ตอนที่ 5
นิธิสอนพิเศษให้สร้อยสนอย่างอดทน โจทย์เลขที่สอนให้ทำมาเป็นอาทิตย์แล้วก็ยังทำผิดอีก สร้อยสนบ่นว่าเบื่อชวนออกไปเที่ยวกันดีกว่า นิธิบอกว่าตนต้องอ่านหนังสือพรุ่งนี้มีสอบแต่เช้า
สร้อยสนแย่งตำราจากนิธิบอกว่าเขาแก่วิชาการเกินไปแล้ว ตนจะติววิชาทางโลกให้ แย่งตำราจากนิธิแล้ววิ่งไปเลย นิธิวิ่งตามจะเอาคืน สร้อยสนเรียกนายหวัดให้ขับรถพาตนไปร้านหนังสือ นิธิจำต้องตามไป
นายหวัดขับรถมาเรื่อยๆ จู่ๆสร้อยสนก็สั่งให้จอด บอกว่าจะไปโรงหนังศาลาเฉลิมกรุง ตนจะดูหนัง นิธิติงว่าคุณผู้หญิงรู้ตนตายแน่ สร้อยสนบอกว่าก็อย่าให้แม่รู้สิ แล้วโบกสามล้อจะไปศาลาเฉลิมกรุง นิธิเตือนว่าเป็นผู้หญิงดูหนังคนเดียวอันตราย เธอลอยหน้าบอกว่า
“ถ้าฉันเป็นอะไร ก็เตรียมตัวรับผิดไว้เลย” แล้วไปโรงหนังเลย นิธิจำต้องตามไปที่คฤหาสน์นารายณ์ คุณพระบอกพุดกรองว่าทดทำงานหนักอยากให้ช่วยหาภรรยามาช่วยเขาสักคน
พุดกรองไม่ได้หาที่ไหนแต่เอาตัวไปอ่อยทดเอง ทดเกือบพลาดท่าแต่พอดีได้รับโทรศัพท์แจ้งว่าสร้อยสนหาย
กลายเป็นเรื่องราวใหญ่โตเมื่อพุดกรองโวยวายว่าลูกสาวตนหายไม่มีใครรู้เลยหรือไง ละมุดโทษว่านิธิต้องเป็นคนพาสร้อยสนไปแน่ ทดอาสาออกไปตามหาให้ พุดกรองด่ากราดทุกคนว่าไม่ดูแลลูกตน แม่นิ่มกับจันทร์เลยชวนกันไปคอยที่หน้าบ้านเผื่อสร้อยสนกลับมา
ดูหนังจบ สร้อยสนเพ้อฝันอยากเป็นนางเอกในหนัง นิธิเร่งให้รีบกลับ เธอบอกว่าหิวจะไปกินข้าวที่ห้อยเทียนเหลาก่อน นิธิพยายามท้วงติงแต่สร้อยสนรั้นจะไปให้ได้ ขณะยื้อยุดกัน ทดขับรถมาเจอพอดี จอดรถลงไปถามอย่างโมโหว่า “มัวมาทำอะไรอยู่นี่!”
แต่พอกลับถึงบ้านถูกคุณพระดุ สร้อยสนโทษว่านิธิเป็นคนชวนตนไปดูหนังเป็นเพื่อน นิธิจะทักท้วงก็ถูกสร้อยสนตวาดให้หุบปาก!
นิธิถูกคุณพระตำหนิอย่างผิดหวังว่า
“ที่ฉันอนุญาตให้เธอเข้านอกออกในที่นี่ ไม่ได้หมายความว่าฉันอนุญาตให้ทำอะไรตามอำเภอใจ นายทดหัดอบรมหลานให้รู้อะไรเหมาะอะไรควรบ้าง”
ทดหน้าเสีย นิธิรู้สึกผิดแต่ไม่กล้าพูดความจริง เมื่อคุณพระกับพุดกรองเข้าบ้านไปแล้ว กระถินกลับมาเจอเหตุการณ์พอดี มองนิธิอย่างไม่อยากเชื่อว่าเขาจะกล้าทำอย่างนั้น
เมื่อกลับไปบ้านพัก ทดตำหนินิธิว่าตนเตือนแล้วว่าให้ระวังอย่าไปยุ่งกับเด็กแก่แดดคนนั้น นิธิบอกว่าตนไม่ได้เป็นคนชวนสร้อยสนไป
“งั้นก็จำไว้เป็นบทเรียน ยัยสร้อยสนนั่นจะเอาปัญหามาให้ ไม่จำเป็นไม่ต้องไปยุ่งกับเขา” นิธิขอโทษที่ตนทำให้อาโดนตำหนิ “เออไม่เป็นไร แต่อย่าให้ถูกผู้หญิงหลอกใช้เอาได้อีกก็แล้วกัน ฉันไม่อยากเห็นเราตกเป็นเหยื่อสองแม่ลูกนั่น”
ทดเจ็บใจที่นิธิหลวมตัวไปกับสร้อยสนเหมือนอย่างที่ตัวเองเกือบจะหลวมตัวให้พุดกรอง
ooooooo
กระถินปักผ้าให้รามทั้งคืน พอเช้าก็เตรียมไปโรงเรียน ส่วนสร้อยสนนอนจนสาย ละมุดไปปลุกก็ยังไม่อยากลุก บอกแม่นิ่มทั้งที่หลับตาอยู่ว่าจะไปโรงเรียนได้ยังไงเรียงความยังไม่ได้ทำ
ละมุดบอกว่าไม่ต้องห่วงเดี๋ยวตนจัดการให้ ให้สร้อยสนลุกไปแต่งตัวเดี๋ยวมีงานให้ไปส่งครูแน่ แล้วละมุดก็ไปถามกระถินว่าเรียงความอยู่ไหน ถีบกระถินกระเด็นแล้วคว้าย่ามวิ่งหนีไป กระถินไล่ตามตะโกน “เอาของฉันคืนมา!!!”
ละมุดถือย่ามวิ่งไปแล้วเทหาสมุดการบ้าน เห็นสมุดหลายเล่มไม่รู้ว่าเล่มไหนเป็นสมุดเรียงความก็เลือกหยิบเล่มหนึ่งวิ่งไปหาสร้อยสนบนบ้าน กระถินจะตามแต่นึกได้ว่าจวนได้เวลาที่รามจะเดินทางแล้ว เห็นผ้าที่ปักอักษร R.L.ยังอยู่ก็ดีใจ หยิบขึ้นมาตัดสินใจต้องเอาผ้าไปให้รามก่อน
รามกราบลาคุณยายเอมปรีดิ์ คุณยายคล้องสร้อยพระให้ อวยพรให้เดินทางปลอดภัย ถามว่าเข้าใจใช่ไหมว่าทำไมยายรีบส่งรามไป รามบอกว่าเข้าใจว่าคุณยายปกป้องตน เพราะขืนอยู่ตนต้องได้ฆ่าคนแน่
“อดทน ถ้าผ่านช่วงนี้ไปได้ รามจะแกร่งขึ้น”
“ต่อไปรามไม่อยู่ คุณยายอย่าออกไปเดินตากน้ำค้าง แล้วก็ต้องกินยาให้ครบตามที่หมอสั่งด้วยนะครับ”
“รามเป็นสมบัติชิ้นเดียวที่ประไพทิ้งไว้ให้ ความหวังเดียวในชีวิตของยายก็คือ รามต้องกลับมาอย่างปลอดภัยนะลูก”
คุณยายลูบหัวราม รามก้มกราบแทบเท้าลาคุณยาย หลังจากนั้นไปกอดลาแม่นิ่ม ลาจันทร์ที่ร้องไห้เช็ดน้ำตาป้อยๆ
พุดกรองพูดแทรกขึ้นอย่างหมั่นไส้ว่า มัวแต่อาลัยอาวรณ์ประเดี๋ยวก็ตกเรือกันพอดี รามแขวะว่าคงทนเห็นตนอยู่ที่นี่ไม่ได้แม้แต่อึดใจเดียวใช่ไหม คุณพระแก้ต่างให้ว่าพุดกรองคงไม่ได้หมายความว่าอย่างนั้น
“คราวนี้แค่จากเป็น ฉันสัญญายังไงก็จะกลับมา” รามขู่
“รีบๆกลับมาก็แล้วกันค่ะ ดิฉันจะรอ” พุดกรองสวนกลับอย่างท้าทาย
คุณพระเดินนำไปขึ้นรถ รามตามไปนั่งที่เบาะหลัง อดเหลียวหากระถินไม่ได้ แต่ก็ไม่เห็นวี่แววเลย...
กระถินวิ่งกระหืดกระหอบมาปรากฏว่ารามเพิ่งไปเมื่อกี๊นี้เอง กระถินวิ่งตามตะโกนเรียก “คุณราม...”แต่รถแล่นไปอย่างเร็ว เพราะคุณพระเกรงจะไม่ทันเรือ กระถินวิ่งตามจนหมดแรงนั่งมองรถรามที่ขับไกลออกไปทุกทีอย่างใจหาย
ท่านชายขับรถผ่านมาเจอ พอรู้ว่ากระถินตามรถรามไม่ทันก็ให้ขึ้นรถตนขับตามไป นายหวัดเห็นรถท่านชายขับตามมาก็ถามว่าจะหยุดลงไปเฝ้าท่านชายไหม รามน้อยใจกระถินอยู่บอกให้ไปเลย เสียเวลา นายหวัดจึงเร่งรถพุ่งไป กระถินได้แต่มองรถของรามที่จากไปอย่างแสนเสียดาย...
ooooooo
พุดกรองสะใจมากที่กำจัดรามออกไปได้ เห็นแม่นิ่มเดินมากับเอมปรีดิ์ก็หมายมาดว่ายังเหลืออีกคนที่อยู่แทงใจดำตน ละมุดสอพลอว่าตอนนี้พวกบ่าวกำลังสาปส่งแม่นิ่มกันทั้งเรือนเพราะโกงไม่จ่ายเบี้ยเลี้ยงจนจะอดตายกันทั้งบ้านแล้ว
“ผยองดีนัก ฉันจะทำให้มันอดตายกันทั้งบ้าน”
แล้วอยู่ๆ ละมุดก็เดินกร่างมาบอกแม่นิ่มว่าคุณพระเรียก ตะโกนบอกคนอื่นว่าทุกคนด้วย บอกอย่างกระหยิ่มว่าคุณพระท่านจะชำระความให้พวกเราแล้ว
คุณพระเรียกแม่นิ่มไปไต่สวนต่อหน้าบ่าวทุกคนเรื่องไม่จ่ายเบี้ยเลี้ยงของเดือนนี้จริงหรือเปล่า
“ไม่มีใครเรียนคุณพี่เหรอว่าที่ดิฉันต้องริบเบี้ยเลี้ยงเพราะอะไร” แม่นิ่มถาม พุดกรองพูดเอาหน้าว่าใครจะกล้าบอก ถ้าตนไม่บอกทุกคนก็จะหาว่าคุณพระหน้าเลือด แม่นิ่มชี้แจงว่า “ที่ดิฉันต้องริบเงินเดือนของทุกคนก็เพื่อลงโทษที่พากันเล่นพนันขันต่อในบ้านเมื่อคราวแข่งม้าวันนั้น”
คุณพระถามว่ามีเรื่องอย่างนี้ด้วยหรือ พุดกรองพาลกระแชงว่าแล้วเงินที่หักอยู่ที่ไหน คงไม่ใช่ให้กระถินไปอวดร่ำอวดรวยที่โรงเรียนหรอกนะ
แม่นิ่มบอกว่าตนให้กระถินทำบัญชีไว้ เงินอยู่ครบทุกบาททุกสตางค์ พลางให้กระถินเอาบัญชีให้คุณพระดู ส่วนค่าเลี้ยงดูกระถินนั้นตนออกให้จากเงินที่หามาได้ด้วยตัวเอง คุณพระติงว่าเงินค่าเลี้ยงดูกระถินตนจัดให้แม่นิ่มไว้แล้วไม่ใช่หรือ
“ดิฉันต้องขอเรียนตามตรงว่า พักหลังเงินในบ้านไม่พอใช้จ่าย ดิฉันจึงยกเงินค่าเลี้ยงกระถินไว้เป็นเงินส่วนกลาง ยิ่งเดือนที่ผ่านมาจัดงานวันเกิดให้คุณสร้อย ทำให้เงินพร่องไปมาก ดิฉันจึงปันเงินที่ทำขนมขายมาเป็นค่าใช้จ่ายส่วนกลาง”
“ขนมที่คุณพระรับอยู่นั่น ก็คือขนมที่แม่นิ่มทำส่งเพื่อหาเงินเลี้ยงดูบ่าวในบ้าน” คุณพระถามแม่นิ่มว่าขาดเหลืออะไรทำไมไม่บอก “ดิฉันไม่ได้เดือดร้อนอะไรเลยค่ะ แค่อยากช่วยแบ่งเบาภาระค่าใช้จ่ายในบ้านเท่านั้น แต่ไม่นึกว่าเจตนาของดิฉันจะถูกเข้าใจผิดไปได้ ยังดีที่กระถินช่วยทำบัญชีเอาไว้ ถ้าหากคุณพี่ไม่ไว้ใจก็เชิญตรวจสอบได้ทุกสตางค์”
“ขอบใจแม่นิ่มที่ช่วยกวดขัน เป็นอันว่าทุกคนคงเข้าใจแล้วนะว่าถูกลงโทษเพราะอะไร ฉันเองก็เกลียดนักพวกผีพนัน เป็นฉันจะไล่ออกไปเสียด้วย”
พุดกรองแค้นใจที่ให้ทุกข์แก่ท่านทุกข์นั้นถึงตัว กระถินดูพุดกรองออก ดีใจที่ตนทำบัญชีอย่างละเอียดจนปกป้องแม่นิ่มไว้ได้ พวกบ่าวในบ้านเมื่อรู้ความจริงต่างก็เข้าใจแม่นิ่มและสำนึกผิด
คุณพระถามกระถินว่าใครสอนให้ทำบัญชี กระถินบอกว่าแม่นิ่ม คุณพระเลยเอาสมุดบัญชีที่ห้างให้ไปบวกลบดูว่าตกหล่นตรงไหนไหม กระถินดีใจที่ได้ช่วยคุณพระทำงาน สัญญาว่าจะจับคนโกงให้คุณท่านเอง
พุดกรองโทษละมุดว่าทำให้กระถินได้หน้ากว่าเดิมอีก มองคุณพระที่กำลังมอบงานให้กระถินพูดอย่างแค้นใจว่า
“คุณพี่กำลังจะยกมันมาแทนที่ข้า มันกำลังจะมาทวงทุกอย่างของมันคืน!”
ooooooo
ความซื่อสัตย์เอาการเอางานของกระถินนับวันได้รับความเอ็นดูและไว้วางใจจากคุณพระ นอกจากให้ตรวจบัญชีของห้างแล้ว ท้ายสุดยังให้ตอบจดหมายของรามแทนตนด้วย
แต่ในการตอบจดหมายของราม กระถินเขียนออกตัวในจดหมายตอบรามว่า ตนได้รับหน้าที่จากคุณลุงให้เป็น “เลขาลับๆ” ทำตามหน้าที่ที่คุณท่านมอบหมายให้ เมื่อคุณพระให้เขียนถามว่ารามเจอใครถูกใจบ้างหรือยัง กระถินเขียนอย่างป้องกันตัวเองว่า
“ท่านฝากกระถินถามว่าคุณรามได้เจอใครถูกใจบ้างหรือยัง กระถินขอย้ำอีกครั้งว่าท่านให้ถาม ท่านอยากให้คุณรามปรายตามองผู้หญิงบ้าง ถ้าหากคุณรามได้เจอใคร ก็บอกมาให้คุณลุงชื่นใจด้วยนะคะ”
รามตอบจดหมาย โดยจั่วหัว “ถึงเลขาลับๆของคุณพ่อ” ขอบคุณกระถินที่ช่วยแบ่งเบาภาระของคุณพ่อด้วยการช่วยตอบจดหมายแทน ย้ำว่า “ไม่ต้องห่วงว่าเขียนมาแล้วฉันจะหาว่าเธอทำเกินงาม รบกวนฝากเธอไปบอกคุณพ่อด้วยว่า เรื่องผู้หญิงนั้น ฉันคงไม่มีวาสนาถึงได้ไม่เจอใคร หรือจะเพราะฉันหมายตาไว้สูงเกินไปว่า ถ้าจะถูกใจใคร คนคนนั้นจะต้องถอดแบบมาจากแม่นิ่ม เสียดายที่ยังไม่เจอใครคนนั้น หรือว่าเจอแล้วแต่เขาก็ไม่สนใจฉัน ของแบบนี้ถ้าใจไม่ตรงกัน ต่อให้เจอกันทุกวันก็คงไม่ทำให้หวั่นไหว It takes two to tango จริงไหม”
คุณพระยิ้มเมื่อได้รับคำตอบจากราม แต่กระถิ่นไม่เข้าใจว่าสำนวนที่รามเขียนหมายความว่าอะไร จึงถามขณะไปติวภาษาอังกฤษกับท่านชายว่า หมายความว่าอะไร ท่านหญิงบอกว่าเป็นสำนวน หมายถึง ปรบมือข้างเดียวไม่ดัง ท่านชายแซวว่าอย่าบอกนะว่าเขียนจดหมายรักกับใคร
พอรู้ว่ากระถินตอบจดหมายรามที่เขียนมาถึงคุณพระ ท่านชายเตือนว่า
“อย่าไปตอบสุ่มสี่สุ่มห้า กระถินไม่ใช่เด็กๆแล้วนะ มัวแต่โต้ตอบกันไปมา คนอยู่เหงาๆทางนั้น เขาก็หลงคิดว่ากระถินมีใจให้เขาน่ะสิ”
“กระถินไม่ได้คิดอะไรกับคุณรามเพคะ หืม...อะไรแค่เขียนจดหมายนี้...คิดเข้าข้างตัวเองเกินไปแล้ว” กระถินนึกฉุน
ท่านชายเห็นกระถินไม่พอใจก็สบายใจ ท่านหญิงดูออกว่าท่านชายจี้ใจดำกระถินเพื่อกันท่า จึงดักคอว่า
“กันท่าได้เก่งมากนะชายบรรณ เห็นกระถินรั้นอย่างนั้นก็เลยยุให้เขาตีกันใช่ไหม นักการทูตนี่เขาน่ากลัวอย่างนี้ทุกคนไหม” ท่านชายบอกว่าก็แค่เป็นห่วงเพราะกระถินยังเด็ก “ก็เลยอยากจะชิงเป็นรักแรกของเด็กเองใช่ไหม”
ท่านชายถูกดักคอก็ทำเป็นบ่น “พี่หญิงก็...ตรัสอะไร...”
ooooooo
วันนี้ขณะกระถินนั่งทำบัญชีอยู่ ทดเข้ามารายงานคุณพระเรื่องเก็บค่าเช่าที่ว่า ดูท่าทุกคนยังไม่พร้อมจะจ่าย คุณพระให้ผ่อนผันไปก่อน ทดติงว่าทำเช่นนี้ต่อไปพวกนั้นจะละเลยกันหมด กระถินจึงอาสาจะเก็บให้เพราะคุ้นเคยกับพวกเขาดี
คุณพระอนุญาต จะได้ดูไม่กดดันพวกเขาเกินไป
ท่านหญิงขออนุญาตคุณพระให้แม่นิ่มทำขนมส่งโฮเต็ล และขอพาตัวไปสาธิตวิธีสลักผลไม้ให้แขกชมด้วย
พวกคุณหญิงคุณนายที่คบกับพุดกรองเห็นคุณพระมารอรับแม่นิ่มก็ซุบซิบนินทาว่าพุดกรองถูกตีท้ายครัว คุณพระไม่น่าเสียคนเอาตอนแก่ ลิ่วไปยุพุดกรองให้รีบจัดการก่อนที่คุณพระจะยกแม่นิ่มขึ้นมาเทียบเธอ
ขณะนั้นคุณพระพาแม่นิ่มกลับพอดี เห็นแม่นิ่มถือเสื้อนอกให้คุณพระยิ่งบาดตาบาดใจพุดกรองจนคิดว่าคงอยู่ร่วมโลกกับแม่นิ่มไม่ได้เสียเล้ว สบโอกาสเมื่อแม่นิ่มไปจัดโต๊ะน้ำชาให้คุณพระเข้าไปจิกหัวด่า
“อีนิ่ม...นังสารพัดพิษ”
แม่นิ่มถามว่าจะทำอะไร พุดกรองด่าว่าแม่นิ่มจะฉกคุณพระไปจากตน หวังให้ยกขึ้นเป็นเมียแต่ง หยิบกาน้ำชาสาดใส่แม่นิ่มด่าอย่าสะเออะมาลองดี ไม่อย่างนั้นจะได้ออกจากบ้านนี้แบบไม่มีลมหายใจ
กระถินกลับจากโรงเรียนผ่านมาเห็นตรงเข้าไปช่วยแม่นิ่ม ถูกพุดกรองด่าว่าตามรอยกันดีนักคงจะยกตัวเป็นเมียน้อยท่านอีกคนใช่ไหม
“เธอเรียกใครว่าเมียน้อยฮึ พุดกรอง!” คุณพระเข้ามาตวาดหน้าบึ้ง
เมื่อเรียกเข้าไปนั่งกันที่ห้องรับแขก คุณพระสั่งพุดกรองให้ขอโทษแม่นิ่ม เพราะเราไม่ได้ทำเรื่องเสื่อมเสียอย่างที่เธอเข้าใจ พุดกรองยังเถียงฉอดๆว่า
“แล้วที่มันยกกระถินมาปรนเปรอคุณพี่แทนมันทุกวัน จะให้ดิฉันเข้าใจว่าอะไร”
คุณพระตบหน้าพุดกรองฉาดใหญ่ พุดกรองถามว่าตนพูดถูกใช่ไหมถึงได้ร้อนตัว
“อย่ามาดูถูกฉันด้วยความคิดชั่วๆของเธอ” พุดกรองยังปากดีโต้ว่าคุณพระไม่เห็นธาตุแท้ของพวกเขา จะยกพวกเขาขึ้นแทนที่ตนใช่ไหม คุณพระสวนไปทันทีว่า “ฉันเห็นธาตุแท้ของเธอตอนนี้นี่แหละ”
พุดกรองกรี๊ดจนคุณพระและทุกคนเบือนหน้าอย่างระอา เมื่อกลับห้องนอน ก็คำรามกับละมุดว่า
“คิดจะเขี่ยข้าทิ้ง ไม่ง่ายอย่างนั้นหรอก”
คุณพระยังเข้มงวดกวดขันกับพุดกรองเรื่องเงินบริจาคเข้าสมาคมโรงเรียนว่าเบิกไปกี่ครั้งและเท่าไรแล้ว ให้เอาใบเสร็จมายืนยัน กระถินจะได้ตรวจสอบบัญชีได้ ทำให้พุดกรองยิ่งแค้นถามคุณพระว่า
“คุณพี่กำลังเข้าข้างมัน ฟังแต่มัน ระวังเถอะค่ะสักวันจะโดนนังลูกโจรมันถอนหงอก”
ooooooo
กระถินไปเก็บค่าเช่าที่แทนทด เมื่อพวกนั้นไม่มีจ่ายจึงเก็บเป็นผลิตผลแทน มีแต่เสือกาจที่จ่ายค่าเช่าได้ เสือกาจกลัวกระถินจำได้ เอาผ้าปิดหน้าปิดตา โม่อ้างว่าเขาไม่สบายเป็นโรคติดต่อ กระถินจึงเรียกนิธิที่มาช่วยขนพืชผลให้ช่วยดูให้
“อย่าห่วงเลยน่า เขาเป็นเจ้าเดียวที่จ่ายค่าเช่า แสดงว่าไม่ได้ขัดสนนัก เจ็บหนักก็คงไปรักษาเอง”
เมื่อนิธิบอกเช่นนี้กระถินจึงกลับไป
ทดไม่พอใจที่กระถินเก็บพืชผลแทนค่าเช่า บ่นว่าของพวกนี้ไม่เท่าไหร่ก็เน่า มันจะแทนเงินได้ที่ไหน กระถินบอกว่าเอาไว้เลี้ยงคนในบ้านได้ ถ้าเหลือตนก็จะเอาไปขายเป็นรายรับเข้าบ้าน
“เสียระบบหมดครับคุณพระ เอาที่ไปปลูกตึกแถวให้เช่ายังจะได้รายได้คุ้มกว่า”
กระถินชี้แจงว่าไม่เห็นความจำเป็นที่เราจะไปไล่เบี้ยเอากับคนพวกนี้ ทดโต้ว่าขืนต้องอุปถัมภ์ทุกคนไปเรื่อยๆแบบนี้ไม่ไหวแน่
“รู้ค่ะ ทุกวันนี้อะไรก็ตีค่าเป็นทุนได้ มันคุ้มเหรอคะที่จะผลักมิตรไปเป็นศัตรู”
“ฉันเห็นด้วยนะ ต่อไปยกให้กระถินจัดการบริหารที่ดินส่วนนี้” คุณพระบอก ทดไม่พอใจที่ถูกเด็กเมื่อวานซืนหักหน้า คิดเลยเถิดไปว่ากระถินใช้เสน่ห์ผูกมัดใจจนคุณพระลุ่มหลง
ทั้งทดและพุดกรองต่างกำลังมีปัญหาจึงไปเที่ยวและดื่มในไนต์คลับ พุดกรองเห็นทดนั่งดื่มคนเดียวก็เข้าไปอ่อย ทดไม่เล่นด้วยเชิญเธอไปสนุกให้เต็มที่ตนอยากอยู่คนเดียว
ทดนั่งดื่มจนร้านปิด บริกรเข้ามาถามว่าเขาเป็นคนขับรถของคุณผู้หญิงหรือเปล่า พลางชี้ไปทางพุดกรองที่เอนตัวหลับอยู่ที่โซฟา บอกว่า “คุณผู้หญิงบอกว่าคุณจะพาเธอไปส่งเอง”
ทดตกกระไดพลอยโจนจำต้องพาพุดกรองกลับ แต่พอพาขึ้นรถ พุดกรองก็ยั่วยวนจนทดต้องจอดรถ
พุดกรองจู่โจมเข้าจูบทันที ทดถูกเล้าโลมจนอารมณ์เตลิดพากันเข้าโรงแรมกอดรัดฟัดเหวี่ยงกันอย่างหื่นกระหาย
ความสัมพันธ์ของพุดกรองและทดแม้ทั้งสองจะปกปิด แต่ยังมีพิรุธให้ชบากับนายหวัดผิดสังเกตได้ว่าทั้งสองสนิทสนมกันเป็นพิเศษ และเมื่อทั้งสองพากันไปจอดรถเริงรักกันในสวนก็ถูกเสือกาจจับได้ แกล้งยิงยางรถจนทดวิ่งผ้าหลุดลุ่ยออกมา
ooooooo
ที่วังปริยวัฒน์ ท่านชายอ่านหนังสือพิมพ์คุยกับท่านหญิงเรื่องสงครามโลกที่กำลังปะทุที่อังกฤษว่า
“วิทยุบีบีซีประกาศเรื่องนาซีบุกทิ้งระเบิดที่อังกฤษแล้วพี่หญิง เมื่อคืนลอนดอนถูกระเบิด เขาว่าไฟโหมลุกไหม้อย่างหนักแทบจะวอดวายทั้งเมือง”
“ชายบรรณติดต่อเสด็จพ่อได้รึยัง”
“ยังเลยกระหม่อม ไม่รู้ว่าแฟลตที่อีตันสแควร์เป็นอย่างไรบ้าง เสด็จพ่อกับท่านพี่ยังประทับอยู่ที่นั่น หรือจะออกไปอยู่วิลล่าแล้วรึเปล่าก็ไม่รู้”
“เกิดอะไรขึ้นหรือคะ” กระถินมาได้ยิน ถามขึ้น
“สงครามปะทุที่อังกฤษ นาซีถล่มที่นั่นแล้ว” ท่านหญิงบอก
กระถินนึกเป็นห่วงรามขึ้นมาทันที...
ooooooo
กระถินกลับมาถามคุณพระว่าทราบเรื่องที่อังกฤษหรือยัง สร้อยสนบอกว่าคุณลุงกำลังพยายามติดต่อรามอยู่ นี่ก็เพิ่งได้รับจดหมายของรามหนึ่งฉบับ
กระถินรู้สึกผิดที่ตนทิฐิที่ไม่ติดต่อกับราม เพราะคุณพระพยายามจับคู่ให้ตนกับราม สร้อยสนเล่าจดหมายที่รามเขียนมาว่า เมืองที่เขาอยู่ยังไม่ถูกโจมตี เขายังปลอดภัยดี แต่ข่าววิทยุรายงานว่าที่นั่นโดนถล่มหลายเมืองแล้ว เลยไม่รู้ว่าตอนนี้รามเป็นอย่างไรบ้าง
กระถินหน้าซีดเผือด รู้สึกผิดที่รามต้องเผชิญความยากลำบากและอันตรายอยู่คนเดียวเพราะความทิฐิของตัวเองแท้ๆ
จดหมายของรามเล่าถึงภาวะสงครามที่นั่น ขณะเขานั่งเรือขนาดเล็กอยู่ในท้องน้ำที่นักศึกษาออกซ์ฟอร์ดมักจะมาพักผ่อน เขาอยู่กับปาริชาติ หญิงสาวที่เขาเจอเมื่อมาถึงอังกฤษใหม่ๆ ปาริชาติที่เป็นสาวไฮโซฟู่ฟ่ามองรามเป็นแค่นักศึกษากระจอกที่ได้รับทุนมาเรียน
ต่อมาพอรู้ว่ารามเป็นลูกชายของนายห้างในเมืองไทยก็หันมาคบและพาเข้าสังคมคนไทยที่นั่น
รามเล่าในจดหมายว่านับแต่นาซีบุกโจมตีที่นี่ทิ้งระเบิดตามเมืองต่างๆ ผู้คนนับแสนก็ไม่มีบ้าน ต้องไปหลบระเบิดกันที่สถานีรถไฟใต้ดิน แต่ออกซ์ฟอร์ดยังรอดปลอดภัยดี
กระถินตอบจดหมายบอกเล่าถึงทุกคนที่เป็นห่วงและสวดมนต์ภาวนาให้พระคุ้มครองเขาให้ปลอดภัย รามตอบขอบใจที่กระถินยังมีแก่ใจคิดถึงตน เรื่องจะกลับคงเป็นไปได้ยากเพราะสถานการณ์สู้รบลุกลามไปทั่วยุโรปแล้ว กระถินบอกในจดหมายว่าถ้าตนพอจะช่วยทำอะไรให้เป็นประโยชน์ได้มากกว่านี้หรืออยากให้ช่วยอะไรก็บอก รามดีใจมากตอบจดหมายว่า
“แค่เธอเขียนถึงฉันทุกวัน แค่นี้ก็เป็นกำลังใจให้ฉันมาก แต่ถ้าเธออยากจะสงเคราะห์ฉัน ก็ส่งรูปของเธอมาให้ฉันเห็นหน้าที...สถานการณ์หน้าสิ่วหน้าขวาน
ตอนนี้ ไม่รู้ว่าฉันจะมีโอกาสได้กลับไปเจอเธออีกหรือไม่ ช่วยเป็นเครื่องรางให้ฉัน ทำให้ฉันอยากมีชีวิตรอดกลับไปเจอเธอให้ได้...”
กระถินไม่มีรูป จึงส่งเครื่องรางอย่างอื่น ซึ่งก็คือผ้าเช็ดหน้าที่ปักอักษรย่อชื่อและนามสกุลของรามไปให้แต่บอกว่าให้ยืมพกติดตัวและต้องสัญญาว่าจะเอามาคืนให้ด้วยตัวเอง รามดีใจมากตอบจดหมายไปว่า
“ขอบใจสำหรับเครื่องรางของเธอ ฉันสัญญาว่าจะต้องรอดชีวิตกลับไปคืนให้เธอจนได้ ถ้าถึงตอนนั้น ฉันขอแลกกับอะไรบางอย่างจะได้ไหม ถ้าฉันกลับไปคราวนี้ ฉันอยากฟังเธอเรียกฉันว่าพี่ราม...ไม่อยากเป็นคุณรามของเธออีกแล้ว”
ooooooo
ปี 2484 กระถินอายุ 15 ปีแล้วกำลังโตเป็นสาวรุ่น หน้าตาผุดผ่องสวยงามดูมีสง่าราศี กระถินอ่านจดหมายของรามให้คุณพระฟังเหมือนเคย
จดหมายของราม บรรยายถึงความลำบากยากเข็ญของผู้คนที่ไม่มีบ้าน น้ำประปาและแก๊สใช้ ถูกจำกัดทั้งน้ำมันและอาหารจนต้องปันส่วนกัน ทุกคนที่นั่นต้องมีชีวิตอยู่อย่างแร้นแค้น และไม่รู้ว่าสงครามจะยืดเยื้อไปอีกถึงเมื่อไหร่
คุณพระเสียใจไม่นึกว่าตนจะส่งลูกไปตาย สงสารที่รามต้องไปทนทรมานอยู่แบบนั้น กระถินซบตักคุณพระปลอบว่ารามจะต้องปลอดภัยกลับมาแน่นอน คุณพระลูบหัวกระถินปลอบใจซึ่งกันและกัน
ละมุดเปิดประตูมาแอบเห็นภาพนั้น แจ้นไปฟ้องพุดกรองว่ากระถินที่กำลังแตกเนื้อสาวออดอ้อนออเซาะเล่นหูเล่นตากับคุณพระมากกว่าเก่า ถอดแบบจากแม่นิ่มมาเลย ยุว่าถ้าพุดกรองมัวแต่เฉยอยู่อย่างนี้ต้องเสียท่านไปแน่ๆ
วันต่อมา กระถินวิ่งถือจดหมายของรามเข้าไปที่เรือนพุดซ้อน ร้องบอกแม่นิ่มเสียงใสว่ามีข่าวดีแต่ไม่เห็นแม่นิ่มและได้ยินเสียงแก้วแตกดังออกมาจาก
ในห้อง กระถินวิ่งเข้าไปดูเห็นแม่นิ่มนอนหมดสติคว่ำหน้าอยู่ ข้างตัวมีโถแก้วแตกกระจาย กระถินผวาเข้าไปเรียกแต่แม่นิ่มนอนนิ่งไม่ได้สติตัวร้อนเป็นไฟ
ทุกคนตกใจไม่รู้ว่าแม่นิ่มเป็นอะไร เอมปรีดิ์มาเรียกแม่นิ่ม เห็นปรือตาขึ้นก็ดีใจร้องว่าฟื้นแล้ว แต่พอได้ยินแม่นิ่มพูดเสียงแผ่ว “พี่ประไพ...มารับนิ่มเหรอคะ” ทุกคนก็ใจหาย กระถินถึงกับร้องไห้โฮ
ละมุดวิ่งไปบอกพุดกรองว่าแม่นิ่มนอนชักอยู่ที่เรือนคงไม่รอดแน่ พุดกรองอาสาจะตามหลวงแพทย์ให้เอง พุ่งไปที่โทรศัพท์หมุนโทร.ออก ละมุดรู้ทันว่าพุดกรองถ่วงเวลาเพราะเธอจำเบอร์โทร.ของหลวงแพทย์ไม่ได้ จึงไล่ชบากับจันทร์ที่ยืนลุ้นอยู่ให้ไปดูแม่นิ่ม พอทั้งสองไปพุดกรองก็ลดหูโทรศัพท์ลง สร้อยสนถามว่าโทร.ไม่ติดหรือ พุดกรองพูดด้วยสีหน้าเรียบเฉยว่า “เราจะปล่อยให้มันรอดทำไมล่ะ” สร้อยสนตกใจที่เห็นแม่ตัวเองเลือดเย็นขนาดนี้
พุดกรองเอาหูโทรศัพท์วางไว้นอกเครื่อง กล่อมสร้อยสนว่า
“ถ้าไม่มีนังนิ่ม คุณท่านก็จะไม่มีทายาท ยิ่งรามตายในสงครามสมบัติทุกอย่างของคุณท่านกับคุณพระก็จะตกมาเป็นของแก” สร้อยสนบอกว่าไม่เอา ตนไม่อยากฆ่าใคร พุดกรองย้อนถามว่าตนฆ่าที่ไหน สร้อยสนชี้ว่าแม่ไม่ช่วยก็เท่ากับปล่อยให้เขาตาย แล้วพุ่งไปเปิดสมุดหาเบอร์โทรศัพท์ของหลวงแพทย์ พุดกรองไปกระชากสมุดโทรศัพท์ไม่ให้โทร.พูดเหี้ยม
“บนโลกนี้ ไม่มีที่ให้คนอ่อนแออย่างแกนังสร้อย” สร้อยสนอึ้งที่เห็นแม่ตัวเองใจร้ายขนาดนี้
ooooooo
ทุกคนคอยหลวงแพทย์ที่พุดกรองอาสาโทร.ตามให้ แต่ไม่เห็นมา กระถินโทร.ตามเองจึงรู้จากพยาบาลที่รับสายว่าวันนี้หมอไม่เข้าและไม่เห็นมีใครโทร.มา กระถินบอกทุกคนว่าเราโดนหลอกแล้ว หยิบโทรศัพท์โทร.ไปที่วังปรียวัฒน์ทันที
ปรากฏว่าท่านชายเพิ่งออกไปเดี๋ยวนี้เอง กระถินวิ่งเท้าเปล่าออกไปหวังจะตามรถท่านชายให้ทัน สร้อยสนเห็นดังนั้นวิ่งออกจากบ้านไปเหมือนกัน
ละมุดบอกพุดกรองอย่างกังวลว่าถ้าแม่นิ่มรอดก็เสียแผนหมด ตนเป็นคนวางยาแม่นิ่มเองเพราะกลัวแม่นิ่มจะฉกคุณพระไป โดยละมุดให้โม่ไปหาเมล็ดลำโพงแล้วแอบเอาใส่หม้อต้มยาที่กระถินต้มให้แม่นิ่มกินประจำ
กระถินวิ่งตามรถท่านชายไป โชคดีที่ท่านชายนึกได้ว่าลืมเอกสารจึงหยุดรถตรวจดู จึงเห็นกระถินวิ่งตามมา
ฝ่ายสร้อยสนวิ่งไปหานิธิที่บ้านทดขอให้ไปช่วยแม่นิ่ม พอนิธิไปถึงก็เห็นท่านชายมาถึงก่อนแล้ว กระถินรีบเข้าไปพาแม่นิ่มออกจากห้อง ชบาบอกว่าคุณพระกำลังเอารถกลับมา ท่านชายบอกว่าเรารอไม่ได้แล้วรีบพาแม่นิ่มไปหาหมอเลย
แพทย์วินิจฉัยว่าอาการของแม่นิ่มน่าจะเกิดจากร่างกายได้รับสารพิษบางอย่าง คงต้องล้างท้อง แต่ยังไม่รู้ว่าจะช่วยให้อาการทางประสาททุเลาลงได้ไหม ห่วงว่าจะมีผลกับระบบทางเดินหายใจ ต้องรอดูว่าคนไข้จะผ่านคืนนี้ไปได้หรือเปล่า
กระถินร้องไห้อ้อนวอนให้ช่วยแม่นิ่มด้วย ตนอยู่ไม่ได้ถ้าไม่มีแม่นิ่ม
ขณะที่ทุกคนช่วยแม่นิ่มกันเต็มที่นั้น พุดกรองบอกทดเรื่องละมุดวางยาแม่นิ่ม ทดบอกว่าถ้าเกิดจับได้มันต้องโทษเธอแน่ พุดกรองจิกตาพึมพำ “จะเอาหลักฐานที่ไหนมามัดตัวเราล่ะ ฉันไม่โง่ปล่อยให้มันสาวมาถึงตัวหรอก”
ละมุดฉวยโอกาสที่คนกำลังชุลมุนและไม่มีใครอยู่แอบเข้าไปห้องแม่นิ่มค้นเจอขวดยาธาตุวางอยู่ที่หัวเตียงก็ฉวยเอาไป
ooooooo
รามฝันว่าแม่นิ่มบอกว่าเสียใจที่จะไม่ได้ดูความสำเร็จของราม เขาใจไม่ดี เมื่อเขียนจดหมายจึงเล่าให้กระถินฟังถามว่า
“แม่นิ่มเป็นอย่างไรบ้าง อยากฟังเสียงแม่นิ่มร้องเพลงกล่อมให้นอนแทบขาดใจ ทุกคืนที่ฝันร้าย ฉันยังอดคิดไม่ได้ว่าเป็นเพราะลืมสวดมนต์ก่อนเข้านอนอย่างที่แม่นิ่มเคยขู่เอาไว้ แต่อีกปีเดียวก็จะจบแล้ว ใจหนึ่งก็อยากจะกลับ แต่อีกใจก็อยากจะเอาความสำเร็จไปฝากทุกคนที่รออยู่ให้ได้ มันมีลางอะไรบางอย่างทำให้ฉันเริ่มสงสัยว่ามันคุ้มกันจริงไหม ระหว่างปริญญาหนึ่งใบ กับการที่ไม่ได้อยู่กับทุกคนเลยแบบนี้...”
หลวงแพทย์ตรวจอาการของแม่นิ่มแล้วบอกคุณพระกับกระถินก่อนให้แม่นิ่มกลับไปพักที่บ้านว่า
“คนไข้ตายังพร่าอยู่มาก แล้วก็จำสิ่งที่เกิดขึ้นไม่ได้ เป็นผลจากสารอะโทรปีนที่พบในร่างกาย ซึ่งไม่รู้ว่ารับมาจากทางไหน อาจจะเป็นพืชหรือสมุนไพร ทั้งจากการกิน การสัมผัสก็เป็นไปได้ทั้งนั้น ตอนกลับไปพักฟื้นที่บ้าน คงจะต้องระวังดูแลอย่างใกล้ชิดด้วยนะครับ”
ขณะกระถินไปรับยา ท่านชายที่มาเยี่ยมแม่นิ่มเห็นแต่เรียกไม่ทันจึงเดินตามไป กระถินเจอพุดกรองที่มาดักเยาะเย้ยกระถินว่าเกือบกำพร้าแม่อีกคนแล้วสินะ กระถินต่อว่าที่วันนั้นไม่ได้โทร.ตามหลวงแพทย์ให้เพราะตั้งใจปล่อยให้แม่นิ่มตาย
ท่านชายได้ยินสองคนโต้เถียงกัน ถึงกับอึ้งเมื่อรู้ว่าที่แท้กระถินเป็นลูกของพุดกรองที่ถูกแม่ทิ้งเพราะเป็นลูกโจร เมื่อท่านชายกลับไปเล่าให้ท่านหญิงฟัง ท่านหญิงก็ยิ่งสงสารและเวทนากระถิน
วันนี้กระถินป้อนอาหารให้แม่นิ่มแล้วลุกไปเอาของหวาน พุดกรองย่องเข้ามาหมายกำจัดแม่นิ่ม แม้ไม่เห็นแต่แม่นิ่มจำกลิ่นน้ำปรุงของพุดกรองได้ ถามว่ามาถึงที่นี่มีอะไรรึ พุดกรองเสแสร้งว่ามาดูเพราะเป็นห่วง แม่นิ่มประชดว่าไม่น่าเชื่อว่าเธอจะเป็นห่วงตนถึงขนาดนี้
“รอดูฉันเป็นเจ้าของที่นี่ก่อนสิ ถึงตอนนั้นเธอก็คงกระอักเลือดตายเอง” พุดกรองเผยโฉมตัวเอง
“ถ้าอย่างนั้นหล่อนคงต้องรอให้ฉันตายก่อนละมั้ง” เอมปรีดิ์เอ่ยขึ้น พุดกรองตกใจที่เอมปรีดิ์เข้ามาได้ยิน ตัดพ้อว่าคุณท่านพูดอะไรอย่างนั้น “เธอคงจะแช่งชักให้ฉันตายวันตายพรุ่งเพื่อจะชุบมือเปิบเป็นเจ้าของที่นี่สินะ...ไม่สำนึกบุญคุณก็อย่าเนรคุณกัน แค่เป็นเมีย
คุณพระไม่ได้แปลว่าไม่ต้องเห็นหัวใครที่นี่ อย่าใฝ่สูงจนเกินตัว อย่าเหลิงจนเกินเหตุ ไม่งั้นความโลภจะกัดกินตัวเอง”
เอมปรีดิ์ปรามแล้วออกไปอย่างชิงชัง กระถินกลับมาถามแม่นิ่มว่าพุดกรองมายุ่งอะไรหรือเปล่า แม่นิ่มบอกว่าแค่มาทักทายตามประสาของเขาเท่านั้น กระถินระแวงว่าพุดกรองจะมาทำอะไร สั่งบ่าวให้เอาอาหารที่เหลือทั้งหมดไปเททิ้งและให้ระวังอย่าให้ใครเข้ามาป้วนเปี้ยนที่เรือนครัวด้วย
แม่นิ่มถามว่ากลัวเขาจะมาวางยาแม่หรือไง ติงว่าอย่าเพิ่งไปหาความ ถ้ายังหาหลักฐานมัดใครไม่ได้
“กระถินสัญญาว่าจะไม่ปล่อยให้คนที่ทำร้ายแม่นิ่มลอยนวลอยู่ในเรือนแน่ค่ะ”
พุดกรองกลับไปบอกละมุดว่าพวกนั้นคงสงสัยเราแล้ว ตำหนิละมุดว่าพลาดที่โง่ปล่อยให้แม่นิ่มรอดมาได้
“เอ๊า...นี่ข้าผิดอีกแล้วหรือวะ แล้วอย่างนี้มันฟ้องคุณพระ ข้าก็เสร็จสิ”
“เราก็ต้องอย่าให้มันชิงฟ้องได้สิ คราวก่อนเอ็งเบามือไป คราวนี้เอ็งต้องทำให้มันไม่มีโอกาสฟื้นขึ้นมาได้ แค่นี้ความลับก็จะตายไปกับพวกมัน” พุดกรองจิกตาร้าย ละมุดคิดหาทางที่จะวางยาแม่นิ่มอีกครั้งให้หนักกว่าเก่า
แต่คราวนี้ถูกกระถินจับได้ โดยแกล้งวานให้ละมุดดูหม้อยาที่ต้มให้แม่นิ่มอ้างว่าจะไปจัดโต๊ะให้คุณพระ แต่ไปแอบดูจับได้ว่าละมุดเทบางอย่างลงในหม้อยา จึงเทยาออกแล้วเอากากที่เหลือให้นิธิเอาไปตรวจดูว่ายาพวกนี้มีพิษไหม
พุดกรองกับทดติดบ่วงสวาทกัน นับวันคบกันเปิดเผยขึ้นจนหลายคนผิดสังเกต กระทั่งชบาที่หวังจับทด จับได้ว่าพุดกรองมานอนที่บ้านทด แม้จะเจ็บปวดแต่ชบาก็พยายามอดกลั้น
ท่านชายซื้อจักรยานให้กระถินและช่วยสอนให้บอกว่าต่อไปจะได้ไม่ต้องวิ่งเท้าเปล่าอีก สร้อยสนให้นิธิสอนขี่จักรยานที่ยืมมาแต่ขี่ไม่เป็นสักที เห็นท่านชายสอนกระถินก็ริษยา เมื่อตัวเองขี่จักรยานล้มท่านชายรีบมาดูด้วยความเป็นห่วง สร้อยสนอ้อนให้ช่วยสอนให้ตนบ้างอ้างว่านิธิสอนไม่ได้เรื่อง ท่านชายจึงสอนให้ กระถินเลยชวนนิธิขี่จักรยานไปในสวนกัน
ooooooo
วันนี้กระถินอยู่ในห้องทำงานที่ทดนั่งอยู่ด้วย เขียนจดหมายเล่าอาการป่วยของแม่นิ่มให้ราม แต่เกรงจะเพิ่มภาระทางใจให้รามจึงขยำทิ้งแล้วเขียนใหม่เพื่อให้รามสบายใจ
นิธิเอากากยาที่กระถินให้ไปให้เพื่อนตรวจ บอกกระถินว่ายาที่กระถินต้มให้แม่นิ่มมีพิษจากเมล็ดหัวลำโพงอยู่ด้วย
“แบบนี้ก็แปลว่ามีคนจงใจวางยาแม่นิ่มถึงได้ใส่ลงไป กระถินรู้ใช่ไหมว่าใครเป็นคนทำ”
กระถินรู้ทันทีว่าใครทำ แต่นึกถึงคำเตือนของท่านชายเมื่อรู้ว่าพุดกรองเป็นแม่ว่า “ฉันรู้ว่ากระถินแค้นพุดกรอง แต่ขอร้องอย่าวู่วาม เราต้องตอบโต้คนพาลอย่างมีสติ สัญญากับฉัน เมื่อมีปัญหาให้มาบอกฉัน อย่าผลีผลามทำอะไรตามลำพัง”
ฝ่ายทดเห็นกระถินขยำกระดาษเขียนจดหมายทิ้งจึงแอบเก็บอ่านรู้ว่ากระถินรู้ว่าพุดกรองเป็นคนวางยาแม่นิ่มก็คิดหาทางจัดการกระถินไม่ให้เล่นงานพุดกรองได้
ooooooo
จู่ๆรามก็กลับมาโดยมีปาริชาติหรือปูเป้ตามมาอย่างเกาะไม่ปล่อย คุณพระดีใจมากถามว่านึกยังไงถึงมาไม่บอกกล่าว ปูเป้ชิงตอบว่ารามอยากเซอร์ไพรส์ทุกคนเลยชวนตนกลับมาเยี่ยมบ้านตอนปิดภาคเรียน
ปูเป้รู้จักกระถินจากที่ได้แอบอ่านจดหมายติดต่อ มองกระถินอย่างสำรวจทำเป็นชมว่าโตเป็นสาวแล้ว อ่านในจดหมายนึกว่ายังเด็กเห็นขยันส่งมา ถามหยั่งเชิงว่า “คงจะคุยเก่งนะคะน้องสาวของรามคนนี้”
“ไม่ใช่น้องสาวค่ะ กระถินเป็นแค่คนรับใช้ของคุณราม”
ปูเป้ร้องอ้าว รามชี้แจงหน้านิ่งว่า “เขาคงไม่อยากนับญาติกับผมเท่าไรนัก เพราะตอนเด็กๆผมร้ายกับเขาไว้มาก” พอดีพุดกรองเดินเข้ามากับละมุดและสร้อยสน รามสวัสดีพุดกรองถามสร้อยสนว่าสบายดีนะ คุณพระชมว่ารามกลับมาคราวนี้โตขึ้นมากและสำรวมกว่าเก่า
พุดกรองตีหน้าชื่นบอกว่ายินดีต้อนรับกลับบ้าน รามเอ่ยตอบพลางแนะนำปูเป้ว่า
“ยินดีที่ได้มาเจอทุกคนเหมือนกัน นี่ปูเป้ ปาริชาติ ลูกสาวพลโทคร้าม บุรีรมย์” แนะพุดกรองกับปูเป้ว่า “แล้วนี่คุณพุดกรอง ภรรยาคุณพ่อ แล้วก็สร้อยสน ลูกสาวคุณพุดกรอง...”
ปูเป้ยกมือจะไหว้ แต่พอรู้ว่าเป็นแค่แม่เลี้ยงก็ลดมือลง ทำเอาพุดกรองรับไหว้เก้อ ปูเป้ถามว่าบ้านนี้ก็มีแต่รามกับคุณพ่อเท่านั้นหรือ พอรามบอกว่ายังมีคุณยายกับแม่นิ่ม ปูเป้ก็เร่งเพื่อแสดงตัวว่า
“งั้นรีบพาปูเป้ไปเจอสิคะ ปูเป้จะได้ฝากเนื้อฝากตัวกับท่าน”
พอเจอแม่นิ่มกับคุณยายเอมปรีดิ์ ปูเป้ก็แสดงความสนิทสนมกับรามเป็นพิเศษ คุณยายถามว่าเรียนที่เดียวกันหรือ
“เราเรียนอยู่คนละคอลเลจกัน แต่ก็ไปมาหาสู่กันทุกวันค่ะ บางวันปูเป้ก็ไปขลุกอยู่ห้องราม” รามรีบแก้ว่าไปกันหลายคน มีเพื่อนๆเราด้วย ปูเป้แก้เกี้ยวว่า “เพิ่งจะได้มีโอกาสได้อยู่สองต่อสองก็ตอนพักอยู่บนเรือขากลับนี่แหละค่ะ” รามแก้อีกว่าแค่โดยสารเรือมาด้วยกัน ปูเป้ทำเป็นตกใจแก้ว่า “ตายจริง ก็แค่ร่วมทางไม่ได้ร่วมเตียงกันหรอกค่ะ ปูเป้ไม่ทันระวัง เพราะอยู่นู่นเขาไม่ถือเรื่องแบบนี้กัน คุณยายกับแม่นิ่มอย่าถือสาเลยนะคะ” ปูเป้พูดจ๋อยๆอย่างไม่ขัดเขินเลย ทำให้คุณยายกับแม่นิ่มยิ่งรับไม่ได้
ปูเป้วางท่ากับชบาที่มาเสิร์ฟน้ำตะไคร้ว่าตนต้องการ “จิงเจอร์เอล” กระถินเข้าไปปรามความกร่างของปูเป้ว่าถ้าชอบวันหลังก็พกติดตัวมาด้วยเพราะบ้านนี้มีแต่น้ำเปล่า มีหลายโอ่งด้วย ปูเป้ปรามว่าไม่เคยเห็นคนใช้บ้านไหนปากเสียเท่าเธอ
“อ้อ...แสดงว่าไปเยี่ยมผู้ชายมาหลายบ้านแล้วเหรอคะ หวังว่าจะมาเยี่ยมบ้านนี้เป็นบ้านสุดท้ายนะคะไม่เช่นนั้นคุณรามคงจะช้ำใจน่าดู”
“เธอ!” ปูเป้โมโหที่ถูกกระถินย้อนเอาอย่างเจ็บแสบเดินกระแทกไหล่กระถิน ขึ้นรถขับออกไปทันที
รามขึ้นไปเปลี่ยนเสื้อผ้าลงมา เห็นกระถินเก็บที่เขี่ยบุหรี่กับถาดเครื่องดื่มกลับไปก็รู้ว่ากระถินอยู่กับปูเป้เป็นคนสุดท้าย ถามว่าทำไมปูเป้จึงรีบออกไปอย่างนั้น กระถินประชดว่าคงคอแห้งรีบกลับไปดื่มน้ำที่บ้านน้ำฝนที่บ้านเราคงระคายคอ
รามย้อนว่าคำพูดคำจาของเธอก็ระคายหูตนเหมือนกัน ชักสงสัยว่าเป็นคนเดียวกับที่เขียนจดหมายให้ตนหรือเปล่า กระถินสวนไปว่าตนเขียนแลกค่าจ้าง รามหยิบผ้าเช็ดหน้าผืนนั้นออกมาถามว่ารวมทั้งเครื่องรางชิ้นนี้ด้วยใช่ไหม มิน่าถึงไม่ยอมเรียกตนว่า “พี่ราม” ตามสัญญา
“ขอบคุณที่เอามาคืนนะคะ” รามบอกว่าให้เรียกพี่รามก่อนแล้วจะคืนให้ “ถึงเรียกไปก็คงระคายหูอยู่ดี”
พอดีท่านชายเดินเข้ามาถามว่าแขกที่เพิ่งกลับไปใช่ปูเป้หรือเปล่า ท่านชายแปลกใจที่เห็นรามกลับมากะทันหัน
รามรู้สึกว่าท่านชายเข้านอกออกในบ้านนี้ได้อย่างสนิทสนม ระแวงว่ากระถินคุยกับตนแต่แอบติดต่อกับท่านชายด้วย
ooooooo










