ตอนที่ 39
ตอนที่ 13 แท่นบูชาย่อย
ภาคที่ 2 ตระกูลซือแห่งตำบลชิงเหอ
“เฮอะ ประเสริฐนัก” ซือไป่หรงกดเสียงลงต่ำแล้วถามชายชราผมดำด้านข้างว่า “ท่านเหลียง เจ้าเด็กนี่เป็นใครกัน”
“จากรูปร่างลักษณะและหอกยาวที่เขาแบกอยู่ด้ามนั้น ควรจะเป็นตงป๋อเสวี่ยอิงแห่งเมืองอี๋สุ่ย” ชายชราผมดำชายชราผมดำกดเสียงลงต่ำแล้วตอบ“ปีนี้คงจะอายุเพียงยี่สิบสองปี ในปีที่อายุได้สิบห้านั้นเขาก็ทำลายกองมีดโค้งลงได้ด้วยพลังของตัวคนเดียว ในเมื่อกล้ารับภารกิจนี้ เห็นทีคงจะเป็นอัศวินชั้นจันทร์เงินกระมัง”
“ยี่สิบสองปีหรือ”
ซือไป่หรงยิ่งไม่ชอบใจมากขึ้น
เขาอายุเกินห้าสิบแล้ว บัดนี้กลับได้พบอัศวินจันทร์เงินวัยยี่สิบสองปีคนหนึ่ง ก็ย่อมไม่ชอบใจเป็นธรรมดา
“เฮอะ เฮอะ” ซือไป่หรงแค่นเสียงอย่างเย็นชาใส่ตงป๋อเสวี่ยอิงสองครา แล้วนั่งลงด้านข้าง ชายชราผมดำก็นั่งลงอีกข้าง
“ในเมื่อท่านยอดฝีมือทั้งห้าล้วนมาถึงแล้ว” ชายชราหัวโล้นอาภรณ์แดงกวาดตามอง มองไปยังคนทั้งห้าตรงหน้านี้...ซือไป่หรง ชายชราผมดำ ชายชราผมขาวรูปร่างบึกบึนถังสง ตงป๋อเสวี่ยอิงและนักเวทย์สาวอาภรณ์เขียวอวี๋จิ้งชิว
“ข้าชื่อหยวนอู่ เป็นเจ้าหอภูผามังกรแห่งเมืองชิงเหอ” ชายชราหัวโล้นอาภรณ์แดงยิ้มพูด “คิดว่าพวกท่านส่วนใหญ่น่าจะเคยได้ยินชื่อของข้ามาบ้างแล้ว ทว่านักเวทย์จิ้งชิวและตงป๋อเสวี่ยอิง ข้าเพิ่งจะเคยพบเป็นครั้งแรก”
อวี๋จิ้งชิวและ ตงป๋อเสวี่ยอิงล้วนยิ้มคราหนึ่ง
“ท่านเจ้าหอหยวน พูดเรื่องภารกิจมาเลยเถิด” ซือไป่หรงกลับพูดอย่างขอไปที
“ไม่ต้องรีบ”
ชายชราหัวโล้นอาภรณ์แดงน้ำเสียงเยียบเย็นขึ้นมาในทันใด “ก่อนจะรับภารกิจ ข้าจำเป็นต้องพูดถึงกฎโดยพื้นฐานที่สุดก่อนสักรอบหนึ่ง”
“ข้อหนึ่ง เรื่องที่เกี่ยวข้องกับภารกิจทั้งหมด รวมทั้งข้อมูลว่าผู้เข้าร่วมคือผู้ใดบ้างนั้น ล้วนห้ามรั่วไหลออกไปเด็ดขาด ข่าวคราวที่รั่วไหลออกไป นั้นเป็นไปได้มากว่าอาจทำให้ผู้เข้าร่วมภารกิจในครั้งนี้ต้องถูกแก้แค้น นี่เป็นเรื่องที่หอภูผามังกรไม่มีทางอนุญาตเด็ดขาด ผู้ใดที่ตั้งใจเผยแพร่ออกไป หากตรวจพบแล้ว เฮอะๆ ไม่มีใครสามารถช่วยพวกท่านได้หรอก”
“ข้อสอง นี่เป็นภารกิจที่ยากที่สุดในภารกิจชั้นเหล็กดำ ภารกิจนี้ผู้ใดก็ไม่สามารถรับรองความปลอดภัยให้พวกท่านได้ พวกท่านอาจจะมีอันตรายถึงชีวิต หากตายแล้วจะโทษใครไม่ได้ทั้งนั้น”
“สองข้อนี้ต้องเตือนพวกท่านไว้ก่อน หากรับไม่ไหว ตอนนี้ก็สามารถจากไปได้เลย”
สายตาของชายชราหัวโล้นอาภรณ์แดงกวาดมองคนทั้งห้าตรงหน้า
พวกตงป๋อเสวี่ยอิงนั้นไม่มีใครสักคนที่ลุกขึ้นจากไป
“ท่านเจ้าหอหยวน พวกเราต่างก็ทราบกฎดี” ชายชราผมขาวรูปร่างบึกบึนถังสงยิ้มพลางพูดออกมา
“เฮอะๆ ออกไปเสี่ยงชีวิต ไหนเลยจะมีเรื่องปลอดภัยได้ หากกลัวแล้ว ก็รีบกลับไปเสียแต่เนิ่นๆเถิด”ซือไป่หรงตวัดมองตงป๋อเสวี่ยอิงแวบหนึ่ง เขารู้สึกเป็นปรปักษ์กับเจ้าเด็กคนนี้ด้วยสัญชาตญาณ เมื่ออยู่ต่อหน้านักเวทย์จิ้งชิวที่เขาใฝ่หานั้น สัญชาตญาณของเขาอยากจะข่มบุรุษอื่นทุกผู้ ทว่าผู้ที่อยู่ในที่นั้นทั้งทหารคุ้มกันของเขาและถังสงล้วนแต่เป็นคนชราด้วยกันทั้งสิ้น ไม่มีภัยคุกคามใดๆ
ก็เพราะตงป๋อเสวี่ยอิงผู้นี้อายุน้อยเกินไป ทำให้เขาไม่สบายใจ
“ดีมาก”
ชายชราหัวโล้นอาภรณ์แดงพยักหน้าแล้วพูดว่า”ในเมื่อทุกท่านล้วนเข้าใจแล้วว่าเสี่ยงที่จะสิ้นชีพได้ และรู้กฎว่าต้องเก็บเป็นความลับแล้ว เช่นนั้นข้าก็จะพูดสถานการณ์โดยละเอียดของภารกิจก่อน”
ตงป๋อเสวี่ยอิง อวี๋จิ้งชิวและคนอื่นๆ รวมทั้งซือไป่หรงนั้นต่างก็เงี่ยหูตั้งใจฟังให้ละเอียด
ภารกิจนั้น หากประมาทแล้วก็ต้องทิ้งชีวิตไป
“จุดมุ่งหมายของภารกิจครั้งนี้ก็คือปราการเมืองตระกูลหลู ตระกูลอันดับหนึ่งแห่งเมืองชวีไท่ในเมืองชิงเหอของเรา ทำลายปราการเมืองตระกูลให้ราบคาบ สังหารหลูหวายหรู ประมุขตระกูลหลูให้สิ้นไป”ชายชราหัวโล้นอาภรณ์แดงเอ่ย
“หลูหวายหรูหรือ นักเวทย์ชั้นดาวตกคนหนึ่ง ว่ากันว่าพวกตระกูลหลูยังมีอัศวินชั้นดาวตกอีกสามสี่คน พลังเล็กน้อยเช่นนี้ ไฉนจึงต้องการให้พวกเราทั้งห้าช่วย ทั้งยังพูดว่าอาจเสี่ยงอันตรายถึงชีวิตด้วยเช่นนั้นหรือ” ซือไป่หรงพูดอย่างสงสัย
ท่านเจ้าหอหยวนในอาภรณ์แดงกลับพูดอย่างจริงจังว่า “หลูหวายหรูยังถนัดในวิธีการแปรธาตุมากด้วย ทั้งปราการเมืองมีอันตรายต่างๆมากมาย อีกทั้งที่สำคัญที่สุดก็คือ...แท้จริงแล้วที่นี่เป็นแท่นบูชาย่อยเทพปีศาจเทพมารสักองค์หนึ่งที่ตั้งอยู่ในเมืองชิงเหอของเรา”
“อะไรนะ”
สีหน้าของตงป๋อเสวี่ยอิง อวี๋จิ้งชิว ซือไป่หรง ถังสง และชายชราผมดำเหลียงยงล้วนเปลี่ยนแปลงครั้งใหญ่
เทพปีศาจเทพมารหรือ
ทั้งอาณาจักรมีเพียง “ศาลเทพเจ้าปฐพี” เท่านั้นที่เป็นศาลดั้งเดิม นอกนั้นทั้งหมดล้วนถือเป็นเทพปีศาจเทพมาร แม้แต่จักรพรรดิผู้ก่อตั้งอาณาจักรหลงซานยังไม่มีการตั้งศาลเผยแพร่ความเชื่อเลย
แต่ขณะเดียวกันนั้น...
ผู้ที่บังอาจสอดมือยุ่งเกี่ยวกับเทพปีศาจเทพมารบนโลกนี้ แต่ละคนล้วนน่ากลัวนัก ไม่มีผู้ใดกล้าไม่ใส่ใจ
“อะไรก็ตามที่เกี่ยวข้องกับเทพปีศาจเทพมารนั้นล้วนต้องระมัดระวัง ที่นี่เป็นเพียงแท่นบูชาย่อยเทพปีศาจเทพมารสักองค์ในเมืองชิงเหอของพวกเรา ผู้แกร่งกล้าที่รู้ก็มีเพียงแค่ชั้นดาวตกไม่กี่คน แรงคุกคามค่อนข้างต่ำ ดังนั้นจึงส่งพวกท่านทั้งห้าไป” เจ้าหอหยวนอู่พูด “พวกท่านก็รู้เรื่องภารกิจแล้ว หากตอนนี้ไม่อยากไป ก็ทำได้เพียงอาศัยอยู่ในหอภูผามังกรชั่วคราวไปก่อน ห้ามออกไปข้างนอกจนกว่าภารกิจนี้จะเสร็จสิ้น
“มีผู้ใดเห็นต่างอะไรหรือไม่”เจ้าหอหยวนอู่มองทั้งห้าคนตรงหน้า
“ในปราการเมืองตระกูลหลูมีชั้นจันทร์เงินหรือไม่ มีชั้นสมญาหรือไม่” อวี๋จิ้งชิวถาม
“ถึงบัดนี้ยังไม่ปรากฏว่ามี” เจ้าหอหยวนอู่เอ่ย “เป็นไปได้ว่าอาจมีพลังซ่อนเร้นอยู่ แต่ไม่น่าจะมีชั้นสมญาหรอก พลังชั้นสมญานั้นหาได้ยากนัก คงไม่มาอยู่ที่แท่นบูชาย่อยให้สิ้นเปลืองไปเปล่าๆ”
“อย่างไรเสียเทพปีศาจเทพมารเหล่านั้นก็ทำได้เพียงหลบซ่อนอยู่ในความมืด” ซือไป่หรงพูดไปทางอวี๋จิ้งชิว “เป็นไปไม่ได้ที่จะฟุ่มเฟือยจนถึงกับจัดชั้นสมญาสักคนมาอยู่ที่เมืองเล็กๆ”
“หากไม่มีปัญหาแล้ว ตอนนี้พวกเราก็ออกเดินทางกันเถอะ” เจ้าหอหยวนอู่พูด “หอภูผามังกรของเราจะจัดเรือบินลำหนึ่งไปส่งพวกท่าน”
ซือไป่หรงพูดต่อว่า “จิ้งชิว ครั้งนี้ค่อนข้างอันตราย เจ้าเป็นนักเวทย์ ต้องคอยตามติดพวกเรา พวกเราจะปกป้องเจ้าให้ดีเอง”
อวี๋จิ้งชิวขมวดคิ้วเล็กน้อย
เบื้องลึกของหัวใจนางรำคาญซือไป่หรงที่คอยใฝ่หานางตลอด แต่ตระกูลนางอยู่ในเมืองชิงเหอ ดังนั้นจึงไม่อยากแข็งข้อกับตระกูลซือจนเกินไป
ตงป๋อเสวี่ยอิงสะพายกล่องอาวุธเดินตรงออกไปข้างนอกแล้ว อวี๋จิ้งชิวก็เดินตามออกไปข้างนอกเช่นกัน
“ขนาดวัตถุเวทมนตร์อารักษ์ที่ดีหน่อยยังไม่มีเลย ยังสะพายกล่องอาวุธอีก”ซือไป่หรงเยาะเย้ยเสียงหนึ่ง
******
ในเขตแดนเมืองชวีไท่ บนที่ราบว่างเปล่านั้นมีปราการเมืองอันโอ่อ่าอยู่แห่งหนึ่ง กินพื้นที่กว่าสามลี้ ใหญ่กว่าปราการเมืองศิลาหิมะของตงป๋อเสวี่ยอิงอยู่บ้าง
นี่ก็คือปราการเมืองของตระกูลหลู
ปราการเมืองแบ่งเป็นปราการเมืองชั้นนอกและชั้นใน
ปราการเมืองชั้นในเป็นรูปแปดเหลี่ยม ราวกับสัตว์ประหลาดรูปร่างพิกลหมอบอยู่ตรงนั้น ปราการเมืองชั้นในแห่งนี้คือสิ่งที่หลูหวายหรูค้นคว้าและวางแบบด้วยตนเอง ด้านในเต็มไปด้วยกลไกและเวทมนตร์มากมาย ยิ่งเข้าใกล้ส่วนลึกของปราการเมืองมากเท่าไหร่...ก็ยิ่งอันตรายมากขึ้นเท่านั้น
“ใต้เท้าทูตสวรรค์ สาวใช้ที่เตรียมไว้สองสามคนนี้ ท่านพอใจหรือไม่ขอรับ”หลูหวายหรูพูดอย่างหน้าทน
ผู้ที่กึ่งเอนกายอยู่ตรงนั้น ก็คือบุรุษผู้แข็งแกร่งดุจสัตว์ประหลาด
ร่างกายของบุรุษผู้นี้แข็งแกร่งไร้เทียมทาน เอวกว้างดุจอ่างน้ำ ความสูงถึงสองเมตรสี่สิบห้า ท่อนแขนนั้นใหญ่กว่าขาของคนทั่วไป หนวดเคราแข็งทนทานดุจเข็มเหล็กกล้า ดวงตาคู่นั้นปรือเล็กน้อย แต่เมื่อลืมตาขึ้นมาเป็นครั้งคราวนั้นกลับมีพลังคุกคามกดดันอันน่ากลัวแฝงอยู่ ลมหายใจของเขาถึงกับทำให้อากาศโดยรอบสั่นไหวเสียงดัง เหล่าสาวใช้ด้านข้างล้วนกระวนกระวายใจ
“ก็ธรรมดา” บุรุษผู้แข็งแกร่งดุจสัตว์ประหลาดผู้นี้พูดขึ้นอย่างไม่แยแส “ทำไม ข้ารู้สึกว่าเจ้ากลัวข้ายิ่งนัก”
“ท่านทูตสวรรค์มีพลังสูงส่งเทียมฟ้า ข้าจึงเคารพยำเกรง” หลูหวายหรูตอบ
“วางใจเถอะ ข้าก็แค่มาพักผ่อนที่นี่สักช่วงหนึ่ง เพิ่งหนีออกมาจากแดนมรณะ รอดพ้นจากความตายมาได้ จวนจะลืมความสุขในโลกมนุษย์อยู่แล้ว พอแล้ว เจ้าไปนำหญิงงามมาอีก จะให้ดีที่สุดก็ไปหานักเวทย์สาวที่เก่งกาจมาสักคน คนทั่วไปไม่มีรสชาติเอาเสียเลยจริงๆ บุรุษผู้แข็งแกร่งดุจสัตว์ประหลาดเปิดริมฝีปากล่าง หยิบเนื้อด้านข้างสวาปามคำโต
“ขอรับๆๆ ใต้เท้าทูตสวรรค์วางใจเถิด ข้าจะนำนักเวทย์สาวมามอบให้ใต้เท้าทูตสวรรค์โดยเร็วที่สุด” หลูหวายหรูพูด
“ไปได้แล้ว ไปได้แล้ว อย่ามาขวางหูขวางตาข้าที่นี่” บุรุษผู้แข็งแกร่งดุจสัตว์ประหลาดพูดตามอำเภอใจ