icon member

อินทรีหิมะเจ้าดินแดน

ตอนที่ 14

ตอนที่ 14 หอกเทพหิมะเหิน

    ชายวัยกลางคนในอาภรณ์สีม่วงเห็นสีหน้าของตงป๋อเสวี่ยอิงก็แอบพยักหน้าน้อย ๆ ชาวเมืองอี๋สุ่ยถึงขั้นตั้งฉายาให้ตงป๋อเสวี่ยอิงว่า “มารหอก” ความหมายก็คือเขาฝึกหอกจนกลายเป็นมารแล้ว ที่จริงแล้วนี่ก็ไม่ได้นับว่าเลวร้ายเกินไปสักเท่าไหร่ แต่ก็ไม่ได้นับว่าเป็นคำพูดที่ดีอะไรนัก แต่ชายวัยกลางคนในอาภรณ์สีม่วงผ่านประสบการณ์มามาก ก็เข้าใจดีว่า โลกกว้างใหญ่ภายนอกนั้น…

    ผู้ที่ครอบงำโดยแท้จริงก็คือผู้ที่แข็งแกร่งเหล่านั้น พวกสิ่งมีชีวิตชั้นสมญาที่ช่างเหลือเชื่อ ไปจนถึงพวกชีวิตเหนือธรรมดา

    และมีเพียงพวกที่ฝึกฝนมาอย่างตรากตรำโดยแท้เหล่านี้เท่านั้น จึงมีหวังที่จะกลายเป็นสิ่งมีชีวิตระดับนั้นได้

    ดังนั้น เขาจึงมิอาจล่วงเกินคนผู้ขยันขันแข็งอย่างยิ่งเหล่านี้เลย

    “หอกเยี่ยม” สายตาตงป๋อเสวี่ยอิงกวาดมองไปคราหนึ่ง ลำพังมองจากไออ่อนจางที่แผ่ออกมาจากหอกยาวเหล่านี้ เขาก็สามารถสัมผัสได้ถึงความยืดหยุ่นของหอกเหล่านี้ นี่เป็นแรงสะท้อนที่จะเกิดขึ้นเองหากอยู่ร่วมกับหอกทุกเช้าค่ำ

    หอกสามเล่ม ทุกเล่มล้วนแบ่งออกเป็นสองท่อน อย่างไรเสีย หอกยาวก็ยาวเกินไปอยู่แล้ว แบ่งเป็นสองท่อนจึงจะสามารถวางลงกล่องอาวุธแล้วสะพายติดตัวไปได้ หากเป็นหอกยาวทั้งเล่มแล้ว...สั้นที่สุดก็ต้องสองเมตรกว่า จะเหน็ดเหนื่อยเปลืองแรงเกินไป

    “น้องเสวี่ยอิง ข้าขอแนะนำเจ้าหน่อย หอกยาวสามเล่มนี้ล้วนเป็นหอกที่ข้าเลือกซื้อมากับมือ” ชายวัยกลางคนในอาภรณ์สีม่วงเอ่ย

    “รบกวนท่านชายฉวนแล้ว”ตงป๋อเสวี่ยอิงผงกศีรษะเล็กน้อย

    เรื่องเกี่ยวกับหลักมารยาทความเป็นคนอะไรนั่น ปกติแล้วเขาขี้เกียจจะไปใส่ใจ ความคิดจิตใจของเขาอยู่ที่การฝึกฝนเป็นหลัก แต่แน่นอนว่าเขาก็จะเสียมารยาทจนเกินงามไม่ได้

    “หอกยาวสีดำเล่มนี้” ชายวัยกลางคนในอาภรณ์สีม่วงชี้ไปยังหอกยาวที่อยู่ในกล่องอาวุธกล่องแรกทางซ้ายมือ “ชื่อว่าเมฆาดำ หอกยาวสามเมตรสอง นับว่าเป็นหอกยาวที่ยอดขายดียิ่งแบบหนึ่งในโลกภายนอก ชนชั้นสูงมากมายยอมจ่ายเงินซื้อ ข้อดีของมันน่ะหรือ น้องเสวี่ยอิงเจ้าลองดูก็จะรู้เอง”

    “อ้อ” ตงป๋อเสวี่ยอิงขมวดคิ้วเล็กน้อย หอกเล่มนี้ยาวเกินไปหน่อย เขารู้สึกไม่ค่อยชอบเท่าไหร่นัก

    แต่ต่อมา สองมือก็หยิบสองท่อนของหอกยาวขึ้นมาแล้วหมุนติดกันในทันใด  

    “ฟิ้ว”

    มือหนึ่งกวัดแกว่ง กวัดแกว่งแล้วแทง

    หอกยาวหนักกว่าร้อยชั่ง ตงป๋อเสวี่ยอิงกลับใช้มือเดียวถือแล้วกวัดแกว่งตรงแน่ว ปลายหอกแทงตรงไกลออกไปข้างหน้า ให้ความรู้สึกเหมือนแหวกอากาศจนฉีกขาด ทำให้สาวใช้สองนางที่อยู่ด้านข้างตกใจเสียจนหน้าซีด

    ชายวัยกลางคนในอาภรณ์สีม่วงตะลึงงันด้วยเหตุนี้ พละกำลังแกร่งกล้า วิถีหอกยาวล้ำเลิศยิ่งนัก

    “อ่อน อ่อนเกินไป” ตงป๋อเสวี่ยอิงสั่นศีรษะ “หอกเมฆาดำนี้ยาวเกินไป คอหอกก็เล็กไปทำให้เวลาแทงหอกไปแล้ว…หัวหอกกระเพื่อมไหว แต่ในความเป็นจริง ยอดฝีมือโดยแท้นั้น แม้จะหวังให้หัวหอกกระเพื่อมไหว แต่ก็ต้องให้กระเพื่อมไหวจากการควบคุม มิใช่เพราะหอกอ่อนเกินจนทำให้กระเพื่อมไหว” 

    “แน่นอนว่าสำหรับคนที่ไม่เชี่ยวชาญวิถีหอกยาวบางคนแล้ว หยิบหอกยาวสามเมตรกว่ามาแทงออกไปโดยแรง ทำให้หัวหอกกระเพื่อมไหว คนทั่วไปเห็นก็ตาลาย มองไม่ชัดแล้ว ครู่เดียวก็ถูกแทงเป็นรู สำหรับพวกชนชั้นสูงที่ไม่ยอมทุ่มเทฝึกหอกพวกนั้น ก็นับว่าเป็นอาวุธที่ดีชิ้นหนึ่งจริง ๆ”

    ตงป๋อเสวี่ยอิงวิจารณ์เอาตามใจ

    เมื่อตงป๋อเสวี่ยอิงอายุสิบสามคนและหอกก็หลอมรวมเป็นหนึ่ง ยิ่งบัดนี้สัมผัสได้ถึงโลกของปรมาจารย์วิถีหอกยาวแล้วนั้น ลองแทงหอกเล่นทีหนึ่งก็รู้ถึงข้อดีข้อด้อยของอาวุธแล้ว

    หอกเมฆาดำเล่มนี้ สำหรับผู้ที่วิถีหอกยาวอ่อนนั้นนับว่าเป็นอาวุธที่ดี  สามารถทำให้พลังเพิ่มขึ้นได้อย่างมาก

    สำหรับผู้ที่วิถีหอกยาวสูงส่งนั้น ก็มองว่าไม่ดีแล้ว

    “เยี่ยมยอด เยี่ยมยอด ฮ่าฮ่า ข้าเคยพบพวกยอดฝีมือโดยแท้หลายคนที่พเนจรอยู่ข้างนอก พวกเขาก็ดูแคลนหอกเมฆาดำระดับนี้ที่พวกชนชั้นสูงชมชอบเช่นกัน” ชายวัยกลางคนในอาภรณ์สีม่วงชี้ไปยังหอกยาวด้ามสีม่วงเข้มอีกด้ามด้านข้าง “หอกยาวด้ามนี้ชื่อว่า “หอกโลหิตม่วง” ซึ่งเป็นหอกที่ยอดฝีมือโดยแท้ใช้กันแล้ว หอกยาวสองเมตรห้า ด้ามหอกใหญ่ต้องใช้หนึ่งมือเต็มจึงกำรอบ ปลายหอกคมยิ่ง ถูกสร้างมาเพื่อเข่นฆ่าหอกที่ใช้กันอยู่ทั้งหมด…พูดกันว่าสีม่วงเข้มที่ด้ามคือสีที่โลหิตสดตกตะกอนเอาไว้”

     “โม้เสียจนน่าพิศวงทีเดียว” ตงป๋อเสวี่ยอิงยิ้มพลางหยิบหอกโลหิตม่วงขึ้นมา

    พอหยิบขึ้นมา ในใจของตงป๋อเสวี่ยอิงก็รู้สึกชอบขึ้นมานิดหนึ่ง

    จากนั้นก็เริ่มขยับหอกยาวตามแต่ใจชอบ

    ฟิ้ว        

    หอกยาวฟาดฟันและวาดออกไป ห้องรับรองที่กว้างขวางเกิดลมแรงหวีดหวิวระลอกหนึ่งขึ้นมาโดยฉับพลัน ในชั่วอึดใจก็กลายเป็นการแทงอย่างดุเดือดตามหอกยาวที่พลิกไป

ท่าทางที่ตงป๋อเสวี่ยอิงชูมือสะบัดเท้าตามใจชอบเช่นนั้น มิใช่สิ่งที่ยอดฝีมือวิถีหอกยาวทั่วไปจะมีได้ นี่ทำให้การประเมินที่ชายวัยกลางคนในอาภรณ์สีม่วงมีต่อตงป๋อเสวี่ยอิงนั้นสูงขึ้นเรื่อย ๆ

    “การหมุนเปลี่ยนสายพลังเบาแรงมาก” ตงป๋อเสวี่ยอิงพยักหน้าเล็กน้อย “ด้ามหอกไม่มีข้อด้อยอะไร และด้วยการหลอมโลหะแบบผสาน หัวหอกก็คมพอตัวดังว่า” 

    เป็นหอกที่ดีด้ามหนึ่ง เหมาะให้ตนใช้

    “ข้าขอแนะนำหอกด้ามสุดท้าย” ชายวัยกลางคนในอาภรณ์สีม่วงชี้ไปยังหอกด้ามสุดท้าย

    ตงป๋อเสวี่ยอิงก็มองตามไป นี่เป็นหอกที่เขาประเมินด้วยตาแล้วชอบที่สุด ด้ามหอกทั้งหมดเป็นสีเทาเงิน บนด้ามหอกยังมีจุดเล็ก ๆ เหมือนเกล็ดหิมะอยู่นับไม่ถ้วน ทำให้ตงป๋อเสวี่ยอิงสามารถรู้สึกได้ถึงความเฉียบคมของมัน

    “หอกยาวสองเล่มแรกนั้นล้วนเป็นอาวุธแปรธาตุขั้นหนึ่ง ส่วนชิ้นนี้ข้าบังเอิญได้มา ตามการตีค่าแล้วเป็นอาวุธแปรธาตุขั้นสอง” ชายวัยกลางคนในอาภรณ์สีม่วงพูด

    “ชั้นสองหรือ” ตงป๋อเสวี่ยอิงและจงหลิงต่างก็ชะงักไป

       ในเมืองอี๋สุ่ยก็มีอาวุธแปรธาตุขั้นสองให้เห็นหรือ

    “ทั้งหอกนั้นเย็นเยือก ผู้หล่อมันขึ้นมาเรียกมันว่า “หอกหิมะเหิน” ชายวัยกลางคนในอาภรณ์สีม่วงพูด “จุดที่ดีที่สุดของมันก็คือ เมื่อแสดงวิถีหอกยาว รอบด้านของหอกจะปรากฏภาพเกล็ดหิมะปลิวว่อนนับไม่ถ้วนทำให้ข้าศึกงุนงงได้”

    “ข้าขอลองดูหน่อย” ตงป๋อเสวี่ยอิงหยิบหอกยาวสองท่อนนั้นมาประกอบกันก่อนแล้วเริ่มลองหอก

    ชายวัยกลางคนในอาภรณ์สีม่วงกลับลุ้นระทึกอยู่บ้าง

    อาวุธแปรธาตุ โดยทั่วไปก็ล้วนมีข้อดีของตนเองอยู่บ้าง อย่างเช่นเร็วกว่า คมกว่า หรือว่าสร้างหลุมไฟได้เป็นต้น

……

       หากแต่ “หอกหิมะเหิน” ด้ามนี้เพียงแค่สร้างเกล็ดหิมะให้ศัตรูงุนงงเท่านั้น แต่สำหรับยอดฝีมือโดยแท้แล้ว เกล็ดหิมะไม่สามารถทำให้พวกเขางุนงงได้ พวกเขาสามารถแยกปลายหอกออกได้อย่างง่ายดาย ดังนั้นอาวุธแปรธาตุขั้นสองด้ามนี้จึงยังคงวางอยู่ที่นี่

    สำหรับความเป็นมาของอาวุธนี้นั้น…

    ก็คือเมื่อท่านชายฉวนยังทำการค้าอยู่ข้างนอกได้พบกับขอทานชราผู้หนึ่ง เขารู้สึกว่าขอทานชราผู้นี้ไม่ธรรมดาอย่างยิ่ง จึงให้เขาดื่มกิน ผ่านไปสามปี ก่อนขอทานชราจะจากไปก็ได้เปิดเตาหลอมอาวุธ หล่อหอกยาวด้ามหนึ่งแล้วพูดว่า “นี่คือหอกหิมะเหิน เพียงพอชดใช้ค่าสุราเหล่านี้ของเจ้าแล้ว” พูดจบคนก็จากไปแล้ว

    ตอนนั้นเขาคิดว่าหอกหิมะเหินนี้เป็นอาวุธชั้นเทพที่ยอดเยี่ยมเหลือคณา หลังจากทดสอบดูแล้ว ก็นับว่าเป็นอาวุธแปรธาตุขั้นสองอย่างแท้จริง แต่กลับไม่มีคุณลักษณะพิเศษเพิ่มเติมใด ๆ ทั้งสิ้น ดังนั้นจึงห่างไกลกับราคาสุราอาหารของเขาอยู่มาก

    “ฟิ้ว...แคว่ก...”

      ตงป๋อเสวี่ยอิงมือจับหอกยาวสีเทาเงิน ลองหอกติดต่อกันสิบกว่ากระบวนจึงหยุดลง สีหน้าเรียบนิ่ง ในใจกลับตื่นเต้นขึ้นมา

    ยอดหอก

    นี่สิจึงจะนับว่าเป็นยอดหอกที่แท้จริง    

    ต่อให้เป็นยอดฝีมือที่ “คนและหอกรวมเป็นหนึ่ง” แล้ว ก็เกรงว่ายากที่จะรับรู้ได้ถึงส่วนที่ล้ำค่าที่แท้จริงของหอกยาวด้ามนี้ แต่หลายปีมานี้ตงป๋อเสวี่ยอิงฝึกหมัดเพื่อหวังให้พลังสมบูรณ์ดุจเป็นหนึ่งเดียวกัน บัดนี้สัมผัสได้ถึงโลกระดับนี้แล้ว ดังนั้นจึงสามารถค้นพบส่วนที่เร้นลับนี้ได้

    แต่ตงป๋อเสวี่ยอิงพูดออกไปไม่ได้ เพราะว่าเขาต้องต่อราคาอีก เขายังไม่มีเงินจะซื้ออาวุธแปรธาตุขั้นสองสักด้ามจริง ๆ นะ

    “หอกไม่เลว ไม่เสียทีที่เป็นอาวุธแปรธาตุขั้นสอง” ตงป๋อเสวี่ยอิงมองไปยังชายวัยกลางคนในอาภรณ์สีม่วง แต่ข้ารู้สึกว่า นอกจากจะมีกลเกล็ดหิมะที่ทำให้มึนงงแล้ว หอกนี่ก็ไม่มีคุณวิเศษอันใดอีก อาวุธแปรธาตุ โดยปกติแล้วล้วนมีคุณวิเศษ พวกเสริมพลังเวทย์ หรือว่าคมยิ่งขึ้นมิใช่หรือ หอกยาวเล่มนี้เหตุใดจึงไม่มีอะไรเลยเล่า เรื่องทำให้ศัตรูงุนงงนั้น หากเป็นยอดฝีมือโดยแท้ แค่เกล็ดหิมะกับปลายหอกจะแยกไม่ออกเชียวหรือ”

    “หอกนี้ถูกจัดให้เป็นอาวุธแปรธาตุขั้นสอง คาดว่าคงเป็นเพราะเพียงพอต่อการรับพลัง ‘ชั้นสมญา’ ได้กระมัง” ตงป๋อเสวี่ยอิงพูด “สำหรับพวกที่พละกำลังอ่อนด้อยอย่างเรา หอกเล่มนี้ยังสู้อาวุธแปรธาตุขั้นหนึ่งไม่ได้เลย”

       อาวุธแปรธาตุขั้นหนึ่ง พลังชั้นสมญาลงมาล้วนไม่มีปัญหา

    แต่ชั้นสมญาฆ่าฟันขึ้นมานั้นทำให้ฟ้าถล่มดินทลายได้ อาวุธแปรธาตุขั้นหนึ่งโดยทั่วไปเป็นไปได้มากว่าจะหักหรือแหลกไป พลังของตงป๋อเสวี่ยอิงในตอนนี้ เพิ่งระเบิดออกมาไม่นาน เพียงอึดใจเดียวก็ถึงชั้นอัศวินจันทร์เงินแล้ว ต่อไปอีกไม่นานนักย่อมมีความสามารถถึงชั้นสมญา หากเป็นหอกยาวชั้นหนึ่ง เกรงว่าก็คงใช้ได้ไม่นานเท่าไหร่ นี่คือเหตุผลที่เขาอยากจะได้หอกหิมะเหินด้ามนี้

    แน่นอนว่า ที่สำคัญยิ่งกว่าคือ ความเร้นลับที่ซ่อนอยู่ภายในหอกหิมะเหินเล่มนี้

    “แต่นี่เป็นอาวุธแปรธาตุขั้นสอง อีกทั้งข้าดูออกว่าเจ้าชอบหอกเล่มนี้มาก” ชายวัยกลางคนในอาภรณ์สีม่วงพูด

    “บอกราคามาเถิด” ตงป๋อเสวี่ยอิงเอ่ย

       “สามหมื่นตำลึงทอง” ชายวัยกลางคนในอาภรณ์สีม่วงพูดมาคำหนึ่ง

      ตงป๋อเสวี่ยอิงยิ้มออกมา

    ที่จริงแล้วข้างในกลับจนใจยิ่ง เพราะว่าจนถึงวันนี้ ทั้งตระกูลตงป๋อก็มีเหลือเพียงแค่หนึ่งหมื่นห้าพันตำลึงทองแล้ว อีกทั้งนี่ยังเป็นเพราะท่านอาจงมาช่วยเสริมแล้ว ก่อนหน้านี้สองปี ในบัญชีตระกูลตงป๋อนั้นไม่มีเงินแล้ว ก็เพราะตั้งแต่ตงป๋อเสวี่ยอิงอายุหกปีแช่ยาอาบทุกวัน จนเกือบสิบปี ได้เอาตำลึงทองไปแช่ทิ้งหมดแล้ว

    ค่ายาอาบหนึ่งปี ก็ปาเข้าไปห้าพันตำลึงทองแล้ว เกือบสิบปีเต็มก็คือห้าหมื่นตำลึงทอง ตอนแรกตงป๋อเลี่ยและภรรยาคิดว่าบุตรชายของตนนั้นประมาณสิบปีก็คงได้เป็นอัศวินแล้ว กลายเป็นอัศวินก็ไม่ต้องแช่ยาอาบแล้ว พลังการต่อสู้สามารถหล่อเลี้ยงฟื้นฟูร่างกายได้แล้ว ใครจะคิดว่าตงป๋อเสวี่ยอิงอายุเกือบสิบหกปีจึงจะสำเร็จได้

    “เช่นนั้นหอกโลหิตม่วงราคาเท่าไหร่” ตงป๋อเสวี่ยอิงหันไปมองทางหอกโลหิตม่วงทันที

    “นั่นเพียงห้าพันตำลึงทองเท่านั้น” ชายวัยกลางคนในอาภรณ์สีม่วงพูด “หอกนี้เทียบกับหอกหิมะเหินไม่ได้ หอกหิมะเหินเป็นอาวุธแปรธาตุขั้นสอง แม้จะไม่มีคุณวิเศษเสริมอะไร แต่ถึงอย่างไรก็ดีที่เป็นชั้นสอง”

    “ในการสู้รบ ต้องดูที่ประโยชน์ใช้งานจริง” ตงป๋อเสวี่ยอิงพูด “สูงที่สุดข้าให้แค่หนึ่งหมื่นตำลึงทองเท่านั้น”

   ……

    สองฝ่ายโต้เถียงกันไปมา

       “หนึ่งหมื่นแปดพันตำลึงทอง ต่ำกว่านี้ไม่ขาย” ชายวัยกลางคนในอาภรณ์สีม่วงพูดอย่างจนใจ ที่ขายราคาต่ำถึงเพียงนี้ อย่างแรกคือหอกยาวด้ามนี้สามัญไร้ความพิเศษโดยสิ้นเชิง สองคือหอกนี้ขอทานชรามอบให้มาเปล่า ๆ ที่เขาเสียไปนั้นมีเพียงแค่สุราอาหารนิดหน่อยเท่านั้น สามคือยอดฝีมือหอกยาวหลายสิบท่านได้ดูหอกนี้มาแล้ว ไม่มีใครยอมให้ราคาสูงเพื่อซื้อหอกนี้เลย เคยมีคนเสนอหนึ่งหมื่นแปดพันตำลึงทองแต่เขาไม่ขาย ตอนนี้กลับมายังเมืองอี๋สุ่ย…จะขายถึงหนึ่งหมื่นแปดพันตำลึงทองนั้นก็ยากแล้ว 

     “ได้” ตงป๋อเสวี่ยอิงไม่อยากโต้เถียงอีกต่อไป เพราะเขาเข้าใจถึงส่วนที่ล้ำค่าอย่างแท้จริงของหอกยาวเล่มนี้เป็นอย่างดี “แต่ว่าข้าคงสามารถจ่ายได้แค่แปดพันตำลึงทองก่อน ที่เหลืออีกหนึ่งหมื่นตำลึงทอง…ขอเชื่อไว้ก่อนก็แล้วกัน จะมาจ่ายภายในสามเดือน”

    ไม่มีเงินแล้วจริง ๆ           

    “เงินเชื่อหรือ” ชายวัยกลางคนในอาภรณ์สีม่วงสะดุ้งทีหนึ่ง

       “วันนี้ข้าไม่ได้นำเงินมามากเพียงนั้น คิดไม่ถึงว่าร้านท่านจะมีอาวุธแปรธาตุขั้นสองด้วย” ตงป๋อเสวี่ยอิงพูดเสียงอ่อน มาวันนี้พละกำลังของเขาไม่ธรรมดา จะหาสักหมื่นสองหมื่นตำลึงทอง ไม่ใช่เรื่องยาก โดยเฉพาะหลังจากมีหอกยาวสักเล่มแล้วก็ยิ่งเหมือนพยัคฆ์ติดปีก

    “ดี ตกลงตามนี้ ฮ่า ๆ ข้าเชื่อในความสามารถของตระกูลตงป๋อ แค่มาเขียนใบยืมหนี้ก่อนเสียหน่อยเถอะ” ชายวัยกลางคนในอาภรณ์สีม่วงพูด

       “ต้องจำนองหรือไม่” ตงป๋อเสวี่ยอิงถาม

       “ไม่จำเป็น” ชายวัยกลางคนในอาภรณ์สีม่วงภาคภูมิใจยิ่ง เขายังอยากมีความสัมพันธ์อันดีกับตงป๋อเสวี่ยอิง

    “ท่านอาจง” ตงป๋อเสวี่ยอิงเอ่ย

       จงหลิงไม่ได้พูดอะไรเลยตั้งแต่ต้นจนจบ ทั้งหมดล้วนสุดแท้แต่ตงป๋อเสวี่ยอิงจะตัดสินใจ ในยามนี้ จงหลิงนำตั๋วเงินปึกใหญ่ออกมาจากอกเสื้อ หยิบออกมาสองใบแล้วยื่นให้ชายวัยกลางคนในอาภรณ์สีม่วง

    ต่อมาตงป๋อเสวี่ยอิงก็เขียนใบยืมหนี้อีกหนึ่งหมื่นตำลึงทอง

    จากนั้น...หอกเทพหิมะเหินก็อยู่ในกำมือ

    “เจ้าน่ะไม่เคยพบปรมาจารย์วิถีหอกยาว มิเช่นนั้นไฉนเลยจะมาตกอยู่ในมือข้าได้” ขณะที่ตงป๋อเสวี่ยอิงหยิบกล่องอาวุธขึ้นมานั้น ใจก็ตื่นเต้นยินดี แต่เขากลับไม่รู้ว่าทั้งเขตชิงเหอนั้นไม่มีปรมาจารย์วิถีหอกยาวเลยสักคน แม้ยอดฝีมือที่ฝึกอาวุธนั้นจะมีมาก แต่ที่ฝึกวิถีหอกยาวนั้นมีเพียงนิดเดียวเท่านั้น คนและหอกรวมเป็นหนึ่งได้ก็เยี่ยมมากแล้ว แต่จะเป็นปรมาจารย์นั้น...

    ยากเกินไปแล้ว

อินทรีหิมะเจ้าดินแดน

ละครแนะนำ

ข่าวละครวันนี้ดูทั้งหมด