สมาชิก

เพชรกลางไฟ

ตอนที่ 9

รุ่งเช้า หม่อมต่วนมาหาหม่อมเอื้อนถึงบ้านเพื่อทวงถามกำหนดวันที่จะยกขันหมากไปสู่ขออรุณวาสี หม่อมเอื้อนหนักใจมากอ้างยังติดงานพระศพเสด็จ หม่อมต่วนจิกตาเอาเรื่อง ไม่ได้ให้ยกมาวันนี้พรุ่งนี้ แปลกเสริมว่าขันหมากจะมากจะน้อยไม่สำคัญ ของรับไหว้ก็รับไปแล้ว

หม่อมเอื้อนเครียดหนักตัดสินใจพูดตามตรง ว่าไม่ได้คิดบิดพลิ้วแต่สุรคมยืนกระต่ายขาเดียวว่าไม่มีใจให้อรุณวาสี ตนยินดีคืนของรับไหว้ หม่อมต่วนโกรธมากหาว่าเป็นแม่ไม่เอาไหนสั่งลูกไม่ได้ เสียทีเกิดเป็นแม่ ที่ตนยอมยกลูกสาวให้เพราะไม่อยากให้ได้สะใภ้

มีราคีมีเลือดชั่วของแม่ กลับไม่คิดถึงน้ำใจ แปลกแกล้งเปรยทำนองคงเห็นว่าทางโน้นได้สมบัติมากมาย หม่อมเอื้อนหน้าเสียที่โดนเหน็บทั้งนายและบ่าว

ด้านสุรคมหาโอกาสพูดคุยกับอุรวศีเรื่องให้รอตนเคลียร์ปัญหาแล้วจะรีบจัดการเรื่องระหว่างเราให้เร็วที่สุด อุรวศีอ่อนใจไม่รู้จะอธิบายอย่างไรให้เข้าใจเสียที ตัดบทว่าไม่ใช่เวลาคุยเรื่องส่วนตัว สุรคมชะงักแต่อยากคุยกับเธอนานๆจึงดึงเรื่องอนลมาคุย

ท่านหญิงปั้นหน้านิ่งในใจอยากรู้เรื่องของเขามาก จึงเอ่ยไปว่าตนอยู่แต่ฝ่ายใน ไม่ทราบเรื่อง จันรู้ใจแทรกถามว่าตอนนี้คงจับได้หลายคน สุรคมพยักหน้า

“หลายคนแล้ว แต่ที่จับได้ไม่ใช่เพราะมีการซัดทอดกันเลยนะ ข้อนี้ก็ต้องนับถือในน้ำใจ”

จันเห็นสายตาท่านหญิงมองก็เข้าใจรีบถาม “แล้วบุตรชายคนเล็กของท่านเจ้าคุณรัชปาลีล่ะเพคะ เป็นอย่างไรบ้าง หม่อมฉันเคยพบเจอสองสามครั้ง พอรู้ว่าต้องโทษก็อดใจหายไม่ได้”

สุรคมสลดลงยอมรับว่าเสียใจที่ไม่ได้ไปเยี่ยมอนลเลยเพราะแม่กับเจ้าพี่ขอไว้ อุรวศีถามอ้อมๆว่าอีกไม่นานคงมีการตั้งศาลตัดสินใช่ไหม สุรคมบอกว่าตั้งแล้ว ท่านเจ้าคุณปลัดทูลฉลองกลาโหมเป็นประธาน วันนี้ตอนบ่ายๆอนลคงโดนย้ายไปคุมขังที่กลาโหมและห้ามเยี่ยม อาจไม่ได้เห็นหน้ากันอีกแล้วในชาตินี้ อุรวศีใจหาย

สายวันนั้นเกื้อขอให้พระยารัชปาลีพาไปเยี่ยมอนล อนลไม่อยากให้เกื้อมาที่นี่เกรงจะติดร่างแห แต่เกื้อบอกว่าตนไม่กลัว ตอนนี้ตนทรมานใจมากไม่ต่างจากตกนรก ขอให้อนลสารภาพ เขาส่ายหน้าช้าๆ ไม่มีหลักฐานอะไรจะยืนยันว่าตนไม่เกี่ยวข้องเพราะถูกจับในที่เกิดเหตุ รังแต่จะดึงพี่กับอามารับผิดด้วย สู้ตนรับเคราะห์คนเดียวดีกว่า

เกื้อน้ำตาร่วงสงสารหลานจับใจ คิดจะสารภาพเอง อนลขอร้องอย่าทำเพราะเกื้อไม่ได้รับราชการ ไม่มีใครเชื่อว่าอาเป็นตัวก่อการ นอกจากอนึกจะเป็นคนสารภาพเอง แต่อนลก็ไม่ได้พูดออกไป เกื้อร้อนใจให้บอกว่านอกจากอะไร อนลตัดบทเปลี่ยนเรื่องว่าบ่ายนี้ตนจะโดนย้ายไปขังที่กลาโหม คงไม่มีใครเยี่ยมได้อีก เกื้อใจหาย

กลับมาถึงบ้าน เกื้อตัดสินใจจะคุยกับอนึกให้เด็ดขาด แต่พอมาถึงเรือนใหญ่เห็นคนรับใช้เตรียมงานวุ่นวาย ถามถึกกับคล้องว่าจะมีงานอะไรกัน ทั้งสองแปลกใจที่เกื้อยังไม่รู้ว่าจะมีงานแต่งงานของอนึกกับดวงแข เกื้อตกใจมากไม่คิดว่าอนึกจะเอาตัวรอดไม่สนใจอนลแม้แต่น้อย

อนึกเดินเล่นคุยกับดวงแขในสวน เอาใจพูดคำหวานจนหญิงสาวเขินอาย แล้วอนึกก็เข้าเรื่องบอกว่าแต่งงานแล้วอยากออกไปอยู่หัวเมืองกับเธอลำพัง มีลูกเมื่อไหร่ค่อยย้ายกลับมา หญิงสาวหัวใจฟูฟ่อง

ทันใดเสียงเกื้อดังขัดจังหวะ อนึกหน้าเสีย กลัวเกื้อพูดอะไรให้ดวงแขสงสัย จึงขอให้เธอกลับไปที่เรือนก่อน ดวงแขหน้าตึงไม่พอใจที่เกื้อมาขัดความสุข แต่ไม่กล้าโวย

เกื้อโมโหมากพูดขึ้นก่อนว่าอนึกจะแต่งงานกับคู่หมั้นอนลหรือ อนึกแก้ตัวว่าเป็นการขายผ้าเอาหน้ารอด ตนทำเพื่อพ่อแม่ไม่ให้โดนถอนหงอกและดวงแขก็ไม่ต้องกลายเป็นหม้ายขันหมาก เกื้อสวนแล้วอนลทำไมไม่คิดช่วย อนึกอ้างว่าตอนนี้ไม่มีใครซัดทอด อนลคงรอดแน่

“โทษร้ายแรงอย่างนี้น่ะหรือจะรอด รอดกลับบ้านนั้นไม่ต้องพูด เอาเป็นว่ารอดตายหรือไม่ดีกว่า อย่างเบามันก็ติดคุกจนตายน่ะแหละว่ากันตามจริง” เกื้อพูดด้วยน้ำเสียงโกรธเคือง

อนึกแก้ตัวจะให้ทำอย่างไร ตนหาทางช่วยทุกทางแล้ว เกื้อจับมือให้ไปสารภาพด้วยกัน อนึกตกใจสะบัดมือไม่ยอมไป เรื่องอะไรจะไปตายทั้งสามคน เกื้อมั่นใจแล้วว่าอนึกคิดให้อนลรับผิดแทนจริงๆ จึงยื้อยุดกระชากให้อนึกไปสารภาพ อนึกไม่ยอมเหวี่ยงเกื้อล้มลง หาข้ออ้าง

“ผมขอโทษครับ แต่ผมจำเป็นต้องทำเพื่อปกป้องคุณพ่อคุณแม่ ถ้าสามคนในบ้านนี้ต้องโทษประหาร คุณพ่อจะทนไหวหรือครับ ที่สำคัญคุณแม่คงป่วยหนักจนเกินเยียวยา ท่านทำใจไม่ได้แน่ แต่ถ้าอาเกื้อไม่รักคุณพ่อคุณแม่แล้วก็ตามใจอาเถอะครับ ส่วนเรื่องนล นลไม่ได้ทำผิด ประเดี๋ยวหนทางรอดก็คงมีมาเองเมื่อถึงเวลา อย่ากลัวไปเลยครับ”

พูดจบอนึกเดินหนีไม่แม้แต่จะช่วยเกื้อลุกขึ้น

เกื้อมองตามหลังหลานชายด้วยความคับแค้นใจ

ดวงแขกลับมากระฟัดกระเฟียดใส่พ่อกับแม่ ที่เกื้อมาขัดจังหวะความสุขของตนกับอนึก พระยาไกรกังวลว่าเกื้อไม่เห็นด้วยที่เปลี่ยนเจ้าบ่าวจากน้องเป็นพี่ ดวงแขไม่สนใจบอกว่าจะมาโทษตนได้อย่างไร ถ้าอนลไม่ก่อเรื่อง คุณหญิงไกรเห็นด้วยกับลูก ดวงแขยิ้มพูดอย่างหนักแน่นว่า เปลี่ยนจากอนลเป็นอนึกดีแล้ว ไม่รู้ตนมองข้ามอนึกไปได้อย่างไร พูดจาอ่อนหวานกว่า ช่างเอาอกเอาใจ ไม่ทำตัวเหมือนท่อนไม้น่าเบื่อหน่ายอย่างอนล พระยาไกรท้วงอย่างไม่ชอบใจ

“พูดอะไรกันแม่ดวงแข ถึงจะคลาดแคล้วจากพ่อนลไปแล้วก็ไม่ควรพูดลับหลังอย่างนี้ ใครมาได้ยินเข้าจะตำหนิได้ว่า น้ำกลิ้งบนใบบอนหาความแน่นอนมิได้”

ดวงแขหันไปอ้อนแม่ว่าตนพูดตามจริงทำไมต้องมาเคือง คุณหญิงไกรบอกสามีว่าลูกรักชอบอนึกก็ดีจะได้สบายใจ แต่พระยาไกรหวั่นใจกับนิสัยลูกสาวตัวเองเสียจริงๆ

ooooooo

บ่ายวันนั้น อนลถูกนำตัวย้ายไปขังที่กลาโหม มีทหารสามสี่นายคุม รถแล่นมาช้าๆผ่านย่านร้านค้า มีรถเข็นแตงโมสามคันเข็นตัดหน้า คันหนึ่งล้มแตงโมกระจายเต็มพื้นทำให้รถแล่นไปไม่ได้ ทหารนายหนึ่งจะลงไปไล่แต่อีกนายบอกให้รอเพราะคิดว่าชาวบ้านไม่ได้ตั้งใจ

อนลมองออกไปที่ถนนเห็นบุญทันกับจันช่วยกันเก็บแตงโม ข้างทางมีจางวางสมและหม่อมสลวยชะเง้อมอง สายตาพวกเขาอยากล่ำลาเป็นครั้งสุดท้าย อนลมองไปอีกฟากถนน แทบไม่เชื่อสายตาตัวเอง เห็นอุรวศีในชุดชาวบ้านมีผ้าคลุมผมพรางผมอันยาวสลวยเพราะสมัยนั้นคนที่ไว้ผมยาวได้จะเป็นผู้มีอันจะกิน จึงไม่อยากให้เป็นจุดเด่น

อุรวศีมองอนลด้วยอยากจดจำเขาไว้ในความทรงจำ อนลน้ำตารื้นด้วยความซาบซึ้ง เวลาที่ตนตกอับถึงที่สุด ท่านหญิงยังยอมเสียเกียรติลดตัวมาส่งเป็นครั้งสุดท้าย ทั้งสองสบตากันนิ่งนานจนกระทั่งบุญทันกับจันเก็บแตงโมเสร็จ รถทหารแล่นผ่านไป อนลมองอุรวศีจนลับตา

จางวางสม หม่อมสลวยและบุญทันเดินคุยกันกลับถึงบ้าน จันเดินตามหลัง จางวางสมกับหม่อมสลวยขอบใจบุญทันกับจันที่กล้าเสี่ยงทำแบบนี้เพื่อให้พวกตนได้ส่งอนลเป็นครั้งสุดท้าย จางวางสมไม่อยากเชื่อว่าอนลจะทำการร้ายเช่นนั้น ต้องโดนใส่ร้ายแน่ๆ บุญทันมองจันอย่างสงสัยทำไมคิดแผนการได้แยบยลขนาดนี้ แกล้งเปรยว่าจันคงสนิทกับอนลมากถึงได้อยากล่ำลา จันอึกอักบอกว่าทำเพื่อจางวางสม บุญทันพยักหน้าแย็บถามถึงท่านหญิงสบายดีไหม

จันสะดุ้งไม่คิดว่าจะถูกจู่โจมถาม “เอ่อ...สบายดีเจ้าค่ะ ถามทำไมเจ้าคะเถ้าแก่”

บุญทันยิ้มบางๆอย่างรู้ทัน บอกให้จันกลับวังได้แล้วก่อนประตูจะปิด...จันค้างคาใจกลับมาทูลเล่าให้อุรวศีฟังว่าบุญทันเหมือนจะสงสัย แต่ท่านหญิงไม่คิดอะไร

“ถึงอย่างไรฉันก็ต้องขอโทษจันด้วยนะ ที่ทำให้จันต้องทำเรื่องเสี่ยงเป็นภัยกับตัวไปด้วย”

“มิได้เพคะ ท่านหญิงอย่าทรงลดตัวมาขอโทษหม่อมฉันเลยเพคะ เป็นหน้าที่ของหม่อมฉันที่ต้องถวายรับใช้ท่านหญิงอยู่แล้ว”

“ไม่ได้หรอก ฉันต้องขอโทษ เพราะฉันวางแผนนี้ขึ้นก็เพื่อลาอนลเป็นครั้งสุดท้าย และอยากลาให้นานที่สุดเท่าที่จะทำได้ เพื่อตอบแทนน้ำใจที่อนลมีให้ แต่กลับทำให้ทุกคนต้องพลอยมาวุ่นวายไปด้วย และด้วยศักดิ์ฐานะของฉันจะให้ใครรู้ก็ไม่ได้นอกจากให้จัน ออกหน้าแทน”

“ท่านหญิงอย่าใส่พระทัยเลย หม่อมฉันเต็มใจทำเพื่อท่านหญิงเพคะ เอ่อ...แต่คุณอนลจะถึงกับถูกประหารเชียวหรือเพคะ”

“โทษร้ายแรงเช่นนี้ จันเคยได้ยินว่ามีใครรอดพ้นความตายไปได้บ้างเล่า” อุรวศีเศร้าใจ

ooooooo

ค่ำวันนั้น อนึกนัดเพื่อนๆมาเลี้ยงฉลองก่อนแต่งงาน แต่มีเพื่อนมาเพียงสองคน ก็รู้ว่าเป็นเพราะเรื่องคดีอนล เพื่อนทั้งสองปลอบใจอีกไม่นานคนก็ลืม อย่าเสียใจเลยอนลโดนประหารดีกว่าอยู่ต่อไปโดยไม่มีใครกล้าเข้าใกล้ ซ้ำร้ายยังไม่รู้จะทำมาหากินได้อีกไหมมีแต่คนรังเกียจ

อนึกฟังแล้วยิ่งเครียดรู้สึกผิดที่น้องรับโทษแทนตน...อนึกกลับมาบ้านนั่งมองรูปถ่ายสมัยเด็ก คิดถึงความสุขของครอบครัว ความรู้สึกในใจขัดแย้งกันระหว่างกลัวตายกับอยากช่วยน้อง

ทางด้านอนล ทหารคนหนึ่งมาบอกว่ามีคนต้องการพบ อนลแปลกใจอยู่ในนี้ยังมีคนมาเยี่ยมได้อีกหรือ ทหารนายนั้นบอกว่าได้ ถ้าคนคนนั้นทำงานในกลาโหม อนลดีใจคิดว่าเป็นอนึก...แต่พอเข้ามาในห้องกลับพบชายสูงวัยท่าทางมีสง่าราศี คือเจ้าคุณกลาโหม

อนลไหว้ทำความเคารพ เจ้าคุณถามรู้จักตนหรือ อนลบอกไม่รู้จักแต่คิดว่าต้องมีอำนาจในกลาโหม มิฉะนั้นคงนำตัวตนออกมาไม่ได้ เจ้าคุณยิ้มย่องชอบในความฉลาดของเขา เจ้าคุณเกลี้ยกล่อมให้อนลรับสารภาพแล้วสัญญาจะกันเขาไว้เป็นพยาน แต่ต้องออกจากราชการ อนลนิ่งไม่พูดอะไร เจ้าคุณตบไหล่เบาๆเตือนว่าไม่คิดถึงตัวเองก็คิดถึงพ่อแม่บ้าง อนลขบกรามแน่น

“กระผมทราบว่าคุณแม่คงจะเสียใจมาก แต่ความตายของกระผมเพียงคนเดียว ถือว่าเล็กน้อยมากขอรับ”

เจ้าคุณกลาโหมกลับมาที่ห้องทำงาน พระยารัชปาลีกับภรรยารอฟังข่าวอยู่ พอรู้ว่าอนลไม่ยอมพูดสิ่งใด พระยารัชปาลีโกรธมากถึงกับออกปากว่าปล่อยให้ตายคาหลักประหารไป นวมร้องไห้โฮขอร้องเจ้าคุณกลาโหมให้ตนเข้าไปคุยกับลูกเอง พระยารัชปาลีปรามอย่าทำให้เจ้าคุณลำบากใจ เจ้าคุณบอกว่าต่อไปก็แล้วแต่ศาลจะตัดสินตามกฎหมาย

“โจรปากแข็งอย่างมันไม่ควรจะได้รับลดหย่อนอะไรทั้งนั้นล่ะ อย่าเสียใจไปเลยแม่นวม เราช่วยมันทุกทางแล้วมันไม่รับเอง จะให้ทำอย่างไร คิดเสียว่าเรายังโชคดีมีพ่อใหญ่อยู่อีกคน อ้ายนลเป็นลูกคนเล็ก ตายไปก็ไม่น่าเสียดายหรอก” พระยารัชปาลีขบกรามแน่นน้ำตาปริ่ม

ทหารพาอนลกลับเข้าห้องขังและบอกว่าศาลถูกตั้งขึ้นแล้ว อีกไม่กี่วันเขาจะถูกนำตัวไปพิจารณาคดี เขาต้องการอะไรบ้างไหม อนลส่ายหน้าสายตาสิ้นหวังพอใจแล้วที่ช่วยพี่และอาให้รอด พลันนึกถึงอุรวศี มีเพียงความทรงจำถึงท่านหญิงเท่านั้นที่ทำให้ยังมีลมหายใจอยู่ต่อไปได้

ooooooo

หม่อมเอื้อนยังคงอ้อนวอนขอร้องสุรคมให้เสกสมรสกับอรุณวาสี ถึงกับพูดหักหาญน้ำใจว่าไม่เห็นอุรวศีจะไยดีอะไรเขา แต่สุรคมกลับคิดว่าเป็น เพราะท่านหญิงกระอักกระอ่วนใจไม่อยากแย่งพี่สาว ตนจะต้องทำอะไรให้เด็ดขาดเสียที หม่อมเอื้อนใจหายลูกจะทำอะไร

สุรคมมาหาอรุณวาสีที่ตำหนักหม่อมต่วน อทริกาเห็นสุรคมก็พูดทันทีกำลังอยากถามเรื่องยกขันหมาก อรุณวาสีหน้าแดงปรามพี่สาวไม่ควรพูด สุรคมโพล่งขึ้นว่าที่มาวันนี้ก็จะพูดเรื่องนี้ แต่อยากพูดกับอรุณวาสีลำพัง อทริกาค้อนเล็กๆเดินออกไป ด้วยความอยากรู้จึงแอบฟัง

อรุณวาสีใจเต้นรัวรอฟังวันนัดหมายของสุรคม แต่แล้วเหมือนฟ้าผ่ากลางใจเมื่อสุรคมบอกว่าให้ตนถอนหมั้น “พี่ขอร้องหญิงจริงๆ มิใช่ว่าหญิงไม่ดีหรือมีความผิดใดหรอกนะ แต่พี่ไม่ได้รักหญิง หญิงเองก็ไม่ได้รักพี่ การหมั้นของเราเกิดจากผู้ใหญ่จัดการเอง และพี่ก็เห็นแล้วว่าพี่ไม่เหมาะสมกับหญิง อยู่ด้วยกันไปก็ไม่มีความสุข แต่ถ้าให้พี่เป็นฝ่ายเลิก หญิงก็จะเสียหาย ฉะนั้นหญิงเป็นฝ่ายขอเลิกพี่เองดีกว่า อ้างว่าพี่เลวอย่างไรก็ได้พี่ไม่ถือ”

อรุณวาสีกล้ำกลืนความผิดหวังเสียใจ ในขณะที่อทริกาตกใจรีบมาฟ้องติโลตตมา ระหว่างนั้นติโลตตมากำลังเชยชมสร้อยไข่มุกที่ท่านป้อมฝากคนรับใช้มาให้พร้อมจดหมาย พออทริกาวิ่งมาก็รีบเก็บของทั้งหมดหันมาเอ็ดน้องสาวไม่รักษากิริยา คนรับใช้คลานออกไป

หลังจากสุรคมกลับ อรุณวาสีเอาแต่ร้องไห้เสียใจ ติโลตตมากับอทริกาคอยยุแยงไม่ให้ถอนหมั้นอย่ายอมแพ้ลูกเมียบ่าว แต่อรุณวาสีเสียใจที่สุรคมประกาศโจ่งแจ้งว่ารักอุรวศี ติโลตตมาใส่ไคล้ว่าต้องเป็นอุรวศีที่ยุแยงให้สุรคมทำแบบนี้ แต่อทริกาคิดว่าหม่อมเอื้อนยุแยงมากกว่าเพราะรู้ว่าอุรวศีได้ทรัพย์สมบัติมากมาย อรุณวาสีฟังพี่ๆมากก็เริ่มโอนเอนคิดตาม

สามท่านหญิงมาเอาเรื่องอุรวศีถึงตำหนักเสด็จป้า อุรวศียืนยันว่าไม่รู้เรื่องใดๆ “ถ้าหญิงมีใจให้จริง หญิงคงรับปากแต่งงานไปแต่แรกแล้ว ถ้าลองมีการหมั้นหมายกันต่อหน้าพระพักตร์เสด็จป้า มีหรือคะที่หม่อมเอื้อนจะกลับคำได้ แต่เป็นเพราะหญิงไม่มีใจจึงทำเฉยเสียจนกลืนไม่เข้าคายไม่ออกถึงทุกวันนี้อย่างไรล่ะคะ”

อทริกาแทรกหาว่าเพราะอุรวศีไม่สนใจสุรคม ถ้าสนใจเขาก็ต้องเลือกเธอ อุรวศีเคืองการพูดไม่คิดของพี่คนนี้เสียจริง หันมายืนยันกับอรุณวาสีว่าตนไม่เคยมีใจให้สุรคมเลย ติโลตตมายุอรุณวาสีอย่าเชื่อ น้องที่เธอรักสนองคุณได้สมใจ ด้วยความเสียใจทำให้อรุณวาสีคิดตามที่พี่ๆยุแยง ต่อว่าอุรวศีรุนแรงแล้วร้องไห้สะอึกสะอื้น อุรวศีอ่อนใจไม่รู้จะพูดอย่างไร พอดีหม่อมสลวยเดินเข้ามาพร้อมจัน ทักทายท่านหญิงทุกองค์ อรุณวาสีแปลกใจที่หม่อมสลวยกล้ามา

“ต้องมาสิเพคะ เสด็จพระองค์หญิงมีบุญคุณกับหม่อมฉันล้นเหลือ ทั้งรักทั้งเมตตาแล้วยังทรงปกป้องหญิงหลงด้วยถ้าหม่อมฉันไม่มาฟังสวดพระอภิธรรมก็เป็นคนใช้ไม่ได้แล้วล่ะเพคะ”

จันรวบรัดบอกว่าใกล้เวลาสวดพระอภิธรรมแล้ว หม่อมสลวยจึงชวนอุรวศีเดินไป สีหน้าท่านหญิงอมทุกข์จนหม่อมสลวยคิดว่าควรทำบางอย่างเพื่อลูกเสียที

ooooooo

วันต่อมา หม่อมสลวยกับบุญทันมาบ้านสุรคม หม่อมเอื้อนหน้าตึงรังเกียจบุญทัน แต่ทักทายหม่อมสลวย หม่อมสลวยบอกไม่ต้องเรียกตนว่าหม่อมเพราะตนแต่งงานใหม่กับบุญทันหลังจากเสด็จในกรมสิ้นพระชนม์ บุญทันเริ่มเกริ่นว่ามีเรื่องกังวลใจจึงอยากมาพูดให้ชัดเจน

สุรคมร้อนตัว “ถ้าหมายถึงเรื่องที่ฉันหมั้นกับหญิงเล็กนั้น ขอให้วางใจ ฉันได้พูดกับหญิงเล็กจนเป็นที่เข้าใจแล้ว รับรองว่าจะไม่ให้เสื่อมเสียมาถึงหญิงหลงเป็นอันขาด”

หม่อมสลวยทำทีแปลกใจถ้าเป็นอย่างนั้นทำไมอรุณวาสีมาต่อว่าต่อขานว่าอุรวศีอยู่เบื้องหลังการขอถอนหมั้น สุรคมตกใจเป็นแบบนั้นไปได้อย่างไร หม่อมเอื้อนกลัวเรื่องบานปลายรีบถามว่าท่านหญิงว่าอย่างไรบ้าง บุญทันตอบแทนว่าท่านหญิงไม่ได้ว่าอะไร แต่หัวอกคนเป็นแม่ไม่อยากเห็นลูกโดนรังแกโดยความผิดที่ไม่ได้ก่อ หม่อมเอื้อนระเบิดความกลัดกลุ้ม

“โอ๊ย ใช่ว่าทุกวันนี้ฉันจะมีความสุขนะคะ ถ้าฉันรู้ว่าเสด็จพระองค์หญิงจะทรงโปรดท่านหญิงหลงขนาดนี้ ฉันก็คงไม่หลงเชื่อคำหม่อมต่วนหรอก”

หม่อมสลวยแกล้งเหน็บ ถ้าไม่เชื่อหม่อมต่วนก็ต้องมาดองกับตน ไม่รังเกียจหรือ หม่อมเอื้อนสะอึกพูดไม่ออก สุรคมเครียดจะให้ตนทำอย่างไรเป็นการขอโทษ หม่อมสลวยจึงขอร้องว่าอย่าข้องเกี่ยวกับท่านหญิงอีกเลย มันไม่ยุติธรรมที่ท่านหญิงต้องมารับเคราะห์กับสิ่งที่ไม่ได้ก่อ...หม่อมสลวยปรายตามองหม่อมเอื้อนเป็นนัยว่าเพราะความโลภของเธอ สองแม่ลูกหน้าตึงโดนตอกใส่หน้าถึงบ้าน สุรคมพาลโกรธอรุณวาสีไปด้วย

ไม่รอช้า สุรคมมาต่อว่าอรุณวาสีถึงตำหนักหม่อมต่วน หาว่าโกรธที่ตนขอให้ถอนหมั้นจึงไปรังแกอุรวศี ท่านหญิงน้อยใจน้ำตารื้น คนอย่างตนหรือจะไปรังแกใคร เขาไม่มีเหตุผลเชื่อคำคนอื่นมาลงโทษตน สุรคมยิ่งโมโหที่หาว่าหูเบา หลุดคำพูดเหน็บแนมว่าเธอไม่ต่างจากแม่เลย อรุณวาสีสุดทนตวัดมือตบหน้าสุรคมฉาดใหญ่ แปลก ซึ่งสอดแนมอยู่ตกใจ อรุณวาสีร้องไห้อย่างหนักพรั่งพรูความกดดัน สุรคมได้สติเสียใจที่พูดกับเธอแรงเกินไป

“เจ้าพี่ก็ดีแต่โทษคนอื่น แล้วเคยคิดบ้างหรือเปล่าว่าที่ผ่านมา หญิงต้องหวานอมขมกลืนขนาดไหนถูกจับหมั้นทั้งๆที่รู้ว่าผู้ชายไม่มีใจให้ แต่ไม่ทำก็ได้ชื่อว่าอกตัญญู พอทำก็ถูกประณามหยามเหยียด ตกลงหญิงเป็นตัวอะไรบอกได้ไหมคะว่าหญิงเป็นคนหรือสิ่งของกันแน่”

สุรคมหน้าเสียรู้สึกผิดและเสียใจที่ตนเล่นงานอรุณวาสีหนักไป
ooooooo

อนลแปลกใจเมื่อทหารจะพาตัวออกจากห้องขังอีก จึงบอกว่าตนเกรงใจทุกคนที่มาสอบสวนเพราะตนไม่มีอะไรจะพูดทั้งสิ้น แต่ทหารก็เชิญให้ออกไปที่ห้องห้องหนึ่ง แล้วอนลก็ได้เห็นอนึกรออยู่ เขาดีใจมากคิดว่าพี่มาช่วยแล้ว

แต่อนึกกลับมาเพื่อบอกว่ากำลังหาทางช่วยอยู่ให้รอสักพัก เห็นสีหน้าอนลผิดหวังก็ตบบ่าเบาๆ “อย่าทำหน้าอย่างนั้นสิ อย่างไรพี่ก็ไม่ให้นลรับเคราะห์แทนพี่หรอก แต่ที่พี่ไม่สารภาพก็เพราะเกรงจะไม่มีคนเชื่อ แล้วจะกลายเป็นทั้งนลทั้งพี่ทั้งอาเกื้อต้องโดนโทษไปด้วยกันทั้งหมด”

อนลเข้าใจถึงไม่ปริปากแต่อย่างใด อนึกปลอบใจว่าวันนี้เริ่มการไต่สวน ไม่มีใครพูดถึงอนลเลยท่าทางจะรอดแน่ แต่อนลไม่คิดอย่างนั้น เพราะตนไม่อาจแก้ต่างได้ว่าไปอยู่ที่บ้านหลังนั้นทำไมตอนมืดค่ำ อนึกกลัวอนลเปลี่ยนใจรีบกล่อมให้เชื่อว่าต้องรอด โดยอย่าพูดอะไรที่เหลือตนจัดการเอง อนลมองพี่ชายเหมือนจะมองให้ลึกถึงก้นบึ้ง อนึกละอายใจหลบสายตาแล้วขอตัวกลับ อนลพอจะรู้ชะตากรรมตัวเองจึงกล่าวคำอำลาอนึกด้วยเสียงสั่นเครือ ก่อนจะน้ำตาซึม

ด้านเกื้อเสียใจดื่มเหล้าจนเมามาหาทับที่บ้าน ทับตกใจไม่เคยเห็นเกื้อเป็นแบบนี้มาก่อน แต่ก็รู้ถึงสาเหตุ เกื้อขอให้เขาช่วยบอกทีว่าตนควรทำอย่างไร จะไปสารภาพก็เกรงไม่มีใครเชื่อแล้วห่วงพี่ชายกับพี่สะใภ้ด้วย ทับนิ่งคิดเรียบเรียงคำพูดให้ชัดเจน

“มีสองข้อที่ฉันอยากให้คุณเกื้อเก็บไปคิด หนึ่ง แม้ว่าเจ้าคุณกับคุณหญิงจะยิ่งโทมนัสขนาดไหนเมื่อรู้ความจริง มันก็ไม่ได้ลบล้างความเป็นจริงได้ เท็จก็คือเท็จ จริงก็คือจริง...สอง หลานชายคุณเกื้อเป็นผู้บริสุทธิ์ แต่ถูกทำให้กลายเป็นคนผิด คุณเกื้อจะตายตาหลับหรือ ถ้าพ่ออนลได้รับโทษที่เขาไม่ได้ก่อ”

เกื้อฟังแล้วได้คิด กลับมาตั้งใจจะคุยกับอนึกให้รู้เรื่อง ระหว่างนั้นอนึกคุยอยู่กับพระยาไกร เกื้อจะเข้าไปหาจึงได้ยินการสนทนา พระยาไกรถามเรื่องที่อนึกอยากไปประจำหัวเมือง ทั้งที่อยู่พระนครสบายกว่า อนึกบอกว่า สบายกายแต่ไม่สบายใจ ตั้งแต่เกิดเรื่องอนล ตนโดนเพ่งเล็งจนไม่เป็นอันทำงาน มีคนแนะนำให้ย้ายออกหัวเมืองจะสบายใจกว่า มีโอกาสก้าวหน้ามากกว่า เพียงขอย้ายตามธรรมเนียมต้องรอนาน แต่ถ้ามีผู้ใหญ่อยู่ทางหัวเมืองช่วยจะง่ายขึ้น

เกื้อได้ยินขบกรามแน่นที่อนึกคิดหนีเอาตัวรอด แสดงว่าทิ้งอนลให้รับผิดแน่

ooooooo

เช้าวันใหม่ เป็นวันที่อนลจะต้องไปขึ้นศาล ทหารพาไปอาบน้ำเปลี่ยนเสื้อผ้าให้สบายกาย อนลปลงแล้วว่าคงไม่พ้นโทษตายเป็นแน่ จึงเตรียมตัวเตรียมใจแม้แต่แววตาก็สิ้นหวัง...

วันนี้เป็นวันแต่งงานของอนึกกับดวงแข บรรยากาศในงานสวยงาม แขกที่มาล้วนเป็นคนใหญ่คนโต พระยารัชปาลีกับนวมฝืนยิ้มรับแขก พระยาไกรกับคุณหญิงไกรรับแขกอีกมุมหนึ่ง อนึกแนะนำดวงแขให้รู้จักญาติผู้ใหญ่ บางท่านถามคิดว่าเจ้าบ่าวเป็นอนล ดวงแขหน้างอเดินเลี่ยงไปหาพ่อกับแม่ อนึกมองตามหลังด้วยความรู้สึกจะต้องอดทนเอาใจเพื่อให้ตัวรอด...

ขณะเดียวกัน อนลถูกคุมตัวไปขึ้นศาล ในขณะที่ บ่าวสาวพนมมือหมอบรับน้ำสังข์อยู่บนตั่ง ผู้ใหญ่ต่างอวยพรให้มีความสุขรักกันยั่งยืน เกื้อใช้ไม้เท้าพยุงตัวเดินมาด้วยสีหน้าตึงเครียด พระยารัชปาลีเห็นน้องชายมาก็บอกให้เข้าไปรดน้ำหลาน อนึกเห็นอาก็มีท่าทีตกใจ เกื้อบอกพี่ชายว่าที่มามีเรื่องจะเรียนให้ทราบ ท่านเจ้าคุณผลัดไว้คุยทีหลังให้รดน้ำอวยพรหลานก่อน

เกื้อหันมาจ้องอนึกเขม็ง “ไม่ล่ะครับ มิรู้จะอวยพรให้มันมีความสุขความเจริญได้อย่างไร จะแช่งให้ฉิบหายตายโหงรึก็ไม่ได้ เลยไม่รดน้ำสังข์เสียดีกว่า”

อนึกได้ฟังลุกพรวดด้วยความโกรธ แขกเหรื่อพากันตกใจ พระยารัชปาลีเอ็ดเกื้อจะบ้าวันไหนไม่บ้ามาบ้าเอาวันมงคลของหลาน อนึกไม่สนใจสั่งถึกกับคล้องเอาตัวเกื้อออกไป เกื้อไม่ยอมตะโกนลั่นไม่ไป “คุณพี่ฟังผมก่อนครับ ได้โปรดฟังผมก่อน”

อนึกกลัวเกื้อพูดเข้าฉุดกระชากลากเกื้อด้วยตัวเอง เกื้อยื้อยุดแม้จะทานแรงหลานไม่ไหว ร้องลั่น “ไม่ ไม่ไปปล่อยข้า คุณพี่ฟังผม ผมเป็นคนใช้อนลไปเอง ผมให้นลไปเอาตัวอนึกกลับมา อนลไม่ใช่ผู้ก่อการ คุณพี่ได้ยินไหม ตัวการคืออนึกกับผม”

ทุกคนตกใจ อนึกหน้าซีดเผือดมองสายตาทุกคนที่จับจ้องมาที่ตน ปฏิเสธพัลวันไม่เป็นความจริง เกื้อสะบัดตัวออกเดินกะเผลกเข้าไปหาพระยารัชปาลี “ผมขอรับ ผมกับอนึกต่างหาก อนลไม่รู้เรื่อง แต่ผมเปลี่ยนใจทีหลังจึงบอกอนล ใช้เขาให้ไปตามพี่ชายกลับมา แต่ไม่คิดเลย...”

อนึกโกรธมากกระชากตัวเกื้อเหวี่ยงออกไปเต็มแรง เกื้อล้มหัวกระแทกเสาบ้านเลือดอาบ

ท่ามกลางเสียงร้องตกใจของแขกในงาน อนึกจะเข้าไปซ้ำพระยารัชปาลีตวาดให้หยุด อนึกชะงัก

ไม่เคยโดนพ่อดุรุนแรงมาก่อน ดวงแขเห็นท่าทีอนึกก็รู้ว่าเป็นเรื่องจริง รู้สึกอับอายมากวิ่งร้องไห้ออกไป คุณหญิงไกรห่วงลูกวิ่งตาม ท่านเจ้าคุณสั่งถึกกับคล้องให้หามเกื้อไปในห้องและตามหมอ แล้วหันมาสั่งอนึกขึ้นไปอยู่บนห้องไม่ต้องลงมาจนกว่าตนจะเรียก ให้ถึกตามไปเฝ้าไว้

นวมร้องไห้มองอนึกอย่างผิดหวังที่โยนความผิดให้อนล อนึกขบกรามแน่นรู้สึกโดดเดี่ยวไม่มีใคร... พระยาไกรเห็นใจเพื่อนช่วยเชิญแขกในงานกลับและขอบคุณที่มาเป็นเกียรติ

อนึกเข้ามาอยู่ในห้อง คิดทบทวนความผิดของตัวเองแล้วละอายใจ หยิบภาพครอบครัวออกมามอง นึกถึงคำพูดของเพื่อนที่ว่าโทษแบบนี้โดนประหารดีแล้ว เพราะอยู่ไปก็มีแต่คนรังเกียจ จะทำมาหากินอะไรก็ยาก ตายเสียดีกว่าอยู่...ใบหน้าอนลลอยมาให้เห็นวันที่น้องกล่าวคำอำลาราวกับรู้ว่าตนไม่คิดช่วยเหลือ เท่านี้ตนก็ไม่มีหน้าไปเจอกับน้องได้อีก

ด้านดวงแขร้องไห้โวยวายที่ต้องมาเจอเรื่องอย่างนี้ ต้องกลายเป็นเมียนักโทษแผ่นดิน นวมเองก็เสียใจมากแต่ต้องปลอบใจดวงแขและคุณหญิงไกร ยินดีจะทำทุกอย่างเพื่อกู้ชื่อเสียงกลับมา แต่ดวงแขตวาดกลับอย่างไม่มีความเคารพ “ยังจะกู้อะไรได้อีกล่ะคะ ลูกชายคุณป้าจะถูกกุดหัววันนี้พรุ่งนี้ก็ยังไม่รู้ ช่วยตัวเองยังไม่ได้เลย ถ้ารู้ว่าจะเป็นอย่างนี้ ดวงแขจะไม่มีวันรู้จักลูกชายคุณป้าเป็นอันขาด หาแต่เรื่องเดือดร้อนมาให้ เลวทั้งพี่ทั้งน้อง”

เจ้าคุณกับนวมสะอึกกับคำพูดคนที่พวกตนอยากได้เป็นลูกสะใภ้ ถ้าไม่ติดว่าฝ่ายตนผิดคงไม่ยอมแน่ พระยาไกรเดินเข้ามาได้ยินหน้าเครียดเอ็ดลูกสาวและภรรยาให้หยุดพูด คนกำลังมีความทุกข์จะพูดจาบั่นทอนกันอีกทำไม ไร้หัวคิดยังไม่พอกิริยาวาจายังทรามอีก ดวงแขร้องไห้โฮ คุณหญิงไกรกลัวสามีรีบพาลูกออกไป จากนั้นพระยาไกรหันมาถามเพื่อนรักจะทำอย่างไรต่อไป พระยารัชปาลีบอกว่าจะพาอนึกกับเกื้อไปสารภาพกับท่านปลัดทูลฉลองโดยเร็ว

พระยาไกรพูดด้วยความเป็นห่วง “เอ่อ มีแต่คำพูดของพ่อเกื้อ จะปลงใจเชื่อเสียทีเดียว...”

“เจ้าคุณอย่าคิดว่าผมสบายใจ ผมเป็นทุกข์มาก ไม่เคยทุกข์เท่านี้ ถ้าเกื้อเพ้อเจ้อไปเองผมคงทุกข์น้อยกว่านี้ แต่พอเจ้าใหญ่ผลักอามันล้มลงไป ผมก็ดูออกว่า...เกื้อพูดจริง”

นวมร้องไห้โฮ คล้องประคองเกื้อที่ทำแผลแล้วเข้ามาได้ยินพอดี เกื้อถึงกับร้องไห้ออกมาเพราะตนมีส่วนผิดที่ไม่สามารถช่วยหลานได้

อนึกตัดสินใจเขียนจดหมายสารภาพความผิดทั้งหมด โดยใช้สัจจะนายทหารรับรองว่าอนลไม่มีส่วนเกี่ยวข้องใดๆ ตนรู้ว่าถ้าน้องรู้เรื่องนี้จะไม่ยอมร่วมมือด้วยแน่เพราะอนลเป็นผู้จงรักภักดีอย่างสูง แต่ด้วยความเป็นห่วงตนจะต้องรับโทษจึงไม่ยอมให้การตามจริง ตนเห็นผิดเป็นชอบตั้งแต่แรก รู้สึกเสียใจที่ไม่กล้าสารภาพตั้งแต่ต้นปล่อยให้น้องชายกลายเป็นผู้มีมลทิน ตนขอตัดสินโทษประหารให้ตัวเองโดยไม่ร้องขอความปรานีจากผู้ใด เพราะตนสำนึกแล้วว่าตนสมควรได้รับโทษนี้ทุกประการ

เขียนจบ อนึกใช้ที่ทับกระดาษทับจดหมายไว้ ลุกไปล้างหน้า จัดแต่งทรงผมให้ดูดีสีหน้าสงบนิ่ง...ในขณะที่พระยารัชปาลีจะขึ้นไปตามอนึกเพื่อพาไปสารภาพกับเจ้าคุณปลัดทูลฉลองพร้อมกับเกื้อ นวมขอไปด้วยเพราะอนึกก็เป็นลูกจะปัดความรับผิดชอบไม่ได้ และที่สำคัญตนต้องการอยู่เคียงข้างท่านเจ้าคุณ ตนรู้ว่าท่านเจ้าคุณรักและหวังในตัวอนึกมาก ความเสียใจครั้งนี้คงมีมากกว่าครั้งอนล ท่านเจ้าคุณซาบซึ้งใจดึงภรรยาเข้ามากอดที่ช่างเข้าใจความรู้สึกตน

พระยารัชปาลีกับนวมเดินมาถึงหน้าห้องอนึก ถามถึกที่เฝ้าหน้าห้องว่าลูกเป็นอย่างไรบ้าง ถึกรายงานว่าอนึกไม่พูดอะไรเลยเก็บตัวอยู่แต่ในห้อง นวมเคาะประตูบอกลูกว่าแม่จะพาไปพบเจ้าคุณปลัดทูลฉลอง ไม่ทันพูดจบเสียงปืนดังเปรี้ยงขึ้น ทุกคนช็อกกับเสียงราวฟ้าฟาดนั้น...ดวงแขซึ่งร้องไห้อยู่กับคุณหญิงไกรสะดุ้งตกใจ ด้านเกื้อที่ยืนรออยู่ข้างล่างใจหายไม่คาดคิด

พระยารัชปาลีร้องลั่นให้ถึกเอากุญแจมาไขห้องเข้าไป นวมน้ำตาไหลพรากภาวนาขออย่าให้เป็นอย่างที่คิด แต่พอเปิดประตูเข้ามาเห็นอนึกนอนจมกองเลือด ปืนยังอยู่ในมือขวา ดวงตาเบิกโพลง นวมถลาเข้ากอดลูกชายคนโตร่ำไห้จนเป็นลม ท่านเจ้าคุณทรุดฮวบลงคุกเข่าก้มหน้าด้วยความอัดอั้นตันใจแม้แต่จะร้องไห้ยังทำไม่ได้ คนอื่นๆวิ่งขึ้นมาพอเห็นสภาพศพอนึกก็ตกใจสุดขีดไปตามๆกัน เกื้อทรุดลงจับมืออนึกร้องไห้ทำไมหลานถึงคิดสั้นเช่นนี้

ในบ่ายวันนั้น อนลได้รับการปล่อยตัว เขาตรงเข้ากราบเท้าพ่อและแม่ด้วยความดีใจ นวมกอดลูกร่ำไห้ พระยารัชปาลีสีหน้าเศร้าบอกกับลูกด้วยน้ำเสียงเรียบๆว่า พ่อได้เตรียมช่างตัดผมและสั่งแม่ครัวทำอาหารไว้รอที่บ้าน อนลถามหาอนึกกับเกื้อ เจ้าคุณกับคุณหญิงน้ำตาร่วงทันที ค่อยๆบอกอนลว่าเกื้อถูกคุมขัง ส่วนอนึกยิงตัวตายหนีความผิด อนลน้ำตาเอ่อไหลริน

ooooooo

ในวันเดียวกัน ก่อนจะไปทำบุญให้เสด็จที่วัด อุรวศี สุรคม หม่อมเอื้อนและจันคุยกันเรื่องคดีของอนล จันรู้ว่าท่านหญิงอยากทราบจึงทำทีซักถามสุรคมว่าศาลตัดสินอย่างไร หม่อมเอื้อนบอกว่าคดีอย่างนี้ประหารอย่างเดียว อุรวศีใจหายแต่เก็บอาการ สุรคมแย้งว่าต้องดูเหตุอีกที

จันสบตาอุรวศีเพราะไม่เข้าใจ ท่านหญิงอธิบาย “เจ้าพี่หมายความว่า อนลเอ่อ บุตรชายท่านเจ้าคุณรัชปาลีอาจจะได้ลดหย่อนผ่อนโทษ ไม่ต้องถูกประหารก็เป็นได้”

จันยิ้มอย่างเข้าใจ อุรวศีทำทีขอโทษสุรคมที่จันถามจุกจิก พอดีอรุณวาสีเดินมา อุรวศียกมือไหว้ยิ้มทักทายชวนไปทำสังฆทานพร้อมกัน หม่อมเอื้อนกับสุรคมหน้าเจื่อนๆ ท่านหญิงเองยังขุ่นเคือง หันไปพูดกับจันว่าตนจะไปรอในตำหนัก จันรับคำงงๆ สุรคมรู้ว่าท่านหญิงยังโกรธจึงเดินตามไป อุรวศีถอนใจหนักหันไปถามหม่อมเอื้อนว่า ตนกลายเป็นชนวนของเรื่องอีกแล้วใช่ไหม หม่อมอึกอักๆหยิบยาดมมาดม บอกเรื่องมันยาวไม่เกี่ยวกับท่านหญิงโดยตรง

“ถึงเรื่องยาวแต่ก่อนไปทำบุญให้เสด็จป้า หญิงคงพอฟังจนจบได้ค่ะ” อุรวศีไล่บี้

สุรคมตามมาคุยกับอรุณวาสีแต่เธอจะเลี่ยงหนี เขากล่าวคำขอโทษที่พูดจารุนแรงเมื่อวันก่อน แต่น่าจะเข้าใจกันแล้ว ทำไมยังทำกิริยาไม่พอใจ ท่านหญิงน้อยใจหาว่าเขาเป็นเดือดเป็นร้อนแทนอุรวศี สุรคมว่าเธอพาล ท่านหญิงโกรธที่เขายังไม่รู้ตัวว่าเป็นคนทำให้ตนกับน้องต้องผิดใจกัน ทั้งที่แต่ก่อนรักกันมาก สุรคมฟังแล้วยังไม่เข้าใจอยากตามคุยกันให้รู้เรื่อง...

อรุณวาสีเดินออกจากตำหนักเพื่อไปฟังสวดที่หออุเทศทักษิณาในพระบรมหาราชวัง เจอกับอุรวศีเข้าพอดี ด้วยความโกรธจึงเชิดใส่จะเลี่ยงหนี แต่อุรวศีเดินตามขอให้เห็นแก่ความเป็นพี่น้องหยุดฟังตนสักครู่ อรุณวาสียอมหยุดหันกลับมามองหน้า อุรวศีพูดทุกอย่างตามความจริง ตนเพิ่งรู้เรื่องทั้งหมดจากหม่อมเอื้อน ขอยืนยันว่าไม่เคยมีใจให้สุรคมสักนิด และที่แม่ไปพูดกับเขาก็คงแค่อยากปกป้องตนเท่านั้น ไม่ได้คิดร้ายแต่อย่างใด อรุณวาสีเริ่มอ่อนลงถามย้ำว่าไม่คิดชอบท่านพี่บ้างจริงหรือ อุรวศียืนยันอีกครั้ง ไม่ทันพูดจบหม่อมต่วนเดินมากับติโลตตมา

อรุณวาสีสีหน้าหวาดกลัวแม่กับพี่ ถอยห่างจากอุรวศีแต่ไม่วายโดนตำหนิรุนแรงและไล่ให้เดินไปก่อน หม่อมต่วนหันมาจ้องอุรวศี ต่อว่าอย่าคิดว่าตนไม่รู้คิดจะดึงสุรคมกลับไปเพื่อฉีกหน้าตน ไม่มีวันสำเร็จ อุรวศีอ่อนใจตอบกลับไปว่าอย่าคิดว่าตนจะทำอย่างหม่อม เพราะตนมีศักดิ์ศรีพอ ติโลตตมาโกรธแทนตวาดว่าอุรวศีเลือดไพร่จะมีศักดิ์ศรีอะไร

“ศักดิ์ศรีของคนอยู่ที่การกระทำค่ะ ไม่ใช่อยู่ที่สายเลือด และหญิงก็ไม่เคยเกลียดใครจนไปยุแยงให้พี่น้องเขาทะเลาะกันด้วย”

“ปากเก่งเหมือนเคย ก็ดี หวังว่าจะเก่งให้มากกว่ากำพืดข้างแม่ จะได้ไม่ต้องไปเต้นกินรำกิน” หม่อมต่วนเหยียดปากดูถูก ก่อนจะพากันเดินไปพร้อมติโลตตมา

พ้นออกมาติโลตตมาหาว่าแม่ใจดีเกินไป น่าจะสั่งสอนให้หนักกว่านี้ หม่อมต่วนเห็นว่าช่วงนี้อยู่ในงานพระศพทำอะไรรุนแรงมีแต่จะถูกตำหนิ ที่สำคัญอย่าให้อรุณวาสีใจอ่อนเสียก่อน ตนไม่ปล่อยให้ลูกกาฝากลอยนวลได้นาน ถึงคราวต้นไม้ที่มันอาศัยโค่นลง มันก็ต้องตายตามอยู่ดี รอให้กลับเรือนปั้นหยาก่อนจะได้ทำอะไรถนัดมือ...แววตาหม่อมต่วนน่าสะพรึงกลัว

ooooooo

พิธีสวดศพอนึกคืนแรกผ่านไปอย่างเงียบเหงา นวมยังร่ำไห้นั่งมองโลงศพลูก อนลเข้ามากอดปลอบชวนกลับไปพักผ่อน นวมรำพันอยากอยู่เป็นเพื่อนอนึก เพราะแต่เด็กเขาจะเป็นคนเรียนเก่งทำอะไรเป็นผู้นำเสมอ แต่สิ่งที่เขาเกลียดที่สุดคือกลัวถูกทิ้งให้อยู่คนเดียว

พระยารัชปาลีสงสารภรรยาอาสาจะอยู่เฝ้าทั้งคืนเอง นวมส่ายหน้าเพราะเจ้าคุณตรากตรำมาทั้งวันน่าจะกลับไปพัก ท่านเจ้าคุณประคองภรรยาออกไป อนลหันมาจุดธูปกล่าวกับศพอนึก ขออโหสิกรรมจากเขาและตนก็อโหสิกรรมให้เขาเช่นกัน ขออย่าห่วงสิ่งใดอีก จงรับส่วนกุศลที่ตนจะทำอุทิศไปให้เถิด

เช้าวันใหม่ ครอบครัวพระยาไกรจะเดินทางกลับนครสวรรค์ ดวงแขหน้าตาบูดบึ้งลงเรือก่อนไม่สนใจใคร พระยาไกรรู้สึกเกรงใจกล่าวคำขอโทษพระยารัชปาลีกับคุณหญิง ทุกคนเข้าใจ สำหรับอนลนึกดีใจที่ไม่ต้องเกี่ยวดองกับดวงแขอีก

สุดท้ายพระยารัชปาลีตัดสินใจสวดศพอนึกเพียงคืนเดียว เพราะอยากให้ใครๆลืมเรื่องเขาโดยเร็ว ถึกรายงานอนลว่าท่านเจ้าคุณไปกระทรวง ส่วนคุณหญิงนอนพักผ่อน อนลเศร้าใจที่บรรยากาศในบ้านเงียบเหงาไม่เหมือนก่อน

สายวันนั้น อุรวศีทยอยขนของกลับมาไว้ที่เรือนปั้นหยา บุญทันจัดการทำความสะอาดเรือนไว้ให้ สร้อยรับปากเสด็จว่าจะไม่ทิ้งอุรวศีจึงตามมาอยู่ด้วย หม่อมสลวยจึงให้อุรวศีย้ายมานอนห้องตนและยกห้องเดิมให้สร้อย... นานๆจะกลับมา อุรวศีจึงออกมาเดินเล่นรอบเรือน ระหว่างนั้นรู้สึกเหมือนมีคนอยู่ข้างหลังจึงหันไปมอง แล้วต้องตะลึงไม่คาดคิดว่าจะเป็นอนล ต่างคนต่างสบตากันนิ่ง แววตาบ่งบอกความคิดถึงความดีใจที่ได้เจอกันอีกโดยไม่ต้องเอ่ยปาก

อนลเดินตามอุรวศีด้วยท่าทางสำรวม อยากพูดคุยแต่ไม่กล้า ตะกุกตะกักเอ่ยไปว่า ไม่นึกว่าฝ่าบาทจะเสด็จกลับมาแล้ว อุรวศีแกล้งย้อนแสดงว่าเขาไม่ได้ตั้งใจมาหาตน แล้วมาหาใคร อนลหน้าเสีย ไม่กล้าบอกว่าใจจริงเพราะคิดถึงจึงมาแค่เห็นหลังคาบ้านก็ยังดี ท่านหญิงแอบขำชวนเขานั่งคุยกันตรงระเบียง อนลรักษากฎได้ดี นั่งห่างออกไปพอสมควร

ooooooo

เพชรกลางไฟ

ละครแนะนำ

ข่าวละครวันนี้ดูทั้งหมด