icon member

อินทรีหิมะเจ้าดินแดน

ตอนที่ 18

ตอนที่ 18 ลอบโจมตี

    บนยอดเขาแห่งหนึงในแนวเขาทำลายล้าง ตงป๋อเสวี่ยอิงและจงหลิงนั่งยองแล้วมองลงไปยังเบื้องล่าง

       “ท่านอาจง”ตงป๋อเสวี่ยอิงถาม “พวกเราเข้ามาในแนวเขาทำลายล้างก็สิบสองวันแล้ว แล้วก็สำรวจมาสิบสองวันแล้ว ยังไม่เห็นร่องรอยของกองมีดโค้งเลยนะ”

       “ทุกครั้งที่กองมีดโค้งหนีเข้ามาในแนวเขาทำลายล้างก็ล้วนแต่อยู่แถบนี้แหละ ตามข่าวคราวที่แหล่งต่าง ๆ รวบรวมมาหลายปี ขอบเขตที่เราวางไว้นี้ไม่ผิดแน่” จงหลิงพูด

       มาแนวเขาทำลายล้างครั้งนี้ ก็เพื่อล่ากองมีดโค้งเป็นหลัก

       กองมีดโค้งก่อความวุ่นวายในแดนอี๋สุ่ยมานานเกินไปแล้ว ออกมาทำความชั่วแล้วหนีไปครั้งแล้วครั้งเล่า และก็มักมีคนเห็นอยู่เสมอ ดังนั้นรวบรวมข่าวคราวขึ้นมาแล้วก็สามารถรู้ตำแหน่งโดยประมาณของกองมีดโค้งได้

    ที่ตั้งค่ายที่ประจำการอยู่ข้างนอกนั้นก็ผ่านการศึกษาวิเคราะห์มาแล้วเป็นอย่างดี

       ยึดเอาค่ายที่ประจำการอยู่ข้างนอกเป็นจุดเริ่มต้น แล้วลึกเข้ามาเป็นขอบเขตห้าร้อยลี้ในแนวเขาทำลายล้าง นี่คือขอบเขตที่พวกตงป๋อเสวี่ยอิงวางเอาไว้

       พวกเขาเชื่อมั่นว่า เก้าจุดเก้าส่วน กองมีดโค้งต้องอยู่ในขอบเขตนี้แหละ

       “พวกคนสิ้นหวังในกองมีดโค้งเหล่านี้เข้าออกอยู่บ่อยครั้ง แน่นอนว่าย่อมมีเส้นทางเดิมที่ค่อนข้างปลอดภัยอยู่แล้ว แต่อย่างไรเสียที่นี่ก็คือแนวเขาทำลายล้าง อาจมีสัตว์มารได้ตลอดเวลา ดังนั้นพวกเขาจึงเข้าไปลึกมากไม่ได้ ไม่อย่างนั้นทุกครั้งที่เข้าออกต้องใช้เวลาเจ็ดแปดชั่วยามกระมัง ความเร็วที่พวกเขาเดินเท้าไล่พวกเราไม่ทันแน่ ในกลุ่มพวกเขามีหลายคนที่ไม่ได้เป็นแม้แต่อัศวินด้วยซ้ำ” จงหลิงพูด “ค่อย ๆ หาไป ต้องหาเจอแน่อยู่แล้ว”

       “อื้อ”

       ขอบเขตห้าร้อยลี้ดูเหมือนจะไม่ใหญ่ แต่พวกเขาเองสองคนค่อย ๆ หา ก็ยังยากเย็นอยู่มาก

      อย่างไรเสีย รังซ่องสุมที่กองมีดโค้งเลือก ย่อมเลือกที่ซ่อนไว้มิดชิดมากอยู่แล้ว

   ……

      ตงป๋อเสวี่ยอิงและจงหลิงค้นหาอย่างระมัดระวังต่อไป ถึงแม้พวกเขาทั้งสองจะได้พบสัตว์มารบ้างเป็นบางครั้ง แต่พละกำลังที่ตงป๋อเสวี่ยอิงระเบิดออกมาก็สามารถรักษาให้อยู่ในระดับอัศวินจันทร์เงินได้เป็นระยะสั้น ๆ  วิถีหอกยาวก็ร้ายกาจถึงเพียงนี้ ดังนั้นจึงสามารถต้านทานได้ อย่างไรเสีย โดยทั่วไปแล้วในขอบเขตด้านนอกก็มีสัตว์มารที่เกินขั้นสามปรากฏกายน้อยมาก

       “ฟิ้ว ฟิ้ว ฟิ้ว...”

       ในป่าอันมืดทึบ กองหิมะเป็นหมื่นปีก็ไม่ละลาย ลมหนาวพัดโชย

    ตงป๋อเสวี่ยอิงและจงหลิงเดินย่องสำรวจตรวจตราทั่วทั้งสี่ทิศ ตามหาร่องรอยของกองมีดโค้ง

       “เอ๋” หูของตงป๋อเสวี่ยอิงขยับแล้วขยับอีก แล้วพูดเสียงต่ำว่า “ท่านอาจง พวกเราลองไปดูทางนั้นกันเถอะ” พูดพลางชี้ไปยังที่สูงแห่งหนึ่งที่ไกลออกไป    

    “พบอะไรหรือ” จงหลิงถามขณะเดินย่องไปพร้อมกับตงป๋อเสวี่ยอิง

       “ไปดูก็รู้แล้วล่ะ”

       ตงป๋อเสวี่ยอิงปีนขึ้นไปบนที่สูงนั้นอย่างระมัดระวัง

       จงหลิงก็ปีนขึ้นไปบนที่สูง สองคนเดินตรงไป มองตรงไปยังที่ไกล ๆ

      ไกลออกไปนั้นเป็นทะเลสาบขนาดใหญ่ ทะเลสาบงดงามดุจดั่งมรกต ข้างทะเลสาบนั้นมีฝูงหมาป่าสีขาวหิมะจำนวนมากอยู่ พวกหมาป่าอยู่กันแน่นขนัด บ้างก็ก้มหัวกินน้ำ บ้างก็เอนตัวอยู่บนพื้นหญ้าข้างทะเลสาบ มองไปปราดหนึ่ง ก็พบว่าหมาป่าฝูงนี้น่ากลัวว่าจะมีมากถึงสองสามร้อยตัว หมาป่าเหล่านี้ขนาดตัวใหญ่กว่าหมาไนเกล็ดดำมากนัก ทุกตัวล้วนงามเทียบได้กับสัตว์มารม้าแคระน้ำค้างเหิน ขนขาวราวหิมะเรียบลื่น สวยงามยิ่งนัก

       “หมาป่าจันทร์เงินนี่” จงหลิงกระแอมแล้วกระแอมอีก สีหน้าซีดขาวอยู่บ้าง

      “ยังมีราชันย์หมาป่าด้วย” ตงป๋อเสวี่ยอิงมองไปยังที่ไกลสุด ก็เห็นราชันย์หมาป่าจันทร์เงินซึ่งร่างใหญ่โตที่สุดเอนกายอยู่ริมตลิ่ง รอบกายมันมีหมาป่าจันทร์เงินที่ร่างใหญ่อย่างเห็นได้ชัดสิบกว่าตัวรายล้อมอยู่รอบข้าง

       “นึกไม่ถึงว่าข้าจะได้พบราชันย์หมาป่าจันทร์เงินจริง ๆ” ตงป๋อเสวี่ยอิงฉีกยิ้ม เผยรอยยิ้มขมขื่น

       “ไปเถอะ สู้ไม่ไหวหรอก ไม่มีความหวังเลยสักนิด” จงหลิงส่ายหน้า

       ตงป๋อเสวี่ยอิงจ้องเขม็ง

      ใช่แล้ว

       ไม่มีความหวังเลยสักนิด

       จากร่างกายก็ดูออกแล้วว่า ในฐานะที่หมาป่าจันทร์เงินเป็นสัตว์มารขั้นสาม ร่างกายใหญ่กว่าหมาไนเกล็ดดำมากนัก แรงโจมตีของหมาป่าจันทร์เงินก็แรงมาก หมาป่าจันทร์เงินตัวหนึ่งหนักถึงแปดพันชั่ง หากโจนทะยานขึ้นมา น่ากลัวว่าจะมีแรงโจมตีถึงหลายหมื่นชั่ง รุนแรงเพียงใดน่ะหรือ หอกยาวของตงป๋อเสวี่ยอิงกวาดออกไปทีหนึ่งสามารถกวาดเอาหมาไนเกล็ดดำสี่ห้าตัวไปได้อย่างสบาย ๆ  แต่หมาป่าจันทร์เงินเล่า เกรงว่าตงป๋อเสวี่ยอิงคงจะกวาดได้เพียงตัวเดียวเท่านั้น อีกทั้งพวกมันมีมากถึงสองสามร้อยตัว ต่อให้เป็นอัศวินดาวตกสามคนห้าคนก็ยังต้านรับไม่ไหวเลย

       ทั้งยังมีราชันย์หมาป่าจันทร์เงินที่แข็งแกร่งที่สุด

       “อาศัยวิถีกายหลบซ่อนได้รวดเร็ว พยายามเต็มที่ให้หมาป่าจันทร์เงินที่ตัวเองเผชิญหน้าทุกครั้งนั้นมีเพียงไม่กี่ตัว” ตงป๋อเสวี่ยอิงแอบดีดลูกคิดในใจ “แต่ว่ามีราชันย์หมาป่าจันทร์เงินคอยชักนำควบคุมอยู่ เรื่องคงไม่ได้ดีอย่างที่ข้าคิดหรอก หากเกิดจุดหักเหขึ้นมา ตกอยู่ท่ามกลางฝูงหมาป่าแล้ว ข้าจะหนีก็คงหนีไม่พ้น”

       “ไปเถอะ” ตงป๋อเสวี่ยอิงเลือกที่จะรามือ

       เขาอยู่ในแนวเขาทำลายล้างมาก็หลายวันแล้ว เข้าใจดีถึงจุดที่น่ากลัวของสัตว์มารเหล่านี้ตอนนี้เขาไปต่อสู้กับหมาป่าจันทร์เงินทั้งฝูง ความหวังที่จะสำเร็จได้นั้นไม่ถึงหนึ่งส่วน แต่ความเป็นไปได้ที่จะตายนั้นมีสูงถึงเจ็ดแปดส่วนทีเดียว

    ไม่คุ้มที่จะเสี่ยงอันตราย

   ……

       พริบตาเดียวก็ผ่านไปอีกสามวันแล้ว

       พวกตงป๋อเสวี่ยอิงค้นหารังซ่องสุมของกองมีดโค้งอย่างยากลำบากมาตลอด

       “กองมีดโค้งนี่ ซ่อนตัวได้มิดชิดมากจริง ๆ” ตงป๋อเสวี่ยอิงขบฟัน นี่ก็ตั้งครึ่งเดือนแล้ว ขอบเขตห้าร้อยลี้หามาประมาณสองรอบได้แล้ว

       “พวกมันก็กลัว กลัวจะถูกพบรัง” จงหลิงกลับพูดยิ้ม ๆ “เสวี่ยอิง ความอดทนของเจ้ายังไม่พอ ตอนนั้นที่ข้า ท่านอาถงของเจ้าและท่านพ่อท่านแม่เจ้าตามล่าสมบัติที่ซ่อนอยู่นั้น ตามหาถึงกว่าสามเดือนเต็ม”

       “หาเจอหรือไม่” ตงป๋อเสวี่ยอิงถาม

       “หาไม่เจอ” จงหลิงเอ่ย

       “หาไม่เจอหรือ” ตงป๋อเสวี่ยอิงสะดุ้ง เขาคิดว่าที่ท่านอาจงพูดเช่นนี้เพราะได้ผลสำเร็จอันยิ่งใหญ่เสียอีก

       จงหลิงยิ้มพูดว่า “ทำไมล่ะ แปลกมากหรือ หรือว่าตามล่าหาสมบัตินี่ต้องหาเจอเสมอไปหรืออย่างไร เรื่องต่าง ๆ บนโลกนี้ส่วนใหญ่ล้วนไม่เป็นไปตามใจหวังของคนเราหรอกนะ”  

    ตงป๋อเสวี่ยอิงพยักหน้าเบา ๆ

    ในใจกลับโดนกระทบอยู่บ้าง

       เรื่องต่าง ๆ บนโลก แปดเก้าส่วนในสิบส่วนล้วนไม่เป็นไปตามใจหวัง

       แม้ในหลายด้าน เช่นเรื่องเงินทองบางเรื่องในแดนใต้อาณัติ หรือเช่นการฝึกทักษะต่าง ๆ เขาถามตนเองก็รู้สึกว่าเก่งกาจกว่าพวกท่านอาจงมาก แต่ในเรื่องหลักการบางอย่างในชีวิตนั้น เขายังรู้สึกว่าตนเองขาดไปอยู่มาก

       ทั้งสองคนตามหาอย่างต่อเนื่อง

       และในเวลานี้เอง…

    เงาร่างเล็กผอมสีเทาเลือนรางของสัตว์ป่าสี่เท้ากำลังยืนอยู่บนกิ่งของต้นไม้ใหญ่ มองลงมายังตงป๋อเสวี่ยอิงและจงหลิง

       แต่ตงป๋อเสวี่ยอิงและจงหลิงกลับไม่รู้ตัวเลยสักนิด    

    สวบ

       สัตว์ป่าสี่เท้ากระโจนยังแผ่วเบา ไปยังต้นไม้อีกต้นอย่างไร้สุ้มเสียงจ้องมองพวกตงป๋อเสวี่ยอิงต่อไป การเคลื่อนไหวนี้ แม้สัมผัสทั้งหกของตงป๋อเสวี่ยอิงจะฉับไวแต่ก็ไม่รู้ตัวเลย

    มันมีรูปร่างเพรียวบางดุจเส้นใย ขนาดพอกันกับหมาไนเกล็ดดำ

       แต่ขนของมันราวกับผ้าต่วน อีกทั้งสามารถทำให้คนเกิดภาพลวง ราวกับร่างของมันเป็นเงาลวง

       นี่ก็คือนักล่าที่น่ากลัว สัตว์มารขั้นห้า “เสือดาวเงามืด”

       เสือดาวเงามืดน่ากลัวยิ่งนัก มันเดินอยู่ภายใต้เงามืดเงียบเชียบไร้สุ้มเสียง ปกติแล้วเมื่อมันเผยคมเขี้ยวออกมาก็คือเวลาที่มันฆ่าเป้าหมายตาย คือนักล่าชั้นยอดของสัตว์มารในแนวเขา

    ดังเช่นสัตว์มารขั้นหก “ราชันย์เสือดาวเงามืด” ในตำนาน ยิ่งสามารถทำให้ร่างกายหลอมรวมกับเงาได้อย่างสมบูรณ์ ต่อให้คนเราเบิกตาโตจ้องมองก็ยังมองไม่เห็น

       ฟิ้ว ฟิ้ว ฟิ้ว...

       เสือดาวเงามืดเข้าประชิดอย่างเงียบเชียบไร้สุ้มเสียง มันจ้องหนุ่มน้อยชุดดำอย่างระมัดระวัง

       ในฐานะที่เป็นนักล่าชั้นยอดตัวหนึ่ง…มันสามารถรู้สึกได้ว่าพลังของหนุ่มน้อยชุดดำคนนี้สุงส่งกว่ามนุษย์งูผมเงินด้านขางอยู่ไกลโข หากฆ่าหนุ่มน้อยชุดดำได้ในครั้งเดียว เช่นนั้นก็สบายมากแล้ว

       “สวบ”

       ดวงตาสีเทาเข้มของเสือดาวเงามืดแสดงสัญญาณฆ่าขึ้นมาในทันที ในขณะเดียวกันก็พุ่งเข้ามาอย่างฉับพลัน

       เงาร่างสีเทาเลือนรางสายหนึ่ง

       เร็วเกินไปแล้ว

       ความเร็วถึงขีดสุดของตงป๋อเสวี่ยอิงไม่มีทางเทียบได้กับความเร็วของเสือดาวเงามืด นี่เป็นความเร็วอันน่ากลัวที่ทำให้เหล่าอัศวินชั้นจันทร์เงินต้องปวดหัว

       “เอ๊ะ” ตงป๋อเสวี่ยอิงที่กำลังเดินอยู่เคียงข้างท่านอาจงสีหน้าเปลี่ยนไปอย่างมากในทันที ขนทั้งร่างกายลุกซู่ หัวใจบีบรัดอย่างรุนแรง

    “ไปตายซะ”

       ตงป๋อเสวี่ยอิงหันกลับไปไม่ทัน พุ่งไปข้างหน้าอย่างรวดเร็ว แล้วทำการป้องกันอย่างอื่นไม่ทันแล้ว ทำได้ทันเพียงกระทุ้งหอกยาวในมือไปข้างหลังไปตามเรื่อง ท้ายหอกยาวที่กระทุ้งไปข้างหลังนี้มีพลังมหาศาลมิใช่ย่อย คงต้านทานสัตว์มารขั้นสี่ธรรมดาอยู่ แต่ครั้งนี้สัตว์ที่ลอบโจมตีมานั้นเป็นถึงเสือดาวเงามืด สัตว์มารขั้นห้าที่ถนัดการซุ่มโจมตีอยู่แล้ว

       กรงเล็บคมของเสือดาวเงามืดตะปบด้ามหอกที่ตงป๋อเสวี่ยอิงกระแทกไปด้านหลัง ตะปบสกัดด้ามหอกเอาไว้ อีกทั้งอาศัยแรงสะท้อนกลับตะปบเอากลางหลังของตงป๋อเสวี่ยอิงอย่างรุนแรงทีหนึ่ง แรงโจมตีอันน่ากลัวนี้โจมตีไปยังร่างของตงป๋อเสวี่ยอิง ทำให้เขาพุ่งถลาไปข้างหน้าอย่างควบคุมตนเองไม่ได้

       “ปัง”

       ขณะเดียวกับที่กรงเล็บคมของเสือดาวเงามืดตะปบด้ามหอกของตงป๋อเสวี่ยอิงนั้น ในฐานะยอดฝีมือที่ใกล้จะเป็นปรมาจารย์วิถีหอกยาว ด้ามหอกยาวย่อมมีพลังมากเป็นธรรมดา หอกยาวหมุนคว้างร้อยแปดสิบองศาอย่างรุนแรง แล้วฟาดลงบนร่างเสือดาวเงามืดที่หลบไม่ทันอยู่กลางอากาศทันควัน แม้ร่างของตงป๋อเสวี่ยอิงจะถลาไปข้างหน้า แต่ก็ยังคงบิดตัวออกแรงดังเก่า หอกยาวพลิกหมุนฟาดฟันนี้มีกำลังมหาศาล

       เสือดาวเงามืดร่วงหล่นลงบนพื้นเสียงดังพลั่ก แต่ร่างที่อ่อนนุ่มไร้กระดูกฟื้นพลังกลับมาในพริบตาเดียวและถอยไปซ่อนตัวเร็วปานสายฟ้า

       ส่วนตงป๋อเสวี่ยอิง ขณะที่ทั้งร่างร่วงลงบนพื้นนั้น รีบพลิกตัวกลางอากาศทีหนึ่ง ย่อตัวลงแตะพื้น มือถือหอกยาวมองไปยังเสือดาวเงามืดที่อยู่ไกล ๆ อย่างเคืองแค้น เขารู้สึกได้เพียงความเจ็บปวดที่กลางหลัง อวัยวะภายในกายสั่นสะเทือน เลือดสดทะลักออกมาเต็มปากอย่างกลั้นไม่อยู่

       “ถุย” ตงป๋อเสวี่ยอิงถ่มเลือดสดในปากทิ้งแล้วฟันก็เปลี่ยนเป็นสีแดงหมด เขาจ้องเสือดาวเงามืดตัวนั้นเขม็ง

อินทรีหิมะเจ้าดินแดน

ละครแนะนำ

ข่าวละครวันนี้ดูทั้งหมด