ตอนที่ 16
ตอนที่ 16 แนวเขาทำลายล้าง
ยามราตรี
ณ ห้องหนังสือในปราการศิลาหิมะแห่งดินแดนอินทรีหิมะ
ตงป๋อเสวี่ยอิงนั่งอยู่ที่โต๊ะหนังสือของตน ส่วนจงหลิงและถงซานต่างก็นั่งลงตามใจชอบ
“เสวี่ยอิง เจ้าให้ตามพวกข้ามาหรือ” ถงซานงุนงงอยู่บ้าง
“วันนี้ข้าไปหาท่านปรมาจารย์เวทย์ เขาตกลงรับชิงสือเป็นศิษย์ถ่ายทอดเองแล้ว แต่มีเงื่อนไขให้เลือกสองข้อ หากไม่ใช่ห้าหมื่นตำลึงทอง ก็ต้องเป็นหัวใจของราชันย์หมาป่าจันทร์เงิน หากทำตามเงื่อนไขของเขาได้หนึ่งข้อ ชิงสือจะไปกราบเขาเป็นอาจารย์ก็ไม่มีปัญหาแล้ว” ตงป๋อเสวี่ยอิงพูด
“ห้าหมื่นตำลึงทองรึ” ถงซานเบิกตาโพลง “ใจดำเสียจริง ตอนนั้นข้าและท่านอาจงของเจ้า รวมทั้งพวกเจ้านายผจญอันตรายถึงชีวิตมาตั้งเท่าไหร่ ก็ไม่ได้หาทรัพย์สินมีค่าได้มากมายนัก หากเพราะหลังเจ้านายตั้งครรภ์แล้วพวกเราได้โชคลาภครั้งใหญ่มาอย่างไม่คาดคิด มิเช่นนั้นไหนเลยท่านพ่อเจ้าจะซื้อบรรดาศักดิ์ชนชั้นสูง ซื้อดินแดนอินทรีหิมะได้ เขาอ้าปากมาก็จะเอาห้าหมื่นตำลึงทองเชียวหรือ”
จำนวนนี้เกินจริงไปมาก อัศวินดาวตกทั่วไปจะให้เอาทั้งบ้านไปขายยังยากที่จะหามาได้
ปีนั้นที่พวกท่านพ่อท่านแม่ผจญภัยอยู่ข้างนอกก็นับว่าเป็นผู้โชคดีจำนวนน้อยนัก อีกทั้งผู้ผจญภัยเดิมทีก็ต้องไปยังที่ที่อันตรายยิ่ง อัตราการตายก็สูงนัก พวกท่านพ่อท่านแม่นับว่าเคราะห์ดีที่มีชีวิตรอดมาได้ จึงสามารถซื้อบรรดาศักดิ์ ซื้อแดนใต้อาณัติได้ อีกทั้งผู้กล้าออกไปผจญภัยแต่ละคนนั้นล้วนไม่เกรงกลัวความตาย ฝีมือร้ายกาจยิ่งนัก นี่เป็นเหตุผลที่เหล่าชนชั้นสูงในเมืองอี๋สุ่ยแม้จะรู้อยู่เต็มอกว่าดินแดนอินทรีหิมะร่ำรวยมาก แต่ก็ไม่มีใครกล้าคิดไม่ซื่อ
“หัวใจราชันย์หมาป่าจันทร์เงินยิ่งยากกว่าอีก” จงหลิงที่อยู่ด้านข้างขมวดคิ้ว “ลำพังแค่สัตว์มารขั้นสี่ราชันย์หมาป่าจันทร์เงินเพียงตัวเดียว อาศัยพละกำลังของเสวี่ยอิงในตอนนี้ ร่วมกับพวกเราด้วย ก็ยังพอเป็นไปได้อยู่ แต่ภายใต้จอมมารราชันย์หมาป่าจันทร์เงินยังมีหมาป่าฝูงใหญ่ …ถูกฝูงหมาป่าล้อม น่ากลัวกว่าราชันย์หมาป่าตัวเดียวมากนัก”
ตัวราชันย์หมาป่าเองไม่น่ากลัว ที่น่ากลัวคือฝูงหมาป่าต่างหาก
ดังนั้นเห็นอยู่แล้วว่าราชันย์หมาป่าจันทร์เงินเป็นสัตว์มารขั้นสี่ แต่ซากของมันนั้นกลับได้ราคางามเท่า ๆ กับสัตว์มารขั้นห้าเลยทีเดียว
“ข้าเตรียมจะเข้าไปในแนวเขาทำลายล้างแล้ว” ตงป๋อเสวี่ยอิงพูด
“ไม่ได้...”
“อันตรายเกินไปแล้ว”
ถงซานและจงหลิงล้วนตกใจใหญ่
แนวเขาทำลายล้างเป็นสถานที่อะไรกัน
เป็นหนึ่งในแนวเขาที่ใหญ่โตที่สุดในโลก เชื่อมถึงสี่แว่นแคว้นเข้าด้วยกัน ในนั้นมีสัตว์มารอาศัยอยู่นับไม่ถ้วน มีแม้กระทั่งชีวิตเหนือธรรมดา รุ่นแล้วรุ่นเล่าสืบต่อกันมา ทั้งอาณาจักรมนุษย์ไม่สามารถจะกำจัดภัยคุกคามอันยิ่งใหญ่นี้ให้หมดสิ้นไปได้ และบริเวณที่ที่กองทัพอาณาจักรวางกำลังป้องกันมากที่สุดก็คือรอบแนวเขาสัตว์มาร กองทัพมักจะทำการกวาดล้างครั้งใหญ่รอบนอกแนวเขา โลกภายนอกจึงสามารถซื้อหาเนื้อสัตว์มารขั้นต่ำจำนวนมากต่อมากได้
ดังนั้นราคาเนื้อสัตว์มารขั้นหนึ่ง ขั้นสอง ขั้นสามก็จะค่อนข้างถูก จากขั้นสี่เป็นต้นไปก็จะพุ่งพรวดสูงขึ้นอย่างมากเพราะสัตว์มารขั้นสี่นั้น มิใช่ว่ากองทัพธรรมดาจะสามารถล่ามาได้ จำต้องเป็นคนชั้นยอดในคนชั้นยอดเท่านั้น
“ต่อให้ออกทัพครั้งใหญ่ ที่บุกเข้าไปได้ก็มีเพียงระยะรอบนอกสุดสามพันลี้เท่านั้น” จงหลิงพูดต่อ “ขนาดอัศวินจันทร์เงินและอัศวินชั้นสมญาก็ยังไม่อยากเข้าแนวเขาทำลายล้างเลย…ระยะรอบนอกสามพันลี้ไม่มีอะไรให้เก็บเกี่ยวได้มากนัก หากเข้าไปลึกยิ่งขึ้น ก็อาจได้พบพวกสัตว์มารที่น่ากลัวได้ตลอดเวลา”
“ใช่แล้ว เสวี่ยอิง” ถงซานก็พูดบ้าง “ปีนั้นที่ข้าและพวกเจ้านายผจญภัยกันก็ไม่เคยคิดจะเข้าไปในแนวเขาทำลายล้างเลย เช่นเจ้าอยากจะล่าสัตว์มารขั้นสี่ แต่ทว่า จะพบสัตว์มารขั้นสี่ได้คงไม่บังเอิญถึงเพียงนั้น หรือไม่เจ้าอาจจะได้พบขั้นห้าหรือแม้กระทั่งขั้นหก ถ้าเป็นเช่นนั้นก็คงไร้ชีวิตแล้ว”
พวกเขาล้วนร้อนใจนัก
แนวเขาทำลายล้างหรือ
นั่นเป็นรังที่ใหญ่ที่สุดของ ‘สัตว์มาร’ ศัตรูที่ยิ่งใหญ่ของมวลมนุษย์ทั้งปวงเชียวนะ หากเข้าไป นั่นก็คือการวางชีวิตเป็นเดิมพันจริง ๆ
“พวกเจ้ายังไม่ได้ฟังข้าพูดให้จบ” ตงป๋อเสวี่ยอิงยิ้ม “ข้าเตรียมจะเข้าไปในแนวเขาทำลายล้าง แต่ข้าก็จะอยู่เพียงระยะรอบนอกสุดสามพันลี้เท่านั้น อีกทั้งเรื่องล่าสัตว์มารก็เป็นเพียงเรื่องรอง ที่สำคัญที่สุดก็คือ ข้าวางแผนจะล่ากองมีดโค้ง”
“กองมีดโค้งรึ” จงหลิงและถงซานล้วนตาลุกวาว
เพราะระยะรอบนอกสามพันลี้มักถูกกองทัพบุกรุก สัตว์มารที่แข็งแกร่งเกินไปล้วนถอยไปนานแล้ว โดยทั่วไปทุกครั้งล้วนเป็นพวกสัตว์มารขั้นต่ำจำนวนมากที่ถูกกวาดล้าง ที่จริงแล้วก็เป็นการต่อสู้ครั้งใหญ่ระหว่างกองทัพและสัตว์มารขั้นต่ำ…สัตว์มารขั้นต่ำนั้นมีไม่ขาดสาย ทุกครั้งที่กวาดล้างไปฝูงหนึ่ง ก็มักมีสัตว์มารขั้นต่ำถ่ายเทออกมาจากส่วนลึกของแนวเขาทำลายล้างอย่างต่อเนื่อง
สามพันลี้นั้น คว่ำทหารมานักต่อนัก แต่ก็ทำให้กองทัพฝึกฝนผู้ที่แข็งแกร่งออกมาได้มากมาย
“กองมีดโค้งหรือ โจรเถื่อนพวกนี้แอบซ่อนอยู่ในแนวเขาทำลายล้าง พวกเขาก็ไม่กล้าเข้าไปลึกเกิน ก็อยู่ในระยะรอบนอกสามพันลี้เช่นกัน” จงหลิงพยักหน้าเบา ๆ “อีกทั้งก้ายปิน ผู้นำกองมีดโค้งก็เป็นอัศวินดาวตกผู้หนึ่ง เขามักจะละโมบปล้นชิง แน่นอนว่ามีของล้ำค่าไม่น้อย ทั้งในรังโจรเกรงว่าคงจะมีของล้ำค่ามากกว่าอีก แต่จะโจมตีก็คงไม่ง่ายหรอก”
“ศัตรูอยู่ที่แจ้งส่วนข้าอยู่ที่มืด ท่านอาจง ท่านว่าถ้าเทียบกันแล้วพละกำลังของข้ากับก้ายปินเป็นอย่างไรบ้าง” ตงป๋อเสวี่ยอิงพูด
“เจ้าเก่งกาจกว่าเขามากนัก ข้ากับเขาประมือกันก็ยังรับมือได้ครู่หนึ่ง...ประมือกับเจ้า…หากเจ้าออกแรงเต็มที่จริง ๆ ข้าคงรับไม่ไหว” จงหลิงยิ้มขมขื่น
ในยามปกติ ตงป๋อเสวี่ยอิงก็ขึ้นถึงสถานะสูงสุดของอัศวินดาวตกอยู่แล้ว
เมื่อระเบิดพลัง ก็ยิ่งไต่ขึ้นไปถึงระดับอัศวินจันทร์เงินแล้ว
วิถีหอกยาวของเขาใกล้ถึงขั้นปรมาจารย์วิถีหอกยาว เข้าถึงกลวิธีพลังการต่อสู้พลิกหรือที่ “อัศวินมวลน้ำแข็ง” กู่หยวนหานได้ถ่ายทอดเอาไว้
“จุดอ่อนเดียวของเจ้าก็คือเห็นเลือดมาน้อยเกินไป” จงหลิงพูด “แม้พวกที่ทำผิดครุโทษในแดนใต้อาณัติของเราล้วนเป็นเจ้าที่สั่งตาย แต่การต่อสู้ถึงขั้นเป็นตายของเจ้ายังคงน้อยเกินไป เจ้าเรียนรู้จากพวกข้า ท้ายที่สุดแล้วก็เพียงแค่เรียนรู้เท่านั้น”
“ข้าเข้าใจดี ดังนั้นไปแนวเขาทำลายล้างครั้งนี้…ในระหว่างตามหารังที่ซ่องสุมของกองมีดโค้ง แน่นอนว่าต้องได้พบสัตว์มารมากมาย ก็สามารถฝึกฝนดูได้มากหน่อย” ตงป๋อเสวี่ยอิงพูด
“หารังที่ซ่องสุมของกองมีดโค้ง หาไม่ง่ายหรอก”
จงหลิงกังวลใจอยู่บ้าง “ในระหว่างนี้อาจได้พบสัตว์มารครั้งแล้วครั้งเล่า…แม้กระทั่งมีโอกาสนิดหน่อยที่จะได้พบพวกสัตว์มารที่แข็งแกร่ง”
แม้จะเป็นระยะรอบนอกสามพันลี้ สัตว์มารที่แข็งแกร่งยิ่งดุจระดับชั้นเหนือธรรมดา เช่นระดับขั้นหกอาจเป็นไปไม่ค่อยได้ที่จะปรากฏออกมา แต่ขั้นห้า ขั้นสี่นั้นถ้าบังเอิญก็อาจจะมีได้…พอกองทัพกวาดล้าง พวกมันก็อาจเห็นท่าไม่ดีถอยหนีไปก่อนแล้ว แต่อย่างตงป๋อเสวี่ยอิงที่ไปผจญภัยด้วยตนเองเช่นนี้ สัตว์มารที่ร้ายกาจพวกนี้ก็อาจจะแฝงกายลอบฆ่าได้
“ข้าคงไม่โชคร้ายขนาดนั้นหรอก” ตงป๋อเสวี่ยอิงพูด “อีกทั้งวิถีหอกยาวของข้าก็ถนัดป้องกันอยู่แล้ว ยังพอรักษาชีวิตได้อยู่”
“อีกทั้งหากไม่ไปแนวเขาทำลายล้าง…จะหาห้าหมื่นตำลึงทองมาได้อย่างไรกัน” ตงป๋อเสวี่ยอิงส่ายหน้า
อยากได้แต่ไม่ยอมเสี่ยง
อัศวินดาวตกไปเป็นผู้อารักขาขุนนางต่างรัฐให้ตระกูลใหญ่ ปลอดภัยยิ่ง แต่เงินเดือนปีหนึ่งก็เพียงสามพันห้าพันตำลึงทอง อยากจะหาได้หลายหมื่นตำลึงทองหรือ ก็ต้องเผชิญความเสี่ยงทั้งนั้น
“ก็ได้” จงหลิงพูด “ข้าไปกับเจ้า อย่างน้อยระยะรอบนอกสามพันลี้ข้าก็เคยไปมาหลายครั้ง”
“ท่านอาจง ท่านเคยไปหรือ” ตงป๋อเสวี่ยอิงตาเบิกโพลงอย่างตื่นตะลึง
“ใช่ หลังท่านพ่อเจ้าซื้อดินแดนอินทรีหิมะ ข้าออกไปฝึกฝนคนเดียว แล้วก็เคยไปฝึกตนที่รอบนอกแนวเขาทำลายล้าง” ในฐานะที่จงหลิงเป็นเผ่ากษัตริย์แห่งเผ่ามนุษย์งู ก็ย่อมมีความหยิ่งผยองในตนเองอยู่บ้าง เขาอยากก้าวพ้นชั้นฟ้าเข้าสู่ระดับดาวตกมาตลอด เขาบังคับตัวเองอย่างร้ายกาจมาก
“ไปแนวเขาทำลายล้าง ฟังท่านอาจงของเจ้าให้มาก อย่าประมาท” ถงซานก็พูดกำชับ
……
หลังเตรียมตัวแล้ว เช้าตรู่ของห้าวันให้หลัง ตงป๋อเสวี่ยอิงและจงหลิงก็นำกองทหารร้อยนายออกเดินทาง
สะพานแขวนของปราการเมืองปล่อยลงมานานแล้ว
“ท่านพี่ รีบกลับมานะ” ชิงสือวิ่งมาถึงยอดเขาที่ชายแดนแล้วตะโกนเสียงแหลม ถงซานยืนอยู่ข้างกายเขา
“ชิงสือ วางใจเถอะ อยู่บ้านเป็นเด็กดีเชื่อฟังท่านอาถงล่ะ” ตงป๋อเสวี่ยอิงที่ออกไปไกลแล้วตอบกลับ
“รู้แล้วล่ะ”
ชิงสือพยักหน้าแรง ๆ ในใจกลับทำใจไม่ได้อย่างยิ่ง
แต่เล็กจนโต ยังไม่เคยแยกจากพี่ชายนานเกินไปเลย ท่านพี่ออกเดินทางไปทำธุระครั้งนี้ ได้ยินมาว่าต้องนานนับสิบวันหรือครึ่งเดือนทีเดียว
เขากลับไม่รู้ว่าตงป๋อเสวี่ยอิงออกเดินทางในครั้งนี้ก็เพื่อไปหา “ค่าเรียน” ให้เขานั่นเอง
******
ทหารม้ากองนี้ของพวกตงป๋อเสวี่ยอิงเดินทางอย่างสบาย ๆ พอตกกลางคืนก็มาถึงพรมแดนแนวเขาทำลายล้างที่ห่างออกมาเก้าร้อยกว่าลี้
เหล่าทหารม้าเริ่มตั้งค่าย
เริ่มจัดหม้อหุงหาอาหาร
“ท่านหยาง”
จงหลิงและตงป๋อเสวี่ยอิงกำลังอยู่กับชายฉกรรจ์หนวดเคราเต็มหน้า เขาผู้นี้ชื่อว่าหยางเฉิง เป็นอัศวินชั้นดินผู้หนึ่ง จงรักภักดีต่อตระกูลตงป๋อ และเป็นนายกองของกองทหารม้ากว่าร้อยนายกองนี้
จงหลิงพูดว่า “พรุ่งนี้พอเช้าแล้วข้าและท่านเจ้าแดนก็ต้องเข้าไปในแนวเขา ตรงนี้ต้องมอบให้ท่านจัดการแล้ว”
“ใต้เท้าจงหลิง ใต้เท้าเจ้าแดนวางใจได้เต็มที่เลยขอรับ เรื่องเล็กน้อยแค่นี้ข้าย่อมจัดการให้เหมาะสมได้แน่นอน ใต้เท้าเจ้าแดน พวกท่านต้องระวังให้ดี” หยางเฉิงพูดอย่างกังวล “ปีนั้นข้าอยู่ในกองทัพ แม้จะเคยกวาดล้างแถบรอบนอกของแนวเขาทำลายล้าง แต่นั่นเป็นการออกทัพใหญ่ แต่ไหนแต่ไรไม่เคยออกไปตามลำพังเลย อีกทั้งสัตว์มารที่มีอยู่ล้นเหลือเหล่านั้นล้วนเข่นฆ่าอย่างดุร้ายไม่กลัวตาย…พี่น้องที่ร่วมทัพกับข้านั้น สุดท้ายที่ถอยออกมาได้อย่างปลอดภัย ในสิบคนเห็นจะมีเพียงสามสี่คนเท่านั้นเอง นอกนั้นล้วนตายอยู่ในแนวเขาทำลายล้างเกือบหมด”
ตงป๋อเสวี่ยอิงพยักหน้า
แนวเขาทำลายล้าง…เป็นสถานที่ต้องห้ามอย่างแท้จริง คนที่กล้าเข้าไปรอบนอกนั้นล้วนเป็นกองทัพและเหล่าโจรเถื่อนที่สิ้นหวังบางพวก ส่วนที่ลึกกว่านั้น คนที่กล้าเข้าไปยิ่งน้อยจนน่าสงสาร
……
เช้าตรู่วันต่อมา ท้องฟ้ายังมีเพียงแสงรำไร
ตงป๋อเสวี่ยอิงที่สะพายกล่องอาวุธและจงหลิงก็ค่อย ๆ เดินเท้าเข้าไปในแนวเขาทำลายล้าง ในแนวเขาทำลายล้างไม่มีทางขี่ม้าได้ อีกทั้งม้ามีการเคลื่อนไหวที่ค่อนข้างเสียงดัง บางทีก็สามารถดึงดูดสัตว์มารที่น่ากลัวออกมาได้
“ใต้เท้าเจ้าแดน ต้องระวังให้ดีนะขอรับ” นายกองหยางเฉิงและเหล่าทหารต่างมองหนุ่มน้อยชุดดำและบุรุษมนุษย์งูผมเงินเดินไกลออกไปอย่างกังวลใจจนหายลับตาไปในป่าของแนวเขาทำลายล้าง มองไม่เห็นอีกต่อไป