ตอนที่ 9
อัลบั้ม: "บอม ธนิน" ประกบ "ไอซ์ อามีนา" ใน "พิรุณพร่ำรัก"
พอเข้าห้อง โลแกนมองไปรอบๆ ชมว่าห้องน่าอยู่จัง วันไหนตนเบื่อไม่อยากกลับบ้านจะมาอยู่ด้วยได้ไหม ตนรู้สึกอบอุ่นและเหมือนกับว่าคุ้นเคยยังไงไม่รู้ ชามินต์ตัดบทว่าเขาคิดไปเอง เปลี่ยนเรื่องถามว่าซื้ออะไรมาเยอะแยะ
“มีทุกอย่าง อิตาเลียน จีน โปรตุกีส คุณไปอาบน้ำเถอะ เดี๋ยวผมจัดการแกะของใส่จานเอง” เธอถามว่าทำได้หรือ “แค่แกะอาหารใส่จาน ทำไมจะทำไม่ได้ ไปอาบน้ำเถอะ ผมจัดการได้”
พอชามินต์เข้าห้อง โลแกนก็ถอดสูท หยิบผ้ากันเปื้อนคาดแล้วจัดอาหารใส่จานอย่างคล่องแคล่ว
เมื่อชามินต์ออกมา โลแกนชวนกินอาหารอย่างกระตือรือร้นถามว่าอาหารเป็นอย่างไร เธอบอกว่าใช้ได้
“ใช้ได้แสดงว่ายังไม่ถูกปากคุณ งั้นวันไหนผมจะทำให้คุณกินเองดีกว่า เพราะสมัยที่พ่อแม่ผมยังอยู่ ผมยังทำกับข้าวให้พ่อแม่กับน้องกินเลย” ชามินต์แซวว่าคงทนกินมากกว่า “งั้นเอาอย่างนี้ พรุ่งนี้ผมจะทำให้คุณกินเลย”
“พรุ่งนี้คุณจะมาที่นี่อีกหรือ”
“ก็ใช่สิ ในเมื่อเราออกไปกินข้างนอกด้วยกันไม่ได้ ผมก็ต้องมากินกับคุณที่นี่แหละ แล้วผมอาจจะเอาเสื้อผ้ามาค้างที่นี่เลย ตื่นเช้าจะได้ไปทำงานได้เลย”
ชามินต์ตกใจบอกว่าไม่ได้เพราะเรายังไม่ได้เป็นอะไรกัน เขาต่อรองว่าจะนอนในห้องรับแขก ชามินต์ไม่อนุญาต โลแกนจึงขอมาทานข้าวกับเธอทุกวัน แล้วตักอาหารจะป้อนให้ อ้อนให้เธอป้อนให้บ้าง
ทั้งสองป้อนอาหารให้กัน หยอกล้อกันอย่างมี ความสุข...
หลังอาหาร...ที่โซฟาหน้าโทรทัศน์ ชามินต์นั่งโลแกนนอนหนุนตัก กินลูกเบอรี่ที่ชามินต์ป้อนให้ และหอมแก้มเธออย่างชื่นใจ...
ooooooo
นีล่าไปนั่งดื่มที่บาร์คนเดียว คลากกับอาฟงเดินเข้ามา อาฟงเห็นนีล่านั่งอยู่คนเดียว คลากคาดว่าคงเฮิร์ตเรื่องโลแกน บอกว่าเดี๋ยวจะไปสืบข่าวจากเธอสักหน่อย
คลากเดินเข้าไปทักนีล่า ถามว่าโลแกนล่ะ เธอบอกว่าตนมาคนเดียว
“ผมไม่อยากเชื่อเลยว่าคุณโลแกนจะปล่อยคู่หมั้นสาวสวยมานั่งดื่มอยู่คนเดียว” นีล่าตัดรำคาญว่าถ้าไม่มีธุระอะไรตนขอนั่งเงียบๆ ได้ไหม “เผอิญผมก็มาคนเดียวเหมือนกัน ผมจะขอนั่งด้วยคนได้ไหมครับ”
คลากเลียบเคียงถามเรื่องโลแกนจนนีล่ารำคาญมากลุกจะกลับ คลากจะจ่ายให้เธอบอกไม่ต้องตนมีเงินแล้วลุกเดินไปอย่างยโส พอคลากเดินออกไป อาฟงถามว่าได้เรื่องไหม
“ฉันว่าคนที่สั่งฆ่าหมอชามินต์ไม่น่าใช่นีล่า เหว่ย”
“ถ้าไม่ใช่นีล่า เหว่ยแล้วใครล่ะครับ”
คลากไม่ตอบ ยกแก้วเครื่องดื่มขึ้นจิบ ทบทวนเรื่องราวที่ได้คุยกับนีล่าเมื่อครู่นี้อย่างครุ่นคิด...
ooooooo
นีล่าเข้าห้องน้ำกินยานอนหลับกับน้ำก๊อกที่อ่างล้างมือแล้วเข้าห้องส้วมปิดประตูโทรศัพท์ถึงเดนิส
เดนิสขับรถอยู่ เขาดีใจมากที่นีล่าโทร.มา รีบรับถามว่าทำไมไม่รับโทรศัพท์ของตน รู้ว่าเธอโกรธแต่เราต้องคุยกัน นีล่าบอกว่าไม่มีประโยชน์ เพราะเขาโกหกตนตลอดมาเขาไม่เคยรักตน
เสียงนีล่าเริ่มเมายาจนเดนิสถามว่าเธอเป็นอะไรเสียงเหมือนเมายา
“ใช่ ฉันเมา เมาเพราะรักพี่ ได้ยินไหมพี่เดนิส ฉันรักพี่ แต่พี่ไม่รักฉัน”
ในห้องน้ำนั้น ผู้หญิงสองคนกำลังเติมปากที่กระจกได้ยินเสียงนีล่าโวยวาย ก็เบ้หน้าอย่างสมเพช
เดนิสถามว่านีล่าอยู่ที่ไหน พร่ำบอกเธอว่า “พี่รักเธอ พี่รักเธอ” นีล่าไม่ยอมบอกว่าตนอยู่ที่ไหน พูดประโยคสุดท้ายด้วยเสียงเกือบฟังไม่รู้เรื่องว่า
“สายไปแล้ว พี่เดนิส ลาก่อน...” แล้วโทรศัพท์ก็ร่วงจากมือกลิ้งไปนอกห้องส้วม เดนิสตะโกนเรียกจนผู้หญิงที่เติมปากอยู่ข้างนอกหยิบโทรศัพท์ขึ้นบอกว่าแฟนเขาทำโทรศัพท์ตกออกมานอกห้องส้วม เดนิสถามว่าเธออยู่ที่ไหน พอหญิงนั้นบอกว่าไอวี่ผับ เดนิสก็เลี้ยวรถเข้าไปอย่างรวดเร็ว
ยามกับแม่บ้านช่วยกันทุบประตูห้องน้ำ แม่บ้านปีนดูตกใจแทบร่วงร้องว่าเธอตายแล้ว ยามจึงพังประตูเข้าไปแล้วอุ้มนีล่าในสภาพหมดสติออกมา
เดนิสวิ่งเข้าไปพอดี เขาบอกยามที่อุ้มนีล่าออกมาให้วางเธอไว้ที่เคาน์เตอร์ จากนั้นปฐมพยาบาลเธอทันที ความเป็นหมอทำให้เขาช่วยได้ถูกวิธีและรวดเร็ว ไม่นานนีล่าก็รู้สึกตัว ลืมตาถาม
“พี่เดนิส...นี่ฉันยังไม่ตายหรือ...”
“ไม่ พี่จะไม่ยอมให้เธอตายไปจากพี่” เดนิสดึงนีล่าเข้าไปกอด คลากกับอาฟงเดินมาดู คลากพูดกับอาฟงเบาๆว่า
“ท่าทางหนังม้วนนี้จะยาวซะแล้ว”
ooooooo
นีล่าถูกนำตัวไปโรงพยาบาล ไม่นานเหว่ยซานก็มาพร้อมบอดี้การ์ด เขาผลักประตูพรวดเข้าไปทันที เดนิสยกมือไหวเหว่นซานไม่สนใจถามนีล่าอย่าง ตึงเครียดว่าเกิดอะไรขึ้น เดนิสบอกว่ากินยานอนหลับเกินขนาด
“นี่ลูกคิดจะฆ่าตัวตายหรือ นี่แกยอมตายเพียงเพราะแค่ผู้ชายคนนี้งั้นหรือ พ่อคิดว่าแกจะเข้าใจที่พ่อพูดแล้วเสียอีก”เหว่ยซานเกรี้ยวกราดจนเดนิสเรียกเตือน ถูกเหว่ยซานตวาด “ไม่เกี่ยวกับแก ผู้หญิงคนนี้เป็นลูกสาวฉัน ฉันจะทำอะไรกับลูกสาวฉันก็ได้”
เดนิสอ้างว่านีล่าเป็นคนไข้ของตน ที่นี่เป็นโรงพยาบาลตนเป็นหมอ มีสิทธิ์ที่จะดูแลคนไข้ให้ปลอดภัย เหว่ยซานบ้าดีเดือดสั่งอาเหวินให้เอาตัวนีล่ากลับบ้านเดี๋ยวนี้ เดนิสพยายามทัดทาน เมื่อไม่ได้ผลเขาขู่ว่า
“ถ้านีล่าเป็นอะไรไป คุณจะต้องรับผิดชอบ” เดนิส ไม่อาจช่วยนีล่าได้ต่างยื่นมือไขว่คว้ากัน ในขณะที่อาเหวินอุ้มนีล่าเดินลิ่วไป ก่อนออกจากประตู เหว่ยซานยังหันบอกเดนิสว่า
“ไม่ว่าชาตินี้หรือชาติหน้า แกก็ไม่มีวันได้ลูกสาวฉัน” แล้วปิดประตูใส่หน้าเดนิสที่ยืนอึ้ง
กลับถึงบ้าน เหว่ยซานด่านีล่าว่าถ้าไม่เห็นว่าเพิ่งรอดตายได้เจ็บตัวแน่ สั่งห้ามติดต่อกับเดนิสตั้งแต่วันนี้เป็นต้นไป
“ไม่ หนูจะไม่ทำตามที่พ่อพูด พ่อไม่มีสิทธิ์มาบงการชีวิตหนู”
“ถ้าอย่างงั้นแกคงอยากให้หมอเดนิสประสบอุบัติ– เหตุเสียชีวิตงั้นสิ” นีล่าตกใจถามว่าพ่อจะฆ่าเดนิสหรือ “ถ้ามันจำเป็นก็จะทำ”
“ถ้างั้น...เรื่องที่มีคนคิดฆ่าหมอชาร์มก็เป็นฝีมือพ่อสิ”
“ใช่ แล้วแกจะทำไม”
นีล่าน้ำตาไหลพราก ตัดพ้อว่าไม่คิดว่าพ่อจะเป็นคนเหี้ยมโหดและอำมหิตอย่างนี้ เหว่ยซานบอกว่าตนทำทุกอย่างเพื่อลูก นีล่าเถียงทั้งน้ำตาว่าไม่ใช่ พ่อทำทุกอย่างเพื่อตัวเองแล้วโยนความผิดทุกอย่างให้ตนต่างหาก ตะโกน “หนูเกลียดพ่อ...หนูเกลียดพ่อ!” แล้ววิ่งร้องไห้ออกจาก ห้องไป
เหว่ยซานสั่งอาเหวินว่าต่อไปนี้ต้องอยู่ติดกับนีล่า ห้ามเจอกับเดนิสเด็ดขาดแม้แต่พูดโทรศัพท์ก็ไม่ได้ อาเหวินรับคำว่าจะไม่ให้นีล่าคลาดสายตาเลย
ooooooo
โลแกนเพิ่งรู้จากลุงจินที่รักษาตัวหายดีแล้วกลับมาอยู่บ้านว่า เมื่อคืนเดนิสโทร.บอกตนว่านีล่ากินยาฆ่าตัวตาย แต่เดนิสช่วยไว้ทัน ลุงจินเสนอว่าเขาควรจะไปช่วยเคลียร์ให้เดนิสหน่อย โลแกนรับปากว่าเดี๋ยวจะโทร.หาเดนิสเอง
ทั้งสองนัดไปพบกันที่ริมทะเลโคโลอาล เดนิสบอกว่าตนจะไม่ยอมให้เหว่ยซานมากำหนดชีวิตนีล่าอีกต่อไป แล้วจะถามนีล่าว่าพร้อมที่จะไปกับตนหรือเปล่า จะพาเธอหนีไปจากที่นี่ โลแกนเตือนว่าถึงเขาหนีไป
เหว่ยซานก็ต้องส่งคนออกตามหาจนเจอ ให้ใจเย็นอีกนิด ลองหาทางอื่นดู
เดนิสกระชากคอเสื้อโลแกนเข้าไปตะคอกถามว่าจะเอาอย่างไร ก่อนหน้านี้ก็ด่าตนว่าไม่สู้เพื่อนีล่า แต่พอตนตัดสินใจจะสู้กลับบอกให้ใจเย็นๆ โทษว่าปัญหาทั้งหมดเกิดเพราะเขาคนเดียว ถ้าเขาไม่รักหมอชาร์มก็ต้องแต่งงานกับนีล่าเรื่องของตนกับนีล่าก็จะไม่เกิดขึ้น โลแกนบอกว่าตนรักนีล่าอย่างน้องสาว
“ไม่ว่ายังไงฉันก็จะพานีล่าไปจากเหว่ยซาน” เดนิสประกาศลั่น พอโลแกนห้ามก็ตวาด “แกไม่ต้องยุ่ง ฉันจะจัดการเรื่องนี้ด้วยตัวฉันเอง”
ทั้งสองโต้เถียงกันรุนแรงจนเดนิสต่อยโลแกนและจะตามซ้ำอีก ทีแรกโลแกนก็ปัดป้องเตือนสติเดนิส แต่เดนิสเลือดขึ้นหน้าต่อยไม่หยุด โลแกนจึงตอบโต้ ทั้งสองซัดกันกลิ้งที่ชายหาด พอเหนื่อยก็หยุดพักแล้วจะชกกันต่อแต่หมดแรงเลยนั่งมองหน้ากันหัวเราะ ลุกขึ้นกอดกัน ต่างขอโทษอีกฝ่าย แล้วพากันไปนั่งที่ร้านกาแฟ
โลแกนดีใจที่เดนิสค้นพบตัวตนที่แท้จริงของตัวเอง เดนิสยอมรับว่าเป็นเพราะโลแกนเตือนสติและให้กำลังใจตน เอ่ยขอบใจ พลางยกแก้วให้ โลแกนยกแก้วชน หัวเราะบอกว่า
“ก็เราเป็นเพื่อนกันนี่หว่า”
นี่คือความรักความผูกพันกันยาวนานของทั้งสอง ที่ฆ่ากันไม่ตายขายกันไม่ขาด
ooooooo
วันนี้นีล่าจะออกจากบ้านบอกเหว่ยซานว่า
จะไปทำผม อาเหวินตามไปด้วย แต่ที่แท้เธอไปพบโลแกน อาเหวินรายงานเหว่ยซานทันที เหว่ยซานสั่งว่าถ้าไปพบเดนิสให้พาเธอกลับทันที
นีล่าไปบอกโลแกนว่าตนตัดสินใจแล้วที่จะแต่งงานกับเขาถ้าไม่อย่างนั้นตนอาจเสียเดนิสไป เพราะพ่อเป็นคนสั่งฆ่าหมอชามินต์ พ่อบอกว่าจะฆ่าทุกคนที่ขัดขวางการแต่งงานของตนกับเขา
“ฉันขอโทษแทนพ่อด้วย พี่อย่าโกรธพ่อเลยนะ ที่เขาทำไปก็เพื่อฉัน นะพี่โลแกนนะ”
นีล่าเสนอว่าเราต้องหยุดเรื่องทุกอย่าง โลแกนต้องเลิกกับหมอชามินต์ ตนก็เลิกยุ่งเกี่ยวกับเดนิสและเราจะแต่งงานกัน โลแกนบอกว่าตนทำอย่างนั้นไม่ได้ นีล่าถามว่า
“พี่อยากให้หมอชามินต์กับพี่เดนิสตายหรือ เชื่อฉันเถอะนะพี่โลแกน มีแค่พี่กับฉันเท่านั้นที่จะยุติเรื่องนี้ได้”
โลแกนเชื่อว่ามันต้องมีทางอื่นที่ทำให้เหว่ยซานยอมรับเรื่องของพวกเรา แต่นีล่าเห็นว่าไม่มีทาง
ทันใดนั้น เดนิสเปิดประตูเข้ามา เขาบอกนีล่าว่าเราจะหนีไปด้วยกัน ตนจะไม่ยอมสูญเสียเธอไป เราจะหนีไปอยู่ที่อื่นสักพักพอพ่อเธอหายโกรธเราก็จะกลับมา นีล่าบอกว่าไม่ได้ เดนิสถามว่าไม่รักตนแล้วหรือ
“ฉันไม่เคยหมดรักพี่ แต่มันเป็นไปไม่ได้ พ่อจะต้องตามฆ่าพี่”
ทันใดนั้นมีเสียงเอะอะข้างนอกเพราะลูกน้องโลแกนที่เฝ้าอยู่ไม่ยอมให้อาเหวินเข้าไปในห้อง แต่อาเหวินดันเข้าไปจนได้ ตรงไปคว้าแขนนีล่าจะพากลับ เดนิสขัดขวางเต็มที่ โลแกนจับเดนิสไว้บอกให้ปล่อยเธอไปก่อน
“แกฟังฉันให้ดีนะเดนิส ตอนนี้เราต้องอยู่นิ่งๆ ไว้ก่อน ปล่อยให้เหว่ยซานเข้าใจว่าฉันจะแต่งงานกับนีล่าจริงๆ เชื่อฉัน ยิ่งแกวู่วามทำอะไรไปตอนนี้ มีแต่จะทำให้นีล่ายิ่งเดือดร้อน” เดนิสจำต้องนั่งลง โลแกนมองหน้าเพื่อนส่ายหน้าบ่น “แกนี่นะ เวลาเย็นก็เย็นชืดเป็นน้ำแข็ง แต่พอเวลาร้อนขึ้นมายังกะใครเอาน้ำมันไปราดกองไฟ”
ooooooo
โลแกนเองก็หมั่นเติมความรักความหวานให้ชามินต์ เมื่อไปไหนมาไหนด้วยกันอย่างเปิดเผยแล้วอันตราย เขาก็ปลอมตัวแต่งตัวเหมือนจับกังนัดเธอไปกินอาหารกัน
ชามินต์พาไปกินร้านบะหมี่ที่เคยมากินด้วยกันตอนที่โลแกนความจำเสื่อม ซ้ำเจ้าของร้านยังชื่อเดียวกับเขาด้วย กินเสร็จเจ้าของร้านเอ่ยอย่างสนิทสนมว่า “ขอบคุณครับ คุณโลแกน” โลแกนแปลกใจที่เขารู้จักชื่อตน ชามินต์บอกว่าคงเห็นจากข่าวหนังสือพิมพ์แล้วเปลี่ยนเรื่องถามว่าเดนิสกับนีล่าเป็นอย่างไรบ้าง
“ตอนนี้ผมบอกให้เขากับเดนิสอยู่เฉยๆก่อน ผมกำลังหาทางที่จะทำให้เหว่ยซานยอมรับเรื่องของผมกับเดนิส” ชามินต์เชื่อว่าเหว่ยซานไม่ยอมจบง่ายๆ “ยอมหรือไม่ยอม ผมก็ต้องยืนยันว่าคนที่ผมรักและจะแต่งงานด้วยคือคุณไม่ใช่นีล่า ไม่ต้องกลัว ผมจะไม่มีวันให้เขาทำร้ายคุณเด็ดขาด”
ชามินต์ถามว่าเขารักตนจริงหรือ โลแกนยืนยันว่าตนไม่เคยรักใครมากเท่าเธอ เราจะแต่งงาน จะมีน้องให้คอลิน จะมีครอบครัวที่สมบูรณ์และมีความสุขที่สุดในโลก ชามินต์ฟังแล้วยิ้มปลื้ม พลอยฝันไปกับเขาด้วย
เมื่อออกจากร้านบะหมี่จะกลับที่พัก ชามินต์ล้วงกุญแจห้องทำหล่นจากกระเป๋า โลแกนเก็บให้ สะดุดตาเมื่อเห็นพวงกุญแจมินนี่เม้าส์ ทักว่านี่มันมินนี่เม้าส์เป็นแฟนมิกกี้เม้าส์ใช่ไหม แล้วมิกกี้เม้าส์คู่ของมันหายไปไหน ชามินต์ปดว่าตนทำหาย
“วันหลังถ้าผมเจอ ผมจะซื้อให้ เอามาเข้าคู่กันนะ” โลแกนบอก พอดีถึงที่พักจึงกู๊ดไนท์กัน พอชามินต์ขึ้นห้องเธอมองพวงกุญแจมินนี่เม้าส์นึกลุ้น
“หวังว่าเขาจะจำเรื่องตุ๊กตามิกกี้เม้าส์ที่เราให้ไม่ได้นะ”
ฝ่ายโลแกนกลับถึงห้อง เปิดลิ้นชักเห็นพวงกุญแจมิกกี้เม้าส์ เขาหยิบขึ้นมองครุ่นคิด จำได้ว่าเดนิสบอกว่ามันอยู่ในตัวเขาวันที่เดนิสเจอตัว โลแกนโยนพวงกุญแจขึ้นไป รับแล้ววางไว้บนกระเป๋าสตางค์
ooooooo
ที่สุสาน...คลากเอาดอกไม้ไปวางไว้หน้าหลุมศพไลลา มองรูปอย่างอาลัยรัก พูดกับรูปไลลาว่า
“ผมคิดถึงคุณนะไลลา เจ็ดปีแล้วนะที่คุณจากผมไป ทำไมไม่บอกผมตั้งแต่วันนั้นว่าคุณเป็นน้องสาวโลแกน...”
คลากคิดถึงเมื่อเจ็ดปีก่อน...ขณะเขาเดินมาส่งไลลาที่สี่แยก เมื่อไลลาจะแยกไป เขาขอไปส่งที่บ้านเพื่อจะได้รู้จักครอบครัวเธอ ไลลาขอเวลาอีกสักพัก เพราะ พี่ชายตนดุมาก เอาไว้ให้ตนเล่าเรื่องเขาให้พี่ชายฟังก่อนแล้วจะพาไปพบ
คลากยืนส่งเธอที่สี่แยก ยิ้มอย่างมีแผน
ไลลาข้ามสี่แยกไป มองซ้ายมองขวาอย่างระแวด ระวัง เธอตกใจเมื่อเจอเสี่ยวผิงนักสืบที่โผล่มมาถามว่าแน่ใจหรือว่าไม่มีใครตามมา คลากเขม้นมองสงสัยว่าไลลาคุยกับใครดูลึกลับเหมือนแอบเจอกัน
ไลลาถามเสี่ยวผิงว่ามีข่าวอะไรสำคัญไหม
“ฉันได้ข่าววงในมาว่า คนที่ฆ่าพ่อแม่คุณเป็นคนใกล้ชิดกับครอบครัวคุณมาก” ไลล่าถามว่าใคร “ฉันบอกไปคุณอาจจะไม่เชื่อก็ได้”
ไลลาเร่งให้รีบบอก เสี่ยวผิงกำลังจะบอกก็ถูกยิงล้มลง ไลลาผงะพิงกำแพงอย่างตกใจจะวิ่งไปดูเสี่ยวผิง มือปืนก็เล็งมาที่เธอ พริบตานั้น คลากวิ่งไปคว้าตัวเธอหลบไปพิงผนัง ไลลาผวาจะไปดูเสี่ยวผิง คลากบอกให้ไปก่อนเธอตายแล้ว เขาจูงเธอวิ่งลัดเลาะหนีไป
เมื่อไปนั่งกันที่สวนสาธารณะเขาให้เธอดื่มชาร้อน ถามว่าผู้หญิงคนนั้นเป็นใคร ไลลาบอกว่าตนให้เธอสืบว่าใครฆ่าพ่อแม่ตน คลากถามว่าพ่อแม่เธอเป็นใครทำไมต้องถูกฆ่า
“ฉันบอกคุณไม่ได้”
“ทำไมถึงบอกไม่ได้ ไลลา เรารักกันนะ คุณบอกผมได้ทุกเรื่อง...ผมช่วยคุณได้ ผมคือคลาก...”
“พอแล้ว คุณไม่ต้องบอกฉัน ฉันไม่อยากรู้เรื่องอะไรจากคุณ ถ้าคุณคิดจะรักฉัน อย่าถามเรื่องครอบครัวฉัน ฉันก็จะไม่ถามเรื่องครอบครัวคุณ...ฉันต้องกลับบ้านแล้ว”
คลากอึ้ง จะไปส่งเธอก็ถูกปฏิเสธเสียงแข็งแล้ววิ่งผละไปเลย วันนั้นคลากมองตามพึมพำงงๆว่าทำไมต้องปิดบังตนด้วย เขามองรูปไลลาที่สุสาน รำพึงอย่างปวดร้าว...
“ถ้าวันนั้นคุณบอกเรื่องทุกอย่างกับผม ผมอาจจะไม่เสียคุณไป...”
ooooooo
วันนี้ชามินต์พาคอลินไปเที่ยวสวนสนุกระหว่างนั้น คลากโทร.หาเธอขอให้มาเจอกันหน่อยได้ไหม ชามินต์บอกว่าตอนนี้ไม่ว่างกำลังพาคอลินมาเที่ยวสวนสนุก คลากฟังแล้วคิดอะไรบางอย่าง...
คอลินกลัวบ้านผีสิง ชามินต์จึงพาไปเล่นม้าหมุน เดินไปไม่กี่ก้าวก็ชะชักเมื่อเจอคลากกับอาฟงอย่างจัง
“ผมได้ยินคุณบอกว่าพาคอลินมาเที่ยวสวนสนุกก็เลยอยากมาทักทายเขาหน่อย หวัดดีครับคอลิน จำลุงได้ไหม”
คอลินบอกว่าจำได้ คลากขออุ้ม คอลินปฏิเสธทันทีว่าไม่ได้ ป๊ะป๋าสั่งห้ามไว้ คลากตื๊อว่าตอนนี้ป๊ะป๋าไม่อยู่ คอลินยืนยันว่ายังไงก็ไม่ได้ ชามินต์ตัดบทขอตัวจะพา
คอลินไป คลากขอเดินไปด้วย และขอซื้อตั๋วเล่นม้าหมุน เลี้ยงคอลิน
“ขอบคุณฮะ” คอลินยื่นมือให้คลากจูงเดินไปด้วยกัน
ชามินต์มองตามอย่างสงสัยมาก นึกถึงที่ตนเคยถามโลแกนว่าใครเป็นพ่อของคอลิน โลแกนบอกว่าตนก็ไม่รู้ แต่ไม่ว่าใครวันนี้เขาไม่ใช่พ่อของคอลินอีกต่อไป คิดแล้วชามินต์สงสัยว่า “หรือว่าคลาก ครูเกอร์ จะเป็นพ่อคอลิน?”
ชามินต์ตัดสินใจถามคลากว่าทำไมเขาถึงสนใจคอลินเป็นพิเศษ เขาชะงักนิดหนึ่งก่อนตอบว่าก็แค่รักเด็กและถูกชะตากับคอลินเท่านั้น ชามินต์ไม่เชื่อ ถามตรงๆว่า
“คอลินเป็นลูกคุณใช่ไหม” เขาปฏิเสธว่าไม่ใช่ “คุณอย่าโกหกฉันเลย ถ้าคอลินไม่ใช่ลูกคุณ คุณคง ไม่ตามมาถึงที่นี่ แล้วก็คอยถามฉันเรื่องคอลินตลอดเวลา เขาคือลูกชายคุณใช่ไหม”
“ผมเองก็เพิ่งรู้ไม่นานมานี้ ถึงได้ให้คุณช่วยสืบว่าเขาเป็นลูกโลแกนจริงหรือเปล่า” คลากยอมรับ
ooooooo
โลแกนถือกุญแจมิกกี้เม้าส์ไปที่ห้องชามินต์ เสียบกุญแจเข้าไปลุ้นๆ
“คลิก!” เสียงกุญแจเปิด โลแกนตะลึง ผลักประตูเข้าไป มองกุญแจงงๆว่าทำไมเปิดได้! ถามตัวเองว่า “ทำไม กุญแจห้องชามินต์ถึงมาอยู่กับเรา...นี่มันเรื่องอะไรกัน??”
กลับไปที่ห้องทำงานแล้วโลแกนยังนั่งมองกุญแจอย่างไม่หายงง เดนิสเปิดประตูเข้ามาถามว่าดูกุญแจทำไม โลแกนเล่าว่า เมื่อเช้าตนลองไปไขที่ห้องชามินต์ มันไขเข้าห้องเธอได้! เดนิสถามว่าเป็นไปได้ยังไง เพราะเขารู้จักชามินต์ด้วยการแนะนำของตนหรือมันอาจจะเป็นเรื่องบังเอิญ?
“แต่ฉันว่าไม่ ฉันว่าเธอต้องมีอะไรปิดบังเรา”
ทันใดนั้น อาเกียวโทร.เข้ามารายงานว่าตอนนี้คราก ครูเกอร์ อยู่กับหมอชามินต์ที่สวนสนุก โลแกนสั่งเครียดว่าเฝ้าให้ดี บอกเดนิสว่าตนมีเรื่องต้องเคลียร์กับคลาก ครูเกอร์ เดนิสจะไปด้วย เขาบอกไม่ต้อง แล้วรีบไปเลย
เดนิสมองตามอย่างสงสัยว่ามีเรื่องอะไรกัน
ooooooo
ที่สวนสนุก...คลากกำลังเล่าเรื่องเขากับไลลาให้ชามินต์ฟังว่า เธอไม่เคยบอกตนเลยว่าเป็นน้องสาวโลแกน ลู ชามินต์ถามว่าแล้วเธอรู้ไหมว่าเขาคือคลาก ครูเกอร์
“ผมไม่ได้บอกเธอ เพราะผมกลัวว่าเธอจะรังเกียจในความเป็นเจ้าพ่อมาเฟียของผม เธอรู้แค่ว่าผมชื่อคลาก เพิ่งกลับจากเมืองนอก เราสองคนรักกันมาก แล้วผมก็คิดว่าจะแต่งงานกับเธอ แต่อยู่ๆ วันหนึ่งเมื่อผมบอกเธอว่าผมคือคลาก ครูเกอร์ เจ้าพ่อมาเฟียฝั่งตะวันออก เธอก็หายไปจากชีวิตผมทันที”
คลากหน้าเศร้าเล่าว่า เวลานั้นเขาให้ลูกน้องออกตามหาไลลาแทบพลิกแผ่นดิน ลูกน้องรายงานวันแล้ววันเล่าว่าไม่เจอเธอ จนวันหนึ่ง ลูกน้องมารายงานว่าได้ข่าวไลลาแล้ว เขาตื่นเต้นมากถามว่าเธออยู่ที่ไหน
“เธอตายแล้วครับ คุณไลลาตายแล้วครับ เธอถูกคนวางระเบิดรถ”
“ไม่...ไม่จริง...ไลลา...ไลลา...” คลากตะโกนสุดเสียง เซถอยหลังเหมือนเห็นภาพสยองตรงหน้าแล้วทรุดลง...
คลากเล่าว่าเขาให้คนออกตามหาจนเวลาผ่านไปเกือบปีถึงได้รู้ข่าวว่าเธอถูกฆ่าตาย ชามินต์ถามว่าเขารู้ไหมว่าเธอท้อง คลากบอกว่าเธอไม่เคยบอก ส่วนโลแกนจะรู้ไหม เขาไม่แน่ใจ
ทันใดนั้น โลแกนเดินหน้าถมึงทึงเข้ามาพร้อมลูกน้องสองคน ตรงเข้ากระชากคอเสื้อคลากจนเซแล้วลูกน้องก็เข้าไปเล่นงานคลาก ชามินต์ตกใจร้องห้ามเสียงดัง ส่วนคลากถามว่าเรื่องอะไรมาต่อยตน
“ฉันบอกนายแล้วใช่ไหมว่าอย่ามายุ่งกับหมอชามินต์ ฉันจะเตือนนายเป็นครั้งสุดท้ายนะ ถ้านายเข้ามาใกล้คนในครอบครัวฉันอีกละก็ ฉันจะฆ่านายทิ้ง” แล้วหันบอกชามินต์ “กลับบ้าน เรามีเรื่องต้องคุยกัน”
โลแกนอุ้มคอลินที่ตกใจกับเหตุการณ์ออกไป ชามินต์หันถามคลากว่าเขาไม่เป็นอะไรใช่ไหม ตนขอโทษแทนโลแกนด้วย คลากบอกว่าตนไม่เป็นไร อาฟงพูดอย่างเจ็บใจว่าโลแกนทำอย่างนี้สองครั้งแล้ว ให้ตนส่งคนไปสั่งสอนไหม ถ้านายเงียบเขาจะคิดว่ากลัว
“ไม่ต้อง ช่างมัน ถึงยังไงมันก็เป็นคนเลี้ยงดูคอลิน” คลากมองตามโลแกน ยกมือเช็ดเลือดที่ปาก
ooooooo
กลับถึงบ้าน โลแกนกับชามินต์ทะเลาะกันรุนแรง ที่คลากไปหาชามินต์กับคอลินที่สวนสนุก
ชามินต์พูดจี้ใจดำโลแกนว่าที่เขากีดกันไม่ให้คบกับคลากไม่ใช่เพราะรังเกียจที่คลากเป็นมาเฟีย แต่เพราะเขากลัวเสียคอลินไปมากกว่า โลแกนทั้งตกใจและโกรธจัดถามว่า “นี่คุณเอาเรื่องอะไรมาพูด”
“ยอมรับความจริงเถอะ ตอนนี้คลาก ครูเกอร์ก็รู้ความจริงแล้วว่าคอลินเป็นลูกของเขา” โลแกนตะโกนว่าไม่ใช่ “โลแกน ฉันว่าคุณไม่ควรทำแบบนี้นะ ถึงยังไงเขาก็เป็นพ่อลูกกันตามสายเลือด ฉันว่าคุณควรจะเปิดใจยอมรับเขา”
หัวเด็ดตีนขาดโลแกนก็ไม่ยอมรับคลากเป็นพ่อของคอลินเพราะเขาทิ้งให้น้องสาวตนเผชิญความทุกข์คนเดียว ชามินต์บอกว่าเพราะคลากไม่รู้ต่างหาก โลแกนก็หาว่าเธอแก้ต่างให้คลาก
“ก็เพราะคุณเป็นแบบนี้ไง ไลลาถึงได้กลัวคุณ เธอไม่กล้าบอกความจริงว่าท้องกับใคร เพราะกลัวว่าคุณจะโกรธแล้วก็ฆ่าผู้ชายที่เธอรัก” โลแกนตวาดให้หยุด “ฉันไม่กลัวคุณหรอก เพราะฉันไม่ใช่ไลลา ฉันแค่อยากจะเตือนสติคุณให้คุณยอมรับความจริงเท่านั้นเอง”
โลแกนพาล ย้อนถามว่าแล้วเธอดีแค่ไหน อย่างน้อยตนก็ไม่ใช่คนตีสองหน้าอย่างเธอ แล้วเอาเรื่องกุญแจมิกกี้เม้าส์มาอ้างว่ามันคือกุญแจห้องเธอ เธอรู้จักตนมาก่อนหน้านี้ ก่อนที่จะมารักษาคอลินใช่ไหม ชามินต์ตกใจ เฉไฉหาว่าเขาพูดจาเลอะเทอะ ตนไม่เคยรู้จักเขา
“ผมไม่อยากเชื่อเลยว่าคุณจะเป็นคนแบบนี้ คุณรู้จักผมแต่แกล้งทำเป็นไม่รู้จักได้ยังไง ผมไม่รู้จักคุณเลยจริงๆ”
ชามินต์มองโลแกนอย่างผิดหวังเสียใจที่เขาเป็นตัวปัญหาแท้ๆ แต่กลับโทษตน เธอผละไป โลแกนจะตาม คอลินถามว่าป๊ะป๋าจะไปไหน เขาบอกว่าเดี๋ยวป๋ามา แล้วเดินตามชามินต์ไป
ทั้งชามินต์และโลแกนต่างอยู่ในอารมณ์เสียใจ ผิดหวังกับอีกฝ่าย ชามินต์เดินออกจากประตูไปในขณะที่โลแกนมองตามส่ายหน้าอย่างผิดหวังในตัวเธอ...
โลแกนกลับมานั่งมองพวงกุญแจ เมื่ออารมณ์สงบ สติคืนมา เขาถามตัวเองว่า
“หรือว่าตอนที่เราหายไป เราไปอยู่กับชามินต์ แต่ถ้าเราเคยอยู่กับเธอ ทำไมเธอถึงไม่บอกเรา”
โลแกนโทรศัพท์ไปที่โรงพยาบาลถามว่าวันนี้หมอชาร์มเข้ามาตรวจกี่โมง พยาบาลบอกว่าวันนี้คุณหมอไม่เข้า ลาป่วยหนึ่งวัน โลแกนสั่งลุงจินให้ขับรถไปที่อพาร์ตเมนต์เลย
ooooooo
เมื่อไปถึงอพาร์ตเมนต์ โลแกนใช้กุญแจพวงมิกกี้เม้าส์ไขเข้าไป ในห้องเงียบผิดปกติ ของในห้องนอนและบนโต๊ะถูกเก็บหมด เขาพุ่งไปเปิดตู้เสื้อผ้า ไม่มีเสื้อผ้าเหลือแม้แต่ชิ้นเดียว!
เวลาเดียวกันนั้น ชามินต์นั่งอยู่ในรถแท็กซี่ เธอโทรศัพท์แจ้งเดนิสว่า
“ฉันจะโทร.บอกว่า ฉันขอลาออกนะคะ” เดนิสตกใจถามว่ามีเรื่องอะไรหรือ “ฉันจะกลับเมืองไทยน่ะค่ะ ต้องขอโทษด้วยที่ไม่ได้มาลาด้วยตัวเอง แต่ฉันจะส่งจดหมายลาออกตามมาอีกครั้งค่ะ”
“เดี๋ยวครับหมอชาร์ม มีเรื่องอะไรบอกผมได้ไหม”
“ไม่มีอะไรหรอกค่ะ แค่นี้นะคะ ขอบคุณคุณหมอเดนิสมากสำหรับทุกอย่างนะค่ะ” ชามินต์ปิดโทรศัพท์ทันทีที่พูดจบ
เดนิสมองโทรศัพท์งงๆ แล้วกดโทร.ถึงโลแกนทันที โลแกนเพิ่งเดินออกจากห้องชามินต์ ถามเดนิสว่ามีอะไรหรือ
“หมอชาร์มโทร.หาฉันบอกว่าเธอขอลาออกจะกลับเมืองไทย” ถามโลแกนว่ามีเรื่องอะไรกันหรือเปล่า แต่โลแกนปิดโทรศัพท์ไปแล้ว
“ฮัลโหล...โลแกน...โลแกน...” ปลายสายเงียบ เดนิสมองโทรศัพท์บ่นงงๆ “มันเรื่องอะไรกันวะเนี่ย”
ooooooo










