ตอนที่ 22
ตอนที่ 22 นรกไร้ประตู เจ้าบุกเข้ามาเอง
ณ รังซ่องสุมในลาดเขา
พื้นถูกปูเรียบเสมอกัน พวกโจรล้วนมีที่อยู่แตกต่างกันตามตำแหน่งสูงต่ำ
“นายท่าน มาชิมสักอันสิเจ้าคะ”
“นายท่าน กินของข้าดีกว่า ของข้าอันนี้อร่อยนะเจ้าคะ”
หญิงงามเย้ายวนห้านางกำลังรายล้อมบุรุษร่างใหญ่ขนดกที่เปลือยอกอยู่
พวกนางหยิบผลไม้หลากชนิดคอยป้อนให้
บุรุษร่างใหญ่ผู้นี้ก็คือ “ก้ายปิน” ดาบโค้ง หัวหน้าของทั้งกองดาบโค้ง และยังเป็นโจรที่แข็งแกร่งที่สุดคนหนึ่งของทั้งเมืองอี๋สุ่ยอีกด้วย หญิงสาวผู้น่าสงสารที่ถูกฉุดคร่ามาเหล่านี้ล้วนเกรงกลัวหัวหน้าโจรผู้นี้มาก เพราะหากทำให้หัวหน้าโจรผู้นี้ไม่พอใจแม้เพียงน้อยนิด หัวหน้าก็จะทรมานพวกนางจนตาย...น่าสยดสยองยิ่งนัก ทำให้พวกนางต้องคอยปรนนิบัติเขาทุกวิถีทาง
“มารดามันเถอะ ตอนนั้นอิ่มหนำสำราญทุกวัน สาวงามมากมายนับไม่ถ้วน ตอนนี้ทำได้แค่หดหัวเป็นเต่าอยู่ในภูเขานี่ ทุกวันมีแต่พวกปากแดงหน้าวอกพวกนี้อยู่ข้างๆ” ตาสามเหลี่ยมของก้ายปินเต็มไปด้วยเพลิงโทสะ
ตั้งแต่ถูกออกหมายจับว่าเป็นโจรนั้น เขาก็เก็บงำความโกรธไว้ในก้นบึ้งของจิตใจตลอดมา
วันคืนเหล่านี้ช่างไม่สุขสบายเอาเสียเลย
คนปกติจะมีผู้ใดยอมซ่อนตัวอยู่ในหุบเขาทำลายล้างที่แสนจะอันตรายแห่งนี้กันเล่า
ขนาดเรื่องกินดื่มยังต้องขนส่งเข้ามาจากภายนอก ไม่แน่ว่าสักวันอาจพบสัตว์มารเข้าก็ได้ หญิงสาวที่ฉุดคร่ามาเหล่านี้แค่พอดูได้ ไหนเลยจะเทียบกับแต่ก่อนตอนเป็นอัศวินดาวตกได้ อยู่ในเมืองได้รับการปรนนิบัติสารพัด มีสาวงามนับไม่ถ้วนให้เลือกสรร
“ต้องหาทางจ่ายเงินให้อาณาจักรฉีกหมายจับนั่นทิ้งไปเสีย” นัยน์ตาก้ายปินเผยแววดุร้าย “ไอ้ขุนนางนั่นก็ละโมบเกินไป ต้องจ่ายอย่างน้อยสองแสนตำลึงทองถึงจะยอมจะฉีกหมายจับออก สมควรตาย”
กล่าวได้ว่าในมณฑลชิงเหอนั้น ขุนนางยิ่งใหญ่คับฟ้า หากจะฉีกหมายจับสักฉบับทิ้ง ขุนนางสามารถรับสินบนได้ทุกทางอย่างเต็มที่
“พยายามเต็มที่สักสิบปี คงจะเก็บเงินได้ครบ”
“ถึงตอนนั้นตัวข้าก็จะเป็นอิสระแล้ว”
ก้ายปินกระหายอยากนัก
มีเพียงการถูกออกหมายจับอย่างจริงจังเช่นนี้เท่านั้น ที่ทำให้เขาเข้าใจว่าอิสรภาพนั้นล้ำค่ายิ่ง
“หัวหน้า หัวหน้า หัวหน้า” เสียงบาดหูลอยมาจากข้างนอก
“ตะโกนหาบิดาเจ้าหรือไร”
ก้ายปินลุกพรวดด้วยโทสะ เหล่าหญิงงามเย้ายวนข้างๆ ต่างก็ตกใจเสียจนผงะหนีไปด้านข้าง ก้ายปินมุ่งตรงไปข้างนอกอย่างโกรธจัด
“หัวหน้า เรื่องน่ายินดี เป็นเรื่องน่ายินดีนะขอรับ” เสียงเรียกข้างนอกดังก้อง เห็นได้ชัดว่าคนข้างนอก ก็รู้ดีว่าผลของการรบกวนหัวหน้านั้นเป็นเช่นไร
“อ้อ เรื่องน่ายินดีรึ” ก้ายปินผลักประตูออกไป นัยน์ตาเย็นเยียบมองสมุนโจรตรงหน้า “เรื่องน่ายินดีอะไร”
พวกโจรที่ยามปกติเหี้ยมโหดนั้น เมื่ออยู่ต่อหน้าอัศวินชั้นดาวตกอย่างก้ายปินก็เหมือนเป็นเด็กอย่างไรอย่างนั้น เขายิ้มสู้พูดว่า “เป็นขนของราชันย์หมาป่าจันทร์เงินขอรับ พวกหัวหน้าสองคอยท่านอยู่น่ะขอรับ”
“ขนราชันย์หมาป่าจันทร์เงินหรือ” ก้ายปินตะลึง รีบตรงไปยังโถงชุมนุมทันที
……
ในโถงชุมนุม
ก้ายปินนั่งในที่ประธาน ด้านข้างมีหัวหน้าคนอื่นๆ นั่งอยู่ หัวหน้าแต่ละคนล้วนเป็นยอดฝีมือชั้นฟ้าด้วยกันทั้งสิ้น กองมีดโค้งเป็นถึงกองกำลังโจรเถื่อนที่ใหญ่ที่สุดในเมืองอี๋สุ่ย ก็ย่อมดึงดูดพวกโจรที่แข็งแกร่งมาเข้าร่วมได้เป็นธรรมดา
“เจ้าหูเดียว เจ้ารีบพูดมาเสีย แท้จริงแล้วมันเรื่องอะไรกันแน่” ชายชราชุดเทาผู้หนึ่งที่นั่งอยู่ข้างก้ายปินพูดขึ้น
“ข้าอุทิศชีวิตลาดตระเวนระวังภัยอยู่ข้างนอก ใครจะไปคิดว่าจะได้เห็นมนุษย์สองคน” โจรหูเดียวพูด “หนึ่งในนั้นก็คือพญางูหกกรจงหลิงแห่งแดนอินทรีหิมะ ยังมีอีกคนคือหนุ่มน้อยชุดดำที่ถือหอกยาวมาด้วย หนุ่มน้อยผู้นั้นดูแล้วน่าจะสักสิบหกสิบเจ็ดได้กระมัง หนุ่มน้อยชุดดำกำลังสะพายขนราชันย์หมาป่าจันทร์เงินผืนใหญ่ยักษ์นั่นอยู่”
“จงหลิงรึ” ก้ายปินเคาะนิ้วกับที่วางแขนเบาๆ น้ำเสียงเย็นชาพูดว่า “ทั้งเมืองอี๋สุ่ย หนุ่มน้อยที่ใช้หอกยาวได้เยี่ยมยอด ทั้งยังมีความเกี่ยวข้องกับจงหลิงด้วย…เกรงว่าจะเป็นเจ้าแดนหนุ่มน้อยแห่งแดนอินทรีหิมะที่ฝึกหอกจนแทบจะกลายเป็นมารผู้นั้นกระมัง”
“มารหอกตงป๋อเสวี่ยอิง” ชายชราชุดเทาข้างๆ ก็พยักหน้า “ข้าเองก็เคยได้ยินชื่อของเขามาบ้าง ก่อนหน้านี้ก็ไม่ได้เอาเขามาใส่ใจ ฝึกหอกจนกลายเป็นมารไม่ได้แปลว่าจะเก่งจริงสักเท่าไหร่หรอก แต่ในเมื่อตอนนี้กล้าเข้ามาในหุบเขาทำลายล้าง ทั้งยังเอาขนราชันย์หมาป่าจันทร์เงินมาได้ เห็นทีจะดูถูกความสามารถเขาไม่ได้เสียแล้ว”
“พี่ใหญ่ จะปล้นหรือไม่” สมุนหัวล้านร่างกำยำที่นั่งอยู่ข้างๆ คำราม
“ถึงขั้นเอาขนราชันย์หมาป่าจันทร์เงินมาได้…หรือว่าจงหลิงจะบรรลุถึงชั้นดาวตกแล้ว” ก้ายปินพูดเสียงเบา
“เป็นไปได้มากทีเดียว”
ชายชราชุดเทาพยักหน้า “ จงหลิงเป็นอัศวินชั้นฟ้ามาตั้งนานแล้ว ตอนนี้จะเข้าสู่ชั้นดาวตกก็เป็นไปได้สูง เขายังเป็นถึงพญางูหกกร เผ่ากษัตริย์แห่งเผ่ามนุษย์งูอีกด้วย เมื่อถูกดาบหกเล่มโจมตีอย่างบ้าคลั่ง …เกรงว่าฝูงหมาป่าก็คงถูกเขาทำลายล้างเป็นแน่ บวกกับพวกหลุมพรางที่ตั้งใจเตรียมไว้อีกเล็กน้อย จับตัวและสังหารราชันย์หมาป่าจันทร์เงินในคราวเดียว ก็คงพอมีทางทำได้อยู่”
ตงป๋อเสวี่ยอิงถนัดรับมือการรุมโจมตี แต่หากจงหลิงที่มีหางและมีหกกรกลายเป็นชั้นดาวตกแล้ว ก็จะถนัดรับมือการรุมโจมตีเช่นเดียวกัน
“หรือว่าเจ้าแดนหนุ่มน้อยแห่งแดนอินทรีหิมะนั่นก็เป็นชั้นดาวตกเช่นกัน” สมุนหัวล้านที่ดูเซ่อซ่าคำราม
“จะเป็นไปได้อย่างไร”
“เขาเพิ่งจะอายุเท่าไหร่กัน”
“ต่อให้เป็นอัศวินตั้งแต่อายุเจ็ดแปดปี ตอนนี้ก็คงเป็นได้เพียงอัศวินชั้นฟ้ากระมัง” สมุนคนอื่นคัดค้านทันที
สมุนหัวล้านลูบศีรษะพลางหัวเราะร่า “เป็นข้าที่คิดเพ้อเจ้อไปเอง”
ก้ายปินพูดเสียงเย็นชาว่า “เป็นไปได้มากว่าจงหลิงจะกลายเป็นอัศวินดาวตกแล้ว ส่วนเจ้าแดนหนุ่มน้อยนั่นคงจะเป็นชั้นฟ้า ต่อให้เป็นอัศวินดาวตกเหมือนกัน…ก็แค่อัศวินดาวตกสองคน พวกเรามีคนมากมายขนาดนี้ ทั้งนี่ยังเป็นถิ่นของพวกเรา ก็ยังมีหวังที่จะกำจัดพวกเขาได้”
“นั่นคือกรณีที่แย่ที่สุดต่างหาก หนุ่มน้อยนั่นไม่น่าจะเป็นชั้นดาวตกได้หรอก” ชายชราชุดเทาเอ่ย “พวกเรามีโอกาสสำเร็จสูงมาก”
“ดี เช่นนั้นพวกเราก็ฆ่าพวกมัน ปล้นเอาขนราชันย์หมาป่าจันทร์เงินนั่นมาให้ได้” ก้ายปินฉีกปากยิ้ม “ในเมื่อเจ้าแดนหนุ่มน้อยผู้นั้นเป็นถึงเจ้าแดน ไม่แน่ว่าอาจนำของมีค่าราคางามติดตัวมาบ้าง”
“ปล้นเลย”
“ปล้นพวกมันเสีย”
“ฆ่าพวกมันเสีย”
เสียงร้องตะโกนอย่างตื่นเต้นระงมไปทั่วโถงชุมนุม
“เจ้าหูเดียว ตอนนี้พวกมันอยู่ไหน” ก้ายปินถามทันที
“พวกมันยังอยู่อีกไกลโขขอรับ กำลังมุ่งหน้าออกนอกเขา คงต้องผ่านช่องเขาข้างหน้าอยู่แล้ว” โจรหูเดียวพูดต่อ
“ดีมาก วางกับดักที่ช่องเขาข้างหน้านี่แหละ ส่วนจะวางแผนอย่างไรนั้น เจ้าสอง คงต้องมอบให้เป็นหน้าที่เจ้าแล้ว” ก้ายปินมองไปยังชายชราชุดเทาข้างๆ ชายชราชุดเทาผู้นี้เป็นถึงนักเวทย์ชั้นฟ้า ในหมู่สมุนทั้งหมดเป็นรองเพียงแค่เขาเท่านั้น นักเวทย์ชั้นฟ้าผู้นี้ เป็นเพราะแอบจับมนุษย์จำนวนมากมาทดลองแล้วถูกพบเข้า หลังจากนั้นจึงถูกออกหมายจับเช่นกัน
“มอบให้ข้าเถอะ” ชายชราชุดเทาพยักหน้าเบาๆ
……
ท่ามกลางหุบเขาลึก
ตงป๋อเสวี่ยอิงสะพายขนราชันย์หมาป่าจันทร์เงิน เดินเคียงข้างท่านอาจง
พวกเขาทั้งสองยังคงระวังความเคลื่อนไหวรอบกาย แต่อาศัยความสามารถที่ตงป๋อเสวี่ยอิงมีทุกวันนี้ ต่อให้เป็นสัตว์มารขั้นห้าก็ทำให้พวกเขาเกรงกลัวไม่ได้แล้ว
“เอ๊ะ”
ขณะเดินอยู่กลางหุบเขากว้างใหญ่แห่งหนึ่ง คิ้วของตงป๋อเสวี่ยอิงก็ขมวดขึ้นมากะทันหัน “ท่านอาจง หยุดก่อน”
“เป็นอะไรไป” จงหลิงขวัญผวา
“กลิ่นอายไม่ค่อยดีเลย” ตงป๋อเสวี่ยอิงมองไปข้างหน้า
ตั้งแต่กลายเป็นปรมาจารย์วิถีหอกยาว เขาก็ค่อยๆ เข้าใจเขตแดนวิถีหอกยาวถ่องแท้ขึ้น เริ่มสัมผัสได้ถึงฟ้าดินและธรรมชาติ ตลอดทางที่เดินมาเมื่อครู่ กลิ่นอายโดยรอบล้วนเป็นกลิ่นอายธรรมชาติ แต่ช่องเขาใหญ่ข้างหน้ากลับทำให้ตงป๋อเสวี่ยอิงรู้สึกถึงโทสะที่แอบแฝงอยู่ ไม่กลมกลืนกับกลิ่นอายธรรมชาติเป็นอย่างยิ่ง
“อาจจะมีกับดัก พวกเราหันกลับไปก่อน” ตงป๋อเสวี่ยอิงพูด “ดูสิว่าพวกมันจะปรากฏกายหรือไม่”
ขณะที่ตงป๋อเสวี่ยอิงและจงหลิงหันกายกลับไปอย่างกะทันหันนั่นเอง...
“พญางูหกกรจงหลิง ในเมื่อมาถึงถิ่นข้าแล้ว ก็อย่าจากไปเลย” เสียงเย็นชาเสียงหนึ่งสะท้อนอยู่ในช่องเขาใหญ่ “พี่น้องเอ๋ย ปรากฏกายเถิด ไหนๆ ก็ถูกจับได้แล้ว”
“เอ๊ะ” ตงป๋อเสวี่ยอิงและจงหลิงมองเห็นในทันที หลายจุดบนแผ่นผารอบช่องเขาทั้งสองด้าน มีสมุนโจรระลอกแล้วระลอกเล่าแฝงกายอยู่ พวกเขามองไปแวบหนึ่ง ก็เห็นว่าที่เบียดเสียดกันอยู่นั้นน่ากลัวว่าจะมีกว่าพันคน สมุนโจรทั้งหมดล้วนจับจ้องตงป๋อเสวี่ยอิงและจงหลิง ราวกับกำลังมองดูลูกแกะน้อย
โครม
ช่องเขาตรงหน้ามีคนกลุ่มหนึ่งเดินมา ผู้ที่นำหน้ามาคือบุรุษท่าทางโหดร้ายคนหนึ่งที่มีดาบคู่อยู่ที่เอว ทั้งยังมีลูกน้องกลุ่มใหญ่อยู่ข้างกาย
“ก้ายปิน” นัยน์ตาของจงหลิงสาดประกายหนาวเย็น
“ฮ่าๆๆ…จงหลิงเอ๋ยจงหลิง นรกไร้ประตู เจ้าบุกเข้ามาเองจริงๆ” ก้ายปินแสยะยิ้ม “ต่อให้เจ้าบรรลุเป็นอัศวินดาวตก แต่มาถึงถิ่นข้า เจ้าก็จะต้องตายอย่างไม่ต้องสงสัย ฮ่าๆ หากเจ้าหลบอยู่ในแดนอินทรีหิมะข้าก็ยังคงไร้หนทางจริงๆ แต่ในเมื่อเจ้ามาเอง ไม่ใช่ว่ารนหาที่ตายเองหรอกหรือ ข้าจะทำให้เจ้าสมหวังเอง อ้อ ยังมีเจ้าแดนตัวน้อยเนื้อหนังนุ่มนิ่ม วางใจเถิด ข้าจะให้เจ้าตายอย่างรวดเร็ว ไม่ทรมานเลยสักนิด”