ตอนที่ 52
ตอนที่ 52 ขอรับโทษ
เสี่ยวฉานตกใจจนหน้าขาวซีด นางรีบขดตัวไว้อย่างรวดเร็ว
เจินจิ้งเดินก้าวเท้ายาวมาที่หน้าต่าง
เสี่ยวฉานหันหลังกลับไปมอง ทางเดินนั้นยาวยิ่ง หากคิดจะวิ่งหนีคงไม่ทันแน่
เมื่อเรื่องจวนตัวสติปัญญาจึงฟื้นคืนมา นางรีบขดร่างเป็นก้อนกลม ซ่อนอยู่ใต้ขอบหน้าต่างด้านนอก เมื่อได้ยินเสียงฝีเท้าหยุดอยู่ที่ริมหน้าต่าง เสี่ยวฉานก็ปิดตาแน่นภาวนาอยู่ในใจ
สวรรค์โปรดคุ้มครองอย่าให้ถูกจับได้เป็นอันขาด มิเช่นนั้นชีวิตนางคงจบสิ้นแน่
นางคิดถึงความใจดีของคุณหนูสี่ และแม้ในหมู่สาวใช้จะมีการแข่งขันอยู่บ้างแต่ความสัมพันธ์กลับนับว่าเข้ากันได้ดีทีเดียว ทั้งอาหารเลิศรสที่ได้กินทุกสามวันห้าวันนั้นอีก เป็นครั้งแรกที่เสี่ยวฉานเสียใจกับความอยากรู้อยากเห็นของตน
เจินจิ้งยื่นหน้าออกไปดูทั่วสารทิศแต่กลับไม่พบสิ่งใด มีเพียงเสียงดังหวีดหวิวที่เสียดสีกันไปมาของกิ่งหลิวไม่กี่ต้นข้างเรือน ฟังแล้วทำให้คนโมโหยิ่ง
เป็นไปไม่ได้เมื่อครู่นางได้ยินเสียงร้องของสตรีไม่ผิดแน่!
เหตุใดกลับไม่เห็นแล้วเล่า?
เจินจิ้งครุ่นคิดอยู่เพียงครู่ก็แค่นหัวเราะเสียงเย็นออกมา
หรือแค่แม่นมหลิวที่ด้านนอกคนเดียวยังไม่พอ ต้องส่งคนมาลอบสังเกตพฤติกรรมนางอีก?
เจินจิ้งปิดหน้าต่างโดยแรงคราหนึ่ง แล้วขึ้นไปนอนบนเตียงปิดผ้าม่านลงทันที
เสี่ยวฉานไม่กล้าแม้แต่จะถอนหายใจ นางรออยู่อีกครู่หนึ่ง เมื่อเห็นว่าไม่มีความเคลื่อนไหวใดแล้วจึงยกตัวขึ้นค่อยๆ ย่องออกไปจากที่นั่น
เมื่อถึงสวนเฉินเซียง ไป่หลิงก็เข็นเขี้ยวเคี้ยวฟันพูดว่า “เจ้าคนเหลาะแหละ คุณหนูให้เจ้าไปส่งสิ่งของเท่านั้น แต่กลับไปนานปานนี้ แอบไปอู้ที่ใดอยู่ใช่หรือไม่”
ชิงเกอและเสี่ยวฉานนั้นเป็นสาวใช้ขั้นสามที่ไป่หลิงดูแล เรื่องวิ่งไปนั้นมานี่ล้วนให้เสี่ยวฉานทำ
เสี่ยวฉานยกสิบมือประกบกัน เอ่ยเว้าวอน “พี่สาวแสนดี ต่อไปข้าไม่กล้าแล้ว อภัยให้ข้าด้วยเถิด”
เพราะได้รับคำสัญญาจากคุณหนูว่าหากหลอมตีปิ่นเงินพวกนั้นเสร็จก็จะแบ่งให้พวกนาง วันนี้อารมณ์ไป่หลิงจึงดีเป็นพิเศษ นางพูดอยู่สองสามคำก็ปล่อยเสี่ยวฉานไป
เสี่ยวฉานเข้าเรือนมาแล้วแต่ไม่ว่ากระทำเรื่องใดจิตใจกลับเหม่อลอยอยู่เรื่อย
คุณหนูสามถึงกับโยนปิ่นทองชิ้นใหญ่ปานนั้นทิ้ง สวรรค์ ปิ่นทองนั้นสามารถซื้อตัวนางได้ถึงสิบครั้งเชียวนะ
คุณหนูสามทิ้งปิ่นทองโดยไม่มีความลังเลเลยสักนิด นางมิใช่...เกลียดคุณหนูมากหรอกหรือ?
สีหน้าท่าทางที่เต็มไปด้วยความเกลียดชังของเจินจิ้งยังคงปรากฏขึ้นในหัวนางไม่หยุด เสี่ยวฉานลังเลขึ้นมา จะบอกคุณหนูดีหรือไม่
ผ่านไปนาน ในที่สุดเสี่ยวฉานก็ไปเคาะประตู
“เข้ามาเถิด”
เสี่ยวฉานผลักประตูเข้าไป เห็นจื่อซูก็อยู่ที่นี่ด้วย จึงหดคอตนลงทันที
“เสี่ยวฉาน เหตุใดต้องทำท่าทางขลาดๆ กลัวๆ มิใช่ทำเรื่องให้คุณหนูต้องขายหน้ามาหรอกนะ!” จื่อซูกล่าวตำหนิ
“พี่จื่อซู ข้า ข้าผิดไปแล้ว...” ความจริงนั้นเสี่ยวฉานเป็นคนร่าเริงและโผงผางมาก แต่เมื่อเผชิญหน้ากับจื่อซูผู้คอยอบรม นางกลับมิอาจขจัดความกลัวในจิตใจไปได้
“คุณหนู บ่าวได้นำสิ่งของไปส่งมอบเรียบร้อยแล้วเจ้าค่ะ เพียงแต่บ่าวยังมีเรื่องที่จะรายงานต่อท่านอีก” เสี่ยวฉานรวบรวมความกล้าเอ่ยขึ้น
“เรื่องอันใด พูดเถิด”
เสี่ยวฉานค่อยๆ ชำเลืองมองจื่อซูโดยมิเอ่ยสิ่งใด
“มีเรื่องอันใดก็พูดมาตามตรงเถิด” เจินเมี่ยวเอ่ย
ในใจคิดว่าเสี่ยวฉานนั้นอายุยังน้อย แม้จะฉลาดแต่กลับมิรู้จักเหมาะสมเท่าที่ควร จื่อซูเป็นผู้ดูแลสาวใช้ทั้งหมดของนาง หากกระทำการน่าสงสัยต่อหน้าจื่อซู วันหน้ามิใช่จะก่อให้เกิดช่องว่างระหว่างกันหรือ
ได้ยินเจินเมี่ยวกล่าวเช่นนี้ เสี่ยวฉานก็เข้าใจในทันที นางแข็งใจแล้วคุกเข่าลงบนพื้นเสียงดังพลั่ก “คุณหนู บ่าวกระทำผิดอีกแล้วเจ้าค่ะ”
เจินเมี่ยวมองเสี่ยวฉานที่คุกเข่าก้มหน้าต่ำด้วยความตกใจ เส้นโลหิตที่ขมับพลันเต้นตุบตับขึ้นมา
“เกิดเรื่องใดขึ้นกันแน่ เลิกอึกๆ อักๆ ให้คุณหนูต้องร้อนใจได้แล้ว” จื่อซูเอ่ยด้วยสีหน้าเคร่งขรึม
เสี่ยวฉานสูดลมหายใจ พูดระรัวออกมาดุจประทัดที่ถูกจุด “บ่าวนำสิ่งของไปมอบแก่คุณหนูสาม แต่พบแม่นมหลิวของเรือนหนิงโซ่วอยู่ที่นั่น บ่าวรู้สึกแปลกใจเล็กน้อย จึง...จึงลอบเข้าไปแอบดู”
เจินเมี่ยวเกิดความสงสัยขึ้นมา “แอบดูแม่นมหลิวเฝ้าอยู่ตรงนั้นแล้วเจ้าเข้าไปได้อย่างไร”
“ก่อนหน้านี้บ่าวเคยไปเดินเล่นแถวนั้น จึงพบรูสุนัขลอดที่หลังกำแพงเรือนเซี่ยเยียนเข้าโดยบังเอิญ บ่าวจึงลอบเข้าไปในทางนั้นเจ้าค่ะ”
เจินเมี่ยวเท้าแก้มตน ผ่านไปนานจึงเอ่ยว่า “ดูไม่ออกเลยว่าเจ้าจะเป็นผู้มากความสามารถเช่นนี้”
“คุณหนู บ่าวมิบังอาจรับเจ้าค่ะ!” เสี่ยวฉานรีบโบกมือไปมา
เจินเมี่ยวทั้งขำทั้งโกรธ “ข้าประชด เจ้าอย่าถือเป็นจริงเด็ดขาด”
เสี่ยวฉาน “...”
“บ่าวเดินไปถึงนอกเรือนพักของคุณหนูสาม เห็นว่าหน้าต่างเปิดอยู่จึงแอบโผล่หน้าเข้าไปดู แล้ว...แล้วเห็นคุณหนูสามโยนปิ่นทองที่ท่านมอบให้ทิ้งไป บ่าวคิดว่าคุณหนูสามคงไม่ชอบคุณหนูมากแน่ๆ บ่าวกลัวว่าคุณหนูจะมิทันได้ป้องกันตัว จึงมาเรียนให้คุณหนูทราบเจ้าค่ะ”
เจินเมี่ยวมีสีหน้าเคร่งขรึม “เสี่ยวฉาน ความอยากรู้อยากเห็นของเจ้าคงมีมากเกินไปหน่อย จื่อซูบอกนางหน่อยเถิดว่า พฤติกรรมเช่นนี้ของนาง เจ้านายจะทำโทษเช่นไร”
จื่อซูเอ่ยด้วยใบหน้าไร้ความรู้สึกว่า “แอบสอดส่องเรื่องส่วนตัวของเจ้านาย ต้องโบยให้หนักสักคราแล้วขายออกไปเจ้าค่ะ”
“คุณหนู!” ร่างของเสี่ยวฉานโงนไปเงนมา สั่นระริกจนแทบจะล้มพับลง
เจินเมี่ยวไม่มองเสี่ยวฉานสักนิด เพียงเอ่ยเสียงราบเรียบว่า “ยังมีอันใดอีกหรือไม่เจ้าอย่าได้ปิดบังเด็ดขาด มิเช่นนั้นข้าจะทำอย่างที่จื่อซูพูด!”
สาวใช้ผู้นี้มีประโยชน์เพียงแต่ไม่รู้จักแยกแยะเกินไปเท่านั้น
“เอ่อ...คือคุณหนูสามโยนปิ่นทองออกนอกหน้าต่าง บ่าว บ่าวตกใจจึงร้องออกมาเจ้าค่ะ”
“อันใดกัน เจ้าถูกคุณหนูสามพบเข้างั้นหรือ!” เจินเมี่ยวหมุนกายกลับโดยแรง ครั้งนี้ สีหน้าของนางดูย่ำแย่จริงๆ
เจินจิ้งเห็นเสี่ยวฉาน ย่อมต้องคิดว่านางให้คนไปส่งของแล้วถือโอกาสนี้สืบข่าวตน ความแค้นที่มีต่อนาง เกรงว่าคงหยั่งรากลึกลงไปอีกขั้นแล้ว
นอกจากนี้ เหล่าผู้อาวุโสก็จะตำหนิว่านางมิรู้ความ เกรงว่าชีวิตของสาวใช้ผู้นี้คงมิอาจรักษาไว้ได้แล้ว
เวลาเพียงชั่วครู่กลับคิดไปมากมาย เมื่อมองสาวใช้น้อยที่อายุเพียงสิบปีนี้แล้ว แม้ในใจจะโกรธแต่ก็ยังรู้สึกทำใจไม่ได้อยู่ดี อย่างไรก็เป็นชีวิตที่กำลังสดใส หากอยู่ในโลกเดิมของนางก็ยังคงเป็นเพียงเด็กน้อยคนหนึ่งเท่านั้น
“ไม่เจ้าค่ะ บ่าวซ่อนตัวได้ทัน คุณหนูสามมิเห็นบ่าวเจ้าค่ะ เพียงแต่คงทราบแน่ว่ามีคนแอบฟังอยู่” เห็นสีหน้าย่ำแย่ของเจินเมี่ยวแล้ว เสี่ยวฉานก็ตอบออกไปอย่างสัตย์ซื่อ
เจินเมี่ยวพลันฟื้นคืนกลับมาจากอารมณ์ขุ่นมัวนั้น นางมองเสี่ยวฉานคราหนึ่ง แล้วนิ่งเงียบอยู่นาน
สถานการณ์เช่นนี้ ซูจื่อมิกล้าตัดสินใจเอง จึงยืนอยู่ข้างกายเจินเมี่ยวอย่างไร้สุ้มเสียง
เสี่ยวฉานก้มหน้าต่ำ รู้สึกดั่งเวลาถูกแช่แข็งไว้ อึดอัดอย่างไรบอกไม่ถูก
ผ่านไปนาน เจินเมี่ยวจึงเอ่ยว่า “จื่อซู เจ้าพาเสี่ยวฉานออกไป สั่งสอนนางใหม่ทั้งหมด เมื่อใดที่นางเข้าใจในกฎเกณฑ์ดีแล้ว ค่อยให้นางกลับมาปฏิบัติหน้าที่ และหักเบี้ยหวัดของนางครึ่งปี”
ในดวงตาส่วนลึกของจื่อซูปรากฏแววประหลาดใจขึ้นวูบหนึ่ง แต่กลับกล่าวรับคำอย่างสำรวม
เสี่ยวฉานเดินตามจื่อซูออกไปอย่างทุลักทุเล รู้สึกคล้ายกำลังฝันไป
คุณหนูปล่อยนางง่ายๆ เช่นนี้เลยหรือ!
เมื่อพ้นจากห้องนั้นมาแล้วนางก็ร้องไห้เสียงดังอย่างมิอาจควบคุมอารมณ์ตนได้อีกต่อไป
จื่อซูจัดการเรื่องของเสี่ยวฉานเสร็จ ไม่นานก็ย้อนกลับมา “คุณหนู บ่าวไม่เข้าใจ คนที่ทำความผิดเช่นเสี่ยวฉาน จุดจบที่ดีที่สุดยังคงเป็นการไล่ออกไปนอกจวน เหตุใดท่านจึง...”
ในแววตาของจื่อซูนั้นเหมือนได้เห็นบงกชขาวพิสุทธิ์ดอกใหญ่กระนั้น
เจินเมี่ยวเผยอารมณ์เศร้าอาดูรออกมา “เฮ้อ หากอภัยได้ก็ควรให้อภัยมิใช่หรือ”
ความเงียบพลันเข้ามาเยือน จื่อซูเอ่ยด้วยใบหน้าไร้ความรู้สึกว่า “คุณหนู ท่านกำลังเย้าเล่นใช่หรือไม่เจ้าคะ”