สมาชิก

เพลิงพระนาง

ตอนที่ 11

น้อยอินทาในฐานะราชบุตรเขยได้ขึ้นเป็นเจ้าหลวงเมืองท่าคอย เสด็จมาเมืองทิพย์พร้อมเจ้านางมณีหยาด ในขณะที่เมืองทิพย์มีแต่ความวุ่นวายเพราะตองนวลถูกจำตรุ

อนัญทิพย์เห็นเป็นโอกาสกำจัดยอดพุ่มซึ่งเมืองคุ้มแสดงออกชัดเจนว่ารักมาก จึงออกอุบายส่งยอดพุ่มไปเมืองท่าคอยจนกว่าจะคลอดลูกแล้วค่อยกลับมา

เสกขรเห็นด้วยกับเหตุผลของอนัญทิพย์ที่กลัวตองนวลออกจากตรุแล้วจะทำร้ายยอดพุ่มอีก จึงยอมฝากยอดพุ่มไปกับน้อยอินทาและมณีหยาด น้อยอินทารู้ว่าเป็นแผนชั่วของอนัญทิพย์แต่ก็ไม่ปฏิเสธเพราะสงสารยอดพุ่ม และรับปากว่าจะดูแลอย่างดี

ต่อมาอนัญทิพย์คลอดลูกเป็นหญิงตั้งชื่อว่าปิ่นมณี ตองนวลได้ลูกชายตั้งชื่อว่าตองแปง อนัญทิพย์น้อยใจที่ลูกของตนไม่ได้เป็นชาย ขณะที่ริมบึงมีลูกชายชื่อครองภพ แม้จะถูกเนรเทศไปอยู่นอกคุ้มหลวง แต่อนัญทิพย์ก็ไม่วางใจ ยิ่งเมื่อตนได้ลูกสาวอีกคนชื่อเรณุมาศ ก็ยิ่งกังวลเพราะเกรงว่าบัลลังก์ตั่งทองจะตกเป็นของผู้อื่น

ยอดพุ่มคลอดลูกเป็นชายชื่อม่านฟ้า เมืองคุ้มดีใจมากเร่งส่งรถม้าไปรับตัวกลับ อนัญทิพย์ฉวยโอกาสนี้กำจัดยอดพุ่มด้วยการส่งท้าววงษากับขุนเวียงไปฆ่าทิ้งกลางป่า แต่โชคดีเหลือเกินที่ยอดพุ่มกับลูกไม่ได้มาด้วย เพราะระยะทางค่อนข้างไกลเกรงว่าลูกน้อยของตนจะโดนน้ำค้างแรงและแดดจัดจนไม่สบาย

เมื่อแผนชั่วไม่สำเร็จ อนัญทิพย์สั่งท้าววงษากับขุนเวียงอย่าแพร่งพรายให้ใครรู้ วันนี้ผียังคุ้มครองยอดพุ่มกับลูก แต่อย่าหวังว่าลูกของมันจะได้นั่งบัลลังก์ตั่งทอง

สองขุนนางไม่ห่วงเรื่องกำจัดยอดพุ่มกับลูกที่อยู่ไกล แต่อยากให้อนัญทิพย์กำจัดเสี้ยนหนามที่อยู่ใกล้คือลูกของริมบึงกับตองนวลที่เป็นชาย

ฝ่ายยอดพุ่มที่รู้ข่าวรถม้าของเมืองทิพย์โดนโจมตีระหว่างทางก็ใจหายวาบ เชื่อว่ามีผู้ประสงค์ร้ายต่อตนและลูกแน่ จึงไม่คิดจะกลับไปเมืองทิพย์อีก แต่ขอฝากม่านฟ้าให้น้อยอินทากับมณีหยาดเลี้ยงดู ส่วนตัวเองจะไปบวชชี

มณีหยาดท้วงว่าคิดดีแล้วหรือ ยอดพุ่มยืนกรานคำเดิม น้อยอินทาจึงให้ทหารคุ้มกันนางเดินทางไปปฏิบัติธรรม และสัญญาว่าจะเลี้ยงม่านฟ้าดุจดั่งเลือดในอก ให้เขาได้นั่งบัลลังก์ตั่งทองเป็นเจ้าหลวงเมืองท่าคอยต่อไป

ooooooo

ลูกชายหญิงของเมืองคุ้มเติบโตอยู่ในวัยหนุ่มสาว ทองพญางามสง่าเหมือนเสกขร ปิ่นมณีและเรณุมาศสวยไม่แพ้อนัญทิพย์ แต่ลูกสองคนนิสัยแตกต่างกัน ปิ่นมณีร้ายเหมือนแม่ ขณะที่เรณุมาศเรียบร้อยอ่อนน้อม

ตองแปงลูกของตองนวลถอดแบบจากแม่ ชอบโวยวายเอาแต่ใจและสำมะเลเทเมากินแต่เหล้า ขนาดตองนวลยังตักเตือนอย่างเอือมระอา

“เจ้ากินแต่เหล้า เจ้าพ่อรู้เข้าจักตำหนิเอานะลูก”

“เจ้าพ่อมีลูกตั้งหลายคน หาสนใจข้าไม่”

“พูดเยี่ยงนี้ได้อย่างใด เจ้าน่ะเป็นลูกชายคนเดียวของเจ้าพ่อนะ ต่อไปก็จะได้นั่งบัลลังก์ตั่งทองแทนเจ้าพ่อ”

“เจ้าแม่เอาไอ้ครองภพไปทิ้งไว้เสียที่ใดเล่าไอ้ครองภพมันก็ลูกเจ้าพ่อเหมือนกัน”

“ลูกที่แม่มันถูกเนรเทศไปอยู่นอกคุ้มน่ะรึ

เสกขรเทวีก็มีแต่ทองพญา ส่วนอีทิพย์ก็ลูกสาวทั้งคู่ เยี่ยงนี้แล้วใครเล่าจักได้สืบต่อตั่งทองจากเจ้าพ่อ คิดดูสิตองแปง”

ตองแปงคิดตามคำแม่ครู่เดียวก็แสยะยิ้มเห็นด้วย...

ที่หน้าคุ้มของคะนอง ปะแดงซ้อมดาบกับครองภพโดยมีคะนองฝึกสอน หมายจะให้สองหนุ่มเป็นกำลังสำคัญของเมืองทิพย์ ตองแปงนั่งเสลี่ยงผ่านมา คะนองทักหลานชายดีๆ แต่เจ้าตัวกลับวางท่าเหย่อหยิ่งย้อนคำจนผู้เป็นอาสะอึก

“หาใช่การของท่านอุปราชหอหน้าไม่”

ปะแดงกับครองภพไม่พอใจ โดยเฉพาะปะแดงลูกชายของคะนองเตือนตองแปงว่าไม่ควรพูดกับพ่อของตนอย่างนี้ อย่าลืมว่าพ่อตนเป็นอาของเขา แล้วก็เป็นอุปราชหอหน้าด้วย เขาควรจะไหว้สา

“อุปราชหอหน้า...วันใดที่ข้าได้นั่งตั่งทองต่อจากเจ้าพ่อ วันนั้นก็ไม่มีอุปราชหอหน้าแล้ว ไยข้าจะต้องไหว้สา”

ครองภพเหลืออดกับวาจาสามหาวนั้น เรียกตองแปงลงมาจากเสลี่ยง มาสู้กับตน ตนจะเอาเลือดปากออกต่อไปจะได้หลาบจำ

“ไอ้ครองภพ มึงกล้าดีกับกูรึ แม่มึงก็ถูกเนรเทศออกไปนอกคุ้มหลวง หามีศักดิ์มีศรีใดๆไม่ อย่ามาใช้วาจากับกูเยี่ยงนี้”

“ตองแปง ไปจากหน้าคุ้มข้าบัดเดี๋ยวนี้ หากไม่รู้ที่ต่ำที่สูง กล้าระรานพ่อแม่ของผู้อื่น หาควรที่ลูกเจ้าหลวงจักทำไม่”

ตองแปงจ้องคะนองอย่างไม่พอใจ สั่งพลเสลี่ยงเสียงดังให้ไปได้ ปะแดงกับครองภพฮึดฮัด

“ขึ้นไปบนคุ้มกันเถิด พ่อหิวแล้ว”

สองหนุ่มข่มใจ ก้าวตามคะนองไปบนคุ้ม เครือออนให้ข้าไทยกสำรับคาวหวานมา พอดีกับสำเภางาม

ออกจากห้องมาเจอหลาน ปะแดงเข้ากอดประจบย่าทันที

“เจ้าย่า...หารู้ไม่ว่าเจ้าย่ามา ข้ากับครองภพต่อเพลงดาบเพลงอาวุธกันเสียนาน ข้าคิดถึงเจ้าย่าเหลือเกิน”

“เจ้านี่ขี้ประจบมาแต่น้อย โตเป็นหนุ่มแล้วก็ยังไม่หาย”

“ก็ข้ารักเจ้าย่า”

“ต่อไปก็คงจะพูดกับแม่หญิง ลืมย่าเสียล่ะมากกว่า”

“หามีวันนั้นไม่ดอกเจ้าข้า”

ครองภพยืนมองสองย่าหลานด้วยสายตาน้อยใจ เครือออนกับคะนองหันไปเห็น บอกครองภพให้เข้ามากราบเจ้าย่า

สำเภางามรับไหว้หลานชาย พลางถามถึงริมบึงว่าสบายดีใช่ไหม ครองภพตอบรับและยอมให้ย่ากอด แต่พอได้ยินย่าบอกว่าให้บอกแม่ด้วยว่าย่าจะพาเจ้าไปกราบเจ้าพ่อ ครองภพก็ผละออกห่าง

“เจ้าพ่อคงไม่ใส่พระทัยดอก ข้ามันเป็นเพียงลูกชัง หาใช่ลูกรัก”

“อย่าพูดเยี่ยงนี้สิครองภพ เจ้าพ่อทรงทราบจะเสียพระทัย” คะนองเตือนหลาน แต่ครองภพก็ตอบกลับว่าตนพูดเรื่องจริง สำเภางามเข้าใจความรู้สึกครองภพจึงขยับมาลูบหลังปลอบใจ

ooooooo

อนัญทิพย์มีปากเสียงกับสำเภางามและเสกขรเพราะไม่พอใจที่สองคนจะไปรับริมบึงกลับมาอยู่ในคุ้มหลวง ปิ่นมณีเข้าข้างแม่ พูดจาก้าวร้าวไม่เห็นหัวย่า ทำให้เสกขรทนไม่ไหวตำหนิไปค่อนข้างแรง

กิริยาวาจาของปิ่นมณีต่างจากทองพญาอย่างสิ้นเชิง ทองพญาอ่อนน้อมถ่อมตน แม้แต่กับริมบึงนางก็ยกมือไหว้โดยไม่ต้องมีใครบอกให้ทำ แต่สิ่งที่ทองพญาไม่เข้าใจก็คือทำไมริมบึงถึงต้องอยู่นอกคุ้มหลวง เสกขรไม่รู้จะเริ่มต้นอธิบายยังไง ได้แต่บอกลูกว่าชะตากรรมมักทำร้ายเราเสมอ หากเราไม่มีสติประคองชีวิต

“วาจาของเจ้าแม่ยากนัก ข้าหาแจ้งใจไม่”

“เกิดมาสูงมากเท่าใดก็ต้องมีชีวิตเพื่อผู้อื่นมากเท่านั้น จักทำการอันใดก็ต้องไตร่ตรองให้ดี วันหนึ่งเจ้าจะแจ้งใจ”

สำเภางามช่วยขยายความ “คำว่าเกิดมาสูงของแม่เจ้า หมายถึงว่าวันหน้าหลานย่าจะต้องเป็นพระนางหน่อเจ้าหลวงของเมืองทิพย์...เจ้าต้องทำทุกอย่างเพื่อราษฎร เพื่อเมืองทิพย์”

“ถ้าเป็นพระนางหน่อเจ้าหลวงแล้วหามีความสุข มากไม่ ข้าก็ไม่อยากเป็นดอกเจ้าค่ะ”

“เกิดมาเป็นธิดาของพระมหาเทวีเจ้า ก็ต้องเป็นพระนางหน่อเจ้าหลวงตามกฎมณเฑียรบาล”

ทองพญาจะค้านคำของย่า เสกขรรีบขัดไว้ “ยังมีเพลาให้ไตร่ตรองอีกมาก เจ้าออกไปข้างนอกก่อนเถิด แม่มีการสำคัญจะพูดกับเจ้าย่า”

เมื่ออยู่กันตามลำพัง เสกขรหารือเรื่องริมบึงและครองภพที่ตนอยากให้กลับมาอยู่คุ้มหลวง ตนเคยกล่อมแล้วแต่ริมบึงไม่ยอม สำเภางามจึงเสนอทางเดียวสำหรับคนดื้ออย่างริมบึง ก็คือจะให้คะนองช่วยนำครองภพเข้าเฝ้าเจ้าหลวง พ่อกับลูกได้พบกัน ริมบึงคงจะลดทิฐิได้

ooooooo

ทางเหนือของเมืองทิพย์เกิดขบถ อนัญทิพย์เสนอให้ตองแปงออกทำศึก แต่ตองนวลไม่ยอมเพราะเชื่อว่าเป็นแผนของอนัญทิพย์ที่จะกำจัดลูกของตน

เมืองคุ้มดีใจมากเมื่อคะนองพาปะแดงกับครองภพมาหา แต่ครองภพก็ไม่ยอมเรียกเมืองคุ้มว่าพ่อ แต่อาสาขอทำศึกครั้งนี้พร้อมคะนอง ทำให้อนัญทิพย์และปิ่นมณีเยาะเย้ยถากถางตองแปงที่เอาแต่ทำตัวไร้สาระ กินเหล้าเมายาไม่เว้นวัน

ตองนวลโกรธมากตามไปตอบโต้สองแม่ลูกอย่างรู้ทัน “บอกมาดีกว่าอีทิพย์ มึงจงใจให้ลูกกูตายใช่หรือไม่”

“ไยเจ้าคิดเยี่ยงนี้เล่าตองนวล”

“ข้าถามว่าใช่หรือไม่ เก็ตถวากับแก้วอากาศยังดูออกเลยว่าเป็นแผนการชั่วของเจ้า อีทิพย์”

อนัญทิพย์หันขวับไปที่สองเจ้านางที่ติดสอยห้อยตามตองนวลมา สองคนหลบสายตาวูบอย่างกริ่งเกรง

“ถ้าเช่นนั้นข้าขอถามเจ้านางทั้งสองคน เก็ตถวา ...เจ้าคิดว่าระหว่างเจ้าตองแปงกับปิ่นมณีลูกข้า ผู้ใดควรได้เป็นแม่ทัพ ตอบข้าสิ”

เก็ตถวาอึกอักเล็กน้อยก่อนตอบว่าเจ้าตองแปง

“เพราะเหตุใด”

“เจ้าตองแปงเป็นผู้ชาย”

“พูดดังๆให้อีตองนวลได้ยิน พูดสิ”

เก็ตถวาชำเลืองมองตองนวลเหมือนจะเกรงๆ แต่ก่อนตอบเสียงดังกว่าเก่าว่าเพราะเจ้าตองแปงเป็นผู้ชาย

“แก้วอากาศล่ะ ตอบข้าซิว่าระหว่างเจ้าตองแปงกับปิ่นมณีลูกข้า ผู้ใดควรได้นั่งบัลลังก์ตั่งทองแทนเจ้าพี่...ตอบสิ”

“เจ้าตองแปงสิ เพราะเจ้าตองแปงเป็นผู้ชาย”

“ได้ยินแล้วนะตองนวล หากยังไม่กล้านำทัพ ครานี้ก็ต้องเป็นเยี่ยงที่ปิ่นมณีพูดที่หอคำ...ไหน ปิ่นมณีลูกแม่เจ้าว่าอย่างใดนะ แม่ลืมไปเสียแล้ว”

“ข้าจะสั่งอีข้าไทให้ทอผ้าซิ่นให้เจ้าตองแปงนุ่งเจ้าค่ะ เจ้าตองแปงคงงามน่าดู อย่าลืมเอาดอกไม้ทัดหู ด้วยนะเจ้าคะ”

“หยุดนะ คิดว่ากูไม่รู้ทันรึ มึงกับแม่มึงวางแผนให้ลูกกูไปตาย ริษยาที่กูมีลูกชายใช่หรือไม่”

“หากเจ้าตองแปงกลัวตายก็บอกมา ข้าจะนำทัพไปเอง”

ปิ่นมณีพูดแล้วยิ้มเย้ย ขณะที่อนัญทิพย์ไล่ตองนวลกลับไป เพราะที่คุ้มของตนไม่ต้องการคนขี้ขลาดตาขาว ตองนวลเจ็บใจนัก จ้องสองแม่ลูกอย่างอาฆาตแล้วสะบัดหน้าออกไปพร้อมเก็ตถวาและแก้วอากาศ

อนัญทิพย์สะใจเป็นที่สุด ชื่นชมปิ่นมณีว่าทำดีมาก เหยียบมันให้จมดิน อย่าให้มันเผยอชูคอขึ้นมาได้เป็นอันขาด...เรณุมาศแอบดูอยู่มุมหนึ่งด้วยความไม่สบายใจ ไม่เห็นด้วยกับการกระทำของแม่และพี่สาว

เมื่อต้องต่อตีกับพวกฝรั่งดั้งขอ เมืองคุ้มเห็นควรให้ลูกๆเรียนภาษาของศัตรูจากล่ามที่จะจ้างมา เพราะการรู้เขารู้เราย่อมเป็นต่อ แต่อนัญทิพย์ไม่เห็นด้วยและไม่ยอมให้ลูกสาวสองคนเรียน เช่นเดียวกับตองนวลก็ไม่ให้ตองแปงเรียน มีเพียงเสกขรที่สนับสนุนทองพญา ครองภพ และปะแดง

ooooooo

ที่เมืองท่าคอย ยอดพุ่มบวชชีอยู่วัด มณีหยาดพาม่านฟ้าลูกของนางไปหา ม่านฟ้าไม่เคยรู้ว่าตนเป็นลูกของยอดพุ่มและเมืองคุ้ม เพราะยอดพุ่มยกเขาให้เจ้าเมืองท่าคอยมาตั้งแต่เกิด

เมื่อมณีหยาดมาบอกข่าวน้อยอินทาจะพาม่านฟ้าไปหาเมืองคุ้ม ยอดพุ่มตกใจ ไม่อยากให้ลูกได้พบกับพ่อซึ่งปกปิดมานาน และไม่ต้องการให้เกิดอันตรายกับม่านฟ้า

แต่กลายเป็นม่านฟ้ามารบเร้ามณีหยาดว่าอยากไปเมืองทิพย์เอง น้อยอินทาจึงไม่ขัด แต่มณีหยาดขอให้รอหลังจากม่านฟ้าไปวัดกับตนก่อน...

หลังจากเคยเจอครองภพแล้ว เมืองคุ้มก็อยากจะรับริมบึงกับลูกมาอยู่ในคุ้มหลวง ซึ่งตรงกับเสกขรและสำเภางามที่เพียรพยายามอยู่ แต่ริมบึงก็ยังไม่ใจอ่อน เครือออนซึ่งเป็นเพื่อนกันก็ช่วยกล่อมให้นางเห็นแก่ลูกบ้าง

เมื่อเป็นความประสงค์ของเจ้าหลวง ทหารจึงนำเสลี่ยงหลวงไปรับสองแม่ลูก เก็ตถวากับแก้วอากาศเห็นเข้าก็แจ้นมาบอกตองนวลและพูดยั่วยุจนตองนวลคิดหนัก กลัวครองภพจะมานั่งเมืองแทนเมืองคุ้ม แล้วตองแปงลูกของตนก็จะฝันสลาย

อนัญทิพย์ร้อนใจไม่แพ้ตองนวล หลังรู้ว่าริมบึง กับลูกจะได้กลับเข้าคุ้มหลวง ซึ่งนางไม่มีวันยอม อาฆาตมาดร้ายจะกำจัดสองแม่ลูกให้ได้...

เรื่องตองแปงไม่ยอมออกศึกยังเป็นที่กล่าวขานกันไม่จบ เก็ตถวากับแก้วอากาศเชื่อว่าหากตองแปงออกศึกต้องตายแน่ เขาทำอะไรไม่เป็นสักอย่างแม้จับดาบดี แต่กระดกไหเหล้า ขณะที่ครองภพเก่งสารพัด

เมื่อเสลี่ยงหลวงมารับ ริมบึงปฏิเสธอีกเช่นเคย แต่ยอมให้ครองภพไปอยู่ในคุ้มหลวงเพื่อถวายงานรับใช้เมืองคุ้มผู้พ่อที่อาจต้องการหารือเรื่องการศึก

อนัญทิพย์ออกจากคุ้มหมายสกัดริมบึงกับลูกชาย แต่ระหว่างทางมีปากเสียงกับเก็ตถวาและแก้วอากาศจึงไปไม่ทัน ครองภพได้พบเมืองคุ้มอีกครั้ง โดยที่ปิ่นมณีเสนอหน้ามารอเพื่อจะดูหน้าตาริมบึงที่ไม่เคยเห็นมาก่อน

เมื่อครองภพมาคนเดียวและปิ่นมณีพูดจาไม่ดีถึงริมบึง ทำให้ครองภพโกรธมาก สองคนมีปากเสียงกันต่อหน้าเมืองคุ้ม ปิ่นมณีเลยโดนพ่อไล่ออกจากหอคำ นางเดินกระฟัดกระเฟียดออกมาด้วยความน้อยใจ เจอทองพญาก็ฟาดงวงฟาดงาหาเรื่อง

“จะไปที่ใดรึทองพญา เจ้าก็อยู่กับแม่เจ้าที่คุ้มหลวงนี่นา...เด็กดีเยี่ยงเจ้า ข้าทายว่าต้องไปวัด...ใช่ ไปวัดแน่ๆ เมื่อใดบวชชีก็บอกมา ข้าจะส่งอีข้าไทที่คุ้มเอาคาวเอาหวานไปถวาย”

“ขอบใจปิ่นมณี ถ้าคิดจะบวชเป็นนางชี แม่ข้าคงไม่ปล่อยให้อดตายดอก”

“นี่คงมารอส่งไอ้ครองภพกลับไปนอกเมืองสินะ เจ้านี่โง่เยี่ยงควาย คนดีมีชาติมีเชื้อมากมายไยไม่ชอบพอ ไยเล่าถึงลดตัวลงต่ำไปคบค้ากับลูกเจ้านางข้างรั้ว”

“อย่าก้าวร้าวถึงเจ้านางริมบึง แม่ข้าบอกเสมอว่าเจ้านางเป็นคนดี”

“คำก็ดี สองคำก็ดี หากดีจริงจะถูกเจ้าพ่อเนรเทศไปพ้นหน้ารึ โอ๊ย! ไม่เปรียบเจ้าเป็นควายก็ไม่รู้จะเปรียบกับอันใดอีกแล้ว”

เสกขรมาได้ยินเต็มสองหู ถามปิ่นมณีว่าควายไม่ดีตรงไหน ปิ่นมณีหน้าเสีย จำใจยกมือไหว้เสกขรแต่ไม่ไหว้สำเภางามที่มาด้วยกัน

“ตอบข้าบัดเดี๋ยวนี้” เสกขรเร่ง

“แม่เจ้านี่สอนดีนัก โดยเฉพาะสอนเรื่องชั่วๆ กะโหลกเจ้าก็เป็นดั่งกะลารองรับเอาแต่เรื่องชั่วไว้เต็มหัว”

“เจ้าย่า! ข้าหามีเจตนาร้ายไม่ ข้าห่วงทองพญา เกรงว่ามันจะผสมกับเลือดต่ำๆ เจ้าย่าพอใจที่เห็นมันมองเสลี่ยง คอยส่งไอ้ครองภพกลับคุ้มรึเจ้าคะ หรือเจ้าย่าอยากเห็นควายอย่างทองพญาก้มหน้ากินหญ้าเล่าเจ้าคะ”

“อย่าก้าวร้าวกับย่า ไปให้พ้นหน้าข้า...ไป๊”

“ทนฟังไม่ได้หรือเจ้าคะ”

เสกขรสุดทนกับความก้าวร้าวของปิ่นมณี จ้องหน้าอย่างโกรธจัด

“ต่อให้เอาก้อนเนื้ออันโอชะมาให้ควายกิน ควายก็หากินไม่ ควายมันยังกินหญ้าเยี่ยงเดิม ควายมันไม่ได้โง่ดอก แต่ควายมันรู้จักเลือก คนกิเลสหนาปัญญาหยาบเยี่ยงเจ้ากับแม่เจ้าคงไม่แจ้งใจดอก...กลับไปได้แล้ว ก่อนที่จะถูกควายที่นี่ขวิดเอา”

เสกขรทำให้ปิ่นมณีอึ้งไปอย่างขุ่นเคือง มองหน้าทุกคนแล้วสะบัดเดินหนีไป เก็ตถวากับแก้วอากาศเลิ่กลั่กกลัวจะโดนลูกหลงรีบเดินแยกไปอีกทาง

ปิ่นมณีกลับมาฟ้องแม่ว่าโดนเสกขรด่าอย่างแรงจนอับอายแทบแทรกแผ่นดินหนี ถ้าวันใดตนมีอำนาจจะไม่ปล่อยมันไว้แน่ ทั้งหัวหงอกหัวดำ อนัญทิพย์ฟังแล้วยิ่งเคียดแค้นเสกขรกับสำเภางาม

ฝ่ายเก็ตถวากับแก้วอากาศก็สาระแนไปเล่าให้ตองนวลฟังอย่างออกรส ตองนวลเชื่อว่าปิ่นมณีร้ายกว่าอนัญทิพย์ ปากกล้าเถียงทั้งเสกขรและสำเภางาม

ทันใดตองแปงแหกปากด้วยความเมาแทรกขึ้นมา เรียกหาเฟืองให้เอาเหล้ามา แทนที่ตองนวลจะปรามลูก กลับเร่งเฟืองไปทำตาม เพราะวันนี้ตองแปงไม่ต้องไปเฝ้าเจ้าพ่อ แต่เก็ตถวาโพล่งออกมาว่าทำไมเจ้าหลวงถึงให้ครองภพเข้าเฝ้าพร้อมขุนนางผู้ใหญ่ ตองนวลลุกพรวดจ้องหน้าเฟืองอย่างเอาเรื่อง

“อีเฟือง...ว่าอย่างใด”

“เจ้าตองแปงไม่ยอมเสด็จไปเจ้าค่ะ”

“อีเฟือง! แล้วไยมึงไม่บอกกู เลี้ยงเสียข้าวสุกแท้ๆ” ตองนวลแผดเสียง อารมณ์เสียในบัดดล!

ooooooo

เพลิงพระนาง

ละครแนะนำ

ข่าวละครวันนี้ดูทั้งหมด