ตอนที่ 13
ตองนวลคิดหาทางช่วยลูกชายแต่ไม่สำเร็จ ตองแปงต้องออกรับศึกเมืองยางโดยมีท้าววงษากับขุนเวียงนำทัพไปทั้งที่ตองแปงยังอยู่ในสภาพเมามาย
แผนการกำจัดตองแปงของอนัญทิพย์ที่สองขุนนาง ให้ความร่วมมือเต็มที่เกือบสำเร็จลุล่วงถ้าน้อยอินทาไม่พา ม่านฟ้าและทหารของตนออกมาช่วย
ม่านฟ้าช่วยให้ตองแปงรอดตายจากเงื้อมมือพวกขบถรับจ้างที่อ้างตัวเป็นพวกเมืองยาง ท้าววงษากับขุนเวียง หาตองแปงไม่พบก็โมโหโกรธา แต่ยังไม่แน่ใจว่าเขายังอยู่หรือตาย จึงสั่งทหารค้นหาและฆ่าตองแปงให้ได้
ม่านฟ้านำพาตองแปงกลับมารวมกลุ่มกับน้อยอินทา แทนที่ตองแปงจะให้ความเคารพน้อยอินทาในฐานะ
เจ้าหลวงเมืองท่าคอย กลับแสดงความยโสว่าตนเป็นลูกชาย ของเจ้าหลวงเมืองทิพย์ กำลังตามฆ่าพวกขบถเมืองยาง ม่านฟ้าได้ยินแล้วอดขำไม่ได้ ค้านว่าที่ตนเห็นคือพวกมัน ตามฆ่าเขา ตองแปงหงุดหงิดเสียหน้า แต่เงียบไว้เพราะเป็นเรื่องจริง
ทัพของคะนองชนะพวกดั้งขอ กลับเข้าเมืองทิพย์ด้วยความปลอดภัย ทุกคนดีใจ ยกเว้นตองนวลที่ไม่เห็น แม้แต่เงาของลูกชาย อนัญทิพย์ได้ทีเยาะเย้ยเป็นการใหญ่ โดยมีปิ่นมณีเป็นลูกคู่ช่วยทับถม เสกขรเห็นแล้วกลุ้มใจ อยากทำให้สนมของเจ้าหลวงรักใคร่กัน จึงอาสาเป็นกาวใจ
แต่สำเภางามไม่เห็นด้วย เพราะเชื่อมั่นว่าอนัญทิพย์ไม่มี ทางเป็นคนดีได้
ตกกลางคืน บัวไหลมากระซิบกระซาบบางอย่างกับอนัญทิพย์ ไม่ช้านางก็รีบร้อนออกจากคุ้มโดยไม่ยอมให้ปิ่นมณีมาด้วย อนัญทิพย์ออกมาพบท้าววงษากับขุนเวียง ที่กู่เจ้าหลวงปิตุลา ฟังความจากสองขุนนางแล้วฮึดฮัดโมโห
“นี่ข้าต้องพ่ายแพ้พวกมันหรือ...แล้วมีผู้ใดรู้แผนการของเราหรือไม่”
“ข้าพระบาทคิดว่าหามีไม่เจ้าข้า”
“คิดว่า...คิดว่า...คิดอยู่ฝ่ายเดียวล่ะสิ มันถึงได้พลาด เยี่ยงนี้ กำจัดไอ้ตองแปงไม่ได้ก็หมายความว่าบัลลังก์ ตั่งทองก็ต้องเป็นของมัน ไฉนเลยมันจะตกเป็นของกูกับลูก”
“ข้าพระบาทคิดว่าจะต้องมีคนมาช่วยมันไว้เจ้าข้า”
“ไอ้ตองแปงจับดาบก็ยังไม่เป็น ในกลางป่าเยี่ยงนี้ ผู้ใดจักมาช่วยมัน”
“เจ้าตองแปงกลับเมืองทิพย์ไม่ถูกดอกเจ้าข้า หนีไปผู้เดียว ยามไปก็เมามายไม่ได้สติ หาได้ดูทางไม่”
“พูดเยี่ยงนี้ค่อยน่าฟังหน่อย ผู้ใดมาส่งไอ้ตองแปง ก็คือผู้ที่ช่วยเหลือมัน ไม่ว่าจะเป็นการช่วยจากการถูกลอบฆ่าหรือช่วยให้มันกลับมากราบตีนแม่มันถูก ข้าก็จะถือว่าเป็นศัตรูของข้า”
อนัญทิพย์ประกาศกร้าว แล้วรุ่งเช้าก็จงใจไปเย้ยหยันระรานตองนวลถึงวัดหลวง โดยมีบัวไหลบ่าวคู่ใจตามติดเป็นเงา ขณะที่ตองนวลก็มีเฟืองมาด้วยเช่นเคย
ตองนวลมากราบพระขอพรให้ตองแปงปลอดภัย แต่สภาพหน้าตานางอิดโรยหม่นหมองเสียจนอนัญทิพย์สบโอกาสหาเรื่อง
“มาวัดก็ทำหน้าตาให้สดชื่นหน่อยสิตองนวล เทวดาฟ้าดิน ผีหลวง เสื้อวัด เสื้อเมือง จักได้อำนวยอวยพร ให้เจ้า”
“อย่ามาทำปากดี มึงบอกกูมานะว่าลูกกูอยู่ที่ใด”
“ข้าจะไปรู้รึ ลูกเจ้าก็ใช่กระต่ายน้อย แต่โตจนกินเหล้าหมดเป็นร้อยไห มันกลับมาไม่ได้ก็ให้รู้ไปสิ”
“มึงรู้ มึงทำทุกอย่างให้ลูกกูไปตาย อีทิพย์”
“ในวัดในวา เจ้าไม่ควรพูดจาให้ร้ายเลือดในอกเยี่ยงนี้ มันเป็นลางร้ายมิรู้หรือ หลีกไป ข้าจะไปกราบตนบุญที่กุฏิ”
อนัญทิพย์เดินเชิดหน้าผ่านไป บัวไหลที่ยืนคุมเชิงอยู่กับเฟืองรีบก้าวตามนายของตนไปและไม่วายทิ้งสายตาเย้ยเฟืองอย่างเหนือกว่า
“บาปกรรมครานี้มันต้องตกอยู่กับมึงและลูกของมึง อีทิพย์”
เสียงสาปแช่งของตองนวลดังไล่หลัง อนัญทิพย์หยุดกึกแต่ไม่หันกลับมาตอบโต้...แววตาเต็มไปด้วยความเคียดแค้นอาฆาต
ooooooo
หลังจากอาสาเป็นกาวใจให้อนัญทิพย์กับตองนวลดีต่อกัน วันนี้เสกขรตั้งใจไปพบอนัญทิพย์แต่ริมบึงคัดค้านเพราะเกรงว่าอนัญทิพย์จะยิ่งเหิมเกริม ทองพญาเห็นด้วยกับริมบึง หากแม่อยากจะเจรจาอย่างที่รับปากกับเจ้าพ่อไว้ ควรให้เจ้าทิพย์มาที่นี่
“ถ้าเช่นนั้น แม่ก็จะทำตามเจ้า...เพ็งไปตามเจ้านางอนัญทิพย์มาพบข้าที่นี่”
“ให้ข้าไปเองดีกว่าเจ้าค่ะ ให้อีเพ็งไป มีหรือที่เจ้านางอนัญทิพย์จะมาที่นี่”
“สุดแท้แต่เจ้าเถิด ริมบึง”
นอกจากริมบึงจะไปตามอนัญทิพย์แล้ว นางยังให้ทองพญาตามสำเภางามมาที่นี่ด้วย เพราะอนัญทิพย์ไม่ต่างจากอสรพิษร้ายจะฉกกัดเมื่อใดก็ได้ หากไม่มีเจ้าสำเภางามอาจจะเอามันไม่อยู่
ริมบึงไปตามอนัญทิพย์ถึงวัดหลวง เพียงเห็นหน้ากันแวบแรกอนัญทิพย์ก็ชิงแขวะริมบึงก่อน
“มาแก้บนที่ลูกได้ชัยชำนะกลับมารึริมบึง”
“หาไม่”
“ถ้าเช่นนั้นก็มาแก้บนที่ไอ้ตองแปงมันตายเป็นผีเฝ้าป่า ไอ้ครองภพคงได้นั่งบัลลังก์ตั่งทอง”
“ในหัวเจ้านี่มีแต่เรื่องร้ายๆ คิดเรื่องดีๆเยี่ยงผู้อื่นเป็นหรือไม่...ทำชั่ว คิดชั่วจนหลงไปว่าผู้อื่นจะเป็นเยี่ยงตัว”
“อีริมบึง” อนัญทิพย์โกรธเงื้อมือจะตบ แต่ริมบึงเงื้อมือขึ้นเช่นกัน
“เอาสิ คนอย่างข้าเกิดมาก็เป็นคนชั้นต่ำ ครั้นได้ยกเป็นเจ้านางก็ยังถูกใส่ร้ายให้ตกต่ำอีก หากจะต้องถูกจำตรุอีกสักครั้งก็คงไม่เป็นอันใดดอก เอาสิ ตบข้าเลย เจ้าทิพย์”
อนัญทิพย์ลดมือลง สั่งริมบึงให้พูดมาว่าต้องการพบตนด้วยเหตุใด ตนไม่อยากหายใจรดหัวให้เสียยศเสียศักดิ์
“พระมหาเทวีเจ้ามีพระราชบัญชาให้เจ้านางอนัญทิพย์เข้าเฝ้าเพลานี้ ทรงส่งเสลี่ยงมารับด้วยนับถือในพระเกียรติยศอันสูงส่งของอีลูกแม่ค้านั่งตลาด ส่วนมึงอีบัวไหล กลับคุ้มไป เสร็จการของพระมหาเทวีเจ้าแล้วจะให้พลเสลี่ยงไปส่งนายมึงถึงคุ้ม”
อนัญทิพย์ยอมไปทั้งที่ไม่เต็มใจ พอปิ่นมณีรู้จากบัวไหลก็บังคับเรณุมาศให้ตามไปด้วยกัน เสกขรกำลังวิงเวียนคล้ายจะเป็นลมเพราะนอนไม่ค่อยหลับ เป็นห่วงตองแปงที่ยังค้นหาตัวไม่พบ ทองพญาเอายามาให้แม่กินแล้วจะให้นอนพัก ก็พอดีอนัญทิพย์มาถึง
อนัญทิพย์ต้องการพูดกับเสกขรเป็นการส่วนตัวแต่ริมบึงไม่ยินยอม
“กลัวนายมึงตายรึอีริมบึง หากกูทำร้ายพระมหาเทวีเจ้า คิดว่ากูจะย่างเท้าออกไปจากคุ้มนี้ได้รึ ทหารอารักขาอยู่นับร้อย...หรือมึงกลัวอันใด”
“ได้สิ เราจะคุยกันเพียงสองคนเท่านั้น” เสกขรแทรกขึ้นมา
“พระนางเจ้า อย่านะเจ้าคะ”
“เจ้าทิพย์ไม่ทำอันใดข้าดอกริมบึง เห็นกันมาแต่เล็กแต่น้อย เชื้อเครือเดียวกันด้วยซ้ำ ถึงอย่างใดก็ตัดกันไม่ตาย ขายกันไม่ขาด”
ริมบึงจ้องหน้าอนัญทิพย์ ขยับเข้าไปประชิดตัว พูดเสียงกร้าวก่อนกลับออกมาพร้อมทองพญา
“จำไว้นะ หากมึงแตะต้องพระวรกายพระมหาเทวีเจ้า กูฆ่ามึงแน่”
ooooooo
เสกขรต้อนรับอนัญทิพย์ในห้องนอน ทำให้อนัญทิพย์เห็นถ้วยยาจึงถามว่าใครเป็นลม
“ข้าเอง...เมื่อคืนคงนอนน้อยไปหน่อย เป็นห่วงตองแปง ยังไม่ได้กลับคืนสู่เมืองทิพย์”
“ช่างแสนดีเหลือเกินนะเจ้าคะ ระวังนะเจ้าคะ ทำดีมากจนลืมความชั่วของตัว”
“หมายความว่าอย่างใดเจ้าทิพย์”
“อย่ามาทำไขสือไร้เดียงสา กรรมชั่วที่เคยทำไว้ในวันก่อนลืมแล้วรึ ส่วนอีตองนวลนั่นอย่าหมายไปทำดีกับมันเลย อีนี่ตั้งแต่เกิดมาก็มีหมึกสักไว้ที่หน้าผากแล้วว่าชั่ว”
“ข้าอยากให้เจ้าทิพย์กับตองนวลรักใคร่กลมเกลียวกัน”
“รักใคร่กลมเกลียวรึ คงท่องคำนี้ทุกลมหายใจจนนอนไม่หลับ เจ้าไม่เคยเจ็บเยี่ยงข้า เจ้าไม่รู้ดอก อีตองนวลมันเคยใส่ร้ายข้าจนข้าต้องถูกจำตรุ ถูกใส่กรงแห่ไปทั่วเมืองทิพย์ ให้คนถ่มน้ำลายใส่ เคยทำให้ข้าถูกเนรเทศลอยแพไป เจ้าอยู่ในคุ้มมีอีข้าไทเฝ้าแหนรับใช้ทุกย่างก้าวจักรู้ถึงทุกข์ร้อนของผู้อื่นได้อย่างใด”
เสกขรสะเทือนใจ อาการป่วยกำเริบเริ่มหอบหายใจแรง ส่ายหน้าน้ำตาคลอ
“ไม่จริง ข้าใส่ใจทุกเรื่องที่เกิดขึ้นในเมืองทิพย์ ข้าอยากให้เจ้าสองคนรักกัน ให้อภัยกัน ความชังที่มีต่อกันเป็นชนวนทำให้บ้านเมืองแตกแยก เจ้าไม่สงสารเจ้าพี่บ้างรึเจ้าทิพย์”
“พูดได้เต็มปาก บ้านเมืองแตกแยก เสกขรเหย ผีบ้าตนใดมันล้างสมองเจ้าสิ้นแล้ว...ลืมไปแล้วรึว่า
ไอ้บ้านเมืองที่เจ้ากำลังพูดอยู่นี่พี่เจ้าปล้นไปจากพ่อข้า ส่วนเจ้าพี่ก็ผัวข้า เจ้าแย่งชิงทุกสิ่งทุกอย่างไปจากข้า ถ้าลืมข้าจะทวนความจำให้เจ้าเอาบุญ ฟังนะเสกขร แล้วก็จำใส่หัวไว้ ไอ้บุรพคามพี่เจ้ามันฆ่าพ่อข้าแล้วยึดบัลลังก์ไปเป็นของมัน จนเจ้าได้ชูคอเป็นพระนางหน่อเจ้าหลวง ได้เป็นพระมหาเทวีเจ้าอยู่ทุกวันนี้ ไม่เพราะเจ้าเหยียบหัวข้าให้ข้าจมอยู่กับกองทุกข์ดอกรึ ไยเจ้าจึงลืมง่ายนักเสกขร”
“ไม่จริง” เสกขรเริ่มทรงตัวไม่อยู่ สายตาพร่าเลือนเหมือนจะเป็นลม อนัญทิพย์ตะคอกใส่ไม่ลดรา
“บ่อน้ำตาตื้นจริง เสียน้ำตาไปเท่าไหร่เล่า ถึงได้เป็นพระมหาเทวีเจ้า”
สำเภางามเดินลิ่วเข้ามา ตามด้วยเครือออน ริมบึง และทองพญา ทันประคองร่างเสกขรที่กำลังจะทรุดลง สำเภางามโกรธมากตวาดไล่อนัญทิพย์เหมือนหมูหมา
“พอได้แล้ว แล้วก็ไสหัวกลับไปเสียอีทิพย์ อย่ามาสำรอกเรื่องชั่วๆที่นี่”
“ไม่...ข้าจะพูดให้เสกขรแจ้งใจ ในเมื่อเสกขรต้องการพูดกับข้าเพียงลำพัง ทั้งหัวหงอก หัวดำไยกล้าขัดคำสั่งพระมหาเทวีเจ้า”
ฉาด! ฝ่ามือสำเภางามกระทบหน้าอนัญทิพย์เต็มแรง ปิ่นมณี เรณุมาศ และบัวไหลแอบมองอย่างตกใจ
อนัญทิพย์ทั้งเจ็บและโกรธ ชี้กราดไปที่ทุกคนพร้อมกับแผดเสียง “กล้าเรียกตัวเองว่าเป็นคนดี เชอะ! ตักน้ำใส่กะโหลกชะโงกดูกันบ้างว่าใบหน้าที่แท้จริงเป็นอย่างใด”
“พอๆ พอเถิดเจ้าทิพย์” เสกขรพูดได้แค่นั้นก็หมดสติ อนัญทิพย์สะใจเดินเชิดหน้าออกไปอย่างไม่กลัวผู้ใด เมืองคุ้มสวนเข้ามาไม่มองนางแม้แต่นิด ตรงดิ่งมาดูแลเสกขร อุ้มนางไปบนตั่ง ส่วนริมบึงก็เร่งเพ็งให้ไปตามหมอหลวง
สำเภางามเหลืออดกับการกระทำของอนัญทิพย์ ก้าวตามออกมาด่าต่อหน้าพวกปิ่นมณี
“อีทิพย์...คิดว่าทำถูกทำควรแล้วรึ สมกับมีแม่เป็นแม่ค้านั่งตลาด คงไม่มีเพลาอบรมสั่งสอนให้เจ้าอยู่ในจารีตอันดีงาม”
“ข้าชี้แจงให้พระมหาเทวีเจ้าฟังต่างหาก แต่พระมหาเทวีเจ้าทรงเป็นลมไปเอง ข้าไม่ได้ถูกพระวรกายพระมหาเทวีเจ้าแม้แต่ปลายเล็บ เยี่ยงนี้แล้วข้าผิดอันใด”
“ผิดที่ใช้วาจาจาบจ้วงหารู้ที่ต่ำที่สูง”
“เจ้าสำเภางามล่ะทราบหรือไม่ว่าสูงเป็นอย่างใด ต่ำเป็นอย่างใด หากรู้ว่าสูงก็คงไม่ให้ลูกชายปล้นบัลลังก์พี่ชายของเสกขรดอก เสวยสุขเป็นพระพันปีอยู่นี่ก็ย่ำกองเลือดมาเท่าไหร่เล่า กลับไปบอกเสกขรด้วยว่าคนอ่อนแอหามีที่ยืนอยู่บนแผ่นดิน”
“มึงไม่ต้องพูดมาก จำไว้เถิด ความชั่วเอาชนะความดีไม่ได้ดอก”
“ประการนั้นข้ายังไม่รู้ ข้ารู้แต่ว่าคนโง่ย่อมเป็นเหยื่อคนฉลาด ผู้ใดโง่ผู้ใดฉลาด พระพันปีลองถามพระมหาเทวีเจ้าดู”
อนัญทิพย์ยอกย้อนแล้วเดินหนี ปิ่นมณีสะใจ ไม่ยกมือไหว้สำเภางามอย่างเรณุมาศ แถมยังเปล่งวาจาสามหาวไม่สนใจผู้ใด
“แม่ข้าป้องกันตัวและรักษาศักดิ์ศรีตนเอง เจ้าย่าต้องยุติธรรม ให้ข้าใช้สองมือกรองมาลัยดีกว่า อย่าให้ข้าใช้มือถอนหงอกเจ้าย่าเลย”
สำเภางามตะลึงคาดไม่ถึง...เชื่อแล้วว่าเลือดชั่วเสมอกันทั้งแม่ทั้งลูก
ooooooo
เสกขรนอนซม ทองพญากับริมบึงคอยปรนนิบัติ สำเภางามกลับเข้ามาพูดกับเมืองคุ้มอย่างแค้นใจ
“หาผิดปากแม่ไม่ อีทิพย์มันสันดานไพร่ แม้นเกิดใต้ร่มฉัตร นั่งเสลี่ยงวอทองก็หามีสกุลเยี่ยงเจ้าไม่ ความผิดของอีทิพย์มากนัก เจ้าควรจะลงอาญากุดหัวอีทิพย์ ขึ้นชื่อว่าไฟ แม้ไหม้ที่ปลายไม้ก็เผาเมืองทั้งเมืองได้ อย่าปล่อยไว้นะเมืองคุ้ม”
“เจ้าแม่...”
“อย่าบอกนะว่าเห็นมันดีกว่าแม่”
“หาไม่เจ้าข้า แต่เพลานี้เมืองทิพย์กำลังร้อนนัก ตองแปงหายไป ศึกดั้งขอก็ยังไม่แล้ว ศึกขบถเมืองยางจริงเท็จอย่างใดก็ยังไม่แจ้ง เจ้าแม่จะสุมไฟใส่อกข้าอีกด้วยเหตุใด”
สำเภางามสะบัดหน้าหนีไม่พอใจ เสกขรยันกายลุกขึ้นขอร้อง
“เจ้าป้าอย่าต่อความเลยนะเจ้าคะ เจ้าหลวงทรงกลัดกลุ้มกับศึกภายนอกมากพอแล้ว อย่าให้ข้าเป็นต้นเหตุให้เจ้าหลวงต้องทุกข์มากไปกว่านี้เลยเจ้าค่ะ”
“แต่เจ้าทิพย์ทำการชั่วช้านักนะเจ้าคะ”
“ช่างเถิดริมบึง ข้ามิได้เป็นอันใดสักหน่อย ข้าป่วยอยู่แล้วต่างหาก”
“ก็มันฉวยโอกาสเมื่อเห็นพระนางเจ้าทรงพระ ประชวรน่ะสิเจ้าคะ”
“พระนางเจ้าก็เป็นเสียอย่างนี้ ใจดีกับคนมันยังรู้คุณ แต่อีทิพย์มันเป็นอสรพิษ มันไม่เห็นความดีพระมหาเทวีเจ้าดอกเจ้าค่ะ”
“เจ้าย่าเจ้าคะ ข้าเห็นด้วยกับเจ้าแม่ เจ้าย่าอย่าถือโกรธเอาความเจ้านางอนัญทิพย์เลยนะเจ้าคะ”
“พระนางเจ้าสอนทองพญาไม่ใช่หรือเจ้าคะ ว่าหากไม่ลุกขึ้นสู้ก็จักถูกรังแกอยู่ร่ำไป” พูดแล้วสำเภางามส่ายหน้าหนักใจที่เสกขรและทองพญาดีเกินไป
ooooooo
ริมบึงกับเครือออนกลับออกมาพร้อมกัน ริมบึงอาฆาตอนัญทิพย์ที่ทำร้ายจิตใจเสกขร ตนจะตอบแทนมันให้สาสม พลันสองคนตกใจกับเสียงร้องไห้ของตองนวล เฟืองตามติดเจ้านายด้วยความเป็นห่วง
เครือออนถามตองนวลว่าเป็นอะไร ตองนวลพูดไปร้องไห้ไป
“ลูกข้าหายไปทั้งคน ไอ้โหรามันก็ทำนายว่าลูกข้าตายแล้ว”
“เจ้านางต้องการเข้าเฝ้าเจ้าหลวง เจ้านางทั้งสองช่วยเจ้านางตองนวลของข้าด้วย”
เฟืองขอความเห็นใจ ริมบึงส่ายหน้าบอกว่าเวลานี้พระมหาเทวีเจ้าประชวร อย่าเพิ่งกวนพระทัยเจ้าหลวงเลย
แค่นั้นเองก็เป็นเรื่อง ตองนวลเอาแต่อารมณ์
“อีริมบึงเหย คิดว่ากูไม่รู้ทันรึ มึงขวางกูไม่ให้กูพบหน้าเจ้าพี่ ริษยากู กลัวว่าตองแปงลูกกูจะได้เป็นเจ้าหลวงแทนลูกมึงใช่หรือไม่ สาแก่ใจมึงหรือยังอีริมบึง”
“จะด่าข้าเป็นหมาเป็นหมูอย่างใดก็ได้ แต่เจ้าไม่มีสิทธิ์เข้าไปในคุ้มของพระนางเจ้า หาไม่อีริมบึงนี่แหละจะตบหน้ามึงให้สาแก่ใจกันไปข้าง”
ริมบึงเงื้อมือจะตบ เฟืองรีบขวางแล้วหันมาบอกตองนวลให้กลับคุ้มก่อน วันพรุ่งค่อยมาใหม่ เครือออนสงสารและเห็นใจแต่อยากให้ตองนวลระงับใจเสียบ้าง
“ผู้ใดไม่เป็นข้า หารู้ไม่ดอกว่าอกใจข้าเป็นอย่างใด”
“อีเฟืองไปเฝ้าที่หน้าประตูเมือง หรือไม่ก็ท่าน้ำที่พ่อค้าวาณิชมาค้าขาย ลางทีจะได้ข่าวเจ้าตองแปงบ้าง”
“ใช่ๆ ประคองกันไป ประคองกันมา น้ำตาหมดไปเป็นตุ่มก็หาช่วยอันใดได้ไม่”
ริมบึงกับเครือออนช่วยตองนวลได้เท่านี้ บัวไหลแอบมองแล้วนำความมาเล่าให้อนัญทิพย์ฟัง แล้วสองนายบ่าวก็หัวเราะสะใจที่ตองนวลร้องไห้ไปทั่วเมือง ส่วนเฟืองก็ไปเฝ้าหน้าประตูเมืองหาข่าวตองแปง
ปิ่นมณีพรวดพราดเข้ามาบอกแม่ว่าตนได้ข่าวเจ้าพ่อจะแต่งตั้งพระนางหน่อเจ้าหลวง คาดว่าทองพญาคงได้เป็นตามจารีต แต่ตนอยากเป็นพระนางหน่อเจ้าหลวง
“แม่ดีใจที่เจ้ารู้คิด พวกมันรุมรังแกแม่ อย่าหมายว่าแม่จะยอมพวกมัน”
“ข้าไม่ลืมดอก แค้นของเจ้าแม่ก็คือแค้นของข้าด้วย วันนี้เจ้าแม่ทำดีนัก พวกมันคงกลัวเจ้าแม่ไปอีกนาน ทำให้พวกมันกลัว พวกมันจะได้ไม่กล้ารังแกพวกเรา”
อนัญทิพย์ยิ้มพอใจ ที่ลูกสาวคนโตได้อย่างใจไปเสียทุกอย่าง
ooooooo
ไม่ทันข้ามวัน ตองนวลก็ได้ยินข่าวดีว่าตองแปง
กลับมาแล้ว ทุกคนดีใจ ยกเว้นอนัญทิพย์กับปิ่นมณีที่อยากให้ตองแปงตายหรือหายสาบสูญไป
น้อยอินทากับม่านฟ้าพาตองแปงมาส่ง คืนนั้นเมืองคุ้มจึงจัดงานฉลองการกลับมาของตองแปงและต้อนรับสองพ่อลูกจากเมืองท่าคอย แต่ตองแปงไม่มาร่วมงานเพราะเมามาย
ม่านฟ้าได้พบกับเรณุมาศ สองคนมีใจให้กัน ขณะที่ปิ่นมณีก็แอบชอบม่านฟ้าจึงหาเรื่องกันท่าและด่าทอน้องสาว
ในงานเดียวกันนี้ อนัญทิพย์ต้องการข่มขู่ให้ทุกคนยำเกรงในอำนาจของตน จึงถือวิสาสะนั่งที่ตั่งทองของเสกขร ทำให้เมืองคุ้มไม่พอใจมาก เมื่อเสร็จการพิธีในหอคำแล้วอนัญทิพย์มีปากเสียงกับเสกขร ฝ่ายสำเภางามที่ชิงชังอนัญทิพย์ก็ร่วมเล่นงาน แถมยังยุยงตองนวลให้ระรานอนัญทิพย์อีกทาง
ปิ่นมณีมีใจให้ม่านฟ้าจึงพยายามแทรกกลางระหว่างเขากับเรณุมาศอยู่เสมอ ครั้นตองแปงรู้ว่าม่านฟ้าชอบเรณุมาศก็ไม่พอใจ เพราะตนหลงรักนางอยู่ รบเร้าจะให้ตองนวลช่วยในเรื่องนี้
อนัญทิพย์รู้จากปิ่นมณีเรื่องเรณุมาศกับม่านฟ้าแต่ไม่ได้ห้ามปรามเพราะเห็นว่าม่านฟ้าไม่ได้ต่ำต้อย เป็นถึงลูกชายเจ้าหลวงเมืองท่าคอย ดีกว่าครองภพกับตองแปงเป็นไหนๆ แต่ปิ่นมณีไม่ชอบใจ เป่าหูแม่ว่ากลัวเรณุมาศจะทำเรื่องไม่งาม
“เอาเถิด แม่เชื่อว่าน้องสาวของเจ้าไม่ชิงสุกก่อนห่ามดอก ปล่อยไปเช่นนี้ก่อน รอให้เรื่องแต่งตั้งเจ้าเป็นพระนางหน่อเจ้าหลวงสำเร็จเสียก่อน จากนั้นจักทำอันใดก็ย่อมทำได้”
“แท้ๆนะเจ้าคะเจ้าแม่ ข้าจะได้เป็นพระนางหน่อเจ้าหลวง” พูดแล้วปิ่นมณีแย้มยิ้มอย่างมีความหวัง
ooooooo










