ตอนที่ 5
ตอนที่ 5 วิถีหอกยาว
“ข้า กู่หยวนหาน อัศวินมวลน้ำแข็งแห่งเผ่าเซี่ย ทิ้งวิถีหอกยาวไว้ ณ ที่แห่งนี้”
บนหน้าคัมภีร์แผ่นทองคำยังวาดลวดลายแน่นขนัด เป็นรูปผู้น้อยกำลังแสดงการฝึกหอกยาว
“ฟิ้ว…”
พลังลึกลับยิ่งใหญ่สายหนึ่งทำเอาอากาศในห้องหนังสือสั่นไหว
“เอ๊ะ” ตงป๋อเสวี่ยอิงตกตะลึง เงยขึ้นมองตรงหน้า เห็นเพียงเหนือคัมภีร์แผ่นทองคำที่พลิกเปิดออกนั้นเริ่มปรากฏแสงสีขาวเงินเจิดจ้า แปรเปลี่ยนเป็นผู้เฒ่าที่ดูราวกับยาจกท่านหนึ่ง “เฒ่ายาจก” ผู้มีเงาร่างสีเงินนี้เป็นเงาร่างขนาดจิ๋ว ความสูงเพียงหนังสือเล่มหนึ่งเท่านั้น ในมือกุมหอกยาวเล่มหนึ่งอยู่
บรรยากาศหนาวเย็นมาจากด้านหน้า ทำเอาตงป๋อเสวี่ยอิงสั่นด้วยความหนาวอย่างควบคุมตัวเองไม่ได้
“ผัวะ” เงาเฒ่ายาจกกุมหอกยาวไว้ ฝึกกระบวนท่าแล้วกระบวนท่าเล่า หอกยาวดุจมังกร ไม่ว่าจะเป็นแทงอย่างดุเดือด ต่อตี หรือว่าปัดป้อง...
ช่างคุ้นเคยนัก นี่ก็คือวิถีหอกยาวที่ตงป๋อเสวี่ยอิงเริ่มฝึกมาตลอดตั้งแต่หกขวบ วิถีหอกยาวชุดหนึ่งที่แพร่หลายอย่างยิ่งไปทั่วทั้งอาณาจักรหลงซาน เรียกว่า “วิถีหอกยาวดั่งจิต”
วิถีหอกยาวดั่งจิตแพร่ไปทั่วหล้า ง่ายที่สุด พื้นฐานที่สุด เรียกได้ว่าเป็นจุดกำเนิดของวิถีหอกยาวทั้งหมด วิถีหอกยาวดั่งจิตไม่มีกระบวนท่าไม้ตายที่ร้ายกาจเป็นพิเศษ ทั้งหมดล้วนเป็นกระบวนท่าพื้นฐาน ยอดฝีมือแห่งวิถีหอกยาวมากมายเมื่อเริ่มสัมผัสกับหอกยาว ล้วนเริ่มต้นจากวิถีหอกยาวดั่งจิตด้วยกันทั้งนั้น
“ข้าฝึกวิถีหอกยาวดั่งจิตมาก็เกือบสามปีแล้ว ทำไมจึงไม่รู้สึกว่าวิถีหอกยาวนี่ร้ายกาจถึงเพียงนี้เล่า” ตงป๋อเสวี่ยอิงเบิกตาโตมองเงาแสงตรงหน้าฝึกฝน เงาแสงของเฒ่ายาจกนี้แทงหอกง่าย ๆ ครั้งหนึ่ง ตัวหอกก็ม้วนหมุนแทงออกมาราวกับงูที่พลิ้วไหว พละกำลังที่แทงนั้นก็ทำให้ตงป๋อเสวี่ยอิงรู้สึกใจสั่นอย่างอดไม่ได้ เมื่อดึงกลับมา ตัวหอกก็ม้วนหมุนย้อนกลับมาเช่นเดียวกัน
เริ่มฝึกตั้งแต่หกขวบ บัดนี้ตนอายุได้แปดขวบ ทั้งบัดนี้ก็เป็นฤดูหนาวแล้ว ฝึกหอกยาวมาใกล้จะสามปีแล้วจริงๆ
“วิถีหอกยาวที่ท่านพ่อถ่ายทอดให้ข้าตรงตามแบบแผนนัก ท่านก็ได้สอนข้าทีละกระบวน ๆตามวิถีหอกยาวชุดนี้ แต่เหตุใดข้าจึงรู้สึกว่าวิถีหอกยาวของข้ากับเขาไม่เหมือนกันเล่า” ตงป๋อเสวี่ยอิงดูอย่างละเอียด
พื้นฐานวิถีเป็นอย่างเดียวกัน
การฝึกฝนของปรมาจารย์กับการฝึกฝนของมือใหม่นั้นไม่เหมือนกันจริงๆ
“ภายในมีแรงสายหนึ่ง ทุกหอกล้วนมีแรงสายหนึ่ง ราวกับพลังทั้งกายไปอยู่บนหอกอย่างสมบูรณ์” ตงป๋อเสวี่ยอิงพิเคราะห์อยู่บ้าง
เมื่อคัมภีร์เปิดอยู่ วิถีหอกยาวดั่งจิตชุดนี้ก็แสดงการฝึกฝนอยู่ตลอด
ผ่านไปครึ่งชั่วยาม หลังดูมาไม่รู้กี่รอบแล้ว ตงป๋อเสวี่ยอิงจึงพลิกคัมภีร์ไปหน้าถัดไป
ในหน้านี้เป็นตัวหนังสือแน่นขนัด
“วิถีหอกยาวเน้นที่พื้นฐาน วิถีหอกยาวที่ข้าได้สอนเป็นชุดแรกนั้นคือ “วิถีหอกยาวดั่งจิต” จุดกำเนิดแห่งวิถีหอกยาวทั้งมวล เมื่อเจ้าได้ฝึกจนบริบูรณ์โดยแท้จริงแล้ว จึงมีหวังที่จะเข้าประตูสู่การฝึกฝนวิถีหอกยาวของข้าได้”
“ต่อไปนั้นมีเสริมเรื่องวิถีการต่อสู้พลิกหมุนชุดหนึ่ง”
“วิถีหอกยาวของข้า มีชื่อเสียงด้วยเพราะความเร็ว วิถีการต่อสู้พลิกหมุนชุดนี้ สามารถทำให้เจ้าออกหอกยาวได้เร็วขึ้น”
ตัวอักษรแน่นขนัดอื่น ๆ เป็นบทอาขยานของการต่อสู้พลิกหมุน
อัศวินเหนือธรรมดาผู้นี้พูดเอาแต่ใจยิ่งนัก แต่แท้จริงแล้ววิถีชุดนี้ก็ยังคงถือเป็นของล้ำค่า อัศวินสองนายในระดับชั้นที่เหมือนกัน ผู้หนึ่งเพิ่งออกได้สองสามกระบวนท่า แต่คู่ต่อสู้กลับอาศัยวิถีการต่อสู้พลิกหมุนพิเศษ ออกไปสี่ห้ากระบวนท่าแล้ว น่ากลัวว่าทั้งสองฝ่ายประมือกันไม่กี่กระบวนท่าก็คงรู้ผลแพ้ชนะแล้ว
“วิถีหอกยาวแห่งข้า คือวิถีหอกยาวมวลน้ำแข็ง แบ่งขอบเขตความรุนแรงได้สามระดับ”
“หนึ่งคือรุนแรงดั่งหิมะปลิว เมื่อเรียนกระบวนท่านี้ได้ ก็นับว่าได้เข้าสู่ประตูแล้ว ทั้งยังนับว่าเป็นปรมาจารย์แห่งวิถีหอกยาวด้วย”
“สองคือรุนแรงดั่งฝนโลหิต เมื่อเรียนกระบวนท่านี้ได้ ก็เพียงพอที่จะเข้าสู่ระดับสมญาได้ และมีหวังที่จะก้าวสู่ขั้นเหนือธรรมดาได้”
“สามคือรุนแรงดั่งมวลน้ำแข็ง พวกเหนือธรรมดาทุกผู้ล้วนมีเส้นทางของตนเอง กระบวนท่านี้เป็นตัวแทนของเส้นทางแห่งความเหนือธรรมดาของข้า ดังนั้นข้าจึงเป็นอัศวินมวลน้ำแข็ง เส้นทางของข้านั้นไม่แน่ว่าจะเหมาะสมกับเจ้าเสมอไป หากเจ้าสามารถก้าวมาถึงขั้นนี้ได้...อาจอาศัยหยิบยืมเคล็ดวิชาการต่อสู้พลิกหมุนไปใช้ได้บ้าง”
ตงป๋อเสวี่ยอิงมองดูอย่างระทึกใจ
ไม่เสียทีที่เป็นวิถีหอกยาวที่ชีวิตเหนือธรรมดาทิ้งไว้ มุ่งเข้าสู่ความเหนือธรรมดาอยู่เสมอ
เมื่อพลิกต่อไปด้านหลัง หน้าข้างหลังคือคำอธิบายตัวอักษรแน่นขนัดของวิถีหอกยาวมวลน้ำแข็ง ทั้งยังมีเคล็ดวิชาการต่อสู้พลิกหมุนพิเศษอยู่นิดหน่อยด้วย...คำอธิบายตัวอักษรเหล่านี้ เขียนไว้ถึงยี่สิบกว่าหน้าเต็ม ๆ พูดอย่างตรงไปตรงมายิ่ง ตงป๋อเสวี่ยอิงสามารถเข้าใจได้ว่าผู้อาวุโสท่านนี้แท้จริงแล้วกำลังพูดอะไร แต่ถึงอย่างไรวิถีหอกยาวของเขาก็ยังด้อยเกินไป ไม่มีทางเรียนวิถีหอกยาวชุดนี้ได้อยู่แล้ว
พลิกไปจนถึงหน้าสุดท้าย
ด้านบนเป็นสัญลักษณ์แน่นขนัดจำนวนหนึ่ง เหนือสัญลักษณ์เปล่งรัศมีเรืองรองขึ้นมาทันที ก่อให้เกิดเงาแสงของเฒ่ายาจก เริ่มฝึกวิถีหอกยาวมวลน้ำแข็ง
เฒ่ายาจกเริ่มจากการฝึก “หิมะปลิวแห่งวิถีหอกยาวมวลน้ำแข็ง” ตามปกติก่อนหนึ่งรอบ ความรู้สึกก็คือรวดเร็วนัก พอออกท่าก็ราวกับได้ออกหอกยาวไปนับร้อยนับพันครั้ง ดุจดังบุปผาหิมะนับไม่ถ้วนปลิวลอย...อย่างน้อยดวงตาของตงป๋อเสวี่ยอิงก็เห็นได้ไม่ชัด ต่อจากนั้นก็แสดงการฝึกอย่างเชื่องช้า ราวกับว่าท่วงท่าที่ช้านั้น ตงป๋อเสวี่ยอิงล้วนสามารถเห็นได้อย่างชัดเจนแจ่มแจ้ง
ต่อมาก็แสดงการฝึก “ฝนโลหิตแห่งวิถีหอกยาวมวลน้ำแข็ง สุดท้ายแสดงการฝึก “มวลน้ำแข็งแห่งวิถีหอกยาวมวลน้ำแข็ง” ”
วิถีหอกยาวชุดนี้ คืออักษรตัวเดียว...เร็ว
ตามหาขีดสุดของความเร็ว
******
แน่นอนว่า ยังต้องเริ่มฝึกจากพื้นฐานคือ “วิถีหอกยาวดั่งจิต” รอจนวันที่ฝึกวิถีหอกยาวนี้จนบริบูรณ์โดยแท้จริงแล้ว เช่นนั้นถึงสามารถเรียน “หิมะปลิว” ขั้นที่ง่ายที่สุดของ “วิถีหอกยาวมวลน้ำแข็ง” ได้ มิเช่นนั้นหากเรียนไปก็ย่อมเรียนไม่ได้อยู่แล้ว
******
ตอนกลางคืนตงป๋อเสวี่ยอิงก็ยังคงต้องกล่อมน้องชายนอนอีก น้องชายช่างตื๊อคนเก่งเสียจริง วุ่นวายอยู่บนเตียงตั้งกว่าครึ่งชั่วยามจึงหลับไปในที่สุด
เช้าตรู่วันต่อมา หลังกินข้าวเช้าเสร็จ
ลานฝึกยุทธ์
“ลานฝึกยุทธ์นี่” ตงป๋อเสวี่ยอิงกวาดตามอง ที่ผ่านมาท่านพ่อก็ฝึกอยู่ที่นี่ทุกวัน
“เริ่มเถอะ”
ตงป๋อเสวี่ยอิงใส่สนับ เริ่มต้นวิ่ง ขอบเขตในการวิ่งคือเลียบปราการเมืองชั้นในทั้งปราการ ปราการเมืองชั้นในกินพื้นที่หนึ่งลี้ วิ่งรอบหนึ่งก็เป็นพื้นที่หลายลี้แล้ว นี่ก็เป็นการอบอุ่นร่างกายก่อนฝึกฝนทุกวัน ตงป๋อเสวี่ยอิงคุ้นชินอยู่ก่อนแล้ว
หลังวิ่งเสร็จ กลับมายังลานฝึกยุทธ์ถอดสนับออก ทั้งกายมีเหงื่อท่วมร่าง สบายยิ่งนัก เขาเดินไปยังเขตหอกสั้น ที่นี่วางหอกสั้นไว้จำนวนมาก หอกสั้นทุกเล่มหนักประมาณห้าชั่ง ซึ่งถูกกำหนดมาเพื่อตงป๋อเสวี่ยอิงโดยเฉพาะ
“ย่าห์” เขาหยิบหอกสั้นขึ้นมา เหวี่ยงไปทีหนึ่ง ก็ปักลงยังเป้าอันหนาที่อยู่ไกลออกไปกว่าแปดสิบเมตร บนเป้าอันนี้มีร่องรอยมากมายนับไม่ถ้วนอยู่ก่อนแล้ว
“ไป ไป ไป”
ตงป๋อเสวี่ยอิงออกวิ่ง ขณะเดียวกันก็ยังเหวี่ยงหอกสั้นออกมา
วิ่งกลับตัวยิงเป้า
ยิงถูกเป้าหมายในขณะเคลื่อนไหว...
“โยนให้ข้าที” ตงป๋อเสวี่ยอิงตะโกน
“ขอรับ นายท่าน” เหล่าคนรับใช้ที่รอฟังคำสั่งอยู่อีกข้างหยิบเป้าอันเล็กขึ้นมาจำนวนหนึ่ง เริ่มโยนขึ้นมา บินอยู่กลางอากาศ ตงป๋อเสวี่ยอิงที่อยู่ห่างออกไปเกือบแปดสิบเมตรเหวี่ยงหอกสั้นออกมาขณะกำลังวิ่ง บางครั้งก็ยิงโดน บางครั้งก็พลาดไปเล็กน้อย เห็นได้ชัดว่าการยิงเป้าหมายเคลื่อนที่ขณะเคลื่อนไหวยังบกพร่องอยู่บ้าง
ใช้คำพูดของท่านพ่อ หอกสั้นเป็นเพียงแค่ส่วนเสริมเท่านั้น หากสามารถยิงเป้าหมายเคลื่อนที่ขณะวิ่งได้ตรงเป้าร้อยทั้งร้อย หลังจากนั้นทุกวันฝึกสองร้อยครั้งอบอุ่นร่างกายเพื่อคงความรู้สึกนี้เอาไว้ก็พอแล้ว
******
การฝึกหอกสั้นพันครั้งจบลง ตงป๋อเสวี่ยอิงรู้สึกว่าสองแขนเมื่อยล้านัก ทั้งกายเปียกชุ่มไปด้วยเหงื่อ เขาเคยชินมานานแล้ว
หลังการฝึกหอกสั้นจบลง
ตงป๋อเสวี่ยอิงเริ่มวิถีหมัดชุดหนึ่ง เป็นการฝึกฝนเอ็น กระดูกและกล้ามเนื้อทั้งร่างกาย และยังเป็นวิถีการต่อสู้ระดับกลางวิชาหนึ่งที่เรียกว่า “วิถีพรางอัคนีสามขั้น” ท่านพ่อสิ้นเปลืองเงินไปไม่น้อยกว่าจะได้วิถีนี้มา วิถีการต่อสู้ที่ท่านพ่อได้เรียนในกองทัพเมื่อตอนแรกนั้นเป็นเพียงระดับล่าง
ฝึกฝนวิถีการต่อสู้ในยามที่ร่างกายอ่อนล้าได้ผลดีที่สุด
วิถีหมัดนั้นทั้งแข็งและอ่อนผสานกัน รวมเข้ากับลมหายใจเข้าออก เมื่อฝึกแล้วทั้งร่างจะสงบสบาย มีพลังลี้ลับแทรกซึมเข้าภายในกายอย่างต่อเนื่อง ทุกจุดล้วนรู้สึกชา พลังกายก็ฟื้นคืนกลับมาอย่างรวดเร็ว
ฝึกวิถีพรางอัคนีสามขั้นไปสองจบ สองแขนก็ฟื้นกลับมาเป็นปกติ
“ดี เริ่มฝึกหอกยาวได้”
ตงป๋อเสวี่ยอิงหยิบหอกยาวด้านข้างเล่มหนึ่งขึ้นมา เหตุเพราะความสูงของเขา หอกยาวนั้นสูงหนึ่งเมตรแปดสิบเข้าไปแล้ว หนักประมาณสิบชั่ง
“เฮอะ” ตงป๋อเสวี่ยอิงเริ่มต้นฝึกวิถีหอกยาวดั่งจิต
วิถีหอกยาวชุดนี้ เขาฝึกมาเกือบสามปี คล่องมากแล้ว หากแต่วันนี้ความรู้สึกกลับไม่เหมือนเดิมโดยสิ้นเชิง
“ถูกต้อง ออกแรงเช่นนี้จึงจะสบาย” เมื่อวานตงป๋อเสวี่ยอิงได้ดูอัศวินเหนือธรรมดาแสดงการฝึกหอกยาว เมื่อตนฝึกจึงอดไม่ได้ที่จะเลียนแบบความรู้สึกเช่นนั้น รู้สึกได้ผลมากขึ้นมาทันใด
“แทง”
มือซ้ายกำหอกยาวไว้หลวม ๆ มือขวาจับท้ายหอก ออกแรงไปในทันใด
ข้อมือขวาพลิกหมุน
หอกยาวราวกับงูใหญ่ที่เมื่อออกตัวก็ก่อให้เกิดสายพลังหมุนวน แทงออกไปในทันใด หากเป็นศัตรูแล้ว ก็จะพบว่าหอกยาวนั้นชี้หน้าตัวเองอยู่ชัดๆ แต่เมื่อหมุนวนแล้วแทงเข้ามานั้น ปลายหอกกลับแทงเข้าที่คอหอยของตน การ “หมุน” นี้ มีผลดีข้อหนึ่งคือเปลี่ยนทิศทางทำให้ศัตรูงุนงง ผลดีข้อสองคือเพิ่มการพลิกหมุนให้แรงแทงทะลุได้ เป็นหนึ่งในจุดสำคัญของกระบวนท่านี้
“ฉึก” ปลายหอกแทงเข้าที่ร่างหุ่นแปรธาตุซึ่งยึดติดอยู่กับพื้นด้านหน้า ด้านในของหุ่นนี้หล่อขึ้นมาจากโลหะ พื้นผิวมีวัสดุแปรธาตุอยู่ชั้นหนึ่ง จึงทนทานอย่างยิ่งทั้งยังฟื้นฟูตัวเองได้ อย่างน้อยระดับดวงดาราลงมาย่อมมิอาจทำให้หุ่นนี้เสียหายได้ ทั้งลานฝึกยุทธ์วางหุ่นไว้แค่ห้าตัว เนื่องด้วยหุ่นเหล่านี้ชุดหนึ่งมีค่าถึงห้าร้อยตำลึงทองเลยทีเดียว
ในห้องทดลองเวทย์ของท่านแม่ ยังมีหุ่นแปรธาตุอีกชุดหนึ่งที่ล้ำค่ายิ่งกว่า ล้วนไว้ให้ท่านแม่ใช้ทดลอง
“แทง แทง แทง” ตงป๋อเสวี่ยอิงออกแรงครั้งแล้วครั้งเล่า
แทงระดับกลาง แทงต่ำ แทงสูง
แทงด้านซ้าย แทงด้านขวา
การ “แทง” อย่างง่าย ๆครั้งหนึ่ง กลับเป็นท่วงท่าที่สำคัญที่สุดของวิถีหอกยาว ทุกครั้งที่แทง ตงป๋อเสวี่ยอิงล้วนหวนนึกถึงความรู้สึกเมื่ออัศวินเหนือธรรมดาแสดงการฝึกหอกยาว
เมื่อแทงอย่างสุดแรงไปหนึ่งพันครั้ง มือขวาของตงป๋อเสวี่ยอิงก็ปวดเมื่อยมากแล้ว ทั้งกายล้วนชุ่มเหงื่อ ที่ผ่านมาการฝึกโดยทั่วไปก็เพียงแค่ห้าร้อยครั้ง แต่ตอนนี้เขากำลังกดดันตัวเอง
“ฉึก” เมื่อแทงอย่างสุดแรงไปยังหุ่นแปรธาตุอีกครั้ง แรงสะท้อนกลับทำให้มือของเขาชาหนึบ
เคร้ง หอกยาวร่วงหล่นลงอย่างหมดท่า
ตงป๋อเสวี่ยอิงนั่งคุกเข่าหอบหายใจกับพื้น ทั้งร่างเต็มไปด้วยเหงื่อ มองดูหอกยาวบนพื้นเล่มน้ั้น
แม้จะรู้สึกประสบความเร็จมาก แต่เมื่อร่างกายเหนื่อยล้าหาใดเทียบแล้วก็ยังคงคิดอยากจะล้มเลิกไปอยู่นั่นเอง
ตงป๋อเสวี่ยอิงเงยหน้าขึ้น มองไปยังด้านข้าง ที่ผ่านมานั้น ท่านพ่อก็ล้วนยืนตำหนิตนอยู่ข้าง ๆ
“คนไม่เอาไหน”
“นี่ก็เหนื่อยแล้วรึ นี่เพิ่งจะแทงไปสามร้อยครั้งเท่านั้น อาศัยร่างกายของเจ้าแล้ว แทงห้าร้อยครั้งจึงนับว่าปกติ แทงหนึ่งพันครั้งจึงเหนื่อยล้ามากได้ กลัวว่าหนึ่งพันห้าร้อยครั้งจึงนับว่าถึงขีดสุด ต่อให้ไปถึงขีดสุด ต่อให้ทำให้ร่างกายบาดเจ็บ ตอนกลางคืนเจ้าก็ยังมียาอาบ ยาอาบนี้ ต่อให้ร่างกายเจ้าถูกขีดข่วนจนมีบาดแผล ต่อให้เจ้ากระดูกหัก...แช่ยาอาบนี้แล้ว วันต่อมาก็สามารถมีชีวิตดุจมังกรมีชีวาดุจพยัคฆ์แล้ว เจ้ามีปัจจัยต่าง ๆดีขนาดไหน ดีกว่าข้าในตอนแรกเริ่มตั้งเท่าไหร่ ห้าร้อยครั้งก็ยังทำไม่ได้ ลุกขึ้นมาให้ข้าเดี๋ยวนี้นะ”
“ลุกขึ้นมาให้ข้า ไม่ลุกขึ้นมาก็คือคนไม่เอาไหน”
“เพิ่งจะห้าร้อยครั้ง นายน้อยชนชั้นสูงเช่นเจ้าก็ยังทำไม่ได้รึ”
“ลุกขึ้นมาให้ข้า ลูกชายของข้าตงป๋อเลี่ยไม่ใช่คนไม่เอาไหนเสียหน่อย”
“ลุกขึ้นมา”
เสียงคำรามของท่านพ่อยังดังก้องอยู่ข้างหูเหมือนเก่า
“ลุกขึ้นมา ลุกขึ้นมาให้ข้า” ตงป๋อเสวี่ยอิงยึดหอกเอาไว้แล้วลุกขึ้นมา
“แทง”
ตงป๋อเสวี่ยอิงแทงออกไปอย่างสุดแรงอีกครั้ง
“ท่านพ่อเอ๋ย ข้าอยากฟังท่านด่าข้าอีกครั้งมากจริง ๆ ด่าข้าว่าคนไม่เอาไหนข้าก็ดีใจ” ตงป๋อเสวี่ยอิงตาแดง แทงครั้งแล้วครั้งเล่าอย่างบ้าคลั่ง มีเพียงยามที่สูญเสียไปแล้วเท่านั้น จึงสำนึกได้ว่า ทั้งหมดนั้นมีค่ามากมายเพียงใด