สมาชิก

คู่ซ่ารสแซ่บ

ตอนที่ 13

อาการของศักดิ์สกุลไม่ได้หนักหนาอย่างที่ดวงกมลว่า มีเพียงรอยถลอกเล็กน้อยกับสะโพกครากเท่านั้น ส่วนที่ถูกเสียบทะลุไม่ใช่เนื้อตัวของเขา แต่เป็นรองเท้า อานนท์เองก็ต้องพักฟื้นอยู่ที่โรงพยาบาลเช่นกัน แม้จะมีเพียงรอยขีดข่วนตามตัวและหน้าตา ศักดิ์สกุลขอบใจเขามาก

“ถ้าไม่ได้พ่อนนท์มาช่วยไว้ คงไม่ใช่แค่รองเท้าหรอก ตัวลุงนี่แหละคงพรุนไปทั้งตัว”

กรพงศ์เข้ามาตบไหล่อานนท์ ขอบใจที่ช่วยชีวิตพ่อของตนไว้ เขาทำเชิดใส่ไม่ต้องมาขอบใจอะไรเขา เรือนแก้วสงสัยว่าเกิดอะไรขึ้น คนงานทำงานกันท่าไหนถึงได้เป็นแบบนี้

“นั่นสิครับคุณพ่อ คนงานคนไหน ได้ตัวมาหรือยังครับ” กรพงศ์โวยวาย ศักดิ์สกุลขมวดคิ้วหน้าเครียดสงสัยอะไรบางอย่าง...

ดวงกมลเดินออกจากห้องพักฟื้นของศักดิ์สกุลด้วยอาการสะอึกสะอื้นเป็นระยะๆ สายบัวเดินตามออกมากับเรือนแก้ว อดบ่นไม่ได้จะร้องไห้อะไรกันหนักหนา ผัวก็ยังไม่ตายสักหน่อย เรือนแก้วจุ๊ปากไม่ให้พี่สาวพูดอะไรอีกแล้วเดินมาประกบดวงกมล พูดปลอบใจจนเธอรู้สึกดีขึ้น แต่ยังวางท่าใส่อีกฝ่ายอยู่

ส่วนรสรินแหย่กรพงศ์ไม่เลิกที่เขาทำตาแดงๆตอนรู้ว่าเกิดเรื่องกับศักดิ์สกุล เรือนแก้วต้องหันมาดุ อย่ามัวแต่แหย่กัน ควรจะรีบกลับไปพักผ่อน พรุ่งนี้รสรินไม่ต้องไปช่วยที่บูธขายของ ควรจะเข้าบริษัทไปช่วยกรพงศ์ทำงานจะดีกว่า เกิดเรื่องแบบนี้คงวุ่นกันน่าดู เธอเป็นห่วงที่บูธถ้าไม่ไปช่วยเกรงแม่จะทำไม่ไหว

“ป้าก็อยู่ น้องก็อยู่ ไหนจะคนงานอีก แทบจะล้นบูธออกมาแล้ว”

รสรินสบตากรพงศ์ก่อนจะรับคำแม่...

ที่ห้องพักฟื้นใกล้ๆกัน อานนท์กำลังเล่นเกมในมือถือแก้เซ็งตอนที่พิมพ์เพทายเอารังนกกล่องโตที่พ่อฝากมาให้ เขาไม่วายยียวนทำเป็นไม่กล้ารับ บอกให้เธอลองกินให้ดูก่อน เธอส่ายหน้าอ่อนใจ ก่อนจะหยิบมาหนึ่งขวดกินโชว์ แล้วยื่นกล่องที่เหลือให้ อานนท์แกล้งโวยวาย

“น่าเกลียด เอามาฝากแต่แอบกินของเขาก่อน”

พิมพ์เพทายหมั่นไส้โยนกล่องที่เหลือใส่ตักอานนท์ แล้วขยับจะไป เขาทวงถามว่าลืมอะไรหรือเปล่า เธอหันมาขอบคุณที่เขาช่วยพ่อของเธอเอาไว้

“กว่าจะพูดออกมาได้ มารยาทดีเลย์นะเธอเนี่ย เอ้า เสร็จแล้วก็ไปได้แล้วมายืนเสนอหน้าอยู่ทำไม”

หญิงสาวกำหมัดแน่น ก่อนจะเดินกระฟัดกระเฟียดออกมา...

ศักดิ์สกุลเห็นหน้าหงิกงอของลูกสาวก็เดาได้ไม่ยากว่าทะเลาะกับอานนท์มาอีก เธอไม่ได้อยากทะเลาะด้วยแต่ตานั่นพูดจาไม่เข้าหู แล้วช่วยประคองพ่อลงนอน บอกให้พักผ่อนมากๆ อย่าเพิ่งคิดถึงเรื่องงาน เธอกับรสรินจะช่วยกันดูให้เอง ได้ยินดังนั้น ศักดิ์สกุลก็หน้าเครียดขึ้นมาอีก

“พิมพ์ พ่ออยากให้ลูกช่วยอะไรหน่อย...พรุ่งนี้เช้า แวะไปเอาเอกสารมาให้พ่อหน่อยนะ

ooooooo

มีการประชุมวาระด่วนของบริษัทศาสตรา-บุรินทร์ในเช้าวันนี้ ศักดิ์สกุลทำหนังสือแต่งตั้งให้

กรพงศ์ทำหน้าที่แทนตัวเองทั้งหมดระหว่างที่ต้องพักรักษาตัว สร้างความประหลาดใจให้กับเหล่าพนักงาน พากันถามพิมพ์เพทายให้เซ็งแซ่ว่าเอารสรินไปไว้ไหน

“พี่รสจะไปดูแลคุณพ่อค่ะ”

ประชุมเสร็จ พนักงานและกรรมการผู้ถือหุ้นต่างทยอยเดินออกจากห้องประชุมโดยมีเสียงซุบซิบนินทาไปตลอดทาง พิมพ์เพทายพยักพเยิดให้กรพงศ์ที่ยังงงๆอยู่ออกไปก่อน เพื่อเธอจะได้คุยกับรสรินสองต่อสอง เธอรีบออกตัวว่าไม่เข้าใจเหมือนกัน ทำไมอยู่ๆคุณพ่อถึงมีคำสั่งแบบนี้ออกมา รสรินพอจะรู้สาเหตุและยังเห็นด้วยที่ศักดิ์สกุลทำอย่างนั้น พิมพ์เพทายอดถามไม่ได้ว่าเธอโอเคแน่หรือ

“แน่สิจ๊ะ ไม่ต้องมาทำงาน ทำไมจะไม่โอเคล่ะ” รสรินยิ้มให้อย่างสบายใจ

ครู่ต่อมารสรินเปิดประตูห้องทำงานเข้ามา กรพงศ์ซึ่งรอท่าอยู่บ่นทันทีไม่รู้ว่าคุณพ่อคิดอะไรอยู่ถึงได้แต่งตั้งเขาทำหน้าที่แทนท่าน ทั้งที่ใครต่อใครคิดว่าเธอเหมาะสมกับหน้าที่นี้มากกว่า รสรินขอร้องอย่าไปฟังเสียงใครต่อใครเหล่านั้นแล้วรื้อเอกสารต่างๆออกมา

“ไม่ต้องไปคิดอะไรให้ปวดหัวหรอก มาเคลียร์งานกันตรงนี้ให้เสร็จๆก่อน แล้วงานของคุณพ่อที่ทำค้างไว้น่ะ เดี๋ยวน้องพิมพ์จะเอาเข้ามาให้”

กรพงศ์ร้องเอะอะต้องทำวันนี้เลยหรือ รสรินย้อนถามจะรอให้ลูกโตก่อนหรือ แล้วนึกขึ้นได้รีบจับท้องตัวเอง เขาแอบขำ เชื้อของเขาแรงขนาดนั้นเลยหรือ รสรินไม่อยากต่อปากต่อคำด้วยสั่งให้หยุดพูดเรื่องไร้สาระ ไม่อย่างนั้นเธอจะไม่ช่วยเคลียร์งานให้ จะให้เขาทำคนเดียวหมดนี่เลย กรพงศ์หุบปากเงียบทันที...

ที่ห้องพักฟื้นคนป่วย ดวงกมลเอาแต่หยิบของกินใส่ปากเคี้ยวตุ้ยๆไม่สนใจศักดิ์สกุลที่พยายามจะขอกินบ้าง จังหวะนั้นท่านวีระมาเยี่ยมพร้อมกับเลขาฯและลูกน้อง ดวงกมลดี๊ด๊าเข้ามาทักทายแล้วคว้าของเยี่ยมไปจากมือลูกน้องทั้งที่ยังไม่ได้ยื่นให้

ท่านวีระมองเธอขำๆ ก่อนจะหันไปถามศักดิ์สกุลว่าเป็นอย่างไรบ้าง พอได้ข่าวตนก็ตกใจหมดเลย เขาไม่เป็นอะไรยังไม่ตายยังแข็งแรงดีอยู่ ดวงกมลขัดขึ้นทันที แข็งแรงที่ไหน นี่หมอให้หยุดพักเป็นเดือนๆเลย

“งั้นก็พักผ่อนเยอะๆแล้วกัน ดูแลสุขภาพด้วยเผื่อไว้เราจะได้ร่วมงานกัน”

ศักดิ์สกุลยืนกรานไม่มีวันร่วมงานกับท่านวีระแน่นอน ตราบใดที่เขายังไม่ตาย...

ระหว่างเดินมาตามทางในโรงพยาบาลเพื่อจะกลับ ท่านวีระได้รับทราบข่าวดีว่าศักดิ์สกุลแต่งตั้งให้กรพงศ์ทำหน้าที่แทนตัวเองก็ยิ้มพอใจที่ทุกอย่างเป็นไปตามแผน...

ด้านกรพงศ์มองแฟ้มเอกสารที่ยังมีอีกเป็นตั้งบนโต๊ะอย่างเหนื่อยใจ ไม่รู้คุณพ่อกับรสรินทำงานเยอะแยะขนาดนี้ได้อย่างไร แล้วคว้ามือถือมากดเล่นเจอชื่ออรอาภา มองอยู่อึดใจก็โยนมือถือไว้บนโต๊ะ สะบัดหัวเพื่อเรียกสติกลับมาแล้วตั้งหน้าตั้งตาทำงานต่อไป

ooooooo

อรอาภาไปงานปาร์ตี้ของเพื่อน เจอกฤษณ์หนุ่มไฮโซคนเดิมที่พยายามจะขายขนมจีบ แต่เธอไม่เล่นด้วย หลังจากซักประวัติคร่าวๆแล้วพบว่ากฤษณ์เป็นลูกนายพลมีแม่เป็นคุณหญิง จบจากอเมริกา คุณสมบัติตรงตามสเปก เธอเปลี่ยนใจลองคบหากับเขาดู...

ทางด้านพิมพ์เพทายได้ข่าวว่าอานนท์จะออกจากโรงพยาบาลวันนี้ รีบแวะไปที่ห้องพักฟื้น จะขอให้เขาอยู่ต่ออีกสักคืนสองคืนเพื่อดูอาการให้แน่ก่อน เขาอ้างไม่ได้เป็นอะไรจะอยู่ให้เปลืองเงินทำไม เธออาสาจะออกเงินให้ ในเมื่อเขาต้องเจ็บตัวเพราะช่วยพ่อของเธอ อานนท์กลับต่อว่าเธอที่เอะอะอะไรก็ใช้เงินซื้อ

เธอพยายามอธิบายว่าไม่ได้เป็นอย่างที่กล่าวหา เขากลับต่อว่าเธอแถมด่าไปถึงพี่ชายของเธออีกด้วย

เธอห้ามเขามาว่ากรพงศ์อีก อานนท์ไม่สนใจ อยากจะว่าจะทำไม พี่ชายของเธอวิเศษมาจากไหนถึงว่าไม่ได้ พิมพ์เพทายเริ่มเสียงเครือ เถียงว่าถึงพี่กรจะงี่เง่าปัญญาอ่อน หื่นบ้ากามแต่เขาก็มีดีเหมือนกัน

“มีดีเหรอ อะไรล่ะ ไหนช่วยสาธยายความดีของไอ้คุณพี่ชายคุณออกมาหน่อยสิ”

พิมพ์เพทายได้แต่มองหน้าอานนท์นิ่ง นึกไม่ออกว่าพี่ชายตัวเองมีดีตรงไหน...

กรพงศ์ไม่คุ้นกับงานในตำแหน่งใหม่จึงทำได้ช้า แฟ้มเอกสารที่รอการตรวจทานและเซ็นอนุมัติกองเป็นภูเขา พนักงานต่างบ่นเป็นเสียงเดียวกันว่าเป็นแบบนี้ถ่วงงานคนอื่นไปหมด นวลพรรณถือเอกสารแหวกพวกพนักงานอื่นเข้าไปในห้อง กรพงศ์เงยหน้าขึ้นมาเห็นเธอหอบแฟ้มเข้ามาวางทำท่าจะเป็นลม

นวลพรรณหยิบเอกสารฉบับอื่นๆขึ้นมาดู ตั้งข้อสังเกตทำไมตอนที่ท่านประธานกับรสรินทำ ไม่เห็นมีอะไรมากมายขนาดนี้ กรพงศ์เองก็ไม่รู้เหมือนกัน สงสัยเป็นเพราะเขาโง่ไม่ได้รู้งานมาตั้งแต่ต้นก็เลยต้องมานั่งไล่ดูไล่แก้ไปทีละอย่าง เธอเสนอตัวจะช่วย เขาบอกปัดขืนให้คนอื่นช่วยก็จะไม่รู้อะไรสักที

“แล้วแบบนี้มันจะเสร็จเหรอคะเนี่ย”

“เอาน่ะ เดี๋ยวถ้าพอรู้ว่าอะไรเป็นอะไรแล้ว มันก็คงจะเร็วขึ้นเองแหละ” กรพงศ์ปลอบใจตัวเอง...

แผนขั้นแรกสำเร็จด้วยดี ท่านวีระจึงเชิญกรรมการหุ้นส่วนบริษัทศาสตราบุรินทร์ทั้งสามคนมากินอาหารหรูเพื่อเลี้ยงฉลอง และหวังใจว่าจะได้มีโอกาสทำอย่างนี้บ่อยๆ เพราะอีกไม่นานเราจะได้ร่วมงานกัน

ooooooo

รสรินเปลี่ยนเวรเฝ้าไข้ให้ดวงกมลได้กลับไปพักบ้าง เมื่อได้อยู่กันตามลำพัง ศักดิ์สกุลถามว่าโอเคเรื่องที่ท่านให้กรพงศ์ทำหน้าที่แทนท่านหรือเปล่า เธอรู้เหตุผลว่าท่านทำแบบนั้นทำไม เป็นเพราะท่านวีระใช่ไหม

“หนูเป็นคนฉลาดจริงๆ แต่พ่ออยากให้หนูเข้าใจนะ ไม่ใช่ว่าพ่อไม่ไว้ใจหนู แต่พ่อกลัวว่าหนูจะไม่ทันเล่ห์เหลี่ยมคนอย่างมัน”

หญิงสาวเล่าว่างานฟู้ดแฟร์แล้วก็เรื่องอรอาภาที่ท่านวีระพามาสารภาพ วางแผนเอาไว้หมดแล้ว โดยเฉพาะเรื่องอรอาภาลงทุนกันน่าดู บังเอิญเธอแอบดูอยู่ตอนที่ลงไปส่งท่านที่รถถึงได้รู้ว่าสองพ่อลูกนั่นเตี๊ยมกันมา ศักดิ์สกุลแปลกใจถ้ารู้อยู่แล้วทำไมเธอยังยอมไปออกงานกับท่านวีระอีก

“แหมของฟรีนี่คะคุณพ่อ เขาเสนอมาซะขนาดนั้น ใช่ว่ารสเอาของเขาแล้วจะต้องทำตามเขาสักหน่อย รสก็ไม่ใช่คนดีเด่อะไรนักหรอกค่ะ เขาเสนอรสก็แค่สนอง”

ศักดิ์สกุลตระหนักในทันทีว่าระแวงไปเอง รสรินเห็นด้วยที่ท่านทำแบบนี้ จะได้ฝึกกรพงศ์ไปด้วย เพราะถึงอย่างไรสักวันเขาก็ต้องเป็นตัวจริงอยู่แล้ว ท่านขอโทษเธอสำหรับเรื่องนี้ รสรินปลอบว่าไม่ต้องคิดมาก ตอนนี้เรามาลุ้นกันดีกว่าว่ากรพงศ์จะไปรอดไหม

“หนูจะกลับไปช่วยมันไหม”

“ยังก่อนค่ะ บางทีบทเรียนหลายๆอย่างจะช่วยสอนเขาเอง”...

พระอาทิตย์ตกดินไปแล้ว กรพงศ์ยังขะมักเขม้นกับงานตรงหน้า นวลพรรณซื้อข้าวกล่องมาให้ แล้วขอตัวกลับก่อนจะไปช่วยเรือนแก้วกับสายบัวที่บูธ เขาฝากทักทายป้ากับแม่ให้ด้วย เธอชะงักแทบไม่อยากเชื่อหูตัวเอง มองเขาเขม็ง เขาแปลกใจทำไมทำหน้าอย่างกับเห็นผี

“อ๋อ ไม่มีอะไรค่ะ นี่ข้าวนะคะ นวลไปล่ะค่ะ” นวลพรรณเดินไปที่ประตูห้องแต่อดหันกลับมามองไม่ได้ “เอ่อ คุณกรคะ ถ้างานมันหนักไปก็พักเถอะนะคะ เป็นบ้าไปมันจะไม่คุ้มนะคะ”

“อะไรของนวล จะไปก็รีบไปได้แล้วเดี๋ยวเขาก็รอกันแย่หรอก” พูดจบกรพงศ์ก้มหน้าทำงานต่อ...

ที่งานฟู้ดแฟร์ สายบัวตะโกนเรียกลูกค้าอยู่หน้าบูธอย่างสนุกสนาน ขณะที่เรือนแก้ว อานนท์กับพลวัฒน์ช่วยกับแพ็กของอยู่ด้านใน มีไลน์กลุ่มนักข่าวส่งมาในมือถือของพลวัฒน์ เขาเปิดดูเห็นข่าวอรอาภาทั้งสายบัวและอานนท์สนใจใคร่รู้ขึ้นมาทันที บอกให้เขารีบอ่านให้ฟัง

“กิ๊กใหม่ลูกสาว รมต. อรอาภากับไฮโซหนุ่มกฤษณ์”

มีเสียงนวลพรรณตะโกนเรียก ทำอะไรกันอยู่ลูกค้ารอซื้อของ ทุกคนหันมองตามเสียงเห็นเธอยืนอยู่กับลูกค้าหน้าบูธ สายบัวรีบออกมาต้อนรับทันที ส่วนนวลพรรณเข้าไปสุ่มหัวแทน ถามว่าทำอะไรกันอยู่

“เม้าท์ผู้หญิงอยู่น่ะ คุณอรอาภาแฟนเก่าของนายกรไง ตอนนี้ควงหนุ่มใหญ่ไปเรียบร้อยแล้ว ไม่รู้ว่าถ้านายกรเห็นจะว่าอย่างไรบ้าง”

นวลพรรณนึกถึงท่าทางของกรพงศ์แล้ว ตอบอย่างมั่นใจว่าเขาคงไม่ว่าอะไรกับเรื่องอรอาภาอีกแล้ว...

คนที่พลวัฒน์ อานนท์และนวลพรรณพูดถึง

เพิ่งกลับเข้าบ้านเห็นพ่อนั่งรอท่าอยู่ก็แปลกใจถามว่ามีอะไรหรือเปล่า ท่านได้ข่าวว่าลูกควงหนุ่มคนใหม่แล้ว แต่อยากให้ช่วยทำอะไรทิ้งทวนก่อนจะมีผัวใหม่อย่างเป็นทางการ เธอเดาออกทันทีว่าต้องเกี่ยวกับกรพงศ์ แล้วถามว่าจะให้เธอทำอะไรให้

“ไม่มีอะไรมากหรอก ก็แค่เจรจากับมันแค่นั้นแต่พ่อไม่ได้ให้แกทำฟรีๆหรอกนะ” พูดจบท่านวีระหยิบกุญแจรถคันใหม่ออกมายื่นให้

“กับลูกสาวยังจะติดสินบนอีกเหรอคะ”

“เอาไหม”

อรอาภามีหรือจะไม่เอา คว้ากุญแจหมับ “ว่ามาเลยค่ะ”

ooooooo

อรอาภาไม่รอช้าโทร.นัดให้กรพงศ์ออกมาพบ ขอร้องเขาอย่าเอาเรื่องส่วนตัวมาปนกับเรื่องงาน เธอรู้ว่าศักดิ์สกุลไม่ชอบเธอ แต่ไม่ควรพาลไปถึงเรื่องงานของพ่อเธอ กรพงศ์เดาออก เธอคงหมายถึงโปรเจกต์ศูนย์ราชการนั่นใช่ไหม อรอาภาพยักหน้ารับคำ

“คุณรู้ไหมว่าคุณพ่อต้องรบรากับพวกเสือสิงห์ กระทิงแรดแค่ไหน ต้องสู้กับพวกโกงบ้านกินเมืองแค่ไหน จนกระทั่งได้มาเจอกับคุณพ่อคุณนั่นล่ะค่ะ ท่านคิดว่าคุณศักดิ์พอจะช่วยท่านได้ แต่แล้วทุกอย่างกลับมาพังเพราะเรื่อง...ของเรา” อรอาภาว่าแล้วบีบน้ำตาสะอึกสะอื้น ก่อนจะพูดเพิ่มเติมอีกว่า

“อรอยากให้กรแยกแยะ คุณพ่ออรไม่มีใครไว้ใจได้เลยนะคะ มีแต่คนจ้องจะโกงกิน หวังจะกอบโกย

กันทั้งนั้น ขอร้องล่ะค่ะ ช่วยท่านด้วยนะคะ”

กรพงศ์มองสบตาอรอาภาสีหน้าครุ่นคิดหนัก ขณะที่เธอแอบยิ้มพอใจ...

ในเวลาเดียวกัน นายชูกับจิ้งหรีดช่วยกันขนข้าวของของเรือนแก้วและสายบัวขึ้นรถตู้ โดยมีดวงกมล รสรินกับศักดิ์สกุลออกมาส่ง เรือนแก้วขอบคุณศักดิ์สกุลกับดวงกมลมากที่ให้รบกวนตั้งหลายวัน ไว้วันไหน

ทั้งคู่ว่างอย่าลืมแวะไปเที่ยวที่บ้านของพวกตนบ้าง

แล้วฝากรสรินดูแลทุกคนดีๆโดยเฉพาะตัวแสบอย่างอานนท์ด้วย ดวงกมลอยากรู้ว่าเขาจะอยู่อีกสักกี่วัน

“คงรบกวนอีกแค่สามสี่วัน รอเดินเรื่องส่งออกเสร็จแล้วก็คงจะกลับเลยน่ะค่ะ”

“ข้าไม่ปล่อยหลานข้าอยู่กับพวกเอ็งนานหรอก เดี๋ยวติดเชื้อ” สายบัวไม่วายแขวะ ดวงกมลทำท่าจะเปิดศึกน้ำลายด้วย ศักดิ์สกุลต้องรีบตัดบทว่าไม่ต้องเป็นห่วง อานนท์จะอยู่อีกสักกี่วันก็ตามใจเลย เรือนแก้วขอบคุณสองสามีภรรยาอีกครั้งแล้วเดินไปขึ้นรถกับสายบัว

ooooooo

หลายวันถัดมา พิมพ์เพทายเข้ามาในบริษัทเห็นพนักงานหลายคนยืนยิ้มเผล่มาให้จนเธอนิ่วหน้าแปลกใจ กรรมการหุ้นส่วนสามคนเจ้าเดิมเดินยิ้มหน้าบานออกมาจากห้องประชุม พิมพ์เพทายร้องทัก มาตั้งแต่เมื่อไหร่ วันนี้ไม่มีประชุมไม่ใช่หรือ พวกนั้นถามหากรพงศ์อยู่ไหน

“กำลังขึ้นมาค่ะ อ้อ นั่นไงคะ มาพอดี” พิมพ์เพทายหันไปมองพี่ชายที่เพิ่งเดินเข้ามา

กรรมการหุ้นส่วนทั้งสามคนกับพวกพนักงานตบมือกันเกรียว ชมกรพงศ์ว่าทำดีมาก เขาค้อมหัวเล็กน้อยยอมรับในคำชม พิมพ์เพทายถามพี่ชายว่าตัวเองพลาดอะไรไปหรือ เขาไม่ตอบได้แต่ฉีกยิ้ม เธอจึงหันไปถามนวลพรรณว่านี่มันเรื่องอะไรกัน

“ก็เรื่องงานประมูลศูนย์ราชการที่คุณกรยื่นซองไปไงคะ”

พิมพ์เพทายตกใจ หันมองพี่ชายที่ยืนยิ้มรับคำชมของทุกคน...

การชนะประมูลครั้งนี้ของบริษัทศาสตราบุรินทร์เป็นข่าวฮอตประเด็นร้อนออกข่าวทีวีทุกช่อง ศักดิ์สกุล นั่งดูข่าวชิ้นนี้อยู่แทบช็อก ครั้นลูกทั้งสองคนกลับถึงบ้าน ท่านเรียกมาต่อว่าว่าทำอะไรลงไปรู้ตัวหรือเปล่า เขาไม่เห็นว่าจะเสียหายอะไรตรงไหน เรื่องนี้เรามีแต่ได้กับได้ แล้วขอร้องพ่ออย่าเอาเรื่องส่วนตัวมาปนกับเรื่องงาน ท่านเกลียดอรอาภา แต่เรื่องระหว่างเขากับเธอจบไปแล้ว ศักดิ์สกุลโกรธหน้าแดงมองพิมพ์เพทาย

“พิมพ์เราไม่ได้บอกพี่ชายโง่ๆของเรางั้นเหรอ”

“ขอโทษค่ะ พิมพ์...” พิมพ์เพทายหน้าเสียไม่รู้จะแก้ตัวอย่างไร กรพงศ์ขอร้องพ่ออย่าไปว่าน้อง เรื่องนี้เธอไม่เกี่ยวอะไรด้วย ป่วยการที่ศักดิ์สกุลจะอธิบายเพราะกรพงศ์ยืนกรานไม่ได้ทำอะไรผิด รสรินเห็นท่าไม่ดีรีบตัดบท ไหนๆเรื่องก็ล่วงเลยมาถึงตรงนี้แล้ว เรามาคิดหาทางแก้กันดีกว่า กรพงศ์ไม่เข้าใจทำไมต้องแก้ เราแค่ทำต่อไปถึงจะถูก กว่าเขาจะได้งานนี้มาไม่ใช่เรื่องง่ายๆ

“คุณกร มันจะได้ไม่คุ้มเสียน่ะสิคะ รมต.วีระน่ะ เขาไม่ใช่คนดีอย่างที่คุณเข้าใจหรอก”

“นี่เธอก็อีกคนเกลียดอรแล้วไปพาลถึงพ่อเขาถ้าเขาไม่ดีจริงเธอยอมไปออกงานฟู้ดแฟร์ของเขาทำไม”

รสรินเถียงไม่ออก ศักดิ์สกุลขอให้เธอปล่อยกรพงศ์โง่ต่อไป อีกไม่นานเขาจะต้องเสียใจกับเรื่องนี้ กรพงศ์ ประกาศลั่นไม่มีวันเสียใจเพราะมั่นใจว่าตัวเองทำถูกต้อง

ooooooo

ในเวลาต่อมา อานนท์เห็นพิมพ์เพทายนั่งหน้าเศร้าอยู่ที่สนามหญ้าหน้าบ้าน แทนที่จะเห็นใจกลับซ้ำเติมจนเธอร้องไห้ เขาตกใจพยายามห้าม แต่ยิ่งห้ามเหมือนยิ่งยุ เธอปล่อยโฮอย่างหมดความอดกลั้น เขาไม่รู้จะทำอย่างไรดีเอามือปิดปากก็ไม่สำเร็จ ก็เลยดึงเธอมากอด

“หยุดร้อง เดี๋ยวพี่รสมาแพ่นกบาลฉัน...พิมพ์” อานนท์ว่าแล้วก้มลงไปมอง เป็นจังหวะเดียวกับเธอ

ช้อนตาขึ้น สองคนสบตากันนิ่งงัน เขาเขินจัดรีบเฉไฉมองไปทางอื่น ครู่ต่อมาพิมพ์เพทายและอานนท์พากันมาที่ห้องครัว เขาปลอบเธอด้วยไอศกรีมหนึ่งถ้วย แล้วหยิบช้อนจะขอกินด้วย เธอยกถ้วยไอศกรีมหนี เขาต่อว่าว่าเป็นคนซื้อมาไม่ให้กินได้อย่างไร พิมพ์เพทายควักเงินให้เขายี่สิบบาท

“อะ ฉันซื้อต่อ ชอบว่าฉันไม่ใช่เหรอว่าใช้เงินซื้อทุกอย่าง เอาไปดิ”

“ฉันขอโทษล่ะกัน ก็มันอดคิดไม่ได้จริงๆนี่”

“ฉันว่าคุณก็น่าจะสังเกตเห็นแล้วนะว่าพี่รสไม่ได้ทนอยู่เพราะเงิน”

อานนท์พยักหน้ายอมรับ สัญญาจะพยายามเลิกมองพิมพ์เพทายว่าใช้เงินซื้อทุกอย่าง แล้วคว้าถ้วยไอศกรีมมาตักกิน สองคนแย่งกันกินไอศกรีมกันอย่างมีความสุข...

ขณะที่ความสัมพันธ์ระหว่างอานนท์กับพิมพ์เพทายเปลี่ยนไปในทางที่ดีขึ้น ศักดิ์สกุลอธิบายให้รสรินฟังถึงเหตุผลที่ปฏิเสธร่วมงานกับท่านวีระเพราะรู้เช่นเห็นชาติว่าเขาขี้ฉ้อขนาดไหน ที่เขาอยากจะดึงบริษัทของเราไปร่วมงานเพราะต้องการปกปิดเรื่องที่จะโกงงบประมาณ อีกอย่างท่านวีระอยากจะดึงบริษัทน้อยใหญ่ที่ให้เครดิตเราไปเป็นพวกตัวเอง รสรินตกใจไม่คาดคิดมากก่อน

“ศาสตราบุรินทร์เองก็ไม่ได้ใหญ่โตอะไรมากมาย อาศัยได้เครดิตและความเชื่อถือของพ่อ สมมติว่าถ้ามีอะไรเกิดขึ้น มันจะกระเทือนกันเป็นลูกโซ่อย่างที่เราคาดไม่ถึงเชียวล่ะ มาถึงขั้นนี้แล้วเราคงได้แต่ระวังไม่ให้ไอ้วีระมันทำอะไรเลวๆได้ ไม่งั้นเราเดือดร้อนแน่ พ่อว่าพ่อคงต้องรีบหายไวๆแล้วล่ะ”

รสรินอาสาจะช่วยศักดิ์สกุลให้กลับมาเป็นปกติในเร็ววัน...

เมื่อได้อยู่กันตามลำพังในห้องนอน กรพงศ์ตัดพ้อต่อว่ารสรินว่าแทนที่จะดีใจที่เขาประมูลงานมาได้ กลับกลายเป็นว่าเขาทำผิด เธอขี้เกียจเถียงด้วย ไว้คุณพ่อดีขึ้นเมื่อไหร่ เธอจะรีบกลับไปช่วยงานเขา แล้วทิ้งตัวนั่งลงบนเตียง กรพงศ์พุ่งมานอนหนุนตัก ขอให้เธอเชื่อใจและให้โอกาสเขาพิสูจน์ตัวเองบ้าง ที่ผ่านมาเขาทำอะไรไม่ได้เรื่องมามาก ถึงคราวที่เขาจะแก้ตัวแล้วให้โอกาสเขาได้ไหม แล้ว จับมือเธอมาแนบแก้มตัวเอง

“งั้นก็...ทำอะไรก็ให้ระวังก็แล้วกัน” รสรินต้องเบือนหน้าหนีด้วยความเขินอาย

ooooooo

วันนี้กรพงศ์และทีมวิศวกรของบริษัทมีนัดประชุมกับท่านวีระที่ห้องประชุมของพรรค ด้วยความเจ้าเล่ห์ท่านสั่งให้เลขาฯโทร.ไปเลื่อนนัดกรพงศ์ออกไปหนึ่งชั่วโมงเพื่อที่ตัวเองจะได้มีเวลายัดเงินใต้โต๊ะให้พวกวิศวกร ครั้นกรพงศ์มาประชุมจึงไม่ล่วงรู้เลยว่าคนของตัวเองถูกซื้อตัวไปเรียบร้อย...

ขณะที่ท่านวีระเริ่มออกลาย ศักดิ์สกุลพยายามฝึกเดินด้วยตัวเองไม่ต้องมีไม้เท้าโดยมีรสรินคอยดูแลใกล้ชิด เธอเห็นท่านฝึกเดินอยู่นานพอสมควรแล้วจะประคองกลับมาที่รถเข็น ท่านไม่ยอมจะขอฝึกเดินต่ออีกหน่อย อยากหายเร็วๆแล้วเดินวนรอบสนามอีกหนึ่งรอบก่อนจะนั่งพัก

“ถ้าเดือนหน้าหายทัน พ่อจะกลับไปทำงานแล้วนะ”

รสรินอยากให้ท่านหายขาดจริงๆก่อน เธอรู้ว่าท่านเป็นห่วงงานแต่ต้องห่วงตัวเองด้วย บางทีกรพงศ์อาจจะทำได้ดีกว่าที่เราคิดก็ได้ ศักดิ์สกุลหวังให้เป็นอย่างนั้น จะปิดบริษัทฉลองเลย แล้วถามว่าตอนนี้กรพงศ์อยู่ไหน เธอได้รับไลน์จากเขาแจ้งว่าอยู่ที่ไซต์งานก่อสร้างของท่านวีระ...

ณ สถานที่ก่อสร้างศูนย์ราชการ กรพงศ์ยืนดูสถานที่ประกอบกับแบบแปลนในมือ พลางพยักหน้าเหมือนรู้เรื่อง วิศวกรนายหนึ่งเดินผ่านมาชะโงกมอง แล้วจับแปลนพลิกให้

“กลับข้างครับคุณกร”

กรพงศ์ยิ้มเจื่อนทำหน้าไม่ถูก มีเสียงมือถือของเขาดังขึ้น กรพงศ์เห็นเป็นเบอร์ของรสรินรีบกดรับสาย

“ครับรส...อยู่ที่ไซต์นี่ล่ะครับ ไม่มีปัญหาอะไร นี่คุณอยู่ไหนล่ะ อ๋อ ไม่ต้องห่วงหรอกครับ” กรพงศ์เหลือบไปเห็นวิศวกรยืนเถียงกับใครบางคนอยู่ เพ่งมองสงสัย...

คนที่วิศวกรคุยด้วยเป็นเซลซึ่งกำลังโวยวายเรื่องผิดสเปก วิศวกรไม่พอใจบอกให้เขาทำตามที่สั่ง อ้างว่าคำสั่งที่เขาได้เป็นของกรพงศ์ แล้วไล่ให้ไปทำตาม

ไม่ต้องมาสงสัยอะไรทั้งสิ้น เซลทำหน้าฉงนแต่ก็จำใจกลับไป วิศวกรหันมาเห็นกรพงศ์มองอยู่ ทำไม่รู้ไม่ชี้หันมาดูแปลนงาน

กรพงศ์วางสายจากรสรินแล้วเดินเข้าไปถามวิศวกรนายนั้นว่ามีอะไรกันหรือเปล่า เขาส่ายหน้าแค่เช็กเรื่องวัสดุกับเซลเท่านั้น กรพงศ์ย้ำเรื่องสเปกต้องเช็กให้ละเอียด อย่าให้ผิดพลาดเด็ดขาด

“ได้ครับ ไม่มีปัญหา” วิศวกรแอบสบตากับเพื่อนท่าทางมีเลศนัย ก่อนยื่นเอกสารให้กรพงศ์ซึ่งอ่านคร่าวๆ ก่อนจะเซ็น...

ช่วงนี้ครอบครัวศาสตราบุรินทร์มีแต่ข่าวดีๆเข้ามา กรพงศ์ขยันทำงานผิดหูผิดตา ส่วนศักดิ์สกุลก็กลับมาทำงานได้อีกครั้งหลังจากหยุดพักรักษาตัวอยู่นาน นอกจากนี้ พิมพ์เพทายยังคบหาดูใจกับอานนท์อีกด้วย ทุกวันทั้งคู่จะเฟซไทม์คุยกันผ่านหน้าจอโน้ตบุ๊ก

เช้านี้ก็เช่นกัน อานนท์นั่งทำงานอยู่ที่โรงงาน

แม่ศรีไทยแลนด์ไปพลางคุยกับพิมพ์เพทายไปด้วยว่าอีกไม่กี่วันจะต้องเอาของไปส่งที่กรุงเทพฯ ระหว่างนั้นเรือนแก้วร้องบอกให้ลูกชายช่วยดูนี่ให้หน่อย แล้วถือมือถือเข้ามาหา เขารีบพับหน้าจอโน้ตบุ๊กถามว่ามีอะไร ท่านมองสงสัยคุยกับใครอยู่หรือ

“อ๋อ เพื่อนที่เมืองนอกน่ะครับ”

“จริงเหรอหรือว่าคุยกับสาว มีแฟนก็บอกเถอะแม่ไม่ว่าอะไรหรอก”

อานนท์ปฏิเสธเป็นพัลวันว่าไม่มี แล้วเปลี่ยนเรื่องพูด เมื่อครู่นี้แม่จะให้เขาดูอะไรให้ เรือนแก้วจะให้เขาเช็กออเดอร์ลูกค้าจากอเมริกา เนื่องจากดูในมือถือไม่ชัด เขารับคำแล้วจะเปิดโน้ตบุ๊ก แต่นึกขึ้นได้ชะงักมือไว้เหลือบมองแม่ซึ่งมองตอบอย่างรู้ทัน

“งั้นเช็กให้แม่ด้วยละกัน เสร็จแล้วมาบอก” เรือนแก้วยิ้มให้ก่อนจะผละจากไป อานนท์ถอนใจโล่งอก แล้วเปิดจอโน้ตบุ๊กขึ้นมาคุยกับพิมพ์เพทายต่อ...

กิจการโรงงานแม่ศรีไทยแลนด์เจริญรุ่งเรืองขึ้นมาก มีออเดอร์เพิ่มทั้งในและนอกประเทศจนสายบัวแนะให้ขยายโรงงาน เรือนแก้วอยากให้รอให้เรามีเงินเก็บมากขึ้นอีกนิดหนึ่งก่อน อย่าลืมว่าเราต้องแบ่งเงินไว้คืนศักดิ์สกุลด้วย สายบัวไม่เห็นว่าต้องคืน ในเมื่อลูกชายของเขาตกเป็นของรสรินเรียบร้อยแล้ว

“นั่นสิแม่ ใช่ว่าเขาให้เราฟรีๆมาซะเมื่อไหร่”

“ไม่ต้องเลยป้าหลานคู่นี้ แม่บอกว่าต้องคืนก็ต้องคืน เข้าใจไหม” เรือนแก้วเสียงกร้าวทำให้สายบัวกับอานนท์ไม่กล้าขัด

ooooooo

ขณะกรพงศ์กำลังคุยอวดพ่อกับรสรินว่างานก่อสร้างศูนย์ราชการที่เพิ่งทำไปได้ 10 เปอร์เซ็นต์ราบรื่นดีไม่มีปัญหา วิศวกรโทร.มาแจ้งข่าวร้ายว่าตัวอาคารที่เพิ่งสร้างพังถล่มลงมาทับคนงาน...

ท่านวีระซึ่งประชุมอยู่ที่พรรคก็ได้รับรายงานนี้เช่นกัน รีบออกจากห้องประชุมตรงไปที่รถ พลางถามเลขาฯว่าจะเป็นไปได้อย่างไรในเมื่อเพิ่งจะสร้างไปแค่ 10 เปอร์เซ็นต์ เขาเองก็ยังไม่รู้รายละเอียดเหมือนกัน แต่ตอนนี้เราต้องหาทางเลี่ยงๆไปก่อน ท่านวีระเห็นด้วย สั่งให้เขาปล่อยข่าวว่าท่านไปตรวจงานอยู่ต่างจังหวัดกำลังจะรีบกลับ แล้วให้คนไปสืบว่าตึกถล่มครั้งนี้เกิดจากอะไรกันแน่

“ได้ครับท่าน แล้วทางคุณกรพงศ์ล่ะครับ”

“ก็ให้มันรับหน้าไปก่อนสิ เกิดเรื่องแบบนี้ไอ้พรรคฝ่ายตรงข้ามมันต้องรอเสียบ รอซ้ำเราอยู่แน่ๆ จะมามัวช้าไม่ได้หรอก” ท่านวีระว่าแล้วลนลานขึ้นรถไปกับเลขาฯ...

ในเวลาต่อมา กรพงศ์ รสรินและศักดิ์สกุลมาถึง สถานที่เกิดเหตุ เห็นเจ้าหน้าที่กำลังวุ่นกับการลำเลียงคนเจ็บและช่วยเหลือคนงานที่ติดอยู่ใต้ซากอาคาร กรพงศ์ยืนตะลึงด้วยความตกใจ มีเสียงร้องดังมาจากกลุ่มคนงานที่มุงอะไรกันอยู่ เขารีบวิ่งไปดู ขณะที่รสรินประคองศักดิ์สกุลเดินตามเข้าไป สักพักเจ้าหน้าที่จากมูลนิธิหามร่างไร้วิญญาณของคนงานสองร่างที่ห่อผ้าดิบออกมา

รสรินตัวสั่นด้วยความหวาดกลัว

“มีคนตายด้วยเหรอ”

ศักดิ์สกุลและกรพงศ์ตกใจไม่แพ้เธอเช่นกัน จากนั้น ทั้งสามคนตัดสินใจไปโรงพยาบาลเพื่อไปดูคนงานที่ได้รับบาดเจ็บ เจ้าหน้าที่ยังคงลำเลียงคนเจ็บเข้ามาอย่างต่อเนื่อง กรพงศ์นั่งกุมมือที่สั่นของตัวเองอยู่ที่เก้าอี้ญาติโดยมีรสรินที่นั่งอยู่ข้างๆต้องเอื้อมมากุมมือเขาไว้

ศักดิ์สกุลเดินมาจากเคาน์เตอร์พยาบาลมานั่งข้างๆลูกถามว่าได้เช็กสเปกทุกอย่างหรือเปล่า เขาได้แต่พยักหน้า ศักดิ์สกุลงง ถ้าอย่างนั้นเกิดจากอะไร

กรพงศ์ยังไม่ทันจะว่าอะไร พิมพ์เพทายกับนวลพรรณ วิ่งหน้าตื่นเข้ามาถามว่าเกิดอะไรขึ้นกันแน่ ครั้นรู้ว่าอาคารถล่มมีคนตายถึงกับตะลึง นวลพรรณเตือนว่านักข่าวมากันแล้ว ให้ทุกคนกลับกันไปก่อน เธอจะอยู่ประสานเรื่องคนงานให้เอง รสรินเห็นดีด้วย ฝากเธอดูแลทางนี้ ถึงบ้านเมื่อไหร่จะรีบโทร.หา

“ไปเถอะ เดี๋ยวนักข่าวเห็นจะวุ่นไปกันใหญ่” นวลพรรณรอจนคนอื่นไปกันหมดแล้วจึงเดินไปที่เคาน์เตอร์พยาบาล...

ทันทีที่ลูกผัวกลับถึงบ้าน ดวงกมลวิ่งหน้าตื่นเข้ามา โวยวายเนื่องจากกลัวความสัมพันธ์กับท่านวีระจะมีปัญหา ศักดิ์สกุลไม่พอใจมากไล่ตะเพิดไปให้พ้นหน้าแล้วพากันเข้าไปปรึกษาหารือในห้องทำงาน กรพงศ์ยังยืนยันหนักแน่นว่าให้คนของเราเช็กทุกอย่างแล้ว ไม่ได้พลาดตรงไหนเลยแล้วทำไมเป็นแบบนี้ไปได้

“พ่อเชื่อแกไอ้กร พ่อเชื่อว่าแกเช็กทุกอย่างแล้วจริงๆ งานนี้มันต้องมีอะไรมากกว่าที่เห็นแน่ๆ”...

การถล่มของสถานที่ก่อสร้างศูนย์ราชการที่มีทั้งคนเจ็บและคนตายเป็นข่าวใหญ่ออกทีวีทุกช่อง ครอบครัวศาสตราบุรินทร์นั่งดูด้วยสีหน้าเคร่งเครียดเพราะข่าวที่ปรากฏมีชื่อบริษัทศาสตราบุรินทร์เข้าไปเกี่ยวข้องเต็มๆในฐานผู้ประมูลงานได้ ไม่นานนักรสรินได้รับการแจ้งจากนวลพรรณว่าประสานให้คนเจ็บได้รับการรักษาทุกคนแล้ว ที่เจ็บไม่มากก็ให้กลับบ้านไป แต่พวกวิศวกรเธอไม่เห็นแม้แต่คนเดียว

กรพงศ์เอะใจหยิบมือถือขึ้นมาโทร.หาพวกวิศวกรแต่ติดต่อใครไม่ได้สักคน ศักดิ์สกุลถึงบางอ้อทันทีว่าเกิดอะไรขึ้น พิมพ์เพทายอยากรู้ เราจะทำอย่างไรต่อไป ศักดิ์สกุลคงทำอะไรไม่ได้ แค่รอให้ทางการเรียกไปสอบปากคำ กรพงศ์จะขอรับผิดชอบเรื่องนี้เอง

“แกจะทำยังไง จะยอมรับว่าเป็นความผิดแกงั้นเหรอ อย่าคิดอะไรตื้นๆหน่อยเลย”

“แต่ถ้าไม่ทำแบบนั้น คุณพ่อก็จะพลอยเดือดร้อนไปด้วยนะครับ”

“เดือดร้อนน่ะเดือดร้อนแน่ หนีไม่พ้นหรอก แกคอยดูคำสัมภาษณ์ของไอ้วีระมันละกัน”...

คำให้สัมภาษณ์ของท่านวีระเป็นอย่างที่ศักดิ์สกุลคาดเอาไว้ ท่านโยนบาปทั้งหมดมาที่บริษัทศาสตราบุรินทร์ อ้างว่าตัวเองไม่รู้ไม่เห็นตลอดเวลาห้าเดือนที่ผ่านมาให้บริษัทแห่งนี้จัดการเองทั้งหมด

ooooooo

คู่ซ่ารสแซ่บ

ละครแนะนำ

ข่าวละครวันนี้ดูทั้งหมด