ตอนที่ 13
ในขณะที่หม่อมสลวยหวั่นใจว่าอนลจะนำความเดือดร้อนมาให้ อุรวศีกลับบอกว่าเขาไม่มีอันตรายกับตน ที่เขามาวุ่นวายเพราะสงสัยใคร่รู้เท่านั้น เราหลบไม่สนใจสักพักคงเลิกราไปเอง แต่หม่อมสลวยกลัวเรื่องถึงหูหม่อมต่วน บุญทันยิ้มๆรู้แก่ใจ ปลอบภรรยา
“คุณอนลรู้ว่าหม่อมต่วนเป็นภัยต่อท่านหญิง อย่างไรก็คงไม่ให้หม่อมต่วนรู้เรื่องนี้หรอก แม่สลวยวางใจเถอะ อย่าเก็บเรื่องนี้มากังวลอีกเลย”
“ถ้าอย่างนั้นก็คงต้องอยู่เฉยๆสินะ แหม พ่ออนลนี่ก็เหลือเกิน ถ้าไม่รู้ว่าเคยหมั้นหมายกับลูกสาวท่านเจ้าเมืองและกำลังจะกลับไปคืนดีกัน ฉันคงคิดว่าต้องแอบมาชอบพอหญิงหลงแน่ๆ”
ท่านหญิงผงะเล็กน้อยพยายามเก็บความรู้สึก บุญทันอมยิ้มที่ภรรยาไม่ได้เฉลียวใจ...
ช่วงหัวค่ำ นวมยังคงฝันเห็นอนึกสีหน้าเศร้าหมอง ยืนนิ่งไม่เข้ามาใกล้ นวมจึงลุกไปหาแต่เขาก็ถอยห่างจนนวมร้องถามว่าโกรธแม่หรือ เขาหันกลับมาบอกว่า
“ผมจะกล้าโกรธคุณแม่ได้อย่างไรครับ เพียงแต่ผมทำให้คุณพ่อคุณแม่เสียใจ ไม่มีหน้ากลับไปหาคุณแม่อีกแล้ว” นวมขอให้อนึกกลับมา เขาก้มกราบน้ำตาไหล “ขอบพระคุณครับคุณแม่ แต่ผมคงกลับมาอยู่กับคุณแม่ไม่ได้ ผมต้องอยู่ในที่ที่ผมควรอยู่เท่านั้นครับ”
“อย่างนั้นแม่จะไปอยู่กับลูกเองพ่อใหญ่” นวมน้ำตาไหล
“คุณแม่ยังไปไม่ได้ครับ ต้องรอก่อน เมื่อถึงเวลาผมจะมารับคุณแม่ไปอยู่ด้วยกันนะครับ อีกไม่นานหรอกครับแม่” อนึกน้ำตาไหลรินก่อนจะหันหลังเดินจากไป
นวมร้องเรียกอนึก สะดุ้งตื่นเพราะพระยารัชปาลี ปลุก เธอร่ำไห้บอกว่าลูกมาหา อีกไม่นานลูกจะมารับตนไปอยู่ด้วย ท่านเจ้าคุณใจหายวาบ สวมกอดภรรยาด้วยความรัก
เช้าวันใหม่ ขณะที่เกื้อมาช่วยทำบัญชีรายรับรายจ่ายให้แทนอนล พระยารัชปาลีเปรยเรื่องความฝันของนวมด้วยความไม่สบายใจ เกื้อคิดว่าไม่มีอะไร นวมคงคิดถึงลูกมาก ถือโอกาสเตือนพี่ชาย การที่เขาหงุดหงิดทุกครั้งที่พูดถึงอนึก เพราะยึดติดเช่นกัน
“พ่อใหญ่ตายไปแล้วจะรับรู้ถึงความทุกข์ของคุณพี่ได้หรือไม่ ไม่มีใครรู้ แต่คุณพี่ย่อมรู้ถึงความทุกข์ของตัวเอง และทางเดียวที่จะหลุดพ้นก็คืออโหสิ อโหสิให้ตัวเองและอโหสิให้ลูก”
พระยารัชปาลีถูกจี้ใจดำพาลบ่นว่าเกื้อกลายเป็นคนพูดมากตั้งแต่เมื่อไหร่ แต่ก็คิดตาม...
ที่เรือนแพมีคนมากินขนมจีนคึกคักแต่เช้า ดวงแขให้คนรับใช้พายเรือพามาจอดดูหน้าแม่ค้า เห็นจันคอยส่งกระทงขนมจีนให้ลูกค้า ก็จ้องเขม็งราวจะกินเลือดกินเนื้อ จันถามอยากรับน้ำพริกหรือน้ำยา เธอกลับสะบัดหน้าสั่งคนรับใช้พายเรือกลับ จันงงทำไมมาจ้องหน้าแล้วไป
น้ำยาหม้อสุดท้ายถูกยกออกมาวาง อุรวศีช่วยเช็ดกระทงไว้ใส่ขนมจีน ผ่องยิ้มปลื้มที่วันนี้ขายดี ขณะนั้นเองมีชายร่างใหญ่สองสามคนจอดเรือเทียบแล้วขึ้นมาบนเรือนแพ ทำลายข้าวของทั้งหม้อขนมจีน เก้าอี้และของอื่นๆ ท่ามกลางความตกใจของทุกคน จันจะไปตามบุญทันแต่ถูกลากกลับมาผลักล้มลง อุรวศีจะเข้าไปช่วย ก็พอดีมีเสียงปืนดังขึ้นหนึ่งนัด ทุกคนตกใจมอง เห็นอนลเป็นคนยิงปืนขึ้นฟ้า ท่านหญิงดีใจ พวกบุกรุกกลัวลานกระโดดกลับไปที่เรือ บางคนตกน้ำว่ายหนี...อนลหันมาสบตาอุรวศีนิ่ง ผ่องได้สติรีบบอกให้อุษากลับเข้าห้อง อุรวศีก้มหน้าเดินเข้าไปข้างใน อนลได้แต่ชะเง้อมองด้วยความคิดถึง
บุญทันสั่งลูกน้องตามไปดูว่าใครเป็นคนทำ ก่อนจะมาขอโทษอนลที่ปล่อยให้รอ อนลไม่ว่าอะไร จัดการธุระก่อนเป็นเรื่องที่ถูกต้องแล้ว บุญทันเสียดายที่ไม่เห็นหน้าคนร้าย เพราะคนทั้งปากน้ำโพไม่มีใครที่ตนไม่รู้จัก อนลถามผ่องเคยบาดหมางกับใครหรือไม่ บุญทันแก้ตัวแทนว่าไม่มี วันๆเอาแต่ขายขนมจีน หรืออาจจะเป็นพวกแม่ค้าที่อิจฉา จะให้ลูกน้องไปสอบถามดู
อนลกลับจะลงเรือ พยายามมองไปที่เรือนแพเล็ก เห็นอุรวศียืนคิดอะไรอยู่ก็ดีใจรีบเข้าไปหา ท่านหญิงรู้สึกตัวเห็นอนลจะเดินหนีเข้าห้อง แต่เขามาขวางทาง
“ฝ่าบาท...เอ่อ แม่อุษา แม่อุษาใช่ไหม ฉันจำได้ว่าป้าผ่อง เรียกอย่างนี้”
“ค่ะ คุณมีอะไรคะ”
“เอ่อ คือ ฉันเป็นห่วงแม่อุษาน่ะ...เมื่อครู่แม่อุษาตกใจไหม”
ท่านหญิงแอบดีใจแต่ต้องเก็บอาการกล่าวขอบคุณที่ช่วยพวกตน อนลยิ้มรับคำขอบคุณก่อนจะถามถึงผ่องและผิว ท่านหญิงบอกว่าทั้งสองกำลังให้ปากคำตำรวจ อนลมองด้วยสายตารักและห่วงใยไม่ละสายตา ทำให้อุรวศีทั้งเขินทั้งกลัวจะใจอ่อนปั้นหน้าดุสายตาไม่พอใจ
อนลรวบรวมความกล้า “อย่ามองฉันแบบนั้นเลย ถ้าแม่อุษาจะไปจริงฉันก็ไม่กล้าขวางทางหรอก เพียงแต่ฉันอยากคุยอยากเห็นหน้าแม่อุษาให้นานกว่านี้ก็เท่านั้น แม่อุษาคงไม่รู้หรอกว่า การที่ฉันได้เจอแม่อุษาอีกครั้งก็เหมือนหนึ่งต้นไม้ที่เหี่ยวแห้งเจียนตาย แล้วพลันได้รับน้ำฝนอย่างไม่คาดฝัน จนกลับมามีชีวิตได้ใหม่อีกครั้ง”
อุรวศีหน้าร้อนผ่าวเผลอจ้องตาอนล สัมผัสได้ถึงความรักความจริงใจของเขา น้ำตารื้นขึ้นมาจึงรีบเบือนหน้าหนี “คุณพูดเกินไป ฉันเป็นแค่แม่ค้าร้านตลาดและเราก็ไม่เคยเจอกันมาก่อน ฉันจะไปมีความสลักสำคัญถึงขั้นนั้นได้อย่างไร”
อนลหัวเราะออกมา อุรวศีหันกลับมามองข้องใจ เขาตอบยิ้มๆว่าเพิ่งเคยได้ยินชาวบ้านเรียกข้าราชการว่าคุณ ปกติมีแต่เรียกใต้เท้า ท่านหญิงหน้าเสียแกล้งโมโหกลบเกลื่อน ว่าที่เรียกคุณเพราะเห็นว่าสนิทสนมกับบุญทัน ถ้าถือตัวต่อไปตนจะเรียกใต้เท้า พูดจบเดินหนีไป
อนลแกล้งพูดตามหลัง “งั้นต่อไปเรียกฉันว่าท้าวแสนเปื้อนก็แล้วกันนะ...เคยมีคนเรียกฉันลับหลังว่า ท้าวแสนเปื้อน แต่เขาไม่รู้หรอกว่าฉันรู้ แต่ฉันชอบชื่อนี้นะ ฟังดูสนิทสนมดี”
อุรวศีชะงักอีกครั้งไม่กล้าหันกลับมามองกลัวเขาจับได้ รีบเดินหนี อนลยิ้มอย่างมีความสุข การที่อุรวศีไม่ยอมรับก็ดีไปอีกแบบ ทำให้ตนรู้สึกผ่อนคลายอย่างไม่เคยเป็นมาก่อน
ooooooo
เมื่อคุณหญิงไกรรู้ว่าดวงแขให้บ่าวในบ้านไปพังข้าวของเรือนแพแม่ค้าขนมจีนก็ตำหนิลูกรุนแรง เพราะคนเหล่านั้นเป็นญาติบุญทันเศรษฐีใหม่เมืองเรา เรื่องคงจบไม่ง่ายแน่ ถ้าเรื่องถึงหูพระยาไกร ดวงแขเองจะลำบาก ดวงแขเริ่มหวั่นวิตกอ้างโมโหจนขาดสติ ขอให้แม่ช่วย
“ทีอย่างนี้มาขอให้แม่ช่วย...เอาเงินให้พวกบ่าวมันไปแล้วให้หลบไปอยู่ที่อื่นสักพัก รอเรื่องเงียบแล้วค่อยกลับมาก็แล้วกัน”
ดวงแขรับคำแต่ยังไม่พอใจที่อนลตามไปช่วยแม่ค้าขนมจีน ตนทนไม่ได้ที่ต้องแพ้คนชั้นต่ำ คุณหญิงหนักใจถ้าไม่ช่วยลูก ลูกก็คงทำเรื่องเลวร้ายอีก จึงรับปากจะหาทางช่วย
ค่ำวันนั้นที่เรือนพระยาไกร มีพ่อค้ามากันพร้อมหน้า รวมทั้งบุญทัน เพื่อปรึกษาเรื่องการจัดงานบุญใหญ่ประจำปี และปีนี้มีแขกสำคัญมาร่วมคือคุณพระศรีสมบัติ เผอิญไปราชการขากลับผ่านมาทางนี้จึงแวะร่วมงานบุญด้วย บุญทันหูผึ่งทันที
“คุณพระศรีสมบัติ ที่คุมเรื่องสัมปทานป่าไม้หัวเมืองเหนือน่ะหรือขอรับ”
“สมเป็นพ่อค้าซุงจริงๆนะพ่อบุญทัน พอเอ่ยชื่อก็รู้เลย พ่อบุญทันลองหาโอกาสคุยกับคุณพระในงานดูสิ หากประมูลสัมปทานได้ กินจนชั่วลูกชั่วหลานก็ไม่หมดเชียวนา”
คุณหญิงไกรได้ฟังเกิดความคิดขึ้นมา ทักถามบุญทันถึงเรื่องขนมจีนที่คนโจษจันกันทั้งเมืองว่าอร่อย น่าจะทำเลี้ยงพระเพลในงานบุญนี้ บุญทันดีใจนอกจากจะได้หน้าแล้วยังได้โอกาสเจรจาการค้าง่ายขึ้น รีบรับปากจะจัดไม่ให้ขาดตกบกพร่อง คุณหญิงแอบยิ้มอย่างมีเลศนัย
เมื่อบุญทันมาบอกข่าวผ่อง จันดีใจเป็นโชคดีแม้โดนพังข้าวของแต่ก็ได้ลาภก้อนโต หม่อมสลวยยังหวั่นใจ เพราะป่านนี้ยังจับตัวคนทำร้ายอุษาไม่ได้ อุรวศีแย้ง
“อย่าเรียกว่าทำร้ายเลยค่ะน้า เรียกให้ถูกต้องเรียกว่ารังควานมากกว่า เพราะเอาเข้าจริงนอกจากข้าวของเสียหายและป้าผ่องกับผิวเจ็บตัวคนละนิดละหน่อยแล้วก็ไม่มีอย่างอื่นอีก ผิดวิสัยคนที่จะมาทำร้ายนะคะ”
บุญทันเห็นด้วย ท่านหญิงคิดว่าไม่เกี่ยวกับเรื่องเก่าที่แม่กังวล บุญทันไม่ได้นิ่งนอนใจส่งหนังสือไปถามข่าวคราวหม่อมต่วนกับจางวางสมแล้ว ถ้ามีอะไรคงส่งข่าวกลับมา
ด้านจางวางสมให้คนไปสอดส่องว่าหม่อมต่วนทำการใดบ้าง จึงรู้ว่าหม่อมป่วยเรื้อรัง เวรกรรมคงตามสนอง เพราะเพ้อเห็นคนที่ตายไปแล้วจนคนกลัวทั้งตำหนัก...ในขณะที่หม่อมต่วนร้องกรี๊ดๆให้บอกพวกมันเงียบ ลูกทุกคนแปลกใจเพราะไม่ได้ยินเสียงอะไรเลย อรุณวาสีกับแปลกช่วยกันจับตัวไว้ด้วยความเป็นห่วง แต่แรงหม่อมมากจนท่านหญิงขอให้อรชุนช่วยอีกแรง
“ฉันไม่เอาด้วยหรอกนะ แม่ไม่มีสติอย่างนี้ประเดี๋ยวฉันก็ถูกทำร้ายไปด้วยหรอก”
“เงียบ! ข้าบอกให้เงียบ ชายใหญ่...ชายใหญ่ไปบอกให้พวกมันเงียบเดี๋ยวนี้”
“บอกใครล่ะแม่ ทั้งตำหนักเงียบยังกะอยู่ในวัด ไม่เห็นจะได้ยินเสียงอะไรเลย”
“เสียงดนตรียังไง ไม่ได้ยินเสียงรึ เสียงดังออกขนาดนี้ ไป ไปบอกให้มันหยุดเล่น แม่ไม่อยากได้ยิน” หม่อมต่วนร้องลั่น
ติโลตตมาบ่นพึมพำว่าแม่บ้าไปแล้ว อรชุนส่ายหน้าเดินหนีไปพร้อมน้อง อรุณวาสีมองพี่ๆด้วยความผิดหวังที่ไม่ห่วงแม่บ้างเลย หม่อมต่วนตะโกนเรียกอรชุนให้กลับมาช่วย ดิ้นพราดคลุ้มคลั่งจะฆ่าให้หมดถ้าไม่หยุดเล่นดนตรี ท่าทางหม่อมไม่รับรู้รับฟังใดๆอีกแล้ว
ooooooo
ในตอนเย็น อนลทำทีมาขอซื้อขนมจีน ผ่องบอกว่าวันนี้ไม่ได้ขาย จันจะพาอุรวศีเข้าข้างใน อนลขัดขึ้น “ฉันตั้งใจจะเอาหนังสือมาให้ เกรงว่าแม่อุษาจะเหงา ก็เลยเอาหนังสือมาให้อ่าน ฉันคิดว่าแม่อุษาน่าจะชอบอ่านหนังสือ และหนังสือเก่าที่แม่อุษามีน่าจะไหม้ไฟไปหมดแล้ว”
ผ่องกับจันผงะแอบสบตากัน อุรวศีปั้นหน้านิ่งปล่อยให้อนลพูดต่อไป เขาบอกว่าหนังสือเรื่องท้าวแสนปม เป็นเรื่องของพระชินเสนกับนางอุษา ชื่อเดียวกับเธอ จันกระซิบกับผ่องว่าอนลเล่นพูดดักทุกทางจะเอาอย่างไรดี ผ่องคิดไม่ออกเหมือนกัน ถามอุษาจะรับหนังสือไว้ไหม
ท่านหญิงแอบซึ้งใจที่อนลไม่เคยลืมว่าตนชอบอ่านหนังสือเรื่องนี้ แต่ต้องตัดใจเพราะไม่อยากให้มีปัญหาตามมา “อิฉันรับไว้ไม่ได้หรอกค่ะใต้เท้า เพราะอิฉันมีคู่หมั้นหมายแล้ว มันไม่งามและก็ขอให้ครั้งนี้เป็นครั้งสุดท้ายนะคะใต้เท้า อย่าดื้อดึงอีกเลย”
จันเอาหนังสือคืนให้อนล เขาแกล้งกล่าวขอบใจนะจัน...ทำเอาจันตกใจหลบตารีบเดินตามท่านหญิงเข้าไปข้างใน อนลชะเง้อมองด้วยแววตาจะไม่ยอมแพ้
ค่ำนั้นคล้องหาซื้อเครื่องดนตรีจะเข้ตามที่อนลสั่งมาให้ อนลหวังฝึกมือให้หายเหงา คล้องกับถึกดีใจที่จะได้ฟังเพลงเพราะๆอีก อนลเล่นเพลงสีนวลด้วยคิดถึงอุรวศี
ขณะเดียวกัน หม่อมสลวยนำซอมาให้อุรวศีไว้เล่นแก้เหงาเช่นกัน ท่านหญิงใจตรงกันเล่นเพลงเดียวกับอนล หม่อมสลวยยังซื้ออุปกรณ์ถักแท็ตมาให้ด้วย ทำให้ท่านหญิงคิดถึงเมรา พี่สาวที่มีฝีมือในการเย็บปักถักร้อย หม่อมสลวยปลอบใจ
“เอาไว้คลื่นลมสงบเมื่อไหร่ หญิงค่อยกลับไปหาท่านหญิงเมก็ได้ อย่างไรเสียหม่อมต่วนก็คงไม่อยู่ค้ำฟ้าหรอก หญิงไม่ต้องกลัว”
“ถึงหม่อมใหญ่เสีย หญิงก็ยังไม่แน่ใจว่าจะกลับไปดีหรือเปล่านะคะ แม่ก็ทราบว่าคนที่ไม่ชอบหญิง ไม่ได้มีแต่หม่อมใหญ่ ยิ่งตอนนี้ที่ดินที่นครปฐมก็แบ่งกันไปหมดแล้ว ถ้าหญิงกลับไป พวกพี่ๆก็ต้องกลัวว่าหญิงจะกลับไปเอาคืน คงมีเรื่องราวไม่ได้หยุดหย่อนหรอกค่ะ”
หม่อมสลวยอ่อนใจทำไมพี่น้องกันแท้ๆถึงได้ผิดแผกกันนัก ไม่รักกันบ้างเลย...ในขณะที่อรชุนกับติโลตตมามองหม่อมต่วนด้วยสายตาเอือมระอา มีเพียงอรุณวาสีที่ปรนนิบัติดูแล อรชุนบ่นว่าแม่อาละวาดจนไข้ขึ้นสูงไม่รู้เป็นโรคอะไรกันแน่ อรุณวาสีบอกว่าเป็นโรคเกิดจากจิตใจเป็นสำคัญ คงมีเรื่องในใจที่ไม่ยอมบอกพวกเรา อรชุนตัดบทโรคแบบนี้ตนไม่เอาด้วย
ติโลตตมาเห็นพี่ชายไม่ยุ่งเรื่องในบ้านก็เกิดความคิดจะยึดอำนาจการเงินในบ้านไว้ จึงเอ่ยปากกับอรุณวาสี ทำทีอยากแบ่งเบาภาระ เห็นเธอวุ่นกับการดูแลแม่ จะช่วยดูแลบาญชีและเก็บค่าเช่าทั้งหมดแทนให้ อรุณวาสีรู้นิสัยพี่ไม่อยากขวาง ยกพวงกุญแจตู้ที่เก็บสมุดบัญชีทั้งหมดให้
ด้านอทริกา พอเห็นว่าแม่ลุกไม่ไหว ก็พาพุ่มกับสำอางเข้ามาอยู่ในตำหนัก โดยให้พุ่มพักห้องบนตำหนักส่วนสำอางให้อยู่รวมกับคนรับใช้ สำอางไม่พอใจที่พุ่มสบายคนเดียว พุ่มกอดเอาใจว่าหม่อมต่วนป่วยหนักไม่มี ใครขวางเราได้ อดทนอีกนิดตนสัญญาเราจะสบายด้วยกัน
ooooooo
หลายวันผ่านไป ถึงวันงานบุญ ชาวบ้านแต่งตัวสวยงามมาร่วมทำบุญที่วัด อนลช่วยดูแลงานให้เรียบร้อย คุณหญิงไกรกล่าวชมเชยอนลที่เป็นหัวเรี่ยวหัวแรง อนลออกตัวว่าไม่ใช่ตนคนเดียว ข้าราชการตลอดจนพ่อค้าคหบดีที่นี่ให้ความร่วมมือช่วยกันถึงได้ราบรื่นดี
อนลขอตัวไปดูแลงานทางอื่น ดวงแขเบะปากหมั่นไส้บ่นกับแม่ว่า เขาคงรีบไปหาแม่ค้าขนมจีน คุณหญิงปลอบอย่าไปใส่ใจ ดวงแขยิ้มเหยียดอยากเห็นแม่ค้าขนมจีนต้องอับอายขายขี้หน้าจนหมดทางทำมาหากินที่นี่ได้อีก
ทางเรือนแพ หม่อมสลวยอ่อนใจเพิ่งรู้ว่าอุรวศีแอบไปช่วยงานบุญด้วย...ในโรงครัวของวัด ผ่องกับจันและชาวบ้านช่วยกันจัดของถวายพระ อุรวศียืนมองเพราะผ่องไม่ให้หยิบจับอะไร จันได้แบ่งขนมจีนไว้อย่างละหม้อสำหรับท่านหญิงเสวย
ที่ศาลาใหญ่ คุณหญิงไกรกับดวงแขต้อนรับพระศรีสมบัติกับภรรยาแทนพระยาไกรที่ยังติดงานราชการชาวบ้านปูเสื่อนั่งเป็นทิวแถวหลังจากถวายเพลพระเสร็จ คุณพระกับภรรยาชื่นชมอนลที่มีสัมมาคารวะดี ยิ่งพอรู้ว่าเป็นบุตรชายพระยารัชปาลีก็ยิ่งปลื้ม
บุญทันยกขนมจีนและน้ำยาน้ำพริกมาจัดวางเชื้อเชิญให้รับประทาน คุณหญิงไกรสบตากับดวงแขก่อนจะคะยั้นคะยอให้คุณพระกับภรรยาลิ้มลอง ภรรยาคุณพระยิ้มแย้มเพราะเป็นของโปรด แต่พอตักเข้าปากก็ต้องรีบบ้วนทิ้งเพราะเค็มมาก ชาวบ้านลองชิมจานของตัวเองก็เห็นพ้องกันว่าเค็ม
อนลแปลกใจ แต่พอตักชิมก็รู้ว่าเค็มจริง ผ่องหน้าเสียเพราะตนทำตามสูตรเดิมจนชินมือแล้วไม่น่าผิดพลาด คุณหญิงไกรหันมาเอ็ด อุตส่าห์ไว้ใจให้ทำงานใหญ่ กลับมักง่ายทำชุ่ยๆ ไม่กลัวบาปกลัวกรรมกันบ้าง ชาวบ้านวิพากษ์วิจารณ์ตามไปด้วย บุญทันขอโอกาสทำใหม่อีกครั้ง
“ยังจะแก้ตัวอะไรกันอีกพ่อบุญทัน ถ้าไม่เต็มใจมาร่วมทำบุญก็อยู่เฉยๆเสียไม่มีใครว่า แต่กลับทำอาหารแบบนี้ออกมา เหมือนอยากกลั่นแกล้งกันให้ได้อายเสียมากกว่า”
ดวงแขเสริมไล่ให้ออกไปให้พ้นหน้าหรือไปให้พ้น ปากน้ำโพเลยจะดีกว่า อนลค้าน ทันใดเสียงอุรวศีดังขัดขึ้น พร้อมยกถาดน้ำยาน้ำพริกออกมาใหม่ “ขอประทานโทษค่ะ อิฉันไม่ทราบจริงๆว่าเกิดอะไรขึ้น แต่น้ำยาน้ำพริกในหม้ออื่นไม่ได้มีรสเค็มจนทนไม่ได้อย่างที่พวกใต้เท้ารับประทานไป อิฉันจึงอยากขอความกรุณาให้ลองชิมดูอีกครั้งค่ะ”
จันรีบเข้าไปรับถาดจากอุรวศี อนลช่วยสนับสนุนให้ทุกคนลองชิม คุณพระกับภรรยาเห็นอนลรับรองจึงยอมชิมดู แล้วต่างก็ทึ่งในรสชาติที่แสนอร่อย ชมว่าราวกับอาหารในวัง อนลส่งยิ้มให้ท่านหญิง ดวงแขเห็นสายตาอนลก็สงสัยว่าคนที่อนลสนใจไม่ใช่ผิว...อุรวศีหยิบถุงที่ถักด้วยแท็ตใส่เครื่องหอมมอบให้คุณพระกับภรรยา
“อิฉันทราบจากเถ้าแก่บุญทันว่าคุณพระกับภรรยาจะมาร่วมทำบุญ อิฉันจึงทำถุงหอมนี้ให้เป็นของที่ระลึกค่ะ”
บุญทันรับมาส่งให้ คุณพระกับภรรยาดมแล้วชอบใจมาก ฝีมือการถักถุงประณีต เครื่องหอมก็หอมชื่นใจ คุณหญิงกับดวงแขหน้าเสียที่แผนการล้มเหลวแถมบุญทันยังได้หน้ามากขึ้น
กลับเข้าครัว ผ่องกับจันโล่งอกที่ทุกอย่างไม่ใช่ความผิดพลาดของพวกตน อุรวศีมั่นใจว่าเรื่องนี้มีการกลั่นแกล้งและต้องเกี่ยวข้องกับพวกที่ไปพังของที่เรือนแพ บุญทันเห็นด้วยแต่อดขอบพระทัยท่านหญิงไม่ได้ที่ช่วยแก้สถานการณ์ ตนคงคุยเรื่องสัมปทานได้ง่ายขึ้นด้วย ถ้าไม่ติดว่ามีเรื่องต้องปกปิดตนอยากจะกราบบัดเดี๋ยวนี้ ท่านหญิงยิ้มขำๆ
“อย่าให้ถึงขั้นนั้นเลยค่ะ เถ้าแก่เองก็ดีกับฉันมาก ถือว่าฉันตอบแทนก็แล้วกันนะคะ”
อนลโผล่มาถามตอบแทนอะไรกัน อุรวศีปั้นหน้านิ่งเฉยเหน็บแนมกลับ
“เมื่อครู่ผู้หญิงที่นั่งติดกับคุณหญิง คือคุณดวงแขที่เป็นลูกสาวคุณหญิงใช่ไหมคะ ลือกันไปทั้งปากน้ำโพว่าเคยเป็นคู่หมั้นเก่าใต้เท้ามาก่อน...อิฉันยินดีด้วยนะคะ ที่ใต้เท้าจะได้สมหวังเสียที”
อนลหน้าเสียไม่รู้ว่าท่านหญิงรู้เรื่องขนาดนี้ รีบบอกว่าทรงเข้าใจผิด ท่านหญิงสวนกลับว่าผิดหรือถูกไม่ใช่เรื่องสำคัญ ตนขอตัว บุญทัน ผ่องและจันยิ้มแหยๆ เดินตามท่านหญิงไป...
ห่างออกมาดวงแขยืนมองด้วยสายตาเคียดแค้น กลับมาหงุดหงิดเล่าให้แม่ฟังว่าตนเข้าใจผิดคน คุณหญิงไกรยอมรับว่าถ้าเป็นอุษาค่อยดูเหมาะสมกับอนล ดวงแขยิ่งโมโห จะยอมให้ตนซึ่งเป็นลูกเจ้าเมืองแพ้พวกไพร่อย่างนั้นหรือ ถ้าแม่ไม่ช่วยตนจะหาทางเอง คุณหญิงหนักใจมาก
ระหว่างพายเรือกลับเรือนแพ อนลให้ถึกกับคล้องพายเรือขนาบข้างเรือของอุรวศี จันกับผ่องกระซิบกันถึงความตื๊อของอนล ท่านหญิงหันมาถามจะตามทำไมพวกตนกลับเรือนถูก
“ฉันเป็นห่วงเกรงว่าจะเกิดเรื่องขึ้นมาอีก ให้ฉันตามไปส่งเถิดนะแม่อุษา ถ้าไม่ได้เห็นแม่อุษากลับถึงเรือนกับตาตัวเอง ฉันคงกังวลจนนอนไม่หลับ”
อุรวศีทิ้งค้อนใส่ที่อนลกล้าหยอดคำหวานต่อหน้าใครๆ ถึกกับคล้องอมยิ้มไม่เคยเห็นเจ้านายตามจีบสาวไหนมาก่อน...เมื่อถึงเรือนแพ เรืออนลยังจอดเทียบ ท่านหญิงกล่าวประชดประชัน
“อิฉันถึงเรือนแล้ว ใต้เท้ารีบกลับไปเถิดค่ะ ประเดี๋ยวคุณดวงแขจะไม่พอใจเอาได้”
อนลร้อนใจกระโดดขึ้นเรือนอยากอธิบาย ผ่องกับจันตกใจไม่คิดว่าเขาจะกล้าจู่โจม
“เรื่องฉันกับน้องดวงแข ฉันไม่ปฏิเสธหรอกนะ แต่ด้วยความสัตย์จริง ฉันไม่อาจรักน้องดวงแขได้ เพราะหัวใจรักของฉันได้ยกให้ผู้หญิงคนหนึ่งไปหมดสิ้นแล้ว ผู้หญิงที่เปรียบเหมือนดอกฟ้าอยู่สูงสุดเอื้อม อย่าว่าแต่ หมายปองเลย เพียงแค่คิดถึงก็ผิดหนักหนาแล้ว...เหนือสิ่งอื่นใด ฉันต้องปกป้องศักดิ์ศรีของผู้หญิงคนนั้นไม่ให้มัวหมอง เรื่องนี้จึงอยู่ในใจฉันไม่อาจแพร่งพรายออกมาได้”
อรุวศีเขินรู้ว่าเขาให้เกียรติตนมาตลอด แต่ต้องตีหน้าตาย “แล้วใต้เท้ามาบอกอิฉันทำไม”
“ก็เพราะแม่อุษาไม่ใช่ผู้หญิงคนนั้นน่ะสิ ฉันถึงกล้าพูด” อนลยิ้มที่ได้เผยความในใจ
ท่านหญิงรำลึกว่าตอนนี้ตนอยู่ในฐานะอุษาทำอะไรอนลไม่ได้ ได้แต่ทิ้งค้อนใส่ อนลเอ่ยปากลากลับเพราะถึงเรือนแล้วก็หมดห่วง อุรวศีเหน็บ ขอบพระคุณทั้งที่ไม่จำเป็น
“ไม่จำเป็นสำหรับแม่อุษาแต่จำเป็นสำหรับฉันมาก แม่อุษารู้ไหมว่าฉันเคยคิดว่าตอนที่ฉันติดคุกคือทุกข์ที่สุดในชีวิตแล้ว แต่ฉันเพิ่งมารู้ว่ามันเทียบไม่ได้เลยกับการที่ฉันต้องสูญเสียผู้หญิงที่เป็นดั่งแสงสว่างของฉันไปในกองเพลิง ฉันคงมีชีวิตอยู่ต่อไปไม่ได้หรอกแม่อุษาถ้าต้องสูญเสียผู้หญิงคนนั้นไปอีกครั้ง โดยไม่กระทำอันใดเลย”
อุรวศีน้ำตารื้นพูดอะไรไม่ออก จันอมยิ้มเพราะรู้อยู่นานแล้ว ต่างกับผ่องที่ยังตกตะลึง อนลก้มหัวคำนับก่อนจะกลับไปลงเรือ ถึกกับคล้องพายเรือออกไป ท่านหญิงได้แต่มองตามด้วยความอัดอั้นตันใจน้ำตาไหลซึมเพราะเรื่องนี้ตัวเองไม่รู้จะตัดสินใจอย่างไร
ooooooo
หม่อมเอื้อนกับสุรคมนำยาจีนบำรุงร่างกายมาฝากหม่อมต่วน พอเห็นอรุณวาสีมีท่าทางอิดโรยเพราะดูแลแม่ทุกวันก็เห็นใจ ทันใดมีเสียงพุ่มเอะอะให้บ่าวเอาชาจีนร้อนๆมาให้ หม่อมเอื้อนเห็นพุ่มก็ตกใจคิดว่ามีผู้ชายเข้ามาอยู่ในตำหนัก ท่านหญิงกระอัก-กระอ่วนที่ต้องอธิบาย
“ไม่ใช่ผู้ชายค่ะ ชื่อแม่พุ่มเป็นเอ่อ...เป็นเพื่อนของพี่หญิงนิดค่ะ”
ทั้งสองตกใจไม่คิดว่าจะมีเรื่องอย่างนี้ ติโลตตมาออกมาโวยไล่ทั้งพุ่มและสำอางให้ออกไปจากวัง อทริกา เดินลิ่วมาปกป้องว่าวังนี้เป็นของตนเท่าๆกับของพี่ ตนมีสิทธิ์ให้ใครมาอยู่ก็ได้ ท่าทางอทริกาไม่มีความเกรงใจติโลตตมาอีกต่อไป อรุณวาสีรู้สึกอับอายเรื่องนี้เป็นอย่างมาก
อรุณวาสีเดินออกมาส่งหม่อมเอื้อนกับสุรคมหน้าตำหนัก หม่อมเอื้อนสังเวชใจ “ไม่นึกเลยจริงจิ๊ง หม่อมต่วนเจ็บไปคนเดียวจะเป็นไปได้ถึงขนาดนี้ แล้วนี่ท่านชายใหญ่กับท่านหญิงใหญ่ทรงว่าอย่างไรบ้างเพคะ”
“พี่ชายใหญ่ไม่สนพระทัยหรอกค่ะ ไปทำงาน ราชการแต่เช้า พอเลิกงานก็ไปสังสรรค์ต่อจนมืดค่ำ ส่วนพี่หญิงใหญ่ก็ต้องดูแลลูกกับพระสามี ถึงจะไม่พอพระทัยแต่ก็ทรงทำอะไรมากไม่ได้หรอกค่ะ”
หม่อมเอื้อนสงสารออกปากว่าถ้ามีอะไรให้ตนกับลูกช่วยตรัสมาได้เลย ท่านหญิงไหว้ขอบคุณ สุรคมเอ่ยปากชวนว่าอาทิตย์หน้าตนมีงานราชการที่หัวหิน อยากให้ท่านหญิงกับแม่ไปเปิดหูเปิดตาแค่สองวัน จะได้สดชื่นขึ้นบ้าง อรุณวาสีรู้สึกดีใจที่สุรคมเป็นห่วงแต่ต้องปฏิเสธ เพราะไม่อาจทิ้งแม่ไปไหนได้ สุรคมยิ่งสงสารและเห็นถึงความกตัญญูของเธอ
ooooooo
ที่ปากน้ำโพมีข่าวแพร่สะพัดว่าเสือป่วงกลับมาปล้นละแวกนี้อีก ชาวบ้านต่างหวาดกลัว อนลปรึกษากับพระยาไกร ดวงแขแย้งไม่เห็นต้องทำอะไร ให้เจ้าหน้าที่ดูแลอย่าให้มาปล้นเขตปากน้ำโพ เท่านี้พ่อก็ไม่ต้องรับผิดชอบ อนลไม่เห็นด้วยควรช่วยกันปราบปรามมากกว่า
“อุ๊ย พี่อนลพูดอย่างนี้ อย่าบอกนะคะว่าจะช่วยกันจับอ้ายเสือป่วงกับเขาด้วย อันตรายจะตายไป ดวงแขไม่ให้ไปหรอกค่ะ”
“ขอบพระคุณคุณพี่มากครับ แต่ผมทำงานรับเบี้ยหวัดจากหลวง ถ้ามัวแต่กลัวแล้วจะมีหน้ารับราชการอยู่อีกหรือครับ”
ดวงแขชักสีหน้าที่อนลเรียกตนว่าคุณพี่ พระยาไกรกระอักกระอ่วนใจ รู้ว่าอนลปฏิเสธลูกสาวตนแบบผู้ดี พอดีบ่าวเข้ามารายงานว่ามีคนชื่อวอนมาขอพบ ท่านเจ้าคุณบอกอนลว่า วอนเป็นคหบดีใหญ่อยู่ทางใต้ อยากมาค้าขายที่ปากน้ำโพ วันนี้คงมาเยี่ยมคารวะตามธรรมเนียม อนลจึงขอตัวกลับเรือน ดวงแขขัดเคืองที่อนลไม่คิดจะพูดคุยด้วยสักนิด
วอนเป็นชายร่างท้วมอายุราวห้าสิบ ใส่ทองเต็มตัวเข้ามาไหว้พระยาไกร พอเห็นดวงแขก็จ้องตาไม่กะพริบ...
เมื่อเจรจาความเสร็จ ท่านเจ้าคุณมาบอกคุณหญิงไกรว่าวอนทาบทามสู่ขอดวงแข ตนเห็นว่าเขามีฐานะดีและเป็นพ่อม่ายไม่มีลูกติด ดวงแขด่าว่าวอนสารรูปน่าเกลียดไม่เจียมตัว ตนไม่ยอมเด็ดขาด คุณหญิงปลอบลูก เพราะตนก็ไม่เห็นด้วย
“อย่าเพิ่งเคืองฉันเลยคุณหญิง คิดดูนะว่าลูกเราก็ใช่ว่าจะไม่มีตำหนิด่างพร้อย หนุ่มๆที่ไหนจะกล้ามาสู่ขอ แต่ฉันเล่าเรื่องนี้ให้พ่อวอนฟังหมดแล้ว เขาก็ไม่ถือ
สาติดใจอะไร ฉันจึงว่าน่าสนใจ...อย่าหวังเรื่องพ่ออนลอีกเลยคุณหญิง ถ้าไม่หลอกตัวเองจนเกินไป ก็รู้อยู่แล้วว่าเขาไม่มีใจให้แม่ดวงแข ยิ่งดื้อรั้นก็ยิ่งมีแต่จะเสีย”
คุณหญิงเถียงไม่ออก ดวงแขขบกรามแน่น เจ็บใจถึงตายก็ไม่ยอมแพ้...แอบมาจ้างคนรับใช้สามสี่คนให้กระจายข่าวให้ทั่วคุ้งน้ำว่าที่เรือนแพแม่ค้าขนมจีนมีสมบัติมากมายเป็นผ้าขี้ริ้วห่อทอง เอาให้โจษจันไปถึงหูเสือป่วงให้จงได้
เมื่อมีข่าวเสือป่วง ผ่องจึงเอาตะเกียงแขวนรอบเรือนแพให้สว่างไสว จันเย้าว่ามันสว่างจนนอนไม่หลับ และเรือนแพแบบนี้โจรที่ไหนจะมาปล้น ผ่องย้อนถามแล้วเรามีสมบัติจริงหรือไม่ จันชะงักเถียงไม่ออก อุรวศีขอนั่งเล่นริมน้ำสักพัก ขณะนั้นเองมีเสียงจะเข้เพลงลาวดวงเดือน
ดังขึ้น ผ่องกับจันชะเง้อมองว่าใครกันมาเล่นแถวนี้ อุรวศีได้ยินท่วงทำนองการเล่นก็จำได้ว่าใครเป็นคนเล่น แอบยิ้มบางๆมองจันทร์บนฟ้าอย่างเบิกบานใจ ในขณะที่อนลซุ่มนั่งเล่นอยู่ในเรือ
ooooooo
วันเวลาผ่านไป นวมยังนอนซมอ่อนแรง หมอตรวจอาการไม่มีโรคใดนอกจากสภาพจิตใจ พระยารัชปาลีทุกข์ใจ เกื้อเสนอให้ตามอนลกลับมาเยี่ยม นวมน้ำตารื้น “ก็ดีเหมือนกันจ้ะพ่อเกื้อ นลเองยังกลับมาบ้านได้ แต่พ่อใหญ่...พ่อใหญ่ไม่ควรเลย ลูกแม่...”
พระยารัชปาลีบอกเกื้อว่าตนตัดสินใจจะบวชเผื่อบุญกุศลจะทำให้นวมหายเจ็บไข้ เกื้ออนุโมทนาบุญ อนลจะได้กลับมางานบวชและเยี่ยมแม่ ท่านเจ้าคุณเอ่ยถามเกื้อ
“แกว่าบุญกุศลจากการบวชจะเผื่อแผ่ไปถึงเจ้าใหญ่ได้รึเปล่า...แกพูดถูก การที่ฉันโกรธเคืองเจ้าใหญ่จนไม่อภัยให้ มันจะรับรู้รึเปล่าก็ไม่มีทางรู้ แต่คนที่ทุกข์ใจที่สุดในเรื่องนี้คือฉัน ยิ่งเห็นแม่นวมล้มหมอนนอนเสื่อแล้วฉันยิ่งเสียใจ ว่าเป็นเพราะทิฐิของฉันรึเปล่าที่ทำให้ลูกให้เมียต้องเป็นแบบนี้”
“แค่คุณพี่อภัยให้พ่อใหญ่ วิญญาณพ่อใหญ่ก็เป็นสุขมากแล้วล่ะครับ ไม่มีลูกที่ไหนอยากเห็นพ่อแม่ทุกข์เพราะตัวเองหรอกครับ และเพราะเรื่องนี้เราก็สูญเสียกันมามากแล้ว มันควรจะต้องจบลงเสียที”
ท่านเจ้าคุณคิดตามแล้วเห็นจริง...ในขณะที่อนลเป็นห่วงอุรวศีมากถึงกับมาขอผ่องนอนเฝ้ารักษาความปลอดภัยที่เรือนแพ ผ่องไม่ยอมเพราะมันไม่งาม อนลจึงขอให้ถึกกับคล้องเฝ้าแทน ผ่องอ้างถ้ามีเรื่องร้ายบุญทันอยู่ใกล้ๆมาช่วยได้ อนลย้อนถามคราวก่อนบุญทันมาทันหรือผ่องเถียงไม่ออก จันขอร้องอย่าสร้างความลำบากใจให้พวกตนเลย อนลไม่สบายใจที่ไม่รับความช่วยเหลือของตน
หม่อมสลวยเพิ่งรู้ความจริง นึกตำหนิตัวเองที่ไม่เฉลียวใจบ้างเลยว่าอนลมาชอบลูกสาว ช่างไม่เจียมตัวเอาเสียเลย อุรวศีแก้ตัวแทนว่าเขาคงเห็นว่าตนเป็นอุษาไม่ใช่ท่านหญิงแล้ว หม่อมสลวยยังไม่สบายใจที่มีข่าวโจษจันว่าเรือนแพมีสมบัติซุกซ่อน ท่านหญิงก็แปลกใจมีคนรู้แค่พวกเราสี่คน แล้วข่าวลือออกไปได้อย่างไร
“ปากคนพูดให้คนตายฟื้นก็ยังได้ แม่ว่าเพราะหน้าตาท่าทางหญิงมากกว่า ใครเห็นเข้าก็ไม่มีทางเชื่อว่าจะยากจนไปได้ ลือกันหนักๆเข้าก็กลายเป็นว่าหญิงมีสมบัติซ่อนอยู่น่ะสิ ถ้าไม่จริงก็ไม่เท่าไหร่ แต่มันดันจริงนี่น่ะสิ” หม่อมสลวยกังวลใจ
อุรวศีพยักหน้าคิดตาม หม่อมสลวยบอกว่าพรุ่งนี้บุญทันจะให้ญาติผู้หญิง 6-7 คนมาค้างที่นี่เพื่อช่วยดูแลและกันท่านหญิงออกจากอนลด้วย ให้ทนอึดอัดเอาหน่อย
ด้านดวงแขเมื่อคนรับใช้มารายงานว่าอนลไปที่เรือนแพก็โมโหมาก จะไปตะเพิดให้ออกจากปากน้ำโพ คุณหญิงไกรเข้ามาปรามถ้าลูกทำอย่างนั้นรังแต่จะทำให้อนลเกลียดชังมากขึ้น ดวงแขไม่พอใจที่ไม่สามารถทำอะไรได้ เดินกระแทกเท้าปึงปังออกไป
ในคืนนั้น อุรวศีนั่งชมจันทร์บนแคร่ จันยกถาดน้ำชามาถวายแอบกระเซ้าว่ารอฟังจะเข้อยู่หรือ ฟังติดๆ กันมาหนึ่งเดือนพอไม่ได้ฟังรู้สึกเหงาๆ ท่านหญิงทำตาดุใส่ ทันใดลูกน้องเสือป่วงบุกขึ้นมาบนแพ อุรวศีกับจันตกใจมาก พากันจะหนีแต่ถูกขวางทาง จันคว้ากาน้ำชาสาดใส่ เสือป่วงตามขึ้นมาร้องตะโกน ถ้าใครสู้ให้ฆ่าทิ้ง
ผ่องได้ยินเสียงตกใจวิ่งออกมาพร้อมมีดหั่นผักและตะหลิว จันพยายามกันให้ท่านหญิงหนีไปหลบในห้อง ...บุญทันกับลูกน้องวิ่งมา เกิดการตะลุมบอนใส่กัน ท่านหญิง เข้าห้องปิดประตูลงกลอน ไม่ทันไรมีเสียงทุบประตูโครมๆ
อุรวศีใช้ความคิด ตัดสินใจเอาหีบสมบัติออกมาเทแก้วแหวนเงินทองเกลื่อนพื้น แล้วถือหีบเป็นอาวุธป้องกันตัว พอโจรพังประตูเข้ามาเห็นเครื่องทองกระจายอยู่ก็ตาโตเข้าไปเก็บ ท่านหญิงใช้หีบกระหน่ำตีจนโจรสลบ แล้วหยิบปืนทั้งที่กลัวออกมาช่วยจันกับผ่อง
ทั้งสองกำลังพลาดท่าจะโดนทำร้าย พอดีอนลมาช่วยยิงใส่เสือป่วงกับลูกน้อง สองฝ่ายยิงใส่กันจนกระสุนหมด ต่างกระโจนเข้าต่อสู้กัน อนลโดนรุมแทบแย่ อุรวศีกำปืนออกมาหลับหูหลับตายิงขึ้นฟ้า ทำให้พวกโจรตกใจ อนลลุกขึ้นคว้าไม้พายตีเสือป่วง เสือป่วงชักมีดฟันสวนเข้าที่ท้องอนลทรุด
ท่านหญิงตกใจมาก เสือป่วงจะเข้าฟันซ้ำ บุญทันโผล่มายิงใส่เสือป่วงล้มคว่ำขาดใจตาย ลูกน้องเสือป่วงตกใจหนีกันกระเจิง ท่านหญิงเข้าประคองอนลด้วย
ความเป็นห่วงน้ำตาพรั่งพรู
“อนล เป็นอย่างไรบ้างอนล เธออย่าเป็นอะไรนะ ถ้าเธอเป็นอะไรไปแล้วฉันจะอยู่ยังไง ฉันขอสั่งเธอ เธอต้องไม่เป็นอะไร เธอต้องอยู่กับฉันนะอนล”
อนลกุมท้องที่เลือดไหลแดงฉานแต่แผลไม่ลึกจึงมีสติ รู้สึกตื้นตันลืมความเจ็บปวด “ตรัสอย่างนี้แสดงว่าทรงยอมรับแล้ว อย่ากลัวไปเลยฝ่าบาท กระหม่อมได้ยินอย่างนี้ ต่อให้ตายจริงก็ต้องฟื้นกลับมาอยู่รับใช้ฝ่าบาทให้ได้ กระหม่อมให้สัญญา นับต่อแต่นี้กระหม่อมจะตามฝ่าบาทไปจนสุดหล้าฟ้าเขียว จะไม่ยอมให้มีวันต้องพรากจากกันอีกแล้ว”
นับเป็นช่วงเวลาที่ทั้งสองได้เปิดใจจนหมดสิ้น ...ด้านดวงแขมาหาอนลที่เรือนแต่เช้า พอรู้ว่าไม่ได้กลับมาทั้งคืนก็ตวาดถามถึกกับคล้องว่าอนลไปไหน ทั้งสองหัวเราะคิกคักเล่าว่าอยู่ที่เรือนแพแม่ค้าขนมจีนเพราะเมื่อคืนมีการปล้น ดวงแขตาวาวคิดว่าแผนการสำเร็จ
“จริงรึ อ้ายเสือป่วงบุกปล้นจริงรึ อ๋อ ถ้าอย่างนั้นฉันก็เข้าใจแล้ว พี่อนลคงตามไปเก็บศพอีแม่ค้าขนมจีนล่ะสิ”
“มิได้ขอรับ คนที่เรือนแพไม่มีใครตาย ที่ตายก็มีแต่อ้ายเสือป่วงกับลูกน้องเท่านั้นเอง”
“และที่คุณอนลยังไม่กลับ คงเพราะเป็นห่วงคุณอุษา ก็เลยอยู่เฝ้าทั้งคืนมากกว่าขอรับ...ก็น่าอยู่หรอกนะอ้ายคล้อง ป่านนี้คุณอุษาคงขวัญเสียแย่แล้ว” ถึกแกล้งเน้นกับคล้อง
ดวงแขเจ็บใจทนไม่ไหว สะบัดหน้าเดินปึงปังกลับไป สองบ่าวหัวเราะคิกคักชอบใจ...
ที่เรือนแพ ทุกคนไปสถานีตำรวจ มีเพียงอุรวศีที่อยู่ทำแผลให้อนล อนลเกรงใจไม่อยากให้ทรงทำงานแบบนี้ ท่านหญิงเอ็ดให้อยู่เฉยๆแล้วพอกยาสมุนไพรให้ที่แผลก่อนจะใช้ผ้าพันแผลพันรอบตัวเขา ทำให้ใบหน้าท่านหญิงใกล้ชิดกับอนลมาก เขาแอบสูดดมความหอมจากเส้นผม
“มีอะไร ทำไมต้องสูดหายใจแรงอย่างนั้นด้วย” ท่านหญิงเงยหน้าถาม อนลอึกๆอักๆพูดคำราชาศัพท์ออกมา ท่านหญิงปรามให้เลิกใช้ เพราะตอนนี้มีเพียงอุษาหลานสาวแม่ค้าขนมจีนเท่านั้น อนลยิ้มบางๆพอใจมากที่จะได้ทำตัวสบายๆ
“แม่อุษารู้ไหม ถ้านี่เป็นความฝัน ฉันจะไม่ขอตื่นขึ้นมาอีกเลย” อนลเอื้อมมือจะจับมืออุรวศีแต่แล้วชะงักไม่กล้า ดึงมือกลับ ท่านหญิงยิ้มเขินๆเปลี่ยนเรื่องหันมาถาม
“ไม่สงสัยรึว่าทำไมฉันต้องหนีมาอยู่ที่นี่ เปลี่ยนชื่อใหม่แล้วหลบซ่อนตัวด้วย”
“ฉันพอเดาได้ ไฟไหม้คืนนั้นคงเป็นฝีมือหม่อมต่วน แม่อุษาถึงต้องหนีภัยมาซ่อนตัวอยู่ที่นี่ ส่วนคนที่ตายในกองไฟ นอกจากคุณสร้อยแล้ว อีกคนคงเป็นแม่ผินเพราะฉันไม่เห็นแม่ผินที่นี่ ทุกคนคิดว่าท่านหญิงกับหม่อมสลวยตายในกองไฟแล้ว ยิ่งเป็นโอกาสดีที่จะซ่อนตัว”
“เก่งมาก เธอเดาไม่พลาดเลย ส่วนอีกคนที่ต้องมารับเคราะห์ก็คือแม่รำเพย เด็กรับใช้ของคุณสร้อย” อนลน้อยใจที่ไม่ยอมรับตอนพบกัน “ที่ไม่ยอมรับเพราะหนึ่ง ฉันเองก็ยังไม่รู้เลยว่าจะเอายังไงกับชีวิตของฉันต่อไปดี สองถ้าเธอรู้ อดีตคู่หมั้นเธอก็ต้องรู้ ฉันก็ต้องกันไว้ดีกว่าแก้”
อนลไม่ลังเลเอื้อมมือไปกุมมืออุรวศี “แม่อุษา เราผ่านเรื่องต่างๆมาด้วยกันมากถึงขนาดนี้ แม่อุษายังไม่รู้ใจฉันอีกหรือ ว่าฉันรักแม่อุษา รักเพียงคนเดียวเท่านั้น ไม่เคยรักหญิงใดมาก่อน แม่อุษาคือรักแรกและรักเดียวของชีวิตฉัน”
อุรวศีเขินอายไม่คิดว่าเขาจะกล้าบอกรัก ลุกเดินหนีออกจากห้อง อนลรีบตามออกไป
ooooooo










