สมาชิก

เพชรกลางไฟ

ตอนที่ 12

หม่อมต่วนกลับจากวัด รู้เรื่องเมรากับอธิปมาทวงสมบัติของอุรวศีก็ไม่พอใจ แต่ต้องหักใจยอมแบ่งทุกอย่างตามส่วน ติโลตตมาไม่เห็นด้วย หม่อมต่วนเอ็ดอย่าตระหนี่จนหน้ามืด ที่ดินและทรัพย์สินต้องตกเป็นของพี่น้องทุกคน สู้คดีไปก็แพ้จะสู้ให้เปลืองเงินทองไปทำไม

อทริกาแทรกเอาหน้าทันทีว่าตนบอกแล้วจะเอาชนะคะคานกันไปทำไม ที่ดินนครปฐมจะมีราคาสักเท่าไหร่ แบ่งกันไปก็จบ หม่อมต่วนเอือมกับความคิดง่ายๆของลูกคนนี้ ถึงราคาที่ดินไม่เท่าไหร่แต่รายได้ค่าเช่าทุกปีก็ไม่น้อย อทริกาจ๋อยลง

ทันใดทุกคนต่างตกใจเมื่อได้ยินเสียงกรีดร้องของแปลกดังลั่นเข้ามา รีบออกไปดูที่หลังตำหนัก พอมาถึงเห็นแปลกนั่งดมยาดมหน้าซีดเซียว บ่าวไพร่มุงดูศพบ่าวชายที่ตกลงมาจากหลังคา สภาพศพน่าสยดสยอง ติโลตตมาตกใจกรีดร้อง อทริกาตั้งสติได้ติงว่าพี่ร้องดังกว่าแปลกอีก

แปลกคลานเข่าเข้ารายงานหม่อมต่วนว่า เสิดขึ้นไปซ่อมหลังคาแล้วพลัดตกลงมาต่อหน้าต่อตาตน สงสัยจะเจอผีท่านหญิงผลัก บ่าวอื่นพากันตกใจ หม่อมต่วนเอ็ดแปลกให้หุบปาก แต่แปลกยังคุมสติไม่อยู่ พล่ามต่อ

“ก็มันเรื่องจริงนี่เจ้าคะหม่อม อ้ายเสิดมันเป็นคนเผากิ่งไม้ทำให้เรือนปั้นหยาไฟไหม้จนท่านหญิงตาย วิญญาณท่านหญิงหลงก็เลยมาแก้แค้น”

หม่อมต่วนโกรธจัดลากแปลกเข้าไปคุยในตำหนัก ขว้างปาข้าวของใส่โทษฐานพูดพล่ามจะให้เรื่องแดงแล้วโดนประหารหรืออย่างไร แปลกนึกได้ตบปากตัวเองหลายทีแต่ยังกลัวตัวสั่น

“จำไว้นะนังแปลก อ้ายเสิดมันตกลงมาคอหักตายเพราะมันเลินเล่อ ไม่เกี่ยวกับผีสางเวรกรรมตามสนองอะไรทั้งนั้น หรือถึงเป็นผีจริงข้าก็ไม่กลัว ตอนเป็นๆ ข้ายังกล้ากำจัดมัน ตายไปแล้วจะกลัวอะไร แน่จริงก็ให้มันมาหลอกข้าเลย” หม่อมต่วนย้ำอย่างไม่กลัว

ooooooo

ในคืนนี้อนลมากราบพระศพอุรวศีด้วยแววตาเศร้าสร้อย นั่งมองโลงอยู่นาน สุรคมกับหม่อมเอื้อนมาถึงเข้าทักทาย อนลขอประทานอภัยที่เพิ่งมาได้วันนี้ หม่อมเอื้อนรีบบอกไม่เป็นไรเพราะไม่ค่อยมีใครมาเท่าไหร่ มามากเพียงวันแรกเท่านั้น

สุรคมเสริมว่าเมราอยากมาแต่วันนี้แพ้ท้องหนัก หม่อมเรี่ยมจึงต้องอยู่ดูแลเพราะอธิปไม่ใส่ใจ หม่อมเอื้อนคันปากอยากนินทา

“ท่านอธิปก็อย่างนี้ล่ะ นี่ถ้าไม่ทรงร่ำรวยเสียอย่างเดียว แม่ยังไม่เห็นประโยชน์อะไรเลย”

สุรคมปรามแม่ อนลรู้สึกสงสารอุรวศีจับใจที่งานศพ เหมือนคนไร้ญาติขาดมิตร พลันอรุณวาสีเดินเข้ามาในงานคนเดียว หม่อมเอื้อนยิ้มแย้มทักทาย ดีใจที่ท่านหญิงมาทุกคืน ตนพอจะมีเพื่อนคุยบ้าง ท่านหญิงออกตัวจะไม่มาได้อย่างไร ในเมื่ออุรวศีเป็นน้องทั้งคน สุรคมมองเธอด้วยสายตาอ่อนโยนเห็นถึงความจริงใจของเธอขึ้นทุกวัน อนลเห็นสายตาสุรคมก็พอจะเข้าใจ

กลับถึงบ้าน อนลนอนไม่หลับแวะมาคุยกับเกื้อ เห็นกำลังจัดชั้นวางหนังสือเพราะนอนไม่หลับเหมือนกัน อนลยอมรับกับอาว่าตนใจหายเมื่อต้องจากไปอยู่ปากน้ำโพ เกื้อตบไหล่เบาๆ

อนลแย้มความรู้สึก “มันไม่ใช่แค่นั้นหรอกครับอาเกื้อ แต่สิ่งที่เกิดขึ้นผมบอกใครไม่ได้ บอกได้แต่ว่าตอนนี้ผมมีร่างกาย มีลมหายใจแต่ไม่มีวิญญาณ อยู่ไปวันต่อวันได้ก็เพราะคุณพ่อ คุณแม่เท่านั้นเองครับ”

“อาไม่เคยได้ยินนลพูดอะไรแบบนี้เลย แม้แต่ตอนที่นลติดคุก นลก็ไม่เป็นแบบนี้”

“ติดคุกถึงมันจะน่ากลัวและเสียใจที่ทำให้คุณพ่อ คุณแม่ผิดหวัง แต่ผมก็ยังรู้ว่าตัวเองเป็นใครกำลังทำอะไรอยู่ และทำไปเพื่ออะไร แต่ตอนนี้ผมไม่รู้ด้วยซ้ำว่าชีวิตข้างหน้าของผมจะอยู่ไปทำไม”

แววตาอนลสิ้นหวังจนเกื้อหนักใจไปด้วย อนลย้ำว่าการไปปากน้ำโพตนทำเพื่อหน้าที่ของลูกเท่านั้น เกื้อสงสารรู้ว่าหลานยังไม่พร้อมพูดทั้งหมด อนลขอนั่งเล่นอีกซักพัก เกื้อยินดีจะได้มีเพื่อนทำงาน อนลไปนั่งอยู่มุมห้องด้วยความรู้สึกเปล่าเปลี่ยวอ้างว้างเมื่อไม่มีอุรวศี

ooooooo

ในขณะที่อุรวศีเช็ดตัวให้แสงเพราะมีไข้สูง จันเปิดประตูเข้ามาบอกว่ายังไม่มีใครกลับจากงานศพ ท่านหญิงร้อนใจกับอาการของยายจึงให้จันไปตามหมอ พอจันออกไป แสงค่อยๆลืมตาขึ้นยกมืออันสั่นเทา ท่านหญิงดีใจจับมือยายมาแนบแก้ม แสงพยายามพูดแต่คอตกพับไปก่อน

อุรวศีสะดุ้งตื่นหันมอง เห็นจันกำลังประคองแสงให้ลุกนั่งดื่มน้ำ ก็รู้ตัวว่าฝันไปรีบเข้ามาหา จันบอกว่าแสงเพิ่งรู้สึกตัว ท่านหญิงให้จันไปตามตากับแม่ พอจันออกไป แสงมองท่านหญิงด้วยสายตาห่วงใย เอื้อมมือไปจับใบหน้าหลานน้ำตารื้น

“แม่คุณของยาย ชันษาเท่านี้กลับต้องมาเผชิญกับคนร้ายกาจ พี่ชายที่หวังจะเป็นที่พึ่ง ก็ทรงมาด่วนจากไปเสียอีก ถ้ายายทำได้ยายจะไม่ยอมให้ใครมาทำร้ายท่านหญิงได้เลย เสียดายที่ยายช่วยเหลือใครไม่ได้แล้ว”

อุรวศีซึ้งใจแต่ไม่อยากให้พูดแบบนี้ ขอให้ยายหายดีก็พอ แสงส่ายหน้าสายไปแล้ว

“ทูนหัวของยาย เชื่อยายนะลูก รีบหนีไปน่ะถูกต้องแล้ว และอย่าให้ใครรู้เด็ดขาดว่าทรงเป็นใคร แม้จะสิ้นหม่อมต่วนแล้วแต่ก็ใช่ว่าจะปลอดภัย ความโลภความริษยาทำให้คนทำได้ทุกอย่างโดยไม่คำนึงถึงสายเลือดและบาปกรรม จำคำยายไว้ว่าพระชนม์ชีพของท่านหญิงสำคัญกว่าทุกสิ่ง”

อุรวศีแปลกใจยายรู้ได้อย่างไรเพราะตอนคุยกันยายยังไม่รู้สึกตัว แสงยิ้มเศร้าๆ

ทันใดนั้นอุรวศีสะดุ้งตื่นอีกครั้ง เป็นฝันซ้อนฝัน รีบเข้ามาดูแสงซึ่งนอนนิ่งอยู่ แล้วต้องตกใจเมื่อพบว่าตัวยายเย็นเฉียบ ค่อยๆเอามืออังจมูกปรากฏว่าไม่มีลมหายใจ เธอร้องไห้เสียใจ เพียงไม่กี่วันตนต้องสูญเสียคนที่รักไปมากเหลือเกิน

เช้าตรู่จางวางสมรู้ว่าอุรวศีเสียใจมากที่ไม่ได้อยู่ร่วมงานศพยาย จึงปลอบว่าทรงได้อยู่จนลมหายใจสุดท้ายของแสงก็ถือว่าทรงทำดีที่สุดแล้ว ท่านหญิงรับคำจะพยายามคิดอย่างนั้น...

ผ่องและจันช่วยหม่อมสลวยขนของลงเรือเพื่อพากันไปอยู่ที่เรือนแพของบุญทัน บุญทันบอกจางวางสมว่าตนให้คนเดินทางล่วงหน้าไปซื้อเรือนแพไว้ให้ท่านหญิงอยู่มิต้องปะปนกับใครให้เสื่อมเกียรติ อุรวศีปลงเสียแล้ว ไม่มีอะไรจะต้องให้กลัวเสื่อมเกียรติอีกต่อไป

ผ่องให้รีบลงเรือจะได้ไปถึงก่อนค่ำ ไม่วายอุรวศีจะมองหาใครบางคนด้วยความหวังลึกๆ แม้จะตัดใจไม่ให้ตัวเองคิดฟุ้งซ่าน ระหว่างเราเป็นเส้นตรงที่แยกห่างกันออกไปทุกที นับวันมีแต่จะยิ่งห่างกันสุดขอบฟ้า นานไปเขาก็คงลืม ไปมีภรรยามีลูกอย่างผู้ชายทั่วไป

ooooooo

บ่ายวันนั้นพุ่มนัดอทริกาออกมาพบอีกครั้งเพื่อให้ช่วยพาตนเข้าไปอยู่เป็นบ่าวในตำหนัก แต่กลับมีสำอางพ่วงมาด้วยอีกคน ท่านหญิงไม่พอใจที่สำอางมาใกล้ชิดกับพุ่มได้อย่างไร

สำอางน้ำตาปริ่มอ้อนวอนขอความเมตตาให้ตนเข้าไปรับใช้ เพราะตั้งแต่ออกจากวังตนก็ไม่มีที่อยู่ พ่อมีเมียใหม่ ตนเข้ากับแม่เลี้ยงไม่ได้ ท่านหญิงหนักใจว่าแม่จะยอมไหม แต่เพื่อพุ่มจะลองดู

พอหม่อมต่วนฟังความจากอทริกาก็ตวาดแว้ด แม้สำอางจะเคยปรนนิบัติตอนอยู่ในวังแต่ไม่มีความจำเป็นที่ตนจะต้องสิ้นเปลือง ไล่ตะเพิดทุกคนออกไป อทริกากลัวมากลนลานออกไปหน้าตาเฉย พุ่มกับสำอางงงที่โดนทิ้งรีบคลานตามออกไปด้วยความกลัวหม่อมต่วน

อทริกามาบ่นกับติโลตตมา ทำไมหมู่นี้แม่ถึงอารมณ์เสียง่าย น่าจะอารมณ์ดีเพราะหมดเสี้ยนหนามแล้ว ติโลตตมาเองก็ไม่เข้าใจเพราะตัวเองก็เข้าหน้าแม่ไม่ติดเหมือนกัน

“หรือว่าแม่จะมีอะไรในใจที่ไม่ได้บอกพวกเราคะ คงเป็นเรื่องใหญ่มากทีเดียว ถึงทำให้แม่เป็นได้ขนาดนี้” อทริกาสงสัย

“อย่างแม่น่ะหรือจะมีเรื่องใหญ่อะไรให้หนักอกหนักใจได้ ถ้ามีจริง เงินทองและอำนาจที่แม่มีก็พร้อมจะทำให้เป็นเรื่องเล็กได้ไม่ยากหรอก”

อทริกาเห็นจริงอย่างที่ติโลตตมาพูด แล้วเพราะอะไรแม่ถึงอารมณ์เสียแบบนี้...ในขณะที่หม่อมต่วนยืนมองภาพวาดเสด็จในกรมด้วยสายตาถมึงทึงเข่นเขี้ยว

“ไม่ใช่ความผิดของหม่อมฉันนะเพคะ ใครใช้ให้หนีไม่ทันเอง ถ้าหนีทันก็คงไม่ต้องตายหรอกเพคะ”

ooooooo

ค่ำวันเดียวกัน บุญทันพาอุรวศี ผ่องและจันมาที่เรือนแพที่นำมาเชื่อมต่อทางเดินถึงกัน เพื่อให้ท่านหญิงอยู่เป็นสัดส่วน ท่านหญิงขอบใจในความรอบคอบของเขา หม่อมสลวยเตือน

“แต่หญิงต้องไม่ลืมนะจ๊ะว่าตั้งแต่วันพรุ่งนี้ไป หญิงต้องเป็นสาวชาวบ้านแล้ว พี่ผ่องกับจันก็เหมือนกันอย่าเผลอพูดราชาศัพท์ต่อหน้าคนอื่นเด็ดขาด”

จันรับคำ แต่ผ่องแย้ง “แค่นั้นพี่ว่ายังไม่พอนะแม่สลวย เพราะท่านหญิงมีสง่าราศีผิดชาวบ้านนัก นั่งอยู่เฉยๆก็รู้ว่าผู้ดี แม้แต่นังจันเองก็หน้าตาดีกว่าผู้หญิงหัวเมืองส่วนมากนัก”

บุญทันเห็นด้วย ให้ผ่องบอกใครๆ ว่าเป็นญาติห่างๆ ของหม่อมสลวยมีหลานมาด้วยสองคน ถ้าใครสงสัยกิริยามารยาทท่านหญิง ก็ให้บอกว่าตาของหลานๆเคยทำงานเป็นมหาดเล็กในวัง ลูกหลานจึงซึมซับการพูดจา ส่วนเรื่องท่านหญิงกับจันหน้าตาไม่เหมือนกัน ผ่องคิดจะบอกว่าเป็นลูกคนละพ่อแต่แม่เดียวกัน

ทุกคนเห็นพ้องต้องกัน หม่อมสลวยให้ท่านหญิงตั้งชื่อตัวเองใหม่ให้ดูเป็นชาวบ้าน อุรวศีนึกถึงเรื่องท้าวแสนปม เป็นเรื่องของพระชินเสนกับนางอุษา จึงตั้งชื่อตัวเองว่าอุษา...ถึงแม้จะฟังเป็นชาวกรุงแต่ก็เข้ากับหน้าตาท่าทาง หม่อมสลวยเกรงชาวบ้านคงเรียกว่าแม่สา คงไม่ถือกระไร ท่านหญิงขรึมลง

“ไม่หรอกค่ะแม่ หญิงก็เหมือนคนที่ตายไปแล้ว ยังจะถือยศศักดิ์ไปเพื่ออะไรอีกล่ะคะ”

ooooooo

เช้าวันใหม่อนลกำลังจะเดินทางไปปากน้ำโพพร้อมคุณหญิงไกรและดวงแข ถึกกับคล้องขนของลงไปนั่งท้ายเรือ อนลร่ำลาพ่อและแม่ เกื้อใช้ไม้เท้าพยุงกายมาส่ง

คุณหญิงไกรรับรองจะดูแลอนลไม่ให้ตกระกำลำบาก ท่านเจ้าคุณกลับบอกว่าให้ลำบากบ้างก็ได้ อนลเป็นผู้ชาย

เกื้อบอกอนลไม่ต้องห่วงทางบ้านตนจะดูแลพ่อกับแม่ให้ และถ้าว่างจะขึ้นไปเยี่ยม ดวงแขยิ้มแย้มเข้ากราบลาทุกคนอย่างอ่อนช้อย พระยารัชปาลีกับนวมรับไหว้ไม่ปลื้มเหมือนก่อน ดวงแขลงเรือไปนั่งชม้ายตารออนลให้มานั่งข้างๆ เกื้อเห็นท่าทีแอบกระซิบอนล

“อารู้ว่าอนลไม่มีใจให้ แต่น้ำตาลใกล้มดมันอดใจยาก นลพึงระลึกไว้เสมอก็แล้วกัน ว่าการตามใจตัวเองเพียงชั่วครู่จะทำลายชีวิตนลไปทั้งชีวิต”

อนลฉุกคิดมองไปเห็นท่าทีดวงแข จึงเดินเลี่ยงไปลงท้ายเรือนั่งระหว่างกลางถึกและคล้อง ดวงแขมองด้วยความขัดเคือง

บาปกรรมเริ่มตามสนอง หม่อมต่วนเผลอหลับตอนกลางวันไม่วายฝันร้ายบีบคอตัวเองจนหายใจไม่ออก ดิ้นทุรนทุรายถีบข้าวของกระจัดกระจาย แปลกได้ยินเสียงรีบวิ่งเข้ามาปลุก หม่อมต่วนตื่นมาไอโขลกๆ ตั้งสติรู้ว่าเป็นเพียงความฝัน แต่ก็ทำให้หวาดกลัวไม่น้อย พอเห็นสีหน้าแปลก รู้ว่ามีเรื่องร้อนมาอีก จึงถามอย่างรำคาญว่ามีอะไร

“คือเมื่อเช้าบ่าวไปตลาดมา เจอพวกรับจ้างมันบอกว่าอ้ายโตตายแล้วเจ้าค่ะ”

หม่อมต่วนงงว่าอ้ายโตเป็นใคร แปลกสีหน้าหวาดกลัวบอกว่าอ้ายโตคือนักเลงที่เราจ้างไปฆ่าอ้ายดำ ถูกคู่อริบุกฆ่า ตนกลัวเพราะคนที่ทำงานให้หม่อมทยอยตายติดๆกัน หม่อมต่วนผงะครุ่นคิดมันเป็นเรื่องบังเอิญหรือเพราะอะไรกันแน่...

เมื่อต้องมาเป็นสาวชาวบ้าน อุรวศีตัดสินใจให้ผ่องตัดผมตนเองสั้นเหมือนชาวบ้านทั่วไป หรือจะต้องทาตัวด้วยเขม่าหม้อดินให้ผิวคล้ำลงก็ยอม จันไม่เห็นด้วยเสียดายผิวงามๆของท่านหญิง ผ่องเสนอให้ใส่เสื้อแขนยาวปกปิดผิวนวลแทน...เย็นวันนั้นอุรวศีขอรับทานมื้อเย็นที่ชานเรือนแพชมธรรมชาติ ระหว่างนั้นเรือที่อนลนั่งมาแล่นผ่าน ท่านหญิงหันหลังออกจึงไม่เห็นกัน

เมื่อมาถึงเรือนหลังเล็กที่เตรียมไว้ให้อนลพัก พระยาไกรยิ้มแย้มต้อนรับ ดวงแขเสนอจะทำอาหารอร่อยๆ มาส่งให้ทุกมื้อ อนลรีบปฏิเสธไม่อยากรบกวน จะให้ถึกกับคล้องเป็นคนทำ ตนเป็นคนกินง่าย ดวงแขหงุดหงิด คุณหญิงไกรเห็นรีบตัดบท ถ้าอนลไม่สบายใจก็ไม่เป็นไรแต่ถ้าอยากได้อะไรไม่ต้องเกรงใจ อนลไหว้ขอบคุณ ท่านเจ้าคุณหน้าเสียรู้สึกทะแม่งๆ

กลับเข้าเรือนใหญ่ พระยาไกรตำหนิภรรยาที่จัดเรือนเล็กให้อนลอยู่เพราะมีแผนการ คุณหญิงยอมรับทำเพื่อลูก ไม่อยากให้ลูกต้องเป็นขี้ปากชาวบ้านว่าเป็นผู้หญิงกินผัว ท่านเจ้าคุณเองก็สงสารลูกแต่เห็นสีหน้าอนลแล้ว เขาทำหน้าราวกับโดนลวงมาฆ่า คุณหญิงแย้ง

“ถึงตอนนี้พ่อนลจะดูไม่มีใจ แต่ใครจะรู้ล่ะคะว่าในใจคิดอะไรอยู่ คนเคยเป็นคู่หมั้นกันมา คงมีเยื่อใยกันบ้างล่ะค่ะ ถ้าพ่อนลเกิดมีใจให้แม่ดวงแขขึ้นมาจริงๆ ท่านเจ้าคุณจะไม่เห็นแก่ความสุขของลูกบ้างหรือคะ แม่ดวงแขทุกข์มามากแล้วนะคะ”

ท่านเจ้าคุณถอนใจไม่เห็นทีท่าว่าผู้ชายเขาจะมีใจให้ลูกสาวตนเลยสักนิด

ooooooo

วันต่อมา อนลมานั่งรอบนเรือนพระยาไกรแต่เช้า ท่านเจ้าคุณ คุณหญิงและดวงแขเดินออกมาตำหนิบ่าวไพร่ที่ไม่ไปบอก อนลแก้ตัวแทนว่าตนห้ามไว้เองไม่อยากรบกวน ดวงแขเอ่ยยิ้มๆไม่ต้องเกรงใจ เราไม่ใช่คนอื่นคนไกล อนลสวนทันทีว่า “ครับนับไปเราก็เป็นญาติกันจริงๆ”

ดวงแขหน้าตึงรู้ว่าอนลหมายถึงตนเป็นพี่สะใภ้ พระยาไกรรีบตัดบทชวนอนลไปทำงาน ดวงแขไม่พอใจที่พ่อไม่ให้เวลาตนกับอนลบ้าง คุณหญิงไกรปลอบว่าอย่าคิดมากชวนเข้าครัวเตรียมอาหาร ผู้ชายชอบให้ปรนนิบัติพัดวีทั้งนั้น เราก็หมั่นเอาใจจะไปไหนเสีย

ในขณะที่ผ่องไม่อยากอยู่เฉยๆที่เรือนแพ จึงลงทุนกับจันทำขนมจีนขายชาวบ้านที่พายเรือผ่าน หม่อมสลวยไม่เห็นดีด้วยเกรงมีคนมาเห็นอุรวศีแล้วบอกต่อจนเข้าหูหม่อมต่วน ท่านหญิงกลับชอบชีวิตแบบชาวบ้าน...ผ่านไปหลายชั่วโมงยังไม่มีใครมาอุดหนุน จันเห็นว่าเป็นเพราะชาวบ้านแถวนี้ทำขนมจีนกินกันเองเป็นประจำ แต่อุรวศีคิดว่าถ้าใครได้ชิมฝีมือผ่องจะต้องติดใจและกลับมาซื้อกันอีก

ด้านอนลแปลกใจที่ตำแหน่งอักษรเลขของตนดูใหญ่โตต่างจากในพระนคร ชาวบ้านและพ่อค้าวานิชอยากรู้จักมากมาย ยืนรอพบอยู่หลายคน หนึ่งในนั้นมีบุญทันอยู่ด้วย ต่างมองกันอึ้งๆ

อนลพาบุญทันเข้ามาคุยในห้องทำงาน เห็นการงานเขาดูมีกำไรดี บุญทันยิ้มแย้มแต่พอถูกถามว่าทำใจกับการตายของหม่อมสลวยได้ไว ตนเสียอีกที่คงทำใจไม่ได้ไปทั้งชีวิต ก็ชะงักลืมเรื่องนี้ไปเลย รีบแก้ตัวว่ายังทำใจไม่ได้จึงต้องหางานทำให้ไม่คิดถึง แล้วเปลี่ยนเรื่องถามทำไมเขาถึงมาเป็นอักษรเลขที่นี่ อนลบอกตามจริงว่าพ่อเกรงจะไม่เจริญในหน้าที่การงานจึงให้ออกมาอยู่หัวเมือง ทันใดมีเสียงเคาะประตูดังขึ้น อนลเชิญให้เข้ามา

ดวงแขถือปิ่นโตยิ้มแย้มแจ่มใสมาจัดวางให้บุญทันเห็นสีหน้าอนลกระอักกระอ่วนก็พอเข้าใจสถานการณ์ขอตัวแยกออกมา...พอกลับถึงเรือนแพก็เล่าให้หม่อมสลวยฟัง อุรวศีนั่งอยู่ด้วย ใจหายลืมเสียสนิทว่าอนลจะย้ายมาอยู่ปากน้ำโพ เกรงสักวันจะเจอกันหม่อมสลวยคิดตามเห็นว่าน่าจะบอกความจริงอนล เพราะเขาก็ช่วยเหลือพวกเรามาหลายเรื่อง

บุญทันค้าน “คุณอนลน่ะไม่เป็นไร แต่ลูกสาวท่านเจ้าเมืองน่ะไม่แน่ วันนี้ลูกสาวท่านเจ้าเมืองเอาข้าวเที่ยงไปให้คุณอนลถึงที่ทำงานเลยน่ะสิ ท่าทางเอาอกเอาใจกันน่าดู สมกับเป็นคู่หมั้นเก่ากันจริงๆ”

อุรวศีหน้าตึง นึกถึงที่อนลเคยเล่าถึงเรื่องการมั่นหมาย เพิ่งรู้ว่าคือดวงแข หม่อมสลวยชั่งใจถ้าอย่างนั้นไม่ควรบอกอนลเพราะเขาอาจพลั้งปาก เรื่องจะเข้าหูเจ้าเมือง อุรวศีแทรก “อย่าให้รู้เป็นดีว่าหญิงอยู่ที่ไหนอย่างไรหญิงก็เป็นคนตายไปแล้ว ก็ให้ตายจากกันไปเสียเลย”

หม่อมสลวยงงทำไมลูกถึงมีท่าทีโกรธ บุญทันชำเลืองมองนึกสงสัยความสัมพันธ์ของทั้งสองแต่ไม่กล้าปริปากบอกภรรยา

ค่ำคืนนั้น ทั้งอนลและอุรวศีต่างคิดถึงกัน อนลพูดกลอนระบายความเหงาในใจ เป็นบทกลอนนิราศอิเหนา...จะหักอื่นขืนหักก็จักได้ หักอาลัยนี้ไม่หลุดสุดจะหัก สารพัดตัดขาดประหลาดนัก แต่ตัดรักนี้ไม่ขาดประหลาดใจ...ด้านอุรวศี แม้จะฉีกจดหมายเพลงยาวของอนลทิ้งแล้ว แต่บทกลอนยังฝังใจให้รำลึกถึง จนนำมาเขียนลงสมุดบันทึก...

มิอาจพบประสบพักตร์ ใช่ว่าจักคิดหักใจ คิดถึงทุกวันไป แม้มิได้อยู่ใกล้กัน ไม่ใกล้ก็เหมือนใกล้ เพราะดวงใจอันผูกพัน เหมือนเห็นกันทุกวัน เราพบกันนั้นด้วยใจ...น้ำตาอุรวศีเอ่อด้วยความน้อยใจที่ไม่ทันไรเขาก็มีหญิงอื่น

ooooooo

นับวันหม่อมต่วนมีอารมณ์โมโหร้ายตลอด ขว้างปาข้าวของใส่แปลกจนลนลานหนี ลูกๆไม่กล้าเข้าหา มีเพียงอรุณวาสีที่นำบัญชีมาให้ตรวจ และเอ่ยปากชวน

“คนที่เช่าที่ดินเราเขาฝากมากราบเรียนแม่ว่าวัดที่แม่เคยไปเป็นลม สร้างโบสถ์ใหม่เสร็จแล้วจะมีการทำบุญ เผื่อแม่อยากจะไปร่วมทำบุญ”

ติโลตตมาติงวัดเล็กๆจะไปทำไม คงอยากจะได้เงินก็ไม่บอกตรงๆ...แปลกกล่าวตะกุกตะกักไปทำบุญก็ดีเผื่อบุญกุศลจะทำให้สิ่งไม่ดีไปพ้นๆจากตัว ติโลตตมาแหวใส่ สิ่งไม่ดีคือตัวแปลกนั่นแหละ แต่หม่อมต่วนกลับเห็นด้วยกับแปลก

วันต่อมา หม่อมต่วนบังคับให้ติโลตตมามาวัดด้วยกัน เพื่อสะสมบุญให้ได้เกิดมาสบายกว่าปัจจุบัน แต่ ติโลตตมากลับทำหน้าไม่ชอบใจ ไม่ขอเข้าไปในโบสถ์ด้วยขอรอข้างนอก แปลกจำต้องอยู่เป็นเพื่อน...หม่อมต่วนเดินขึ้นบันไดโบสถ์ลำพัง พอจะถึงบันไดขั้นสุดท้าย หม่อมพิณก้าวออกมาจากในโบสถ์ ต่างฝ่ายต่างตกตะลึง หม่อมต่วนตกใจผงะถอย ก้าวพลาดหงายหลังตกบันไดโบสถ์ลงมานอนแน่นิ่งหัวแตกหมดสติ ทั้งติโลตตมาและแปลกตกใจวิ่งกลับมาดู

บ่ายวันนั้น อรชุนรีบกลับจากทำงานมาดูอาการหม่อมต่วนที่ตำหนัก หมอกำลังรักษา ติโลตตมาออกตัวอย่ามาโทษตน ตนทำหน้าที่ดีที่สุดแล้ว ไม่ทันไรหมอออกมาบอกอาการว่าหม่อมต่วนหัวแตกและมีแผลฟกช้ำหลายแห่ง แต่ที่หนักคือขาหัก ตอนนี้ดามขาไว้แล้ว ทันใดเสียงกรีดร้องโวยวายของหม่อมต่วนดังขึ้น ทุกคนรีบวิ่งเข้าไปดูในห้อง

หม่อมต่วนดิ้นพลาดๆโวยวายเหมือนคนไร้สติ “ไป อย่ามายุ่งกับกู ไป...กูไม่กลัวมึงหรอก ไป ไปให้พ้น”

แปลกพยายามจับไม่ให้ดิ้น เกรงกระเทือนขาที่หัก อรชุนกับอรุณวาสีเข้าไปช่วยประคองพยายามบอกว่าขาหักต้องอยู่เฉยๆ หม่อมต่วนเห็นอรุณวาสีเป็นอุรวศีจึงผลักเต็มแรงล้มลง

“นังหญิงหลงแกจะทำอะไรฉัน คิดจะฆ่าฉันแก้แค้นเหรอ ชายใหญ่ช่วยแม่ด้วยชายใหญ่”

อทริกากลัวคิดว่าผีอุรวศีมาหลอกแม่ ติโลตตมาเอ็ดผีไม่มากลางวัน หม่อมต่วนหันมองชี้หน้าสองท่านหญิงตวาดแผดเสียงลั่นก่อนจะล้มลงสิ้นสติ “อีคุณสร้อย พวกมึงคิดจะรุมกูกันรึ...อีพิณ กูไม่กลัวมึงหรอก ไป ออกไปจากห้องกู...”

แปลกร้องลั่นว่าผีเข้า ทุกคนตกใจลังเลกับคำพูดของแปลก อรชุนไม่เชื่อเข้าไปดูแม่ คนอื่นยืนตัวสั่นหวาดกลัว

ในขณะเดียวกัน หม่อมพิณซึ่งปัจจุบันแต่งงานอยู่กินกับหลวงวิจักษ์ กลับมาเล่าให้สามีฟังด้วยท่าทางยังหวาดกลัวหม่อมต่วน ทั้งที่เหตุการณ์ร้ายผ่านมายี่สิบกว่าปีแล้ว หลวงวิจักษ์ปลอบให้ใจเย็น หม่อมต่วนยังไม่รู้ว่าเธอเป็นใครอยู่ที่ไหน จะหาตัวกันก็คงไม่ง่าย หม่อมพิณร่ำไห้ สู้อุตส่าห์หนีมาและเปลี่ยนชื่อไม่ให้ใครจำได้ คิดว่าบั้นปลายชีวิตจะเป็นสุขยังเวียนมาเจออีก

หม่อมพิณคิดถึงอดีตตอนที่ตนโดนเฆี่ยนจนสลบคาหวายและเอาตัวใส่หีบไปถ่วงน้ำ แปลก ดำและลือลืมเอาแม่กุญแจลงเรือมาด้วยจึงไม่ได้ใส่กุญแจ ทำให้หีบเปิดออกจนตนลอยขึ้นมาเหนือน้ำได้ หลวงวิจักษ์ซึ่งตอนนั้นกินตำแหน่งหมื่นอยู่ เป็นคนช่วยไว้

หลวงวิจักษ์ปลอบใจอย่าตีตนไปก่อนไข้ แต่หม่อมพิณอดหวั่นใจไม่ได้ตอนนั้นตนไม่กล้าแจ้งความเพราะเกรงจะเดือดร้อนไปถึงพ่อแม่ คุณหลวงดึงเข้ามากอดย้ำว่า แม้ตำแหน่งตนจะไม่ใหญ่โตแต่ก็ไม่ยอมให้ใครมาทำร้ายเธอและลูกได้

ooooooo

หนึ่งเดือนผ่านไป อุรวศีได้รับจดหมายจากจางวางสม ว่าท่านหญิงสิ้นชีพิตักษัย หลวงท่านก็งดเบี้ยหวัด ถึงงดตนก็อยู่ได้ แต่ที่หลวงแทงบาญชีว่าหม่อมเจ้าหญิงสูญพระชนม์ไปแล้ว ตนเกรงจะสูญพระเกียรติแลพระยศไปด้วย ต้องอยู่เป็นไพร่ตลอดไป ตนเป็นห่วง

หม่อมสลวยฟังท่านหญิงอ่านจดหมาย แล้วคิดเห็นตามที่จางวางสมบอก อุรวศีอ่านจดหมายต่ออีกช่วง “หากทรงห่วงถึงพระยศก็รีบเสด็จกลับมาแจ้งหลวงเสียใหม่ว่ามิได้สิ้นชีพิตักษัย ชักช้าไปจะมิทันกาล หวังว่าจะตอบให้พ่อคลายวิตก...”

หม่อมสลวยอยากให้กลับไป แต่อุรวศีคิดว่าถ้าหม่อมต่วนหายป่วยขึ้นมา ตนต้องผจญเวรกรรมอีก หม่อมสลวยไม่ขัดใจ “ถ้าอย่างนั้นก็แล้วแต่หญิงเถิดจ้ะ หญิงได้พระสติปัญญาของเสด็จพ่อมา ต้องคิดอ่านรอบคอบกว่าแม่อยู่แล้ว”

ทั้งสองเดินมาที่เรือนแพเล็ก เห็นคนมากินขนมจีนมากมาย บางคนขึ้นมานั่งกินบนแพ บางคนกินอยู่ในเรือของตัวเอง อุรวศีดีใจเพราะคิดไว้แล้วว่าฝีมือป้าผ่องใครกินต้องติดใจ ท่านหญิงเข้าไปช่วยเช็ดใบตองเพื่อทำกระทงเพิ่ม หม่อมสลวยท้วงไม่ควรทำงานพวกนี้

“น้าพูดเหมือนป้าเลยนะจ๊ะ ให้ฉันทำเถิดจ้ะ อยู่แต่ในห้องเบื่อจะแย่อยู่แล้ว”

อุรวศีเรียกหม่อมสลวยว่าน้าเวลาอยู่ต่อหน้าคนอื่น เพื่อให้ใครๆเข้าใจว่าเป็นหลานมาอาศัยอยู่ด้วย พลันมีหญิงวัยกลางคนพายเรือมาทักทาย

“อุ๊ย วันนี้โชคดีจริงๆเลยได้เจอแม่อุษา แหม ป้าล่ะชอบแม่อุษาจริงจิ๊ง สวยต้องตาต้องใจเหลือเกิน คนบางกอกเขาสวยอย่างนี้นี่เอง”

อุรวศียิ้มขอบใจ จันเอากระทงขนมจีนส่งให้ป้าแล้วขอให้รีบพายเรือออกไปคนอื่นจะได้เข้ามา ท่านหญิงยิ้มขำๆ หันมาบอกหม่อมสลวย

“น้าเห็นไหมจ๊ะ มีแต่คนคอยกันท่าคนอื่นให้ฉันตลอด อันที่จริงวันๆฉันก็ไม่ค่อยได้พูดกับใครอยู่แล้ว น้าไม่ต้องห่วงหรอกจ้ะ”

หม่อมสลวยไม่เห็นด้วยแต่ก็กลืนไม่เข้าคายไม่ออก ไม่อยากให้ลูกต้องเสื่อมเสียเกียรติ...

ooooooo

แม้อนลจะพยายามเลี่ยงไม่ใกล้ชิดกับดวงแข แต่คุณหญิงไกรก็พยายามช่วยลูกสาว วันนี้เป็นวันหยุด อนลทานข้าวฝีมือคล้องที่เป็นไข่ต้ม ไข่เจียวแทบทุกวัน แต่เขาก็ไม่ปริปากบ่น

ขณะนั้นเอง คุณหญิงไกรกับดวงแขพาคนรับใช้สองสามคนเข้ามาทำความสะอาดเรือนของเขา อ้างว่าบ่าวชายของเขาทำไม่สะอาด อนลรีบรวบช้อนส้อมตัดสินใจจะไม่เกรงใจอีกต่อไป ยกมือไหว้ดวงแขขอบพระคุณคุณพี่ เรือนของตนมีแต่ผู้ชายไม่ควรให้สาวใช้ผู้หญิงเข้ามามันไม่งาม

“พี่อนลเรียกดวงแขว่าอะไรนะคะ แล้วทำไมต้องยกมือไหว้ดวงแขด้วย”

“อ้าว ก็คุณพี่เข้าพิธีวิวาห์กับพี่ชายของผมแล้ว ถือว่าเป็นพี่สะใภ้ ผมยกมือไหว้ก็ถูกต้องแล้วนี่ครับ” อนลกล่าวหน้าตาย ถึกกับคล้องแอบหัวเราะคิกคัก

ดวงแขกับคุณหญิงไกรหน้าเสียโดนอนลเตือนความจำทั้งเจ็บและอายแทบแทรกแผ่นดินหนี เป็นการด่ากลายๆ ว่าเป็นพี่สะใภ้แต่ทำตัวไม่งาม พากันกลับเรือนใหญ่แทบไม่ทัน...

มาถึงดวงแขกรีดร้องดังลั่นด้วยความเจ็บใจไม่เคยมีใครหยามตนขนาดนี้ คุณหญิงไกรอายจนขอลามือไม่ขอยุ่งเกี่ยวด้วยอีก แต่ดวงแขไม่ยอมประกาศกร้าวจะทำให้อนลมาคุกเข่ากราบพ่อกับแม่เพื่อสู่ขอตนให้จงได้ คุณหญิงเตือนอย่าเอาชนะคะคานกันเลย ถึงแต่งกันไปก็ไม่มีความสุข

“จะสุขหรือทุกข์ลูกไม่สนแล้วล่ะค่ะ รู้แต่ว่าลูกต้องเอาชนะให้ได้ ถ้าไม่สางแค้นครั้งนี้ ลูกคงไม่มีวันนอนตาหลับ” แววตาดวงแขเต็มไปด้วยความแค้น...

ความแค้นไม่เคยทำให้ใครมีความสุข แต่หม่อมต่วนก็ยังเพิ่มพูนความแค้นให้ตัวเอง เมื่อสุรคมรู้ว่าหม่อมป่วยก็แวะมาเยี่ยม กลับโดนเหน็บแนมมาดูว่าตายหรือยัง จึงระอาขอลากลับ ไม่วายหม่อมประชด

“เห็นไหมหญิงเล็ก มาไม่ทันไรพอเห็นฉันยังไม่ตายก็จะกลับเสียแล้ว”

ด้วยความโกรธ หม่อมต่วนลืมตัวลุกขึ้นไล่ ทำให้ขาที่หักเจ็บแปลบจนทรุดลง แปลกเข้าประคองก็โดนผลักกระเด็น...

อรุณวาสีเดินออกมาส่งสุรคม สีหน้าเธอเต็มไปด้วยความไม่สบายใจ

“หญิงต้องขอประทานอภัยเจ้าพี่ด้วยนะคะ แม่ล้มเจ็บคราวนี้ฉุนเฉียวขึ้นมาก นี่ถือว่าดีขึ้นแล้วนะคะ ตอนวันแรกๆ แม่เพ้อเห็นคนที่ตายไปแล้วด้วย หญิงใจคอไม่ดีเลยค่ะ”

สุรคมไม่ถือสา ถ้าถือคงไม่มาเยี่ยม แล้วถามถึงติโลตตมาและอทริกาไม่ช่วยดูแลหม่อมต่วนบ้างหรือ อรุณวาสีอึกอักไม่อยากประจานพี่ตัวเอง อ้างว่าตอนเสด็จป้าประชวร พี่ๆดูแลท่าน คราวนี้จึงเป็นหน้าที่ตน สุรคมมองเธอด้วยสายตาเห็นใจที่ต้องรับภาระคนเดียว เริ่มประทับใจในตัวเธอมากขึ้นที่เธอมีจิตใจดี ไม่พูดเอาดีเข้าตัวเอาความชั่วของพี่ๆมาประจาน

สุรคมกลับมาเล่าให้หม่อมเอื้อนฟัง หม่อมฟังแล้วรู้สึกสงสารอรุณวาสี จึงเลียบเคียงถามลูกไม่คิดจะยกขันหมากไปสู่ขอท่านหญิงหรือ สุรคมอึกอัก ใจตัวรักอุรวศีแต่ก็สงสารอรุณวาสี

“แม่ยอมรับนะชายว่าที่มันวุ่นวายมาถึงประเดี๋ยวนี้ ก็เพราะความโลภของแม่เอง หากทำได้แม่ก็อยากแก้ไขให้มันถูกต้องเสียที”

หม่อมเอื้อนได้แต่หวังว่าลูกชายจะโอนอ่อนผ่อนตาม

ooooooo

วันนี้ถึกกับคล้องได้กินขนมจีนฝีมือผ่องแล้วติดใจซื้อกลับมาฝากอนล แถมคุยให้ฟังว่าแม่ค้าหน้าตาสะสวย อนลเตือนเราเป็นคนต่างถิ่นอย่าทำตัวรุ่มร่ามจะโดนคมแฝกง่ายๆ พออนลได้ทานก็รู้สึกว่ารสชาติเหมือนที่กินบ้านจางวางสม อยากเห็นหน้าคนทำขึ้นมาทันที

ขณะเดียวกัน ผ่องเห็นว่าผักบุ้งเหลือน้อยจึงให้จันพายเรือไปเก็บผักบุ้ง อุรวศีได้ยินเบื่อกับการอยู่แต่ในห้องจึงแอบไปลงเรือรอ จันมาถึงตกใจจะห้ามแต่ขัดพระประสงค์ไม่ได้ ท่านหญิงมีผ้าคลุมศีรษะปิดบังใบหน้าไว้ จันพายเรือไปบ่นไป ถ้าผ่องรู้คงเล่นงานตนตายแน่

ท่านหญิงบ่นว่าตนอยู่ที่นี่มาเดือนเศษไม่เคยไปพ้นเรือนแพเลยแค่ออกมานอกห้องก็โดนห้าม สีหน้าท่านหญิงเบิกบานจนจันเห็นถึงความเปลี่ยนแปลง ไม่เคยเห็นท่านหญิงแย้มสรวลมานานเต็มที

ทั้งสองเก็บผักบุ้งได้เต็มกระบุง ท่านหญิงเปรยออกมาว่า “ถ้าไม่นับเรื่องหม่อมต่วน ฉันก็มีความสุขกายสุขใจตามอย่างคนเกิดในรั้วในวัง แต่...ฉันไม่เคยรู้เลยว่าโลกจะกว้างใหญ่ได้ถึงเพียงนี้ ทุกสิ่งทุกอย่างรอบตัวฉันเป็นสิ่งใหม่นะจัน เป็นสิ่งที่ฉันไม่เคยพบเคยเห็นมาก่อน และก็ไม่คิดด้วยว่ามันจะทำให้ฉันสุขใจได้อย่างนี้”

“หม่อมฉันพอจะเข้าใจแล้วเพคะ ถ้าท่านหญิงโปรด เอาไว้หม่อมฉันไปทำธุระข้างนอกอีกเมื่อไหร่ หม่อมฉันจะรีบทูลบอกนะเพคะ แต่ท่านหญิงอย่าให้แม่นายกับคุณป้ารู้เรื่องเชียวนะเพคะ หม่อมฉันกลัว”

ท่านหญิงบอกจันว่าจะไม่ให้ใครรู้แน่เพราะตนเป็นถึงหม่อมเจ้าหญิงยังกลัวแม่กลัวป้าเลย...ทั้งสองหัวเราะอย่างมีความสุข ขณะนั้นเอง เรือของอนลที่คล้องกับถึกพายมาด้วยความเร็ว เลี้ยวหัวคลองออกมาไม่ทันเห็นเรือจัน จึงชนกันเข้าอย่างจังเรือคว่ำ ทั้งอุรวศีและจันตกน้ำ เรืออนลใหญ่กว่าจึงไม่เป็นอะไร

จันโผล่ขึ้นเหนือน้ำตกใจมากร้องเรียกท่านหญิงๆ แล้วดำลงไปหาอีกครั้ง อนลรีบกระโดดลงไปช่วยงมจุดที่เห็นคนจมหาย คล้องถีบถึกลงไปช่วยอีกแรง

คล้องตกลงไปในน้ำก็ว่ายไปหงายเรือของจันขึ้น จันโผล่ขึ้นมาโผไปเกาะกราบเรือไว้ อึดใจนึง อนลกอด อุรวศีโผล่ขึ้นมา ใบหน้าทั้งสองชิดใกล้กันมากจนปากจมูกอนลถูกแก้มท่านหญิงอย่างไม่ตั้งใจ ท่านหญิงรู้สึกองค์ลืมตามองพอเห็นว่าตัวเองอยู่ในอ้อมกอดอนลก็ตกใจผละออก ดึงผ้าขึ้นคลุมใบหน้า แต่อนลดีใจมากเอ่ยเรียก...ฝ่าบาท

จันเห็นเพียงแผ่นหลังผู้ชายประคองอุรวศีก็โถมเข้าผลักเขาออก หลุดปากอย่างลืมตัว “อ้ายไพร่ไปห่างๆ ไปให้พ้น อย่ามาโดนองค์...”

อุรวศีปรามจันให้หยุด อนลเห็นหน้าจันก็เรียกชื่อ ท่านหญิงรีบปฏิเสธว่าเขาจำคนผิด ญาติตนชื่อผิว จันรีบว่ายน้ำให้อุรวศีเกาะหลังกลับไปที่เรือ คล้องช่วยจับเรือให้ทั้งสองขึ้น จากนั้นจันก็รีบพายเรือกลับไปด้วยความร้อนใจ อนลตั้งสติได้ ให้ถึกกับคล้องพายเรือตาม ถึกบอกอนลว่านั่นคือแม่ค้าขนมจีน แต่อีกคนงามมากตนเพิ่งเคยเห็น

เมื่อจันกับอุรวศีกลับถึงเรือนแพ ก็รีบบอกผ่องว่าเกิดเรื่องใหญ่ เจอลูกชายเจ้าคุณรัชปาลี เขาจำพวกตนได้ ผ่องตกใจให้ท่านหญิงเข้าไปอยู่ในห้อง พอคล้อยหลังอนลก็มาถึงเขาไม่เคยเห็นหน้าผ่องชัดๆมาก่อน

จึงแนะนำตัวเองกับผ่องว่าตนเป็นอักษรเลขจังหวัด ขอเข้าเฝ้าท่านหญิง

ผ่องปั้นยิ้มกลบเกลื่อนทำนองไม่เข้าใจ ตนอยู่เรือนแพกับหลานสาวสองคนชื่ออุษากับผิว อนลคาใจแต่ไม่อยากหักหาญบุกเข้าไป พอดีมองไปเห็นว่าแพนี้ต่อเชื่อมกับแพของบุญทัน จึงลากลับแล้วเดินไปทางเชื่อมนั้นทันที ผ่องตกใจวิ่งตามห้าม ถึกกับคล้องงงว่าเจ้านายตัวเองเป็นอะไร

หม่อมสลวยกับบุญทันกำลังตั้งสำรับ ยิ้มแย้มมีความสุข ทันใดเห็นอนลเดินลิ่วมา หม่อมสลวยตกใจรีบหลบ อนลเห็นหลังไวๆก็จำได้ บุญทันปรี่เข้าต้อนรับ อนลถามทันทีว่านั่นหม่อมสลวยใช่ไหม บุญทันหน้าซีดเหงื่อแตกปฏิเสธพัลวัน แม้อนลจะร้อนใจก็ไม่ผลีผลามกลับขอร้อง

“ได้โปรดเถิด เถ้าแก่คงไม่ทราบว่าผมทนทุกข์ทรมานมานานแค่ไหน ตั้งแต่ได้ข่าวท่านหญิงสิ้นชีพิตักษัย ผมไม่เหลือความหวังใดๆอีก อยู่มาได้ทุกวันนี้ก็เพราะมีห่วงคือคุณพ่อคุณแม่เท่านั้นเอง...แต่วันนี้เหมือนตายแล้วเกิดใหม่”

ผ่องตามมาทันพูดขัดขึ้นว่า คนคนนี้เข้าใจผิดว่าหลานตนเป็นท่านหญิง ตนบอกไม่ใช่ก็ไม่เชื่อมาถามบุญทันอีก บุญทันเออออรับมุกช่วยปฏิเสธ แต่อนลไม่เชื่อขอเห็นหน้าหลานสาวอีกสักครั้งเพื่อขอโทษ

บุญทันตัดบทไม่ต้องขอโทษเพราะมีคนทักผิดบ่อยจนชิน ผ่องเสริมว่าหลานตนมีคู่หมั้นแล้ว จะออกมาพบหน้าผู้ชายอื่นมันไม่งาม อนลแกล้งถาม

“แล้วแม่จัน บ่าวของท่านหญิงล่ะครับ มาอยู่ที่นี่ด้วยหรือ”

“ก็บอกแล้วอย่างไรเจ้าคะว่าไม่ได้ชื่อจัน ชื่อผิวเจ้าค่ะ” ผ่องก้มหน้าก้มตาแก้ตัว

อนลดักคอนี่คงหน้าเหมือนจนทักผิดอีกคนกระมัง ทั้งผ่องและบุญทันยิ้มแหยๆ พยักหน้าหงึกๆ

...เมื่ออนลยอมกลับไป อุรวศีกังวลใจว่าอนลไม่เชื่อแน่ ต้องกลับมาอีก จันเสนอให้บอกความจริงอนล แต่ท่านหญิงยังน้อยใจเรื่องดวงแข ปฏิเสธเสียงกร้าวไม่ให้บอก

ด้านอนลมั่นใจว่าต้องใช่อุรวศี ไม่ว่าด้วยเหตุผลอะไรที่ทรงปิดบัง ตนจะไม่มีวันยอมถอยในขณะที่ถึกกับคล้องแปลกใจว่าทำไมอนลถึงตามแม่ค้าขนมจีนไปถึงเรือนแพ พอดีคนรับใช้เรือนใหญ่นำกระจาดมะม่วงมาให้ ได้ยินถึกกับคล้องคุยกันเรื่องอนล ก็ตั้งใจฟังเก็บข้อมูลนำมารายงานดวงแขกับคุณหญิง

ดวงแขเจ็บใจมากที่อนลใฝ่ต่ำไปหลงใหลแม่ค้าที่ต่ำศักดิ์กับตนมาก คุณหญิงปลอบประโลมลูกสาว

“ใจเย็นก่อนเถิดแม่ดวงแข แม่ว่าเรื่องนี้พิกลอยู่ กิริยาท่าทางพ่ออนลไม่ใช่คนเจ้าชู้ เรื่องที่จะหลงแม่ค้าจนตามไปถึงเรือนนั้น แม่ว่าเหลือเชื่อ”

“ถ้าอย่างนั้นพรุ่งนี้ลูกจะไปดูหน้าอีนังนั่นเองค่ะ อยากรู้นักว่ามันจะสะสวยสักแค่ไหน”

“แม่ดวงแขเป็นลูกผู้ดีมีสกุลจะตากหน้าไปได้อย่างไร ใครรู้เข้ามิอับอายแย่หรือลูก”

“โอ๊ย! ก็เพราะกลัวอับอายอยู่นี่ล่ะค่ะ อีพวกแม่ค้าหน้าตลาดถึงมาคว้าพี่อนลไปได้”

ดวงแขสะบัดหน้าเดินหนีไม่ฟังคำแม่อีก คุณหญิงหนักใจไม่สามารถห้ามปรามลูกได้

เย็นวันนั้นขณะที่อุรวศีกำลังเก็บผ้าที่ตากไว้หลังเรือนแพ เห็นอนลพายเรือมาจ้องมองตามลำพังก็รีบหลบ แต่พอค่อยๆโผล่ออกมากลับเห็นเขาจอดเรือส่งยิ้มให้ ท่านหญิงสะดุ้งรีบดึงผ้าคลุมหน้า ทำให้อนลมั่นใจว่าใช่อุรวศีแน่

หลังจากนั้นอุรวศีรีบมาที่เรือนแพบุญทันเพื่อเล่าเรื่องอนลให้แม่ฟัง บุญทันแอบขำเพราะคิดในใจไว้แล้วว่าอนลกับท่านหญิงมีบางอย่างต่อกัน

ooooooo

เพชรกลางไฟ

ละครแนะนำ

ข่าวละครวันนี้ดูทั้งหมด