ตอนที่ 10
ไปถึงหัวหิน รามกับกระถินกราบเอมปรีดิ์ผู้เป็นยาย รามขอให้คุณยายอวยพรให้ตนกับกระถินด้วย แม่นิ่มขัดขึ้นว่า
“อวยพรอะไรกัน อย่าเรียกว่างานแต่งเลยเรียกว่าปาหี่ดีกว่า ทำเอาขายหน้ากันไปทั่วหน้า”
“ยายรู้เรื่องว่าที่พ่อตาของเราเขาโกรธเคืองบ้านเราแล้ว ยังดีที่เราอดทนอดกลั้นไม่ได้ตอบโต้ด้วยกิริยาชั่วๆ ให้เขาดูถูกเราได้ แต่ดีที่สุดเราต้องแสดงความจริงใจในการแก้ปัญหา อย่าทำให้คาราคาซัง รีบไปหย่ากันเสียให้เรียบร้อยก่อนที่คู่หมั้นเราเขาจะกลับมา”
“ค่ะ กระถินก็กะว่าจะรีบกลับไปจัดการให้เร็วที่สุด” กระถินตอบทันทีจนรามหันมองอึ้ง
แม่นิ่มจัดให้กระถินอยู่กับตนและเปิดห้องให้รามอยู่ต่างหาก รามอึ้ง เซ็ง มองกระถินที่ถูกแยกไปหน้าจ๋อย...
รุ่งขึ้น เมื่อพุดกรองรู้ว่ารามกับกระถินไปอยู่หัวหินก็โทร.บอกทด ทดตอบอย่างผยองว่า ไกลหูไกลตาแบบนี้ลงมือคราวนี้รับรองไม่พลาดแน่
เมื่อถูกแยกกันอยู่ รามพยายามส่งสัญญาณให้กระถินออกมาพูดคุยกัน รามจึงเห็นว่าแหวนแต่งงานที่นิ้วกระถินหายไป ถามว่าแหวนหายไปไหน เธอบอกว่าถอดไว้ที่บ้านใส่แล้วเกะกะ กระถินเห็นแม่นิ่มกับบ่าวยกอาหารผ่านไป ถามว่าจะยกไปไหน
แม่นิ่มนึกได้บอกว่าท่านชายมาประทับที่เรือนของ หลวงกิจข้างๆเรา กระถินจึงขอยกไปเอง แม่นิ่มบอกว่าอย่าเพิ่งเลยเพราะไม่รู้ว่าท่านชายพร้อมจะเจอกันหรือยัง กระถินจึงไปแอบดูท่านชายที่เรือนไม้ริมทะเล ท่านชายหันมาเห็นถามว่า
“มาได้ยังไง อ้อ...คงมาฮันนีมูนสินะ ฉันนี่ไม่น่าถาม”
“เปล่าเพคะ ไม่ได้มาฮันนีมูนแค่หลบมาพักกับแม่นิ่มเฉยๆเพคะ ท่านชายเสด็จมาทำอะไรที่นี่เพคะ ท่านหญิงทรงห่วงท่านชายมาก ทำไมไม่ทูลท่านหญิงว่าท่านชายมาประทับอยู่ที่นี่ล่ะเพคะ”
“ฉันบอกใครไม่ได้หรอกว่าฉันมาทำอะไร แม้แต่บ้านเธอก็ยังคิดว่าฉันหนีมาทำใจที่เธอทิ้งฉันเลย”
พอดีเสียงเรียกวิทยุจากเครื่องบนบ้านดังขึ้น ท่านชายรีบไปรับสัญญาณบนบ้าน กระถินสงสัยจึงเดินขึ้นไปได้ยินท่านชายพูดเป็นรหัสนัดพบกันตอนสามทุ่ม กระถินร้อนใจถามว่าคืนนี้มีอะไรหรือ อันตรายหรือเปล่า ท่านชายบอกว่าตนมีภารกิจในทะเล ไม่ต้องห่วง มองไปที่ทหารฝรั่งบอกว่าตนไม่ได้ทำงานนี้คนเดียว แล้วพากระถินลงเรือนไป
เช้านี้รามไม่เห็นกระถินมากินมื้อเช้าพูดอย่างไม่พอใจว่านี่คงไปส่งข้าวส่งน้ำกันอยู่ ทีตนจะอดตาย
ไม่เห็นสนใจ ถูกเอมปรีดิ์ปรามว่ารามไม่มีสิทธิ์ไปหึงหวง
กระถิน เมื่อรามบ่นจันทร์บอกว่าอาหารและเนื้อที่เรากินอยู่นี่ได้มาจากท่านชายไปล่ามาจากป่า เราถึงได้ทำอาหารไปถวายคืนท่าน รามฮึดขึ้นมาจะออกไปหาเองบ้างจะได้ไม่ต้องพึ่งใคร
รามลุกจากโต๊ะไปทันที เอมปรีดิ์ดูออก บ่นว่า “แบบนี้เขาเรียกว่าหวงก้าง”
ooooooo
รามเดินมากับพรานป่าเจอท่านชายเดินมาส่งกระถินที่หน้าบ้านพัก กำชับว่าอย่าบอกใครเรื่องที่ตนเป็นพวกใต้ดินแม้แต่สามีเธอก็ห้ามบอก รามให้พรานป่าหยุดคอย แล้วเข้าไปทักท่านชาย
ท่านชายทักว่าเขาจะเข้าป่ารึ ทำไมไม่เคยเห็นหน้าพรานพวกนั้นเลย ตนจะแนะนำพรานที่ใช้อยู่ให้ เป็นพรานชำนาญทางดี รามขอบพระทัยแต่ไม่ต้องเพราะตนจะไปสำรวจดูพื้นที่ก่อนเท่านั้น พูดเหน็บว่า
“วันหน้าจะได้ไม่ต้องรบกวนท่านชายเรื่องข้าวปลาอาหารเดี๋ยวคนจะหาว่ากระหม่อมปล่อยเมียให้อดๆอยากๆ”
ท่านชายเห็นรามหงุดหงิดจึงขอส่งกระถินแค่นี้ กระถินเตือนเป็นนัยว่าอย่าลืมเรื่องที่จะสอนตนจับปูลมสามทุ่มคืนนี้ ท่านชายจะท้วงติงกระถินตัดบทว่า
“ถึงหม่อมฉันทำอะไรมากไม่ได้ ขอแค่ได้ให้กำลังใจท่านชายก็ยังดี”
รามฟังออกว่าทั้งสองมีลับลมคมในกันยิ่งไม่พอใจ ตกกลางคืนกระถินหิ้วถังถือไฟฉายทำท่าจะไปจับปูลมแต่ที่แท้จะไปส่งท่านชาย รามออกมาดักถามว่าจะไปไหนกระถินบอกว่าจะไปจับปูลม รามแย่งถังไปบอกว่าตนสอนให้ก็ได้ พูดอย่างรู้ทันว่า ไล่จับผู้ชายมันไม่ง่ายเหมือนจับปูลมหรอกนะ กระถินรู้ว่าถูกประชด สวนกลับอย่างสุดกลั้นว่า
“ที่พี่รามหนีมาหัวหินก็เพราะจะหลบหน้าคุณปูเป้ใช่ไหมล่ะ”รามตกใจแต่แก้ว่าที่มาเพราะเป็นห่วงเธอ ถูกโต้ว่า “พี่รามกะจะซ่อนกระถินให้พ้นสายตาคนรักนั่นก็เพราะพี่รามเห็นว่ากระถินเป็นแค่ชู้รัก พี่รามจะเก็บตัวกระถินไว้ที่นี่เพื่อเลี่ยงสายตาคนรักของพี่ กระถินบอกแล้วว่าจะไม่แย่งคนรักของใคร พี่รามอยากจะมีชีวิตกับใครก็ไป แต่อย่าดึงกระถินไปให้คนเขาดูถูก กระถินไม่เคยอยากได้อะไร แค่ศักดิ์ศรีก็จะเหลือไว้ให้คนอย่างกระถินบ้างไม่ได้เหรอ”
รามบอกว่าตนเลือกที่จะอยู่กับกระถินถึงได้มาที่นี่ กระถินบอกว่าเขามีคู่หมั้นแล้วไม่มีสิทธิ์เลือกใคร รามยืนยันว่าเรารักกัน ถ้าไม่ใช่เพราะปูเป้มายุ่งกับจดหมายของเรา เราก็จะไม่ผิดใจกันอย่างนี้ เราต้องสู้เพื่อให้ได้อยู่ด้วยกัน
“ไม่ค่ะ พี่รามไม่มีค่าพอที่จะให้กระถินเป็นคนเลว”
รามดึงกระถินเข้าไปจูบทันที พอดีท่านชายเดินมาเห็นถึงกับอึ้ง แต่ทหารฝรั่งตะโกนเร่งให้รีบไป กระถินผลักรามออกเห็นท่านชายเดินไปที่เรือ และสตาร์ตเรือออกไปปฏิบัติภารกิจแล้ว
กระถินวิ่งเตลิดกลับบ้านวิ่งเข้าห้อง รามวิ่งตามมาร้องเรียกให้คุยกันก่อน
“ออกไป ไม่งั้นจะไม่ได้เห็นหน้ากระถินอีกเลย” กระถินตะโกนแล้วปิดประตูปัง แม่นิ่มถามรามว่าไปแกล้งอะไรกระถิน รามสารภาพเสียงอ่อยว่าตนผิดเอง แล้วเดินกลับห้องตัวเอง
“น่ากลัวกระถินจะถอนตัวออกมายากเสียแล้ว” แม่นิ่มเห็นอาการของรามแล้วหนักใจ เข้าไปถามกระถินว่าทะเลาะอะไรกับรามมา กระถินบอกว่าไม่มีอะไรแม่นิ่มนอนเถอะดึกแล้ว แม่นิ่มรู้ว่ากระถินปิดบังบางอย่างตนได้แต่มองอย่างเป็นห่วง
ooooooo
รุ่งเช้า ขณะกระถินยืนเหม่อมองออกท้องทะเลอยู่ รามเดินมาทักแต่กระถินหมางเมิน เขาบอกว่าถ้าลำบากใจที่จะมองหน้ากันตนจะเป็นฝ่ายไปเอง พอดีบ่าวมาบอกว่าเก็บเสื้อผ้าเสร็จแล้ว กระถินคิดว่ารามคงจะหนีกลับไปหาปูเป้ก็ยิ่งน้อยใจ
รามไม่มากินอาหารเช้า จันทร์บอกว่าเขาออกป่าจะไปตั้งปาง 3-4 วัน แม่นิ่มบ่นว่านึกยังไงไม่บอกกล่าวกัน
“คงเหงาเพราะไม่มีคนเอาใจละมั้ง ขืนอยู่ที่นี่ต่อละก็มีหวังได้น้อยใจจนเผ่นกลับไปหาทางนู้นจริงๆ” จันทร์เอ่ย
กระถินรู้ว่าจันทร์พูดเหน็บตนแต่ทำไม่รู้ไม่ชี้นั่งกินข้าวหน้าตาเฉย
เมื่อกระถินยกสำรับอาหารไปที่เรือนพักท่านชาย เจอกันกลางทาง ท่านชายมากับพรานใช้ แนะนำว่าพรานใช้เป็นพรานประจำท้องที่นี้
ท่านชายเล่าว่าได้คุยกับพรานใช้ถึงพรานที่รามจ้างมา ปรากฏว่าไม่มีใครรู้จักเลย ถ้าไม่ชำนาญป่าแถบนี้จริงๆ รามอาจถูกหลอกก็ได้ ถามว่ากระถินรู้จักชื่อพรานพวกนั้นไหม
กระถินไม่รู้จัก นึกห่วงรามขึ้นมาถามว่าจะทำอย่างไรดีเพราะรามไปคนเดียวด้วย ท่านชายจึงชวนพรานใช้ไปตามรามกลับมา เพราะรามเพิ่งเดินป่าครั้งแรกไม่น่าจะไปได้ไกลนัก
“กระถินไปด้วยดีกว่าเพคะ รั้นๆ อย่างพี่รามคงจะไม่ยอมตามเสด็จท่านชายกลับมาง่ายๆ”กระถินยืนยันขอตามไป
พรานป่าสองคนและลูกหาบสองคน นำรามเดินเข้าป่ารกทึบ อ้างว่าแถวนี้มีไก่ป่าชุม แต่เดินมาลึกแล้วไม่เห็นสักตัว พรานป่าบอกว่าต้องไปลึกอีกหน่อย ล่อว่ามีทั้งเก้ง หมูป่า แม้แต่เสือก็ยังมีที่แท้มันเป็นคนที่ทดส่งมา ทดนั่งคุยกับพุดกรอง
อยู่ที่คฤหาสน์ บอกว่าคนของตนคงจะลงมือวันนี้ ตนจัดฉากให้รามตายในระหว่างล่าสัตว์แม้แต่ศพก็จะไม่เหลือซาก ส่วนกระถินถ้ารนหาที่ก็ช่วยไม่ได้
ทดดึงมือพุดกรองไปจูบขอเป็นรางวัล ละมุดมาเห็นพอดีถามเสียงดังว่าทำอะไรน่ะ!
เมื่ออยู่กันสองคน ละมุดตำหนิพุดกรองว่าลดตัวลงไปกินของต่ำๆ ไม่อายลูกมันบ้างรึไง
“ได้ผัวเป็นคุณพระข้าก็ต้องปากกัดตีนถีบอยู่ดี มีแต่ทดที่สนองทุกอย่างให้ข้าได้ แม้กระทั่งบ้านหลังนี้เขาก็กำลังจะเอามาประเคนให้ข้า ถ้ายังอยากอยู่ที่นี่ก็อย่าปากมาก เจียมกะลาหัวเอ็งไว้อีละมุด” พุดกรองทั้งด่าและปรามแล้วเดินเชิดไป
“หน้ามืดหลงมันเข้าไปมันจะนำความซวยมาให้เอ็ง คอยดู!” ละมุดจิกตามองอย่างไม่พอใจ
ooooooo
ท่านชาย พรานใช้ และกระถินเข้าป่าตามหาราม พรานใช้บอกว่าตามมาลึกขนาดนี้ยังไม่เจอ รามอาจจะพากันไปตั้งปางทางต้นน้ำ กระถินได้ยินคำว่าต้นน้ำก็ฉุกคิดถึงสมัยเด็ก มองไปรอบๆรู้สึกคุ้นตาจึงเดินย้อนขึ้นไป
พอท่านชายหันมาอีกทีกระถินหายไปแล้ว จึงรีบออกตามหากระถินกัน
รามมานั่งอยู่ริมลำธารหยิบรูปถ่ายตอนแต่งงานกับกระถินออกมาดูอย่างเจ็บปวด พรานป่าส่งสัญญาณให้ลูกหาบเตรียมยิงราม พอดีรูปร่วงจากมือจังหวะที่รามก้มเก็บรูปลูกหาบเหนี่ยวไกพอดีเขาจึงรอดหวุดหวิด พอรู้ตัวว่าถูกลอบฆ่ารามลุกคว้าปืนวิ่งหนีเอาเครื่องของปาขวางทางพวกพรานและลูกหาบ แต่ก็ถูกลูกหาบและพรานป่าอีกคนสกัดไว้
ขณะกำลังอยู่ในภาวะหน้าสิ่วหน้าขวาน รามได้ยินเสียงกระถินร้องเรียกและวิ่งมาเจอกัน รามจับมือกระถินพาวิ่งหนีพรานป่าและลูกหาบ ทั้งสองวิ่งมาถึงที่สูงชัน กระถินบอกว่าพวกมันตั้งใจหลอกเขามา รามปลอบว่า
“เราจะต้องไม่เป็นอะไร เชื่อพี่” แต่ครู่เดียวพวกพรานป่าก็ตามมาทัน รามกอดกระถินไว้อย่างปกป้อง บอกพวกมันว่า “ถ้าจะฆ่าก็ฆ่าฉัน อย่าทำเขา...ปล่อยเมียฉันแล้วฉันจะยอมทุกอย่าง”
พรานป่าไม่สนใจเย้ยว่ารักกันนักก็ตายพร้อมกันไปเสียเลย รามกอดกระถินเอาตัวบังไว้ เขาถูกยิงที่ไหล่ซ้ายล้มลงไปด้วยกันที่ริมโขดหิน รามบอกกระถินให้หนีไปไม่ต้องห่วงตน
“ไม่...ตายก็ตายด้วยกัน กระถินไม่ไปไหนทั้งนั้น”
พรานป่าถือปืนย่างสามขุมเข้ามาจะยิงทิ้งทั้งสองคน ทันใดนั้นเสียงปืนดังขึ้นนัดหนึ่งกระถินกอดรามกลิ้งตกน้ำไป
พรานป่ากับลูกหาบผวาเฮือกหันปืนส่ายไปมาอย่างไม่รู้ว่ากระสุนปริศนามาจากไหน ทันใดนั้นก็มีมีดปามาปักกลางอกลูกหาบล้มลง
ที่แท้โม่กับลูกน้องนั่นเอง โม่ถือปืนเล็งไปที่พรานอีกคนมันตกใจลุกหนีลนลาน ลูกน้องโม่จะตาม
“ไม่ต้องตาม ช่วยทางนี้ก่อน” โม่สั่งแล้ววิ่งไปที่หน้าผา ปรากฏว่ากระถินกับรามโดดลงไปแล้ว
ท่านชายกับพรานใช้ตามหากระถิน เห็นพรานป่าวิ่งสวนออกมาก็รีบสวนเข้าไปดู
ooooooo
ที่ลำธารใต้ชะง่อนผา กระถินพยายามดึงร่างรามที่โชกเลือดขึ้นฝั่ง อ้อนวอนเขาอย่าเป็นอะไร
รามปรือตาขึ้น ขอโทษที่เธอต้องเจ็บเพราะตน พยายามบอกก่อนสิ้นสติว่า
“รักษาตัวด้วยนะ...”
ขณะนั้นสมุนเสือกาจตามมาเจอ กระถินอ้อนวอนอย่าทำอะไรพวกตนเลย โม่ตามมาถึงต่างจำกันได้ โม่ดูรามที่เสียเลือดมากบอกว่า ขืนปล่อยไว้สงสัยจะไม่รอด แล้วช่วยกันแบกร่างรามกลับไปยังที่พักของพวกตนกลางป่าลึก
ท่านชายกับพรานใช้วิ่งมาถึงหน้าผาเห็นพรานป่าและลูกน้องนอนตายอยู่ พรานใช้คาดว่าคงจะถูกลวงมาฆ่า ท่านชายตะโกนเรียกรามกับกระถิน พรานใช้คาดว่า “พวกนั้นคงหนีตายอยู่ในป่านี้แหละ”
โม่กับลูกน้องพาร่างหมดสติของรามไปที่กระท่อมในรังโจร โม่บอกว่าต้องผ่าเอากระสุนออกไม่อย่างนั้นอาการจะหนักกว่านี้ ครู่หนึ่งชบาถือกะละมังและผ้าซับเลือดเดินกะเผลกออกมา กระถินอ้อนวอนชบาให้ช่วยรามด้วย
เสือกาจรู้เรื่องจากโม่จึงลงมือผ่าเอากระสุนออกให้ราม แต่ก็รู้สึกไม่พอใจนักที่เห็นกระถินห่วงใยรามมาก
กระถินคุยกับชบา รู้ว่าพุดกรองจะปิดปากชบาที่รู้ความสัมพันธ์กับทดโชคดีที่เสือกาจแอบมาอยู่ที่ท้ายสวนช่วยไว้
“เอ็งไม่รู้หรอกว่าแม่เอ็งมันใจเหี้ยมผิดมนุษย์มนาแค่ไหน ชีวิตพวกเราทุกคนป่นปี้เพราะมัน ที่เสือกาจช่วยฉันก็เพราะเรามีศัตรูคนเดียวกัน” ชบาเล่าอย่างแค้นใจ
พอดีเสียงรามร้องอย่างเจ็บปวดที่เสือกาจผ่าสดๆ เอากระสุนออก กระถินรีบวิ่งเข้าไปดู
ฝ่ายท่านชายกับพรานใช้ ตามหากระถินจนมืด พรานใช้เสนอให้พักก่อนพรุ่งนี้ค่อยหาต่อ
ooooooo
หลังจากเสือกาจผ่าเอากระสุนออกแล้ว อาการรามไม่ดีขึ้น เขายังไม่ได้สติและตัวร้อนจัด กระถินตัดสินใจขอพารามออกจากป่าชบาขอตามไปด้วย
แม้เสือกาจจะไม่พอใจที่กระถินเป็นห่วงรามที่เป็นลูกของศัตรูมาก แต่กระถินก็คือลูก ก่อนกระถินออกไปเสือกาจบอกว่า “รักษาตัวให้ดี กูจะไม่ยอมตายจนกว่าจะได้เจอหน้าพวกมึงอีกครั้ง ไม่ว่ามึงจะเห็นกูเป็นอะไร มึงก็คือลูกกูเสมออีกระถิน รีบไป ชีวิตเขาสำคัญกับมึงมากไม่ใช่เรอะ”
กระถินขอบใจที่เสือกาจช่วยพวกตนไว้ มองเสือกาจอย่างไม่ไว้ใจก่อนตัดใจจากมา เสือกาจให้โม่และลูกน้องเอารามใส่เปลช่วยกันหามออกไป
ระหว่างออกจากป่า เจอกับท่านชายและพรานใช้ที่ออกตามหากระถิน จึงช่วยกันพารามกลับที่พักและตามหมอมาดูรามที่ยังไข้สูง หมดสติ และเพ้อตลอดเวลา หมอตรวจแล้วบอกว่า
“ที่ยังไม่รู้สึกตัวส่วนหนึ่งเป็นเพราะเสียเลือดมาก แถมแผลยังอักเสบ ให้คนไข้กินยานี้ ถ้าหากพรุ่งนี้ยังไม่ฟื้นก็ให้คนไปเรียกผม”
แม่นิ่มขอบคุณและให้จันทร์ไปส่งหมอ กระถินยังเฝ้าอ้อนวอนรามให้ฟื้น สัญญาว่าจะไม่ดื้อและจะให้ทำอะไรตนก็จะทำให้ เอมปรีดิ์บอกให้กระถินไปพักเสียเพราะคงไม่ได้นอนมาทั้งคืน
“พี่รามเจ็บเพราะปกป้องกระถิน กระถินทิ้งให้พี่รามเจ็บอยู่คนเดียวไม่ได้หรอกค่ะ”
กระถินกุมมือรามไว้ไม่ยอมปล่อย จนเอมปรีดิ์กับแม่นิ่มต้องยอมใจเธอ...
ooooooo
ท่านชายเล่าเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นให้เอมปรีดิ์กับแม่นิ่มฟังโดยมีชบาร่วมฟังด้วย เอมปรีดิ์ถามว่าตกลงไม่รู้ว่าพวกนั้นทำร้ายรามทำไม ท่านชายให้ความหวังว่า
“จะว่าจี้ปล้นก็ไม่น่าจะใช่ พรานใช้กำลังช่วยตามหาคนที่หนีรอดมาได้ ถ้ารู้ข่าวคงส่งเบาะแสมา”
จันทร์ถามชบาว่าไปยังไงมายังไงชบาถึงได้ช่วยพวกรามเอาไว้ ชบาบอกว่าตนอยู่ป่าไม่นึกเหมือนกันว่าจะเจอกระถิน ส่วนที่ตนเจอกับโจรเป็นเหตุสุดวิสัย ตนไม่ได้เป็นเมียโจรอย่างที่ทุกคนเข้าใจ แม่นิ่มถามว่าพวกนั้นช่วยกระถินโดยไม่หวังผลตอบแทนใดๆไม่ผิดวิสัยโจรไปหน่อยหรือ
“พวกมันเป็นโจร แค่ปล้นเพื่อความอยู่รอด แต่ไม่เคยเที่ยวเข่นฆ่าเอาชีวิตใคร คนบางคนเสียอีกที่ใจดำอำมหิตฆ่าคนเพื่อปกปิดความชั่วของตัวเองเอาไว้ เผลอๆที่คุณรามถูกฆ่าอาจจะเป็นฝีมือคนใกล้ตัวก็ได้” มิ่งถามว่าหมายถึงใคร “คุณพุดกรองนั่นไง เขาคือคนที่ทำให้ฉันต้องหนีมาเพราะฉันจับได้ว่าเล่นชู้กับคุณทด”
ทุกคนตกใจเมื่อรู้ความจริง ชบาเล่าต่ออย่างแค้นใจว่า
“ถ้าจะมีใครสักคนอยากกำจัดคุณรามกับกระถินไปให้พ้นๆก็มีแต่มันนั่นแหละ”
วันต่อมา ละมุดเอาโทรเลขมาให้สร้อยสนเป็นโทรเลขจากกระถินแจ้งข่าวว่า
“พี่รามถูกยิง เจ็บหนัก จับคนร้ายไม่ได้”
สร้อยสนตกใจจะออกไปบอกพุดกรอง เดินผ่านห้องรับแขกได้ยินทดพูดกับพุดกรองว่า
“รามแค่บาดเจ็บเพราะมีคนมาช่วยไว้ได้ โดนยิงแค่นัดเดียวมันเลยไม่เป็นอะไร ของผมนี่สิถึงตาย”
“แกนี่เองที่ส่งคนไปฆ่าพี่ราม!!” สร้อยสนพรวดเข้าไปหาทดกับพุดกรองทันที ละมุดที่ตามมาอย่างสอดรู้ สอดเห็นจึงรู้ว่ารามถูกฆ่า สร้อยสนมองหน้าพุดกรองคาดคั้น “อย่าบอกนะว่าคุณแม่ก็รู้เห็นเป็นใจกับเขา!!”
“คุณสร้อยสนฟังก่อน...” ทดพยายามจะชี้แจง
“ทรยศคุณลุง...ปลอมพินัยกรรม...แล้วตอนนี้ก็ฆ่าพี่ราม!! แกเป็นคนวางแผนทุกอย่าง ถ้าพี่รามรู้ คราวนี้แกไม่รอดแน่ คอยดู”
พุดกรองตกใจมากที่สร้อยสนรู้เรื่องหมดทุกอย่าง เห็นสร้อยสนจะแจ้งตำรวจ พุดกรองแก้เกม โยนความผิดทั้งหมดให้ทด ตบหน้าและด่าว่าทดอย่างรุนแรงจนสร้อยสนงง พุดกรองเข้าไปผลักอกทดตะคอกถาม
“ใครใช้ให้แกลงมือฆ่าราม!! ฉันบอกแกแล้วว่า ฉันไม่ต้องการอะไรอีกแล้ว แต่แกมันโลภ เลยคิดฆ่ารามฮุบสมบัติไว้เองใช่ไหม ถ้าพวกเขาตาย แกคิดว่าแกจะได้ทุกอย่างไปงั้นเหรอ ฉันไม่เลวพอที่จะฆ่าลูกในไส้ ถ้าฉันทำอย่างนั้นได้ฉันมันก็ไม่ใช่คน!!”
พุดกรองเล่นละครได้อย่างแนบเนียนจนละมุดเชื่อผสมโรงเล่นงานทด พุดกรองด่าและไล่ทดให้ออกไปให้พ้น ทดตัดสินใจเดินออกไปงงๆ พุดกรองโล่งใจที่ทดไปเสียได้ หันมาเล่นละครกับสร้อยสนต่อ ทำเป็นสำนึกผิดว่า
“แม่ไม่รู้ว่ามันจะมีเรื่องอย่างนี้ แม่อาจจะโง่หรือเห็นแก่ตัวบ้าง แต่แม่ก็ไม่สิ้นคิดพอจะเอาตัวเองเข้าไปเสี่ยงกับตะรางแกก็น่าจะรู้”
“คุณแม่นอกใจคุณลุงมาหาคนแบบนี้ได้ยังไง”
พุดกรองยิ่งตกใจเมื่อสร้อยสนรู้เรื่องนี้ คร่ำครวญขอโทษอ้างว่าตนถูกทดหลอกใช้
“คุณแม่จะปฏิเสธว่าไม่รู้เรื่องวางยาคุณลุงด้วยงั้นเหรอคะ” พุดกรองช็อกถามว่าสร้อยสนเอาเรื่องนี้มาจากไหน “กระถินบอกสร้อยทุกอย่าง คุณแม่ยืมมือกระถินฆ่าคุณลุงเพราะคุณแม่คบชู้ใช่ไหมคะ ถึงเรื่องนั้นไม่มีหลักฐาน แต่เรื่องจ้างวานฆ่าพี่ราม ถ้ากระถินรู้คงจะไม่ยอมปล่อยคุณแม่ไว้”
พุดกรองโต้ว่าตนไม่เกี่ยว สร้อยสนอ้างว่ายังไงก็ต้องรับผิดชอบที่เลี้ยงคนอย่างทดไว้ สร้อยสนมีข้อแม้ว่าถ้าไม่ให้ตนบอกเรื่องนี้กับใคร พุดกรองต้องหยุดสร้างบาป เราจะจบเรื่องนี้ด้วยการออกไปจากที่นี่ด้วยกัน ย้ำว่า
“ถ้าคุณแม่วางมือเรื่องพินัยกรรมและคืนทุกอย่างให้พี่ราม สร้อยจะไม่บอกน้องว่าใครเป็นคนลงมือ”
พุดกรองไม่ยอมไปอ้างว่านี่เป็นบ้านของเรา
สร้อยสนย้ำว่า ถ้าคุณแม่สำนึกผิดและกลับตัวเสีย นี่เป็นทางเดียวที่จะชดใช้ให้รามกับกระถินได้ ยื่นคำขาดว่า
“เลือกเอาแล้วกันว่าคุณแม่จะจบกับผู้ชายคนนั้นหรือว่าจบกับลูกคนนี้”
ooooooo
พุดกรองกับละมุดเดินหนีจากการกดดันของ สร้อยสน แต่สร้อยสนยังตามมาเอาคำตอบ พุดกรองจึงตอบไปว่า
“ฉันรับปากจะไม่แตะต้องพวกมัน แต่ฉันจะไม่ยอมไปจากบ้านหลังนี้เด็ดขาด!”
พลันสร้อยสนก็ชะงักเมื่อเห็นปูเป้เดินเข้ามาในบ้านพร้อมกระเป๋าสัมภาระมากมายที่นายหวัดกับบ่าวช่วยกันขนเข้ามา ปูเป้กวาดตาหาราม เมื่อไม่เห็นก็ถามอย่างไม่พอใจว่า “รามไปไหน เขาก็รู้ว่าฉันจะกลับมาวันนี้ไม่ใช่เหรอ?”
เมื่อรู้ว่ารามไปกราบคุณยายที่หัวหิน ปูเป้ถามว่าทำไมเขาไม่รอตน รู้ไหมว่าตนมาที่นี่ในฐานะอะไร สร้อยสนบอกว่าเป็นคู่หมั้น ปูเป้ประกาศตัวว่า
“ไม่ใช่แค่คู่หมั้น แต่ฉันเป็นภรรยาของราม นั่นแปลว่าฉันเป็นคุณผู้หญิงของบ้าน ฉันจะย้ายกลับมาอยู่ที่นี่นับตั้งแต่วันนี้ ส่งข่าวให้รามกลับมาหาฉันด้วย”
แล้วปูเป้ก็แสดงอำนาจในฐานะคุณผู้หญิงของบ้านคนใหม่ เมื่อเธอเข้าห้องนอนรามสร้อยสนรีบเอารูปแต่งงานของรามกับกระถินซ่อนก่อนที่ปูเป้จะเห็น
เมื่อทดถูกพุดกรองไล่ ก็ออกมาเก็บกระเป๋า พุดกรองตามออกมาบอกว่าตนไม่ได้ตั้งใจเอาตัวรอด แต่เขาฆ่ารามไม่สำเร็จตนก็จำเป็นต้องทำให้สร้อยสนตายใจ เพราะถ้าสร้อยสนให้รามเล่นงานเรา เราก็จะไม่เหลืออะไรเลย กล่อมทดว่า
“ทดหนีไปก่อน ฉันจะอยู่เสี้ยมให้อีกระถินมันแตกกับราม ถ้ามันหย่าก่อนจะมีลูกด้วยกัน ยังไงเสียสมบัติก็ต้องกลับมาเป็นของฉันครึ่งหนึ่งตามพินัยกรรมที่ทดวางเอาไว้” ทดเตือนให้ระวังตัวเพราะสร้อยสนก็ไว้ใจไม่ได้ “ขี้ขลาดอย่างมันจะมีปัญญาทำอะไร มันก็แค่โดนนังกระถินมันจูงจมูกเอาไว้ ตอนนี้นังลูกนายพลนั่นกลับมา อีกระถินก็หมดวาสนาจะได้เป็นเมียรามแล้ว” พุดกรองมีความหวังขึ้นมาอีกครั้ง
ขณะนั้นเองละมุดลงมาจากชั้นบนถลาเข้าหาพุดกรองบอกว่าสร้อยสนสั่งให้เก็บข้าวของออกจากบ้านจะเอายังไงดี ปูเป้ก็ไม่รู้จะยอมเลี้ยงพวกเราเอาไว้หรือไม่ ถ้าเฉดหัวเราออกจากบ้านจะทำยังไง
“ให้มันเขี่ยนังกระถินไปให้เราก่อน แล้วข้าค่อยจัดการกับมัน” พุดกรองยิ้มร้ายอย่างมีแผน
ปูเป้ไม่เห็นรูปแต่งงานของรามกับกระถิน แต่เห็นแหวนแต่งงานที่กระถินถอดทิ้งไว้ หยิบมาลองใส่อย่างสงสัยว่าเป็นแหวนของใคร ขณะนั้นเองพุดกรองก็มาเคาะประตู พูดดีว่าจะมาดูว่าขาดเหลืออะไรไหม แล้วเริ่มแผนเสี้ยมทันที ถามว่า
“ไม่ถือที่จะต้องใช้ห้องหอร่วมกับใครก็แล้วไปเพราะห้องนี้รามเพิ่งใช้เข้าหอกับภรรยาไป นี่ก็กำลังพาเมียไปฮันนีมูนที่หัวหิน ฉันกลัวเธอจะอึดอัดที่ต้องมาใช้ข้าวของร่วมกับใคร” พูดอ่อยจนปูเป้สงสัย พอถามพุดกรองก็พ่นพิษออกมาอย่างสะใจว่า “รามกลับมาแต่งงานกับกระถิน เขาหลอกให้เธอรอเก้ออยู่ที่โน่นใช่ไหม ว่าแล้วเชียวว่าเธอต้องถูกหลอกจนได้”
ปูเป้มองแหวนในมือชักสีหน้าเมื่อรู้ว่านี่คือแหวนของกระถิน พุดกรองจับตาดูอยู่แล้ว สะใจที่เสี้ยมปูเป้ได้สำเร็จ
ooooooo
ความรักความห่วงใยที่กระถินมีต่อรามตลอดเวลาที่เขาบาดเจ็บทำให้เอมปรีดิ์และแม่นิ่มสะเทือนใจ จนเอมปรีดิ์ปรารภกับแม่นิ่มว่า
“คนหนึ่งขาดพ่อ คนหนึ่งขาดแม่ ถ้าเขาสองคนอยากเป็นครอบครัวให้กัน เราก็อย่าไปกีดกันพวกเขาเลยนะ” แม่นิ่มถามว่าแล้วปูเป้ล่ะ? “เจ้าตัวเขาพร้อมจะฟันฝ่าอุปสรรคไปด้วยกัน เราจะไปกลัวแทนเขาทำไม เขาสองคนโตแล้ว แก้ปัญหาด้วยกันเองได้ เราแค่ดูอยู่ห่างๆอย่าไปสร้างปัญหาให้เขาเพิ่มก็พอ”
“นิ่มก็แค่ไม่อยากให้กระถินตกอยู่ในวังวนรักสามเส้าอย่างนิ่ม”
“เราจะอยู่กับเขาไปได้อีกสักเท่าไหร่ สู้ให้พวกเขาอยู่ดูแลกันไปจนชั่วชีวิตของเขาไม่ดีกว่าเหรอ”
แม่นิ่มมองรูปของคุณพระที่ติดอยู่ที่ผนังบ้านในรูปคุณพระยิ้มอย่างมีความสุข แม่นิ่มคิดว่าท่านคงจะดีใจถ้าได้กระถินมาเป็นสะใภ้...
คืนนี้เอง ขณะกระถินกางมุ้งให้แม่นิ่มอยู่ในห้อง แม่นิ่มเข้ามาเห็นถามว่าไม่ไปอยู่กับราม เขาคงอยากให้กระถินไปปรนนิบัติอยู่ใกล้ๆ บอกให้กระถินไปทำหน้าที่ภรรยาเสีย เห็นกระถินลังเลก็ถามว่าอยากจะเริ่มต้นกับรามไม่ใช่เหรอ
“พี่รามยังมีคู่หมั้นอยู่นี่จ๊ะ”
“กระถินรักรามมากพอจะรับภาระทางใจร่วมกับพี่เขาไหมล่ะ ถ้ากระถินพร้อมจะแก้ปัญหาไปกับรามก็ทำตามหัวใจตัวเองเถอะ แม่นิ่มไม่อยากเห็นกระถินต้องทรมานใจเพราะแม่นิ่มอีกแล้ว”
เมื่อแม่นิ่มไฟเขียวเช่นนี้ กระถินรู้สึกเหมือนปลดภาระทางใจทั้งหมดให้ตน คืนนี้จึงไปดูแลรามที่ยังเจ็บแผลอยู่ รามดีใจมาก หอมแก้มรับขวัญ กอดกระถินรำพันถึงความว้าเหว่ของตนเทียบกับคุณแม่ที่ป่วยเป็นวัณโรคจนต้องแยกบ้านมาอยู่คนเดียวที่นี่ว่า...
“คุณแม่ต้องมาอยู่ตัวคนเดียวที่นี่ ทั้งๆที่มีคนให้รักให้คิดถึงแต่อยู่ใกล้กันไม่ได้ แม่จากไปโดยไม่มีคนดูใจ แม่คงตายอย่างทรมานนะ ว่าไหม” กระถินบอกว่าท่านยอมจากมาเพื่อเขาได้ปลอดภัย “พี่ไม่อยากถูกทิ้ง อย่าทิ้งพี่ให้นอนฟังเสียงคลื่นคนเดียวได้ไหม ความเหงามันฆ่าคนได้จริงๆนะ” แล้วอ้อน “อยู่กับพี่เถอะนะ พี่ขาดกระถินไม่ได้”
เมื่อผู้ใหญ่เปิดทางให้ ความรักของทั้งคู่ก็เบ่งบานหวานชื่นอย่างไม่ต้องปิดบังหลบซ่อน หยอกเย้ากันท่ามกลางสายลมเสียงคลื่นอย่างมีความสุข แต่เวลาเดียวกันนั้นท่านชายกลับจากภารกิจทางทะเล มาเห็นรามกับกระถินหยอกเย้ากันอย่างร่าเริงก็ได้แต่มองด้วยความเจ็บปวด
เสือกาจเป็นห่วงอาการบาดเจ็บของราม จึงไปปล้นยาจากค่ายญี่ปุ่นให้โม่เอามาให้ชบาฝากต่อให้กระถินรักษาราม ชบาฝากโม่ไปบอกเสือกาจว่าไม่ต้องห่วง ตอนนี้กระถินแต่งงานกับรามคงไม่อาภัพเหมือนก่อนแล้ว
“เป็นวาสนาของมันที่หลุดพ้นจากการเป็นลูกโจรไปได้ แต่พี่กาจคงเจ็บใจที่ต้องเสียทั้งลูกทั้งเมียให้คนบ้านนี้”
ooooooo
เย็นวันนี้ปูเป้ก็มาเซอร์ไพรส์ทุกคนที่หัวหิน รามถามว่ารู้ได้ยังไงว่าตนอยู่ที่นี่ ปูเป้บอกว่าแม่เลี้ยงของเขาบอก หอมแก้มรามฉอเลาะอวดทุกคน
ปูเป้ทำเหมือนไม่รู้เรื่องอะไร แสดงความเป็นเจ้าข้าว เจ้าของราม อ้อนว่าเดินทางมาเหนื่อยขอพักก่อน ถามว่าห้องของเขาอยู่ไหน ทุกคนคงไม่ถือที่ตนจะถือโอกาสมาฮันนีมูนกับรามที่นี่ รามจะจัดห้องให้เธอถามว่าทำไมต้องยุ่งยาก เขาไม่ได้บอกทุกคนหรือว่าตนไม่ใช่แค่ “คู่หมั้น” แต่เป็น “เมีย” อยู่ด้วยกันก็ไม่เห็นจะเสียหาย
“เชิญตามสบายเถอะค่ะ เดี๋ยวจะให้บ่าวยกข้าวของไปเก็บให้ พี่รามรับรองแขกของพี่ได้ตามสบาย ขาดเหลืออะไรกระถินจะดูแลให้เอง” กระถินตัดบทให้จบเรื่อง
เมื่อเข้าห้อง รามถามว่าที่บ้านรู้หรือเปล่าว่าเธอมา ปูเป้ตอบอย่างร่าเริงว่า
“ปูเป้ยังไม่ได้กลับบ้าน กะว่าจะกลับไปพร้อมรามแล้วพูดเรื่องแต่งงานของเราทีเดียวเลยคุณพ่อคุณแม่จะได้ยอมรับเรื่องของเรา”
ฝ่ายแม่นิ่มปรารภกับเอมปรีดิ์และกระถินว่าปูเป้คงยังไม่รู้เรื่องแต่งงานของรามไม่น่าเชื่อว่าทางบ้านจะยังไม่บอก จันทร์บอกว่าโชคดีที่ตนไปเก็บเสื้อผ้าของกระถินออกจากห้องรามก่อนไม่อย่างนั้นคงโดนฉีกอกแน่ เอมปรีดิ์เปรยว่าในฐานะผู้ชาย ยังไงรามก็ต้องบอกความจริงกับปูเป้ ถ้าปกปิดก็เหมือนเราจงใจหลอกลวงเขา จันทร์บ่นว่าอุตส่าห์หนีมาทะเลยังตามมา
“กระถินรู้อยู่แล้วค่ะว่ายังไงก็ต้องมีวันนี้ ไม่ว่าจะเกิดอะไรขึ้น กระถินก็ยอมรับได้ทั้งนั้น” กระถินพูดอย่างเตรียมใจไว้แล้ว
“ถ้ามันจบได้จริงก็ดี แต่ยังไงกระถินก็ต้องเผื่อใจไว้บ้าง ใจคนเรามันคงไม่ได้เหมือนกระดาษที่จะตัดแล้วขาดกันได้ทันที” แม่นิ่มเตือน กระถินซึมไปทันทีเมื่อนึกถึงรามว่าจะต้องทรมานใจมากในสถานการณ์อย่างนี้...
ooooooo










