สมาชิก

เพชรกลางไฟ

ตอนที่ 1

ยุคสมัยรัชกาลที่ 6 เรือนปั้นหยาเป็นเรือนไม้ร่มรื่นสวยงามสะอาดสะอ้านตกแต่งเรียบๆ บ่งบอกถึงความเป็นผู้ดีมีชาติตระกูลของผู้อยู่อาศัย

ณ เรือนปั้นหยาหลังงามแห่งนี้ ภายในห้องโถง ประดับภาพเสด็จในกรมฯ อุ้มท่านหญิงหลงหรือหม่อมเจ้าหญิงอุรวศีวัยเด็ก ภาพคู่กับหม่อมสลวยและลูกๆทั้งในวัยเด็กและวัยหนุ่มสาว

เย็นวันหนึ่งหม่อมต่วน หม่อมเอกของเสด็จในกรมฯสั่งบ่าวตัดกิ่งไม้แห้งเอาไปเผานอกกำแพง โดยอ้างว่าไม่อยากให้ควันคลุ้งเข้ามาในห้องตน แต่แล้วการเผาครั้งนี้ก็ลามไปไหม้เรือนปั้นหยาอย่างน่าสะพรึงกลัว

ลูกหลานจางวางสมผู้เป็นตาของอุรวศี ซึ่งบ้านอยู่ไม่ห่าง มาช่วยกันดับไฟ อุรวศีร้องเรียกแม่ด้วยความเป็นห่วงจะวิ่งเข้าไปช่วยในเรือน จันคนสนิทดึงเธอไว้ไม่ให้เข้าไป

“เชื่อตาเถิดท่านหญิง อย่าเสด็จเข้าไปเลยมันอันตรายกระหม่อม” จางวางสมห่วงหลาน

อุรวศีร้องไห้เรียกแม่ไม่ขาดปาก ขณะเดียวกัน หม่อมต่วนมองมาจากตำหนัก ยิ้มหยันที่จะได้หมดเสี้ยนหนามตำใจเสียที ไฟลุกโชนจนน้ำที่ขนกันมาดับไม่เป็นผล อุรวศีขอร้องตาให้ปล่อยตนไปช่วยแม่ แล้วยังหันไปพูดกับจันว่าแม่ของเธอก็ติดอยู่ในนั้นไม่ห่วงหรือ จันน้ำตาร่วงห่วงจับใจแต่ไฟโหมหนักเกินกว่าจะเข้าไปได้ อุรวศีอาศัยช่วงที่ทั้งสองลังเล สะบัดตัวออกวิ่งฝ่าเข้าไปในเรือน ทั้งจางวางสมและจันตกใจมาก

ทุกคนในตำหนักตื่นตระหนกที่ไฟไหม้เรือนปั้นหยา แปลกบ่าวของหม่อมต่วนวิ่งหน้าตื่นมารายงานว่าหญิงหลงกับหม่อมสลวยติดอยู่ข้างใน แต่หม่อมต่วนนิ่งเฉยแววตาโหด

ภายในเรือนปั้นหยาที่ไฟกำลังโหม สร้อย ผินและรำเพยสำลักควันพากันร้องขอความช่วยเหลือ รำเพยเด็กสาวอายุรุ่นราวคราวเดียวกับอุรวศี เป็นคนรับใช้ประจำตัวของสร้อย นางข้าหลวงของเสด็จพระองค์หญิง พี่สาวเสด็จ ในกรมฯ อุรวศีได้ยินเสียงทั้งสามคนก็พยายามจะเข้าไปช่วย ทันใดคานเรือนก็พังถล่มลงมา พร้อมเสียงร้องตื่น ตระหนกของทุกคน ในขณะที่หม่อมต่วนหัวเราะสาแก่ใจ...

ooooooo

สองปีก่อน...ในปี พ.ศ.2454 ห้องทรงพระอักษรตำหนักเสด็จในกรมฯ หม่อมเจ้าหญิงอุรวศีแต่งชุดไว้ ทุกข์แบบชาววัง คือนุ่งผ้าพื้นม่วงห่มผ้าสีนวลเข้ามา จันถืออุปกรณ์ทำความสะอาดเดินตามหลัง เพราะต้องการทำความสะอาดห้องของเสด็จพ่อ เมื่อไม่มีใครทำก็คิดจะทำเอง

อุรวศีเดินดูรอบห้อง เห็นหนังสือเรื่องท้าวแสนปมก็หยิบขึ้นมาปัดฝุ่น นึกถึงคำสอนของเสด็จพ่อทุกคำที่สอนให้รักการอ่านและรักหนังสือ เธอมักจะอ่านเรื่องนี้บ่อยครั้งอย่างไม่รู้เบื่อ

“ดีแล้วที่หญิงชอบอ่านหนังสือ ถึงจะเพียงอ่านเล่นเอาสนุก แต่มันก็มีประโยชน์สอนใจเราได้ ขึ้นอยู่กับเราว่าจะเห็นประโยชน์ในหนังสือแต่ละเล่มแค่ไหน”

ทันใดเสียงหม่อมเจ้าหญิงติโลตตมาดังขึ้น โวยวายว่าเข้ามาขโมยของ อุรวศีและจันตกใจหันมอง หม่อมเจ้าหญิงอทริการ้องให้บ่าวไพร่มาจับขโมย อุรวศีถอนใจเพราะโดนหาเรื่องบ่อยจนเบื่อ สองสาวผู้กล่าวหาคือพระธิดาเสด็จในกรมฯที่เกิดกับหม่อมต่วน

หม่อมสลวยถูกเรียกมาฟังความผิดลูกสาวที่ตำหนัก อุรวศีเถียงอย่างสุภาพว่าของในห้องพระอักษรยังมีอะไรที่มีค่าเหลืออยู่ให้ขโมย ติโลตตมาอ้างว่าเธออาจจะเลยไปขโมยที่ห้องอื่น

“คนบนตำหนักทุกคนเป็นคนของหม่อมใหญ่ทั้งสิ้น อีกทั้งอยู่กันเต็มตำหนัก เป็นพี่หญิงกลางจะเข้าไปขโมยของหรือไม่ล่ะคะ”

ติโลตตมาเถียงไม่ออกเมื่อโดนย้อนอย่างสุภาพ หม่อมต่วนเห็นลูกพลาดก็ออกโรงช่วยเหลือ

“แต่ถึงยังไง ก็ไม่ควรเข้ามาในตำหนักโดยไม่บอกกล่าว”

“ตำหนักนี้เป็นของเสด็จพ่อ หญิงเข้าออกตั้งแต่จำความได้ ไม่เคยมีใครมาสั่งห้าม”

“แต่เวลานี้ ตำหนักเป็นของฉันตามพินัยกรรมของเสด็จท่าน และฉันไม่ต้องการให้คนอื่นเข้าออกโดยไม่ได้รับอนุญาต” หม่อมต่วนประกาศกร้าว

“แต่หญิงหลงก็เป็นลูกของเสด็จพ่อเหมือนกันนะคะแม่ ทำแบบนี้...” หม่อมเจ้าหญิงอรุณวาสีแย้งเพราะสงสารน้องสาวคนละแม่ แต่โดนอทริกาผู้พี่กำราบเสียงเขียว

“อยู่เฉยๆเถอะน่าหญิงเล็ก เดี๋ยวนี้กล้าขัดคำสั่งแม่แล้วรึ”

หม่อมสลวยตัดบท “ถ้าหม่อมต้องการเช่นนั้นก็ตามใจเถิดค่ะ เป็นอันว่าหมดเรื่องแล้ว ฉันกับลูกหญิงขอตัวกลับก่อนนะคะ”

อุรวศีทำหน้าไม่พอใจที่แม่ยอมหม่อมต่วนอยู่เรื่อย

“ก่อนจะกลับ ฉันขอบอกแม่สลวยไว้ก็แล้วกันว่าฉันจะก่อกำแพงกั้นระหว่างตำหนักกับเรือนปั้นหยาของหล่อน และเรือนไทยของแม่เรี่ยม นับแต่นี้จะได้ไม่เกิดเหตุการณ์เช่นนี้ขึ้นอีก”

อุรวศีเหลืออดโมโหที่หม่อมต่วนคิดจะกั้นกำแพงกีดกัน หม่อมสลวยจับแขนลูกกลัวมีเรื่อง แล้วบอกหม่อมต่วนว่า

“สุดแท้แต่หม่อมเถิดค่ะ เสด็จท่านยกตำหนักนี้ให้หม่อมแล้ว ฉันกับพี่เรี่ยมก็พอใจกับเรือนที่อยู่แล้วเช่นกัน ลาล่ะค่ะ”

หม่อมต่วนยิ้มสะใจ อุรวศีมองแม่ที่ยอมท่าเดียวไม่คิดสู้ ถอนใจเดินออกมาอย่างไม่พอใจ

ooooooo

หม่อมต่วนมีโอรสและธิดากับเสด็จในกรมฯถึงห้าองค์ หม่อมเจ้าอธิป หม่อมเจ้าหญิงอลัมพุษา หม่อมเจ้าหญิงติโลตตมา หม่อมเจ้าหญิงอทริกาและหม่อมเจ้าหญิงอรุณวาสี ส่วนหม่อมเรี่ยมเป็นหม่อมคนที่สอง มีธิดาคือหม่อมเจ้าหญิงเมรา สองแม่ลูกไม่มีปากเสียงกับใคร

ส่วนหม่อมสลวยเป็นหม่อมคนที่สามมีโอรสคือหม่อมเจ้าวิสสุกรรมและหม่อมเจ้าหญิงอุรวศี ที่เสด็จในกรมฯรักมากที่สุด จึงเป็นที่อิจฉาริษยาของหม่อมต่วนอย่างมาก...หม่อมต่วนไม่ค่อยเลี้ยงลูกเอง ส่งไปอยู่ในวังกับเสด็จพระองค์หญิง ซึ่งเป็นเสด็จป้าของลูกๆ และวันนี้ก็จะไปส่งลูกทั้งสามกลับเข้าวัง แล้วจะเลยไปถือศีลค้างคืนที่วัด จึงกำชับแปลกให้เฝ้าห้ามอุรวศีเข้ามาในตำหนักเด็ดขาด อรุณวาสีไม่เห็นด้วยเพราะอย่างไรเสียอุรวศีก็เป็นน้องร่วมบิดา

หม่อมต่วนตวาดสวนทันที “ไม่ใช่น้อง จำไว้นะหญิงเล็ก หญิงมีพี่สี่คนคือชายใหญ่ หญิงใหญ่ หญิงกลางและหญิงนิดเท่านั้น คนอื่นแม้จะมีเลือดเสด็จพ่ออยู่ครึ่งหนึ่ง แต่ก็มีเลือดไพร่สถุลของแม่มันติดมาด้วย อย่านับพี่นับน้องให้แม่ได้ยินอีก”

จันมารายงานอุรวศีว่าหม่อมต่วนกับลูกๆออกไปแล้ว ส่วนแปลกก็กินข้าวอยู่ในครัว อุรวศีจึงให้จันรีบเอาอุปกรณ์ตามไปที่ห้องทรงพระอักษร...แต่พอมาถึงเห็นคนงานกำลังขนหนังสือใส่ลังไม้ ก็ตกใจรีบเข้ามาถามเสียงเข้มว่าทำอะไรกัน

“กระผมมาขนย้ายหนังสือตามพระบัญชาเสด็จเสนาบดี” อนลในชุดโจงกระเบนสีน้ำเงินแก่กับเสื้อคอกลมสีขาวเข้ามาอธิบายด้วยใบหน้าเปรอะเปื้อนฝุ่น พอเห็นหน้าอุรวศีก็ตะลึง จับจ้องไม่ละสายตาราวต้องมนต์

อุรวศีเห็นหน้าอนลก็นึกถึงกลอนจากเรื่องท้าวแสนปม...รุงรังดั่งหนึ่งอนาถา แต่ดวงตามิใช่ตาไพร่ จ้องดูไม่หลบตาไป นี่มิใช่คนทรามต่ำช้า...แล้วเผลอยิ้มพึมพำว่า ท้าวแสนเปื้อน ก่อนจะวางหน้าเฉยถามว่าเขาจะขนหนังสือไปไว้ที่ไหน อนลสะดุ้งหลุดจากความตะลึง

“เอ่อ หม่อมท่านถวายหนังสือทั้งหมดในห้องทรงพระอักษรให้เสด็จ หม่อมท่านสั่งให้คนมาขนย้ายวันนี้”

อนลไม่รู้ว่าเธอเป็นหม่อมเจ้าหญิงจึงไม่ได้พูดคำราชาศัพท์ จันไม่พอใจจะต่อว่า แต่อุรวศีปรามและบ่นไม่คิดว่าจะทำขนาดนี้ อนลคิดว่าเธอเป็นเพียงนางข้าหลวง พยายามชวนคุยถ้าเธอสนใจหนังสืออยากจะเก็บเล่มไหนไว้ก็เลือกได้เลย

อุรวศีเดินผ่านเขาไปเพื่อเลือกหนังสือ อนลได้กลิ่นน้ำปรุงก็อดสูดกลิ่นอย่างชื่นใจไม่ได้ ยิ่งสร้างความประทับใจแก่เขาอย่างมาก...อุรวศีเลือกเก็บหนังสือท้าวแสนปมแต่เผลอทำอีกเล่มหล่น อนลเก็บขึ้นมาเป็นพระราชนิพนธ์เรื่องศกุนตลาแล้วยื่นให้ อุรวศีรับไว้อย่างระมัดระวังไม่ให้ปลายนิ้วสัมผัสกัน

อนลอยากพบเจอเธออีกจึงพูดขึ้นว่า วันนี้ขนหนังสือหมดแต่ต้องกลับมาขนโต๊ะเก้าอี้และตู้ เธอจะกลับมาดูอีกไหมเผื่ออยากเก็บชิ้นไหน อุรวศีหน้าเสียที่หม่อมต่วนทิ้งของเสด็จพ่อหมด

อุรวศีไม่ตอบกล่าวขอบใจแล้วกลับออกไป จันมองหน้าอนลอย่างไม่ชอบใจที่ไม่ใช้ราชาศัพท์กับเจ้านายตน ทิ้งค้อนก่อนจะเดินตาม...

อนลเป็นบุตรพระยารัชปาลีและคุณหญิงนวม เป็นครอบครัวที่อบอุ่น มีพี่ชายชื่ออนึกไปเรียนอังกฤษเสียนาน วันนี้จะเดินทางกลับ ทั้งครอบครัวเตรียมไปรอรับที่ท่าเรือ พระยารัชปาลีรักลูกชายคนโตมากจึงตื่นเต้นเป็นพิเศษที่ลูกรักเรียนจบกลับมา

แต่พอเห็นอนึกกอดสาวแหม่มเอาหน้าแนบกันก็ตกใจจะโวย คิดว่าลูกพาเมียแหม่มกลับมา ครั้นได้ยินอนึกอธิบายว่าเป็นธรรมเนียมฝรั่งเวลาล่ำลา ก็โทษภรรยาว่าตื่นตูมไปก่อน คุณหญิงหน้างอที่มาโทษกัน ตนแค่ตกใจจะเป็นลม อนลยิ้มขำๆชวนทุกคนกลับไปคุยต่อที่บ้าน

คล้องคนรับใช้เห็นอนลเหม่อแอบยิ้มบ่อยๆก็เลียบเคียงถามว่าทำไมดูอารมณ์ดีแปลกๆ เขาจึงย้อนถามคล้องว่าเชื่อในรักแรกพบไหม คล้องมองเจ้านายอย่างเอะใจ

ooooooo

อุรวศีนั่งนึกถึงวันที่เสด็จพ่อป่วยหนัก เธอรีบเข้าไปหา ทุกคนอยู่พร้อมหน้ากันก่อนแล้ว ใบหน้าท่านซูบเซียวดูอ่อนเพลีย ติโลตตมาและอทริกาค่อนขอดว่าไม่รู้กาลเทศะถึงมาสาย

“เสด็จพ่อ หญิงขอประทานอภัยเพคะ หญิงได้ยินมาว่ามีหมอฝรั่งชำนาญการรักษาโรคไต จึงลองไปหาดู ไม่คิดว่าพระอาการเสด็จพ่อ...” อุรวศีพูดไม่ออกร้องไห้ออกมาแทน

เสด็จในกรมฯลูบหัวลูกสาวคนเล็กอย่างเอ็นดู หม่อมต่วนยิ่งหมั่นไส้ที่จะตายอยู่แล้วยังรักแต่ลูกคนเล็กมากที่สุด...เสด็จทรงพยายามพูดกับทุกคนว่าเรื่องทรัพย์สมบัติได้ทำพินัยกรรมไว้เรียบร้อยแล้ว ทุกคนจะได้ตามศักดิ์และสิทธิ์ที่สมควร หม่อมเรี่ยมปล่อยโฮเพราะรักเสด็จมาก เธอเป็นเมียแรกอยู่กับเสด็จมานานที่สุด แต่ต้องมาเป็นหม่อมรองเพราะหม่อมต่วนเป็นเมียแต่ง

“แม่ต่วน...ฉันไม่ขออะไรแม่ต่วนมากหรอกนะ ขอเพียงความเป็นธรรมให้แก่ทุกคนที่จะพึ่งใบบุญ

แม่ต่วนต่อไปในภายภาคหน้า แม่ต่วนให้ฉันได้หรือไม่” เสด็จมองหน้าหม่อมต่วนนิ่ง

หม่อมต่วนหลบสายตาอย่างยำเกรง รับคำ แต่ในใจแฝงเลศนัย เสด็จยื่นมือหาหม่อมสลวย เธอคลานเข่าเข้าจับ “ขอบใจที่อยู่กับฉันมา 20 กว่าปี แล้วก็ขอโทษที่ทำให้แม่สลวยต้องลำบาก”

หม่อมสลวยไม่คิดว่าท่านจะพูดเรื่องนี้ในเวลาแบบนี้ กล่าวว่าเป็นบุญของตนที่ได้รับใช้เสด็จ...ท่านหันมองลูกๆทุกคนพยายามพูดทั้งที่น้ำเสียงแหบพร่า

“หญิงใหญ่เสกสมรสไปแล้วพ่อก็หมดห่วง ส่วนหญิงกลาง หญิงเล็กและหญิงนิด ก็มีพระบารมีของพี่หญิงคอยปกป้องไม่ต้องห่วงอะไรอีก หากชายใหญ่กับ ชายวิสสำเร็จการศึกษากลับมาเมื่อไหร่ ก็คงเป็นหลักให้ทุกคนได้ เหลือก็แต่...” ทรงมองอุรวศีด้วยความเป็นห่วง “จำคำพ่อไว้นะหญิง หาใช่แต่เพียงชาติกำเนิดแต่เพียงอย่างเดียวไม่ แต่เป็นเกียรติอันเกิดจากการกระทำในสิ่งที่ถูกที่ควร และละเว้นไม่กระทำในสิ่งที่ไม่ถูกไม่ควร หากหญิงยึดถือตามนี้ หญิงก็จะรักษาทั้งเกียรติและก้าวข้ามอุปสรรคทั้งปวงไปได้”

อุรวศีรับคำและพยายามกลั้นเสียงสะอื้นบอกเสด็จป้ากำลังมา แต่เสด็จในกรมฯรู้ตัวว่าไม่ไหวแล้ว ลูบหัว ลูกสาวคนเล็กครั้งสุดท้ายก่อนจะปล่อยมือตกลงสิ้นพระชนม์ เสียงร้องไห้ดังระงม ขณะนั้นเองหม่อมต่วนลุกไปเปิดลิ้นชักหัวเตียง หยิบภาพหม่อมพิณซึ่งสวยสมกับเป็นนางเอกละครออกมาเข่นเขี้ยว

“ถึงกับเก็บรูปนังแพศยานี่ไว้ใกล้องค์จนสิ้นพระชนม์เลยรึ” ว่าแล้วก็ปาทิ้งแตกกระจายท่ามกลางความตกใจของทุกคน...

เสียงหม่อมสลวยเรียกทำให้อุรวศีหลุดจากความคิดคำนึงถึงเหตุการณ์เมื่อสองปีก่อน หม่อมสลวยรู้ว่าลูกไม่พอใจที่ตนอ่อนข้อให้หม่อมต่วนมาตลอด จึงพยายามอธิบาย

“ฟังแม่นะหญิง หม่อมต่วนมีทั้งทรัพย์สมบัติและบารมีมากมายมาแต่ไหนแต่ไรแล้ว นี่ยังได้ทรัพย์สมบัติส่วนใหญ่ของเสด็จไปอีก แล้วหญิงจะให้แม่เอาอะไรไปสู้ล่ะลูก”

“ก็เอาความเป็นธรรมสิคะ การกีดกันไม่ให้ลูกเข้าไปในบ้านพ่อ หญิงยังมองไม่เห็นว่ายุติธรรมตรงไหน พูดให้ใครฟังเขาก็ต้องเข้าข้างเราทั้งนั้น”

“เข้าข้างแต่ก็ไม่มีใครออกหน้าช่วยเราหรอก เชื่อแม่เถิด เราได้เรือนปั้นหยากับเครื่องเพชรและเงินทองก็ถือว่าไม่น้อยแล้ว รอแต่ชายวิสกลับมารับราชการ พวกเราก็สบายแล้ว อย่าไปยุ่งเกี่ยวกับหม่อมต่วนอีกเลย ชีวิตจะสงบสุขกว่า”

อุรวศีประชดว่าต่อไปตนคงต้องทำหนังสือเป็นทางการขอเข้าตำหนักของเสด็จพ่อตัวเอง หม่อมสลวยอ่อนใจที่ลูกสาวเป็นคนแข็งเหลือเกิน

ooooooo

คุณหญิงนวมเห็นลูกชายเหม่อลอยก็แซวว่าใจลอยไปหาสาวที่ไหน อนลแก้ตัวพัลวันว่าวันๆทำแต่งานอยู่ที่กระทรวงไม่มีเวลาไปสนใจใคร คุณหญิงได้ทีบอกลูกรักว่า ในงานเลี้ยงต้อนรับอนึก ถ้าเขาสนใจหญิงคนไหนให้บอก อนลเกรงแม่จับผิดพอเห็นคล้องเดินมาก็ได้โอกาสเลี่ยง

“เจ้าคล้องไปเรียนคุณอาเกื้อเรื่องที่คุณพ่อจะจัดงานเลี้ยงต้อนรับพี่นึกหรือยัง”

คล้องทำหน้างุนงง แต่พอเห็นอนลยักคิ้วหลิ่วตาก็รับลูกว่ายังเลย อนลทำทีตำหนิแล้วอาสาว่าตนจะไปบอกเอง ว่าแล้วก็รีบเดินออกไป นวมรู้ทันว่าลูกหลบเลี่ยงไม่ยอมให้พูดเรื่องแต่งงาน

เกื้อเป็นน้องชายพระยารัชปาลี มีบ้านอยู่ในรั้วเดียวกันเพียงเดินตัดสวนไป เกื้อป่วยเป็นโปลิโอตั้งแต่เด็ก ขาลีบข้างหนึ่งต้องใช้ไม้ช่วยพยุง อายุเขาห่างจากพี่ชายสิบกว่าปีเพราะเป็นลูกหลง จึงดูไม่แก่ราวกับเป็นพี่ชายของอนลก็ว่าได้ มีทรัพย์สมบัติมากพอเลี้ยงตัวไปจนตาย เกื้อมีความรู้มากจากการอ่านหนังสือ มีอาชีพแปลหนังสือภาษาอังกฤษและฝรั่งเศส มีถึกเป็นคนรับใช้ประจำตัว...พออนลมาถึงรู้จากถึกว่าเกื้อมีแขกจึงฝากให้บอกเรื่องที่พ่อจะจัดงานเลี้ยง

พอดีเกื้อเดินออกมาส่งทับ อนลยกมือไหว้ สมัยนั้นยังไม่มีการกล่าวคำว่าสวัสดี เพิ่งมาเริ่มสมัยจอมพลป.พิบูลสงคราม...อนลพอจะรู้ว่าทับเป็นใครไม่ค่อยอยากให้มาสนิทสนมกับอาของตน เกื้อทักอนลคงมาเรื่องงานเลี้ยงเพราะรู้ว่าตนไม่ไป ตนไม่ชอบพบปะญาติๆเพราะไม่ชอบให้ใครมาทักหรือสมเพชความพิการของตน อนลหน้าเสียที่อามีปมด้อยขนาดนี้ เกื้อเห็นสีหน้าหลานก็เปลี่ยนเรื่องชวนไปเลือกหนังสือที่ทับเอามาฝากหลายเล่มให้เอาไปอ่าน

ด้านหม่อมต่วนรีบเข้ามาขอรับลูกๆทั้งสามออกจากวังเพื่อไปงานเลี้ยงต้อนรับลูกชายพระยารัชปาลี เสด็จพระองค์หญิงป่วยบ่อยร่างกายไม่แข็งแรง แต่ก็รู้ทันว่าหม่อมต่วนต้องการพาลูกๆไปให้เขาดูตัว พอเห็นสีหน้าแววตาของอรุณวาสีก็เอ่ยถามว่าอยากไปกับเขาเหมือนกันหรือ เธอมองหน้าแม่อย่างกลัวๆ เสด็จรำคาญเอ่ยขึ้น

“ความกล้าสักนิดก็ไม่มี แล้วใครเขาจะอยากช่วย...จะหาคู่ให้ลูกก็ตามใจเถอะแม่ต่วน แต่อย่าประเจิดประเจ้อนักล่ะ นึกถึงพระองค์ชายบ้าง แล้วหญิงเมกับหญิงหลงไปหรือเปล่า”

หม่อมต่วนหน้าเครียดทูลว่าไม่ได้ไป อทริกาบ่นจะเอาไปทำไมให้ขายขี้หน้า เสด็จเอ็ดเสียงเข้ม

“ขายขี้หน้าตรงไหน หญิงเมกับหญิงหลงเป็นลูกน้องชายฉัน ศักดิ์เป็นหม่อมเจ้าเท่ากับเธอ กิริยามารยาทก็ต้องถือว่าแม่เขาอบรมมาดีมากด้วยซ้ำ” เสด็จปรายตาเหน็บหม่อมต่วน

ติโลตตมาไม่พอใจที่เอาพวกตนไปเปรียบกับสองคนนั้น เพราะแม่ตนเป็นหม่อมใหญ่ได้ทรัพย์สมบัติมากกว่า เสด็จโต้อย่างเอือมระอา

“ถ้าจะยึดถือข้อนั้น ฉันก็คงไม่เถียงเธอหรอกแม่นางงามสามโลก แต่ในความเป็นลูกแล้ว ฉันเชื่อว่าพระองค์ชายรักลูกเท่ากันทุกคน และคงไม่สบายพระทัยที่เห็นเธอดูถูกน้องตัวเองอย่างนี้...พูดเรื่องทรัพย์สมบัติขึ้นมาก็ดีแล้ว พระองค์ชายทำพินัยกรรมไว้แล้ว ขอให้เป็นไปตามนั้นนะแม่ต่วน อย่าให้มีเรื่องอื้อฉาวฟ้องร้องแย่งสมบัติกันเหมือนคนอื่นให้อับอายขายขี้หน้าล่ะ”

หม่อมต่วนรับคำแต่แอบยิ้มมุมปากอย่างมีเลศนัย...เหตุที่เสด็จประชดเรียกติโลตตมาว่านางงามสามโลก เพราะมีเรื่องเล่าว่า อสูรสองพี่น้องได้พรจากพระพรหมให้ไม่มีใครฆ่าได้ เว้นแต่จะฆ่ากันเอง ทั้งสองจึงกร่างเที่ยวฆ่าคนไปทั่ว พระพรหมเลยสร้างนางฟ้าชื่อติโลตตมาให้มีความงามเหนือใครในสามโลกขึ้นมา ทำให้อสูรสองพี่น้องหลงรักถึงขั้นแย่งชิงและฆ่ากันเอง...

และแล้วหม่อมต่วนก็แปลงสารพินัยกรรมว่าเสด็จในกรมฯยกเรือนปั้นหยากับที่ดินให้หม่อมสลวยแต่ไม่ได้ระบุถึงเครื่องเรือน จึงให้แปลกพาบ่าวมาขนย้ายออกไป อุรวศีไม่ยอมและจะเอาเรื่อง หม่อมสลวยห้ามไว้บอกเขาอยากได้อะไรก็เอาไปให้หมด เราหาใหม่ได้

จางวางสมซึ่งมีตำแหน่งหัวหน้าวงมโหรีหลวง และเป็นพ่อของหม่อมสลวยก็ให้คนยกเครื่องเรือนจากบ้านตัวเองไปที่เรือนปั้นหยาแทน แสงซึ่งเป็นแม่บอกลูกสาวว่าอยากได้อะไรก็ขนไปเลย บ้านเรามีมากมาย

“ขอบพระคุณพ่อกับแม่มากจ้ะ นี่ถ้าหญิงเข้าใจฉันอย่างนี้บ้างก็คงดี”

“ท่านหญิงยังเยาว์นักเลยไม่ทราบว่าหม่อมต่วนร้ายกาจแค่ไหน มีทั้งทรัพย์สมบัติทั้งอำนาจบารมี พวกเราจะเอาอะไรไปสู้ได้”

“หญิงเป็นลูกพ่อมากกว่าลูกแม่ คิดถึงแต่ความถูกต้องเป็นธรรม ช่างมิรู้เลยว่าทำไมแม่ถึงต้องทน จะพูดก็พูดไม่ได้ เหมือนน้ำท่วมปาก”

ระหว่างนั้นบุญทันผ่านมาเห็นกำลังขนของก็ทักถาม พอเห็นหน้าหม่อมสลวยก็ชะงักยืนอึ้งพูดไม่ออก ทั้งสองเคยเป็นคนรักเก่ากันมาก่อน ตอนนี้บุญทันกลายเป็นเศรษฐีค้าซุงแต่ยังไปมาหาสู่กับจางวางสมและที่มาวันนี้จะบอกเรื่องงานศพแม่ ต่างสบตากันด้วยหัวใจที่ยังโหยหากันอยู่...ทั้งสองมีโอกาสได้พูดคุยกัน จึงรู้ว่าบุญทันยังไม่มีครอบครัวตั้งแต่ผิดหวังจากเธอ

ooooooo

บ่ายวันที่จะมีงานเลี้ยง อนึกเดินมาหาเกื้อเพื่อคุยเรื่องจดหมายที่เคยส่งมาจากยุโรป เกื้อชะงักสั่งถึกให้ไปชงชาร้อนๆมาให้ พอถึกเดินไป เกื้อก็หันมาบอกหลานชายว่างานนี้ใหญ่เกินไป อนึกรีบบอกว่าไม่นานจะมีคนมาร่วมมากขึ้น เพราะสิ่งที่เราจะทำมันจำเป็นกับบ้านเมือง

เกื้อยังลังเลแต่อนึกรบเร้าว่าพวกตนต้องการความรู้ของเขาและสิ่งที่เขาคาดการณ์ไว้ถูกต้องทุกอย่าง เพื่อนๆตนนับถือเขาทั้งนั้น เกื้อเครียดลังเลใจ

ด้านอุรวศีมาปรับทุกข์กับพี่หญิงเมรา แต่เธอกำลังจะออกไปงานเลี้ยงกับหม่อมเรี่ยม ซึ่งสนิทกับคุณหญิงนวมจึงได้รับเชิญ เมรารู้ทั้งรู้ว่าเป็นการดูตัวแต่ก็ยอมเพราะคิดว่า เจ้าพระยารัชปาลีกำลังรุ่งเรืองในกระทรวงมหาดไทย ถ้าตนมีคู่ที่ดีแม่จะได้หมดห่วง อุรวศีไม่ชอบเรื่องแบบนี้ถึงกับยืนกรานว่า ไม่มีคู่เราก็อยู่ได้ เมรายิ้มอย่างเอ็นดูน้องสาวต่างมารดา

“เด็กหนอเด็กช่างไม่รู้อะไรบ้างเลย เสด็จพ่อสิ้นพระชนม์แล้ว เรื่องที่เราจะอยู่สุขสบายเหมือนแต่ก่อนคงไม่มีทาง เท่าที่ท่านแบ่งทรัพย์สมบัติมาให้แม่เธอกับแม่พี่ก็บุญหนักหนาแล้ว หากพี่อยู่เฉยไม่ทำอะไรก็คงไม่แคล้วเป็นอย่างท่านหญิงแดง”

“หญิงยอมเป็นอย่างท่านหญิงแดง กระเดียดกระจาดขายห่อหมกไปตามบ้านคนยังดีกว่า”

แต่เมรากลับเห็นว่าเงินทองทำให้ดูมีเกียรติมากกว่า ผู้หญิงเราจะมีคู่ต่ำกว่าก็ไม่ได้ รับราชการให้มีเกียรติเองก็ไม่ได้ อุรวศีไม่คิดอย่างนั้น เพราะคงไม่ทนอยู่กับคนที่ไม่รักตลอดชีวิต ถือคติที่ว่า หากไร้ชายที่พึงเชยไม่มีคู่เสียเลยจะดีกว่า เมราคร้านจะเถียงด้วยจึงขอตัว

บรรยากาศงานเลี้ยงยามค่ำที่บ้านรัชปาลีคึกคักแขกที่มาส่วนใหญ่เป็นคนในกระทรวงมหาดไทย พระยารัชปาลีหมายมั่นให้อนึกสนิทสนมกับดวงแขลูกสาวพระยาไกรเพชรรัตน์เพื่อนสนิท แต่ดวงแขกลับสนใจอนลมากกว่า

หม่อมเจ้าสุรคมซึ่งสนิทกับอนลมาร่วมงานพร้อมพี่ชายหม่อมเจ้าอธิป ทั้งสองเป็นโอรสเสด็จในกรมฯ แต่คนละมารดา

หม่อมต่วนและลูกๆมางานพอเห็นคุณหญิงนวมคุยอยู่กับหม่อมเรี่ยมและหญิงเมราก็ไม่สบอารมณ์ พอดีอธิปกับสุรคมเข้ามาทัก อธิปเป็นคนเจ้าชู้มองสาวๆด้วยสายตากรุ้มกริ่ม เคยเห็นกันมาตั้งแต่เด็ก ก็ทักว่า นี่ถ้าอุรวศีมาด้วยอีกคนก็คงเหมือนกินรีห้าพี่น้องในลักษณวงศ์ พูดแล้วชักอยากเป็นพระลักษณวงศ์เสียจริง ติโลตตมากับอรุณวาสีไม่ค่อยพอใจเดินหนี ต่างกับอทริกาที่หัวเราะคิกคักชอบใจถูกชมว่าสวย อธิปมีท่าทีสนใจเมรา ส่วนสุรคมมีโอกาสคุยกับอรุณวาสี

“นี่เจ้าพี่กลับจากยุโรปนานหรือยังคะ”

“เพิ่งกลับมาค่ะ พี่เพิ่งเริ่มงานที่กระทรวงมหาดไทยได้สองวันเอง”

อรุณวาสีเข้าใจแล้วว่าเขาถึงมางานนี้ แต่สุรคมกลับบอกว่าที่มาเพราะเป็นเพื่อนกับอนล พูดจบก็มีเสียงจะเข้ดังขึ้นเป็นเพลงลาวดวงเดือน ทั้งสองหันมองเห็นว่าคนเล่นคืออนลนั่นเอง...

ขณะเดียวกันที่เรือนปั้นหยา อุรวศีกำลังเล่นซอสามสายเป็นเพลงลาวดวงเดือนเช่นกัน หม่อมสลวยนั่งฟังยิ้มปลื้มที่ลูกมีความสุข แต่พอเล่นจบลูกสาวกลับบ่นว่าที่เล่นเพราะกลุ้มใจ จะมีกำแพงมากั้นให้ตนขาดออกจากวังทั้งที่ตนก็เป็นลูก หม่อมสลวยยิ้มแหยๆก่อนบอกลูกว่า ตนจะไปร่วมงานศพญาติที่ปากน้ำโพหลายวัน อยากให้ลูกไปอยู่กับเสด็จป้าในวังจนกว่าคนงานก่อกำแพงจะแล้วเสร็จ แต่อุรวศีไม่อยากไปอ้างว่ามีผินกับจันอยู่ด้วย ไม่อยากมีปัญหากับพี่ๆทั้งสาม

ooooooo

อนลคิดถึงแต่ใบหน้าหญิงงามที่เจอที่ตำหนักไม่รู้ว่าพรุ่งนี้ไปขนของจะได้พบเธออีกไหม...และแล้วรุ่งเช้าพอเขาพาคนงานมาขนโต๊ะเก้าอี้ กลับเจอแต่จันและได้รู้ความจริงว่าหญิงงามที่เขาเจอเป็นหม่อมเจ้าหญิง อนลตกใจมากที่เสียมารยาทกับเธอวันก่อน

ถึงแม้จะรู้สึกอกหักเฉียบพลันเพราะหญิงสาวที่สนใจกลับมีศักดิ์ที่ต่างชั้นกว่ามาก และเกรงว่าเธอจะคิดว่าตนสามหาว จึงเขียนคำขอโทษเป็นบทกลอนฝากจันไปให้ โดยให้เงินเป็นค่าขนม

ระหว่างนั้นเมรากำลังสอนอุรวศีถักแท็ตหรือที่เรียกอีกอย่างว่าถักลูกไม้ คนรับใช้เข้ามารายงานว่าอธิปมาขอพบ เมราหน้าขรึมลงแต่ก็ออกไป อุรวศีแปลกใจเดินตามไปด้วย

พออธิปเห็นสองสาวก็ยิ้มกรุ้มกริ่มสนใจอุรวศี แต่เธอยิ้มตามมารยาทไม่ได้ปลื้มอะไร เมราชวนเขาอยู่ทานข้าวแช่ด้วยกัน เขารับคำทำตาเจ้าชู้ แถมพูดทีเล่นทีจริงว่าอยากเป็นพระลอมีทั้งพระเพื่อนพระแพง

อุรวศีโมโหที่พูดจาเหมือนดูถูกจึงตอกกลับว่า เขาอยากเล่นเรื่องพระลอหรือแต่ตนว่าอย่างเขาน่าจะเล่นเรื่องเงาะป่ามากกว่า อธิปหน้าตึงโดนจี้ใจเพราะในบรรดาพี่น้องตนหน้าตาขี้เหร่สุด เมรารีบไกล่เกลี่ยว่าน้องพูดเล่น แล้วทำให้เขาใจเย็นลง

บ่าวถือถาดใส่ขันเงินบรรจุน้ำผสมน้ำอบมาวางพร้อมผ้าซับพระพักตร์จีบอย่างประณีต อธิปหยิบผ้าจุ่มน้ำบิดหมาดๆเช็ดหน้า รู้สึกสดชื่นอารมณ์ดีขึ้น แต่อุรวศียังขุ่นเคือง

หลังจากอธิปกลับไป เมราบอกน้องร่วมบิดาว่าตนจะรับไมตรีอธิปถ้าเขาปูสะพานมาจริง อุรวศีตกใจไม่รู้ว่าพี่สาวเห็นรูปทองอะไรในกายเขา เมราตัดสินใจพูดความจริงว่า อธิปเป็นโอรสองค์ใหญ่จึงได้ทั้งวังและสมบัติของเสด็จลุงมากที่สุด หน้าที่การงานก็สูงกว่าคนรุ่นราวคราวเดียวกัน อุรวศีไม่สบายใจที่พี่สาวคิดแต่เรื่องภายนอกไม่ได้สนใจความรักเลย สำหรับตนยังยืนยันคำเดิม...แม้แผ่นดินสิ้นชายที่พึงเชย อย่ามีคู่เสียเลยจะดีกว่า

“เธอจ๋า พูดราวกับว่าผู้หญิงอย่างเราเสน่หาใครได้ง่ายๆ ท่านอธิปพอพระทัยพี่ มีเงินทองมากพอให้พี่ใช้ได้สบาย พี่จะอยากได้สิ่งใดมากกว่านี้ล่ะน้อง อีกอย่างถ้าพี่ไม่รีบทำอะไร ต่อไปจะยิ่งลำบาก แม้แต่สวนที่เราใช้เดินถึงกันนี่ก็เถอะ หม่อมใหญ่ก่อกำแพงเสร็จเมื่อไหร่ก็คงไปมาหาสู่กันอย่างนี้ไม่ได้อีกแล้ว ประสาอะไรกับเรื่องอื่น”

สิ่งที่เมราพูดทำให้อุรวศีอึ้ง แม้จะไม่เห็นด้วยแต่ก็ยอมรับว่าต่อไปตนคงลำบากกว่านี้แน่ พอเดินกลับเรือนปั้นหยาก็ต้องตกใจที่เห็นหม่อมต่วนยืนกางร่มสั่งคนงานก่อกำแพงชิดมาทางตัวเรือนก็เข้ามาต่อว่าไม่ทำตามพินัยกรรม ผินเดินนำหม่อมสลวยเข้ามาพอดี หม่อมต่วนพูดเสียงดังให้ได้ยินกันทุกคน

“เสด็จทรงยกเรือนปั้นหยากับที่ดินที่ปลูกเรือนให้เท่านั้น ไม่ได้บอกว่าที่ดินกว้างยาวเนื้อที่เท่าใด ฉันไม่ก่อกำแพงจนเหลือแต่เรือนอย่างเดียวก็ดีเท่าไหร่แล้ว...

มาก็ดีแล้ว ฉันจะก่อกำแพงถึงตรงนี้ หล่อนจะว่าอย่างไร”

หม่อมสลวยหน้าจ๋อยไม่ค้านใดๆ อุรวศีไม่ยอม “หม่อมแปลงสารตีความพินัยกรรมของเสด็จพ่อตามใจชอบ แต่ไหนแต่ไรมาก็ถือเอาเขตแนวสวนเป็นเขตของเรือนปั้นหยา หม่อมก่อกำแพงเลยเขตแนวสวนเข้ามามากขนาดนี้ จงใจกลั่นแกล้งกันชัดๆ”

หม่อมสลวยปรามลูก หม่อมต่วนโวยวายว่าอุรวศีมีเลือดสถุลของแม่จึงแสดงกิริยาต่ำๆแบบนี้ แต่เจ้าหญิงองค์เล็กก็เถียงสุดใจว่าถ้าหม่อมต่วนถือตัวในความเป็นผู้ดีก็ไม่ควรบิดเบือนพินัยกรรม หม่อมใหญ่โกรธจนตัวสั่นถลันเข้าผลักอุรวศีล้มหงาย แปลกรีบจับผินไว้ไม่ให้เข้าไปช่วย แล้วหม่อมต่วนก็สั่งคนงานให้ทำงานต่อไป อุรวศีไม่อยากเชื่อว่าจะทำกับตนขนาดนี้

หม่อมสลวยนั่งประคบรอยช้ำให้ลูกที่นั่งหน้าตูม รู้ว่าลูกโกรธที่ตนยอมหม่อมต่วนอีก พยายามอธิบายว่าหม่อมต่วนมีทั้งอำนาจ ทรัพย์สิน และญาติพี่น้องก็เป็นใหญ่เป็นโตมากมาย เราจะเอาอะไรไปสู้ ทำตัวอย่างหม่อมเรี่ยมกับหญิงเมราจะดีกว่า อุรวศีลุกพรวดพูดอย่างไม่ชอบใจก่อนเดินหนีไป

“ค่ะดี...ถ้าหญิงไม่ได้เป็นพระธิดาของเสด็จพ่อ ไม่ได้ถูกสอนให้อย่าก้มหัวกับความอยุติธรรม หญิงก็คงมีความสุขดีอย่างที่แม่ว่า แม่กลัวอำนาจและความร่ำรวยของหม่อมใหญ่ จึงเพียรสอนให้หญิงยอมอย่างที่แม่ยอมบ้าง ทำไมหญิงจะไม่เข้าใจล่ะคะ”

ooooooo

หม่อมสลวยมาดูแลแสงผู้เป็นแม่ที่ป่วยกระเสาะกระแสะ แสงเห็นสีหน้าลูกก็รู้ว่ากลุ้มใจเรื่องหลาน จึงติงว่าอย่ากลัวหม่อมต่วนจนเกินไป อย่างไรเสียก็ยังมีบารมีของเสด็จพระองค์หญิงอีกองค์ สลวยหน้าเครียดไม่รู้จะบอกแม่ว่าอย่างไรดี ได้แต่คิดถึงอดีต

เมื่อ 20 ปีก่อน หม่อมสลวยได้แอบเห็นหม่อมต่วนให้แปลกกับดำจับลือคนงานกรอกยาพิษด้วยคิดมารีดไถเงินค่าปิดปากที่ให้ฆ่าหม่อมพิณ...เหตุการณ์นั้นทำให้หม่อมสลวยหวาดกลัวหม่อมต่วนมากและไม่กล้าเล่าให้ใครฟัง พอดีบุญทันแวะมา ทั้งสองพบกันอีกครั้งได้พูดคุยกันมากขึ้น แล้วหม่อมสลวยก็เห็นว่าบุญทันยังสวมสร้อยพระที่ตนเคยให้ในอดีตอยู่ ก็ยิ่งหวั่นไหวในใจ

กลับมาเรือนปั้นหยา หม่อมสลวยรีบไปค้นในหีบสมบัติ หากำไลเงินที่ไม่มีราคาค่างวดอะไรแต่เก็บไว้อย่างดีออกมา เพราะเป็นของที่บุญทันซื้อให้ครั้งยังรักกัน จ้องมองแล้วกล่าวเป็นคำกลอน...แม้นรักร่วมสวมใส่ไว้ติดกาย เมื่อใดวายสวาสดิ์วอดจึงถอดเอย...

ด้านจันเมื่อรับเงินเขามาแล้วก็ต้องทำงานให้สำเร็จ ค่อยๆคลานเข่าเข้ามาหาอุรวศีเพื่อมอบจดหมายให้ อุรวศีแปลกใจเปิดอ่านข้อความซึ่งเป็นคำกลอน

“น้อมเศียรแทบพระบาท อนงค์นาถพิลาศพิไล เพื่อขอประทานอภัย ที่มิได้ระวังการ มีตาหามีแวว ผิดไปแล้วโปรดสงสาร รับผิดมิเนิ่นนาน จึงส่งสารมาทูลความ ขอรับซึ่งโทษทัณฑ์ ด้วยใจอันมิครั่นคร้าม

มิว่าคำประณาม หรืออภัยใจพร้อมรับ ขอเพียงฝ่าพระบาท ให้โอกาสทรงสดับ ถ้อยคำน้อมคำนับ ขอถวายให้จากใจจริง...ควรมิควรแล้วแต่จะโปรด อนล”

อุรวศีอ่านจบครุ่นคิดถามจันว่าใครส่งมา พอรู้ว่าคือคนที่มาขนหนังสือก็พึมพำว่า ท้าวแสนเปื้อนนั่นเอง แต่ก็ยังตำหนิจันที่ไปคุยกับคนไม่รู้จักหัวนอนปลายเท้า จันรีบแก้ตัวว่า อนลเป็นบุตรชายพระยารัชปาลี ทำงานอยู่กระทรวงมหาดไทย พอโดนซักมากขึ้นว่ายังนัดหมายพบกันอีกหรือไม่ ก็ปากสั่นตอบว่าต้องแจ้งเขาว่ามอบหนังสือให้ท่านหญิงแล้ว อุรวศีสั่งห้ามพบอีก

ด้านอนลนั่งเล่นจะเข้เพลงบุหลันลอยเลื่อนด้วยความคิดถึงท่านหญิง พระยาไกรกับลูกมาเยี่ยม ดวงแขทำอาหารเอาใจหวังได้ใกล้ชิดกับอนล พอได้ยินเสียงเพลงก็เปรยว่า อนลมีพรสวรรค์ทางดนตรีน่าจะตั้งวงมโหรี สมัยนี้ขุนน้ำขุนนางคนใดไม่มีวงมโหรีของตัวเองก็อายเขา พระยารัชปาลีคิดอยู่เหมือนกันว่าจะให้อนลไปเรียนเพิ่มเติมกับครูเพลงซึ่งเป็นจางวางเก่าในวัง ฝีมือหาตัวจับยาก พระยาไกรกระเซ้า อย่ามัวแต่เรียนเพลงจนลืมเรื่องคู่ครอง ถ้าอนลไม่ประสาก็พาไปดูตัวเพราะเป็นหน้าที่ของพ่อแม่อยู่แล้ว พระยารัชปาลีหวั่นใจว่าเด็กรุ่นนี้จะไม่ยอมเล่นเพลงจบอนลมองเหม่อออกไปนอกเรือน พลันเห็นเกื้อใช้ไม้เท้าพยุงตัวเดินผ่านสวนก็แปลกใจว่าจะไปไหนค่ำมืด

คล้องกับถึกกำลังเถียงกันเรื่องนั่งหลับยาม พอเห็นเกื้อเดินมาก็หยุด ถึกถามเจ้านายจะไปไหนตนจะพาไป เกื้ออึกอักเล็กน้อยก่อนบอกว่าจะรีบไปหาเพื่อน ขณะนั้นเองอนึกเดินเข้ามาทำทีว่ากำลังจะออกไปข้างนอกพอดีเลยอาสาไปส่งเกื้อให้ คล้องกับถึกจึงเลี่ยงไป เกื้อถอนใจเพราะไม่คุ้นกับการต้องโกหก อนึกรีบพาเกื้อออกไปเพราะเพื่อนๆรออยู่นานแล้ว

ooooooo

เช้าวันใหม่ อุรวศีมาส่งหม่อมสลวยที่จะไปงานศพญาติพร้อมจางวางสมที่ขนมโหรีไปช่วยในงานด้วย หม่อมสลวยล่ำลากำชับลูกให้หลีกเลี่ยงหม่อมต่วน ถ้ามีอะไรเหลือบ่ากว่าแรงก็ให้ไปพึ่งใบบุญเสด็จป้า แต่อุรวศีกลับบอกว่าไม่ต้องห่วงและตนจะหมั่นมาดูแลยายบ่อยๆ

หม่อมสลวยดึงลูกเข้ามากอดทำให้อุรวศีแปลกใจเพราะแม่ไม่เคยทำแบบนี้ แถมย้ำว่าแม่รักลูกมากไม่ว่าแม่จะทำอะไรลงไปก็ขอให้รู้ว่าแม่ทำเพื่อลูกๆ แม่รักลูกทั้งสองยิ่งกว่าชีวิต...

บุญทันยืนรอหม่อมสลวยไปลงเรือ อุรวศีเดินจะกลับเรือน จันวิ่งถือผ้าหลายพับมาบอกว่าหม่อมลืม อุรวศีเอาไปให้แม่เอง แต่แล้วต้องชะงักไม่พอใจ เมื่อเห็นแม่คุยกับบุญทันท่าทีสนิทสนม บุญทันเห็นอุรวศีเดินเข้ามาก็ถอยห่างอย่างนอบน้อม หม่อมสลวย ตกใจถามลูกว่ามีอะไร

“แม่ลืมผ้าที่จะเอาไปฝากญาติๆน่ะจ้ะ หญิงเจอจันระหว่างทางเลยเอากลับมาให้แม่”

หม่อมสลวยขอบใจและบ่นว่าตัวเองไม่น่าขี้ลืม อุรวศีถามว่าแม่คุยกับใคร หม่อมสลวยอึกอักหลบตาบอกว่าญาติห่างๆนานๆเจอกันที แล้วร่ำลาลูกอีกครั้งก่อนจะรีบเดินไปลงเรือ อุรวศีมองตามอย่างแคลงใจ กลับมาที่เรือนปั้นหยา จึงตะล่อมหลอกถามผินจนพอจะรู้ว่าบุญทันเป็นคนรักเก่าของแม่ ตอนนี้เป็นพ่อค้าใหญ่... พอดีหญิงเมรามาชวนเอาขนมจ่ามงกุฎไปให้อธิป ไปคนเดียวก็เกรงจะน่าเกลียด อุรวศีไม่อาจปฏิเสธได้จึงต้องไปเป็นเพื่อน

ที่กระทรวงมหาดไทยมีข้าราชการมากมายดูคึกคัก อนลเดินคุยมากับสุรคม เขาสมน้ำหน้าที่เปิ่นเทิ่นเห็นท่านหญิงเป็นนางข้าหลวง อนลบ่นอุบว่าแค่นี้ก็อายจะแย่ยังซ้ำเติม

“แต่ยังโชคดีที่เจอหญิงหลงเข้า เจอองค์อื่นคงไม่ได้มาเล่าให้ฉันขำเล่นอย่างนี้หรอก” อนลเพิ่งรู้ว่าเธอชื่อหญิงหลง “ฉันเดาว่านะ เสด็จวังนี้มีพระธิดาหกพระองค์ เสกสมรสไปแล้วหนึ่ง อีกสามอยู่ในพระบรม มหาราชวัง เหลือแค่หญิงเมกับหญิงหลงสองคน หญิงเม ก็เจอกับนายที่งานเลี้ยง ก็คงเป็นหญิงหลงพระธิดาองค์เล็ก ของเสด็จนั่นแหละ”

“เอ่อ แล้วไม่ทราบว่าท่านหญิงหลงมีพระนามจริง ว่าอะไรหรือกระหม่อม คราวหน้าคราวหลังหม่อมฉันจะได้ไม่เปิ่นเทิ่นมันเทศอย่างนี้อีก”

“อุรวศี...น่าจะใช่กระมัง เสด็จท่านทรงตั้งนามพระธิดาทุกพระองค์ตามชื่อนางฟ้าในวรรณคดี อลัมพุษา ติโลตตมา อทริกา เมรา อรุณวาสีแล้วก็อุรวศี แต่ฉันเคยเจอหญิงหลงครั้งเดียวตอนเด็กๆ จำได้ว่าร้องไห้โยเย น้ำหู น้ำตาไหลตลอด ไม่รู้ว่าโตขึ้นแล้วจะเหมือนเดิมรึเปล่า”

“ไม่เหมือนหรอกกระหม่อม แต่ที่เหมือนคือพระนาม สมพระนามมาก...นางฟ้า”

สุรคมเห็นอนลเพ้อฝันก็เรียกให้รู้สึกตัว เผอิญดวงแขถือปิ่นโตและกระติกน้ำเดินนำพระยารัชปาลีและพระยาไกรเข้ามาหาอนลก่อน สุรคมยิ้มแซวๆ ก่อนจะเลี่ยงไปไม่อยากเป็นก้างขวางคอ อนลเรียกไว้ไม่ทัน ดวงแขยิ้มแย้มบอกว่าไปช่วยแม่เขาทำอาหารจึงเอามาให้เขาชิม ท่านพระยาทั้งสองเดินมาสมทบทำให้อนลปลีกตัวไปไม่ได้ จำต้องเดินนำดวงแขไปหาโต๊ะที่จะจัดวางอาหาร ทั้งสอง พระยายิ้มให้กันอย่างชื่นชมว่าคู่นี้ช่างเหมาะสมกันดี

ooooooo

เพชรกลางไฟ

ละครแนะนำ

ข่าวละครวันนี้ดูทั้งหมด