สมาชิก

เพลิงนรี

ตอนที่ 12

ราอิลเป็นห่วงพีรดาที่แอบไปเมืองไทย ให้องครักษ์ติดต่อเท่าไหร่ก็ไม่ได้ พอดีท่านเลขาเอาแฟ้มเอกสารมาให้บอกมีจดหมายจากนักธุรกิจหลายประเทศในยุโรปที่สนใจอยากร่วมธุรกิจสัมปทานเหมืองอัญมณีของเรา ราอิลพอใจมากที่คามินคิดถูกที่เปิดการลงทุนกับต่างชาติเพิ่มขึ้น

“กระหม่อมเห็นว่าถ้าเราจัดงานพูดคุยอย่างเป็นทางการจะทำให้พวกเขาตัดสินใจได้เร็วขึ้น จะเป็นผลดีกับไทรจีสรวมทั้งกลบเรื่องข่าวความไม่สงบตอนนี้ด้วย”

ราอิลกังวลว่าถ้าจัดงานใหญ่ในสถานการณ์แบบนี้จะเป็นการเสี่ยงเกินไป...ด้านคามินกับพีรดายืนรอที่หน้าห้องผ่าตัดพร้อมมิราและไคซัจ พยาบาลออกมาบอกว่าพริริสาเสียเลือดมากและเป็นเลือดกรุ๊ปพิเศษ เกรงว่าเลือดที่มีจะไม่พอให้รีบติดต่อญาติที่มีเลือดกรุ๊ปเดียวกันไว้

คณินรีบร้อนเดินเข้ามาบอกว่าตนเป็นพ่อมีเลือดกรุ๊ปเดียวกับพริริสา พีรดาตกใจ คามินไม่พอใจหันไปมองหน้าไคซัจ เขาก้มหน้าไม่ทราบเช่นกันว่ามาได้อย่างไร

“ผู้กองอธิรุธโทร.บอกผมเอง ผมเป็นพ่อของริสา เกิดอะไรขึ้นกับลูก ผมก็ต้องรับรู้ด้วย” คณินย้ำไม่ว่าจะเสี่ยงแค่ไหนตนก็พร้อมจะให้เลือดแก่ลูก
พีรดาจับแขนคามินอย่างปลงแล้วทุกอย่าง ยอมให้คณินให้เลือดพริริสาขอเพียงให้ลูกปลอดภัยบอกคามินว่ายังไงคณินก็เป็นพ่อให้เขาได้ทำหน้าที่บ้างก็สมควรแล้ว...คามินหวนคิดถึงตอนเด็กที่พริริสาคิดถึงพ่อยกมืออธิษฐานกับพระจันทร์ ทำไมพ่อถึงไม่รักเธอกับแม่ ทำไมให้คนอื่นมาทำร้ายพวกเธอ แล้วถามเขาว่าพระจันทร์จะตอบคำถามไหม เขารู้สึกสงสารเธอจับใจ

คณินนอนให้เลือดพริริสา ในใจพร่ำขอโทษที่ไม่เคยดูแลลูก พริริสาพอได้รับเลือดของพ่อ เหมือนอยู่ในความฝันย้อนกลับไปอดีตเดินเข้าไปในบ้านเช่า เห็นบนโต๊ะมีภาพวาดจึงหยิบมาดู จำตอนที่วาดได้ว่าตนถามแม่ นึกถึงพ่อไม่ออกจะวาดอย่างไร พ่อจะรักตนเหมือนที่แม่รักไหม...ดวงตาพริริสาเศร้าฉายแววเกลียดชังน้ำตาแห่งความอัดอั้นไหลริน พลันได้ยินเสียงคณินเรียก ภาพเปลี่ยนเป็นที่สนามเด็กเล่น เห็นตัวเองวัยเด็กเล่นชิงช้าและกินขนมที่ลุงใจดีเอามาแจก แล้วคณินก็ปรากฏตัวขึ้นบอกว่าตนเป็นพ่อ เด็กหญิงโผกอดด้วยความโหยหา

ด้านธีภพทำแผลเสร็จจะไปดูพริริสา อธิรุธเข้ามาขวางบอกหมอสั่งไม่ให้ขยับและบอกว่าพริริสาปลอดภัยแล้วไม่ต้องห่วง แต่ธีภพก็อยากเห็นด้วยตาตัวเอง อธิรุธท้วง

“คิดว่าไปแล้วจะได้เจอรึไง เมื่อกี้ฉันเพิ่งโดนผู้การด่าจนหูชาเรื่องที่ปล่อยให้เจ้าหญิงได้รับอันตราย ดีว่าทางผู้ใหญ่เข้าใจว่าเกิดอะไรขึ้นไม่งั้นโดนกันหมด ว่าแต่เจ้าหญิงรู้ความจริงรึยัง”

ธีภพส่ายหน้าเพราะเกิดเรื่องเสียก่อน อธิรุธจึงบอกว่าถึงเวลาที่ทุกคนควรรู้ความจริงเสียที ในขณะที่คณิน ออกมานั่งพักแต่ยังเป็นห่วงพริริสา อธิรุธเข้ามาบอกว่ามีเรื่องสำคัญจะต้องบอก ส่วนธีภพยืนเกาะกระจกมองพริริสาที่ยังอยู่ห้องไอซียู เพราะองครักษ์ไม่ให้เข้าไป ไคซัจเดินเข้ามาติง เขาน่าจะพักรักษาตัวก่อน ธีภพบอกขอแค่ให้เห็นจนแน่ใจว่าพริริสาปลอดภัยตนก็จะกลับ ไคซัจรู้ว่าคงห้ามเขาไม่ได้ ธีภพย้ำถึงห้ามไม่ให้เข้า แต่ก็ห้ามความรู้สึกตนไม่ได้

ไคซัจรู้ว่าทั้งสองมีความรู้สึกลึกซึ้งมากแค่ไหน จึงพยักหน้าให้องครักษ์ถอยออกไปและตัวเขาก็เดินออกไปไม่ขัดขวาง...ธีภพเข้ามายืนข้างเตียงพริริสา กุมมือเธอและเขี่ยปอยผมที่ปรกหน้าให้อย่างแผ่วเบา อยากให้เธอฟื้นขึ้นมารับรู้ความจริง ด้านนอกมิรายืนมองอย่างโล่งใจ

พอมิราจะเดินกลับไปที่ห้องรับรองก็เห็นกานดาและกรนันท์เดินมาสีหน้าเอาเรื่อง จึงรีบไปรายงานพีรดา... กรนันท์ถามกานดาว่าจะมาทำไมที่นี่ เธอบอกอยากเห็นกับตาว่าพริริสาตายหรือยัง อาการสาหัสแค่ไหนคณินถึงต้องมาหา พลันคามินเดินมา กรนันท์ดีใจจะปรี่เข้าหา ไคซัจกางแขนกั้น เธอโวยวายผลักไสให้หลีกไป กานดาดึงลูกสาวกลับมาอย่างไม่พอใจ

“ต้องขอโทษด้วยค่ะที่เสียมารยาท แต่ฉันอยากถามเจ้าชายมาทำอะไรที่นี่คะ”

“คนสำคัญของผมบาดเจ็บผมก็ต้องอยู่คอยดูแล”

“คนสำคัญ! เจ้าชายไม่รู้เหรอคะว่านังริสามันทำอะไรกับครอบครัวเกรซไว้บ้าง เจ้าชายกำลังถูกมันหลอกใช้อยู่นะคะ มันหลอกพี่ภพไปคนนึงแล้ว เจ้าชายก็มาเป็นเหยื่อมันอีกคน”

คามินมองอย่างสมเพช “คุณน่าจะใช้คำผิด คำว่าเหยื่อมีไว้ใช้กับคนอ่อนแอกับคนโง่ซึ่งไม่ใช่ผมแน่”

กานดาเดินตามถามคามินว่าพริริสามีอะไรดี

คนสูงศักดิ์อย่างเขาถึงต้องช่วยเหลือมากมายขนาดนี้คามินตาขุ่นที่พูดพาดพิงพริริสา กานดายังไม่สำนึก ใส่ไคล้ว่าพริริสาเป็นคนอกตัญญูคิดร้ายแม้กระทั่งพ่อแท้ๆของตัวเอง นับประสาอะไรจะไม่แว้งกัดเขาสักวัน...คณินเดินเข้ามาเอ็ด

“หยุดพูดถึงริสาในแง่ไม่ดีสักทีกานดา สิ่งที่เกิดขึ้นทั้งหมดมันก็เป็นเพราะความเลวของคุณทั้งนั้น ผมรู้ความจริงหมดแล้ว”

กานดาหน้าซีด กรนันท์งงความจริงอะไร กานดาแก้ตัวว่าเขาไปโดนใครเล่าเรื่องโกหกแล้วจ้องเขม็งไปที่อธิรุธที่เดินมาด้วย คามินและไคซัจต่างสงสัย อธิรุธขยายความ

“เป็นคำให้การของคนร้ายนะครับ คุณกานดาคงไม่ทราบว่าเราได้ตัวคนร้ายที่คุณจ้างวานให้ไปจับตัวเจ้าหญิงเมื่อคราวก่อนแล้ว”

สองแม่ลูกงงใครเจ้าหญิง ใครจับตัวเจ้าหญิง คามินขยายความ “คนที่คุณเพิ่งว่าร้ายไปไงล่ะคุณเกรซนั่นล่ะเจ้าหญิงราชกุมารี พริริสา อไมร์คานแห่งไทรจีส น้องสาวของผมเอง”

กานดาและกรนันท์ตกใจ อธิรุธแทรกอย่าเพิ่งตกใจจนเป็นลมไปก่อน เพราะสองคนร้ายที่จับได้มันเล่าเรื่องเมื่อสิบกว่าปีก่อนด้วย กานดาหน้าซีดใจสั่น

“ยัยคุณนายกานดานั่นหลอกแม่ผัวว่าจะเอาเงินไปให้สองแม่ลูกไม่ให้กลับไปหาผัวตัวเองอีก แต่ลับหลังสั่งให้เราสองคนจัดการสองแม่ลูกนั่น...”

อธิรุธเล่าคำพูดของคนร้าย กานดาให้ลูกน้องใช้ด้ามปืนตบขมับพีรดาจนเลือดอาบ พริริสาเข้าไปช่วยแม่กลับถูกเธอผลักล้มไปข้อมือถูกเหล็กแหลมกรีดเป็นแผลลึก แถมกานดายังพูดใส่หน้าพีรดาว่า จะโทษตนไม่ได้ ที่เป็นแบบนี้เพราะบูรพเกียรติไม่ต้องการเห็นหน้าพวกเธอ ตนจำต้องทำตามคำสั่งคุณแม่ที่ต้องการให้พวกเธอหายสาบสูญไปจากชีวิตคณิน...จากนั้นกานดาก็ให้เงินลูกน้องสั่งให้จัดการทำให้ทั้งสองทนอยู่บนโลกนี้ไม่ได้แล้วค่อยมารับเงินเพิ่ม

เมื่อทุกคนรู้ความจริงก็มองกานดาด้วยสายตาเกลียดชัง กรนันท์สับสนงุนงงกับเรื่องอดีตที่แม่ทำไว้ คณินยิ่งผิดหวังกับกานดามากขึ้น กานดาเชิดคอแข็ง

ไม่สำนึกกลับโทษเป็นเพราะเขาที่ไม่เลิกอาลัยอาวรณ์พีรดากับลูก ทำให้ตนต้องทำแบบนั้น ตนไม่ยอมให้ใครมาแย่งเขาและเงินสักบาทไปจากลูกตน พีรดายืนฟังอยู่นานทนไม่ไหวเดินออกมาบอก

“ฉันไม่เคยคิดจะแย่งอะไรจากคุณเลย ฉันตัดสินใจผิดพลาดไปแล้วครั้งนึงเพราะคิดว่าความรักจะเอาชนะทุกอย่างได้ แต่เมื่อมันไม่เป็นแบบนั้น ฉันก็ไม่คิดดันทุรังเรียกร้องอะไรอีก”

“แกไม่ต้องมาพูดดี สุดท้ายแกก็ส่งลูกสาวมาทำร้ายครอบครัวของฉัน”

คามินไม่พอใจที่กานดาก้าวร้าว “รู้ตัวหรือเปล่าว่าคุณกำลังพูดอยู่กับใครคุณกานดา”

กานดาชะงักนึกได้ที่พริริสาไม่ได้อยู่ในสถานะต่ำต้อยอีก คณินสรุปทุกอย่างเป็นเพราะสิ่งที่กานดาทำไว้ ทำให้พริริสาคิดว่าคนในบูรพเกียรติทำร้ายเธอกับแม่ถึงกลับมาแก้แค้น แต่มันก็สาสมแล้วกับพ่อที่ไม่เคยดูแลหรือทำอะไรเพื่อเธอเลย...พีรดามองด้วยสายตาไม่เคยโกรธแค้น แตะแขนเขาอย่างปลอบโยน ว่าตนก็ผิดที่ไม่อาจทำให้ลูกลืมอดีตอันโหดร้ายได้

กานดาเห็นแล้วโกรธเกรี้ยว “เลิกเสแสร้งได้แล้ว ฉันไม่เชื่อว่าแกจะไม่เสี้ยมสอนลูกให้เกลียดใคร พวกแกสองคนแม่ลูกอยากจะเห็นฉันกับลูกไม่เหลืออะไรเลย ฉันเกลียดแกนังพีรดา”คามินสุดทนสั่งไคซัจเอากานดากับลูกออกไป กรนันท์ร้องไห้บอกตนไม่รู้เรื่องอะไร กานดายังเข่นเขี้ยว อย่าคิดว่าจะอยู่เหนือตนหรือใครๆได้ ตนจะไม่เลิกจองเวร คณินสลดใจกล่าวขอโทษพีรดาอย่างละอายใจ คามินสบตามิราทำนองให้ปล่อยพีรดาคุยกับคณินลำพัง

ทั้งสองมายืนข้างเตียงพริริสา คณินมองลูกอย่างรู้สึกผิดที่ปกป้องลูกไม่ได้ แถมยังปล่อยให้ถูกทำร้าย

โดยตนไม่รู้อะไรเลย สมควรแล้วที่ลูกจะเกลียดตน พีรดาปลอบว่าเมื่อลูกตื่นขึ้นมาจะรู้ความจริง คณินจับมือพริริสาลูบไล้รอยแผลเป็นที่ข้อมือรำพัน

“พ่อขอโทษนะริสา รีบตื่นมานะลูก ตื่นมาให้โอกาสพ่อได้ชดเชยสิ่งที่พ่อทำผิดพลาด”

ooooooo

ในห้องพักฟื้น ธีภพพาวิวรรณกับธเนศมาเยี่ยม นั่งฟังอธิรุธเล่าเรื่องกานดาให้ฟัง วิวรรณนึกสมน้ำหน้ากานดา แล้วหันมาลูบไหล่ธีภพอย่างโล่งใจที่เขาไม่เป็นอะไรมาก ตนไม่คิดว่าออกจากราชการแล้วยังต้องมาถูกบังคับให้ทำหน้าที่เสี่ยงอันตรายอีก ธีภพยิ้ม

“ไม่มีใครบังคับผมได้หรอกครับ ผมเต็มใจจะรับหน้าที่นี้เอง”

“นี่ล่ะเขาถึงเรียกว่ามีสายเลือดตำรวจเต็มตัวจากพ่อ งานนี้ผมขอไม่ให้คุณห้ามลูกเหมือนที่ผ่านมาอีก” ธเนศเหน็บเล็กๆ

วิวรรณแอบค้อนบอกตนแยกแยะได้ อธิรุธขอให้วิวรรณกับธเนศเก็บเรื่องพริริสาเป็นความลับเพื่อความปลอดภัย ทั้งสองรับคำ...วิวรรณมีสีหน้าไม่สบายใจ ธเนศเอ่ยถามลูกไม่เป็นอะไรทำไมยังทำหน้าแบบนี้ เธอถอนใจบอกกลัวลูกเสียใจเพราะพริริสาไม่ใช่เลขาธรรมดาอีกแล้ว ธเนศยิ้มๆปลอบอย่าเพิ่งคิดไปไกล ปล่อยให้เป็นเรื่องของพรหมลิขิต...

ด้านกานดากลับถึงบ้าน กรนันท์ซักไซ้ที่ไม่เคยบอกเรื่องราวในอดีต จินตนาปรี่เข้ามาตบหน้ากานดา ด้วยรู้เรื่องจากคณิน “แค่นี้มันยังไม่สาสมกับสิ่งที่เธอทำไว้สักนิดกานดา เสียแรงฉันคิดว่าเธอเป็นลูกสะใภ้ที่เพียบพร้อมเหมาะสมพอจะยืนเคียงข้างคณิน แต่เธอกลับ...”

ดร.กฤษเข้ามารั้งภรรยาให้พอ จินตนาโวยที่โดนหลอกมาเป็นสิบๆปี จงเกลียดจงชังพีรดาเพราะคิดว่าเห็นแก่เงิน กานดาหัวเราะเยาะออกมา “พอรู้ว่าพวกมันได้ดิบได้ดี ร่วมวงศ์วานกับเจ้าชายคามินก็เปลี่ยนจากหน้ามือเป็นหลังมือเชียวนะคะคุณแม่ ทั้งๆที่เมื่อก่อนคุณแม่เองก็ดูถูกดูแคลนที่พวกมันชั้นต่ำไร้สกุล ขนาดหลานแท้ๆที่เกิดมายังไม่อยากจะรับ แต่ตอนนี้คงอยากจะแล่นไปแทนตัวว่าปู่ย่ากันใจจะขาดแล้วสิท่า”

“กานดา!นี่เธอยังไม่สำนึกกับสิ่งที่ทำไว้อีกหรือไง” ดร.กฤษตำหนิ

“สำนึกเหรอคะ คุณพ่อลองคิดให้ดีนะคะว่าเรื่องนี้มันเริ่มจากใคร หนูก็เป็นแค่คนที่ช่วยสานฝันของคุณแม่ ช่วยกำจัดสองแม่ลูกนั่นให้ก็เท่านั้นเอง” พูดจบกานดาเดินเชิดออกไป

กรนันท์ละล้าละลังตัดสินใจวิ่งตามแม่ไป จินตนาฟูมฟายที่ตนโง่มาเป็นสิบๆปี คิดว่าคนที่มีชาติตระกูลดีเทียมหน้าจะดีกว่าผู้หญิงจนๆไร้สกุล ดร.กฤษพูดไม่ออกได้แต่กอดปลอบ

กานดาตัดสินใจเก็บเสื้อผ้ากลับไปอยู่บ้านเดิมของตัวเองแต่ให้กรนันท์อยู่ถือสิทธิ์ความเป็นบูรพเกียรติอย่าให้ใครมาแย่งไปได้ แต่กรนันท์รู้สึกไม่เหลืออะไร เจ้าชายก็ไม่สนใจ แหวนหมั้นธีภพแม่ก็คืนเขาไปแล้ว กานดาสงสารลูกคิดหาทางช่วย

ooooooo

เมื่อทุกอย่างดูเรียบร้อย คามินก็โทร.รายงานราอิล ยอมรับผิดที่ช่วยพริริสาทำเรื่องผิดๆ และถ้า พริริสาปลอดภัยดีจะรีบกลับไปทำหน้าที่ที่ไทรจีส ราอิลกลับอยากให้ทุกคนอยู่ที่เมืองไทยไปก่อนเพราะสถานการณ์ทางไทรจีสไม่สู้ดี คามินไม่ยอมให้พ่อเผชิญปัญหาลำพัง พีรดาและพริริสาก็คงคิดเหมือนตน เราจะต้องมีวิธีจัดการกับพวกกบฏได้ ตนมั่นใจ

ในขณะที่ราห์มานซ่อนตัวอยู่ในเซฟเฮ้าส์ รอการขนอาวุธลอตใหม่และกำลังคนที่ยังจงรักภักดีมาสมทบ พอรู้ว่าอาซิสทำงานพลาดก็โกรธ เพราะเรื่องใหญ่ขนาดนี้ทางไทรจีสปิดข่าวเงียบ แสดงว่าจะไม่มีทางทำอะไรง่าย พลันทหารกบฏอีกคนเข้ามารายงานข่าวความเคลื่อนไหวในวัง ราห์มานค่อยยิ้มออก นี่เป็นโอกาสที่แท้จริง...

ผ่านไปหลายวัน คามินคุยกับเอกสิทธิ์และไคซัจเรื่องที่ยังจับพวกอาซิสไม่ได้ หรือว่าหนีกลับไทรจีสไปแล้ว ถ้าเป็นเช่นนั้นแสดงว่าราห์มานต้องมีแผนร้าย

พริริสาอาการดีขึ้นมาก รู้ตัวว่าผิดขอโทษพีรดาและคามินที่ทำให้วุ่นวายแต่ไม่วายดักคอแม่และพี่ไม่ให้ดุว่าไม่มีใครเป็นอะไรและตนก็ไม่เป็นอะไรแล้ว คามินสัพยอก พูดได้ขนาดนี้คงไม่เป็นอะไรแล้วจริงๆ มิน่าคุณหมอถึงบอกว่าอีกไม่กี่วันก็กลับบ้านได้ พีรดาสบตาคามินอย่างบอกให้รู้ว่า ถึงเวลาที่พริริสาควรจะรู้ความจริงทุกอย่างเสียที

หญิงรับใช้เข็นรถพริริสาออกมาที่สวนของโรงพยาบาล คามินประคองพีรดาเดินตามมา พริริสาเห็นสายตาทั้งสองแปลกๆจึงถามมีอะไรหรือเปล่า คามินตอบแทนว่าท่านแม่อยากให้เธอเจอใครคนหนึ่ง ไม่ทันไรคณินเดินเข้ามาเธอโวย “แม่ให้ริสามาเจอเขาทำไม ริสาไม่อยากเห็นหน้าคนที่เกลียดเรา พาริสากลับห้องเถอะค่ะ” คณินขอให้ฟัง “ฉันไม่ต้องการฟังอะไรทั้งนั้น”

“ริสาลูกต้องฟัง พ่อเขาไม่เคยเกลียดเราเลยนะลูก ทุกอย่างมันไม่ได้เป็นอย่างที่ลูกคิด”

พริริสาทำหน้างุนงง คามินเล่าว่าทุกคนรู้ความจริงแล้วว่าเรื่องในอดีตเป็นฝีมือกานดาคนเดียว แล้วเล่ารายละเอียดให้ฟัง พริริสาไม่อยากเชื่อ พีรดาย้ำว่าพ่อเป็นคนให้เลือด พริริสาฟื้นขึ้นมาได้เพราะเลือดส่วนหนึ่งของคณิน พริริสายังหาว่าเรื่องในอดีตต้นเหตุมาจากเขา

“ถ้าลูกอยากจะโทษต้นเหตุ มันก็มาจากความรักของแม่กับคุณคณินที่ไม่สามารถทำให้มันมั่นคงยั่งยืนได้ แต่ถึงยังไงเขาก็เป็นพ่อของลูกนะริสา เราแก้ไขทุกอย่างให้กลับมาเหมือนเดิมไม่ได้อีกแล้ว แต่เราสามารถแสวงหา ความสุขจากชีวิตที่เหลืออยู่ได้นะลูก”

“พ่อรู้ดีว่าพ่อทำเรื่องผิดพลาดไว้มากมายในอดีต พ่อผิดเองที่ไม่เคยดูแลลูกไม่เคยปกป้องลูกเพราะความอ่อนแอของพ่อเอง พ่อรู้ว่าไม่มีอะไรจะลบล้างความผิดเหล่านั้นได้ แต่พ่ออยากจะขอร้องลูก ให้โอกาสพ่อได้แก้ตัวอีกสักครั้งนะลูกนะ” คณินย่อตัวลงตรงหน้าพริริสา จับมือเธอมากระชับไว้แน่นถ่ายทอดความรู้สึกที่พ่อคนหนึ่งจะมอบให้ลูกได้ สายตาเต็มไปด้วยความรู้สึกทั้งรักและรู้สึกผิดต่อลูก “ขอโอกาสให้พ่อสักครั้ง...”

พริริสาน้ำตาไหลรินออกมาอย่างห้ามไม่อยู่ เพราะนี่คือสิ่งที่ตนโหยหามาตลอดคือความรักจากพ่อแท้ๆ... พีรดาขอให้พริริสาเลิกกักขังตัวเองอยู่กับอดีตเพราะมันทำให้ไม่มีความสุข เธอมองแม่ด้วยดวงตาอ่อนล้าก่อนจะหันกลับไปหาคณิน ค่อยๆดึงมือตัวเองออกมาแล้วกุมมือเขาแทน คณินไม่แน่ใจว่าเธอยอมยกโทษให้จนพริริสาพนมมือไหว้ทั้งน้ำตา

“จากนี้ไปริสาจะเชื่อแม่ จะไม่นึกถึงอดีตที่ผ่านมาอีก ริสาขอโทษสำหรับทุกสิ่งทุกอย่างที่ได้ทำไม่ดีกับพ่อกับครอบครัวของพ่อ ริสาขอโทษค่ะ”
คณินดีใจเป็นที่สุด ดึงตัวพริริสามากอด “ลูกพ่อ... พ่อขอบใจ ขอบใจหนูจริงๆ”

พีรดาน้ำตาไหลด้วยความตื้นตัน คามินพลอยรู้สึกสบายใจและมีความสุขตามไปด้วย

ooooooo

กานดากลับมาอยู่บ้านของตัวเองที่แม้จะใหญ่โตแต่ดูเก่าทรุดโทรมลง ลูกน้องโทร.มาไถเงินเธอขู่กลับถ้าโทร.มาอีกจะแจ้งตำรวจจับ ทั้งสองเคืองแค้นมาก

กรนันท์เดินผ่านหญ้าที่ขึ้นรกอย่างขยะแขยง กานดาต่อว่าบอกแล้วไม่ให้มาที่นี่ กรนันท์ว่าตนต้องมาเพราะอยากให้แม่กลับไปอยู่ด้วยกันเหมือนเดิม กานดาไม่คิดจะกลับไปจนกว่าจะเอาชนะพีรดากับพริริสาได้ และเสี้ยมให้กรนันท์ทำตามแผนเพื่อให้ได้ทุกอย่างคืนมา...

ธีภพมารายงานตัวกับเอกสิทธิ์ เขายินดีที่ธีภพหายจากบาดเจ็บ อธิรุธเย้าว่าแผลกายหายแต่แผลใจที่ทำให้เจ้าหญิงบาดเจ็บยังไม่หาย ธีภพกระทุ้งศอกเข้าสีข้างปราม เอกสิทธิ์บอกอาการพริริสาดีขึ้นมาก ตนจึงเรียกเขามาถามว่าจะทำหน้าที่ต่อไหม ธีภพยืนยันว่าพร้อมจะทำต่อ

“ถึงจะเกิดเรื่องแต่ทางไทรจีสก็ต้องการแบบนั้นเหมือนกัน เพราะเขาคงรู้ว่าไม่มีใครดูแลเจ้าหญิงได้ดีไปกว่าคุณแล้วล่ะมั้ง”

ธีภพรับรองจะไม่ให้เกิดเรื่องกับเจ้าหญิงอีก เอกสิทธิ์จึงมอบหมายงานนี้ให้ทั้งธีภพและอธิรุธ ทั้งสองรับทราบ

ในขณะที่พริริสานั่งเหม่ออยู่บนเตียงคนไข้ มีตุ๊กตาแกะยื่นมาตรงหน้า เธอดีใจคิดว่าธีภพเอามาให้ แต่กลายเป็นมิรา เธอหุบยิ้มทันที มิรารู้ใจชวนออกไปจากห้องแก้เบื่อ... มาถึงมุมสบายๆ มิราเข็นไปชวนคุยไปสักพักก็ถอยออกให้ธีภพเข้ามาเข็นแทน พริริสาเห็นว่ามาไกลจึงเอ่ยถามจะพาไปถึงไหน เสียงธีภพตอบแทน “คุณอยากไปไหนล่ะ ผมจะได้พาไปถูก”

พริริสาได้ยินเสียงก็ดีใจจะลุกหันมองแต่เจ็บแผล เขาเข้าประคองอย่างห่วงใย เธอเผลอเอามือลูบไล้ใบหน้าเขาถามไม่เป็นอะไรใช่ไหม เขาเย้าถ้าเป็นอะไรคงไม่มาอยู่ตรงนี้ พริริสาดีใจแต่อดงอนไม่ได้ที่เขาหายหน้าไปเหมือนไม่ห่วง ธีภพบอกว่าตนเป็นห่วงเธอมาก...ห่างออกมา กรนันท์ยืนมองด้วยความเกลียดชังก่อนจะปั้นหน้าเข้าไปทักทาย “เกรซมาเยี่ยม...พี่ริสาค่ะ”

พริริสาประหลาดใจที่กรนันท์เอาดอกไม้มาให้และยังย่อตัวทำความเคารพ จึงบอกเธอไม่ต้องทำขนาดนี้ก็ได้ กรนันท์อ้างพ่อบอกว่าพริริสาเป็นพี่สาวและยังเป็นถึงเจ้าหญิง ตนมาขอโทษที่ล่วงเกินไว้มากมาย ตอนนี้แม่ก็ย้ายออกไปจากบูรพเกียรติแล้ว ตนสับสนเกรงทุกคนจะเกลียดตนไปหมด ตนไม่เหลือใครแล้วจริงๆ พริริสาปลอบว่าเธอยังมีพ่อมีปู่ย่าที่รักเธอมาก มิราเดินมาเห็นท่าทีกรนันท์ ก็รู้ว่าพริริสาใจอ่อนแล้ว นึกเป็นห่วงทันที

กรนันท์เดินออกจากห้องก็อมยิ้มที่เป็นไปตามแผนของแม่ คามินเดินสวนถามเสียงเข้มมาทำไม เธอจึงบอกว่าพี่สาวเจ็บหนักก็ต้องมาเยี่ยม คามินตอกกลับคนอย่างเธอเป็นห่วงคนอื่นเป็นด้วยหรือ กรนันท์หน้าเศร้า “เจ้าชาย เกรซรู้นะคะว่าเมื่อก่อนเจ้าชายเกลียดครอบครัวของเกรซมากเพราะเรื่องในอดีต แต่ตอนนี้ทุกคนก็เข้าใจกันดีหมดแล้ว เราสองคนก็น่าจะ...”

ไคซัจขวางไม่ให้เธอเข้าหาคามิน คามินบอกตนไม่เคยเกลียดครอบครัวเธอเพราะเรื่องในอดีต “แต่ที่ผมเกลียดคือนิสัยและก็ตัวตนของคุณกับแม่คุณต่างหาก ถ้าคิดจะทำดีกับริสาเพราะรู้สึกผิดจริงๆผมไม่ว่า แต่ถ้ามาเพราะมีจุดประสงค์ที่ไม่ดีหรือคิดร้ายผมไม่ปล่อยพวกคุณไว้แน่”

กรนันท์เห็นท่าทางคามินแล้วแทบจะร้องกรี๊ดออกมา แต่ทำไม่ได้...จากนั้นเธอก็ทำทีมาปรึกษาธีภพว่าเจ้าชายดูจะไม่ไว้ใจตน ผู้หญิงตัวเล็กๆอย่างตนจะไปทำอะไรได้ก็แค่ไปเยี่ยมพี่สาว ธีภพเองก็ไม่ค่อยไว้ใจแต่ปลอบว่าเรื่องแบบนี้ต้องใช้เวลาถึงจะเข้าใจ กรนันท์หันมาอ้อนธีภพว่าเขาเข้าใจตนใช่ไหม ตนอยากแก้ตัว ธีภพเห็นเธอเหมือนน้องจึงรับว่าเข้าใจ

มิราเดินมากับอธิรุธเห็นกรนันท์จับมือธีภพก็ไม่พอใจแทนเพื่อน...ด้านจินตนาไปสงบจิตใจที่วัดเสียหลายวัน กลับมาพอรู้ว่ากรนันท์ไปเยี่ยมพริริสาก็รู้สึกอยากไปเยี่ยมหลานบ้าง ดร.กฤษเหน็บว่าเรียกหลานเต็มปากแล้วหรือ เธอตัดพ้อ “ฉันรู้ว่าฉันไม่คู่ควรจะเรียกแบบนั้น ฉันทำกับเขาสองแม่ลูกไว้มาก มันคงถึงเวลาที่ฉันต้องชดใช้คืนให้พวกเขาบ้าง”

“พวกเขาคงไม่ต้องการอะไรจากเราหรอกคุณหญิง”

“นั่นสินะ น้ำหน้าอย่างฉันจะเอาอะไรไปชดใช้ให้พวกเขา”

ดร.กฤษปลอบ แค่รู้สึกผิดและอยากขอโทษแค่นั้นก็ถือว่าชดเชยให้พวกเขาได้แล้ว จินตนามองสามีอย่างขอบคุณที่ให้กำลังใจ

ooooooo

พริริสาออกจากโรงพยาบาลกลับมาบ้านพัก กรนันท์แย่งมิราประคองพาเข้าบ้าน คามินมองอย่างไม่ไว้ใจ เดินตามเข้าไปพร้อมไคซัจ อธิรุธเห็นกรนันท์มาด้วยก็สะกิดธีภพทำนองต้องมีปัญหาตามมาแน่ ธีภพเองก็หวั่นใจ

กรนันท์วางท่าเป็นน้องที่ห่วงพี่สาว ใช้มิราให้เอาน้ำมาให้พริริสา มิราทำหน้าไม่พอใจ คามินทนไม่ไหวถามใครให้เธอมาที่นี่ กรนันท์มองพริริสาเหมือนหาพวก พริริสาจึงบอกว่าตนชวนมาเอง คามินหยัน “คุณนี่เก่งมากเลยนะคุณเกรซ...เอาเถอะยังไงก็พักให้เต็มที่ พรุ่งนี้ท่านแม่จะมา เราจะได้คุยกันเรื่องกลับไทรจีส”

กรนันท์ตกใจเมื่อรู้ว่าเจ้าชายจะกลับ พริริสาเองก็เศร้าขึ้นมาทันที...ในห้องนอน พริริสานั่งซึม มิราเข้ามาถามอย่างไม่เข้าใจว่าทำไมยอมให้กรนันท์เข้ามาวุ่นวายในชีวิต พริริสาว่ายังไงก็เป็นน้อง มิราแย้งแล้วก่อนหน้านี้ พริริสาตัดบท

“เธอพูดเองไม่ใช่เหรอมิรา ว่าอย่ายึดติดกับอดีต แล้วตอนนี้เกรซเขาก็เปลี่ยนไปแล้ว”

มิราอัดอั้นอยากจะบอกว่าลับหลังกรนันท์เป็นอีกอย่างแต่กลัวเพื่อนจะไม่สบายใจ...พริริสานึกถึงวันที่กรนันท์ร้องห่มร้องไห้มาขอโทษบอกว่าตอนนี้ครอบครัวไม่เหมือนเดิม ตนก็ทำใจยอมรับ ตนอยากขออะไรสักอย่าง “พี่เป็นคนโชคดี ตอนนี้พี่มีทุกอย่างเพียบพร้อมเป็นเจ้าหญิงแห่งไทรจีส มีเจ้าชายคามิน มีคนที่รักมากมาย ในขณะที่เกรซต้องเสียทุกอย่างไปแม้แต่พี่ภพ ตอนนี้เกรซสำนึกผิดแล้ว พี่ริสาช่วยเกรซได้ไหมคะ ช่วยให้เกรซกับพี่ภพกลับมาเหมือนเดิม”

พริริสานิ่งงันไปทันที...ด้านกรนันท์กลับมาเล่าให้กานดาฟังว่า ตนทำตามแผนยอมอ่อนให้พริริสา เธอใจอ่อนจริงๆ กานดายิ้มเยาะย้ำให้ใช้ความเป็นสายเลือดเดียวกันเอาทุกอย่างคืนมา

เย็นวันนั้น พริริสายังครุ่นคิดถึงสิ่งที่กรนันท์ขอ ธีภพเข้ามาทัก เธอจะเลี่ยงหนี เขาขวางไว้ถามว่ากรนันท์มาพูดอะไรให้ไม่สบายใจ เธอส่ายหน้าแต่เขายื้อ

“จำได้ไหมว่าผมเป็นพวกจับผิดเก่งแค่ไหน มองดูก็รู้ว่าคุณไม่ได้พูดความจริง”

“แต่ตอนนี้ฉันไม่มีอะไรจะให้คุณจับผิดอีกแล้ว ฉันอยากเข้าบ้านไปพัก”

“ผมจะไม่ให้คุณไปจนกว่าจะรู้ว่าคุณไม่สบายใจเรื่องอะไร”

พริริสาสบตาด้วยความปวดใจ พลันไคซัจถือช่อดอกไม้เข้ามามอบให้บอกว่าจากเจ้าชายประเทศดาลี พริริสารู้ความหมายดีรับแล้วเดินไป ไคซัจหันมาบอก

ธีภพว่าหลังจากนี้จะมีช่อดอกไม้จากเจ้าชายอีกหลายประเทศส่งตามมา ธีภพย้อนถามต้องการจะบอกอะไรตน

“ตอนนี้ที่ไทรจีสกำลังมีปัญหา เจ้าชายคามินพยายามแก้ไขเรื่องนี้อยู่ และถ้าเจ้าหญิงทราบปัญหานี้ก็คงยอมทำทุกอย่างเพื่อให้ประเทศของเราผ่านพ้นวิกฤติไปได้ ถึงแม้เจ้าหญิงจะไม่ใช่คนไทรจีสโดยสายเลือด แต่ก็เติบโตที่ไทรจีสและการอยู่ในตำแหน่งเจ้าหญิงราชกุมารีก็มีสิ่งที่ต้องแบกรับไว้มากมายเช่นกัน ผมรู้ว่าคุณเป็นคนฉลาด คงเข้าใจสิ่งที่ผมพยายามจะบอก”

ธีภพอึ้งเข้าใจดีว่าคู่ที่เหมาะสมกับพริริสาควรจะเป็นเจ้าชายจากประเทศใดประเทศหนึ่ง ตนควรจะถอยห่างเธอออกมา...มิราเห็นช่อดอกไม้ก็เปรยไม่รู้ว่าพรุ่งนี้จะตามมาอีกกี่ช่อ พริริสาถอนใจ ถึงเวลาที่ตนต้องทำหน้าที่ราชกุมารีเลือกช่อใดช่อหนึ่งเพื่อไทรจีสแล้วใช่ไหม มิราเห็นใจปลอบว่าคนเรามีสิทธิ์เลือก เธอเองก็มีสิทธิ์เลือก สิ่งที่ดีที่สุดให้ตัวเอง พีรดาเดินเข้ามาแย้ง

“ถ้าคนทั่วไปคงเลือกทำตามหัวใจตัวเองได้ แต่สำหรับเจ้าหญิงคงไม่ง่ายแบบนั้น”

พริริสาชะงักฟังพีรดาย้ำถึงเวลาที่จะต้องทำเพื่อตอบแทนท่านพ่อ เพื่อไทรจีส เธอเศร้าที่ไม่สามารถทำตามใจปรารถนาได้อีก...ในขณะเดียวกัน คามินรู้สึกเหมือนเอาภาระไปใส่บนบ่าพริริสา ไคซัจบอกเจ้าหญิงเข้าใจแล้วส่งหมายกำหนดการให้ คามินต้องเดินทางกลับไทรจีสก่อนเพื่อเตรียมการประชุมสำคัญกับนักธุรกิจต่างชาติ

ooooooo

ระหว่างที่ไทรจีสเตรียมงาน มีคนของราห์มานแฝงตัวเข้าไปดูลาดเลาตลอด ราห์มานยิ้มย่องที่ราอิลไว้ใจลูกชายมาก น่าเสียดายที่ครั้งนี้จะเป็นงานสุดท้ายสำหรับเขา

วันต่อมากรนันท์พยายามเอาอกเอาใจธีภพ พริริสายืนมองเศร้าๆ ไม่อาจทำอะไรได้เพราะกรนันท์เป็นน้องและยังมีภาระตำแหน่งเจ้าหญิงอีก มิรายืนอยู่กับพีรดาเปรยว่าอยากให้พริริสามีความสุขบ้าง พีรดาตอบว่าเจ้าหญิงแห่งไทรจีสจะมีความสุขบนความทุกข์ของใครได้หรือ

กรนันท์โทร.เล่าให้กานดาฟังเรื่องพริริสาจะกลับไทรจีส ทุกอย่างต้องกลับมาเหมือนเดิมแน่ กานดายิ้มย่อง พลันได้ยินเสียงของหล่นชั้นบนจึงวางสาย รีบขึ้นไปดูเห็นลูกน้องตัวเองทั้งสองคนกำลังขโมยเครื่องเพชร ก็โวยวายยื้อแย่งจนพลัดตกบันไดหัวแตกเลือดนองขยับตัวไม่ได้

เช้าวันใหม่คณินรู้ข่าวรีบไปที่โรงพยาบาลหมอ บอกเธอกระดูกหักหลายที่ น่าห่วงที่สุดก็กระดูกต้นคอ เพราะถ้าไปกดทับเส้นประสาท ร่างกายก็อาจจะขยับ ไม่ได้

ธีภพพาพีรดา พริริสาและมิรามาเยี่ยม กรนันท์เห็นธีภพก็โผกอดร้องไห้ เขาลูบหลังไหล่ปลอบ พริริสามองด้วยความรู้สึกเจ็บลึกๆ จินตนามองหน้าพีรดากับพริริสาอย่างละอายใจ ทั้งสองยกมือไหว้ เธอตรงเข้ากอดลูบหลังพริริสา กรนันท์มองอย่างริษยา สบถออกมาว่า

“มาเยี่ยมหรือมาสมน้ำหน้ากันแน่” คณินปราม เธอโวย “คุณแม่ต้องมีสภาพแบบนี้มีเหรอคะที่พวกเขาจะไม่ดีใจ” จินตนาช่วยปรามอีกคน กรนันท์น้อยใจ เดินหนี

พริริสาบอกให้ธีภพตามไปปลอบ เขาประชดถ้านี่เป็นคำสั่งของเจ้าหญิงตนก็จะทำ แล้วเดินออกไป มิราถอนใจที่ทั้งสองจะลงเอยกันอย่างไร...กรนันท์หลบมาร้องไห้พอเห็นธีภพตามมาก็พร่ำรำพันว่าไม่มีใครเข้าใจตนว่าสองแม่ลูกนั่นมาทำลายครอบครัวตนแท้ๆ แต่พ่อกับย่ากลับไปรักไปชื่นชมสองแม่ลูกนั่น ในขณะที่แม่ตนอาจจะกลายเป็นคนพิการ

ธีภพปลอบว่าไม่มีใครอยากให้เป็นแบบนี้ กรนันท์ไม่เชื่อหาว่าพริริสากับพีรดามาเยาะเย้ย ธีภพท้วงไหนว่าพริริสาเป็นพี่สาว เธอเบ้ปากบอกไม่บังอาจ ตนกำลังจะกลายเป็นหมาหัวเน่า

“เกรซฟังพี่นะ ทุกอย่างที่เกิดขึ้นมันคือผลของการกระทำ ตอนนี้มันอาจจะดูแย่ดูเลวร้ายสำหรับเรา แต่ถ้าเราเปิดใจแล้วยอมเริ่มต้นใหม่ เริ่มต้นในสิ่งที่ดีๆ สิ่งที่แย่ๆในตอนนี้มันก็ผ่านพ้นไปเอง ริสากับคุณพีรดาเขาไม่ได้โกรธแค้นคุณอากานดาอีก พวกเขาปล่อยวางมันแล้ว เกรซเองก็ควรจะวางมันได้แล้วเหมือนกัน” ธีภพจับไหล่กรนันท์ให้ฟัง แต่เธอยังดื้อดึงหาว่าเข้าข้างพริริสา

ในขณะที่พีรดากับพริริสาเข้ามาเยี่ยมกานดา ซึ่งนอนนิ่งแต่สายตาขุ่นเคือง พีรดาพูดด้วยน้ำเสียงอ่อนโยนว่าตนยังยืนยันเหมือนเมื่อสิบกว่าปีก่อน ว่าตนไม่ต้องการเรียกร้องอะไรจากบูรพเกียรติ ไม่เคยโกรธแค้นกับเรื่องที่ผ่านมา คิดเสมอว่าส่วนหนึ่งมันมาจากความผิดของตน

แววตากานดาอ่อนลงไม่คาดคิดว่าพีรดาจะคิดแบบนี้ พริริสาก็ขอโทษกานดาที่ก้าวร้าวและขอให้เธออโหสิให้ อวยพรให้เธอหายเป็นปกติ น้ำตาแห่งความสำนึกผิดของกานดาไหลริน กรนันท์ยืนมอง ได้ยินทุกคำพูดร้องไห้ออกมาด้วยความรู้สึกผิดเช่นกัน

มิรานำช่อดอกไม้ขนาดใหญ่มากับหญิงรับใช้ เจอกลุ่มโรซี่ระหว่างทาง จึงเดินไปด้วยกัน หญิงรับใช้เห็นพีรดากับพริริสาออกมาจากห้องคนไข้ก็เอ่ยถาม

“จะกลับเลยหรือเปล่าเพคะพระชายา เจ้าหญิง”

โรซี่ บุษกรและชนิตาได้ยินตาโพลงแทบทรุดลงไปกองกับพื้นเมื่อรู้ว่าพริริสาเป็นเจ้าหญิง พยายามพูดคำราชาศัพท์ผิดๆถูกๆ จนพริริสาขอให้พูดเหมือนเดิมดีกว่า

ooooooo

ด้านราห์มานได้รับอาวุธสงครามเรียบร้อย เตรียมวางแผนกำจัดคามินในงานประชุมนักธุรกิจต่างชาติ และยิ่งได้รู้หมายกำหนดการเดินทางกลับ
ของพริริสาด้วยก็ยิ่งยิ้มย่อง

ในห้องประชุมบูรพเกียรติ คณินและคามินกำลังประชุมกับพวกผู้ถือหุ้น บอกศจีว่าพอได้ประธานคนใหม่เธอก็จะเป็นเลขาประธานต่อไป...คามินเดินเข้ามาบอกคณินว่า

“ความจริงคุณกับริสาเข้าใจกันแล้ว ทุกอย่างไม่จำเป็นต้องเปลี่ยนแปลงอีกก็ได้”

“ถึงไม่มีเรื่องความเข้าใจผิดในอดีต สิ่งที่ริสาทำก็ถูกต้องแล้ว ผมคงต้องยอมรับความจริง ว่าตัวเองไม่มีความสามารถพอจะพาบูรพเกียรติไปต่อได้ ถ้ายังฝืน สุดท้ายก็ทำให้บริษัทกลายเป็นเรือที่ผุพังไป ถึงเวลาที่ต้องให้คนรุ่นใหม่ คนที่มีความสามารถดูแลต่อได้แล้ว รอก็แค่ให้เขาทำหน้าที่สำคัญให้เสร็จเสียก่อน”

คามินพอจะรู้ว่าคณินหมายถึงธีภพ...พอกลับมาบ้านพักเจอกับธีภพ คามินจึงคุยแบบส่วนตัว บอกพรุ่งนี้ตนต้องกลับไทรจีส ธีภพทราบหมายกำหนดการดี คามินจึงถาม “หลังจากนี้มีเรื่องสำคัญหลายอย่างที่ผมและท่านพ่อต้องจัดการ แต่ผู้การเอกสิทธิ์บอกว่าคุณมีเรื่องจะคุยกับผม มันเป็นเรื่องอะไร”...ธีภพยิ้มแววตาบ่งบอกว่าเรื่องนี้สำคัญมาก

วันต่อมา คามินเดินทางกลับมาถึงวังไทรจีส ตรงเข้าไปคุยกับราอิลในห้องประชุมทันที...ด้านพริริสาเก็บเสื้อผ้าลงกระเป๋าเตรียมเดินทางกลับ พีรดาเข้ามาถามแน่ใจแล้วหรือที่จะกลับ

“กลับไปครั้งนี้ลูกรู้ใช่ไหมว่าจะต้องกลับไปทำหน้าที่เจ้าหญิงราชกุมารีแห่งไทรจีส จะไม่ใช่ริสาที่สามารถทำอะไรได้ตามใจเหมือนที่อยู่ที่นี่อีก”

พริริสาแม้จะเศร้าแต่ก็รู้ว่าจากนี้ไปเรื่องของไทรจีสจะมาก่อนเรื่องอื่น พีรดาโอบกอดลูกสาวด้วยความเห็นใจ มิราเองก็ไม่สบายใจ อธิรุธแนะให้เธออยู่เมืองไทยก่อนจนกว่าสถานการณ์จะดีขึ้นค่อยกลับไป แต่เธอแย้ง “ถึงฉันจะช่วยเหลืออะไรไทรจีสไม่ได้มาก แต่ฉันก็ไม่ใช่คนขี้ขลาด จะได้หลบเอาตัวรอดคนเดียว ยังไงฉันก็จะกลับไปพร้อมริสาและพระชายา”

“คุณรู้ไหม นิสัยคุณเหมาะมีแฟนเป็นตำรวจมาก โดยเฉพาะตำรวจไทย” อธิรุธจีบดื้อๆ

มิราหาว่าเขาชอบพูดเล่น เขาบอกเขาไม่ได้ตามไปด้วย เธอต้องระวังตัวให้ดี แล้วยื่นกระดาษใส่มือให้เก็บไว้ห้ามทิ้ง เธอมองงงๆเขาโน้มหน้ามาหอมแก้มเธอฟอดอย่างรวดเร็วก่อนจะวิ่งหนีไป เธอโวยไล่หลัง...คนบ้าคนฉวยโอกาส แล้วจึงคลี่กระดาษดู เห็นข้อความว่า...จองแล้วจ้า...

พริริสาเดินออกมาหน้าห้องพัก เจอเข้ากับธีภพพอดี ต่างคนต่างเกร็งๆ เขาถามเธอเก็บของเรียบร้อยแล้วหรือ เธอถามกลับว่าเขาจะไปส่งตนกับแม่ที่ไทรจีสหรือ เขารับว่าใช่

“เสร็จงานที่ไทรจีสแล้ว ฉันฝากเกรซน้องสาวฉันด้วยนะคะ”

เขาย้อนถามแล้วเธอล่ะ พริริสาเศร้าลงบอกตนต้องกลับไปทำหน้าที่เจ้าหญิงเพื่อไทรจีส

“ผมก็จะทำหน้าที่ของตัวเองให้ดีที่สุดเหมือนกัน เพราะมันคงเป็นงานสุดท้ายของภารกิจนี้ที่จะปกป้องเจ้าหญิงของไทรจีส” ธีภพโค้งคำนับเดินกลับไป พริริสาใจหายวาบ

ooooooo

รุ่งเช้า มีรถสองคันจอดรอหน้าบ้าน หมวดทัดเปิดประตูรถให้พีรดาขึ้นนั่ง พริริสาจะเปิดประตูเองแต่ธีภพเอื้อมมาเปิดให้ มือทั้งสองแตะกันต่างนิ่งอึ้ง... อธิรุธกับมิราขึ้นอีกคันขับตาม

กรนันท์เริ่มรู้สึกผิด ยิ่งพอคณินบอกว่าธีภพเสร็จงานทางโน้นคงกลับมาช่วยงานที่บูรพเกียรติเหมือนเดิม ก็ไม่สบายใจที่ธีภพจะต้องแยกจากพริริสาเพราะตนเป็นหนึ่งในสาเหตุนี้...

บนถนนนอกเมือง ราห์มานให้ทหารกบฏเตรียมอาวุธพร้อมรถฮัมวี่หลายคัน เขาคิดถึงอดีตที่ท่านพ่อมอบไทรจีสให้ราอิลปกครอง แม้ราอิลจะบอกเสมอว่า แผ่นดินไทรจีสไม่ใช่ของใครแต่เป็นของประชาชนทุกคน เขาหัวเราะหยัน “ท่านพี่อย่าเอาคำพูดสวยๆมโนคติพวกนี้มาพูดกับน้องเลย หรือท่านพี่คิดจะเก็บไทรจีสไว้เป็นของตัวเองคนเดียว”

“พี่ไม่เคยคิดอยากครอบครองอะไร เพราะพวกเรามีหน้าที่แค่ดูแลรักษาและทำให้คนที่นี่อยู่กันอย่างมีความสุข แผ่นดินนี้ไม่ใช่สิ่งของที่จะมีคนยึดมาเป็นเจ้าของ เชื่อเถอะว่าคนที่คิดแบบนั้นจะไม่มีวันได้มันไปแน่ๆ”...

ราห์มานคิดแล้วให้ยิ่งโมโห สั่งอาซิสและทหารกบฏไปจับตัวเจ้าชายและเจ้าหญิงมาให้ได้ ถ้าจับเป็นไม่ได้ก็ให้จับตายและเอาศพทั้งคู่มา

ส่วนคามินกำลังจะไปที่งานประชุม ราอิลกังวลความปลอดภัย ไคซัจเข้ามารายงานว่าพระชายากับเจ้าหญิงมาถึงไทรจีสแล้ว ราอิลย้ำให้ระวังความปลอดภัย คามินยิ้มอย่างมั่นใจ...รถองครักษ์รอรับเจ้าหญิงและพระชายาหลายคันเป็นขบวน...เมื่อคามินมาถึงห้องประชุม ทหารกบฏซึ่งแฝงตัวอยู่กับทหารอารักขาหยิบอาวุธเข้าเล่นงาน ล้อมคามินกับไคซัจไว้ กล่าวขอบคุณที่จัดงานนี้ขึ้นมา เปิดโอกาสให้พวกตนทำงานได้ง่ายขึ้น ถ้าไม่อยากให้ทหารต้องเสียเลือดเนื้อก็ยอมจำนนเสียและอีกไม่นานพวกตนก็จะได้ตัวเจ้าหญิงกับพระชายามาร่วมด้วย

รถทหารกบฏแล่นมาขวางหน้าขบวนรถพริริสา ทำให้ทุกคันต้องเบรกกะทันหัน ทหารกบฏปรี่เข้ากระชากประตูหมายเอาตัวพริริสากับพีรดา แต่กลายเป็นทหารหญิงถือปืนยิงสวน

ธีภพขับรถพาพริริสาขึ้นเขา แยกคนละคันกับพีรดา นึกถึงวันที่วางแผนนี้กับคามิน เดิมทีคามินไม่เชื่อว่าแผนตลบหลังนี้จะได้ผลแต่ไคซัจเห็นด้วยและไว้ใจให้เขาพาเจ้าหญิงไปอยู่ในที่ปลอดภัยก่อน คามินจำยอม “ได้ การตัดสินใจที่จะเสี่ยงครั้งนี้เพื่อจบปัญหาความไม่สงบของเรา และนี่คงเป็นงานสุดท้ายที่พวกเราจะรบกวนคุณ ถ้าคุณไม่อยากทำก็บอกผมมาได้เลย”

ธีภพกล่าวยินดีทำอย่างสุดกำลัง คามินย้ำที่ตนยอมเพราะพริริสาไม่ใช่แค่น้องสาวที่รัก แต่ยังเป็นเจ้าหญิงของไทรจีส ขอให้จำไว้ว่าเธอยังมีหน้าที่ต้องทำเพื่อไทรจีส

ธีภพคิดแล้วพยายามทำใจยอมรับว่านี่เป็นหน้าที่สุดท้ายที่จะทำให้พริริสา...ระหว่างทางไม่พ้นสายตาพวกทหารกบฏที่ส่องกล้องมอง รถแล่นมาถึงหน้ากระท่อมบนเขา ธีภพส่งปืนให้กระบอกหนึ่ง กำชับว่าอย่าลงจากรถจนกว่าตนจะกลับมา ถ้ามีอะไรให้ยิงปืนขึ้นฟ้า

เมื่อธีภพเดินสำรวจรอบกระท่อมไม่เห็นอะไรผิดปกติก็วิทยุบอกทหารไทรจีสว่าเจ้าหญิงถึงที่ปลอดภัยแล้ว และได้รับการตอบรับว่า พอทุกอย่างคลี่คลายจะส่งคนไปรับเจ้าหญิง...ธีภพกำลังเดินกลับมาที่รถ ได้ยินเสียงปืนดังขึ้น เขารีบวิ่งมาพบประตูรถเปิดอยู่แต่ตัว

พริริสาหายไป เธอถูกทหารกบฏจับตัวจะพาไปขึ้นรถ ธีภพตามมาช่วยทัน พริริสาสะบัดตัวอย่างแรง ทหารกบฏจะยิงแต่ธีภพไวกว่าคว้าปืนยิงใส่ก่อนที่ทางนั้นจะลั่นไก พริริสาโผกอดธีภพแน่น เขาโล่งใจ

ด้านพีรดากับมิรา องครักษ์พามาบ้านพักริมทะเลสาบ มิราออกมาเดินสำรวจด้านนอก สักพักรู้สึกเหมือนมีคนตามหลังจะวิ่งหนีแต่ถูกรวบตัวปิดปากเสียก่อน เธอจึงกระทุ้งศอกใส่อย่างแรง เสียงร้องทำให้เธอรู้ว่าคนนั้นคืออธิรุธ เธอประหลาดใจปนดีใจ “ผู้กอง คุณมาได้ยังไง”

“ผมอาสาเจ้าชายคามินตามมาช่วยพวกคุณด้วย”

มิราต่อว่าทำไมไม่บอก อธิรุธอ้างว่าทุกอย่างเป็นความลับ เธอเองยังไม่บอกแผนเจ้าชายเลย เธอยิ้มๆ... ด้านนอกเมือง ทหารกบฏถูกทหารไทรจีสจับได้หลายคน

ทางด้านคามินยังถูกพวกอาซิสล้อม คามินยิ้มอย่างไม่หวาดกลัวจนอาซิสแปลกใจ พลันมือถือดังขึ้น คามินกดรับสายและเปิดสปีกเกอร์โฟนให้อาซิสได้ยินด้วย เป็นเสียงจากทหาร

“ตอนนี้พวกกระหม่อมควบคุมตัวทหารกบฏที่ซุ่มโจมตีขบวนรถของพระชายาและเจ้าหญิงได้หมดแล้วพ่ะย่ะค่ะ...”

อาซิสตกใจไม่ยอมเชื่อ คามินบอกให้ดูใหม่ว่าทหารทั้งหมดนี้คนของใครกันแน่ อาซิสเพิ่งเห็นว่าทหารที่อยู่ตรงนี้หันกระบอกปืนมาทางตนหมด จึงรู้ว่าถูกซ้อนแผน

ก่อนหน้านี้วันที่คามินกลับมาได้ประชุมกับราอิล ไคซัจ ท่านเลขาและนายพลพอล ถึงแผนการที่จะให้ราห์มานมาติดกับ คามินบอกว่าราห์มานให้อาซิสกับพวกตามเล่นงานตนกับพริริสาที่ประเทศไทย แต่จู่ๆก็เรียกตัวกลับ แสดงว่าต้องพร้อมจะทำงานใหญ่

นายพลพอลรายงานว่าตรงกับที่เราสืบเรื่องการขนอาวุธและจัดตั้งค่ายลับๆนอกเมือง ราอิลเห็นว่าอาวุธและกำลังคนพร้อม คนใจร้อนอย่างราห์มานต้องชิงลงมือแน่ ท่านเลขาบอกได้เปิดช่องทางและวางเหยื่อล่อปลาไว้แล้ว ราห์มานไม่ปล่อยโอกาสไปแน่...ราอิลจึงวางใจ

ราห์มานกับทหารกบฏที่เหลือพากันออกจากเซฟเฮ้าส์เพื่อหลบหนี แต่ถูกนายพลพอลยกกำลังมาล้อมจับไว้ได้อย่างง่ายดาย ราห์มานแค้นเคืองขู่ว่าตนไม่ยอม แค่นี้แน่

ooooooo

กระท่อมบนเขา พริริสายืนมองพระอาทิตย์กำลังจะตก ธีภพเข้ามาบอกว่าแผนของคามินสำเร็จแล้วทุกคนปลอดภัย พรุ่งนี้ทหารไทรจีสจะส่งคนมารับกลับ พริริสาสบตาธีภพอย่างใจหาย

ด้านมิราอดเป็นห่วงพริริสาไม่ได้ อธิรุธแซว เรื่องวุ่นวายจบลงแล้ว ทำไมยังทำหน้าเป็นป้าอยู่อีกแล้วใช้นิ้วจิ้มหว่างคิ้วเธอ มิรารีบเอามือลูบหน้าตัวเอง ก่อนจะถามว่าธีภพติดต่อมาบ้างไหม อธิรุธตอบว่าพวกเขาปลอดภัยดี เธอบอกไม่ได้ห่วงเรื่องนั้น ห่วงเรื่องความรู้สึกพวกเขา อธิรุธถือโอกาสกอดมิราโดยอ้างว่ารู้สึกเศร้าแทนเพื่อนจนอยากกอดใครสักคน โชคดีที่เธอไม่ใช่เจ้าหญิง มิราจึงบอกว่าตนก็มีพ่อแม่ที่รักและหวงตนมาก

“ไม่ต้องห่วง ผมจะพิสูจน์ให้พวกท่านได้เห็นว่าผมพร้อมจะปกป้องดูแลคุณตลอดชีวิต”

มิราอมยิ้มไม่ขัดขืนการกอดของอธิรุธแม้แต่น้อย...ในคืนนั้นธีภพเห็นพริริสายังไม่นอน

“ทำไมยังไม่นอนอีกพ่ะย่ะค่ะ นี่ก็ดึกมากแล้ว”

พริริสาติงว่าไม่คุ้นกับการพูดแบบนี้ของเขา ธีภพกลับบอกว่าตนต้องทำทุกอย่างให้คุ้นชิน หญิงสาวยิ่งเศร้า “คุณเคยถามฉันว่าถ้าตอนนี้เราสามารถทิ้งทุกอย่างไว้ข้างหลัง ปล่อยใจให้ว่างแล้วถามตัวเองว่าตอนนี้เรารู้สึกยังไง ตอนนี้ฉันอยากขอเวลาให้ฉันได้เป็นตัวเอง เป็นแค่ผู้หญิงที่ชื่อริสาที่คุณเคยรู้จักอีกสักพักได้ไหมคะ”

ธีภพจำเหตุการณ์ครั้งนั้นได้ดี จึงไปเอาเสื้อมาคลุมไหล่ให้ โอบกอดเธออย่างอ่อนโยน เธอซบไหล่เขา

อยากรักษาช่วงเวลานี้เอาไว้ให้นานที่สุด ทั้งคู่นั่งมองดาวบนฟ้า ธีภพเอ่ยว่าอีกไม่กี่ชั่วโมงพระอาทิตย์ก็จะขึ้น เธอไม่ง่วงหรือ หญิงสาวบอกว่าถ้าตนหลับเวลาที่อยู่ที่นี่ก็จะเหลือน้อยลง ถ้าหยุดเวลาเอาไว้ได้ก็คงดี ชายหนุ่มติงมันหยุดไม่ได้ เมื่อถึงเวลาก็ต้องเดินไปตามวิถีของมัน พริริสาว่าจะโกหกให้ตนดีใจบ้างไม่ได้หรือ บางทีผู้หญิงก็อยากฟังคำโกหกที่ทำให้สบายใจบ้าง ธีภพเสียงเข้มว่าตนไม่ชอบโกหก เธอกระเซ้าถึงว่าถึงชอบจับผิด

“แต่คุณโกหกไม่เก่งหรอกนะริสา แค่ครั้งแรกที่ผมเจอคุณที่บูรพเกียรติ ผมก็รู้แล้วว่าคุณซ่อนอะไรไว้มากมาย แค่คิดไม่ถึงว่าคุณคือเจ้าหญิงของไทรจีส”

“แต่คุณก็ทำให้ฉันอยากเป็นแค่ริสา เลขาธรรมดาคนนึงมากกว่า”

“เราคงเปลี่ยนแปลงความจริงอะไรไม่ได้ สิ่งที่ทำได้คือใช้เวลาที่เหลืออยู่ให้มีความสุขที่สุด” พริริสายอมรับว่าอยู่แบบนี้ตนมีความสุข ธีภพจึงกระชับอ้อมกอดไม่อยากให้เธอหลุดไป

พริริสานอนหลับบนโซฟา ธีภพหยิบสร้อยข้อมือออกมาลังเลว่าจะใส่ให้เธอดีหรือไม่ พลันเสียงเฮลิคอปเตอร์ดังมา เขาจึงเก็บสร้อยใส่กระเป๋าไว้ มองพริริสาว่าถึงเวลาต้องจากกันจริงๆแล้ว...ธีภพพาพริริสาออกมาหน้ากระท่อม ทหารยืนทำความเคารพ เธอหันมองเขาอย่างอาลัยอาวรณ์อีกครั้ง ก่อนจะตัดใจไปทำหน้าที่เจ้าหญิงแห่งไทรจีส หัวใจธีภพเหมือนหลุดลอย

ooooooo

เมื่อทุกอย่างจบลง ธีภพจะเดินทางกลับแต่อธิรุธขออยู่กับมิราอีกสองสามวัน...ราอิลเห็นพริริสาเศร้าซึมเหมือนมีอะไรในใจ คามินรู้แก่ใจแต่ไม่พูด กลับบอกว่าเวลาจะช่วยเยียวยาให้เธอเอง ไคซัจท้วง เรื่องบางเรื่องเวลาก็ช่วยอะไรไม่ได้ ราอิลพอจะเข้าใจเห็นด้วยกับไคซัจ

“อย่าเอาสิ่งที่ตัวเองเชื่อตัดสินความรู้สึกของคนอื่น พ่อรู้ว่ารักน้องมาก อยากให้ได้รับสิ่งที่ดีที่สุด แต่สิ่งที่ดีที่สุดของแต่ละคนจะต้องให้คนคนนั้นเป็นคนตัดสินเองไม่ใช่คนอื่นมาตัดสินให้”

คามินฟังแล้วเริ่มรู้สึกผิด...ด้านกานดาอาการภายนอกดีขึ้น แต่ยังต้องทำกายภาพ กรนันท์และคณินช่วยกันดูแล พวกโรซี่นำกระเช้าดอกไม้มาเยี่ยม พอเจอกรนันท์ก็ชะงักกลัวการเหวี่ยงวีน แต่เธอเปลี่ยนไปกลับขอให้พวกเขาทำเรื่องบางอย่างให้

พริริสากับพีรดามาไหว้พระที่โบสถ์ พีรดาถามยังทุกข์ใจเรื่องบูรพเกียรติอีกหรือ เธอบอกว่าไม่มีอะไรค้างคาใจอีกแล้ว ทันใดมีข้อความไลน์จากโรซี่ส่งคลิปเด็ดมาให้ เป็นภาพกรนันท์จับมืออี๋อ๋อกับหนุ่มหล่อ และมีการสวมแหวนจับจองกันเรียบร้อย พริริสาเห็นแล้วนึกเป็นห่วงธีภพ แต่ถึงอย่างไรความเป็นเจ้าหญิงก็ยังกั้นกลางเธอกับเขา

ถึงวันที่ธีภพจะเดินทางกลับเมืองไทย ราอิลฝากความระลึกถึงไปยังธเนศ...ธีภพให้อธิรุธไปเจอกันสนามบิน ตนจะแวะเข้าเมืองไปเอาของที่โรงแรม อธิรุธท้วงจะไม่เจอพริริสาก่อนหรือ เขาไม่ตอบเดินไปอย่างตัดใจ มิรามองอย่างเห็นใจ

พริริสายืนเศร้า คามินเอากุหลาบขาวมายื่นตรงหน้า เธอถามจากเจ้าชายประเทศไหน คามิน

ตอบว่าของตนเอง เธอแปลกใจ เขาขยายความ “จากนี้จะ ไม่มีดอกไม้จากเจ้าชายประเทศไหนส่งมาให้เลือกอีกแล้วน่ะสิ แล้วริสาก็ไม่จำเป็นต้องเลือกสิ่งที่ใจไม่ต้องการแล้วด้วย”

พริริสาถามหมายความว่าอย่างไร เขาบอกเธอรู้ความหมายของดอกกุหลาบขาวไหม เธอตอบว่า ความรักที่บริสุทธิ์ไม่ต้องการสิ่งตอบแทน “ใช่ พี่เคยคิดว่าคงไม่มีใครจะมอบความรักแบบนี้ให้น้องสาวของพี่คนนี้ได้ นอกจากพี่ แต่พี่ก็คิดผิด จะว่าไปนายธีภพก็พอจะเป็นน้องเขยพี่ได้อยู่นะ...ทำตามหัวใจตัวเองเถอะริสา ทุกๆคนที่นี่อยากเห็นริสามีความสุขที่แท้จริง”

คามินเร่งให้ไปตามหัวใจตัวเองกลับมา พริริสากำกุหลาบขาววิ่งออกไปด้วยหัวใจพองโต ไคซัจเข้ามาโค้งคำนับบอกว่าจะขับรถพาไปตามหาธีภพ เธอดีใจและขอบใจเขา...ในขณะที่ธีภพเดินไปทุกแห่งที่เคยไปกับพริริสา จุดสุดท้ายที่เขามาคือจุดชมวิวบนยอดเขา มองจากที่สูงลงมาชมเมืองที่สวยงาม ตัดสินใจจะเอาสร้อยข้อมือมาโยนลงไปพร้อมความเศร้าของตน เสียงพริริสาดังขึ้น “สร้อยนั่นคุณบอกว่าจะเอาไปซ่อมให้ฉันแล้วทำไมไม่ยอมคืนให้ฉันสักทีล่ะคะ”

ธีภพหันมาโค้งคำนับ “กระหม่อมคงคืนให้ไม่ได้ เพราะสร้อยข้อมือเส้นนี้คงไม่มีค่าไม่มีราคาที่คู่ควรสำหรับเจ้าหญิงแห่งไทรจีส”

“ใครจะตีค่าราคามันเท่าไหร่ฉันไม่สนใจหรอกค่ะ เพราะทุกสิ่งทุกอย่างที่คุณมอบให้ฉัน เป็นของมีค่าสำหรับฉันเสมอ ท่านพ่อกับพี่คามินก็คิดแบบนั้นเหมือนกัน เขาถึงบอกให้ฉันรีบมาหาคุณก่อนที่คุณจะกลับ คุณรู้ไหมคะว่าทุกคนเขาวุ่นตามหาคุณให้ทั่ว จนฉันคิดว่าจะต้องกลับไปประเทศไทยอีกกี่รอบก็ไม่รู้”

ธีภพเข้าใจความหมายดึงพริริสามากอดแนบแน่น ทั้งสองเดินชมวิวร่วมกันอีกครั้ง ธีภพเอ่ยว่าคนที่นี่ไว้ใจให้ตนดูแลเธอ ตนจะทำหน้าที่ไม่ให้พวกเขาผิดหวังตลอดไป จากนี้ไม่ว่าจะเกิดอะไรขึ้น เราจะเดินไปด้วยกัน โดยมีตนคอยปกป้อง พริริสามองสร้อยที่ข้อมือด้วยหัวใจเปี่ยมสุข กล่าวว่าขอเป็นริสาของเขาตลอดไป สองหนุ่มสาว สวมกอดกันด้วยหัวใจพองโต

ooooooo

–อวสาน—

เพลิงนรี

ละครแนะนำ

ข่าวละครวันนี้ดูทั้งหมด