icon member

อินทรีหิมะเจ้าดินแดน

ตอนที่ 35

ตอนที่ 9 เลือกภารกิจ

  ภาคที่ 2 ตระกูลซือแห่งตำบลชิงเหอ

    เมื่อได้ยินเสียงอันคุ้นเคย ตงป๋อเสวี่ยอิงก็เผยรอยยิ้มโดยไม่รู้ตัว จากนั้นก็หยิบหอกเทพหิมะเหินที่วางอยู่ด้านข้างขึ้นมา ฟิ้ว เพียงร่างกายกะพริบเป็นเงาเลือนราง ก็ไปถึงยอดเขาที่อยู่ห่างออกไปหลายร้อยลี้แล้ว 

ข้างหอไม้ไผ่ในภูเขาด้านหลัง

    หญิงสาวที่สวมอาภรณ์สีม่วงงามระหง นางหิ้วตะกร้าใบหนึ่งพลางมองไปรอบด้าน

      นางก็คือข่งโยวเยวี่ยที่เติบใหญ่แล้ว บัดนี้อายุได้สิบเก้าปี เด็กสาวละอ่อนในตอนนั้น บัดนี้กลายเป็นสาวงามเปี่ยมเสน่ห์โดยแท้คนหนึ่งแล้ว เพราะทุ่มเทใจให้การฝึกเวทมนตร์เป็นเวลานาน ผิวของนางจึงซีดขาวไปบ้างเล็กน้อย แต่กลับทำให้ดูอ่อนหวานบอบบาง ท่าทีของนางแฝงกลิ่นอายเร้นลับเฉพาะตัวของนักเวทย์ นี่คือหญิงสาวที่ทำให้คนใจเต้นอย่างแท้จริง

    อย่างน้อยในหมู่ศิษย์ของปรมาจารย์เวทย์ไป๋หยวนจือ ก็มีศิษย์หนุ่มชมชอบข่งโยวเยวี่ยอยู่ไม่น้อย ถึงขั้นตามเกี้ยวข่งโยวเยวี่ย

  “โยวเยวี่ย”

ตงป๋อเสวี่ยอิงปรากฏกายขึ้นที่ข้างหอไม้ไผ่ วางหอกยาวลงที่ด้านหนึ่งแล้วยิ้มพูด

    “ท่านพี่เสวี่ยอิง ท่านฝึกวิถีหอกจนเหนื่อยเกินไปไม่ได้นะ อาจารย์เคยบอกว่า เส้นทางการฝึกนั้นต้องมีตึงมีหย่อน” ข่งโยวเยวี่ยยืนยิ้มอยู่ที่โต๊ะหินอีกด้าน หยิบอาหารและขนมออกมาจากตะกร้า “ข้าเพิ่งทำพวกขนมที่ท่านพี่เสวี่ยอิงชอบมา ท่านลองชิมดูหน่อยเถิด”

    “อืม”

    ตงป๋อเสวี่ยอิงเดินไปชิดจาน สูดดมคราหนึ่งแล้วจึงเผยรอยยิ้มออกมา “หอมจริง”

    พูดพลางหยิบขนมเปี๊ยะอันน้อยที่ออกจะร่วนอยู่บ้างขึ้นมากินคำหนึ่ง “ฝีมือของโยวเยวี่ยยิ่งดีขึ้นเรื่อยๆ แล้ว” เมื่อตนยังเด็กชอบกินขนมเหล่านี้ที่ท่านแม่ทำมาก แต่หลังท่านแม่จากไป ตนก็หากินไม่ได้อีกแล้ว ที่บ่าวรับใช้ในบ้านทำนั้น...ไม่เหมือนกับที่ท่านแม่ทำ ฝีมือของโยวเยวี่ยนั้นไม่เลวเลย แม้จะสู้รสชาติในความทรงจำที่ท่านแม่ทำไม่ได้ แต่ก็ดีกว่าที่พวกบ่าวรับใช้ทำมากนัก

    “ฮิฮิ ข้าตั้งใจไปเรียนมาทีเดียว” โยวเยวี่ยพูดอย่างได้ใจ

    “อีกสักพักข้าจะกลับปราการเมือง วันนี้ตอนเที่ยงมากินข้าวด้วยกันเถอะ”ตงป๋อเสวี่ยอิงพูดพลางนั่งลงกินขนมอยู่ตรงนั้น กินได้เร็วยิ่ง คำละหนึ่งชิ้น

    “ดีเลย ท่านพี่เสวี่ยอิงไม่ได้กลับปราการเมืองนานแล้ว” ข่งโยวเยวี่ยยืนอยู่ข้างหนึ่ง มองตงป๋อเสวี่ยอิงกินขนม

    เขากินหมดอย่างรวดเร็ว

    “พวกเราไปกันเถอะ”ตงป๋อเสวี่ยอิงลุกขึ้น

    “อืม”

      ข่งโยวเยวี่ยพยักหน้า

หนึ่งชายหนึ่งหญิง เดินเคียงข้างกัน

    นับตั้งแต่ฤดูหนาวของปีที่อายุได้สิบสองเป็นต้นมา ข่งโยวเยวี่ยก็อาศัยอยู่ในภูเขาศิลาหิมะมาตลอด เวลาส่วนใหญ่ก็อยู่แต่ในปราการเมือง ตอนนั้นนางมักจะไปหาตงป๋อเสวี่ยอิงที่ภูเขาด้านหลังพร้อมกับชิงสือที่เด็กกว่า เมื่อเวลาผ่านไปนานแล้ว ตงป๋อเสวี่ยอิงก็เริ่มคุ้นเคยใกล้ชิดกับข่งโยวเยวี่ยผู้นี้แล้ว

     หกปีที่อยู่ด้วยกัน…

    ถ้าจะพูดให้ถูกแล้ว โยวเยวี่ยเป็นสตรีที่ตงป๋อเสวี่ยอิงข้องเกี่ยวด้วยมากที่สุดแล้ว อีกทั้งเมื่ออยู่ร่วมกับโยวเยวี่ยก็แสนจะสบาย ขณะที่เขาฝึกนั้นคิดแต่จะช่วยท่านพ่อท่านแม่ออกมาให้ได้เร็วที่สุด แต่ข่งโยวเยวี่ยก็ทำเพียงมองดูอย่างเงียบๆ แต่ไหนแต่ไรก็ไม่เคยรบกวนเลย

    บางครั้งตงป๋อเสวี่ยอิงก็มีความคิดแวบเข้ามาบ้าง

    บางทีแต่งโยวเยวี่ยเป็นภรรยาก็คงไม่เลวเลย

    แม้จะไม่มีความรักแบบร่วมเป็นร่วมตายเช่นเดียวกับท่านพ่อท่านแม่ แต่ตงป๋อเสวี่ยอิงก็ไม่เคยสัมผัสกับหญิงอื่นมาก่อน อีกทั้งเขารู้สึกว่า...แค่ใช้ชีวิตอย่างมีความสุขได้ก็เพียงพอแล้ว

    อีกทั้งแต่ไหนแต่ไรข่งโยวเยวี่ยก็ไม่เคยสนใจการตามเกี้ยวของศิษย์ชายในหอนักเวทย์...ความสนใจทั้งหมดล้วนอยู่ที่ตัวตงป๋อเสวี่ยอิง นี่เป็นสิ่งที่ผู้ใดก็ล้วนมองออก

    ส่วน “ข่งไห่” บิดาของข่งโยวเยวี่ยนั้น ยิ่งพยายามจะกระตุ้นให้เรื่องแต่งงานนี้เกิดขึ้น

    “ไม่ต้องรีบร้อน”

    “โยวเยวี่ยอายุยังน้อย รอช่วยท่านพ่อก่อนค่อยว่ากัน”ก่อนที่ตงป๋อเสวี่ยอิงจะช่วยท่านพ่อออกมาได้นั้น ย่อมไม่มีแผนจะแต่งภรรยาอยู่แล้ว

      เนื่องจากอัศวินและนักเวทย์ทุ่มเทให้กับการฝึกฝน เวลาที่จะแต่งภรรยาและให้กำเนิดลูกนั้นถือว่าค่อนข้างช้า ตงป๋อเลี่ยท่านพ่อของเขาอายุสามสิบกว่าเกือบสี่สิบปีจึงแต่งกับท่านแม่ “ข่งไห่” บิดาของข่งโยวเยวี่ยก็ราวๆ สี่สิบปีเช่นเดียวกันจึงแต่งภรรยาและมีบุตรสาวคนโต...ข่งโยวเยวี่ย

    สำหรับนักเวทย์คนหนึ่งแล้ว อายุสิบเก้านั้นถือว่าเยาว์วัยมากจริงๆ อายุสามสิบจึงแต่งงานนับว่าปกติมาก ยี่สิบกว่าปีก็ยังนับว่าเร็วแล้ว  

“อีกทั้งจะช่วยท่านพ่อท่านแม่ต้องใช้ถึงสองหมื่นแต้มคุณูปการ ต้องได้รับภารกิจชั้นสำริดที่อันตรายยิ่งเท่านั้น” ตงป๋อเสวี่ยอิงพูดเบาๆ “แม้ข้าจะมั่นใจในตนเอง แต่ใครก็ไม่กล้ารับรองว่าจะปลอดภัยแน่นอน บางทีข้าอาจจะตายในภารกิจก็เป็นได้ ก่อนที่งานใหญ่จะสำเร็จ ก็ห้ามคิดอะไรทั้งสิ้น” 

……

ในห้องอาหารของหอหลักปราการเมืองศิลาหิมะ 

ตงป๋อเสวี่ยอิง จงหลิง ถงซาน ชิงสือและข่งโยวเยวี่ยทั้งห้าคนล้วนนั่งลง

    “ชิงสือ เห็นโยวเยวี่ยบอกว่าเจ้ามีหญิงที่ดูใจกันมาเกือบครึ่งปีแล้วหรือ” ตงป๋อเสวี่ยอิงมองน้องชายยิ้มๆ ชิงสือน้องชายของเขานั้นเรียกได้ว่ารูปงามโดยแท้ ทหารในปราการเมืองมีมากมาย และตงป๋อเสวี่ยอิงก็เคยไปเมืองอี๋สุ่ย แต่เขาก็กล้าตบอกรับรองว่าในหมู่ชายหนุ่มที่เขาเคยเห็นมาทั้งหมดนั้น น้องชายของตนเป็นผู้ที่รูปงามที่สุดคนหนึ่ง

    ดวงตาของน้องชายสว่างสดใสยิ่ง ดวงตาคู่นี้ชวนหลงใหลนัก เขารูปงามตั้งแต่เล็ก บัดนี้อายุสิบหกปีแล้วยิ่งเกินห้ามใจ อาศัยเพียงรูปโฉมก็เกรงว่าไม่ต้องกลัวจะอดตายแล้ว ส่วนการฝึกเวทมนตร์นั้นก็เหมือนท่านแม่คือถนัดพวกน้ำแข็ง ทั้งร่างของน้องชายนั้นเต็มไปด้วยกลิ่นอายเย็นเยียบ เป็นหนุ่มน้อยรูปงามทรงเสน่ห์ ได้ยินมาว่าบรรดาศิษย์สาวในหอนักเวทย์ล้วนใฝ่ฝันถึงน้องชายตน

ตงป๋อเสวี่ยอิงพอใจในเรื่องนี้มาก

    ขณะเดียวกันเขาก็สะท้อนใจ เด็กละอ่อนวัยเพียงสองปีที่ก่ายหน้าอกของเขานอนน้ำลายยืดในตอนนั้น เพียงพริบตาเดียวก็เติบใหญ่ถึงเพียงนี้แล้ว

    “พี่โยวเยวี่ย ท่านช่างยุ่มย่ามเสียจริง เรื่องนี้ก็ยังต้องบอกท่านพี่ข้าหรือ” ชิงสือขมวดคิ้วพูดอย่างจนใจ

    “เจ้าก็ช่างซ่อนได้มิดเสียจริง มีหญิงที่ดูใจด้วยแล้วตั้งครึ่งปีข้าถึงจะรู้เรื่อง ข้าย่อมต้องบอกท่านพี่เจ้าอยู่แล้ว” ข่งโยวเยวี่ยยิ้มอยู่อีกด้าน

    “หากหญิงที่เจ้าดูใจด้วยอยู่คนนั้นไม่ว่าอะไรแล้วล่ะก็ วันไหนก็พานางมาให้ข้าดูเสียหน่อยสิ”ตงป๋อเสวี่ยอิงพูด

    “เอาเถอะ ดูว่านางจะตกลงหรือไม่ก็แล้วกัน” ชิงสือเบ้ปาก

“เออ ใช่แล้ว อีกไม่นานข้าเตรียมจะออกไปเสียหน่อย คงจะสักสิบวันหรือครึ่งเดือน” ตงป๋อเสวี่ยอิงพูด

    “เรื่องอันใดกัน คงไม่ใช่ว่าจะไปหุบเขาทำลายล้างอีกกระมัง” ชิงสือสวนกลับ จงหลิงและถงซานก็ล้วนมองไปทางตงป๋อเสวี่ยอิงอย่างตกใจอยู่บ้าง

      “ข้ารับรองว่าจะไม่ไปหุบเขาทำลายล้าง” ตงป๋อเสวี่ยอิงเหยียดยิ้ม “ข้าจะออกไปเสียหน่อย ไปเห็นอะไรให้มากขึ้น ฝึกหอกยาวให้มากขึ้น”  

    เขาไม่ได้พูดให้ละเอียด

    เรื่องรับภารกิจนั้น เขาไม่อยากจะพูดมาก

  ……  

    ยามราตรี

    ในห้องหนังสือ

    ตะเกียงแก้วผลึกวางอยู่บนโต๊ะหนังสือ แสงสว่างสาดส่องไปทั่วห้องหนังสือ จงหลิงและถงซานล้วนอยู่ที่นี่

    ตงป๋อเสวี่ยอิงนั่งอยู่ที่โต๊ะหนังสือ พูดขึ้นว่า “ท่านอาจง ท่านอาถง ข้าเตรียมจะออกไปรับภารกิจชั้นเหล็กดำสักครั้ง ฝึกมือดูเสียหน่อยก่อน ครั้งหน้าจึงเตรียมไปขอคำสั่งสำริด เริ่มภารกิจชั้นสำริด”

    “ต้องระวังนะ” ถงซานพูด

    ทั้งปราการเมืองศิลาหิมะนั้น มีเพียงเขาทั้งสองที่รู้ถึงพลังของตงป๋อเสวี่ยอิง รู้ว่ามีพลังรบถึงชั้นสมญาแล้ว

    “เสวี่ยอิง พลังของเจ้านั้นข้าไม่สงสัยหรอก เพียงแต่เจ้าประมือกับยอดฝีมือน้อยเกินไป เจ้าใช้ภารกิจชั้นเหล็กดำฝึกมือดูเสียหน่อยก่อน ตรงนี้ข้าก็เห็นด้วยอย่างยิ่ง” จงหลิงพยักหน้า “สั่งสมประสบการณ์ประมือกับยอดฝีมือ แล้วค่อยไปรับภารกิจชั้นสำริด”

    “อืม” ตงป๋อเสวี่ยอิงพยักหน้า 

พลังรบชั้นสมญา ไปรับภารกิจชั้นเหล็กดำ ย่อมสบายมากอยู่แล้ว

      “ข้าดูรายการภารกิจแล้ว ช่วงนี้มีภารกิจที่ไม่เลวอยู่อันหนึ่ง” ตงป๋อเสวี่ยอิงพูด

    “ภารกิจอะไร” จงหลิงและถงซานต่างก็ถามขึ้น 

    “พวกท่านดูนี่” 

    ตงป๋อเสวี่ยอิงหยิบรายการภารกิจที่วางอยู่บนโต๊ะหนังสือขึ้นมา บนนั้นมีภารกิจอันหนึ่งถูกวงเอาไว้ จงหลิงและถงซานล้วนเดินมามองดูอย่างละเอียด

    บนนั้นเขียนเอาไว้ชัดเจนนัก...

    “มีปราการเมืองของแดนใต้อาณัติแห่งหนึ่งในเขตตำบลชิงเหอ ตรวจสอบชัดเจนแล้วว่ามีโทษถึงตาย ปราการเมืองนั้นมีพลังเข้มแข็งมาก แนะนำว่าผู้รับภารกิจควรมีพลังถึงชั้นอัศวินจันทร์เงิน รางวัลของภารกิจคือหนึ่งร้อยแต้มคุณูปการ ต้องมารวมตัวที่หอภูผามังกรที่ตัวเมืองตำบลชิงเหอก่อนวันที่ 1 เดือน 6”

      ตงป๋อเสวี่ยอิงกล่าวว่า “ข้าจะไปบอกใต้เท้าซืออานสักคำก่อน จากนั้นค่อยออกเดินทางไปยังตัวเมือง ภารกิจครั้งนี้ต้องการชั้นจันทร์เงินห้าคน น่าจะค่อนข้างยาก สำหรับข้าแล้ว คงจะฝึกมือได้อยู่”

อินทรีหิมะเจ้าดินแดน

ละครแนะนำ

ข่าวละครวันนี้ดูทั้งหมด