ตอนที่ 23
ตอนที่ 23 ตงป๋อเสวี่ยอิงผู้ฆ่า
ก้ายปินเดินนำลูกน้องกลุ่มหนึ่งมา ส่วนเหล่าสมุนบนแผ่นผาทั้งสองข้างของช่องเขาล้วนจ้องมองไม่วางตา
“พวกเรารีบไปเร็ว”
จงหลิงพูดอย่างร้อนใจ
ตงป๋อเสวี่ยอิงและจงหลิงหันหลังหนีอย่างไม่ลังเลเลยแม้แต่น้อย
“หนีเรอะ ตามไปเดี๋ยวนี้” ก้ายปินแค่นเสียงเฮอะอย่างเย็นชา
“สมควรตาย พวกมันพบพวกเราได้อย่างไร หากพวกมันเดินตรงมาอีกสักช่วงหนึ่งก็จะตกหลุมพรางที่พวกเราเตรียมไว้แล้ว” เหล่าสมุนคนอื่นทั้งโกรธทั้งแค้น พวกมันต่างก็คิดไม่ถึงว่าพญางูหกกรจงหลิงและเจ้าแดนหนุ่มน้อยนั่นจะพบพวกมันแต่ไกล พวกมันเชื่อมั่นในความสามารถด้านการพรางตัวของตนมาตลอด มิเช่นนั้นคงไม่ได้มีชีวิตอยู่ในหุบเขาทำลายล้างมาถึงทุกวันนี้หรอก
“ตามไป” ก้ายปินกัดฟันคำรามอย่างแค้นเคือง
……
ตงป๋อเสวี่ยอิงและจงหลิงจงใจวิ่งหนี ทำให้เหล่าสมุนโจรไล่ตาม โดยเฉพาะพวกสมุนที่อยู่บนแผ่นผาทั้งสองข้างต่างก็หยิบธนูใหญ่หน้าตาแปลกประหลาดออกมา
“หวือ”
ธนูตาข่ายล่าสัตว์เกินสิบผืนยิงตรงมายังพวกตงป๋อเสวี่ยอิง
ฟิ้ว ฟิ้ว ฟิ้ว
ลูกกลมที่ยิงออกมาระเบิดออกกลางอากาศ
กลายเป็นตาข่ายล่าสัตว์ผืนใหญ่ แผ่คลุมมาทางตงป๋อเสวี่ยอิงและจงหลิง
“หลบไป” ตงป๋อเสวี่ยอิงและจงหลิงต่างก็รีบวิ่งหลบอย่างรวดเร็ว ต่อให้มีความสามารถเก่งกาจเพียงใด หากถูกตาข่ายล่าสัตว์ดักไว้แล้ว ก็คงเป็นเรื่องใหญ่แน่ นี่คือเหตุผลที่พวกเขาทั้งสองตั้งใจหลบหนีออกมา
โชคดีที่ไม่ได้ตกลงไปในหลุมพราง ห่างกันถึงเพียงนี้ ตาข่ายล่าสัตว์ผืนแล้วผืนเล่า…เมื่ออาศัยความสามารถของตงป๋อเสวี่ยอิงและจงหลิงแล้วก็สามารถหลบหลีกได้อย่างง่ายดาย
“คล่องแคล่วเกินไปแล้ว”
“สกัดพวกมันไว้ไม่ได้”
ตาข่ายล่าสัตว์ถึงสิบสองผืนล้วนว่างเปล่า ทำให้ก้ายปินและคนอื่นๆ ที่ตามมาข้างหลังล้วนโกรธจนขบเขี้ยวเคี้ยวฟัน
“ท่านอาจง พวกเราหนีกันมากว่าหนึ่งลี้แล้ว น่าจะพอได้แล้ว คงไม่มีหลุมพรางอะไรแล้วกระมัง” ตงป๋อเสวี่ยอิงหยุดแล้ววางขนราชันย์หมาป่าจันทร์เงินที่สะพายอยู่ลง
“หนีต่อไปสิ หนีสิ ข้างหน้ามีฝูงสัตว์มารอยู่ ข้าจะคอยดูว่าพวกเจ้าจะวิ่งไปได้ถึงเมื่อไหร่” ก้ายปินและพวกโจรเถื่อนกลุ่มใหญ่กำลังใกล้เข้ามา
ตงป๋อเสวี่ยอิงปักหอกเทพหิมะเหินในมือลงไปที่พื้นเลนด้านข้าง หันไปฉีกยิ้มให้พวกโจรที่กำลังไล่ฆ่าเหล่านี้ แล้วเปิดปากพูดว่า “ก้ายปิน หกปีก่อนเจ้าบุกแดนอินทรีหิมะของข้า เข่นฆ่าชาวบ้านกว่าห้าร้อยคน และทั้งเขตแดนเมืองอี๋สุ่ยนั้น...คนที่ตายเพราะกองมีดโค้งของเจ้ายิ่งไม่รู้ตั้งมากมายเท่าไหร่ วันนี้ถึงเวลาที่พวกเจ้าต้องใช้หนี้แล้ว”
เมื่อตงป๋อเสวี่ยอิงพูด พวกก้ายปินก็ยังคงเร่งไล่เข้ามาใกล้
“ใช้หนี้รึ” ก้ายปินแสยะยิ้มพูด “คนที่อยากฆ่าข้านั้นมีมากมายนัก แต่สุดท้ายแล้วแทบจะตายด้วยน้ำมือข้าทั้งสิ้น”
ชายชราชุดเทาที่อยู่หลังก้ายปินนั้นตั้งท่าเตรียมหยิบคทาเวทย์ขึ้นมาแล้ว
เขาเริ่มพึมพำคาถาเสียงเบา
ตงป๋อเสวี่ยอิงสนใจโจรกลุ่มนี้มาตลอด ความสนใจกว่าครึ่งมุ่งตรงไปที่ชายชราชุดเทา เขารู้มานานแล้วว่า…กองมีดโค้งมีนักเวทย์ชั้นฟ้าอยู่คนหนึ่ง การอาศัยนักเวทย์ให้ร่ายเวทมนตร์นั้นเป็นพฤติกรรมที่โง่เขลานัก
“ถูกต้อง ใช้หนี้ หนี้เลือดของผู้คนนับไม่ถ้วน” สองมือของตงป๋อเสวี่ยอิงหยิบหอกสั้นสองเล่มออกมาจากย่ามด้านหลังในพริบตา
“ไป ไป”
ร่างของเขาปรากฏไอสีแดงโลหิตอ่อนจาง มือขวาอันว่องไวปานฟ้าแลบของตงป๋อเสวี่ยอิงสะบัดหอกสั้นออกไปสองเล่มติดต่อกัน มือขวาคือมือข้างที่เขาใช้ฝึกหอกสั้นเป็นประจำ เพื่อให้มั่นใจว่าจะสำเร็จ เขาจึงระเบิดสายพลังออกมาอย่างสมบูรณ์ในพริบตา
ฟิ้ว
ฟิ้ว
หอกสั้นสองเล่มพุ่งออกไปตามกัน แหวกผ่านอากาศไปจนเกิดเสียงหวีดแหลม แทบจะวาดผ่านระยะร้อยกว่าเมตรระหว่างทั้งสองฝ่ายไปในพริบตาเดียว ตรงไปถึงตรงหน้าชายชราชุดเทาผู้นั้น
เร็วเกินไปแล้ว หอกสั้นเร็วเสียจนทำให้พวกสมุนทั้งหมดล้วนเผยสีหน้าตื่นตระหนกไปตามๆ กัน
“ระวัง” ก้ายปินออกดาบไปทันควันด้วยความตกใจ ดาบโค้งขึ้นมาสกัดที่หน้าชายชราชุดเทา เสียงปังดังขึ้น ก้ายปินสัมผัสได้ว่าพลังที่น่ากลัวสายหนึ่งส่งผ่านมา ทำเอาแขนของเขาเจ็บร้าวรุนแรง หอกสั้นที่ถูกกระทบเล็กน้อยนั้นเปลี่ยนทิศไปบ้าง ทให้แทงถูกพวกโจรที่อยู่อีกข้างหนึ่ง ฟึ่บ ฟึ่บ…ทะลุผ่านร่างของโจรสามคนรวด ร่างพวกมันถูกแทงจนเป็นแอ่งเลือดขนาดใหญ่
ฟึ่บ
นัยน์ตาของชายชราชุดเทาเต็มไปด้วยแววแห่งความตื่นตระหนกและไม่ยินยอม แม้ว่าหัวหน้าใหญ่จะช่วยสกัดหอกสั้นเล่มแรกออกไปได้ แต่หอกสั้นเล่มที่สองก็มาถึงตรงหน้าอีกแล้ว ผิวกายของเขาปรากฏหมอกสีดำชั้นหนึ่งขึ้นมาทันควัน แต่เพราะตงป๋อเสวี่ยอิงระเบิดพลังออกมาจนเทียบได้กับพลังของอัศวินจันทร์เงิน เมื่อพบกับหอกสั้นที่พุ่งตรงมาอย่างน่ากลัว ชั้นหมอกดำมืดที่คอยป้องกันอยู่นั้นย่อมต้านทานไม่อยู่ หอกสั้นแทงทะลุทรวงอกของเขาในพริบตาเดียว
หมอกสลายไป ชายชราชุดเทาเบิกตาโพลง กลางอกปรากฏแอ่งเลือดใหญ่พอๆ กับปากชาม
นักเวทย์ชั้นฟ้าจบชีวิตอย่างน่าอนาถ
“ไอ้พวกสวะ ไปตายให้หมดเสียเถอะ” ตงป๋อเสวี่ยอิงไม่มีความปรานีให้กับพวกโจรเถื่อนที่มือเต็มไปด้วยคาวเลือดเหล่านี้แม้แต่น้อย เขาดึงหอกสั้นในย่ามออกมาอย่างว่องไว แล้วระเบิดสายพลังทำให้พลังอันน่ากลัวส่งผ่านแขนแทรกเข้าไปยังหอกสั้น ในฐานะปรมาจารย์ที่พลังสมบูรณ์เป็นหนึ่ง เขาสามารถควบคุมพลังทั้งกายได้อย่างสมบูรณ์แบบ ทำให้หอกสั้นเผยพลังออกมาได้อย่างเต็มที่ที่สุด
ฟิ้ว
หอกสั้นทุกด้ามล้วนแหวกผ่านอากาศ แล้วทะลุผ่านโจรเหล่านั้นด้วยความเร็วอันน่ากลัว
สองข้างของช่องเขาล้วนแต่เป็นแผ่นผา โจรเถื่อนเหล่านี้คิดอยากจะหลบก็ไม่มีที่ให้หลบ
“ฟึ่บ” ชายตัวใหญ่หัวล้านถือแผ่นโล่ต้านทานอย่างสุดแรง แต่เมื่อมีเสียงก้องดังขึ้น แผ่นโล่ทั้งแผ่นก็แตกละเอียด หอกสั้นฉีกร่างเขาออก ทั้งยังแทงทะลุร่างโจรอีกคนด้านหลังด้วย
ฟิ้ว ฟิ้ว ฟิ้ว ฟิ้ว ฟิ้ว ฟิ้ว
อากาศถูกแหวกออก หอกสั้นเล่มแล้วเล่มเล่าถูกส่งมาราวกับคำเชื้อเชิญจากยมทูต เหล่าโจรเถื่อนฝูงใหญ่นี้ล้วนผวาจนเข่าอ่อน เพราะว่าช่องเขาก็กว้างเพียงเท่านี้ โจรเถื่อนนับพันล้วนกำลังถูกไล่ฆ่า พวกมันยืนซ้อนกันเป็นชั้นๆ อยู่ตรงนั้น ตอนนี้เมื่อหอกสั้นซัดมาครั้งหนึ่งก็แทงทะลุไปเป็นแถว ราวกับเนื้อปิ้งเป็นไม้ๆ อย่างไรอย่างนั้น หากถูกแทงแล้วชีวิตก็หาไม่ ใครเล่าจะไม่กลัว
“แข็งแกร่งถึงเพียงนี้ได้อย่างไร ได้อย่างไร ได้อย่างไร” ก้ายปินมือกุมดาบโค้งต้านทานอย่างสุดแรง หอกสั้นสองเล่มถูกซัดมาที่เขาติดๆ กัน เขาทุ่มสุดชีวิตจึงปัดออกไปได้ แต่หอกสั้นที่ปัดออกมายังคงสังหารโจรเถื่อนคนอื่นๆ ด้านข้างตายไปไม่น้อย
“แท้จริงแล้วที่น่ากลัวที่สุดไม่ใช่พญางูหกกรจงหลิง หากแต่เป็นเจ้าแดนหนุ่มน้อยนี่ต่างหาก” ก้ายปินจ้องหนุ่มน้อยชุดดำที่ซัดหอกสั้นออกมาอย่างต่อเนื่องผู้นั้น
ก้ายปินเพียงแค่เผชิญกับการโจมตีของหอกสั้นสองเล่มเท่านั้น เมื่อฆ่าเขาไม่ได้ ตงป๋อเสวี่ยอิงจึงล้มเลิกไปชั่วคราว
ส่วนอัศวินชั้นฟ้าและพวกโจรเถื่อนคนอื่นๆ จำนวนมากนั้นกลับได้พบกับการสังหารหมู่ หอกสั้นบางเล่มดุจลมหมุน แทงทะลุร่างสมุนกว่าหกเจ็ดคนซ้อน เหตุผลหลักก็เพราะพวกมันอยู่กันหนาแน่นเกินไป
ภัยคุกคามจากความตาย ทำให้เวลาดูเหมือนจะยาวนานนัก
แต่ที่จริงแล้วทั้งหมดก็แค่หอกสั้นสิบสองเล่มเท่านั้น อาศัยความเร็วที่ตงป๋อเสวี่ยอิงซัดหอกสั้นออกไป ครู่เดียวก็ซัดออกไปหมดแล้ว
……
การซัดหอกสั้นหยุดลงแล้ว โจรเถื่อนเหล่านี้ยังคงอกสั่นขวัญแขวน พวกมันมองไปรอบทิศอย่างสับสน
หัวหน้าสองสิ้นแล้ว หัวหน้าสามสิ้นแล้ว หัวหน้าสี่สิ้นแล้ว …
นอกจากหัวหน้าก้ายปินแล้ว ยอดฝีมือผู้เก่งกาจคนอื่นล้วนตายไปเสียสิ้น อัศวินชั้นฟ้าไม่เหลือเลยแม้แต่ผู้เดียว โจรที่เป็นอัศวินชั้นดินก็ล้วนตายไปกว่าครึ่ง เหตุผลหลักก็เพราะคนชั้นยอดเหล่านี้ติดตามก้ายปินอยู่ เมื่อเผชิญกับการโจมตีของหอกสั้น อัศวินชั้นฟ้าและอัศวินชั้นดินเหล่านี้คือผู้ที่ต้องเผชิญกับการโจมตีแรกสุด เป็นผู้ที่ตายมากที่สุด และอนาถที่สุดด้วย
“หัวหน้า” เหล่าสมุนคนอื่นล้วนมองไปทางก้ายปิน
ก้ายปินกลับขบฟันแน่นจนฟันมีเลือดซึมออกมา เขาจ้องหนุ่มน้อยชุดดำที่อยู่ไกลๆ เขานึกไม่ถึงว่า เพียงแค่ซัดหอกสั้นออกมารอบหนึ่ง แกนหลักของกองมีดโค้งของเขาก็ตายจนเกลี้ยง
“ตงป๋อเสวี่ยอิง” ก้ายปินเรียกเสียงต่ำ
“ข้ามาหุบเขาทำลายล้าง ก็เพื่อจะขุดรากถอนโคนกองมีดโค้งของพวกเจ้า” ไอสีแดงโลหิตอ่อนจางที่รายล้อมหนุ่มน้อยชุดดำที่อยู่ไกลออกไปในตอนแรกนั้นมลายหายไป เพราะการระเบิดสายพลังนั้นสิ้นเปลืองพลังกายมาก จากนั้นเขาก็หยิบหอกยาวที่ปักอยู่ที่พื้นออกมา
หวือ
ตงป๋อเสวี่ยอิงกลายเป็นเงามัว บินถลาเข้ามา
“รวดเร็วยิ่งนัก” เหล่าโจรล้วนตกตะลึงไปตามกัน
“ร่วมกันกับข้า ฆ่ามันเสีย ฆ่ามัน” ก้ายปินเปล่งเสียงคำรามอย่างบ้าคลั่ง ผิวกายก็ปรากฎพลังการต่อสู้ปกป้องร่างกายสีดำสูงต่ำไม่เสมอกันชั้นหนึ่ง มือแต่ละข้างถือดาบโค้งหนึ่งเล่ม แล้วบินถลากลายเป็นเงามัวเช่นกัน มุ่งหน้าไปเพื่อสังหาร
“ไปด้วยกัน”
“ฆ่ามันเสีย”
สมุนเหล่านั้นก็เริ่มตามหัวหน้าของตนไป บางคนหยิบคันธนูออกมา บางคนเตรียมอาวุธลับแล้วขยับเข้าไปใกล้อย่างรวดเร็ว เดิมนั้นเหมือนลิ้มรสเลือดที่คมดาบ เมื่อครู่พวกเขาเพียงแค่ถูกหอกบินทำให้ผวาเท่านั้น หากเป็นแค่การต่อสู้แบบประชิดตัวแล้วล่ะก็ พวกเขาเกือบพันคนไหนเลยจะกลัวคนแค่คนเดียว อีกทั้งยังมีหัวหน้าก้ายปินอยู่ข้างหน้าสุดด้วย
“ตายเสียเถอะ”
ก้ายปินขึ้นถึงจุดสูงสุดของชั้นดาวตกมาตั้งนานแล้ว ประสบการณ์นั้นโชกโชนขนาดไหน
ฟิ้ว ฝีเท้าเขาแผ่วเบาดุจวิญญาณ
ชั่วขณะที่เข้าใกล้ตงป๋อเสวี่ยอิงนั้น เขาก็เคลื่อนที่เป็นเส้นโค้งหมายจะเข้าหาจากทางด้านข้างแล้วเข้าประชิดตัว
หอกยาวเป็นอาวุธยาว หากถูกประชิดตัวแล้ว โอกาสที่ก้ายปินจะคว้าชัยก็สูงขึ้นหลายเท่าตัว
“เฮอะ” ตงป๋อเสวี่ยอิงแค่นเสียงอย่างเย็นชาคราหนึ่ง หอกยาวในมือพุ่งออกไปราวกับลูกดอกในทันควัน
“เคร้งๆๆ”
เงาหอกว่องไวปานสายฟ้าแผ่ปกคลุม วิถีหอกยาวนี้ก็คือวิถีหอกยาวมวลน้ำแข็งขั้นที่หนึ่ง “หิมะปลิว”
วิถีหอกยาวที่รวดเร็วทั้งยังพลิกหมุนอย่างมากมายนั้นทำให้ก้ายปินรับมือไม่ถูกอยู่บ้าง เดิมทีเขาก็ถนัดเรื่องความเร็วอยู่แล้ว แต่ขณะนี้วิถีหอกยาวของตงป๋อเสวี่ยอิงยิ่งเร็วขึ้นอีก ก้ายปินแทบจะกวัดแกว่งสองดาบในมือต่อเนื่องกันด้วยสัญชาตญาณ สกัดรับได้ห้าหอก ร่างกายก็ถอยกลับมาเองอย่างไม่รู้เนื้อรู้ตัว ทุกหอกล้วนทำให้เขารู้สึกได้ถึงกลิ่นอายของความตายอย่างแท้จริง ราวกับว่าอาจจะต้านทานไม่อยู่ได้ทุกขณะ เมื่อเผชิญกับทักษะหอกที่น่ากลัวเช่นนี้…เขาคิดอะไรไม่ทัน ได้แต่ป้องกันโดยอาศัยสัญชาตญาณล้วนๆ
หลังปลดปล่อยห้าหอกต่อเนื่องกันแล้ว ตงป๋อเสวี่ยอิงก็ออกแรงตรงช่วงเอว หอกยาวกวาดขวางไปในพริบตา
ก้ายปินรีบใช้สองดาบสกัดไว้ที่ข้างหน้าของตนเอง เขาสกัดด้ามหอกเอาไว้ได้ ชั่วขณะที่ด้ามหอกและสองดาบกระทบกันนั้น ปัง แรงปะทะอันน่ากลัวสายหนึ่งทะลุผ่านสองดาบ ส่งผ่านเข้าไปในร่างของก้ายปิน ก้ายปินหน้าถอดสี ร่างกายลอยคว้างขึ้นไปอย่างควบคุมไม่ได้ กระแทกเข้ากับแผ่นผาด้านข้างเหมือนกระสอบทรายใบหนึ่ง เลือดสดๆ คำหนึ่งทะลักออกมาจากปาก
สองมือของเขายังคงกุมดาบโค้งเอาไว้ แต่เมื่อร่างกายกระแทกเข้ากับแผ่นผา ตาก็ลายจนเห็นดาว เขารู้สึกได้เพียงความหนาวเย็นที่พัดผ่านใบหน้า
“ฉึก”
หอกยาวเล่มหนึ่งรวดเร็วปานสายฟ้า แทงตรงเข้าไปที่คอหอยของก้ายปิน ทะลุผ่านไปยังแผ่นผาด้านหลัง ตรึงทั้งร่างของก้ายปินไว้กับแผ่นผา ขาลอยจากพื้นกว่าครึ่งเมตร
ก้ายปินตาเบิกค้าง นัยน์ตาที่มองไปยังหนุ่มน้อยชุดดำผู้เย็นชาคนนี้เต็มไปด้วยความไม่อยากจะเชื่อ เขาคิดไม่ถึงว่า ตัวเขาก้ายปินที่บุกเหนือล่องใต้มานานปีจะมาตายลงด้วยน้ำมือของหนุ่มน้อยคนหนึ่ง
“แค่กๆ...” เลือดสดคำใหญ่ๆ ทะลักออกมาจากปากเขา แววตาของเขาค่อยๆ ดับมืดไปจนหมด
“ก้ายปินดาบโค้ง” โจรเถื่อนอันดับหนึ่งแห่งเมืองอี๋สุ่ย ก็จบชีวิตลงด้วยประการฉะนี้
ตงป๋อเสวี่ยอิงผู้ฆ่า