ตอนที่ 11
คืนนี้รามพาปูเป้ไปดินเนอร์กันที่โฮเต็ลหัวหินกลับมาสี่ทุ่มกว่าในสภาพที่ปูเป้เมาไวน์ กลับมาถึงเธอร้ายผิดกับตอนเย็นที่ทำเป็นไม่รู้เรื่องการแต่งงานของรามกับกระถิน แต่พอเมากลับมาก็กระแนะกระแหนกระถินต่างๆนานา
ปูเป้ด่ากระถินว่าแย่งสามีคนอื่นหน้าด้านๆ ด่ารามว่าหน้ามืดที่เลือกผู้หญิงปลายแถวอย่างนี้ ปูเป้ด่ากระถินจนเอมปรีดิ์กับแม่นิ่มทนไม่ได้ปรามว่าอย่ามาก้าวร้าวคนอื่นถ้าเธอฟังเหตุผลบ้างก็จะเข้าใจว่าทำไมจึงเกิดเรื่องแบบนี้ รามพยายามห้ามปรามปูเป้แต่ไม่ได้ผล เขาจึงตัดสินใจพาปูเป้กลับกรุงเทพฯเพื่ออธิบายทุกอย่างที่เกิดขึ้นให้คุณพ่อคุณแม่เธอฟัง
“เรื่องนี้จะไม่มีวันจบง่ายๆ ปูเป้ไม่มีวันยกโทษให้!!” ปูเป้ประกาศ
“จะต้องให้ผมรับผิดชอบคุณยังไงผมไม่ว่า แต่อย่าลืมว่าผมต้องรับผิดชอบกระถินเหมือนกัน” รามยืนยันบอกกระถินว่าตนต้องกลับไปขอขมาทางบ้านปูเป้ก่อน สัญญาว่าจะจบกับปูเป้แล้วทำเรื่องของเราให้ถูกต้องจะได้ไม่มีอุปสรรคอะไรมาขวางเราสองคนอีก
เมื่อรามไปขอขมาคร้ามและชื่นจิต รามถูกคร้ามตวาดถามว่ายังกล้ามาที่นี่อีกหรือ ปูเป้บอกว่าตนรู้เรื่อง
ที่รามแต่งงานแล้ว เขามีเหตุผลที่คุณพ่อคุณแม่ยังไม่รู้ว่าที่ต้องแต่งงานกับน้องสาวบุญธรรมก็เพื่อรักษามรดกไว้ ไม่อย่างนั้นสมบัติจะต้องตกไปเป็นของแม่เลี้ยงครึ่งหนึ่ง รามติงว่า
“นั่นก็ส่วนหนึ่งครับ แต่ที่มากกว่านั้นก็คือผมกับกระถินเรารักกันมาอยู่ก่อนแล้ว ก่อนที่ผมจะไปเรียนด้วยซ้ำ ผมไม่ได้แต่งงานกับเขาเพราะสมบัติ เราแต่งงานกันด้วยความรัก” คร้ามถามว่าแล้วยังจะเสนอหน้ามาที่นี่ทำไม “ผมจะมากราบขอโทษที่ไม่ได้ถอนหมั้นกับปูเป้อย่างเป็นทางการก่อนที่จะไปแต่งงานทำให้ปูเป้เสียความ รู้สึกและเสียหาย ผมขอรับผิดที่เป็นฝ่ายทิ้งไป ผมอยากให้รู้ว่าผมเสียใจ ท่านอยากให้ผมชดใช้ความผิดให้ยังไงผมก็ยอม”
“แล้วแกจะรู้ว่าโทษของการใฝ่ต่ำมันเป็นยังไง สิ้นคิดทำตามอำเภอใจ!!...คนอย่างแกไร้อนาคต บุญแล้วที่ลูกสาวฉันไม่ไปล่มหัวจมท้ายกับคนจับจดอย่างแก!!” ปูเป้ถามว่าคุณพ่อจะให้เรื่องจบง่ายๆอย่างนี้เหรอ “บอกได้เลย ไม่ถึงปีเดี๋ยวมันก็ซมซานกลับมา ถึงตอนนั้นจะรู้ว่าความรักไม่พอจะให้มันยาไส้ด้วยซ้ำ!!...สักวันชีวิตมันจะฉิบหายเพราะความสำส่อนของมัน”
รามเจ็บใจที่ถูกคร้ามด่าและดูถูก พยายามอดกลั้นพูดอย่างสงบเสงี่ยมเพื่อให้จบปัญหาว่า
“ในเมื่อผมไม่มีอะไรคู่ควรกับลูกสาวท่าน ก็ขอให้ถือเสียว่าเราทำบุญมาด้วยกันแค่นี้ ถ้าท่านไม่เรียกร้องอะไร ผมจะถือว่าการหมั้นจบสิ้นลงแค่นี้ เราไม่มีอะไรติดค้างกันอีกแล้ว”
รามลุกขึ้นเดินออกไป ปูเป้รับไม่ได้จะตามไปยื้อราม แต่ถูกชื่นจิตรั้งไว้
ooooooo
แล้วก็เกิดปัญหาทันตาเห็น เมื่อสมพรรายงานรามว่าห้างถูกสั่งตรวจสอบหาว่ากักตุนสินค้าของทางการไปขายในตลาดมืด รามบอกว่าตนให้ทดจัดการปัญหานี้แล้ว สมพรบอกว่าทดลาออกไปแล้ว สมพรคาดว่า
“ผมมั่นว่าเราถูกกลั่นแกล้ง เพราะคนที่ออกคำสั่งเรื่องนี้คือพลโทคร้าม ตอนนี้เขากำลังมีอิทธิพล ผมเลยคิดว่าเราอาจจะถูกกลั่นแกล้งก็ได้”
พุดกรองแอบฟังอยู่อย่างสะใจที่รามกำลังเข้าตาจนที่เลือกแต่งงานกับกระถิน
เมื่อเรื่องรู้ถึงกระถิน แม่นิ่ม และเอมปรีดิ์ ทุกคนเป็นห่วงว่ารามจะจัดการปัญหาใหญ่นี้อย่างไร กระถินอดคิดไม่ได้ว่าตนเองเป็นต้นเหตุทำให้ปัญหาบานปลายร้ายแรงขนาดนี้
พุดกรองเชื่อว่ารามแก้ปัญหาไม่ได้ ขืนให้ดูแลห้างต่อไปมีหวังเจ๊งไม่เป็นท่า ละมุดผสมโรงว่าหมดตัวเมื่อไรก็ต้องซมซานกับไปหาลูกนายพลอยู่ดี
“ไม่ว่ามันจะเลือกใคร ข้าจะไม่ยอมล่มจมไปกับผู้ชายหน้าโง่อย่างมัน แล้วนี่สร้อยไปไหน” ละมุดบอกว่าเห็นว่าไปดูบ้าน “ลูกคนนี้ไม่รู้จักกอบโกยอะไรสักอย่าง มัวแต่แหย ถึงได้สูบเงินไม่ทันอีกระถิน” พุดกรองบ่นอย่างหงุดหงิด
สร้อยสนไปหาห้องเช่าราคาถูกเพื่อเตรียมย้ายไปอยู่กับพุดกรอง บังเอิญไปเจอนิธิที่เช่าอยู่แถวนั้น นิธิมาทักสร้อยสน เธออายที่ชีวิตตกต่ำมาก พอดีอรชรเร่งให้นิธิรีบไปเดี๋ยวไม่ทันเข้าเวร สร้อยสนจึงขอตัวแยกไป อรชรถามนิธิว่าเพื่อนหรือ รู้จักกันตั้งแต่เมื่อไหร่ นิธิตอบอย่างน้อยใจว่า
“ไม่ใช่เพื่อน แต่ช่างเถอะ เขาคงไม่ใส่ใจเราแล้วมั้ง”
ooooooo
คร้ามจับปูเป้ใส่ตะกร้าล้างน้ำแนะนำให้รู้จักกับโทชิที่เป็นผู้แทนการค้าของกองทัพญี่ปุ่นประจำประเทศไทย บอกปูเป้ให้อยู่ดินเนอร์กันคืนนี้ด้วย ปูเป้รู้ว่าพ่อจะจับคู่ให้ตนจึงขอตัวอ้างว่ายังไม่หายเหนื่อยจากการเดินทาง
คร้ามกับชื่นจิตไม่พอใจที่ถูกปูเป้หักหน้า กลับถึงบ้านก็ตำหนิว่าทำเสียมารยาททั้งที่โทชิสนใจถามหาเธอตลอดเวลา ปูเป้บอกว่าตนไม่สนใจคนอย่างนั้น คร้ามถามว่าเขาเป็นคนคุมการค้ากับไทยยังไม่เห็นหรือว่าใหญ่โตแค่ไหน
“ก็แค่พวกหากินกับสงคราม ถ้าพวกเขาเป็นฝ่ายแพ้ขึ้นมาจะทำยังไง”
คร้ามโต้ว่าก็ยังดีกว่าราม ปูเป้ดูออกว่าพ่อกำลังเลหลังขายลูกกิน เอาลูกสาวมาหากิน ชื่นจิตกล่อมว่า
“พ่อเขาทำเพื่ออนาคตลูกนะ ถ้าคุณโทชิยอมค้าขายกับเรา เราจะรวยไม่รู้เรื่อง”
“คุณพ่อมีตำแหน่งในกองทัพ จะค้าขายกับญี่ปุ่นออกนอกหน้าได้ยังไง พ่อค้าอย่างรามต่างหากล่ะคะที่จะทำให้เรารวยในสถานการณ์นี้ได้” คร้ามบอกว่ามันจองหองอย่างนั้นจะไปง้อทำไม “เขาหลอกเรา เราก็หลอกใช้เขาบ้างสิคะ ลูกจะทำให้คุณพ่อเห็นว่าคนที่คุณพ่อควรหากินคือผู้ชายสองคนนั้นไม่ใช่ลูก”
การวางแผนเหนือชั้นกว่าของปูเป้ทำเอาคร้ามกับชื่นจิตอึ้ง คาดไม่ถึง
วันต่อมาคร้ามไปหารามที่ห้างเลิศพาณิชย์ที่ถูกปิดกิจการไปแล้ว กล่าวหาว่ารามทำให้ชีวิตลูกสาวตนป่นปี้และตนต้องกลายเป็นขี้ปากใครต่อใครจนทุกวันนี้ รามย้อนถามว่าแล้วที่ปิดห้างตนยังป่นปี้ไม่พออีกรึไง
รามตัดบทว่าบอกมาดีกว่าว่าท่านจะเอาอย่างไร คร้ามบอกว่าตนต้องการหลักประกันในอนาคตให้ลูกสาว เสนอเงื่อนไขว่าให้รามกว้านหาสินค้ามาให้ตน ตนแค่อยากผูกขาดสินค้าเข้าคลังเท่านั้น แต่ห้ามเขาเอากำไรจากตน ขู่ว่า
“ถ้าอยากให้ห้างแกได้เปิดต่อก็ส่งสินค้ามา ส่วนแกจะไปค้าขายขูดรีดกับใครฉันจะเอาหูไปนาเอาตาไปไร่เสีย”
“ถ้าท่านรับปากว่าของพวกนั้นจะปันส่วนไปถึงชาวบ้าน ไม่ได้เอาไปเซ็งลี้ ผมก็ไม่มีปัญหา แล้วสินค้าที่ท่านอยากได้คืออะไร”
“ตอนนี้เราต้องการข้าว 15 เปอร์เซ็นต์ 20 ตันปูเป้จะเป็นคนติดต่อธุรกิจกับแกเอง”
รามอึดอัดใจที่จะต้องเกี่ยวข้องกับปูเป้อีก แต่เพื่อพนักงานในห้างและครอบครัว รามบอกกับสมพรที่ถามความคืบหน้าในการคุยกับคร้ามว่า
“ทุกคนไม่ต้องห่วง ผมรู้ทุกคนมีภาระ ครอบครัวของคุณก็คือครอบครัวของผม ผมจะไม่ยอมให้ใครมาปิดห้างเรา ไม่มีวัน เราทุกคนจะต้องรอดจากสงครามนี้ไปด้วยกันผมสัญญา”
พนักงานทุกคนจับมือให้กำลังใจกัน รามจับมือทุกคนไว้อย่างให้กำลังใจ
ooooooo
ระหว่างที่รามไปจัดการปัญหาปูเป้ที่กรุงเทพฯนั้น ท่านชายถามว่ากระถินเชื่อว่ารามจะกลับมาหรือเปล่า กระถินเชื่อว่ากลับเพราะรามไม่เคยหลอกตน ถามท่านชายว่ามีภารกิจอะไรให้ตนทำเพื่อไม่ให้ฟุ้งซ่านตนก็ยินดี
ท่านชายบอกว่าเป็นงานอันตรายกว่าที่เธอคิด กระถินเชื่อว่าตนเป็นผู้หญิงคงไม่มีใครสนใจว่าจะเป็นพวกใต้ดิน
“สิ่งแรกที่พวกเราต้องเรียนรู้ก็คือ ‘อย่าอยากรู้ในสิ่งที่ไม่ควรรู้ เพราะถ้ายิ่งรู้มันจะมีอันตราย’ ถ้าเธอรู้อะไรที่สำคัญมากๆเธอต้องยิ่งเก็บความลับให้ได้ คนที่จะร่วมขบวนการกับเราจะทรยศไม่ได้ ในสงครามเธอต้องแลกชีวิตเพื่อรักษาความลับเอาไว้”
ท่านชายมอบสร้อยของชุดปฏิบัติการเสรีไทยของอังกฤษซึ่งเป็นชุดของฝรั่งที่มาพักให้กระถิน มีจี้เป็นรูปวงรีมีฝากระจกครอบยาเม็ด “L” เอาไว้ บอกกระถินว่า
“เมื่อใดที่ถูกศัตรูจับได้ แค่กัดยาเม็ดนี้กลืนลงไป เราก็จะตายไปพร้อมกับความลับ ฉันถึงถามว่าเธอเคยเก็บความลับที่พร้อมจะตายไปกับเธอไหม ความลับที่แม้แต่รามก็บอกให้รู้ไม่ได้”
กระถินนึกถึงความลับเรื่องการตายของคุณพระที่เธอยังปกปิดรามไว้จนทุกวันนี้
เสือกาจกับโม่แอบมาพบกระถินกับชบา ลูกน้องเสือกาจลำเลียงข้าวสารกระสอบใหญ่ออกจากพุ่มไม้ โม่ส่งกระสอบเล็กให้กระถิน เสือกาจบอกว่าตอนนี้ตามท้องตลาดแทบไม่มีข้าวขาย ให้กระถินเอาไปเลี้ยงคนของเธอ กระถินถามว่าเอาข้าวพวกนี้มาจากไหน เสือกาจบอกว่าดักปล้นจากขบวนรถไฟที่พวกญี่ปุ่นขนลงใต้ทุกคืน กระถินถามว่าปล้นเขามาหรือ!
“คนไม่มีจะกิน เพราะพวกญี่ปุ่นเอาแต่กักตุนเอาไปเลี้ยงคนของมัน ถ้าไม่ปล้นมึงจะเอาอะไรยาไส้”
กระถินมองข้าวกระสอบใหญ่ถามว่าแล้วนั่นจะเอาไปไหน โม่บอกว่าจะขนเข้ากรุงเทพฯคืนนี้ มีพวกเซ็งลี้รับซื้อไปปล่อยในตลาดมืด กระถินถามว่า เอาของโจรมาขายแบบนี้ไม่กลัวถูกจับได้หรือ
“พวกข้าไม่ได้รวยอย่างพวกเอ็ง ถ้าไม่ปล้นคนที่อดตายก็คือเรา” เสือกาจตอบแล้วเดินไปเลย
กระถินไม่ชอบใจที่เสือกาจยังหากินกับการปล้น ชบาติงว่ากระถินไม่รู้หรอกว่าคนไม่มีจะกินมันเป็นอย่างไร พวกเสือกาจเป็นโจรเพื่อเลี้ยงปากเลี้ยงท้องและก็ปล้นเฉพาะกับพวกญี่ปุ่น ไม่ได้รังแกคนไทย
“ปล้นใครยังไงก็ขึ้นชื่อว่าโจร” กระถินติง
“คนดีมีในสงครามที่ไหน แค่เกิดคนละชาติก็ฆ่าแกงกันได้ ผิดถูกเอ็งจะวัดจากอะไร ถ้าให้เป็นคนดีแล้วปล่อยลูกเมียอดตาย มันไม่ยิ่งบาปกว่ารึ ผู้ดีมีกิน แล้วคนตาดำๆอย่างเราไม่ใช่คนรึไง ถึงจะอิ่มกับเขาบ้างไม่ได้ เอ็งมองไอ้กาจเสียใหม่ถ้าไม่ถูกบีบให้อดตาย ใครจะอยาก เป็นโจร”
ฟังชบาแล้วกระถินเข้าใจเสือกาจมากขึ้น แต่ก็ยังอดเป็นห่วงความปลอดภัยของเขาไม่ได้
เสือกาจถูกโทชิล่อซื้อข้าวและจับได้ หัวหน้าตำรวจมายืนยันว่าเสือกาจเป็นคนที่ลักลอบขนข้าวไปจากรถไฟจริงๆ
โทชิสั่งทหารญี่ปุ่นให้เอาน้ำสบู่กรอกปากเสือกาจเพื่อปรามไอ้อีหน้าไหนที่ตั้งตัวเป็นศัตรูกับเราจะได้เข็ดหลาบ
“ปล่อย...ไอ้พวกจัญไร ปล่อยกู!!” เสือกาจตะโกนและดิ้นรนสุดฤทธิ์
โม่มาบอกกระถินที่ริมหาดว่าเสือกาจโดนจับเพราะไอ้ยุ่นส่งคนมาล่อซื้อข้าวของเรา
“แล้วตอนนี้เสือกาจอยู่ไหน”
“ได้ยินว่าสันติบาลจับตัวเอาไว้ กำลังส่งตัวไปให้กองทัพญี่ปุ่น”
กระถินเป็นห่วงเสือกาจมาก เกรงว่าเขาจะได้รับการลงโทษอย่างเหี้ยมโหดจากกองทัพญี่ปุ่น
ooooooo
กระถินเป็นห่วงเสือกาจที่จะถูกสันติบาลส่งตัวไปไว้ที่กองทัพญี่ปุ่น จึงวิ่งไปหาท่านชายให้ช่วยพ่อตนด้วย
ท่านชายเป็นหนึ่งในกองกำลังใต้ดินที่เคลื่อนไหวอยู่ในรัฐบาลจึงอ้างความชำนาญเส้นทางแถบหัวหินของเสือกาจเผื่อวันหน้าเราต้องขนย้ายอาวุธเข้ามาเสือกาจอาจเป็นกำลังสำคัญก็ได้ สันติบาลจึงปล่อยตัวเสือกาจและให้หลบซ่อนตัวในที่พักชั่วคราวที่จัดให้
กระถินเก็บของขอกลับกรุงเทพฯก่อนเพื่อไปช่วยพ่อที่ถูกจับ แม่นิ่มและเอมปรีดิ์จึงมาด้วย แต่พอมาถึงกรุงเทพฯ กระถินขอแยกตัวไปทำธุระก่อน เมื่อแม่นิ่มกับเอมปรีดิ์กลับถึงคฤหาสน์นารายณ์ รามถามว่าทำไมกระถินไม่กลับมาด้วย
“มาด้วยกัน แต่กระถินไปทำธุระกับท่านชาย เลยยังไม่ได้เข้าบ้าน”
“ท่านชาย? ธุระอะไรครับ” รามไม่พอใจที่กระถินไปกับท่านชาย เอมปรีดิ์บอกว่ารอกระถินกลับมาถามเองก็แล้วกัน เห็นรามจะออกไปถามว่า จะไปไหน “กำลังจะออกไปพบลูกค้าครับ คุณยายกับแม่นิ่มมาเหนื่อยๆไปพักก่อนเถอะครับ”
นายหวัดได้ยินเปรยออกมาอย่างหมั่นไส้ว่าไปพบลูกค้าหรือไปหาเมียเก่ากันแน่ ออกไปเจอกันทุกวันถึงได้ไม่คิดจะไปรับกระถินที่หัวหินกลับมา แม่นิ่มกับเอมปรีดิ์ฟังนายหวัดแล้วก็เครียด
ooooooo
เมื่อเสือกาจได้รับการปล่อยตัวลับๆแล้วก็พูดอย่างเจ็บใจว่า
“กูไม่น่าจนมุมพวกมัน ไอ้พ่อค้าคนนั้นมันเป็นคนที่ญี่ปุ่นส่งมาล่อซื้อข้าวจากกู...กูสาบาน กูจะทำทุกทางให้พวกอัปรีย์นั่นมันอยู่ในแผ่นดินเราไม่ได้”
กระถินขอบพระทัยท่านชายที่ช่วยพ่อตนเพราะไม่อย่างนั้นตนก็ไม่รู้จะพึ่งใครเหมือนกัน ท่านชาย บอกว่าที่จริงท่านเองก็มีเรื่องต้องพึ่งเสือกาจเหมือนกัน แล้วเล่าว่า
“ตอนนี้ญี่ปุ่นกำลังเข้าตาจน ไทยเองก็พยายามตีตัวออกห่าง เพราะถ้าญี่ปุ่นแพ้ เราก็จะกลายเป็นประเทศแพ้สงคราม ตอนนี้ทหารมันอ่อนกำลังลงเต็มที เราถึงต้องถอยออกมาตั้งหลัก รอเวลาที่จะได้ตลบหลังเอาคืนพวกมัน”แล้วพูดกับเสือกาจว่า “ฉันอยากให้นายคอยจับตาดูรถไฟทางใต้ให้ ฉันได้ข่าวว่าทางญี่ปุ่นจะส่งน้ำมันไปมลายูสองร้อยแกลลอน ถ้าเราดักเส้นทางขนส่งไม่ให้มันส่งยุทธปัจจัยลงไปได้ สงครามก็จะจบได้ไวขึ้น”
“กูรับปากจะจัดการพวกมันให้ จะเล่นให้มันไม่ได้น้ำมันไปสักหยดเดียว”
รามไปติดต่อซื้อน้ำมันจากพ่อค้าตลาดมืด ที่ห้อยเทียนเหลา เจรจากันแล้วแยกย้ายกันกลับ ขณะปูเป้เดินกลับมาที่รถกับราม เธอชื่นชมว่าโชคดีจริงๆ ที่ใครๆก็อยากขายน้ำมันให้เขา รามให้ไปบอกคุณพ่อเธอเลยว่าตนจะส่งน้ำมันรอบนี้ให้ ดักคอว่า หวังว่าท่านจะไม่ลืมเงื่อนไขที่จะให้เราเปิดห้างต่อไป ปูเป้แก้ต่างให้พ่อตนและใส่ไฟ กระถินว่า
“ที่จริงคุณพ่อไม่ได้เป็นคนใจร้าย แต่เป็นเพราะรามทรยศต่อท่านก่อน” พูดแล้วเห็นกระถินกับท่านชายเดินออกจากโรงแรมฝั่งตรงข้าม เธอชี้ให้ดูทันที “ปูเป้รู้ว่ารามไม่ได้ตั้งใจนอกใจหรอก รามก็แค่ตามเล่ห์เหลี่ยมผู้หญิงแปดเหลี่ยมสิบสองคมคนนั้นไม่ทัน”
รามมองตามปูเป้ไปเห็นกระถินกับท่านชายกำลังเดินไปขึ้นรถที่จอดอยู่ ปูเป้ยุอย่างเป็นต่ออีกว่า
“ทีนี้เข้าใจรึยังว่าทำไมปูเป้ถึงพยายามแย่งคุณมาจากนางกากีคนนั้น มันไม่เคยซื่อสัตย์กับรามหรือใครเลย”
รามเครียดนึกว่ากระถินนอกใจตน ที่แท้กระถินกับท่านชายพาเสือกาจมาหลบซ่อนตัวอยู่ที่โรงแรมนี้นั่นเอง
ooooooo
วันต่อมา เมื่อกระถินไปตรวจงานที่ห้าง สมพรรายงานว่าการค้าปลีกช่วงนี้ไม่ดี รามจึงเน้นเป็นตัวแทนขายสินค้าลอตใหญ่ ที่ผ่านมาส่งข้าวไปให้ ครั้งต่อไปจะส่งน้ำมัน ยอดสั่งซื้อสองร้อยแกลลอน
กระถินเอะใจถามว่ารามซื้อน้ำมันจากไหนและจะส่งให้ใคร สมพรบอกว่าได้จากตลาดมืดและจะส่งให้ทางการ ได้ยินว่าเที่ยวนี้จะส่งน้ำมันทั้งหมดลงใต้และยอดสั่งซื้อทั้งหมดมาจากพลโทคร้าม กระถินเป็นห่วงไปบอกรามว่ามีเรื่องจะเตือนเขา รามกำลังหึงไม่ทันฟังกระถินพูดก็ต่อว่าที่เธอออกจากโรงแรมกับท่านชาย รามหาว่ากระถินเอาคืนตนเรื่องปูเป้
“ถ้าจะมีใครสักคนที่ทรยศก็คงเป็นคนที่โกหกว่าจะมาจบทุกอย่าง กระถินคงโง่มากถ้ายังรอพี่อยู่โดยไม่รู้ว่าพี่ไม่คิดจะกลับไปหากระถินด้วยซ้ำ” รามถามว่าตนบอกแล้วว่าจะจบกับปูเป้ทำไมไม่เชื่อ “พี่เองก็ไม่คิดจะเชื่อใจกระถินเหมือนกัน”
ขณะทั้งสองเถียงกันด้วยความเข้าใจผิดเพราะรามถูกปูเป้เสี้ยมนั้น บ่าวมาบอกรามว่าปูเป้มารับแล้ว แต่รามยังพยายามชี้แจงกับกระถินว่าตนต้องเจอกับปูเป้เพราะเรื่องการค้า ไม่อย่างนั้นเขาจะปิดห้างเรา เรากำลังจะไปประชุมสมาคมพ่อค้าถ้ากระถินไม่เชื่อจะไปด้วยก็ได้ กระถินบอกว่าตนไม่ได้หึงเขาแต่สงสัยว่าสินค้าที่ส่งไปจะถูกเอาไปให้ญี่ปุ่น เพราะได้ยินมาว่าญี่ปุ่นวางแผนจะขนน้ำมันลงใต้ มันอาจจะใช้น้ำมันที่เรากำลังจะส่งไปก็ได้
“ถ้ากระถินไม่เชื่อใจ กลับมาคืนนี้พี่จะเล่าทุกอย่างให้ฟัง”
กระถินมองตามรามไปด้วยความเป็นห่วง พอจะเดินไปก็เจอพุดกรองมาดักเยาะเย้ยว่ารามแล่นออกไปหาเมียเก่าแสดงว่าเขาเห็นเธอเป็นแค่เมียบ่าว รามไม่กล้าเอาไว้ออกหน้าออกตาอวดใครถึงได้ควงลูกสาวนายพลไว้กู้หน้าแทน
ทันใดนั้นแจกันใบใหญ่ปลิวเฉียดหน้าพุดกรองไปตกแตก กระเบื้องแจกันกระจายเต็มพื้น!
ฝีมือชบานั่นเอง! ชบาเดินกะเผลกเข้ามาตรงเข้าผลักพุดกรองตะคอกอย่างแค้นใจว่า
“ฆ่ากูคนนึงไม่พอยังคิดจะฆ่าลูกมึงทั้งเป็น ชีวิตมึงเคยรักใครเป็นไหมนอกจากตัวเอง...มึงทนเห็นกระถินได้ดีกว่ามึงไม่ได้ เลยมาเสี้ยมจะให้มันตรอมใจอิจฉาแม้กระทั่งลูกในไส้ มึงมันคนใจบาป!!”
ชบาหยิบเศษกระเบื้องแจกันที่แหลมคมจะเข้ากรีดหน้าพุดกรอง กระถินถลาเข้าดึงชบาไว้ สร้อยสนกับละมุดได้ยินเสียงวิ่งเข้ามาดู กระถินบอกให้สร้อยสนเอาพุดกรองออกไปก่อน ส่วนละมุดพุ่งเข้าจะตบชบา พอชบาหันมาเล่นงานก็วิ่งแจ้นหนีไป
เมื่อพุดกรองโทรศัพท์ไปเล่าให้ทดที่เคาน์เตอร์โรงแรมฟังว่าชบากลับมาจะเอาคืนตน ทดปลอบอย่างเลือดเย็นว่า
“ตั้งสติ อย่าเพิ่งโวยวาย มาขนาดนี้แล้ว ถ้าไม่ทน เราจะไม่เหลืออะไรเลย”
ขณะนั้นเองเสือกาจที่มาซ่อนตัวที่โรงแรมเดียวกันเดินมาลงมาเห็นทดจำได้ว่าเป็นชู้ของพุดกรอง เสือกาจมองทดอย่างแค้นใจ
ooooooo
ที่ภัตตาคารห้อยเทียนเหลา ซึ่งโด่งดังเลิศหรูในยุคนั้น รามนัดพบกับพ่อค้าเชื้อสายจีน ขณะกำลังคุยเรื่องการค้ากันนั้น พ่อค้าอีกหลายคนก็กำลังรุมล้อมหลีปูเป้อยู่ รามมองอย่างระอาที่ปูเป้เอาตัวอ่อยพ่อค้าเหล่านั้นแลกกับผลประโยชน์
ขณะนั้นเองโทชิ คนที่พ่อเธอย้อมแมวลูกสาวขายให้เดินเข้ามาเห็นปูเป้อ่อยพวกพ่อค้าอยู่ก็เลี่ยงไปนั่งห่างออกไปจ้องมองปูเป้อย่างไม่พอใจ รามเห็นโทชิก็มองตามสายตาไปอย่างแปลกใจ
เมื่อโทชิออกไปเต้นรำกับปูเป้ เขาถามเธอว่าผู้ชายพวกนั้นเป็นใคร ปูเป้บอกว่าเป็นคนที่ชอบเห็นตนเป็นของตาย
“คุณก็เลยเห็นผมเป็นของตาย หลอกใช้ผมไปปั่นหัวเขา ถ้าเราจะค้าขายด้วยกันต่อไปคุณควรจริงใจกับผมมากกว่านี้” พูดแล้วโทชิเดินกลับไปที่โต๊ะเลย
ปูเป้หน้าชาที่ถูกทิ้งจึงหันไปหารามที่กำลังดื่มหนักเมื่อคิดถึงที่ถูกกระถินหาว่าทรยศโกหกตนว่าจะจบทุกอย่างกับปูเป้ แต่กลับไปมาหาสู่กันจนไม่ยอมกลับไปหาตน
รามดื่มหนักเมาจนปูเป้ต้องประคองไปขึ้นรถพากลับ
กระถินรอรามจนดึก เธอเข้าไปในห้องพระ ไหว้พระแล้วพูดกับรูปของคุณพระที่ตั้งอยู่ในนั้นอย่างแน่วแน่ว่า
“สถานการณ์บ้านเมืองไม่ค่อยดี แถมกระถินแต่งกับพี่รามเลยทำให้พี่รามตกอยู่ในฐานะลำบาก กระถินเป็นห่วงพี่รามจังค่ะ แต่กระถินสัญญาว่ายังไงกระถินก็จะปกป้องพี่รามแทนคุณลุงค่ะ”
ปูเป้พารามกลับมาก็หิ้วปีกเขาขึ้นห้องนอนพาไปนอนที่เตียงกอดจูบเขาอย่างกระหาย กระถินออกจากห้องพระเห็นห้องรามแง้มอยู่จึงเปิดดู ปูเป้กำลังกอดจูบรามหันมาเห็นก็กระแนะกระแหนว่า
“นึกว่าผีบ้านผีเรือนที่ไหน ขอเวลาส่วนตัวเราบ้างไม่ได้รึไง”
“คิดว่าคงให้ไม่ได้ กรุณาออกไปด้วยค่ะ”
ปูเป้อ้างว่าคืนนี้รามขอให้ตนอยู่กับเขา กระถินแฉว่าถ้ารามไม่มีสมบัติคนอย่างเธอก็ไม่เก็บเขาไว้หรอกให้เลิกยุ่งกับรามและออกไปจากชีวิตเขาเสีย
ทั้งสองโต้เถียงกันจนจันทร์ สร้อยสนและนายหวัดมายืนที่หน้าห้องด้วยความเป็นห่วง ปูเป้ตกใจจึงยอมกลับแต่พูดอาฆาตไว้ว่า
“วันนี้ฉันไป แต่บอกได้เลยอีกไม่นานเธอก็ต้อง ไป รามไม่มีวันเอาอนาคตของเขามาแลกกับผู้หญิงชั้นต่ำอย่างเธอ!”
ooooooo
สร้อยสนอยู่ที่วังปรียวัฒน์กำลังหัดพิมพ์ดีดกับท่านหญิงอย่างเอาการเอางาน เผื่อวันหนึ่งต้องออกจากบ้านจะได้เป็นงานหาเลี้ยงชีพต่อไป
ท่านหญิงจึงให้เป็นผู้ประสานงานระหว่างคนเจ็บจากภาวะสงครามกับแพทย์ที่หมอต้องรักษาคนเจ็บอย่างปิดบัง สร้อยสนดีใจบอกว่าตนทำได้ ตนอยากพิสูจน์ตัวเองว่ายังมีประโยชน์พอจะช่วยคนอื่นได้บ้าง
เมื่อท่านหญิงบอกท่านชาย ท่านชายอึกอักเพราะแพทย์ที่สร้อยสนจะต้องประสานด้วยคือนิธิ เมื่อทั้งสองเจอกันต่างก็ตกใจ แปลกใจ ต่างยังเข้าหน้ากันไม่ติด มองกันไม่สนิทใจ แต่หน้าที่ก็คือหน้าที่ เมื่อสร้อยสนเป็นผู้ช่วยนิธิไปรักษาคนเจ็บบาดแผลจากถูกซามูไรฟัน เธอถึงกับเป็นลมเมื่อเห็นเลือดและเข็มฉีดยา นิธิคิดว่าสร้อยสนไม่เหมาะกับงานนี้และคงยังรังเกียจตน เพราะได้ข่าวว่าเธอแต่งงานกับรามแล้ว พูดเหน็บว่า
“คุณเหมาะที่จะนั่งเป็นคุณนายนับเงินที่ห้างมากกว่า คุณไม่เหมาะกับงานแบบนี้หรอก” ไม่เพียงพูดกับสร้อยสน นิธิยังเสนอกับท่านชายว่าเธอไม่เหมาะกับงานนี้ และตนมีเพื่อนที่พอจะประสานงานได้ ประชดนิดๆว่าสร้อยสนเป็นอะไรไปรามจะว่าเอาได้ จึงได้รับคำชี้แจง จากท่านหญิงว่าภรรยาที่แท้จริงของรามคือกระถินเพราะมีการเปลี่ยนตัวเจ้าสาวในวันแต่งงาน
สร้อยสนน้อยใจตัดพ้อว่านิธิมองว่าตนจับจดยังไงวันนี้ก็ยังมองอย่างนั้น ยอมรับว่า
“สร้อยรู้ว่าสร้อยเหยียบขี้ไก่ไม่ฝ่อ ไม่เอาไหน แต่ตอนที่นิธิมีแต่ตัว สร้อยยังเคยให้โอกาสนิธิได้ แต่ทำไม ตอนนี้นิธิถึงให้โอกาสสร้อยบ้างไม่ได้” สร้อยสนพรั่งพรูความน้อยใจว่า “สร้อยรู้ตัวว่าไม่ดีพอแค่ขอโอกาสแก้ตัวก็ไม่ได้แล้วใช่ไหม สร้อยจะได้รู้ว่าชีวิตนี้มันจบ สร้อยคงไม่มีวันดีกว่านี้ได้ ไม่ว่าสร้อยจะทำอะไรก็ดูเหมือนมันจะไม่ได้ดั่งใจใครเลยสักคน”
สร้อยสนเดินหนีไปจนนิธิตกใจที่ทำให้เธอเสียใจมาก จะคว้าตัวไว้แต่ไม่ทัน จึงจากกันอย่างเข้าใจผิดกัน...
ooooooo
เสือกาจรายงานท่านชายถึงการขนส่งทางรถไฟของญี่ปุ่นว่าจะวิ่งมาสามเวลา ตกดึกชาวบ้านอย่างตนก็จะมาดักรอไม่รู้ว่าแต่ละวันจะได้อะไรเจออะไรก็ฉวยมาตามมีตามเกิด
ท่านชายมีรายละเอียดว่าสะพานรถไฟที่แม่น้ำตาปีถูกตัดขาด รถไฟจะหยุดขบวนตรงนั้นเพื่อขนถ่ายสินค้าลงเรือข้ามไปต่อรถไฟขบวนใหม่ถ้าเป็นไปได้ก็จะแจ้งไปยังกองบินของสัมพันธมิตรให้มาทิ้งระเบิดระหว่างที่ขนถ่ายน้ำมันข้ามแม่น้ำ
เพื่อความแน่ใจว่าน้ำมันอยู่ในขบวนรถไฟนั้น จึงอยากให้เสือกาจไปดักปล้นทุกวันเพื่อยืนยันว่าเจอน้ำมัน ได้กะเวลาส่งเครื่องบินไปบอมบ์น้ำมันพวกมันได้ เสือกาจบอกว่าสบายมาก แต่กระถินใจไม่ดีกลัวจะเป็นน้ำมันที่รามส่งไป ท่านชายบอกว่าถ้าไม่อยากเดือดร้อนก็ควรไปบอกรามให้ยกเลิกการส่งน้ำมันครั้งนี้เสีย
กระถินขอเสือกาจว่าอย่าไปปล้นน้ำมันรถไฟอีกเลย ตนกลัวจะไม่ได้เจอกันอีก เสือกาจควักจี้ทองที่คอ ออกมาบอกว่า
“เครื่องรางอันนี้ทำให้กูกับมึงอยู่รอดมาจนถึงวันนี้ได้ จำใส่กะโหลกมึงไว้ มึงกับกูจะตายไม่ได้ถ้ายังไม่ได้เห็นความฉิบหายของแม่มึง”
ทันใดนั้นเสียงหวอเตือนภัยดังขึ้น กระถินพาคนวิ่งไปที่หลุมหลบภัยไม่เห็นรามจึงวิ่งไปตามที่ห้องทำงานเห็นเขายังนั่งจิบน้ำชาอยู่เธอดึงเขาจากโต๊ะไปหลบภัย รามยิ้มที่ลองใจยั่วจนรู้ว่ากระถินเป็นห่วงตน
ท่านชายพบกับรามที่หลุมหลบภัย ท่านพูดถึงสงครามสร้างความเดือดร้อนให้ชาวบ้านแต่มีบางคนก็กอบโกยจากสงคราม รามกินปูนร้อนท้องแก้ตัวว่าตนไม่ได้ ค้าขายกับญี่ปุ่น แค่มีหน้าที่หาของที่ขาดแคลนมาให้ทุกคนเท่านั้น ท่านชายหัวเราะเยาะ พูดอย่างไม่ไว้หน้าว่า
“อย่าเรียกว่าให้ เรียกว่าทำกำไรไม่ไว้หน้าดีกว่า ที่สงครามยืดเยื้อมาจนป่านนี้ถ้าไม่ใช่เพราะคนอย่างนายแล้วจะมีใคร นายหากินบนความทุกข์ของคนอื่นลงคอได้ยังไง”
“ท่านชายทรงถามหามนุษยธรรมจากกระหม่อมทำไม ถึงกระหม่อมตายก็ใช่ว่าสงครามจะจบเสียเมื่อไหร่ มนุษยธรรมมันหาได้ในสงครามที่ไหน ก็เห็นอยู่ว่าใครก็ต้องเดือดร้อนกันทั้งนั้น กระหม่อมไม่ได้เป็นคนเลือกสงครามแค่พยายามดิ้นรนเอาตัวรอดก็ผิดด้วยหรือ”
เอมปรีดิ์เห็นทั้งสองโต้เถียงกันหน้าดำหน้าแดง จึงขัดขึ้นว่า
“นี่แหละสงคราม แค่คิดเห็นไม่ตรงกันก็เอามาเป็นเรื่องฟาดฟันกันได้ เชื่อมั่นในความดีมันก็ดี แต่ถ้ามัวแต่ยึดมั่นในความดี ก็จะเอาแต่อ้างว่ารบกันเพื่อสันติภาพอยู่ร่ำไป เพราะมัวแต่เอาชนะกัน ความสงบสุขถึงไม่มีอยู่อย่างนี้ไง”
ooooooo
เครื่องบินทิ้งระเบิดโรงไฟฟ้าทำให้ไฟฟ้าดับทั้งเมือง พุดกรองกับทดอยู่ที่โรงแรม เสือกาจถือโอกาสนี้ไปเคาะประตูห้อง ทดสงสัยว่าคงมีคนเอาเทียนไขมาให้ พุดกรองจึงไปเปิดประตู ถูกเสือกาจที่อำพรางใบหน้าลากออกจากห้องไป
เสือกาจเอามีดจี้คอพุดกรองถามว่า “กลัวทำไม ทำยังกะมึงไม่เคยฆ่าใคร” พุดกรองเอามือจิกตาเสือกาจและร้องขอความช่วยเหลือ ถูกเสือกาจถีบจนคว่ำนอนจุกที่พื้น เหยียบและเอามีดจ่อขู่
ทดได้ยินเสียงร้องของพุดกรองรีบออกมาดู เสือกาจจึงหนีไป ทดเห็นแต่เงาถามว่าใคร เห็นพุดกรองนอนกองอยู่จึงรีบช่วยเหลือถามว่ามันคือใคร พุดกรองบอกว่าไม่รู้ แต่ทดเหลือบเห็นสร้อยจี้ทองตกอยู่
เมื่อพากันกลับเข้าห้อง พุดกรองจำได้บอกว่าเป็นสร้อยของเสือกาจ ตกใจลนลานร้องว่าผู้ชายวันนี้คือเสือกาจ!
“แสดงว่ามันยังไม่ตาย ไม่เคยมีใครเห็นศพมัน มันตั้งใจกลับมาล้างแค้นฉัน...มันจะฆ่าฉัน!!”
“ใจเย็น ผมอยู่นี่ พุดกรอง...ผมอยู่นี่”
ทดกอดปลอบพลางมองหาที่ซ่อนตัวให้พุดกรองที่ทรุดตัวอยู่หน้าตู้อย่างขวัญเสีย
ooooooo










