข้าไปแล้วก็เสด็จไปที่หอคำได้มิใช่รึ”

“เยี่ยงนี้แล้วยังขับไล่ไสส่งแม่ข้าดังสัตว์เล็กสัตว์น้อย ...ทำตัวไม่น่านับถือ”

“มันจะมากไปแล้วนะปิ่นมณี” ครองภพทำท่าจะเอาเรื่อง

ปิ่นมณีมองกราดทุกคนแล้วพูดอย่างไม่เกรงกลัวใคร “ถ้าพระมหาเทวีเจ้าตรัสแล้วคืนคำ ก็หาควรไหว้สาไม่”

“ข้ายังไม่ได้บอกเลยว่าห้ามเจ้าทิพย์เข้าเฝ้าเจ้าพี่”

“ดี...ที่เจ้ารักษาสัญญา...หลีกไป” อนัญทิพย์ยิ้มเย้ยเสกขรแล้วเดินผ่านทุกคน ปิ่นมณีก้าวตาม เรณุมาศไม่กล้ามองหน้าใครเพราะรู้สึกผิด ก้มหน้าเดินตามแม่กับพี่สาวเข้าไป

ทองพญาสงสารพ่อ ร่ำไห้อยู่ในอ้อมกอดของเสกขร รำพึงอย่างใจเสียว่า หากเจ้าพ่อเป็นอะไรไปพวกเราจะอยู่กันอย่างไร...

ooooooo

เพลิงพระนาง

ละครแนะนำ

ข่าวละครวันนี้ดูทั้งหมด