ตอนที่ 15
รสรินทนอยู่เฉยไม่ไหวย่องมาด้านหลังลูกน้องชักปืนปลอมที่ดวงกลมใช้ฉีดปลาร้าใส่อรอาภาขึ้นมาขู่ให้ทิ้งปืนถ้าไม่อยากตาย ลูกน้องทำท่าจะทิ้งปืน แต่เลขาฯเข้ามาเสียก่อน
“ผมว่าเก็บของเล่นแบบนั้นไปดีกว่ามั้งครับ คุณรสริน” เลขาฯว่าแล้วเล็งปืนมาที่รสริน ส่วนลูกน้องอีกคนหนึ่งจ่อปืนจะยิงกรพงศ์ “เอาสิ ถ้าคิดว่าปืนของเล่นกระบอกนั้นจะสู้กับอีกสามกระบอกนี้ได้ก็ลองดู”
กรพงศ์เปลี่ยนไปจ้องปืนใส่เลขาฯแทน ขู่ด้วยว่าปืนในมือตนเป็นของจริง เลขาฯชะงักไม่กล้าเข้าใกล้ แต่ก็อดแปลกใจไม่ได้ไหนเขาบอกว่าจะมารับวิศวกรเย็นนี้ แล้วทำไมโผล่มาตอนนี้ได้
“ฉันจะมาได้อย่างไรถ้าไม่ได้พวกแกนำทาง มาให้”
“นี่คุณหลอกใช้คุณอรมาเป็นนกต่องั้นเหรอ”
“ฉันมันคนกะล่อน” กรพงศ์ยิ้มกวน เลขาฯเจ็บใจแต่ทำอะไรไม่ได้เพราะไม่แน่ใจว่าปืนของกรพงศ์ใช่ของจริงหรือไม่ จัดแจงยื่นข้อเสนอจะปล่อยเขากับรสริน แต่ต้องทิ้งวิศวกรเอาไว้ กรพงศ์ก้มมองวิศวกรที่กอดขาตัวเองอยู่ตัดสินใจรับข้อเสนอ สะบัดขาเหวี่ยงวิศวกรออกห่าง แล้วชวนรสรินถอยออกมาตั้งหลักก่อน
มีเสียงมือถือของเลขาฯดังขึ้น ท่านวีระโทร.มาถามข่าวคราวก่อนจะไปให้สัมภาษณ์ พอรู้ว่ารสรินกับ กรพงศ์อยู่ที่นั่นด้วยก็แปลกใจ ทำไมทั้งคู่ไปถึงที่นั่นก่อนเวลา พอได้ฟังเรื่องราวที่เกิดขึ้นก็เจ็บใจมาก
“มันหลอกใช้พวกเรางั้นสิ หนอย งั้นก็เก็บกวาดพวกมันไปให้หมดเลยทีเดียว เดี่ยวฉันจะปล่อยข่าวเองว่าพวกมันหักหลัง ฆ่ากันเอง” สั่งเสร็จ ท่านวีระวางสายสีหน้าแค้นจัด...
กรพงศ์กับรสรินค่อยๆถอยหลังออกห่าง พลางส่งสัญญาณให้วิศวกรขยับตาม แต่แล้วเลขาฯหันมาเล็งปืนใส่ทั้งคู่ สั่งให้หยุดอยู่ตรงนั้น ท่านวีระไม่ให้ปล่อยทั้งคู่ไป ให้จัดการไปพร้อมกับวิศวกร กรพงศ์พยายามซื้อเวลาด้วยการหาเรื่องด่าว่าเลขาฯ ก่อนจะ เหลือบไปเห็นแป๊บน้ำที่ต่อขึ้นไปชั้นบนแล้วนึกอะไรขึ้นมาได้ แกล้งมองข้ามไหล่เขาไปด้านหลัง ส่งเสียงเอะอะเป็นทำนองว่าท่านวีระมา
เลขาฯกับลูกน้องหลงกลหันขวับ กรพงศ์ยิงปืนใส่แป๊บทันที พวกคนชั่วตกใจพากันหลบวูบคิดว่าถูกยิง ต่างสำรวจตัวเองแต่ไม่พบบาดแผลใดๆ เลขาฯยิ้มเย้ย เล็งปืนใส่กรพงศ์อีกครั้ง
“ทำบ้าอะไรของแก ไอ้คุณกรพงศ์ คราวนี้...”พูดได้แค่นั้นนั่งร้านที่ยังไม่ได้รื้อพังครืนลงมาฟาดหัวเลขาฯกับสมุน กรพงศ์ไม่รอช้าฉวยมือรสรินด้วยมือข้างหนึ่ง อีกมือหนึ่งกระชากคอวิศวกรพากันวิ่งหนี เลขาฯกับลูกน้องค่อยๆผลักไม้ที่ทับตัวเองออก ตะเกียกตะกายลุกขึ้น เลือดอาบเต็มหัว
ooooooo
รสริน กรพงศ์และวิศวกรวิ่งหนีมาได้ไม่เท่าไหร่ เลขาฯกับลูกน้องไล่ตามทัน เธอพยายามกล่อมให้เลขาฯกลับตัวกลับใจอย่าถลำลึกไปมากกว่านี้ แต่เขาไม่สนใจสั่งให้ลูกน้องฆ่าทั้งหมดทิ้ง กรพงศ์โผกอด รสรินไว้อย่างปกป้อง เสียงปืนดังรัวขึ้น ร่างของเขากระตุกอย่างแรงหลายครั้ง
สักพักเสียงปืนสงบพร้อมกับร่างกรพงศ์ฟุบลงไปนอนแน่นิ่งกับพื้น รสรินพยายามเขย่าตัวเขา
“คุณกร อย่าเป็นอะไรนะคะคุณกร พูดกับฉันสิ คุณกร” รสรินร้องไห้สะอึกสะอื้น พลันสายตามองไปทางพวกเลขาฯ เห็นทิ้งปืนยกมือยอมแพ้ ตำรวจถือปืนยิงขึ้นฟ้าค้างอยู่สั่งให้ทุกคนอยู่ในความสงบ ศักดิ์สกุลเดินเข้ามาพร้อมกับนายตำรวจ รสรินเอะใจดันตัวกรพงศ์ให้หงายขึ้นจับดูตรงโน้นตรงนี้ไม่เห็นเลือดสักหยด
“รส...ถ้าชาติหน้า...มีจริง...” กรพงศ์ทำท่ากระอักทั้งที่ไม่มีเลือด รสรินหมั่นไส้ตบผลัวะ
“ชาติหน้าบ้าบออะไรเล่า ไม่มีสักแผล”
กรพงศ์ลุกพรวดขึ้นนั่ง เอามือคลำตัวเองดูไม่มีแม้แต่รอยข่วน ศักดิ์สกุลเดินเข้ามาหา พอเห็นพ่อเท่านั้น เขาโผกอดไว้แน่น จากนั้นไม่นาน ตำรวจตามไปรวบตัวท่านวีระขณะกำลังให้สัมภาษณ์นักข่าว ปรักปรำกรพงศ์กับบริษัทศาสตราบุรินทร์อยู่บริเวณห้องโถงหน้าที่ทำการพรรค ทั้งที่มีพยานหลักฐานมัดตัว แน่นหนาท่านวีระยังคงปฏิเสธเสียงแข็งว่าไม่ได้ทำอะไรผิด ถูกกรพงศ์กับศักดิ์สกุลใส่ความ...
ภาพของท่านวีระถูกตำรวจจับกุมตัวขึ้นรถเป็นข่าวฮอตประเด็นร้อนออกรายการข่าวทางทีวีทุกช่องสายบัวเห็นข่าวนี้แล้วตบเข่าตัวเองด้วยความสะใจ...
แม้จะรอดจากคมกระสุนมาได้ แต่กรพงศ์ไม่รอดจากถูกดวงกมลเล่นงาน แถมศักดิ์สกุลพลอยโดนหางเลขไปด้วยฐานปล่อยให้ลูกไปเสี่ยงอันตรายทั้งที่ควรจะห้ามปราม รสรินเองก็ถูกเรือนแก้วทั้งหยิกทั้งตีฐานตามกรพงศ์ไปทั้งที่รู้ว่าอันตราย ดวงกมลยังโกรธไม่หายด่าสองพ่อลูกอีกชุดใหญ่ ศักดิ์สกุลต้องขอร้อง
“เอาน่าคุณ ไหนๆก็ไหนๆแล้ว ตอนนี้ความจริงมันก็กระจ่างแล้ว เลิกว่าเลิกบ่นเถอะน่า”
“นั่นสิครับคุณแม่ ตอนนี้ไอ้ รมต.ก็ถูกซิวไปแล้ว อีกไม่นานคงยกเลิกคำสั่งระงับการก่อสร้าง เราก็จะกลับมาเป็นเหมือนเดิมแล้วนะครับ” กรพงศ์เข้าไปกอดออดอ้อนแม่ซึ่งยังบ่นไม่เลิก หากลูกเป็นอะไรไปตน จะอยู่อย่างไร สำหรับตนแล้วไม่มีอะไรสำคัญไปกว่าลูกๆ แล้วดึงกรพงศ์มากอด อานนท์ไม่วายแซว ถ้าอย่างนั้นเงิน 30 ล้านบาทก็ไม่สำคัญแล้วใช่ไหม
“สำคัญสิยะ สำคัญมากด้วย พูดแล้วเจ็บใจมันน่าจะมีทางเอาคืนมาจากนังนั่นได้”
“คงยาก เงินอยู่กับเขาแล้วเขาคงจะยอมคืนคุณหรอก” ศักดิ์สกุลส่ายหน้าปลงๆ...
ด้านอรอาภามัวแต่ไปดินเนอร์กับกฤษณ์หวานใจคนใหม่จึงไม่เห็นข่าวพ่อตัวเองถูกจับ กฤษณ์ได้รับข่าวทางมือถือ รีบเปิดดูเห็นท่านวีระถูกจับข้อหาหนักหลายกระทงรีบขอตัวไปเข้าห้องน้ำ แล้วแวบหายไปเลย ทิ้งให้อรอาภานั่งจิบไวน์ใต้แสงเทียนท่ามกลางสายตาของโต๊ะรอบข้างที่มองมาอย่างแปลกๆ
หลังจากนั้นไม่นาน อรอาภากลับถึงบ้านอย่าง หงุดหงิด เหวี่ยงกระเป๋าถือลงกับพื้น กระทืบเท้ายิกๆ
“ไอ้บ้า แกกล้าดียังไงหา ทิ้งฉันแล้วหนีกลับไปก่อน แถมฉันยังต้องจ่ายค่าอาหารให้มันอีก” อรอาภากรีดร้องด้วยความเจ็บใจ แล้วหันไปถามสาวใช้ว่าคุณพ่อกลับหรือยัง ตนมีเรื่องจะคุยด้วย แทนที่จะตอบคำถาม สาวใช้กลับเปิดทีวีให้ดูข่าวภาคค่ำ เป็นภาพข่าวตอนที่ท่านวีระถูกตำรวจจับใส่กุญแจมือเดินคอตกเข้าห้องขัง อรอาภาถึงกับหน้าเสีย พูดอะไรไม่ออก
ooooooo
อรอาภาพยายามโทร.หาคนรู้จักเพื่อให้ช่วยเหลือ พ่อ แต่ไม่มีใครยอมช่วย บางรายถึงขนาดบล็อกเบอร์ไปเลย เธอเจ็บใจมากปามือถือลงพื้น ก่อนจะฟุบหน้าลงกับฝ่ามือไม่รู้จะทำอย่างไรดี อานนท์เดินเข้ามาหยุดข้างๆ เธอเงยหน้าขึ้นมาเห็นเขาก็ดีใจมาก
“ผมรู้ข่าวแล้วก็เลยเป็นห่วงคุณ” อานนท์ว่าแล้วเอื้อมมือมาเช็ดน้ำตาให้
“คุณนนท์ไม่รังเกียจอรเหมือนคนอื่นๆเหรอคะ ตอนนี้ใครๆเขาก็พากันหนีพากันกลัวบ้านอรไปหมด”
อานนท์วางแผนเล่นงานเธอคล้ายกับที่เธอเคยใช้กับดวงกมล กล่อมให้เชื่อว่าเธอจะถูกยึดทรัพย์ไปกับพ่อด้วย ถ้าไม่อยากโดนแบบนั้นก็ให้เอามาฝากเขาไว้ อานนท์ใช้คารมกล่อมจนอรอาภายอมเซ็นเช็คมอบเงินที่มีในบัญชีทั้งหมดให้ เขายังกล่อมให้เธอเซ็นเอกสารยืนยันว่าเงินจำนวนนี้เป็นเงินที่จ่ายหนี้คืนให้เขา
“เวลาเขามาตรวจจะได้ไม่มีอะไรบ่งบอกไงครับว่าเป็นเงินของคุณอร เอ๊ะ หรือว่าคุณอรกลัว” อานนท์ว่าแล้วโน้มตัวไปจูบหน้าผากเธอ “ไว้ใจผมนะครับ เดี๋ยวเสร็จตรงนี้แล้วผมจะพาไปพบครอบครัวผม”
อรอาภาตาโตตื่นเต้น ยิ่งอานนท์บอกว่าจะพาเธอไปเปิดตัวให้ครอบครัวรู้จัก เธอไม่สนใจจะอ่านเอกสารอะไรอีกคว้ามาเซ็นทันที จากนั้นไม่นานอานนท์พาอรอาภามาที่บ้านศาสตราบุรินทร์ เธอมองเขาอย่างหวาดระแวงพามาที่นี่ทำไม ไหนจะไปหาครอบครัวของเขาไม่ใช่หรือ แต่ที่นี่มันบ้านศาสตราบุรินทร์ เรือนแก้วได้ยินเสียงรถเดินออกมาดู พอเห็นอรอาภามากับลูกชายตัวเองนิ่วหน้าแปลกใจ
“นนท์นี่มันอะไรกันลูก”
“คุณอรครับ นี่คุณแม่ผมเองครับ” เท่านั้นไม่พออานนท์ยังเรียกรสรินมาให้อรอาภารู้จักว่าเป็นพี่สาวของเขาอีกด้วย
อรอาภารู้ทันทีว่าโดนเอาคืน สั่งให้เขาเอาเงินของเธอมาคืน อานนท์หยิบสัญญามาให้ดูว่านี่ไม่ใช่เงินของเธอสักหน่อย เป็นเงินที่เธอใช้หนี้เขา เรือนแก้วสั่งให้เขาเอาเงินคืนเธอไป เอาของเธอมาทำไม
“เงินของเธอที่ไหนกันล่ะแม่ นี่มันเงินของแม่ผัวพี่รส”
“ของฉัน อีแก่นั่นมันอยากโง่ให้มาเอง ช่วยไม่ได้”
อานนท์สวนทันที อรอาภาก็อยากโง่ให้เงินเขาเองเหมือนกันช่วยไม่ได้ เธอด่าเขาสาดเสียเทเสีย อานนท์ไม่พอใจย่างสามขุมเข้าหา อรอาภาผวาถอยหนี ปากก็ด่าไปด้วยว่าเลวเหมือนกันทั้งพี่ทั้งน้อง พี่ก็ขโมยผัว น้องก็ขโมยเงิน จำเอาไว้ให้ดีอะไรที่ขโมยคนอื่นมา มันจะอยู่กับตัวเองไม่ได้นาน แล้ววิ่งหนีไป อานนท์หัวเราะเยาะไล่หลัง ขณะที่รสรินได้แต่ยืนนิ่งพูดอะไรไม่ออก...
ดวงกมลปลื้มอานนท์สุดๆที่เก่งกาจสามารถเอาเงิน 30 ล้านบาทคืนจากอรอาภาได้ ถึงขนาดจะยกลูกสาวให้พร้อมเมื่อไหร่ให้บอกจะแถมข้าวสารให้อีกหนึ่งกระสอบ เขาขอเปลี่ยนเป็นข้าวเหนียวแทน เธอตกลงทันที พิมพ์เพทายทักท้วงแม่ต้องเรียกเอาจากเขาไม่ใช่มาแถมให้แบบนี้
“แน่ะๆๆๆ ฉันพูดตอนไหนว่าจะมาขอเธอ ว้าย...น่าไม่อาย”อานนท์ทำหน้าล้อเลียน พิมพ์เพทายอายมากไล่ทุบเขาแก้เขิน...
กรพงศ์สงสารอรอาภาที่พ่อต้องมาโดนโทษหนักแบบนี้คงจะอยู่ลำบากจึงอยากจะขอความเมตตาจากศักดิ์สกุลแบ่งเงินส่วนที่ได้คืนมาให้เธอบ้าง ท่านอนุญาต อย่างน้อยเธอก็เคยเป็นอะไรกับกรพงศ์มาก่อน
“แล้วแกก็ทำกับเธอไว้เยอะ ดีแล้วล่ะที่แกยังมีน้ำใจให้เธออยู่บ้าง”
“ขอบคุณคุณพ่อครับที่เข้าใจ”
ศักดิ์สกุลอยากรู้ว่าลูกชายจะเอาอย่างไรกับเรื่องตัวเองและรสริน กรพงศ์หน้าเจื่อนพูดอะไรไม่ออก...
ขณะที่ความสัมพันธ์ระหว่างกรพงศ์กับรสรินมาถึงทางตัน ความรักของนวลพรรณกับพลวัฒน์งอกงามเป็นลำดับถึงขนาดที่ฝ่ายชายชวนให้ฝ่ายหญิงอยู่ทำงานที่กรุงเทพฯต่อไป อย่าตามรสรินกลับขอนแก่นและหากเธอเกรงใจที่จะอยู่กับน้า ก็ให้ย้ายมาอยู่บ้านหลังเดียวกับเขา
ooooooo
หลังจากเซ็นใบหย่าเรียบร้อย รสริน เรือนแก้วกับอานนท์และจิ้งหรีดเตรียมเดินทางกลับ รสรินเอากระเป๋าเดินทางไปใส่รถแล้วเดินย้อนกลับมาหากรพงศ์ เพื่อตอบคำถามที่ยังค้างคาใจว่าเธอรักเขาบ้างไหม
“ฉันรักคุณค่ะคุณกร ตั้งแต่ตอนไหนไม่รู้ มารู้ตัวอีกทีก็รักคุณไปแล้ว แต่มันก็ไม่มีประโยชน์อะไรอีกแล้วเรื่องของเรามันจบลงแล้ว ลาก่อนนะคะคุณกร” รสรินโผกอดกรพงศ์ที่ยืนอึ้งทำอะไรไม่ถูก บอกให้เขาดูแลตัวเองด้วย แล้วหันหลังกลับไปขึ้นรถ
กรพงศ์ยืนตัวแข็งอยู่อย่างนั้น กระทั่งรถที่รสรินนั่งแล่นจากไป ถึงได้สติทรุดตัวลงนั่งแปะกับพื้นเสียใจกับการตัดสินใจพลาดของตัวเอง...ตั้งแต่ปล่อยให้รสรินหลุดมือไป กรพงศ์ทุ่มเทเวลาทั้งหมดให้กับงานเพื่อให้ลืมความเสียใจ ไม่เคยเหลียวมองผู้หญิงที่ไหนอีกเลย นิสัยเจ้าชู้ของเขาไม่เหลือร่องรอยให้เห็น
เช่นเดียวกับรสรินตั้งหน้าตั้งตาทำโรงงานแม่ศรีไทยแลนด์ให้กลับมารุ่งเรืองอีกครั้งเพื่อให้ลืมกรพงศ์
ooooooo
ศักดิ์สกุลเห็นลูกชายกลับจากทำงานท่าทางเหน็ดเหนื่อย ร้องทักพรุ่งนี้จะไปไหวหรือจะออกเดินทางไปบ้านรสรินกันตั้งแต่เช้า ไม่ได้ไปทำงานแต่จะไป งานแต่ง กรพงศ์ทำหน้างงงานแต่งอะไร พิมพ์เพทายต่อว่าว่าวางการ์ดไว้บนโต๊ะเป็นชาติแล้วไม่ได้ดูเลยหรือ พูดแล้วก็คิดถึงพี่รสไม่ได้เจอกันเกือบปี
“แม่ก็คิดถึงนี่ก็เตรียมชุดไปประชันแล้ว รับรองหนูรสสวยสู้แม่ไม่ได้แน่ๆ”
“ลูกเตรียมของขวัญไว้แล้วใช่ไหม อย่าลืมเอาไปล่ะ ยังไงพ่อหนุ่มตากล้องนั่นเขาก็เคยช่วยเราไว้เยอะ”
พิมพ์เพทายเตรียมไว้แล้วพี่พลคงต้องชอบแน่ๆ กรพงศ์เข้าใจผิดคิดว่ารสรินจะแต่งกับพลวัฒน์ของขึ้นทันที ขอตัวไม่ไปงานนี้ ใครอยากไปก็เชิญตามสบายแล้วเดินหัวเสียขึ้นห้อง ทั้งสามคนมองหน้ากันงงๆก่อนจะนึกขึ้นได้ว่าเขาคงเข้าใจผิดว่ารสรินจะแต่งงาน จึงรวมหัวกันไม่บอกเรื่องนี้...
ฝ่ายกรพงศ์เสียใจไม่เป็นอันนอน บ่นพึมพำกับตัวเองไหนรสรินเคยบอกว่ารักเขาแล้วทำไมถึงไปแต่งงานกับคนอื่น หันไปต่อยหมอนระบายความอัดอั้น
ooooooo
สายวันถัดมาคณะของศักดิ์สกุลเดินทางมาถึงบ้านเรือนแก้ว ซึ่งถูกตกแต่งไว้อย่างสวยงาม แขกเหรื่อทยอยมาร่วมงานกันอย่างคับคั่ง เรือนแก้วไม่เห็นกรพงศ์มาด้วยก็ถามหาคู่ซ่าฯ
“ถ้าไม่ผิดไปจากที่คาด อีกเดี๋ยวก็อาจจะโผล่มาค่ะ” พิมพ์เพทายรายงาน
“รู้ดีจังนะแฟนใครวะเนี่ย” ไม่พูดเปล่า อานนท์ยื่นหน้าพรวดเข้าไปหา พิมพ์เพทายผลักหน้าหงาย ยังงอนไม่หายที่อาทิตย์ที่ผ่านมาเขาหายหน้าไป ประกาศตัวว่าโสด แฟนตายไปแล้ว อานนท์อ้างงานยุ่งทั้งอาทิตย์ รับปากจะชดเชยให้ แล้วประคองพิมพ์เพทายขึ้นเรือน ศักดิ์สกุลกับดวงกมลพากันเดินตาม...
ใกล้ถึงฤกษ์แต่งงาน จิ้งหรีดซึ่งทำหน้าที่พิธีกรจำเป็นออกมาประกาศกับแขกผู้มีเกียรติว่าบัดนี้ขอเชิญทุกท่านพบกับเจ้าสาวป้ายแดงหมาดๆ ยังไม่ทันจะเอ่ยชื่อเจ้าสาว กรพงศ์ตะโกนเสียงลั่นว่าแต่งไม่ได้ จะไม่มีงาน แต่งงานใดๆเกิดขึ้นในวันนี้แล้วเดินฝ่ากลุ่มชาวบ้านจะขึ้นบนเรือน พลวัฒน์เข้ามายืนประจันหน้า
“ไอ้คุณกรพงศ์จะมาป่วนอะไรอีก”
“ไอ้นักข่าวหน้าจืด แกฟังฉันให้ดีนะ จะไม่มีการแต่งงานใดๆทั้งนั้น เพราะเจ้าสาวเป็นของฉัน...พ่อแม่พี่น้อง พี่ป้าน้าอาโปรดฟังทางนี้ เจ้าสาวในวันนี้จริงๆแล้วคือเมียผม เราสองคนมีสัมพันธ์ที่ลึกซึ้งมาก และวันนี้ผมจะมาทวงเจ้าสาวของผมคืน” สิ้นเสียงกรพงศ์ แขกเหรื่อพากันตบมือเสียงลั่น
“ฉันไปมีอะไรลึกซึ้งกับคุณตั้งแต่เมื่อไหร่หา...ไอ้คุณกรพงศ์” นวลพรรณในชุดเจ้าสาวก้าวพรวดเข้ามาประเคนหมัดซ้ายเข้าเบ้าตากรพงศ์หน้าหงายเงิบ สายบัวนำทีมชาวบ้านส่งเสียงเชียร์ดังสนั่นยิ่งกว่ามวยไทยไฟท์ แถมท้าพนันข้างนวลพรรณห้าร้อยบาท เรือนแก้วต้องปรามพี่สาวให้น้อยๆหน่อย กรพงศ์ที่ล้มลงไปกองกับพื้นมองนวลพรรณงงว่านี่มันเรื่องอะไรกัน รสรินเดินออกมาจากด้านในมองเขาตาปริบๆ
ครั้นรู้เรื่องที่เกิดขึ้น รสรินกลั้นหัวเราะแทบแย่ พลางต่อว่ากรพงศ์ว่า การ์ดแจกล่วงหน้าเป็นเดือนๆไม่ได้เปิดดูเลยหรือ เขายอกย้อนถ้าเปิดดูจะบุกมาอย่างนี้หรือ แล้วชวนเธอไปที่อื่น ตรงนี้ปล่อยให้เจ้าบ่าวเจ้าสาวชื่นมื่นกัน จากนั้นฉุดมือรสรินออกไป ไม่นานนักกรพงศ์พา
รสรินซ้อนท้ายมอเตอร์ไซค์มาที่โรงงานแม่ศรีไทยแลนด์ เพื่อจะพิสูจน์ให้เห็นว่าเขาไม่เกลียดปลาร้าอีกแล้ว
“ตั้งแต่ตอนที่คุณออกจากบ้าน ผมก็พยายามหัดกินแทบทุกวันเลย บางเมนูก็ทำเองด้วยนะ”
“จะมาบอกฉันแค่นี้เนี่ยนะ”
กรพงศ์ยังมีอย่างอื่นอีก แล้วควักแหวนออกมาถามรสรินว่ายังรักเขาอยู่ไหม เธอพยักหน้ารับคำอย่างเขินๆ เขาสารภาพว่าตัวเองก็รักเธอเช่นกัน รักยัยตัวแสบมาตลอด แล้วชวนให้เธอกลับมาเป็นเหมือนเดิม รสรินแขวะมาบอกรักกันหน้าโรงงานปลาร้า โรแมนติกจะแย่
“ก็ที่นี่มันเป็นที่ที่พ่อกับแม่คุณช่วยกันสร้างมาไม่ใช่เหรอ ไม่หรู ไม่ไฮ ไม่โรมานซ์แต่อบอุ่น”
รสรินหันไปมองในโรงงานซึ่งวันนี้ปิดหนึ่งวันเพื่อฉลองงานแต่งให้นวลพรรณกับพลวัฒน์ พอหันกลับมาอีกที กรพงศ์เอาแหวนยื่นมาตรงหน้า จับมือรสรินขึ้นมาบรรจงสวมให้ ก่อนจะยื่นหน้าไปใกล้ๆจะขอจูบ เห็นเธออิดออดนึกว่าไม่ให้ที่ไหนได้เธอโอบคอเขาเข้ามาแล้วปล่อยให้เขาจูบได้ตามใจ
ooooooo
ดวงกมลปลื้มปริ่มมากที่กรพงศ์กลับมารักกับรสรินอีกครั้ง ถึงกับพามาเลี้ยงฉลอง ทั้งคู่เดินถ่ายรูป เซลฟี่กันไปตามมุมต่างๆของร้านอาหารอย่างมีความสุข ขณะที่พิมพ์เพทายเอาแต่นั่งก้มหน้าเล่นเกมในมือถือ อานนท์ได้แต่สายหน้าระอาใจที่เธอเล่นเป็นเด็กๆไปได้
ถ่ายรูปได้สักพัก รสรินกับกรพงศ์เข้ามานั่งร่วมโต๊ะกับศักดิ์สกุล ดวงกมล จิ้งหรีดกับนวลพรรณ พลวัฒน์รวมทั้งอานนท์และพิมพ์เพทาย ศักดิ์สกุลอยากจะขอให้อานนท์มาช่วยดูงานที่บริษัทให้ไม่รู้ว่าเรือนแก้วจะว่าอะไรหรือเปล่า รสรินก็ไม่รู้เหมือนกัน ให้ท่านลองคุยกันเองจะดีกว่า แต่คงไม่น่ามีปัญหา
“ยังไงนวลของฝากสามีไปทำงานด้วยนะคะ”
ศักดิ์สกุลไม่ขัดข้องและท่านยังหางานให้จิ้งหรีดทำอีกด้วย กรพงศ์หยิบกล้องขึ้นมาขอถ่ายรูปหมู่ร่วมกัน รสรินอ้าปากหาวหวอดๆ ดวงกมลเห็นเธอเหนื่อยมาทั้งวันเร่งให้รีบกินจะได้ให้เธอไปพักผ่อน...
จากนั้นไม่นาน กรพงศ์กับรสรินมายืนอึกอักมองหน้ากันอยู่ในห้องนอนโดยมีทุกคนที่ไปกินอาหารค่ำด้วยกันยืนอออยู่ข้างเตียง ไม่มีทีท่าจะยอมกลับกันง่ายๆ
“เอ่อ คือไม่ต้องส่งขนาดนี้ก็ได้ครับ แยกย้ายกันไปไหนก็ไปไป๊” กรพงศ์พยายามไล่
ดวงกมลสั่งสอนลูกชายหนักนิดเบาหน่อยก็อภัยให้น้อง กรพงศ์ต้องเตือนแม่ว่านี่ไม่ใช่คืนส่งตัวเข้าหอท่านเห็นเพิ่งกลับมากุ๊กกิ๊กกันพวกเราก็เลยช่วยลุ้น กว่ากรพงศ์กับรสรินจะไล่ทุกคนออกจากห้องได้เล่นเอาน้ำลายเหนียว แทนที่จะแยกย้ายกันไปบ้านใครบ้านมัน ต่างมาอออยู่หน้าประตูห้อง เอาหูแนบกับประตูหวังจะได้ยินอะไรเด็ดๆ ศักดิ์สกุลจะกลับห้อง ดวงกมลดึงตัวไว้ให้อยู่ลุ้นลูกด้วยกันก่อน
เมื่อได้อยู่กันตามลำพังในห้องกลับไม่รู้จะทำอย่างไรดีได้แต่ยืนเก้ๆกังๆ กรพงศ์แกล้งบ่นว่าร้อนแล้วถอดเสื้อออก รสรินหันมาเห็นก็ร้องเอะอะ พวกที่อยู่หน้าประตูห้องพากันลุ้นตัวโก่ง กรพงศ์ได้ยินเสียงกุกกักที่ประตูห้อง ทำไม้ทำมือให้รสรินเงียบๆไว้ ชวนไปที่ประตูห้อง ก่อนจะเปิดผลัวะ พวกผู้ใหญ่ที่เอาหูแนบกับประตูพากันเซล้ม ศักดิ์สกุลเฉไฉกลบเกลื่อน
“นี่ไง...บอกกันก็ไม่ฟัง ไปๆแยกย้ายกันไปได้แล้ว”
กรพงศ์กับรสรินยืนส่งพวกนั้นจนไปกันหมดแล้วถึงได้หลุดขำออกมา ครั้นหันมาเจอหน้ากันต่างเขินอายทำอะไรไม่ถูก กรพงศ์รู้ตัวคืนนี้คงแห้วอีก รสรินขอติดไว้ก่อนยังเขินอยู่ เขาต่อรองขอดูหนังตัวอย่างก็ยังดี เธอยิ่งเขินหนักปฏิเสธเป็นพัลวันว่าไม่มี ไม่ให้ดู พอเขาอ้อนหนักเข้าเธอก็เลยอนุญาตให้ดูหนังตัวอย่างได้ เขารีบปิดประตูห้องวิ่งตามเธอเข้าไปข้างใน
ooooooo
พิมพ์เพทายกับดวงกมลเล่นไม่เลิก เห็นรสรินทำอาหารเช้าไปพลางฮัมเพลงอารมณ์ดีไปด้วย พากันมายืนจ้องหน้าพร้อมกับยิ้มน้อยยิ้มใหญ่ เธอเขินมากแกล้งโมโหกลบเกลื่อนว่ามองอะไรกัน
“เปล่า ไม่มีใครเขาคิดอะไรกันสักหน่อย”
นวลพรรณที่เพิ่งมาถึงเข้ามาถามเพื่อนรักตกลงของเขาดีจริงหรือเปล่า รสรินทิ้งตะหลิวหันมาเอาเรื่องไหนบอกว่าไม่มีใครคิดอะไร แล้วถามนวลพรรณทำไมถึงมากันแต่เช้า เธอกลัวจะตกข่าวก็เลยต้องรีบมา รสรินหมดความอดทนเดินออกจากครัวไปเลย...
โดนแซวมาจากในครัวไม่พอ รสรินยังโดนอานนท์กับพลวัฒน์แซวที่โต๊ะอาหารอีก ศักดิ์สกุลพูดเรื่องที่จะขยายโครงการและอยากให้เธอมาช่วยงานที่บริษัทพวกนั้นถึงหยุดแซว เธอยินดีทำถ้ากรพงศ์ไม่ว่าอะไร
“ผมจะไปว่าอะไร ผมเป็นคนที่ไม่เอาเรื่องงานมาปนกับเรื่องครอบครัวอยู่แล้ว”
ดวงกมลคะยั้นคะยอให้รสรินกลับมาทำงานที่บริษัทศาสตราบุรินทร์อีกครั้ง คราวนี้ทั้งอานนท์และพลวัฒน์จะมาทำงานกับเราด้วย ตอนนี้ขึ้นอยู่กับเธอแล้วจะว่าอย่างไร...
ในเวลาต่อมา กรพงศ์ อานนท์และพลวัฒน์มาออกรอบตีกอล์ฟด้วยกันทั้งที่เพิ่งเริ่มงานวันแรก อานนท์อ้างทำงานด้วยกันก็เลยต้องสนิทสนมกันไว้ก่อน กรพงศ์หันไปถามอานนท์ว่าตกลงพี่สาวของเขาจะมาบริหารโครงการด้วยไหม คนถูกถามแปลกใจนอนเตียงเดียวกันแท้ๆ ทำไมไม่ถามเธอเอง
กรพงศ์ไม่มีเวลาคุยกันเพราะรสรินเอาแต่อายม้วนก็เลยไม่ได้ทำอะไรสักอย่าง พลวัฒน์แนะเขาให้เวลาเธอสักหน่อย พอทำงานด้วยก็จะดีไปเอง อานนท์ไม่เห็นด้วยผัวเมียไม่ควรทำงานด้วยกัน
“คู่ชีวิตกันมันต้องทำงานด้วยกันน่ะถูกแล้ว ช่วยกันสร้างฐานะครอบครัวเป็นปึกแผ่น”
“ไม่จริงหรอก ยังไงสามีก็ต้องเป็นช้างเท้าหน้า” อานนท์ยืนยัน...
ความสัมพันธ์ฉันสามีภรรยาไม่คืบหน้า เพราะกิจกรรมบนเตียงของกรพงศ์กับรสรินมีแค่นวดหน้า นวดตัว ตัดเล็บ เธอเห็นเขาอารมณ์ไม่ค่อยดีคิดว่าเขาไม่อยากให้เธอทำงานด้วย พรุ่งนี้เธอจะได้ไปบอกกับที่ประชุม เขายืนกรานต้องการให้เธอบริหารโครงการด้วยกัน
“ผมไม่สนหรอกเรื่องศักดิ์ศรีอะไรนั่นน่ะ เลอะเทอะ”...
การที่พลวัฒน์ย้ายมาทำงานที่บริษัทศาสตรา-บุรินทร์ ทำให้อนาคตของเขากับนวลพรรณสดใสขึ้น เขาตั้งใจจะทำงานเก็บเงิน จะได้มีบ้านหลังใหญ่ๆไว้ให้เธอกับลูก นวลพรรณวางแผนอนาคตไว้แล้ว เหลือแค่ขอให้ลูกมาเกิดสักที พลวัฒน์จัดแจงชวนเธอตามล่าหาอนาคตด้วยกัน แล้วปิดไฟหัวเตียงทันที...
คู่ของอานนท์กับพิมพ์เพทายดูจะอาการหนักกว่าเพื่อน เพราะวันๆเธอเอาแต่เล่นเกมไล่จับโปเกม่อนค่ำมืดก็ไม่เว้น เขาต้องขอร้องให้กลับได้แล้วพรุ่งนี้มีประชุมแต่เช้า เธอถึงยอมกลับ
ooooooo
เช้านี้มีประชุมบอร์ดบริหารเกี่ยวกับทำเลที่ตั้งของโครงการแห่งใหม่ กรพงศ์เสนอที่ดินแปลงหนึ่งให้บอร์ดพิจารณา แต่รสรินทักท้วงพร้อมกับมีข้อมูลมาสนับสนุนว่าหากใช้ทำเลที่กรพงศ์เสนอย่อมไม่เป็นผลดีต่อบริษัทเพราะหลายโครงการที่สร้างก่อนหน้าเรายังมีห้องเหลือมากมาย
กรพงศ์ไม่พอใจที่รสรินขัดขวางขอคุยอะไรกับเธอสักครู่หนึ่งแล้วดึงตัวออกไปนอกห้องประชุม ต่อว่าว่าทำอะไรลงไปรู้ตัวหรือเปล่า ทำไมถึงมาคัดค้านเขาในที่ประชุม เธออ้างว่าทำเพื่อผลประโยชน์บริษัท
“ไม่เกี่ยวกับเรื่องครอบครัวเนอะ ดีจังทีแรก รสนึกว่าคุณจะเอาเรื่องครอบครัวมาปนกับเรื่องงานซะแล้ว” รสรินว่าแล้วดึงนิ้วชี้กรพงศ์ขึ้นมาดู “รสตัดลึกไปหน่อยนะ ไว้ตะไบให้”
กรพงศ์ดึงนิ้วกลับ อารมณ์ยังเดือดปุดๆอยู่แต่พยายามข่มไว้ “คุณต้องการแบบนี้ใช่ไหม...ได้ ไม่เกี่ยวกับ เรื่องครอบครัว ผมแยกออกจากกันอยู่แล้ว” เขากลั้นใจกอดรสรินแล้วจะพาเข้าห้องประชุม สวนกับพิมพ์เพทายที่วิ่งออกมาเพื่อตามจับโปเกม่อน...
ศักดิ์สกุลต้องการให้บอร์ดเอาเอกสารต่างๆไปพิจารณาให้ดีก่อน ค่อยตัดสินใจเรื่องทำเลที่ตั้งโครงการแห่งใหม่ ทั้งที่กรพงศ์อยากให้พิจารณาตอนนี้เลย...
ฝ่ายกรพงศ์พยายามข่มอารมณ์ไว้แต่ทนไม่ไหว รีบหนีเข้าห้องน้ำ เอากำปั้นยัดปากไม่ให้เสียงแหกปากระบายความอัดอั้นดังออกมา อานนท์กับพลวัฒน์เข้ามาเห็นก็ตกใจพุ่งเข้าชาร์จจับเขานอนหงายคิดว่าเป็นลมบ้าหมู เขาพยายามเอามือออกเพื่อจะได้พูดรู้เรื่องแต่ถูกอานนท์กดมือไว้
“หาอะไรยัดปากเร็ว ตายๆๆ ดีนะยังมีสติเอามือง้างไว้”
พลวัฒน์หาอะไรไม่ได้เอาถุงเท้าตัวเองยัดปากกรพงศ์ กว่าจะรู้ว่าเข้าใจผิด ถุงเท้าก็เข้าไปอยู่เต็มปาก อานนท์ซักว่าเป็นอะไรทำไมถึงทำท่าแบบนั้น เขากลับบอกว่าไม่มีอะไร...
หลังงานเลิก สามคู่ชูชื่นพากันมากินมื้อค่ำที่ร้านอาหารแห่งหนึ่ง กรพงศ์ยังงอนรสรินไม่หาย แต่ต้องข่มอารมณ์ไว้ โดยที่อีกฝ่ายไม่รู้ตัวเลยว่าทำให้เขาขุ่นเคืองแค่ไหน ระหว่างนั่งรออาหารมาเสิร์ฟ นวลพรรณเข้าห้องน้ำไปตรวจการตั้งครรภ์โดยมีพลวัฒน์นั่งลุ้นอยู่ที่โต๊ะ สักพักเธอเดินสีหน้าไม่สู้ดีนักออกมาจากห้องน้ำ ถือแท่งตรวจครรภ์ออกมาด้วย พลางส่ายหน้าเป็นทำนองไม่ติด
พลวัฒน์รับแท่งตรวจมาถือไว้ อานนท์โวยวายทันทีไอ้แท่งนั่นควรอยู่ที่โต๊ะอาหารไหม กรพงศ์ต้องจุ๊ปากให้เขาเงียบ คนกำลังเสียใจอย่าเพิ่งไปต่อว่า เป็นจังหวะเดียวกับรสรินถือถ้วยน้ำขิงร้อนๆเข้ามาให้ กรพงศ์จะยกขึ้นจิบแต่เธอห้ามไว้เนื่องจากยังไม่ได้คน แล้วดึงแท่งตรวจครรภ์ไปคนน้ำขิงให้ กรพงศ์ได้แต่มองตาปริบๆ...
กิจกรรมบนเตียงคืนนี้ของกรพงศ์กับรสรินคือการย้อมผม บังเอิญเธอเจอผมหงอกบนหัวเขาก็เลยซื้อยามาย้อมให้ ระหว่างใส่ยาย้อมผมบนหัวเขา เธอชมไม่หยุดปากว่าเขาน่ารักไม่เอาเรื่องงานกลับมาบ้าน
ย้อมผมให้เขาเสร็จ ลุกจากเตียงพร้อมกับกำชับให้ทิ้งไว้สิบห้านาทีก่อนอย่าเพิ่งล้าง
ooooooo
กรพงศ์หลับไปทั้งที่ยาย้อมผมยังคาอยู่บนหัว รสรินเองก็เผลอหลับไปเช่นกัน ผมทั้งหัวของเขากลายเป็นสีเขียว เนื่องจากซื้อยาย้อมผิดเบอร์ เธอพยายามจะล้างน้ำยาออกแต่ไร้ผล ทิ้งไว้นานขนาดนั้นดีไม่ดีอาจจะเขียวไปถึงสมองด้วยซ้ำ เขาไม่มีทางเลือกจำต้องไปประชุมบอร์ดทั้งผมเป็นสีเขียว...
ทั้งห้องประชุมเห็นผมสีเขียวของกรพงศ์พากันขำกลิ้ง กว่าจะตั้งสติเสียเวลาการประชุมไปหลายนาที หัวข้อที่ต้องพิจารณาเป็นเรื่องที่ค้างจากเมื่อวาน เกี่ยวกับทำเลที่ตั้งโครงการใหม่ บอร์ดทุกท่านลงความเห็นให้ยุติโครงการของกรพงศ์ไว้ก่อน แล้วพากันชื่นชม
รสรินที่มีข้อมูลมาหักล้างได้ดีมาก ไม่อย่างนั้นบริษัทคงจะ เสียหาย กรพงศ์น้อยใจประกาศลาออกจะไปตั้งบริษัทของตัวเอง ชวนพลวัฒน์ออกไปอยู่ด้วยกัน
กรพงศ์กล่อมจนเขาเชื่อว่าการไปเริ่มต้นทำบริษัทของตัวเองนั้นดีเลิศเพียงใด พลวัฒน์หลงเชื่อขอลาออกไปอยู่กับกรพงศ์แล้วเดินออกจากห้องประชุม โดยไม่รู้เลยว่านวลพรรณเข้าไปโก่งคออาเจียนอยู่ในห้องน้ำเนื่องจากแพ้ท้อง...
ความจริงกรพงศ์ไม่ได้ตั้งใจจะลาออก แค่ทำประชดเพราะคิดว่าพ่อกับรสรินจะต้องมาง้อ รอแล้วรอเล่าก็ไม่มีใครออกมาตาม พลวัฒน์ถึงกับหน้าเสีย...
แม้จะตกลงกันไว้ว่าจะไม่เอาเรื่องงานกลับมาที่บ้าน แต่ครั้งนี้เป็นข้อยกเว้น รสรินคุยเปิดอกกับกรพงศ์ถึงเรื่องโครงการที่ต้องพับฐานไปของเขา กรพงศ์ยอมรับว่าเธอทำถูกแล้วที่ทักท้วง และดูจากข้อมูลของเธอแล้วเป็นจริงทุกอย่าง ขอโทษเธอด้วยที่เขาใช้อารมณ์มากกว่าเหตุผล รสรินยอมรับคำขอโทษ...
นวลพรรณโกรธมากที่พลวัฒน์คิดจะลาออกจากงานไม่ปรึกษากันก่อน และวันนี้เธอไปตรวจกับหมอซ้ำแล้วว่าเธอตั้งครรภ์ เขาจึงถูกเธอลงโทษด้วยไม้ตียุงไฟฟ้าที่อยู่ในมือ
ooooooo
พลวัฒน์มีนัดออกรอบตีกอล์ฟกับอานนท์และกรพงศ์ ทั้งสองคนเห็นใบหน้าที่เป็นรอยตารางถี่ๆลายเดียวกับไม้ตียุงไฟฟ้าก็พากันหัวเราะ แล้วสอนว่าทีหน้าทีหลังจะสารภาพอะไรให้เลือกเวลาหน่อย อานนท์แนะให้เขาบอกตอนที่นวลพรรณกำลังตำพริกอยู่ อยากดูรอยสากแล้วหัวเราะคิกคัก
“ได้ทีขี่แพะไล่นะ ตัวเองไม่มีปัญหาเหมือนคนอื่นนี่”
อานนท์ก็มีปัญหากับพิมพ์เพทายเช่นกันเพราะวันๆเธอเอาแต่เล่นเกมไม่สนใจอะไรทั้งนั้น...
ทั้งกรพงศ์ อานนท์และพลวัฒน์ต่างมีปัญหาครอบครัวกันถ้วนหน้า กรพงศ์คิดถึงความน่ารักงอแงของยัยตัวแสบ ไม่ใช่รสรินที่ทำงานเก่งเหมือนตอนนี้ อานนท์เริ่มทนไม่ไหวกับการเปลี่ยนแปลงของพิมพ์เพทายที่ติดเกมงอมแงม เขาได้แต่นึกถึงเธอคนเก่าที่เก่งสารพัด ส่วนพลวัฒน์มองไม่เห็นทางออก หรือเขากำลังจะเสียนวลพรรณกับลูกไปจริงๆหรือ...
เมื่อได้พบกันอีกครั้ง สามหนุ่มต่างคุยกันถึงปัญหาของตัวเองให้กันฟัง ดูเหมือนคู่ของอานนท์จะหนักกว่าเพื่อน เพราะมีบางคราวที่เขาอยากจะเลิกกับพิมพ์เพทายให้รู้แล้วรู้รอด เนื่องจากเธอเล่นแต่เกมบ้าๆ กรพงศ์สอนว่าคนเราชอบไม่เหมือนกัน พวกเราชอบตีกอล์ฟก็ไม่ต่างจากพิมพ์เพทายชอบเล่นเกม ความสุขของคนเราไม่เหมือนกัน แต่ถ้าคนที่เรารักมีความสุขก็จบไม่จำเป็นต้องมีเหตุผล
คำพูดของกรพงศ์ทำให้อานนท์ได้คิด ในเมื่อห้ามไม่ได้ เขาตัดสินใจเล่นเกมกับพิมพ์เพทายไปเลย ส่วนทางออกของพลวัฒน์คือกลับไปของานศักดิ์สกุลทำอย่างเดิม ซึ่งท่านก็เมตตารับกลับมาทำงาน
คู่ของรสรินกับกรพงศ์เกิดใจตรงกัน ระหว่างเดินเล่นอยู่ริมแม่น้ำเจ้าพระยา ต่างฝ่ายต่างทำเซอร์ไพรส์ พกแหวนมาขออีกฝ่ายแต่งงาน แล้วต่างสวมแหวนให้กัน ท่ามกลางบรรยากาศที่อบอวลไปด้วยความรัก
ooooooo
–อวสาน–










