สมาชิก

พิรุณพร่ำรัก

ตอนที่ 1

อัลบั้ม: "บอม ธนิน" ประกบ "ไอซ์ อามีนา" ใน "พิรุณพร่ำรัก"

ที่ฮ่องกง...

ท่ามกลางสายฝนกระหน่ำในค่ำคืนที่เงียบสงัด เป็นเวลาพักผ่อนของผู้คน แต่ในตรอกท่ามกลางตึกสูง การตามไล่ฆ่ากำลังเกิดขึ้น

ชายฉกรรจ์ห้าคนกำลังไล่หมายชีวิตของชายคนหนึ่งที่วิ่งหนีหัวซุกหัวซุน

“ตามมันไป อย่าให้มันหนีรอดไปได้” คนที่เป็นหัวหน้าสั่งเหี้ยม เมื่อวิ่งเลี้ยวมุมตึกไม่เห็นเหยื่อที่ตามล่า มันสั่ง “เอ็งสองคนแยกไปดักมันซอยนู้น อย่าให้มันหนีไปได้ ที่เหลือตามมา”

แม้จะหนีสุดชีวิต แต่ชายที่ถูกไล่ล่าก็หนีไม่พ้น เขาถูกไม้หวดที่ท้องเข้าเต็มแรงทรุดไปกอง

“หิ้วมันขึ้นมา” คนเป็นหัวหน้าสั่ง เมื่อกระชากเหยื่อขึ้นมาคุกเข่าตรงหน้า มันตะคอก “มึงแอบเข้าไปในโกดังทำไม มึงเป็นตำรวจใช่ไหม”

เหยื่อบอกว่าตนไม่รู้เรื่องและไม่ใช่ตำรวจ มันจึงสั่งให้เอาตัวกลับไปเค้นที่โกดัง เหยื่อรู้ว่าไปถึงโกดังเมื่อไรก็ไม่รอดแน่ จึงสู้สุดชีวิต เลยถูกรุมกระหน่ำถูกไม้ตีเข้าที่หน้าจนเลือดอาบหมุนคว้างล้มไปกองท่ามกลางสายฝนที่ชะเลือดนองพื้น

“ท่าทางจะตายนะพี่ เอาไงพี่จะทิ้งศพไว้นี่หรือ”

“ลากไปทิ้งกองขยะ ก่อนที่ตำรวจจะมา”

เหยื่อถูกลากไปโยนที่กองขยะ แล้วพวกมันก็พากันวิ่งหนีไป

ooooooo

เวลาเดียวกัน...ที่โรงพยาบาลในเครือตระกูลชาน แพทย์หญิงชามินต์ หรือชาร์ม วรุณวาทิน วัย 26 ปี กุมารแพทย์คนเก่งของโรงพยาบาล กำลังเดินออกมาจะกลับที่พัก แต่ถูกเหม่ยหงพยาบาลตามมาเรียก

“คุณหมอคะ คุณหมอชามินต์ เดี๋ยวค่ะ”

เหม่ยหงบอกว่าให้ไปดูน้องซันไชน์หน่อยเพราะดื้อไม่ยอมทานยาไม่ยอมนอนจนกว่าจะได้เจอคุณหมอก่อน

“งอแงอีกแล้วสิคะ ได้ค่ะ เดี๋ยวชาร์มไปดูให้”

ชามินต์เดินตามเหม่ยหงกลับไป

พอเห็นหมอชามินต์กลับมา ซันไชน์ เด็กชายวัย 6 ขวบผู้แก่แดดแสบซ่า ก็เอาแหวนพลาสติกสวมให้ที่นิ้วก้อยหมอบอกว่าขอหมั้นไว้ก่อนห้ามคุณหมอไปรักใครนอกจากตนคนเดียว ชามินต์บอกว่าได้ แต่ตอนนี้ซันไชน์ต้องทานยาก่อน ซันไชน์ต่อรองว่าไม่กินได้ไหมเพราะมันขม ชามินต์บอกว่าไม่กินหมอก็ขอถอนหมั้น จึงยอมกิน

กินยาแล้วชามินต์บอกให้นอน ซันไชน์เกเรอีกขอหอมหมอก่อน ชามินต์เอียงแก้มให้หอม แล้วห่มผ้าให้ อวยพรให้ฝันดี พรุ่งเจอกัน ซันไชน์จึงยอมนอน ชามินต์สบตายิ้มกับเหม่ยหงแล้วเดินออกไป

ออกมาเห็นว่าฝนหยุดแล้ว ชามินต์บอกว่าโชคดีจังฝนหยุดแล้วและขอตัวกลับ ต่างบอกให้เดินดีๆ เพราะทางลื่น แล้วโบกมือบ๋ายบายแยกไปกันคนละทาง

ooooooo

ชามินต์เป็นหมออยู่โรงพยาบาลนี้มาห้าปีแล้ว เธอพักอยู่อพาร์ตเมนต์ใกล้โรงพยาบาล จึงเดินไปกลับเป็นประจำ แต่คืนนี้ขณะเดินผ่านตรอกเธอได้ยินเสียงอะไรจากกองขยะ เธอชะงักเขม้นมองก็ไม่เห็นอะไร แต่พอเดินไปก็ได้ยินอีก

ชามินต์ชะงักเริ่มรู้สึกผิดปกติ ถามไปในความมืดกลัวๆกล้าๆ “ใครน่ะ” แต่ไม่มีเสียงตอบ พอขยับจะเดินต่อก็แว่วเสียงแผ่วเบา “ช่วย...ด้วย...”

ด้วยสัญชาตญาณของความเป็นหมอ ชามินต์กลัวๆกล้าๆเดินเข้าไป จึงเห็นร่างหนึ่งร่วงจากกองขยะ ชามินต์หวีดร้องตกใจ เห็นร่างนั้นนอนกองกับพื้น ชามินต์เห็นเลือดเต็มหน้าชายคนนั้น เธอจะเรียกคนช่วย แต่ดึกเกินไปไม่มีคนแล้ว

ชามินต์ได้ยินเสียงแผ่วๆขอความช่วยเหลือ เธอบอกว่าตนเป็นหมอและจะพาไปโรงพยาบาล ชายคนนั้นไม่ยอมไปพยายามลุกขึ้นแต่ร่วงลงไปอีก ชามินต์ตัดสินใจวิ่งออกไปเรียกลุงจางยามที่อพาร์ตเมนต์ให้มาช่วยลุงจางประคองร่างเปื้อนเลือดนั้นไปที่ห้องพัก

ชามินต์ เสนอว่าให้แจ้งตำรวจก่อนดีกว่า ชามินต์บอกว่าไม่ต้องตนไม่อยากวุ่นวาย ตนแค่จะดูแผลให้ พอเขาฟื้นก็จะให้ไป แล้วเอาเสื้อผ้ามาให้ลุงจางช่วยเปลี่ยนให้เดี๋ยวจะเป็นปอดบวม ตนจะไปเอายามาทำแผลให้

เมื่อชามินต์ทำแผลให้แล้ว ลุงจางถามว่าจะทำอย่างไรต่อไป ชามินต์บอกให้ลุงจางกลับไปก่อน ลุงจางเป็นห่วงว่าเธอจะอยู่ตามลำพังได้อย่างไร เกิดมันทำอันตรายหมอขึ้นมา

“เขายังไม่ฟื้น ถ้าเขาฟื้นฉันจะให้เขากลับไป ไม่ต้องกลัวหรอกลุงจาง ดูจากสภาพแล้วเขาทำอะไรฉันไม่ได้หรอก แล้วอีกอย่างลุงจางก็อยู่ข้างนอก ถ้ามีอะไรฉันก็เรียกลุงเองแหละ”

ลุงจางกำชับว่าถ้าเขาฟื้นก็ให้เรียกเลยตนจะพาเขาออกไปเอง ลุงจางออกไปอย่างห่วงๆ

ที่ตรอกเปลี่ยวแห่งนั้น คลาก ครูเกอร์ มาเฟียรุ่นใหม่หนุ่มหล่อ นำชายฉกรรจ์เจ็ดแปดคนดาหน้าเข้ามาสั่งเหี้ยม

“หาตัวโลแกน ลู ให้เจอ” ครู่หนึ่งเขาได้รับแจ้งจากมือถือว่าไม่เจอ เขาสั่งหัวเสีย “หาให้ทั่ว...หายไปไหนวะ”

โลแกน ลู คือชายที่ถูกตามล่านั่นเอง! เขานอนอยู่ในห้องของชามินต์ ยังละเมอขอความช่วยเหลืออยู่ บางครั้งก็ตะโกนไล่ไม่ให้เข้ามา ชามินต์ตกใจแต่พอรู้ว่าละเมอก็เบาใจแอบกังวลว่า “หวังว่านายจะไม่ใช่โจรนะ”

ooooooo

เช้าวันใหม่ คอลินน์ ลู เด็กชายวัย 6 ขวบ ไปที่ห้องของโลแกน ร้องปลุกอย่างร่าเริงให้ป๊ะป๋าตื่นเพราะสายแล้ว แต่ในห้องว่างเปล่า หนูน้อยเดินหาทั่วห้องและห้องน้ำก็ไม่เจอ วิ่งไปถามป้าหวาสาวโสดวัยกลางคนแม่บ้านเก่าแก่ว่าป๊ะป๋าไปทำงานแล้วหรือ

ป้าหวาบอกว่ายัง ถามว่าคุณพ่อยังไม่ตื่นหรือ

คอลินน์บอกว่าตนหาทั่วแล้วไม่เจอป๊ะป๋าเลย ป้าหวาถามลุงจินคนขับรถว่าคุณผู้ชายบอกหรือเปล่าว่าวันนี้มีธุระที่ไหนแต่เช้า ลุงจินบอกว่าไม่มีแต่นัดให้มารับตอนแปดโมงเช้านี่ยังไม่ถึงเวลานัดเลย

คอลินน์ถามว่าแล้วป๊ะป๋าหายไปไหน? ป้าหวากับลุงจินมองหน้ากันอย่างกังวล

โลแกน ลู ป๊ะป๋าของคอลินน์เพิ่งรู้สึกตัว อยู่ในสภาพระแวงภัย คว้ามือชามินต์ที่กำลังเช็ดตัวให้จนล้มไปด้วยกัน ชามินต์ตกใจถามว่าจะทำอะไร โลแกนถามว่าเธอเป็นใคร และตนมาทำอะไรที่นี่

ชามินต์เล่าสภาพที่พบเขาเมื่อคืนให้ฟัง แล้วถามว่าเขาไปทำอะไรมา ทำไมถึงไปนอนที่กองขยะ โลแกนกุมหัวบอกว่าตนปวดหัวมาก ชามินต์จะพาไปโรงพยาบาลเขาปฏิเสธลนลานบอกว่าตนไม่ชอบโรงพยาบาล

ชามินต์ถามว่าแล้วไม่ชอบหมอด้วยหรือเปล่า ถ้าใช่ก็เชิญออกไปได้เลยเพราะตนเป็นหมอ

โลแกนส่ายหัวบอกว่าตนจำอะไรไม่ได้เลย แม้แต่บ้านอยู่ไหนก็จำไม่ได้ ชามินต์ถามว่าแล้วชื่อล่ะ จำได้ไหม

“ผมจำไม่ได้” โลแกนตอบตาลอย ทำเอาชามินต์อึ้ง

ooooooo

เดนิส ชาน ศัลยแพทย์หนุ่มหล่อลูกเจ้าของโรงพยาบาลที่ชามินต์ทำงานอยู่เพื่อนรักของโลแกนตกใจเมื่อ ได้รับแจ้งทางโทรศัพท์จากลุงจินว่าโลแกนหายตัวไป ถามว่าหายไปไหน

“ผมก็ไม่ทราบครับเมื่อคืนผมส่งคุณโลแกนเข้าบ้าน คุณโลแกนก็ไม่ได้บอกผมว่าจะไปไหน” เดนิสถามว่าโทร.เข้ามือถือหรือยัง “โทร.แล้วครับ แต่คุณโลแกนปิดเครื่องเราไม่สามารถติดต่อท่านได้”

เดนิสคิดถึงเรื่องที่คุยกับโลแกนเมื่อไม่กี่วันก่อน เขาบอกว่า

“อีกไม่กี่วันฉันก็จะรู้แล้วว่าใครอยู่เบื้องหลังการตายของไลลา”

“ฉันอยากเตือนนายนะ นายจะทำอะไรก็ต้องระวังตัว อย่าเอาตัวเองเข้าไปเสี่ยง”

“ขอบใจที่นายเป็นห่วง แต่ฉันจะไม่ปล่อยให้น้องสาวฉันตายฟรีแน่”

คิดแล้วเดนิสหวั่นใจ พึมพำกับลุงจิน “อย่าบอกนะว่าเกิดเรื่องร้ายขึ้นกับโลแกน” ลุงจินบอกว่าตนบอกทุกคนให้ออกตามหาโลแกนในทุกที่ที่คิดว่าเขาจะไป เดนิสย้ำว่า “บอกทุกคนต้องหาโลแกนให้เจอและห้ามป่าวประกาศบอกว่าโลแกนหายไป” พอลุงจินออกไป เดนิสก็โทรศัพท์บอกนีล่า เหว่ย คู่หมั้นของโลแกน นีล่าถามว่าแล้วจะทำอย่างไรแจ้งตำรวจไหม

“เธอก็พูดเป็นเล่นไปได้ ถ้าใครรู้ว่าโลแกนหายตัวไป หุ้นทั้งหมดของตระกูลลูก็ตกน่ะสิ” นีล่าถามว่าหรือจะให้ตนบอกพ่อจะได้ให้คนออกตามหา “ไม่ได้! ห้ามเธอบอกเรื่องนี้กับพ่อเธอเด็ดขาด ฉันบอกให้เธอรับรู้ในฐานะที่เธอเป็นคู่หมั้นของโลแกน อีกชั่วโมงเธอมาเจอพี่ที่ออฟฟิศโลแกน”

“โอเค” นีล่าปิดโทรศัพท์สีหน้ากังวล

ooooooo

เช้าวันรุ่งขึ้น โลแกนเปลี่ยนใส่ชุดของตัวเองแล้ว เขานั่งดื่มกาแฟแววตาเหม่อลอย ชามินต์เดินเข้ามาถามว่าจำอะไรได้บ้างหรือยัง เขาส่ายหน้าบอกว่าจำไม่ได้เลยยิ่งคิดยิ่งปวดหัว

ชามินต์จะพาไปหาหมอที่โรงพยาบาลก็ไม่ยอมไป ถามว่ากลัวอะไรก็บอกว่าไม่รู้ รู้แต่ว่าไม่ชอบโรงพยาบาล แล้วจู่ๆก็ลุกขึ้นบอกว่าตนจะกลับบ้านแล้ว ชามินต์ถามว่าบ้านอยู่ไหนจะไปส่ง โลแกนนั่งแหมะลงบอกว่าไม่รู้จำไม่ได้

“ฉันว่านายนอนพักดีกว่า หลับตาพักสักนิด ไม่แน่อีกสักพักนายอาจจะจำได้ว่าบ้านอยู่ที่ไหน”

ชามินต์กล่อมจนโลแกนพยักหน้า เธอพาเข้าห้องปิดประตูล็อก ถอนใจ

“เฮ้อ...สงสัยสมองจะกระทบกระเทือนอย่างแรงจนจำอะไรไม่ได้จริงๆ”

หลังจากเดนิสโทร.คุยและนัดให้นีล่ามาพบที่ห้องทำงานของโลแกนแล้ว เธอมาเร็วมาก ถามทันทีว่าได้ข่าวโลแกนหรือยัง พอรู้ว่ายังก็บ่น

“ไปไหนของเขานะหายไปทั้งคืนกับอีกครึ่งวันแล้วนะ พี่โลแกนจะไปไหนทำอะไรเขาต้องบอกพี่ก่อนไม่ใช่หรือ”

“ฉันกำลังกลัวว่าจะเกิดเรื่องไม่ดีกับโลแกน จำได้ไหมที่โลแกนเคยพูดให้เราฟังเรื่องการตายของไลลา”

“ที่เขาบอกว่าเขาต้องสืบให้ได้ว่าใครฆ่าพี่ไลลาน่ะหรือ...แล้วทำไม พี่เดนิสกลัวอะไร”

เดนิสกลัวว่าพอโลแกนรู้ว่าใครฆ่าไลลาแล้วถูกลักพาตัวไป ตัวเองวิตกแต่บอกนีล่าว่าบางทีตนอาจคิดมากไปเองก็ได้ พอดีเลขามาบอกว่าตอนนี้ที่ประชุมพร้อมแล้ว แต่ท่านประธานยังไม่มา จะทำอย่างไรดี

“วันนี้คุณโลแกนติดธุระด่วนเพิ่งโทร.มาหาผมเมื่อกี๊บอกว่าให้คุณนีล่าเข้าประชุมแทนไปก่อน”

พอเลขาไป นีล่าต่อว่าที่เดนิสจะให้ตนเข้าประชุมแทนโลแกน เดนิสบอกว่าเธอต้องไปประชุมเพราะเราจะให้ใครรู้ไม่ได้ว่าโลแกนหายตัวไป เธอเป็นคู่หมั้นโลแกนและเคยเข้าประชุมแทนเขาหลายครั้งแล้ว เร่งให้รีบไปเดี๋ยวที่ประชุมจะรอนาน

“พี่เดนิสนี่ดีแต่วางแผน เวลาปฏิบัติ ให้ฉันปฏิบัติคนเดียว” แต่ก็ถูกเดนิสรุนหลังให้ไปจนได้ พอนีล่าออกไปเขาก็กดโทรศัพท์หาลุงจินถามว่าได้ข่าวโลแกนหรือยัง ลุงจินบอกว่ายังขณะนี้ตนไปดูแถวหมู่บ้านประมงอยู่

“มีอะไรคืบหน้ารีบโทร.บอกฉันนะ” พอปิดโทรศัพท์เดนิสก็พึมพำ “โลแกน หวังว่าแกยังมีชีวิตอยู่นะ”

ขณะที่พรรคพวกกำลังตามหากันหัวปั่นนั้น โลแกนในสภาพที่ยังจำอะไรไม่ได้ บอกชามินต์ว่าจะกลับบ้าน แต่จำไม่ได้ว่าบ้านอยู่ไหน ชามินต์ขู่ว่าออกไปเจอพวกมันมันทำร้ายเขาแล้วรู้ว่ายังไม่ตายคราวนี้มันฆ่าเขาแน่ แต่เขาก็ไม่ยอมอยู่ที่นี่จนต้องยื้อยุดกัน ยามจางเข้ามาเห็นเงื้อกระบองพุ่งเข้ามาคิดว่าโลแกนจะทำร้ายชามินต์

ชามินต์บอกว่าเขาไม่ได้ทำอะไรตน

ยามจางเสนอให้ปล่อยเขาไปเถิดคนไม่รู้หัวนอนปลายตีนอยู่ไปก็อันตราย เมื่อชามินต์พยักหน้ายามจางจึงออกไป

“ถ้าเกิดอะไรขึ้นก็ช่วยไม่ได้ เราห้ามแล้วนี่”

ชามินต์ทำใจปล่อยให้โลแกนไป

โลแกนออกเดินไปอย่างเหม่อลอยเห็นผู้คนเดินผ่านไปมา เจอร้านอาหารจึงเอาเศษสตางค์ในกระเป๋าซื้อแล้วนั่งกินริมทาง

ooooooo

เพราะมัววุ่นวายกับโลแกนทำให้ชามินต์ไปทำงานสาย เหม่ยหงทักว่ามีอะไรหรือถึงมาสาย

ชามินต์จึงเล่าให้ฟัง พอเหม่ยหงรู้ว่าเธอพาโลแกนไปอยู่ที่ห้องก็ตกใจถามว่าทำไมทำอย่างนั้น เดนิสผ่านมาถามว่าเอะอะอะไรกัน

พอเหม่ยหงเล่าให้ฟังเขาเตือนว่า หมอชามินต์ต้องระวัง มีอะไรพามาโรงพยาบาลหรือไม่ก็ไปหาตำรวจก่อนดีกว่า

ชามินต์รับคำเบาๆ พอดีมีพยาบาลมาตามเดนิสว่ามีเคสผ่าตัดเขาจึงขอตัว

“คุณหมอเดนิสนี่หล่อจริงๆนะ” เหม่ยหงชม ชามินต์ตอบไม่เต็มเสียงว่าก็อย่างงั้นแหละ “อย่างงั้นอะไรคะ พี่เห็นนะหมอมองคุณหมอเดนิสหน้าแดงเชียว” ชามินต์ยิ่งเขิน “แต่พี่ว่า คุณหมอเดนิสเขาต้องมีใจกับหมอเหมือนกันนะ ดูสิเราคุยกันแกยังเข้ามาทัก แถมยังเป็นห่วงอีก”

“พี่เหม่ยหงก็คิดมากไป คุณหมอเดนิสเขาก็พูดทักทายตามมารยาท” เหม่ยหงติงว่าไม่นะเพราะไม่เห็นเขาห่วงตนเลย

“พี่เหม่ยหง คนอย่างคุณหมอเดนิสเป็นถึงลูกเจ้าของโรงพยาบาลเขาไม่มามองผู้หญิงอย่างชาร์มหรอกค่ะ” เหม่ยหงจะพูดอีก ชามินต์ตัดบทว่า “ไม่แล้วค่ะชาร์มต้องรีบไปดูเด็กๆก่อนนะคะ” แล้วรีบเดินออกไปเลย เหม่ยหงยิ้มอย่างรู้ทัน

“ปากแข็งจริงๆ แอบชอบคุณหมอเดนิสก็บอกเถอะ”

นีล่าเข้าประชุม กรรมการถามว่าเราควรต่อสัญญาเช่าท่าเรือต่อไปไหม นีล่าก็สามารถแก้ปัญหาได้โดยถามความเห็นกรรมการคนอื่นและท่าทีของโลแกนที่ผ่านมา เธอบอกที่ประชุมว่า

“ถ้าอย่างนั้นก็ควรจะต่อ เพราะคุณโลแกนก็เคยพูดเรื่องนี้ให้ฉันฟังอยู่เหมือนกัน”

เดนิสผ่าตัดเสร็จออกมาหยิบโทรศัพท์ดูตกใจเมื่อเห็นนีล่าโทร.มาถึงแปดครั้ง เขารีบโทร.กลับถามว่า

มีปัญหาอะไรสำคัญไหม นีล่าบอกว่ามีปัญหาจะปรึกษาหลายเรื่องแต่ตอนนี้ไม่ต้องแล้วตนตัดสินใจไปหมดแล้วแต่ก็นัดพบกันเย็นนี้เพื่อคุยปัญหาโลแกนกัน เดนิสจึงนัดที่เดิม พอปิดโทรศัพท์ นีล่าเบ้หน้าบ่น

“พี่เดนิสนี่นะ ทีกับเราล่ะทำเก๊กจัง”

ooooooo

โลแกนเดินไปหน้าประตูโบสถ์เซนต์ปอล เห็นผู้คนมากมาย เขาถามชายคนหนึ่งที่นั่งอยู่ว่ารู้จักผมไหม ชายคนนั้นมองเขาแปลกๆแล้วลุกหนี โลแกนสับสนที่จำตัวเองไม่ได้และคนอื่นก็ไม่รู้จัก ฉุกคิดคำพูดของชามินต์ที่ว่าจะพาไปโรงพักเผื่อตำรวจจะรู้จักก็กลัวว่า

“แล้วถ้าเราเป็นคนไม่ดีหรือเป็นคนร้ายล่ะ ตำรวจก็ต้องจับเราเข้าคุก นี่เราจะทำไงดีวะเนี่ย” คิดแล้วทั้งสับสนและกลัว ตัดสินใจเดินลงบันไดไปตามทางอย่างไร้เป้าหมาย

เมื่อนีล่าไปพบกับเดนิสที่ร้านอาหาร ขณะนั่งคุยกัน คลาก ครูเกอร์เห็นก็เร่เข้าไปทัก ถามเดนิสว่าโลแกนไม่มาด้วยหรือ เดนิสบอกว่าเดี๋ยวตามมา ทำให้คลากเชื่อว่าโลแกนยังไม่กลับมาจริงๆ

พอคลากไปแล้ว นีล่าถามเดนิสว่า คลาก ครูเกอร์จะเกี่ยวข้องกับการหายตัวไปของโลแกนไหม?

“ตอนนี้เรายังสรุปอะไรไม่ได้ เพราะเราไม่รู้ว่าโลแกนอยู่ที่ไหน ยังมีชีวิตอยู่หรือว่าตายแล้ว”

ทั้งสองหน้าเครียดเป็นห่วงโลแกน

ฝ่ายโลแกนออกจากหน้าโบสถ์แล้วเดินฝ่าสายฝนอย่างไม่รู้จะไปไหน

ชามินต์กางร่มจากโรงพยาบาลจะกลับที่พัก เธอเห็นโลแกนยืนตากฝนอยู่ ใจหนึ่งที่เป็นหมอนึกห่วงอยากช่วย แต่อีกใจหนึ่งก็ไม่อยากยุ่งด้วยจึงเดินผ่านไป พอเข้าห้องพักเธอเปิดม่านหน้าต่างแอบดู เห็นโลแกน

เคว้งคว้างและโลแกนเองก็มองมาที่หน้าต่างเห็นกันพอดี ชามินต์ตัดสินใจปิดหน้าต่างบอกตัวเองว่า

“ไม่เกี่ยวกับเรา อย่าหาเรื่องให้ตัวเองเลย”

แต่ทนไม่ได้เปิดหน้าต่างดูอีกที โลแกนหายไปแล้ว เธอวิ่งลงไป เจอโลแกนกำลังถูกยามจางไล่ให้ออกไปถ้าไม่ไปจะเรียกตำรวจ พอดีชามินต์ลงมาถึง โลแกนขอร้องเธอว่า

“ช่วยผมด้วยครับ ผมไม่รู้จะไปไหน ผมไม่มีที่ไปจริงๆ”

แม้ยามจางจะทัดทาน แต่ชามินต์สงสารจึงยอมให้ไปอยู่ด้วยไม่อย่างนั้นเขาก็ต้องตากฝนอยู่ข้างนอกทั้งคืน

“ผมให้สัญญา ผมไม่ทำอะไรคุณหมอเด็ดขาด”

“เอาล่ะ ตามฉันมา” ชามินต์เดินนำขึ้นไป

“จำไว้นะ นายทำอะไรคุณหมอละก็ เจอฉันแน่” ยามจางปรามขึงขัง

เมื่อพาไปที่ห้องแล้ว ชามินต์หาเสื้อผ้าให้โลแกนเปลี่ยน ดูแลเขาอย่างดี และโลแกนก็ไม่มีทีท่าไม่น่าไว้ใจอะไร ทำให้ชามินต์เชื่อว่าเขาไม่น่าจะเป็นโจร

โลแกนอาบน้ำเปลี่ยนเสื้อผ้าแล้ว ชามินต์ยังทำบะหมี่ร้อนๆหอมฉุยให้กินด้วย บอกเขาว่า

“ระหว่างที่นายยังจำอะไรไม่ได้ ฉันจะอนุญาตให้นายพักอยู่ที่นี่ก่อน”

ระหว่างที่โลแกนกินบะหมี่อย่างเอร็ดอร่อยนั้น ชามินต์เอาโทรศัพท์มาถ่ายรูปเขาบอกว่าจะเอาไปให้ที่โรงพยาบาลดูเผื่อมีใครเคยเห็นหน้าเขาบ้าง รับปากว่าจะไม่ให้ตำรวจดูเพราะรู้ว่าเขากลัวตำรวจ แต่ก็หวังว่าเขาจะไม่ใช่โจร

โลแกนให้สัญญาว่าจะไม่มีวันทำร้ายเธอ เพราะเธอช่วยชีวิตตนไว้ ถ้าตนทำก็เลวเกินกว่าที่จะเป็นคนแล้ว

“ถึงนายจะความจำเสื่อม อย่างน้อยนายก็ยังมีสำนึกใฝ่ดีอยู่ เอาล่ะกินเสร็จก็ล้างจานด้วยล่ะ”

โลแกนขออีกชามได้ไหมตนทำเองก็ได้ ชามินต์บอกว่าบะหมี่อยู่ในตู้ โลแกนขอบคุณแล้วเดินไปในครัว

“ท่าทางจะหิวมาก” ชามินต์มองขำๆ

ooooooo

เพื่อตอบแทนชามินต์ที่ช่วยชีวิตตนให้ที่อยู่และดูแลอย่างดี โลแกนจึงปรนนิบัติดูแลชามินต์อย่างดี ทั้งอาหารการกินชีวิตความเป็นอยู่ ฝนตกแดดออกก็กางร่มไปรับไปส่งที่โรงพยาบาล จะหยิบฉวยอะไรก็รีบทำให้ จนชามินต์บอกว่า

“พอแล้ว ไม่ต้องมาคอยจ้องว่าฉันจะเอาอะไร ถ้าฉันอยากให้นายทำอะไร ฉันจะบอกนายเอง เข้าใจไหม”

อยู่กันหลายวันแล้ว วันนี้โลแกนถามชามินต์ว่าคุณหมอชื่ออะไร พอบอกว่า ชามินต์ โลแกนทวนแล้วถามว่า

“ชามินต์...ชาร์มมิ่ง...งั้นผมขอเรียกคุณหมอชาร์มได้ไหมครับ” ชามินต์พยักหน้าแล้วเดินออกไป โลแกนมองตามด้วยความรู้สึกผูกพัน พึมพำ...“หมอชาร์ม...”

ชามินต์เอารูปที่ถ่ายโลแกนในโทรศัพท์ไปถามผู้คนที่พบเจอว่ารู้จักคนนี้ไหม ทุกคนส่ายหน้าปฏิเสธ

ส่วนโลแกนอยู่ที่ห้องก็พยายามนึกว่าตนเป็นใคร หยิบหนังสือพิมพ์อ่านก็อ่านออก รู้เรื่อง แต่ทำไมจึงจำตัวเองไม่ได้

โลแกนหยิบหนังสือพิมพ์มาดูฉบับแล้วฉบับเล่า พยายามทบทวนความจำ จะต้องรู้ให้ได้ว่าตนเป็นใคร?

ooooooo

วันนี้ คลาก ครูเกอร์ โมโหหัวฟัดหัวเหวี่ยงเมื่ออาฟงลูกน้องคนหนึ่งมารายงานว่า

“เมื่อคืนลูกน้องของเหว่ยซานเข้ามาเก็บค่าคุ้มครองในถิ่นของเราครับ” คลากถามว่าที่ไหน “ย่านเกาเทียนครับ”

คลากถามว่าติงลี่ปล่อยให้เข้ามาได้อย่างไร อาฟง บอกว่าไม่ได้ปล่อยให้เข้ามา แต่เมื่อคืนติงลี่ก็ออกไปบู๊จนเกือบเอาชีวิตไม่รอดเหมือนกัน ถามว่านายจะเอาอย่างไร เอาคนไปถล่มมันเลยดีไหม

“ช้าก่อน ให้ฉันถามมันก่อนว่าทำไมถึงให้ลูกน้องข้ามถิ่นมา แกไปเตรียมรถ เราจะไปเหยียบถ้ำไอ้เหว่ยซาน”

ไวเท่าความคิด คลากไปหาเหว่ยซานที่ห้องทำงาน ถามว่าทำไมจึงให้ลูกน้องรุกล้ำไปในเขตของตน

เหว่ยซานตอบยียวนว่า คนในย่านเกาเทียนอยากให้ตนเป็นฝ่ายคุ้มครองพวกเขา คลากถามว่าเราแบ่งเขตกันแล้วในอดีตมาตั้งแต่รุ่นพ่อ

“แต่ตอนนี้พ่อคุณตายไปแล้วนี่”

“แต่ผมยังอยู่ และผมเป็นผู้สืบทอดธุรกิจของตระกูล ท่านเหว่ยควรจะให้เกียรติผม”

เหว่ยซานยียวนว่าตนก็ให้เกียรติเขา แต่ประชาชนเรียกร้องตน ไม่ต้องการเขาจะให้ตนทำอย่างไร

“ผมต้องการให้ท่านเหว่ยสั่งคนของท่านออกไปจากเกาเทียนให้หมด” คลากแข็งกร้าว เหว่ยซานถามว่าถ้าตนไม่ทำตามล่ะ 

“เราจะได้เห็นดีกัน” คลากเสียงแข็งแล้วผลุนผลันออกไป เหว่ยซานมองตามอย่างไม่ยี่หระ แสยะยิ้มเย้ยว่า

“ไอ้เด็กเมื่อวานซืนเอ๊ย เพิ่งก้าวเข้ามาในวงการก็ทำเป็นใหญ่ซะแล้ว”

คลากออกมาเจอนีล่าลูกสาวของเหว่ยซาน เธอถามว่ามาหาคุณพ่อมีธุระอะไรหรือ

“ถามพ่อเธอดูแล้วกัน” คลากตอบเสียงขุ่นแล้วพาลูกน้องกลับไป

นีล่าเข้าไปถามเหว่ยซานว่ามีเรื่องอะไรกับคลากหรือเพราะเห็นสีหน้าน้ำเสียงเขาไม่พอใจพ่อ อาเหวินบอกว่าแค่เราข้ามไปเก็บค่าคุ้มครองในถิ่นมันเท่านั้นแหละครับคุณหนู

นีล่าถามว่าทำไมพ่อทำอย่างนั้น เราแบ่งเขตกันแล้วไม่ใช่หรือ บ่นว่าอย่างนี้พ่อทำไม่ถูก เหว่ยซานอ้างเหตุผลเดียวกับที่อ้างกับคลาก แต่นีล่าว่ามันผิดมารยาท อย่างน้อยต้องได้รับความเห็นชอบจากหัวหน้ากลุ่มก่อน

“ก็นี่ไง พ่อกำลังจะให้แกไปบอกโลแกนว่าให้เคลียร์เรื่องนี้ให้พ่อหน่อย”

“แต่หนูว่าพี่โลแกนเขาไม่ทำเรื่องนี้ให้พ่อแน่ และหนูก็อยากจะบอกพ่อว่าเลิกทำธุรกิจเก็บค่าคุ้มครองกับเรื่องผิดกฎหมายเสียที”

เหว่ยซานตบหน้านีล่าอย่างแรง ถามว่าที่เธอได้ไปเรียนต่างประเทศ ได้ใช้ชีวิตหรูหราใช้ของราคาแพงอยู่ทุกวันนี้ไม่ใช่เพราะเงินพวกนี้หรือ ตวาดว่า

“อย่ามาทำเป็นสอนฉัน ฉันรู้ดีว่าควรทำอะไรและไม่ควรทำอะไร ไปบอกโลแกนว่าฉันมีเรื่องสำคัญจะคุยกับเขา”

นีล่าบอกว่าตอนนี้เขาไม่อยู่ ไปต่างประเทศ ยังไม่รู้จะกลับเมื่อไหร่ ถ้าเขากลับตนจะบอกให้ แล้วนีล่าก็ออกไปปิดประตูปัง เหว่ยซานถอนใจตำหนิตัวเองว่า

“ฉันไม่น่าตบลูกเลย...”

คลากนั่งเครียดในรถ อาฟงถามว่านายจะเอาอย่างไรต่อไป

“เอาคนของเราไปสมทบกับคนของไอ้ติงลี่ ถ้าคนของเหว่ยซานข้ามมาที่เกาเทียนอีกล่ะก็ ถล่มมันให้เละเลย!”

ooooooo

ชามินต์ยังพยายามเอารูปของโลแกนไปถามพยาบาลว่ารู้จักคนนี้ไหม ไม่มีใครรู้จัก คิดเลยเถิดไปว่าหรือเป็นแฟนหมอบางคนบอกว่าไม่รู้จักแต่หล่อขนาดนี้อยากจะบอกว่าหัวใจตนยังว่างงงง...

ชามินต์ถามจนเผลอเดินชนกับเดนิส โทรศัพท์ตกรูปโลแกนยังเปิดค้างอยู่ แต่พอเดนิสก้มหยิบให้ รูปก็ดับพอดี

พอเดนิสไปแล้ว ชามินต์จึงนึกได้ว่าน่าจะถามเดนิสว่ารู้จักไหม บ่นตัวเองว่ามัวแต่ยิ้ม

ชามินต์ปรึกษาอาการของโลแกนกับหมอโจซึ่งเป็นหมอด้านสมอง เป็นหมอรุ่นพี่ที่แอบชอบชามินต์ หมอโจวิเคราะห์ให้ฟังว่า

“เท่าที่ฟังจากชาร์มเล่า แสดงว่าเพื่อนหมอชาร์มคงได้รับความกระทบกระเทือนทางศีรษะ ทำให้สมองอาจจะเคลื่อนแล้วไปกระแทกกับกะโหลกศีรษะจนได้รับบาดเจ็บจำอะไรไม่ได้” ชามินต์ถามว่าอันตรายไหม “ถ้าคนไข้ไม่มีอาการนอนซึม คลื่นไส้ อาเจียน หรือพูดจาไม่รู้เรื่อง บางคนปล่อยไว้สองสามวันอาการก็จะค่อยๆดีขึ้น แล้วก็จำได้ครับ”

“แล้วจะมีโอกาสจำอะไรไม่ได้ไปตลอดชีวิตไหมคะ”

“ก็มีครับที่บางคนจำอะไรไม่ได้เลย แต่ในกรณีเพื่อนของหมอชาร์ม ถ้าตอนนี้เขาพูดจาโต้ตอบได้ปกติ จำวิธีการใช้ชีวิต รู้จักอาหาร อ่านหนังสือออก ผมว่าไม่น่าจะมีอันตรายมาก ต้องใช้เวลารอดูสักนิด แต่ทางที่ดีที่สุด ผมว่าควรจะให้เขามาตรวจสมองที่โรงพยาบาลดีกว่า”

ชามินต์ขอบคุณหมอโจ พอเธอลุกขึ้น หมอโจบอกว่าจะไปงานเลี้ยงรุ่น เขาให้ชวนเพื่อนสนิทไปด้วย ตนอยากชวนหมอชาร์มไป เธอปฏิเสธอย่างนุ่มนวลอ้างว่าติดนัดกับพี่สาวของเพื่อนแล้ว หมอโจเสียดาย แต่หวังว่าโอกาสหน้าจะได้ไปด้วยกัน

ooooooo

นีล่านัดเดนิสมาพบด่วนเพื่อปรึกษาเรื่องที่พ่ออยากพบโลแกนให้ช่วยเคลียร์เรื่องค่าคุ้มครองที่เกาเทียน เดนิสบอกว่าโลแกนไม่ทำหรอกเพราะเรื่องนี้ มันแบ่งแยกกันมาตั้งแต่รุ่นปู่รุ่นพ่อตนแล้ว

“ฉันบอกพ่อแล้วแต่พ่อไม่ยอมฟัง เขาถึงอยากเจอพี่โลแกน ทำไงดี”

“เอางี้ พี่จะไปคุยกับพ่อเธอเอง” นีล่าถามว่าพี่น่ะเหรอ? “เธอลืมไปแล้วหรือ ว่าในอดีตครอบครัวพี่ก็เป็นหนึ่งในสามของพวกเรา ไปเลยนะ เดี๋ยวพี่มีเคสผ่าตัดตอนค่ำอีก”

เมื่อเดนิสไปพบเหว่ยซาน ถามว่าท่านต้องการให้โลแกนไปเคลียร์กับคนที่เกาเทียนหรือ ตนคุยกับโลแกนแล้ว โลแกนไม่เห็นด้วย เพราะเราได้ทำข้อตกลงยกเขตเกาเทียนให้กับตระกูลครูเกอร์ไปแล้ว

เหว่ยซานยืนยันจะคุยกับโลแกนเพื่ออธิบายให้เข้าใจว่าคนที่เกาเทียนต้องการตน เดนิสติงว่าท่านคงเข้าใจแล้วว่าโลแกนไม่ทำธุรกิจประเภทนี้แล้ว เหว่ยซานบอกว่าตนเข้าใจแต่ต้องการให้เขารับรู้เป็นมารยาทเฉยๆ

“แต่โลแกนเขาก็บอกผมว่าถ้าให้ยุติธรรม ท่านเหว่ยต้องแลกกับที่ซาป้าให้กับคลาก ครูเกอร์ไป” เหว่ยซานบอกว่าไม่เกี่ยวกัน “เกี่ยวครับ ท่านเหว่ยอาจจะลืมไปแล้วว่า พ่อผมพ่อโลแกนและท่านเหว่ยเคยสัญญากันว่า ไม่ว่าจะทำอะไรต้องฟังเสียงข้างมากและผมก็เห็นด้วยกับโลแกน”

เหว่ยซานโมโห บอกว่าก็ได้แต่ก็ไม่ได้หมาย ความว่าตนจะยอมรับเงื่อนไขที่เดนิสเสนอ ยังไงตนก็ต้องคุยกับโลแกน

เมื่อมาเล่าให้นีล่าฟัง เธอบอกว่าตนว่าแล้ว พ่อไม่มีวันเชื่อเขาแน่ เดนิสบอกว่าตนรู้แต่ต้องการถ่วงเวลาไม่ให้พ่อเธอสงสัยว่าโลแกนหายไปไหนเท่านั้น นีล่าบ่นว่าโลแกนจะรู้ไหมว่าคนเขาวุ่นวายกันแค่ไหนที่เขาหายตัวไป

ooooooo

พิรุณพร่ำรัก

ละครแนะนำ

ข่าวละครวันนี้ดูทั้งหมด