ตอนที่ 3
ภายในห้องโถงตำหนักหม่อมต่วน คนงานสี่คนถูกมัดมือผลักลงบนพื้นต่อหน้าหม่อมต่วนและลูกๆ อุรวศีเดินตามเข้ามาพร้อมจัน ย้ำเตือนหม่อมคงไม่ลืมว่าคนงานเหล่านี้เป็นคนของหม่อม หม่อมต่วนเมินหน้าหนีทำไม่รู้ไม่ชี้
จันสาธยายว่าคนพวกนี้เอาหินปาใส่เรือนปั้นหยากลางดึก ติโลตตมาตวาดกลับ เจ้านายจะคุยกันกล้าดีอย่างไรมาทะลุกลางปล้อง ไร้การอบรม อุรวศีกล่าวขอโทษแต่เรื่องที่จันพูดเป็นเรื่องจริง ติโลตตมากลับหาว่าไปทำอะไรไม่ดีไว้ พวกคนงานถึงแกล้งเอา
“หญิงไม่รู้จริงๆค่ะว่าทำอะไร คงต้องให้พวกเขาบอกออกมาเอง...จันไปแจ้งตำรวจทีซิ”
ติโลตตมาสบตาอทริกาทำนองจะทำอย่างไรดี หม่อมต่วนรำคาญไล่ให้ไปแจ้งจับกันนอกวัง อุรวศีรับคำ ที่มาเพราะเห็นว่าเป็นคนงานของหม่อมจึงบอกกล่าวให้ทราบก่อน
“จัน...บอกตำรวจด้วยนะว่าฉันเป็นหม่อมเจ้า เรือนที่ฉันอยู่แม้เราจะเรียกกันว่าเรือน แต่จริงๆแล้วต้องถือว่าเป็นวัง ทำลายวังของหม่อมเจ้ามีโทษเท่าไหร่กัน ฉันชักอยากรู้แล้วสิ”
พวกคนงานตกใจตื่นกลัวสารภาพหมดเปลือก อทริกาโวยวายว่าพวกหน้าโง่แค่โดนขู่พูดออกมาทำไม ติโลตตมาตวาดน้องให้หุบปากเช่นกัน ท่านหญิงน้องยังไม่รู้ว่าตัวเองผิดอะไร หม่อมต่วนลมแทบจับ อรุณวาสีช่วยไกล่เกลี่ย
“ใจเย็นๆก่อนนะจ๊ะหญิงหลง อย่าให้ต้องเป็น
คดีความอับอายคนอื่นเลย” แล้วหันไปกระซิบเบาๆกับหม่อมต่วน “แม้จะไม่ใช่เรื่องใหญ่แต่เราก็ได้ไม่คุ้มเสียนะคะแม่”
หม่อมต่วนเจ็บใจจำต้องยอมรับผิดชอบค่าเสียหาย อุรวศีถือโอกาสต่อรองขออีกอย่างนอกจากค่าเสียหาย หม่อมต่วนจิกตามองจะเล่นอุบายอะไรกับตนอีก
อุรวศีถือหมอนปักเดินคุยมากับอรุณวาสี มีจันถือผ้าห่ม กลักใส่บุหรี่และเสื้อผ้าผู้ชายอีกสองสามชุดเดินตามกลับเรือนปั้นหยา อรุณวาสียังขำไม่หาย นึกว่าเรื่องที่น้องจะขอจากแม่เป็นเรื่องสำคัญกว่านี้ ที่แท้ก็อยากได้ของ
ของเสด็จพ่อ อุรวศียอมรับว่าอยากได้เป็นที่ระลึกเพราะเห็นว่าหม่อมต่วนยกของของเสด็จพ่อให้คนอื่นง่ายๆ อย่างไม่เห็นค่า
“สมแล้วที่เธอเป็นลูกรักของเสด็จพ่อ” อรุณวาสี ชื่นชม
จันเหลือบไปเห็นหม่อมสลวยยืนอยู่หน้าเรือนทูลบอกท่านหญิง อรุณวาสีเห็นว่าแม่ลูกจะได้สนทนากันจึงขอตัวกลับ อุรวศีรีบเดินขึ้นเรือน หม่อมสลวยน้ำตารื้นโผกอดลูกทันที ท่านหญิงงงแต่ก็กอดตอบไม่ทันสังเกตว่าแม่แอบร้องไห้
ด้านหม่อมต่วนตำหนิลูกหญิงทั้งสองยกใหญ่ว่าทำอะไรไม่ปรึกษา คิดว่าอุรวศีโง่หรืออย่างไร นอกจากทำไม่สำเร็จยังถูกประจาน ติโลตตมาโทษคนงานโง่เง่า หม่อมต่วนยิ่งโกรธหาว่าใช้คนไม่ดูหน้ายังไม่ยอมรับผิด พาลไล่ให้กลับเข้าวังไปให้หมด อทริกาบ่นอย่างหงุดหงิด
“ทำไมล่ะคะ แม่ให้เราออกจากวังก็เพื่อไปงานเลี้ยงไม่ใช่หรือคะ นี่งานก็ยังไม่ได้ไปจะให้เรากลับไปถูกเสด็จป้าดุด่าเอาอีกแล้วหรือคะ เสด็จป้าหงุดหงิดอยู่ตลอด ใครทำอะไรก็ไม่ถูกพระทัย หญิงเบื่อจะแย่อยู่แล้ว”
“ยังจะอยากไปงานอีกรึ เสียท่าให้นังลูกเมียไพร่จนไม่รู้จะเอาหน้าไปไว้ที่ไหนแล้ว หรือต้องให้ฉันแทรกแผ่นดินหนีก่อน เธอถึงจะพอใจ”
“กลับหญิงนิด เมื่อแม่ไม่อยากให้เราอยู่เราก็ไม่ต้องอยู่ แต่แม่จำไว้นะคะว่าคนอย่างหญิงอาจจะพลาดก็แค่ชั่วครั้งชั่วคราว แต่หญิงไม่มีวันแพ้หญิงหลงเด็ดขาด” ติโลตตมาเสียงเข้ม
หม่อมต่วนพยายามระงับอารมณ์ เหลือบไปเห็นแปลกนั่งพับเพียบรออยู่ก็เรียกให้เข้ามา แปลกรายงานว่าหม่อมสลวยยังไม่กลับ คิดว่าที่ตนเห็นในเรือแค่คลับคล้ายคลับคลา
หม่อมต่วนไม่เชื่อตวาดแว้ด “อีโง่ เพราะคิดอย่างนี้น่ะสิถึงต้องเป็นขี้ข้า นังสลวยมันตามพ่อมันเข้าออกวังนี้แต่เล็กแต่น้อย บ่าวไพร่ทุกคนมันกับพ่อมันต้องจำได้ อ้ายดำมันเป็นบ่าวข้ามาก่อน แล้วมันหายไปสิบกว่าปีจู่ๆโผล่มาตายแถวนี้ มีรึจะไม่ระแวงมาถึงข้า”
“ถึงระแวงก็ทำอะไรหม่อมไม่ได้ดอกเจ้าค่ะ หม่อมมีบารมีล้นเหลือ แค่จางวางเฒ่ากับหม่อมปลายแถวจะทำอะไรได้เจ้าคะ”
แปลกพยายามประจบเอาใจเพื่อให้ตัวรอด หม่อม ต่วนพอใจที่ถูกยกยอ แต่กำชับว่าอย่าประมาทให้คอยจับตาดูไว้ถ้าใครมีพิรุธต้องรีบมารายงาน และย้ำด้วยแววตาอำมหิต ถ้าใครมีพิรุธตนจะทำให้ตายไม่ต่างจากหม่อมพิณ
ooooooo
เช้าวันใหม่ อนลตัดสินใจบอกพระยารัชปาลีเรื่องที่ตนเห็นอนึกกับเกื้อชอบออกไปนอกบ้านมืดค่ำ ไม่ทันจะเล่าสิ่งที่ได้ยินทั้งสองสนทนากัน ดวงแขโผล่เข้ามาขัดจังหวะ เรียนว่าแม่ของตนเดินทางมาจากหัวเมือง ท่านเจ้าคุณดีใจจะรีบออกไปต้อนรับ
“คุณพ่อครับ เรื่องที่ผมกราบเรียน...”
“เอาไว้คุยกันวันหลังแล้วกันเจ้านล ไป ไปกราบคุณหญิงไกรกับพ่อก่อน”
อนลมองพ่อกระตือรือร้นออกไปอย่างเสียดายเพราะคิดว่าเรื่องพี่กับอานั้นสำคัญ...พอออกมากราบ
คุณหญิงไกรภรรยาพระยาไกรเพชรรัตน์ คุณหญิงเห็นหน้าอนลก็แอบชื่นชมสมแล้วที่ลูกร่ำร้องให้มาดูตัว แต่จำต้องอ้างข้อราชการเพื่อไม่ให้ดูน่าเกลียด
“ที่ฉันมาเพราะมีราชการด่วนมาถึงท่านเจ้าคุณ จะไหว้วานคนอื่นก็ไม่ได้เลยต้องมาเอง”
นวมชวนให้พักอยู่หลายๆวัน แต่คุณหญิงไกรบ่นเสียดายเพราะต้องกลับพร้อมท่านเจ้าคุณ นวมจะให้บ่าวไพร่จัดห้อง อนลแทรกว่าตนสั่งให้เตรียมเรือนด้านหลังไว้แล้ว จะได้อยู่เป็นส่วนตัวทั้งครอบครัว พระยาไกรและคุณหญิงยิ่งปลาบปลื้มในความใส่ใจของอนล
ในเรือนรับรองแขก คุณหญิงไกรถอนใจเฮือกใหญ่ ต่อว่าลูกที่ให้ตนผิดศีลมุสา ดวงแขกอดอ้อนว่าอยากให้เจออนลแล้วถามแม่พอใจไหม คุณหญิงยอมรับทั้งกิริยามารยาท หน้าที่การงาน เชื้อสายเสมอกัน ดวงแขเศร้าลงสารภาพว่าอนลไม่ได้สนใจตนเลย ตนควรทำอย่างไรดี
“ลูกแม่เป็นคนสะสวย ชาติตระกูลก็ดี ผู้ชายที่ไหนจะไม่พอใจ แต่นิสัยผู้ชายเห็นผู้หญิงมีใจให้ก็มองเป็นของตาย เลยไม่กระตือรือร้นเสียมากกว่า...ของอย่างนี้มันต้องใจเย็นๆ เราเป็นหญิงประเจิดประเจ้อนักมันไม่งาม เชื่อแม่ แม่ดูท่าทางท่านเจ้าคุณรัชปาลีกับคุณหญิงนวมแล้ว ถ้าจะดองเป็นทองแผ่นเดียวกับเรา ก็เห็นจะพอใจมากอยู่”
“ถ้าอย่างนั้นก็แล้วแต่คุณแม่เถอะค่ะ ลูกกลัวอย่างเดียวว่าคุณพ่อจะยกลูกให้พวกข้าราชการบ้านนอกพวกนั้น ตามตื๊อตอแยอยู่ได้ น่ารำคาญจริงๆ”
“ไม่ต้องกลัวหรอกลูก ตระกูลพ่ออนลเป็นพระยากันมาสามชั่วคน ตั้งแต่รุ่นทวดมาจนถึงท่านเจ้าคุณรัชปาลี แถมตระกูลนี้ยังมีลูกน้อย ทรัพย์สมบัติก็ไม่กระเส็นกระสาย ร่ำรวยกว่าที่เราเห็นมากนัก แล้วคุณพ่อจะยกแม่ดวงแขให้คนอื่นได้อย่างไรกัน”
ดวงแขรู้ว่าอนลรวยมากยิ่งปลื้มในตัวเขามากขึ้น
ooooooo
สายวันเดียวกัน อนึกพาเพื่อนๆมาเจอเกื้อที่ร้านน้ำชาแห่งหนึ่ง เกื้อยิ้มแบ่งรับแบ่งสู้เพราะไม่อยากให้ใครรู้เรื่องที่จะสนทนากันมากนัก แต่พออนึกบอกว่าทุกคนรับราชการที่เดียวกับตน ทุกคนสนใจเรื่องของเกื้ออยากมาฟังด้วยตัวเอง เกื้อจึงขอให้เปลี่ยนสถานที่ให้มิดชิดกว่านี้
เรื่องของอนึกกับเกื้อทำให้อนลเครียด ทำงานไปถอนใจไป สุรคมเข้ามาทัก อนลอยากปรึกษาแต่ไม่กล้า เพราะยังไม่รู้แน่ชัดว่าเรื่องที่พี่กับอาทำมันดีหรือร้าย สุรคมเห็นเพื่อนอึกอักจึงตัดบทอยากเล่าให้ฟังเมื่อไหร่ค่อยมาพูดกัน แต่ตอนนี้ตนมีข่าวดีมาบอก อนลตื่นเต้นไปด้วย
เรื่องดีของสุรคมคือเจ้าพี่อธิปจะเสกสมรสกับหญิงเมรา อนลยินดีด้วยแต่แล้วต้องหุบยิ้ม เมื่อสุรคมวาดฝันให้ฟังว่า “เท่ากับฉันกับหญิงหลงใกล้ชิดกันมากขึ้นไปอีกขั้น ต่อไปถ้าจะเป็นตาของฉันกับหญิงหลงบ้าง ก็คงจะง่ายขึ้น”
ด้านอุรวศีตกใจเมื่อรู้ข่าว พูดโพล่งออกมาต่อหน้าหม่อมสลวย หม่อมเรี่ยม และเมราว่าอย่างพี่หญิงของตนน่าจะได้คนดีกว่านี้ หม่อมสลวยตกใจเอ็ดเบาๆ แต่หม่อมเรี่ยมกลับขำ
“ท่านหญิงหลงยังเยาว์ คงเห็นท่านอธิปรูปไม่งามสมกับหญิงเม ก็เลยหวงพี่ขึ้นมาล่ะสิ”
“รูปไม่งามแต่ถ้าเป็นคนดีก็เหมือนมีรูปสุวรรณอยู่ชั้นใน ไม่มีอะไรต้องตำหนิหรอกค่ะหม่อมป้า เจ้าพี่อธิป...การพูดการจาก็พิกล ดูเจ้าชู้กรุ้มกริ่มอย่างไรก็ไม่รู้ กลัวว่าพี่หญิงเมจะต้องเสียใจเพราะเจ้าพี่อธิปน่ะสิคะ”
เมรายิ้มอย่างเอ็นดู บอกน้องว่าผู้ชายจะหารักเดียวไม่เจ้าชู้ได้สักกี่คน ยิ่งร่ำรวยมหาศาลย่อมมีหม่อมเล็กๆ เป็นเรื่องธรรมดา สำคัญที่ตนเป็นเอกเหนือกว่าทุกคนก็พอ หม่อมเรี่ยมเสริม ถ้ากลัวว่าหญิงเมราจะถูกรังแก ไม่ต้องห่วงเพราะตนจะย้ายไปอยู่ที่วังด้วย หม่อมสลวยได้ยินตกใจไม่เหลือใครเป็นพวก ต้องโดนหม่อมต่วนเล่นงานหนักขึ้นกว่าเดิม หม่อมเรี่ยมเห็นว่าเมื่อกำแพงก่อเสร็จก็เหมือนถูกตัดขาดจากวัง จึงคิดเอาเรือนให้คนเช่า
คืนนั้นหม่อมสลวยร้อนใจอยากเล่าความร้ายกาจของหม่อมต่วนให้ลูกรู้แต่ก็กลัวเป็นอันตรายแก่ลูก ผินเข้ามารายงานว่าแปลกมาขอพบ หม่อมหน้าซีดท่าทางหวาดกลัวคิดหาทางเอาตัวรอด อุรวศีจับตามองแม่อย่างสงสัย
หม่อมสลวยใช้วิธีนอนซมเป็นไข้ไม่อาจไปพบหม่อมต่วนได้ แปลกไม่อยากเชื่อแต่โดนอุรวศีแดกดันถ้าอยากรู้เรื่องปลีกย่อยให้หม่อมต่วนมาถามด้วยตัวเอง... อย่างไรเสียแปลกก็ยังเกรงกลัวท่านหญิง ได้แต่สะบัดสะบิ้งกลับไป
หม่อมสลวยถอนใจเฮือกใหญ่ อุรวศีจ้องแม่ด้วยสีหน้ามีคำถามมากมาย หม่อมลำบากใจบอกกับลูกว่าไม่อยากไปเจอหม่อมต่วนตอนนี้ ท่านหญิงไม่เชื่อ เรื่องแค่นี้จะต้องโกหกเป็นคุ้งเป็นแคว จะไปถามหม่อมต่วนเองว่ามีเรื่องอะไร หม่อมสลวยตกใจดึงแขนลูกไว้ ห้ามไปพบหม่อมต่วนเด็ดขาด
ท่านหญิงผงะไม่เคยเห็นแม่ดุใส่แบบนี้ หม่อมสลวยตัดสินใจออกคำสั่ง
“หญิงเป็นคนฉลาดเฉลียวก็จริง แต่ก็เป็นคนเถรตรงเหมือนเสด็จพ่อ อย่างไรก็ไม่ทันเล่ห์เหลี่ยมคนหรอก แม่ตัดสินใจแล้ว หญิงเตรียมตัวเข้าวังไปอยู่กับเสด็จพระองค์หญิงจะดีที่สุด”
“ไม่นะคะ เสด็จป้าไม่ทรงชอบหญิง คราวก่อนที่หญิงไปอยู่ด้วยก็โดนเสด็จป้ากริ้วไม่เว้นแต่ละวัน แล้วจะให้หญิงไปอีกหรือคะ”
หม่อมสลวยพยายามกล่อมว่าแต่ก่อนลูกยังเด็ก ตอนนี้โตแล้วไม่เหมือนกัน ท่านหญิงไม่ยอมไป หม่อมจึงสั่งเสียงเฉียบต้องไปอย่าดื้อ อุรวศีหน้าเสีย หม่อมเห็นรู้สึกเสียใจกล่าวขอโทษและอ้างเหตุผลว่าเกรงพวกคนงานมาระรานอีก ตนต้องไปทำธุระที่นครสวรรค์ เสร็จเมื่อไหร่จะไปรับออกจากวัง ท่านหญิงไม่เข้าใจเกิดอะไรขึ้นแต่ก็โอนอ่อนตามคำขอของแม่
ด้านหม่อมต่วนตวาดใส่แปลกโง่เง่าหลงเชื่อมารยาสาไถยของหม่อมสลวย ถ้าไม่ติดว่าดำเพิ่งตาย กลัวจะมีพิรุธหากมีคนตายติดๆกัน จะกำจัดหม่อมสลวยให้เหมือนกำจัดหม่อมพิณ สั่งแปลกรอดูสักสี่ห้าวัน ถ้ายังไม่รู้ว่าหม่อมสลวยมีปฏิกิริยาอะไร ได้เห็นดีกัน
ooooooo
วันต่อมา อธิปใช้อนลเอาเครื่องแก้วไปให้หญิงเมรา สุรคมไม่ค่อยพอใจที่พี่ชายใช้คนในกระทรวงทำเรื่องส่วนตัว อนลไม่คิดอะไร และเมื่อรู้ตัวว่าไม่คู่ควรกับอุรวศีก็อยากให้เธอมีคนดีเป็นคู่ครอง จึงถามสุรคมว่าอยากฝากอะไรถึงอุรวศีบ้างไหม สุรคมอยากฝากแต่คิดไม่ออก
เมื่ออนลมอบเครื่องแก้วให้หญิงเมรา เธอปลื้มใจที่อธิปทรงนึกถึง อุรวศีมาหาอยากให้หญิงเมราสอนถักลายใหม่แก้เครียด แต่เธอขอตัวเพราะติดธุระต้องไปทูลเสด็จพระองค์อื่นเรื่องเสกสมรส อนลเห็นสีหน้าอุรวศีซึมลง รู้สึกห่วงใยจับใจจึงเดินตามออกมา อุรวศีหันกลับมามอง
อนลค้อมหัว “กระหม่อมได้รับฝากของจากท่านชายสุรคมมาถวายฝ่าบาทกระหม่อม”
อุรวศีแปลกใจ พออนลหยิบแหวนที่สุรคมถอดออกจากนิ้วฝากมายื่นให้ อุรวศียิ่งงงที่เป็นแหวนผู้ชาย ฉุกคิดว่าสุรคมกำลังจีบตน หน้าบึ้งขึ้นทันที ถามอนลว่าท่านพี่ตรัสอย่างไรอีก
“ไม่ได้ตรัสว่าอะไรกระหม่อม เพียงแต่ให้กระหม่อมเอาแหวนวงนี้มาถวายเท่านั้น”
“แล้วเธอก็เอามาให้ง่ายๆอย่างนั้นเหรอ” อุรวศีรู้สึกโกรธอย่างไม่เข้าใจตัวเองเหมือนกัน
อนลหน้าเสียทำอะไรไม่ถูกเมื่อเห็นท่านหญิงกริ้ว อุรวศีฝากไปทูลว่าตนขออภัยไม่อาจรับไว้ แล้วสะบัดหน้าเดินกลับเรือนปั้นหยา อนลยืนงุนงงทำไมท่านหญิงถึงโกรธขนาดนั้น
อุรวศีเข้าห้องด้วยความหงุดหงิด หยิบหนังสือท้าวแสนปมขึ้นมาพูดใส่ราวเป็นตัวแทนอนล “มากเกินไปแล้วท้าวแสนเปื้อน กล้าดียังไงถึงทำตัวเป็นพ่อสื่อพ่อชัก พอฉันไม่พูดก็เอาใหญ่ บังอาจมากขึ้นทุกที ถือตัวว่าเป็นลูกพระยาแล้วจะทำอย่างไรก็ได้อย่างนั้นรึ ถ้าไม่ติดว่ายกเลิกการทวนหวายไปแล้วนะ...น่าดู”
หนังสือถูกเหวี่ยงลงบนเตียง จดหมายอนลปลิวออกมา อุรวศีหยิบมาอ่านกลอนที่อนลเขียนอีกครั้ง ยิ่งรู้สึกโกรธอย่างบอกไม่ถูก
พอสุรคมได้รับแหวนคืนก็เศร้าเสียใจ เพราะหมายความว่าอุรวศีไม่รับสัมพันธ์ แต่อนลปลอบ อาจเป็นเพราะท่านหญิงเห็นว่าเป็นแหวนผู้ชายไม่เหมาะกับท่าน จึงไม่รับไว้
“อย่าซื่อนักเลยอนล ฉันถอดแหวนฝากไปให้ก็เพื่อสื่อใจให้เห็นว่าคิดอย่างไร ถ้าหญิงหลงมีใจตอบ เขาก็ต้องรับไว้ แต่นี่คิดเป็นอย่างอื่นไม่ได้เลย นอกจากเขาไม่ชอบฉัน”
อนลเผลอยิ้มออกมา สุรคมถามยิ้มอะไร เขารีบหุบยิ้มอ้างว่าไม่ทันคิด สุรคมส่ายหน้า พูดแทงใจ มิน่าทำไมคุณหญิงนวมถึงเพียรหาลูกสะใภ้ด้วยตัวเอง เพราะไม่ได้เรื่องแบบนี้นี่เอง
อนลยังยิ้มขณะนั่งเรือกลับบ้าน เหม่อลอยไม่ขึ้นจากเรือ จนคล้องกับถึกแปลกใจคิดเป็นอื่น แนะนำให้เจ้านายไปรดน้ำมนต์ที่วัดใกล้ๆ อนลเอ็ดกลบเกลื่อนว่าเหลวไหล
ooooooo
หม่อมสลวยแอบมาเล่าเรื่องที่แกล้งป่วยเพื่อหลบเลี่ยงการไปพบหม่อมต่วนให้บุญทันฟัง เขาไม่สบายใจอยากแจ้งนครบาลให้บ้านเมืองลงโทษหม่อมต่วน แต่หม่อมสลวยรู้ว่าไม่เป็นผลเพราะพี่น้องหม่อมต่วนเป็นคนใหญ่คนโตทุกกระทรวง ตนเองที่จะต้องเป็นเหมือนหม่อมพิณ
บุญทันหนักใจชวนหนีไปอยู่ด้วยกัน หม่อมสลวยส่ายหน้าไม่อาจทำอย่างนั้นได้ เพราะเป็นการดึงลูกให้ลงต่ำ ตอนนี้ตนให้อุรวศีเข้าไปอยู่ในวัง ส่วนตนจะไปตายดาบหน้า บุญทันอ้างถึงความรักที่มีให้เธอไม่เคยเสื่อมคลายและตอนนี้เสด็จท่านก็สิ้นพระชนม์แล้ว เราแต่งงานกันให้เป็นเรื่องเป็นราว เรื่องลูกๆถ้าทรงทราบถึงความจำเป็น ตนเชื่อว่าไม่มีท่านใดตำหนิเธอ
หม่อมสลวยคิดหนัก นำเรื่องมาปรึกษาพ่อกับแม่ แสงไม่เห็นด้วย การมีสามีเป็นพระองค์เจ้าถือว่าเป็นวาสนาสูงสุด น่าจะครองตัวเป็นโสดเพื่อรักษาเกียรติให้ลูก จางวางสมถามจะทนคำด่าประณามได้หรือ
“จ้ะพ่อ พวกเราทนทุกข์กันมายี่สิบกว่าปีแล้วเห็นใจฉันเถอะจ้ะ ส่วนเรื่องลูก ฉันจะไม่ให้เสื่อมพระเกียรติ ฉันไปอยู่ปากน้ำโพกับพี่บุญทัน ถ้าคนจะด่าก็ให้ด่าฉันคนเดียว”
“มันจะคนเดียวได้ยังไง แม่ลูกกันอย่างไรก็ต้องโดนด้วยอยู่แล้ว ท่านชายอยู่เมืองฝรั่งยังไม่เท่าไหร่ แต่ท่านหญิงคงป่นปี้ไม่มีชิ้นดีแน่ แล้วแม่สลวยยังเห็นแก่ตัวได้อีกรึ”
หม่อมสลวยตัดสินใจแน่วแน่ที่จะไป แสงโมโห จางวางสมเอะใจให้ลูกกับบุญทันตามไปคุยในห้อง แสงโวยทำไมพูดให้ตนฟังด้วยไม่ได้ จางวางสมปรามจะเสียงดังให้รู้กันทั้งเรือนหรืออย่างไร แสงฮึดฮัดไม่พอใจ
พอฟังเรื่องราว จางวางสมก็เข้าใจและเห็นด้วย บุญทันอยากให้เล่าเรื่องหม่อมต่วนให้อุรวศีฟังจะได้ไม่โกรธที่แม่ทิ้งไป แต่ผู้เป็นพ่อคิดแบบเดียวกับหม่อมสลวย อย่าให้ท่านหญิงรู้เพราะหม่อมต่วนเป็นคนฉลาด ถ้าจับพิรุธได้ท่านหญิงจะไม่ปลอดภัย แต่ลูกจะต้องทนถูกตราหน้าเป็นคนเลว หม่อมสลวยน้ำตาไหลพราก
“เพื่อลูก ต่อให้ถูกตราหน้าว่าชั่วกว่านี้อีกร้อยเท่า ฉันก็ยอมจ้ะพ่อ”
ค่ำนั้น อุรวศีตกใจเมื่อหม่อมสลวยบอกให้เข้าวังในวันพรุ่งนี้ เมื่อกำแพงก่อเสร็จจะไปรับกลับ ท่านหญิงเฉลียวใจถามตกลงเพราะต้องไปทำธุระที่ปากน้ำโพ หรือเพราะเรื่องคนงานก่อกำแพง หม่อมสลวยหน้าเสียโกหกจนลืมรีบแก้ตัวว่าธุระที่ปากน้ำโพให้คนอื่นทำแทน แต่ห่วงเรื่องคนงานมากกว่า ท่านหญิงยังไม่เข้าใจอยู่ดีว่าทำไมแม่ถึงไม่อยู่ด้วยกันที่วัง
“แม่ไม่เป็นไรหรอก แม่แก่แล้วไม่ใช่สาวๆเหมือนหญิง”
“แม่ไม่เห็นแก่ตรงไหนเลย แม่ยังสาวพริ้งเหมือนแก่กว่าพี่หญิงเมสองสามปีเอง”
“วุ้ย นึกยังไงมาชมแม่ ไม่เอาล่ะหญิงไปเก็บข้าวของเถอะจ้ะ อะไรที่จำเป็นก็อย่าลืมเอาไปให้ครบถ้วนนะ”
อุรวศียิ่งสงสัยเหมือนแม่มีความลับบางอย่างที่ไม่ยอมบอก สักวันจะต้องรู้ความจริงให้ได้
ooooooo
เช้าวันใหม่ ครอบครัวพระยารัชปาลีพร้อมใจกันยืนส่ง พระยาไกร คุณหญิงและดวงแขกลับหัวเมือง ดวงแขพยายามพูดเป็นนัยๆทอดสะพานให้อนลแต่เขาไม่รับมุก อนึกนึกขันน้องชาย ช่างไก่อ่อนไม่รู้ว่าผู้หญิงมีใจให้ อนลยืนนิ่งๆไม่แสดงอาการใดๆ
คุณหญิงไกรปรามลูกสาวบอกแล้วว่าอย่าใจร้อน อีกไม่นานก็ได้เจอกัน ดวงแขหน้าเศร้าผิดหวังที่อนลไม่มีใจให้ตนเลย มีเพียงอนึกที่พูดคุยร่ำลา...พระยาไกรตบบ่าพระยารัชปาลีเบาๆ
“มีข่าวสำคัญอะไรในพระนครก็อย่าลืมแจ้งถึงกันบ้างล่ะ”
“อย่าห่วงเลย ถ้ามีเรื่องสำคัญจริงรับรองว่าท่านเจ้าคุณต้องรู้ข่าวก่อนเจ้าเมืองทุกคนแน่”
พระยาไกรหัวเราะชอบใจ หันไปร่ำลาเกื้อที่ออกมาร่วมส่ง พอเรือพระยาไกรแล่นออกไป เกื้อถามพี่ชายว่าข่าวอะไรที่จะส่งให้พระยาไกร พระยารัชปาลีแปลกใจ
“สนใจด้วยหรือเกื้อ ก็ข่าวเกี่ยวกับงานราชการนั่นล่ะ ใครจะขึ้นตำแหน่งอะไร นิสัยใจคออย่างไร ของพวกนี้มันต้องรู้ไว้จะได้หันหางเสือตามทิศทางลมถูก”
“เส้นสาย...เพราะอย่างนี้บ้านเมืองเราถึงไม่เจริญเหมือนบ้านเมืองอื่นเสียที” เกื้อดูถูกมาก
“น้ำพึ่งเรือเสือพึ่งป่าอัชฌาสัย เป็นอย่างนี้แต่ไหนแต่ไรแล้ว แกอย่าขวางโลกหน่อยเลย”
ขณะนั้นเองถึกและคล้องเดินแข่งเบียดกันมา ถึกรายงานเกื้อว่าทับมาหา เกื้อรีบใช้ไม้เท้าพยุงตัวเดิน กะเผลกไป นวมบ่นกับท่านเจ้าคุณว่าไม่ชอบเพื่อนขี้คุกของเกื้อคนนี้เลย ท่านเจ้าคุณออกรับแทนว่า ติดคุกคดีการเมืองไม่เสียหาย และเกื้อก็อยู่แต่กับตำรับตำราทั้งวัน จะคบเพื่อนที่ไหนได้นอกจากพวกหนอนหนังสือด้วยกัน นวมค้อนเล็กๆที่สามีออกรับแทนน้อง ท่านเจ้าคุณขี้เกียจเถียงด้วยหันไปถามคล้องมีอะไร
คล้องเรียนว่าท่านชายสุรคมมาหาอนล ท่านเจ้าคุณเอ็ดเสียงลั่น “อ้ายเวร เรื่องสำคัญอย่างนี้ทำไมไม่รีบบอก”
ทุกคนรีบเดินมาต้อนรับ สุรคมยิ้มแย้มไม่ได้โกรธเคืองที่ต้องรอ แค่มาชวนอนลเป็นเพื่อนไปทำธุระ พระยารัชปาลีโล่งอกคิดว่าลูกชายก่อเรื่องอะไร ท่านชายถึงต้องเสด็จมาเอง
ธุระของสุรคมไม่พ้นเรื่องอุรวศี อยากให้ไปสืบว่าเธอมีคนอื่นหรือถึงไม่ชอบตน อนลหน้าเจื่อนจะถามเรื่องส่วนตัวขนาดนั้นได้อย่างไร ถึงจะถามบ่าวก็คงโดนไล่เปิง
“หญิงหลงไม่ใจร้ายอย่างนั้นหรอก นะอนลช่วยฉันสักครั้ง ฉันไม่มีเพื่อนที่ไหนแล้วนอกจากนาย นายจะใจดำเห็นฉันนอนไม่หลับไปอีกกี่คืนกัน” สีหน้าท่านชายขอร้อง
อนลหนักใจที่ต้องช่วยท่านชายเรื่องนี้...อนึกแอบฟังทั้งสองคุยกันแล้วมาเล่าต่อเกื้อ ระแวงว่าอนลจะคุยเรื่องของเราแต่กลายเป็นเรื่องไร้สาระ เกื้อชมว่ารอบคอบดีเพราะเรื่องที่พวกเราทำอยู่ หวังจะให้คนอื่นเข้าใจคงยาก แต่ถ้าสำเร็จจะเป็นประโยชน์แก่ทุกคน ทับฟังอาหลานคุยกันแทรกถามเรื่องนี้หรือที่ให้ตนมาพบ เกื้อยิ้มรับเพราะทับมีสายตายาวไกลกว่า อยากได้ความรู้ของเขามาช่วย ทับปลื้มกับคำเยินยอและมีความเชื่อเดียวกัน อนึกกังวลกลัวความลับรั่วไหล เกื้อรับรองและเชื่อใจทับ อนึกจึงรีบไปปิดประตูหน้าต่างก่อนจะคุยรายละเอียดกัน
ooooooo
อนลถือตะกร้ามะม่วงเดินตามหลังสุรคมเข้ามาในตำหนัก หม่อมต่วนยิ้มแย้มต้อนรับเชื้อเชิญให้นั่ง สุรคมหันมากำชับอนลฝากทำเรื่องที่ขอให้สำเร็จ อนลหนักใจเดินไปยังเรือนปั้นหยา
ผินกับจันเดินออกมาจำอนลได้ จึงบอกว่าอุรวศีเข้าไปอยู่ในวังหลายวัน ไม่รู้จะออกมาเมื่อไหร่เพราะเสด็จพระองค์หญิงเข้มงวดมาก จะอยู่จะไปประเดี๋ยวประด๋าวคงไม่ยอม อนลหน้าเจื่อนผิดหวังที่ไม่ได้เห็นหน้าท่านหญิง
ด้านอุรวศีนั่งพับเพียบอยู่กับพื้นรอเสด็จพระองค์หญิงเสด็จออกมา หม่อมสลวยพยายามตั้งสติรู้ว่าต้องโดนตำหนิหนัก แต่อย่างไรก็จะต้องฝากลูกไว้ใต้พระบารมีให้ได้ เมื่อเสด็จพระองค์หญิงออกมาก็ดักคอทันที จะฝากลูกไว้เลยหรือชั่วคราว ที่นี่ไม่ใช่โรงพักแรมนึกอยากจะพามาก็มา นึกอยากจะพากลับก็กลับ หม่อมสลวยหน้าซีดไม่กล้าพูดอะไรเกรงจะเป็นการเถียง
“เหลือห้องเล็กอยู่ห้องเดียว อยู่ได้หรือไม่ล่ะ” อุรวศีรับว่าได้ “ดี ที่ไม่เรื่องมาก จัดการด้วยนะสร้อย” เสด็จสั่งสร้อย ข้าหลวงประจำพระองค์
สร้อยเดินนำอุรวศีกับหม่อมสลวยมาที่ห้อง แปลกใจที่มีข้าวของน้อยนิด ท่านหญิงบอกว่าตนมาอยู่ไม่กี่วัน หม่อมสลวยชำเลืองมองลูกอย่างสงสารที่ไม่รู้อะไร พอสร้อยกลับออกไป หม่อมก็ยื่นกุญแจให้อุรวศี กำชับเก็บไว้ให้ดี เป็นกุญแจหีบเครื่องทองและเงินจำนวนมากที่เสด็จพ่อประทานให้ ห้ามบอกให้ใครรู้เพราะเงินทองไม่เข้าใครออกใคร ท่านหญิงแปลกใจแม่เอาหีบสมบัติมาด้วยทำไมและตนก็ไม่อยากเก็บให้ยุ่งยาก หม่อมยัดลูกกุญแจใส่มืออุรวศี
“หญิงโตแล้วต้องรู้จักรักษาสมบัติไว้ให้ดี แม่เองไม่อยากเก็บไว้ให้คนครหานินทา อีกไม่เท่าไหร่พี่ชายจะกลับจากนอกแล้ว สมบัติส่วนของพี่ชายแม่ฝากยายกับตาไว้ หญิงก็จะได้อยู่กันตามประสาพี่ๆน้องๆ เวลานี้ก็อาศัยเสด็จไปก่อนนะลูก”
“แม่พูดอะไรหญิงไม่เข้าใจ ใครจะครหานินทาแม่ ของพวกนี้เสด็จพ่อประทาน หม่อมใหญ่จะมาว่ากระไรได้” อุรวศียิ่งงงหนัก
หม่อมสลวยพูดไม่ออกน้ำตาคลอท่วมตา ดึงลูกเข้ามากอดย้ำคำว่าแม่รักลูก แต่จนใจจริงๆ ท่านหญิงไม่เข้าใจว่าแม่เป็นอะไรแต่ก็กอดแม่ตอบด้วยความรักมากที่สุด...ไม่นานหม่อมสลวยลากลับไม่แม้แต่จะอยู่ทานข้าวเย็นกับท่านหญิง อ้างว่ามีธุระต้องทำหลายอย่าง ท่านหญิงเดินออกมาส่งแม่ แต่พอหันกลับเจอพี่สาว ทั้งสาม ติโลตตมาและอทริกามองอย่างเหยียดหยัน มีเพียงอรุณวาสีที่มองนิ่งๆไม่กล้าพูดคุยด้วยเพราะเกรงกลัวพี่ๆ อุรวศีเห็นความยุ่งยากที่กำลังมา
พอสุรคมรู้จากอนลว่าอุรวศีถูกส่งเข้าไปอยู่ในวังก็ยิ่งใจสลายเพราะไม่อาจพบหน้าเธอได้อีก อนลไม่เข้าใจ ฐานะอย่างหม่อมเจ้าสุรคม หน้าที่การงานก็ดีทำไมจะเข้าไปในวังไม่ได้
“ใช่ ฉันมียศศักดิ์หน้าที่ราชการ แต่ก็แค่หม่อมเจ้าจนๆ นายก็รู้ว่าเสด็จพ่อยกทรัพย์สมบัติทั้งหมดให้เจ้าพี่อธิปเพราะเป็นโอรสองค์โต ถ้าเจ้าพี่ไม่แบ่งสมบัติให้ฉันก็ไม่มีอะไรเลยนอกจากเรือนแคบๆหลังเดียว แล้วใครเขาจะอยากได้ฉันไปคู่กับลูกสาวกัน” สีหน้าสุรคมท้อแท้
อนลรู้สึกเห็นใจเพื่อนผู้มียศศักดิ์...เมื่อกลับมาบ้าน อนลได้แต่เหม่อลอยครุ่นคิดถึงอุรวศี นวมกับพระยารัชปาลีแอบมองกลับเข้าใจว่าลูกคงคิดถึงดวงแข ต่างยิ้มน้อยยิ้มใหญ่ดีใจ
ooooooo
วันแรกอุรวศีก็โดนติโลตตมากลั่นแกล้ง ด้วยการบังคับให้อรุณวาสีร่วมมือ ทำเป็นป่วยเข้าเวรรับใช้เสด็จป้าไม่ได้ แล้วให้สำอางข้าหลวงในวังไปเชิญอุรวศีมาทำหน้าที่แทน ด้วยว่าอีกพวกตนไม่อยู่
อรุณวาสีไม่สบายใจที่ต้องร่วมมือกับพี่ๆโกหก สงสารน้องยังไม่ได้เรียนรู้อะไรจะต้องโดนเสด็จป้าดุว่าหนัก ติโลตตมาเอ็ด “พี่นึกแล้วว่าเธอต้องเป็นเดือดเป็นร้อนแทนนังลูกบ่าวนั่น แม่พูดไว้ไม่ผิดเล้ย เธอนี่มันเกิดผิดท้องจริงๆ”
อทริกาประชดสงสารมากก็ให้ไปฟ้องเสด็จป้าว่าพวกพี่บังคับให้โกหก อรุณวาสีอ่อนใจเพราะพี่ๆก็รู้ว่าตนทำอย่างนั้นไม่ได้ ติโลตตมากับอทริกามุ่งมั่นจะทำให้อุรวศีโดนเสด็จป้าดุด่าจนทนไม่ไหวหนีกลับไปวันนี้พรุ่งนี้เลย แถมหาว่าที่เข้ามาอยู่ในวังเพราะหวังสมบัติของเสด็จป้า
ในห้องบรรทม เสด็จพระองค์หญิงลุกจากเตียงสีหน้าบิดเบี้ยวด้วยโรคปวดข้อ และมักจะเจ็บป่วยบ่อยๆ เป็นสาเหตุให้อารมณ์เสียง่าย อุรวศีเดินนำสำอางยกถาดสำรับอาหารเข้ามา สำอางจัดสำรับเสร็จก็คลานเข่าออกไป เสด็จถามเสียงดุวันนี้เป็นเวรอรุณวาสีทำไมไม่มา
“พี่หญิงเล็กไม่สบายเพคะ”
“แล้วแม่นางงามสามโลกล่ะ”
“ใครกันคะนางงามสามโลก”
“ก็แม่หญิงกลางน่ะสิ อาไร้พี่สาวตัวเองแท้ๆ ไม่รู้รึว่าชื่อมีที่มาอย่างไร”
อุรวศีเข้าใจแล้วหลุดขำ เสด็จมองอย่างไม่พอใจกิริยา ท่านหญิงหน้าเสียขอประทานอภัย เสด็จทิ้งค้อนขยับจะไปเสวย หน้าเหยด้วยเจ็บปวด อุรวศีเป็นห่วงขอช่วยพยุงกลับโดนเหน็บ
“รู้แล้วยังจะถามอีก ที่นี่มีคนอื่นหรือจ๊ะแม่โฉมเอก ทีหน้าทีหลังถ้าไม่เต็มใจจะช่วยเหลือก็ไม่ต้องถาม”
อุรวศีรีบเข้าไปพยุงพาไปนั่งโต๊ะเสวย สงสัยอดถามไม่ได้ว่าเมื่อเช้าเห็นเสด็จป้าทรงแข็งแรงดี เสด็จชี้แจงว่าถ้าอากาศอุ่นก็ไม่เป็นอะไร แต่พอเย็นค่ำอากาศเย็นลงก็จะปวดอย่างนี้ทุกวัน
เสด็จไม่เห็นมีจานข้าวของอุรวศี ไม่พอใจที่ให้ตนทานคนเดียว ท่านหญิงรีบขอประทานอภัยเพราะไม่ทราบว่าต้องร่วมรับประทานด้วย เสด็จเอ็ดอีก “พอๆเอะอะก็ขอประทานอภัย ฉันฟังคำนี้จนเบื่อแล้ว จะทำอะไรก็คิดเสียหน่อยสิ ฉันจะได้ไม่ต้องมาคอยอภัยให้เธอตลอดเวลา”
อุรวศีเครียดไม่รู้จะเอาใจอย่างไร ทำอะไรไม่ถูกใจไปหมดทุกเรื่อง
ooooooo
ผ่องลูกสาวคนโตของจางวางสมกับแสง ถูกเรียกตัวกลับบ้านเพื่อมาทำหน้าที่แทนแม่ ผ่องงงว่าเรื่องอะไรทำไมรีบร้อนขนาดนี้ บุญทันเล่าเองว่าตนกับหม่อมสลวยตกลงใจออกเรือนร่วมหอกัน ผ่องตกใจยกมือทาบอก
“อย่างไรข้าก็เป็นแม่ พูดจาไม่ดีออกไปก็จะไม่เป็นมงคลกับลูกตัวเอง แต่จะให้ข้าอวยชัยให้พร ข้าก็ฝืนใจทำไม่ได้ดอกโว้ย” แสงร้องไห้เดินกระแทกเท้าเข้าห้องไป
จางวางสมส่ายหน้าอ่อนใจ แม้ผ่องจะไม่ค่อยเห็นด้วยกับน้องแต่ก็ทำหน้าที่ผูกข้อมืออวยพร “พี่ก็แค่มาทำหน้าที่แทนแม่ไม่ได้เตรียมตัวอะไรเลย ก็ขอให้ถือไม้เท้ายอดทองกระบองยอดเพชร รักกันจนแก่จนเฒ่าก็แล้วกันนะ...พี่ช่วยแม่สลวยได้เท่านี้ ที่แล้วมาแม่สลวยเป็นเกียรติเป็นศรีให้พ่อแม่พี่น้อง ต่อไปแม่สลวยก็ทำในสิ่งที่อยากทำก็แล้วกันนะ”
หม่อมสลวยกราบพี่สาวแล้วโผกอดร้องไห้ด้วยความซาบซึ้ง แม้พี่จะไม่รู้สาเหตุแต่ก็เข้าใจตน แสงแง้มประตูแอบมองน้ำตาพรั่งพรู ทั้งโกรธทั้งสงสารลูกคนเล็ก
หม่อมต่วนนุ่งขาวห่มขาวเพิ่งกลับจากวัด แปลกเข้ามารายงานด้วยความร้อนใจว่าหม่อมสลวยกำลังจะหนีตามผู้ชาย หม่อมตาโพลงอย่างคาดไม่ถึง ในขณะที่หม่อมสลวยล่ำลาพ่อกับพี่สาวลงเรือเพื่อเดินทางไปกับบุญทัน หม่อมต่วนกับแปลกเดินออกมาดูริมฝั่งคลอง หม่อมสลวยตกใจ บุญทันโอบบ่าปลอบไม่ต้องกลัว ผ่องตาโตทำอะไรประเจิดประเจ้ออย่างนั้น จางวางสมก็หน้าเครียดเดินหนีกลับเข้าเรือน หม่อมต่วนมองด้วยแววตาชิงชังเหยียดหยาม
“เสด็จเพิ่งสิ้นไม่นานก็ออกลายเสียแล้วนังสลวย สันดานต่ำข้าไม่น่าระแวงหญิงร้อนร่านผู้ชายอย่างเอ็งเลย”
แปลกอยากรู้ว่าทั้งสองรู้จักกันตอนไหนถึงได้กล้าหนีตามกันไป หม่อมต่วนท่าทางอารมณ์ดีขึ้นยิ้มอย่างเยือกเย็น “จะรู้จักตอนไหนสำคัญด้วยรึนังแปลก อย่างไรเสียก็ให้นังสลวยมันคบชู้ไปถูกต้องแล้ว” แปลกยังไม่เข้าใจ “นังโง่...ข้าต้องการให้เอ็งไปกระจายข่าวว่านังสลวยคบชู้หนีตามผู้ชายไปเหมือนที่นังพิณเคยทำ ส่วนเรื่องจริงจะเป็นเช่นไร ข้าไม่สน”
แปลกยิ้มรับ หม่อมต่วนย้ำไม่ว่าหม่อมสลวยจะรู้เรื่องดำหรือไม่ก็ไม่สำคัญแล้ว เพราะไม่มีใครเชื่อถือคำของหญิงคบชู้หนีตามผู้ชาย และไม่ใช่แค่นี้ตนจะทำให้อุรวศีไม่มีหน้าเจอผู้คนอีก
ด้านอรุณวาสีรู้สึกผิดมาสารภาพกับอุรวศีว่าร่วมมือกับพี่ๆทำให้เธอโดนเสด็จป้าเอ็ด อุรวศีไม่โกรธแถมซาบซึ้งน้ำใจ ปลอบให้สบายใจถึงตนไม่โดนวันนี้ก็ต้องโดนวันหน้า ตนอยากรู้ว่าเสด็จป้าชอบหรือไม่ชอบอะไร ตนจะได้ทำให้ถูกพระทัย อรุณวาสีถอนใจ ตนเข้าวังมาสิบปียังโดนดุไม่เลิก วันนี้ท่านโปรดอย่างนี้ อีกวันท่านไม่โปรดแล้ว เดาพระทัยไม่ถูก แต่มีคุณสร้อยที่โดนกริ้วน้อยที่สุด อุรวศียิ้มอย่างมีความหวัง
สร้อยกำลังเตรียมอาหารให้เสด็จอยู่ และอบรมสำอางไปด้วยที่สอนมานานยังทำให้เสด็จกริ้วอยู่เรื่อย พอสำอางออกไป อุรวศีก็เลียบเคียงถาม สร้อยเห็นว่าท่านหญิงทรงอยู่ไม่นานไม่จำเป็นต้องทำอะไรให้ถูกพระทัยเสด็จ ถึงโดนกริ้วบ้างก็ประเดี๋ยวประด๋าว แต่
อุรวศีกลับบอกว่าตนถือคติเมื่อทำอะไรแล้วต้องทำให้ดีที่สุด ถึงไม่สำเร็จแต่ก็ดีกว่าไม่พยายามเลย สร้อยยิ้มอย่างพอใจก่อนจะถามว่าทรงทำขนมกลีบลำดวนเป็นไหม วันนี้เสด็จอยากรับมื้อเที่ยง เธอยิ้มดีใจ
สร้อยบอกให้อุรวศีรู้ไว้ว่าเวลาเสด็จกำลังเสวย อย่าพูดคุยท่านไม่โปรด แล้วถ้าท่านรวบช้อนเมื่อไหร่ให้เก็บสำรับคาวและเอาสำรับหวานมาแทนทันที ในวันนี้สร้อยทำให้ดูก่อน พอเสด็จชิมขนมกลีบลำดวนนิดหนึ่งก็วางลงแล้วเปรยว่า
“ถ้าเดาไม่ผิดคงฝีมือเธอใช่ไหม ทีหน้าทีหลังอะไรที่ไม่ชำนาญก็อย่าทำ เสียของเปล่าๆ”
อุรวศีหน้าเจื่อนแต่ไม่ยอมแพ้ เอ่ยถามว่าทรงชอบรสไหนจะได้หัดทำให้ถูกพระทัย เสด็จเสียงเข้มไม่ต้องแล้วพลอยตำหนิสร้อยว่าให้คนอื่นทำแทนจนต้องทิ้งเสียของ อุรวศีแทบถอดใจ
สองท่านหญิงติโลตตมากับอทริกายังไม่เลิกกลั่นแกล้งอุรวศี สั่งสำอางไปบอกข้าหลวงทุกคนห้ามพูดกับอุรวศีแม้แต่คำเดียว
มีเพียงอรุณวาสีที่ปลอบใจ ชิมขนมกลีบลำดวนชมว่าอร่อยแต่คงไม่ถูกพระทัยเท่านั้น และเห็นด้วยกับที่สร้อยบอกไม่ต้องพยายามเอาใจเสด็จป้าเพราะอยู่ไม่นาน แต่ถ้าเหงาไม่มีอะไรทำก็เอาเด็กรับใช้มาอยู่เป็นเพื่อนสักคน อุรวศีขอบคุณกลับเข้าห้องพัก หยิบหนังสือมาอ่าน เห็นจดหมายขอโทษของอนลให้นึกถึง อดแปลกใจตัวเองไม่ได้ ทำไมมักจะคิดถึง...ท้าวแสนเปื้อน
ในขณะเดียวกัน อนลก็เฝ้าคิดถึงแต่อุรวศีทุกคืน แล้วคืนนี้เขาเห็นเกื้อเดินกะเผลกตัดสวนออกไปอีก จึงตัดสินใจแอบตามดูอาไปไหน เผอิญอนึกกำลังจะออกไปสมทบกับเกื้อ เห็นหลังคนด้อมๆมองๆก็คิดว่าเป็นคนร้ายจึงฟาดเข้าที่ต้นคอและเตะจนสลบ เกื้อได้ยินเสียงวกกลับมาดู อนึกบอกว่ามีคนแอบตามอาตนไม่อยากประมาทจึงจัดการไว้ก่อน แต่พอพลิกร่างขึ้นก็ตกใจที่เป็นอนล...อนึกตัดสินใจปลดสร้อยทองที่คอน้องชายออกและทิ้งร่างเขาไว้อย่างนั้น
เวลาผ่านไปสักพัก ถึกเดินยามมาเจอร่างอนลรีบหามเข้าบ้าน พระยารัชปาลีและนวมตกใจที่เห็นสภาพลูกชาย ปฐมพยาบาลจนฟื้น เกื้อห่วงหลานไม่น้อยทำทีเพิ่งรู้เรื่องจึงเอายามาให้
ooooooo










