icon member

อินทรีหิมะเจ้าดินแดน

ตอนที่ 26

ตอนที่ 26 คำสั่งเหล็กดำแห่งหอภูผามังกร

เช้าตรู่วันต่อมา

       ณ ที่อยู่ของปรมาจารย์เวทย์ไป๋หยวนจือในเมืองอี๋สุ่ย

     หน้าต่างเปิดอ้า ลมหนาวในหมันตฤดูของทางเหนือนั้นหนาวเสียดกระดูก ลมพัดเข้ามาในห้องสงบใจอันเวิ้งว้าง ปรมาจารย์เวทย์ไป๋หยวนจือในชุดยาวสีขาวตัวหลวมนั้นเปลือยเท้านั่งขัดสมาธิอยู่ในห้อง ลมหนาวโบกพัด ใบหน้านั้นหนาวจนแข็งและแดงขึ้นมา

“ที่แท้แล้วตรงไหนไม่สอดคล้องกันแน่”

      “เหตุใดร่างทดลองจึงพังลงได้เล่า”

      ไป๋หยวนจือกำลังครุ่นคิดถึงปัญหาที่พบระหว่างการทดลองในคืนก่อนอย่างต่อเนื่อง

      ทันใดนั้น...

     “อาจารย์ อาจารย์ ท่านเจ้าแดนแห่งแดนอินทรีหิมะมาเยี่ยมขอรับ” เสียงที่มีความขลาดกลัวอยู่บ้างลอยมาจากข้างนอก ใครๆ ก็รู้ว่าเมื่อท่านปรมาจารย์เวทย์กำลังครุ่นคิดในยามเช้ามืดนั้นไม่ชอบให้มีอะไรมารบกวนเป็นที่สุด

      แน่นอนว่าเพียงแค่ไม่ชอบ ไม่ได้แปลว่าไม่ได้

      อย่างเช่นในเวลาทดลอง นั่นคือห้ามรบกวนโดยเด็ดขาด นอกเสียจากว่าจะเกิดเรื่องใหญ่อะไรขึ้น

      “เจ้าแดนหนุ่มน้อยผู้นั้นน่ะรึ” ไป๋หยวนจือตะลึงไปเล็กน้อย และก็สงสัยอยู่บ้าง ตั้งแต่ครั้งก่อนที่ตงป๋อเสวี่ยอิงมาเยี่ยมคารวะจนถึงตอนนี้ยังไม่นานเท่าไหร่เลยนี่นา หรือว่าจะได้หัวใจราชันย์หมาป่าจันทร์เงินหรือห้าหมื่นตำลึงทองมาแล้ว

“เชิญเร็วขอรับ”

      ไป๋หยวนจือรีบลุกขึ้นออกจากห้องสงบใจไปต้อนรับแขกในห้องโถง

  ……

ปรมาจารย์เวทย์ไป๋หยวนจือยืนอยู่ที่ประตูโถงรับแขกเพื่อรอต้อนรับโดยเฉพาะ หนุ่มน้อยชุดดำที่สะพายกล่องอาวุธอยู่เดินเข้ามา ทำเอาปรมาจารย์เวทย์ไป๋หยวนจือแอบเกรงกลัวอยู่ในใจ กลิ่นอายของเจ้าแดนหนุ่มน้อยผู้นี้เจือจางลงไปมากแล้ว แต่พลังจิตของท่านปรมาจารย์เวทย์แก่กล้า สัมผัสรับรู้ไวถึงขั้นไหน จึงจะสามารถสัมผัสได้ถึงกลิ่นอายที่คล้ายจะอ่อนจางแต่กลับทำให้คนตระหนกได้นั้น

      “ท่านปรมาจารย์เวทย์” ตงป๋อเสวี่ยอิงเอ่ยยิ้มๆ

      “ท่านเจ้าแดน เชิญ” ปรมาจารย์เวทย์ไป๋หยวนจือก็นอบน้อมมากเช่นกัน

ทั้งสองแยกกันไปนั่ง

“ท่านเจ้าแดนมาหาข้าครั้งนี้…” ปรมาจารย์เวทย์ไป๋หยวนจือมองตงป๋อเสวี่ยอิง

“ท่านปรมาจารย์เวทย์ เชิญดู” พอตงป๋อเสวี่ยอิงพลิกมือ ก็ปรากฏกล่องเหล็กใบหนึ่งขึ้นมากลางฝ่ามือ กล่องเหล็กแพร่กลิ่นคาวอ่อนจางออกมาในทันที ตงป๋อเสวี่ยอิงส่งกล่องเหล็กไปให้

      ไป๋หยวนจือเดาได้ทันทีว่าคืออะไร ตื่นเต้นจนสั่นเทิ้มไปทั้งร่าง เขายื่นมือออกไปรับมา

          เขาเปิดออกเบาๆ

      ข้างในก็คือหัวใจของราชันย์หมาป่าจันทร์เงิน อีกทั้งยังสดใหม่ยิ่งนัก เมื่อวานสังหารราชันย์หมาป่าจันทร์เงิน มาถึงตอนนี้ก็เป็นเวลาแค่หนึ่งวัน ทั้งยังเก็บอยู่ในจี้เก็บวัตถุที่ไม่มีอากาศแม้แต่น้อยอยู่ตลอดเวลา ระดับความสดของหัวใจดวงนี้จึงนับว่าสูงมาก

      “หัวใจจันทร์เงินหรือ รู้สึกเหมือนเก็บมายังไม่ถึงหนึ่งชั่วโมงเลย” ไป๋หยวนจือตื่นเต้นขึ้นมา ระหว่างหัวใจจันทร์เงินกับห้าหมื่นตำลึงทอง เขาอยากได้หัวใจจันทร์เงินนี่มากกว่า เพราะต่อให้ได้เงินห้าหมื่นตำลึงทองมา อย่างมากก็ซื้อพวกส่วนผสมได้นิดหน่อยเท่านั้น...แต่หัวใจจันทร์เงินนี่ จะช่วยให้เขาทำผลงานที่อยากจะทำให้สำเร็จมาตลอดชิ้นหนึ่งให้ลุล่วงได้อย่างรวดเร็ว

แต่จะซื้อหัวใจจันทร์เงินสดๆนั้น เป็นเรื่องที่คิดง่ายแต่ทำยาก คงไม่บังเอิญมีคนไปหุบเขาทำลายล้างแล้วสังหารราชันย์หมาป่าจันทร์เงินได้รวดเร็วขนาดนั้น ส่วนอื่นๆ ของการทดลองนี้เขาเตรียมไว้เรียบร้อยตั้งนานแล้ว  แต่หัวใจจันทร์เงินนั้นเขารอมาถึงแปดปีเต็มก็ยังไม่ได้มาเสียที

     หากตั้งใจเชิญยอดฝีมือไปหุบเขาทำลายล้างแล้วตามล่าหาราชันย์หมาป่าจันทร์เงินมาสังหาร เช่นนั้นราคาคงสูงเสียยิ่งกว่าสูง เขาคงจะสู้ไม่ไหว

     “ท่านปรมาจารย์เวทย์” ตงป๋อเสวี่ยอิงเริ่มพูด

     ถึงตอนนี้ไป๋หยวนจือจึงค่อยควบคุมความตื่นเต้นยินดีจนแทบคลั่งนั้นไว้ได้ เขาเงยหน้าขึ้นแล้วพูดว่า “ท่านเจ้าแดนวางใจเถิด ในเมื่อท่านเจ้าแดนอุตส่าห์นำหัวใจจันทร์เงินมาให้ ข้าไป๋หยวนจือจะสอนน้องชายท่านอย่างสุดความสามารถแน่นอน ข้าจะรับเขาเป็นศิษย์ถ่ายทอดเอง เพียงแค่พลังจิตของเขาถึงขีดจำกัด ข้ารับรองว่าเขาต้องเป็นนักเวทย์ที่ยิ่งใหญ่ได้แน่”

      รับของล้ำค่าเช่นนี้มาแล้ว เขาย่อมทำให้ดีที่สุดแน่นอน

      “เช่นนั้นก็ต้องรบกวนท่านปรมาจารย์เวทย์แล้ว” ตงป๋อเสวี่ยอิงพูดพลางยิ้มน้อยๆ “ไม่ทราบว่าน้องชายข้าจะมาที่นี่ได้ตั้งแต่เมื่อไหร่”

      “ได้ตลอดเวลา” ไป๋หยวนจือพูด จากนั้นเขาก็ล้วงป้ายไม้อันหนึ่งออกมาจากอกเสื้อ บนป้ายไม้มีคำว่า “ไป๋” เขียนอยู่

“นี่คือวัตถุคำมั่น น้องชายท่านนำวัตถุคำมั่นนี้มาก็เรียบร้อยแล้ว”

      ตงป๋อเสวี่ยอิงพยักหน้า

      เขาก็ไม่กลัวว่าไป๋หยวนจือผู้นี้จะกลับคำหรอก

      ไป๋หยวนจือผู้นี้ก็คงไม่มีทางรับของมีค่าแล้วกลับคำเช่นกัน อย่างไรเสีย ผู้ที่นำเอาหัวใจจันทร์เงินสดๆ มาได้ในเวลาอันสั้นนั้น หากอยากจะลอบสังหารเขาก็คงไม่ใช่เรื่องยากอะไร ความยากในการสังหารราชันย์หมาป่าจันทร์เงินก็ไม่แพ้การสังหารปรมาจารย์เวทย์ชั้นดาวตกสักคนหนึ่งหรอก

     “รอหลังปีใหม่ ข้าจะพาน้องชายมาส่ง ถึงตอนนั้นก็คงต้องรบกวนท่านปรมาจารย์เวทย์แล้ว” ตงป๋อเสวี่ยอิงเก็บวัตถุคำมั่น จากนั้นก็ยืดกายลุกขึ้น “ข้าต้องขอตัวแล้ว”

      ไป๋หยวนจือก็ลุกขึ้นส่งเช่นกัน

      เมื่อมองตงป๋อเสวี่ยอิงจากไป ไป๋หยวนจือประคองกล่องเหล็กเอาไว้ แอบคิดในใจว่า “เจ้าแดนหนุ่มน้อยผู้นี้ ตอนแรกพูดว่าจะนำหัวใจจันทร์เงินหรือห้าหมื่นตำลึงทองมาให้ได้ภายในหนึ่งเดือน ตอนนี้นำของมาส่งได้รวดเร็วขนาดนี้ ทั้งหัวใจจันทร์เงินยังสดใหม่ถึงเพียงนี้ เห็นได้ชัดว่าเพิ่งจะสังหารราชันย์หมาป่าจันทร์เงินไปตัวหนึ่ง ผู้ใดเป็นผู้ลงมือสังหารกันแน่ แดนอินทรีหิมะเหมือนจะไม่มียอดฝีมือที่แข็งแกร่งถึงเพียงนั้น”

จงหลิงและถงซานมีชื่อเสียงมานานแล้ว แต่ก็ล้วนไม่ใช่ผู้ที่จะสามารถฆ่าราชันย์หมาป่าจันทร์เงินให้ตายได้

      “เป็นเจ้าแดนหนุ่มน้อยผู้นี้หรือ” ไป๋หยวนจือแอบคาดคะเนในใจ

      เมื่อก่อนเขาเคยพบจงหลิง แม้พญางูหกกรจงหลิงจะเป็นยอดฝีมือ แต่ก็ไม่ได้ทำให้เขารู้สึกถึงการคุกคาม

      เขากลับมองเจ้าแดนหนุ่มน้อยผู้นี้ไม่ออกเอาเสียเลย

  ……

      ตงป๋อเสวี่ยอิงยังไปใช้หนี้ค่าหอกเทพหิมะเหินที่ในตอนแรกซื้อแล้วติดเอาไว้หนึ่งหมื่นตำลึงทอง จากนั้นก็เร่งนำลูกน้องกลับไปยังแดนอินทรีหิมะ

      ผ่านประตูใหญ่ของปราการเมืองเข้าไป

      เหล่าทหารและคนรับใช้ตลอดทางล้วนเคารพยำเกรงหาใดเปรียบ

      “ท่านพี่ ท่านพี่ เมื่อเช้าท่านไปเมืองอี๋สุ่ยก็ไม่ยอมพาข้าไป” ชิงสืออยู่บนชั้นสามของหอหลักของปราการเมือง เกาะลูกกรงมองลงมาด้านล่าง

“ตอนข้าออกเดินทาง เจ้ายังหลับอยู่เลย” ตงป๋อเสวี่ยอิงกระโจนทีหนึ่ง ก็ขึ้นไปอยู่บนชั้นสามข้างกายน้องชาย เขาหยิบวัตถุคำมั่นส่งให้ “ชิงสือ ดูสิว่านี่คืออะไร”

      ชิงสือรับป้ายไม้มาอย่างงุนงง “ป้ายไม้ เอาไว้ทำอะไรหรือ ข้างบนยังมีคำว่า “ไป๋” อยู่ด้วย”

      “นี่คือวัตถุคำมั่นของปรมาจารย์เวทย์ไป๋หยวนจือ รอหลังปีใหม่แล้ว เจ้าก็ไปหาท่านปรมาจารย์เวทย์ กลายเป็นศิษย์ถ่ายทอดเองของเขาได้แล้วล่ะ” ตงป๋อเสวี่ยอิงพูด

      “หา ท่านปรมาจารย์เวทย์ยอมรับข้าเป็นศิษย์ถ่ายทอดเองแล้วอย่างนั้นหรือ ฮ่าๆๆ…” ชิงสือส่ายสะโพกไปมาอย่างตื่นเต้น “เยี่ยมไปเลย เยี่ยมไปเลย”

      “แต่ว่าท่านพี่ ถ้าอย่างนั้นข้าก็ไม่ได้เจอท่านน่ะสิ” ชิงสือทำใจไม่ได้อยู่บ้าง

      “ฮ่าๆๆ เมืองอี๋สุ่ยอยู่ห่างจากเราแค่เท่าไหร่เอง เจ้ากลับมาหาข้าได้ตลอดเวลานั่นแหละ ข้าก็ไปหาเจ้าได้เหมือนกัน” ตงป๋อเสวี่ยอิงยิ้มพูด

      “อื้อ” ชิงสือพยักหน้าแรงๆ เขาเองก็อ่านพวกตำรานักเวทย์ที่ท่านแม่ทิ้งไว้เป็นจำนวนมากและรอคอยที่จะได้เดินในเส้นทางของนักเวทย์มาตั้งนานแล้ว 

  ……

      ยามบ่ายของวันเดียวกัน

      หิมะหนักบินว่อนเต็มฟ้าอย่างไม่ขาดสาย ในฐานะที่เป็นเขตแคว้นเหนือสุดของทั้งอาณาจักร หิมะตกนั้นเป็นเรื่องที่พบบ่อยเสียจนชินตา

      ตงป๋อเสวี่ยอิงนั่งขัดสมาธิอยู่ในห้อง มองไปยังหิมะหนักด้านนอก นับตั้งแต่วิถีหอกยาวไปถึงขั้นปรมาจารย์แล้ว แม้ทุกวันจะยังใช้เวลาหนึ่งชั่วยามในการฝึกฝนดังเดิม แต่ในความเป็นจริงแล้วประโยชน์ของการฝึกก็คือกระตุ้นเอ็นและกระดูกในร่างกายให้โตเร็วขึ้นเสียมากกว่า อยากจะยกระดับวิถีหอกยาวหรือ ในยามนี้…ที่จำเป็นก็คือการรับรู้ฟ้าดินและธรรมชาติ

      อาศัยฟ้าดินและธรรมชาติเป็นอาจารย์ ตื่นรู้จากตรงนั้น

      “เจ้านาย เจ้านาย ข้างนอกมีคนผู้หนึ่งอ้างตัวว่าเป็นเจ้าหอภูผามังกร อยากพบเจ้านายขอรับ” คนรับใช้ด้านนอกวิ่งจนหอบ         

“หอภูผามังกรหรือ” นัยน์ตาของตงป๋อเสวี่ยอิงสาดประกายวาบ

      เขารู้เรื่องราวของหอภูผามังกรมาบ้าง

      นี่เป็นองค์กรที่เร้นลับมากองค์กรหนึ่ง ครอบคลุมไปทั้งอาณาจักร ตำแหน่งเจ้าหอภูผามังกรแห่งเมืองอี๋สุ่ยนั้นไม่แพ้เจ้าเมืองอี๋สุ่ยเลย

      เขาจึงรีบตรงไปยังประตูใหญ่ของปราการเมืองเพื่อต้อนรับด้วยตนเองในทันใด

      “เปิดประตู ให้แขกผู้มีเกียรติเข้ามา” ตงป๋อเสวี่ยอิงมาถึงประตูใหญ่ของปราการเมือง

      กลุ่มคนที่ถูกกักไว้ด้านนอกนั้น นำโดยบุรุษผมดำวัยกลางคนท่าทีไม่ธรรมดาผู้หนึ่ง ข้างกายคือชายชราผมขาว ส่วนด้านหลังนั้นคือองครักษ์อัศวินชั้นฟ้ากลุ่มหนึ่ง

      “ฮ่าๆ ได้ยินชื่อเสียงของมารหอกตงป๋อเสวี่ยอิงมานาน วันนี้ได้พบแล้ว ไม่ธรรมดาจริงๆ” บุรุษผมดำวัยกลางคนพูดพลางยิ้มน้อยๆ “ข้าน้อยซืออาน เจ้าหอแห่งหอภูผามังกรเมืองอี๋สุ่ย”

      “คารวะใต้เท้าซืออาน” ตงป๋อเสวี่ยอิงก็นอบน้อมยิ่ง “ใต้เท้าซืออาน เชิญด้านใน”

      ตงป๋อเสวี่ยอิงและใต้เท้าซืออานเดินเคียงข้างกัน คนอื่นล้วนเดินตามอยู่ข้างหลัง

      “ใต้เท้าซืออานอุตส่าห์ฝ่าหิมะมาถึงที่นี่ ไม่ทราบว่ามีเรื่องอันใดหรือ” ตงป๋อเสวี่ยอิงเดินพลางยิ้มถาม

      “ท่านเจ้าแดน ท่านกำราบกองมีดโค้งได้ด้วยตัวคนเดียว เรื่องใหญ่ระดับนี้ยังจะปกปิดได้สำเร็จอยู่หรือ เมื่อวานนี้ท่านใต้เท้าเจ้าแดนยังสะพายขนราชันย์หมาป่าจันทร์เงินมาตลอดทางเก้าร้อยกว่าลี้ คนที่ได้พบเห็นก็มิใช่น้อย เรื่องสังหารราชันย์หมาป่าจันทร์เงินก็จะปกปิดไว้ด้วยหรือ” ใต้เท้าซืออานยิ้มถาม

      ตงป๋อเสวี่ยอิงตะลึงไปเล็กน้อย

      เรื่องที่ตนทำลงไปเมื่อวาน มาวันนี้ใต้เท้าซืออานผู้นี้ก็ราวกับจะรู้หมดแล้ว หอภูผามังกรช่างเก่งกาจสมคำร่ำลือเสียจริง

    “แน่นอนว่าที่วันนี้ข้ามาที่นี่ อย่างแรกก็คือ มามอบรางวัลที่ท่านฆ่าโจรร้ายตามหมายจับคนสำคัญอย่างก้ายปินได้ อย่างที่สองนั้นสำคัญยิ่งกว่า ก็คือมามอบคำสั่งเหล็กดำแห่งหอภูผามังกรของข้า” ใต้เท้าซืออานพูด

      “คำสั่งเหล็กดำรึ” หัวใจของตงป๋อเสวี่ยอิงสั่นไหวเล็กน้อย

      ตนรอคอยวันนี้มา…

รอคอยวันนี้มานานเกินไปแล้ว

      (จบบทที่หนึ่ง)

อินทรีหิมะเจ้าดินแดน

ละครแนะนำ

ข่าวละครวันนี้ดูทั้งหมด