สมาชิก

เพลิงพระนาง

ตอนที่ 15

สำเภางามรอดตายจากงูพิษ แต่นับจากนี้ก็ต้องระวังตัวเป็นพิเศษ ส่วนอนัญทิพย์ที่รู้แน่แก่ใจว่าเป็นฝีมือปิ่นมณีก็กลับมาคาดคั้นจนลูกสาวยอมรับว่าเป็นเพราะตนต้องการอำนาจ อนัญทิพย์จึงเตือนลูกจะทำอะไรต้องรอบคอบ

เหตุการณ์ที่เกิดขึ้นทำให้ปะแดงเป็นห่วงเรณุมาศไม่น้อย เพราะตอนนั้นเรณุมาศอยู่กับสำเภางามด้วย ซึ่งนางอาจจะถูกงูกัด ครองภพรู้เห็นในความห่วงใยของปะแดงที่มีต่อเรณุมาศ จึงคาดเดาได้ว่าเขามีใจให้กับนาง

ฝ่ายตองแปงที่รักปักใจเรณุมาศเช่นกันก็ไม่ยอมล้มเลิกที่จะให้แม่สู่ขอนาง แต่ตองนวลเห็นว่าเป็นเรื่องยาก อีกทั้งกังวลว่าตองแปงจะไม่ได้ขึ้นเป็น เจ้าหลวงของเมืองทิพย์ เจ้าฟ้าเมืองมีดเลยจะให้หลานชายไปเป็นเจ้าหลวงเมืองท่าคอยแทน แต่ตองแปงไม่ยินยอม

ครองภพแอบรักทองพญาแต่รู้ดีว่าโอกาสสมหวังแทบไม่มี ถึงกระนั้นก็ยังอยากจะเปิดใจกับนาง

เพียงลำพังสักครั้ง จึงขอร้องแม่ให้หาหนทาง ริมบึงไม่เห็นด้วยแต่ก็สงสารและเห็นใจลูกจนไม่กล้าปฏิเสธ

ริมบึงใช้ช่วงเวลาที่ทองพญาไปไหว้พระที่วัดพาครองภพมาเจอและเปิดโอกาสให้สองคนพูดคุยกันตามลำพัง ครองภพกล้าที่จะสารภาพรักทองพญาแต่ก็เจียมตัวว่าต่ำต้อยไม่เหมาะสมกับนางที่เพลานี้ได้เป็นถึงพระนางหน่อเจ้าหลวงแล้ว

ทองพญาเองก็มีใจให้ครองภพ แม้จะไม่พูดเปิดเผยตรงๆ แต่ก็แสดงออกให้เห็นด้วยการบอกว่าตนยังเป็นคนเดิม ตำแหน่งพระนางหน่อเจ้าหลวงไม่ได้ทำให้ตนเปลี่ยนไป

ด้านน้อยอินทากับม่านฟ้าที่เดินทางกลับเมืองท่าคอยไปแล้ว น้อยอินทาเล่าให้มณีหยาดฟังว่าอนัญทิพย์รู้เรื่องยอดพุ่มบวชเป็นชี ทำให้มณีหยาดห่วงในความปลอดภัยของยอดพุ่ม เพราะอนัญทิพย์ใจคอโหดเหี้ยมผิดมนุษย์และอีกเรื่องที่กังวลคือม่านฟ้าอาจรู้ความจริงว่าเราสองคนไม่ใช่พ่อแม่ที่แท้จริง ถึงวันนั้นลูกคงจะเสียใจ

ฝ่ายม่านฟ้าพอกลับถึงบ้านเมืองก็ยังเพ้อหาแต่เรณุมาศสาวงามแห่งเมืองทิพย์ เที่ยวคุยให้ทหารที่ฝึกซ้อมเพลงดาบด้วยกันฟังอย่างมีความสุข วาดฝันว่าจะได้นางมานั่งเคียงข้างบนบัลลังก์ตั่งทอง แต่พอเขามาบอกพ่อแม่ให้ไปสู่ขอนาง มณีหยาดกลับไม่เห็นด้วยเพราะรู้ว่าเรณุมาศเป็นลูกอนัญทิพย์ จึงเตือนลูกให้คิดดีๆ อายุยังน้อยยังมีโอกาสได้พบหญิงงามอีกมากมาย

“ไม่ดอกเจ้าแม่ หามีหญิงใดเปลี่ยนใจข้าได้ ข้ารักนางตั้งแต่เห็นครั้งแรก แม้กลับมาที่เมืองท่าคอยแล้ว ข้าก็ยังลบนางออกจากหัวใจข้าไม่ได้”

ม่านฟ้ายืนยันหนักแน่นจนมณีหยาดไม่รู้จะพูดยังไง น้อยอินทาเลยตัดบทว่าเพิ่งกลับมาเหนื่อยๆ ทอดเวลาสักระยะหนึ่งแล้วพ่อจะหาทางเจรจาให้ ม่านฟ้าแย้มยิ้มยกมือไหว้น้อยอินทาด้วยความดีใจ แต่มณีหยาดมีสีหน้าหม่นลงอย่างเห็นได้ชัด

ooooooo

ที่เมืองทิพย์ ข่าวศึกพวกดั้งขอทำให้ตองแปง กลัวจะต้องออกไปรับศึก ตองนวลสงสารลูกจึงหารือกับเจ้าฟ้าเมืองมีดเพื่อให้ช่วย แต่สุดท้ายก็ขัดบัญชาของเมืองคุ้มไม่ได้ ทหารมากมายต้องออกศึกเพื่อบ้านเมือง

วันยกทัพไปปราบทัพดั้งขอ ตองแปงเมามายเช่นเคย ครองภพกับปะแดงอาสาออกศึก โดยที่เมืองคุ้มคุมทัพหลวงออกไป ระหว่างที่รอรับศึกดั้งขออยู่ชายป่า ปิ่นมณีอยู่ในเมืองก็ใช้ท้าววงษากับขุนเวียงไปนำพวกขบถเข้าสังหารครองภพแต่ไม่สำเร็จ ส่วนพวกขบถหนีไป ขุนแสงเมืองเร่งตามหา ฝ่ายเมืองคุ้มดีใจที่ชนะศึก คะนองไม่ต้องการให้เมืองคุ้มไม่สบายใจเรื่องขบถจึงปิดไว้

ก่อนจะกลับเข้าเมืองทิพย์ เมืองคุ้มต้องการไปไหว้สาพระธาตุเจ้าริมน้ำที่หัวเมือง ส่วนครองภพกับปะแดงอาสาไปตามตัวขุนแสงเมืองกลับมา คะนองให้ขุนห่มฟ้าเดินทางไปด้วย ส่วนตัวเองจะนำเมืองคุ้มไปยังพระธาตุเจ้า

ด้านท้าววงษากับขุนเวียงและพวกขบถที่หนีไปได้ ยามนี้พวกเขาเร่งต่อแพเพื่อนำกลุ่มขบถกลับเมืองทิพย์ก่อนที่ทัพหลวงจะยกทัพมาถึง แต่แล้วท้าววงษานึกถึงอุ่นคำเมียของตนที่จากมาเกือบยี่สิบปี จึงให้ขุนเวียงล่วงหน้าไปก่อน ตนขอแวะที่หมู่บ้าน แต่ไม่ยอมบอกว่ามีเรื่องสำคัญอะไร

ส่วนในเมืองทิพย์ ปิ่นมณีสั่งการบัวไหลไปหาข่าวการศึก ปรากฏว่าบัวไหลคว้าน้ำเหลวกลับมา ทำให้ปิ่นมณีที่กำลังใจคอไม่ดีหัวเสียเป็นที่สุด

“มึงไปถามที่ใดมา...ถึงไม่ได้ข่าวศึกเลย”

“ข้าเจ้าก็ไปที่ประตูหน้าเมืองเจ้าค่ะ”

“โง่นัก อีข้าไทต่ำสถุลเยี่ยงมึง มีหรือที่พวกทหารยามมันจะบอก มันก็นึกว่ามึงทำตัวแม่รี แม่แรดจะไปให้ท่ามันเสียมากกว่า”

“ข้าเจ้าแก่แล้ว รุ่นแม่มันแล้วเจ้าค่ะ มันคงไม่คิดเยี่ยงนั้นดอก”

“ว่าได้รึ เหตุใดไม่ไปที่ตลาดหน้าเวียงหรือตลาดริมท่าน้ำเล่า พวกพ่อค้าวาณิชต่างเมืองอาจได้ข่าวศึกบ้าง”

“จริงสิเจ้าคะ”

“ก็รีบไปสิ”

บัวไหลรับคำแล้วลนลานออกไป อนัญทิพย์จับตามองไม่ห่างนัก ก้าวออกมายืนต่อหน้าลูกสาว

“กลัวพลาดแล้วงูมันจะแว้งมาฉกกัดเอาภายหลังใช่หรือไม่ ขว้างงูไม่พ้นคอก็เป็นเยี่ยงนี้แหละ”

“ทำอย่างใดเล่าเจ้าแม่ ข้าทำทุกอย่างเพื่อช่วยให้ความฝันของเจ้าแม่เป็นจริง ไยเจ้าแม่ต้องด่าว่าข้าด้วย”

“อยากเป็นใหญ่ก็ไม่จำเป็นต้องมีอำนาจสูงสุดดอกปิ่นมณี”

“มิได้เป็นเจ้าหลวงนั่งตั่งทองแล้วจะมีอำนาจสูงสุดได้อย่างใด”

“ได้สิ เป็นมหาเทวีเจ้า หากคุมผัวได้ก็เท่ากับเจ้าหลวงเป็นเพียงหุ่นให้เจ้าเชิดชัก...เท่านั้นเอง”

ปิ่นมณีเข้าใจความหมายที่แม่พูด แต่ต่อต้านปฏิเสธอย่างรับไม่ได้

“จะให้ข้ายอมเป็นเมียไอ้ครองภพหรือไอ้ตองแปง...ข้ายอมตายเสียดีกว่า เจ้าแม่ก็ทราบนี่เจ้าคะว่าคนที่ข้ารักมิได้อยู่เมืองทิพย์”

“แล้วถ้าแม่ทำให้เจ้าม่านฟ้าได้เป็นเจ้าหลวงเมืองทิพย์ล่ะ”

“เจ้าแม่...”

“ต่อไปนี้อย่าทำการอันใดรุนแรงเยี่ยงนี้อีก เกิดเป็นหญิงก็ต้องใช้มารยาหญิงให้เป็นอาวุธ แล้วก็ต้องใช้ให้ได้ผลด้วย”

ปิ่นมณีแววตาเป็นประกาย มาดหมายจะได้สมหวังในรักกับม่านฟ้า

ooooooo

ปะแดง ครองภพ และขุนห่มฟ้าไปได้ไม่ไกลกอง ค่ายทัพก็พบแสงเมืองกับทหารเสียก่อน ขุนแสงเมืองตามพวกขบถไปถึงริมน้ำ แต่แน่ใจว่ามาช้าเกินไปจึงพากันกลับ

พอถึงค่ายทัพ แสงเมืองถามห่มฟ้าอย่างข้องใจว่าทำไมไม่กราบทูลเจ้าหลวงว่าคนเมืองทิพย์ด้วยกันเป็นขบถ ห่มฟ้าบอกว่าเป็นพระวินิจฉัยของอุปราชหอหน้า

พูดขาดคำ คะนองหรืออุปราชหอหน้าก็เดินเข้ามาพร้อมปะแดงและครองภพ เร่งทุกคนออกเดินทาง ส่วนเรื่องกราบทูลเจ้าหลวงนั้นไม่จำเป็น หน้าที่คุ้มครองปกป้องแผ่นดินคือหน้าที่ของพวกเราทุกคน อย่ายกเป็นพระภาระหน้าที่ของเจ้าหลวงผู้เดียว

“แต่เรื่องขบถ...”

“สืบหาตัวให้แน่ชัดก่อน ข้าจะลงมือสังหารมันเอง”

คะนองสวนคำจนแสงเมืองนิ่งเงียบไปอย่างจำนน...

ทางด้านอนัญทิพย์ที่ไม่ค่อยพอใจนักกับความใจร้อนของปิ่นมณี จึงเรียกลูกมาตักเตือนต่อหน้าบัวไหล โดยไม่รู้ว่าเรณุมาศแอบฟังอยู่มุมหนึ่ง

“แม่ขอร้องนะปิ่นมณี อย่าบุ่มบ่ามเยี่ยงนี้อีก ภัยจักมาถึงตัว”

“ก็หากเจ้าแม่จัดการเรื่องข้ากับเจ้าพี่ม่านฟ้าตามรับสั่งแล้ว ข้าก็จะเชื่อเจ้าแม่ทุกอย่างเจ้าค่ะ ข้ารอเพลานั้นเจ้าค่ะ รอเพลาที่ข้าจะได้เป็นใหญ่ในเมืองทิพย์”

“เรื่องม่านฟ้าต้องค่อยๆคิด อย่าใจร้อน อำนาจมันก็เหมือนน้ำ หากเย็นก็ชื่นใจ หากร้อนก็ลวกมือ”

ปิ่นมณีรับฟังโดยดี แต่พอหันไปเห็นเรณุมาศ

ก็อารมณ์ขุ่นมัว เดินจ้ำตามน้องสาวไปถึงห้องนอน พูดเย้ยหยันอย่างเหนือกว่า

“แจ้งใจไม่ผิดดอก เจ้าแม่จะหาทางให้ข้าได้เข้าหอกับเจ้าพี่ม่านฟ้า รู้เยี่ยงนี้แล้วก็อย่าหมายกินน้ำใต้ศอกข้านะ ข้าหายอมไม่...เจ้าพี่ม่านฟ้าจะต้องมีข้าคนเดียว รักข้าคนเดียว”

เรณุมาศพูดไม่ออก มองตามพี่สาวที่หันกลับออกไปอย่างอัดอั้น ครั้นเห็นอนัญทิพย์ก้าวเข้ามาก็ตัดพ้อทั้งน้ำตา

“เจ้าแม่...ข้าไปทำอันใดผิด ไยเจ้าพี่ปิ่นมณีถึงได้โกรธข้า”

“ไม่สบายใจก็ไปกราบพระที่วัดหลวงก็ได้ แม่ อนุญาต แม่จะให้ข้าไทมันจัดเสลี่ยงให้เจ้านะ”

“เจ้าค่ะ” เรณุมาศรับคำเสียงแผ่ว...

ส่วนที่คุ้มเสกขร สำเภางามนำเรื่องที่เห็นบัวไหลลุกลี้ ลุกลนหลังจากไปสืบข่าวการศึกที่ตลาดกลับมาแล้วเดินชนกับเฟืองจนเกิดทะเลาะกันแทบจะตบตีมาเล่าให้เสกขรฟัง

เสกขรคาดเดาว่าอนัญทิพย์อาจจะเป็นห่วงเมืองคุ้มจึงให้บัวไหลไปสืบข่าว แต่สำเภางามไม่คิดเช่นนั้น

“เลิกมองอีทิพย์ในแง่ดีเสียทีเถิดเจ้าค่ะ ข้าไม่เคยเชื่อว่ามันจะหวังดีต่อเมืองทิพย์...ทองพญา หลานควรจะจัด หาทหารยามเฝ้าประตูทางออกฝ่ายในแน่นหนา มิควรให้ผู้ที่ไม่เกี่ยวข้องกับฝ่ายในเข้าออกตามอำเภอใจ”

ทองพญารับคำเจ้าย่าแล้วใช้ข้าไทชื่อเอื้องไปบอกทหารยามให้จัดการ ส่วนเสกขรภาวนาขออย่าให้มีเรื่องร้ายๆ เกิดขึ้นในเมืองทิพย์เลย...

ooooooo

ใช่มีแต่สำเภางามที่สงสัยในพฤติกรรมของบัวไหลซึ่งเชื่อว่าทำตามคำสั่งของอนัญทิพย์...ตองนวลก็

เป็นอีกคนที่คิดเช่นเดียวกัน แต่ไม่แจ้งใจว่าอนัญทิพย์คิดการใดกันแน่

ฝ่ายตองแปงที่ไม่ได้ไปออกศึกกับพวกเมืองคุ้มเพราะเมามายไร้สติ พอสร่างเมาก็ผลุนผลันไปหาเรณุมาศด้วยความคิดถึง โดยไม่ฟังคำทัดทานของตองนวลที่ไม่ต้องการได้ลูกสาวอนัญทิพย์เป็นสะใภ้

ตองแปงนั่งเสลี่ยงมาถึงหน้าคุ้มอนัญทิพย์แต่โดนบัวไหลขัดขวางไม่ให้พบเรณุมาศ เสียงเอะอะของตองแปงทำให้อนัญทิพย์ต้องออกมาไล่ด้วยตัวเอง แต่ตองแปงก็ยังดึงดันไม่ยอมกลับ กระทั่งปิ่นมณีบอกว่าเรณุมาศไปวัดหลวง ตองแปงถึงยอมถอย

อนัญทิพย์ไม่พอใจปิ่นมณีที่ปากเปราะบอก ตองแปงว่าเรณุมาศอยู่ที่ไหน พอโดนแม่ต่อว่า ปิ่นมณีก็เถียงข้างๆคูๆทำราวกับว่ารักน้องเลยไม่อยากกีดกันความรัก แต่อนัญทิพย์รู้ทันจึงดุปราม

“ปากกับใจหาตรงกันไม่...ฮึ! น้องทั้งคนนะปิ่นมณี จักเสือกไสให้ไปร่วมหอกับลูกอีตองนวล แม่หายอมไม่... บัวไหลตามไปที่วัดหลวงแล้วอย่าให้ไอ้ตองแปงมันทำอันใดลูกข้าได้”

บัวไหลรีบร้อนออกไป แต่ไม่ทันตองแปงที่ไปถึงวัดหลวงก่อน เจอเรณุมาศก็พยายามถึงเนื้อถึงตัวทำให้นางตกใจหวาดกลัว แต่ได้ทองพญาเข้ามาช่วยและคาดโทษตองแปงที่พูดจาสามหาวในฐานะตนเป็นพระนางหน่อเจ้าหลวง

ตองแปงโกรธแค้นแต่จำต้องถอยร่นแล้วกลับมาฟ้องตองนวล แต่ยังย้ำว่าตนไม่เปลี่ยนใจจากเรณุมาศ

อย่างแน่นอน ตองนวลเลยกลุ้มหนัก บ่นกับเก็ตถวาและแก้วอากาศว่า หากได้เป็นดองกับอนัญทิพย์ตนขอผูกคอตายเสียดีกว่า

ooooooo

ท้าววงษาตามหาอุ่นคำที่หมู่บ้านไม่พบ แต่เจอเรือนแก้วลูกสาวของตนเองที่ทอดทิ้งมายี่สิบปี เมื่อรู้ว่าอุ่นคำตายแล้วก็ตั้งใจพาเรือนแก้วเข้ามาในวัง รอคอยเวลาเหมาะสมเพื่อถวายตัวต่อเจ้าหลวง

สำเภางามเป็นห่วงริมบึงที่อยู่ตามลำพังจึงให้นางข้าไทชื่อสีไปคอยรับใช้ คืนหนึ่งขณะที่ริมบึงกับสีจะกลับคุ้ม บังเอิญเห็นขุนเวียงเข้าจึงเรียกมาซักถามเรื่องการศึก แต่ขุนเวียงบอกว่าตนไม่ได้ไปทัพ แค่ออกลาดตระเวนที่ชายป่าหน้าเมืองเท่านั้น

เมื่อมีการถามถึงท้าววงษาอีกคน ขุนเวียงบอกว่าเราสองคนพลัดหลงกันในป่า พูดเสร็จก็ด่วนตัดบทเดินหนีไป ทำให้ริมบึงไม่ไว้วางใจ นำความไปหารือ สำเภางามกับเสกขร ซึ่งทั้งสองคนหวั่นใจเหลือเกินว่าจะเกิดเรื่องไม่ดี หรือมีใครก่อขบถ เพราะคืนก่อนเสกขรก็ฝันร้ายถึงเมืองคุ้มด้วย

เช่นเดียวกับเมืองคุ้มที่เดินทางใกล้พระธาตุเจ้าเต็มที แต่คืนนั้นเขานอนฝันร้ายว่าพระธาตุล้มทับ พอรุ่งเช้าไปไหว้พระธาตุก็เกิดอุบัติเหตุตัวเองซวนเซล้มปะทะองค์พระธาตุ ศีรษะกระแทกอย่างแรงจนบาดเจ็บอาการน่าเป็นห่วง

ฝ่ายอนัญทิพย์เมื่อรู้ว่าขุนเวียงกับท้าววงษา ทำงานไม่สำเร็จ ฆ่าครองภพไม่ได้ก็ผิดหวัง สั่งสองขุนนางหยุดทุกอย่างไว้ก่อน ห้ามทำการใดจนกว่าตนจะเป็นคนสั่ง สร้างความไม่พอใจให้ปิ่นมณีถึงกับถามแม่ว่า จะยอมให้พวกมันเสวยอำนาจกันอยู่ฝ่ายเดียวหรือไง

“เจ้าอยากถูกจำตรุก็เอาสิ อย่าคิดว่าเจ้าพ่อจะช่วยเจ้าได้นะ”

“ข้าไม่เคยหวังอยู่แล้ว เจ้าพ่อเคยเห็นข้าเป็นลูกเสียเมื่อใด”

อนัญทิพย์เหนื่อยใจ เรียกบัวไหลมาสั่งให้ไปเฝ้าหน้าประตูเมือง หากทัพเมืองทิพย์กลับมาเมื่อใดให้รีบมาบอกตน

บัวไหลรีบทำตามคำสั่ง เป็นเวลาเดียวกับริมบึงใช้สีไปสืบข่าวการศึกที่ประตูเมือง พอบัวไหลกับสีพบกันก็มีปากเสียงแทบจะตีกันตาย แล้วต่างก็รู้เห็นว่าในคืนนั้นทัพเมืองทิพย์กลับมา แต่เมืองคุ้มอยู่ในสภาพประชวร

ooooooo

ทุกคนตกใจมากกับอาการป่วยของเมืองคุ้ม เสกขรภาวนาขอให้เขาหายวันหายคืน และพรุ่งนี้ตนจะไปกราบตนบุญที่วัดหลวง ส่วนคะนองขอร้องทุกคนเก็บเรื่องนี้เป็นความลับ อย่าแพร่งพรายให้ใครรู้

คืนเดียวกัน ปิ่นมณีซึ่งรู้จากบัวไหลที่ไปสืบข่าวก็รีบมาเคาะประตูระรัวเรียกอนัญทิพย์

“เจ้าแม่...เจ้าแม่”

“มีอันใดรึ”

“เจ้าพ่อเสด็จกลับมาแล้วเจ้าค่ะ แต่บัวไหลบอกว่าเจ้าพ่อน่าจะประชวรหนักนะเจ้าคะ หรือว่าเจ้าพ่อพ่ายทัพพวกดั้งขอกลับมา”

เรณุมาศออกมาจากห้องมาได้ยินก็ตกใจหน้าซีด ฝ่ายอนัญทิพย์ถลึงตาใส่ปิ่นมณีอย่างไม่พอใจ

“เจ้าพูดดั่งว่าดีใจนัก...ปิ่นมณี หัวใจเจ้าทำด้วยอันใด”

“เจ้าแม่ก็รอคอยวันนี้อยู่มิใช่หรือเจ้าคะ”

อนัญทิพย์มองลูกสาวคนโตอย่างผิดหวังแล้วปิดประตูใส่หน้าทันที ทิ้งให้ปิ่นมณีร้อนรนด้วยความสงสัย

“เจ้าแม่...ข้าหาแจ้งใจในตัวเจ้าแม่ไม่ ตกลงเจ้าแม่คิดอย่างใดกับเจ้าพ่อและกับเมืองทิพย์เจ้าคะ”

เรณุมาศไม่สบายใจแต่ไม่พูดสิ่งใดกับพี่สาว ได้แต่กลับเข้าห้องไปเงียบๆ

ส่วนอนัญทิพย์พออยู่ลำพังในห้องท่ามกลางแสงตะเกียงวอมแวม ก็นั่งน้ำตาไหลรำพึงรำพันว่า ถึงอย่างใดข้าก็รักเจ้าพี่ รักไม่เสื่อมคลาย...

รุ่งเช้าพวกตองนวลเพิ่งรู้ว่าทัพเมืองทิพย์กลับมาแล้ว ตองนวลจะรีบร้อนไปหาเมืองคุ้มก่อนอนัญทิพย์ แต่ยังติดที่ตองแปงซึ่งเมามายเช่นเคย

ตองนวลบังคับเคี่ยวเข็ญลูกชายอยู่นานให้ไปเฝ้าเจ้าพ่อด้วยกันแต่ไม่เป็นผล แม้แต่พวกข้าไทก็ยังเอือมระอาแทน

“ตองแปง วันนี้ลูกเมา แม่ไม่ว่าอันใด แต่วันพรุ่งต้องไปเฝ้าเจ้าพ่อนะ รับปากแม่สิ”

“ก็ได้ แต่เจ้าแม่คิดว่าเจ้าพ่อจะโปรดข้ารึ ออกไปทัพกับเจ้าพ่อก็หาไม่ อาจจะด่าว่าข้าต่อหน้าผู้อื่นข้าอับอายนัก”

“เอาน่า...แม่จะหาทางช่วยเจ้า นี่เจ้าตาก็กลับเมืองมีดไปแล้ว หาไม่แม่จะให้เจ้าไปกับเจ้าตา” ตองนวลพูดแล้วส่ายหน้ากลุ้มใจ

ooooooo

ก่อนหน้านี้เสกขรเคยให้ตนบุญทำนายฝันมาแล้วครั้งหนึ่ง ปรากฏว่าทุกอย่างที่เกิดขึ้นกับเมืองคุ้มในวันนี้เป็นจริงตามคำทำนาย นางจึงมากราบตนบุญอีกครั้งและได้รับคำแนะนำว่า

“ต้องทำพิธีเรียกขวัญให้เจ้าหลวง แต่การนี้จักต้องห้ามผู้ไม่เกี่ยวข้องเข้าร่วมพิธี หากพิธีถูกทำลายหรือทำให้เสียฤกษ์แล้ว เจ้าหลวงก็จะ...” ตนบุญไม่กล้าพูดต่อ แต่เสกขรกับทองพญาก็รู้ได้ด้วยตัวเอง

เสกขรยินดีทำตามทุกอย่างที่ตนบุญบอก ซึ่งต้องดูฤกษ์ยามเสียก่อน...

ส่วนที่คุ้มหลวงซึ่งเมืองคุ้มนอนรักษาตัว อนัญทิพย์มาถึงก่อนพวกตองนวล พยายามฝ่าฝืนจะเข้าไปข้างในให้ได้แต่ถูกข้าไทขัดขวาง

สองฝ่ายเสียงดังเอะอะทำให้สำเภางามต้องออกมาปรามด้วยตัวเอง “ข้าเป็นแม่...ข้ามีสิทธิ์ห้ามผู้ใดเข้าไปข้างใน”

“เจ้าหลวงประชวรบาดเจ็บเป็นอันใดหรือเจ้าคะ ไยจึงกีดกันข้าด้วย”

“นั่นสิ...มีลับลมคมในเยี่ยงนี้ พระพันปีต้องการอันใดหรือเจ้าคะ”

“ข้าต้องการให้เจ้าหลวงบรรทมหลับ ทรงพักผ่อน ก่อนจะลืมพระเนตรขึ้นมาพบคนเยี่ยงพวกเจ้า”

อนัญทิพย์กับตองนวลหน้าเจื่อน ขณะที่เก็ตถวากับแก้วอากาศก็ชักสีหน้า บ่นว่าไม่ยุติธรรม พวกตนเป็นเมียเจ้าพี่ เจ้าสำเภางามต้องการอะไรกันแน่

“หากพวกข้าเข้าไปไม่ได้ ข้าก็ใคร่รู้นักว่าเสกขรหรืออีริมบึงมันมีสิทธิ์ได้เข้าไปเฝ้าเจ้าพี่หรือไม่... เจ้าสำเภางามหายุติธรรมไม่” อนัญทิพย์แผดเสียงอย่างไม่ยอม

“เจ้าหลวงบรรทมหลับ พวกเจ้ามิแจ้งใจรึ” สำเภางามเน้นย้ำ แต่ตองนวลก็ยังดึงดันอยู่ดีว่า

“ก็แค่นั่งเงียบๆต่อหน้าพระตั่งนอน จักเป็นอันใดไป”

“ใช่ ข้าจะรอที่นี่ เมื่อไม่ให้ข้าเข้าไปข้างใน คนข้างในก็ห้ามออกมา หมายใจว่ามิได้ห้ามเฉพาะพวกข้าดอกนะ” อนัญทิพย์ทิ้งท้าย จ้องหน้าสำเภางามด้วยแววตาดุดันแข็งกร้าว

ooooooo

เพลิงพระนาง

ละครแนะนำ

ข่าวละครวันนี้ดูทั้งหมด