สมาชิก

คู่ซ่ารสแซ่บ

ตอนที่ 11

รสรินมองหน้าคนที่ล้อมกรอบตัวเองอย่างงงๆ พวกกิ๊กพากันด่าว่าเธอที่ส่งคนมาลอบกัด ยิ่งทำให้เธองงหนักว่าพูดเรื่องอะไรกัน อรอาภาตีหน้าเศร้าเข้ามาหา

“ฉันไม่คิดเลยนะว่าเธอจะโหดร้ายขนาดนี้ ฉันก็เลิกกับคุณกรให้แล้ว ทำไมยังมาทำกับฉันแบบนี้อีก”

“อะไรของคุณน่ะคุณอร ฉันไปทำอะไรคุณ”

หนึ่งในกิ๊กใจร้อนปรี่เข้าไปจะตบ รสรินเบี่ยงตัวหลบทันแล้วถีบสวนอีกฝ่ายหงายหลังตึง คนอื่นๆกรูกันเข้ามาทำร้าย เธอสู้สุดฤทธิ์ แต่คนเดียวจะสู้แรงอีกสามคนไม่ไหว ถูกจับล็อกแขนไว้ อรอาภาเดินยิ้มเข้าหา

“ฉันไม่อยากทำเธอเลยนะ แต่เพราะเธอมาหาเรื่องพวกเราก่อน ฉันจำเป็นต้องสั่งสอน ขอโทษนะ”

“เดี๋ยว” รสรินร้องห้ามลั่น อรอาภาหลงกลชะงัก

เธอยกเท้าถีบล้มก้นจ้ำเบ้า อรอาภาสั่งให้พวกกิ๊กจับขาเธอเอาไว้ แล้วปรี่เข้าไปตบสุดแรงเสียงดังเพียะ...

จากนั้นไม่นาน นวลพรรณพาจิ้งหรีดกับสายบัวตามเข้ามา เห็นรสรินลงไปนอนกองกับพื้นในสภาพปากแตก หน้าตาเนื้อตัวเต็มไปด้วยรอยข่วน รอยตบ นวลพรรณตกใจรีบเข้าไปประคองแต่ถูกอรอาภาผลักกระเด็น สายบัวฉุนขาดพุ่งเข้ามาเล่นงานนังไฮโซหน้าวอกตบซ้ายตบขวา หน้าหัน แล้วชี้นิ้วกราดไปทั่วห้อง

“กล้ามากนะที่มาทำหลานข้า รู้จักอีบัวน้อยไปแล้ว”

“เอ้า ยืนมองกันอยู่นั่นแหละ รุมมันเลยสิ” อรอาภา

ยุส่ง พวกกิ๊กลังเลไม่กล้าแหยม จิ้งหรีดกวักมือเรียกให้เข้ามาได้เลยแล้วตั้งการ์ดเตรียมพร้อม อรอาภาได้แต่ยุคนอื่นให้จัดการ สายบัวหมั่นไส้กระชากมาตบอีก บรรดากิ๊ก โดนหางเลขกันถ้วนหน้า นวลพรรณกลัวเรื่องจะบานปลาย รีบเข้าไปขอร้องให้สายบัวพอได้แล้ว

รสรินที่เพิ่งลุกขึ้นได้ ขอเอาคืนบ้าง ย่างสามขุม

เข้าหาอรอาภาปล่อยหมัดตรงเข้าครึ่งปากครึ่งจมูกหงายเงิบ เลือดกำเดาทะลัก สายบัวตะโกนสั่งให้รสรินถอยออกมา แล้วคว้ากระเป๋าไปจากมือจิ้งหรีด หยิบลูกโป่งบรรจุปลาร้าออกมาเขวี้ยงใส่อรอาภาอย่างจัง ลูกโป่งแตกปลาร้ากระจาย บรรดากิ๊กแตกฮือ สายบัวแถมให้อีกสองลูก เล่นเอาบรรดาสาวๆวิ่งหนีกันชุลมุนวุ่นวาย

ooooooo

ครู่ต่อมานวลพรรณพารสรินมาทำแผลที่ห้องพักของตัวเอง สายบัวเห็นเธอทำแผลเสร็จแล้ว สั่งให้เล่ามาว่าเกิดอะไรขึ้น รสรินเองก็ไม่รู้เหมือนกันอยู่ๆก็ถูกรุมทำร้าย นวลพรรณอาสาเล่าให้ฟังเองว่าทุกคนที่มารุมตบรสรินวันนี้เพราะเข้าใจว่าเธอส่งคนไปทำร้ายพวกนั้นก่อนโทษฐานมายุ่งกับกรพงศ์ ตนก็โดนด้วย

รสรินตกใจรีบเข้าไปดูตามเนื้อตัวเพื่อนรัก พร้อมกับต่อว่าโดนเมื่อไหร่ทำไมไม่บอก นวลพรรณไม่ได้เป็นอะไร อีกทั้งพลวัฒน์มาช่วยไว้ทัน รสรินยืนยันไม่ได้ทำเรื่องเลวร้ายแบบนี้

“นวลเชื่อ คนร้ายมันพยายามจะพูดให้ดูเหมือนเป็นคนของรส แต่นวลว่ามันแปลกๆจนมาเมื่อเช้าที่ได้เจอคุณอรนั่นแหละ ถึงได้แน่ใจว่ามันต้องเป็นแผนของเธอแน่ๆ”

สายบัวฟังแล้วยิ่งแค้น จะขอกลับไปตบนังไฮโซหน้าวอกนั่นอีกรอบ รสรินห้ามไว้ นวลพรรณแนะให้ไปแจ้งความ รสรินรู้แก่ใจดีว่าอรอาภาเส้นใหญ่ คราวนี้คงต้องปล่อยไปก่อน แล้วกำชับทุกคนห้ามให้แม่รู้เรื่องนี้เด็ดขาด สายบัวไม่บอกอยู่แล้วแต่สภาพของเธอแบบนี้จะปิดอยู่ได้อย่างไร พรุ่งนี้ต้องไปรับอานนท์ด้วย

“โอ๊ย ลืมไปเลย พรุ่งนี้แล้วนี่ นนท์น้องพี่”

“ว่าแต่ผัวเอ็งเถอะ มันหายหัวไปไหน มันรู้ไหมว่าเอ็งโดนรุมกินโต๊ะแบบนี้น่ะ”

รสรินหันมองสายบัวไม่รู้จะบอกเรื่องกรพงศ์อย่างไรดี...

ด้านกรพงศ์นั่งเท้าคางเบื่อๆอยู่หน้าคอมพิวเตอร์ในห้องนอนอรอาภา ที่หน้าจอเปิดเว็บไซต์ของบริษัทศาสตรา-บุรินทร์เอาไว้ ก่อนจะกดไล่ดูโครงการต่างๆไปเรื่อย

อรอาภาเปิดประตูห้องเข้ามาอย่างหัวเสีย เนื้อตัวเปรอะปลาร้ากลิ่นโชย พอเห็นกรพงศ์ยังอยู่ก็สะดุ้งตกใจ เขาพูดโดยไม่หันมอง

“กลับมาแล้วเหรอครับอร ทำไมงานเสร็จไวจัง... กลิ่นอะไรเนี่ยอร ห้องคุณมีตัวอะไรตายหรือเปล่าครับ”

อรอาภาวิ่งจู๊ดเข้าห้องน้ำก่อนที่กรพงศ์จะหันมองแวบเดียว เขายังบ่นถึงกลิ่นไม่พึงประสงค์ ก่อนจะลุกขึ้นเดินหาที่มาของกลิ่นแต่ไม่เจอ พักใหญ่ อรอาภาในชุดคลุม อาบน้ำเดินออกมาพลางดมเนื้อตัวตัวเองไปด้วย ตรงไปที่โต๊ะเครื่องแป้งหยิบน้ำหอมมาฉีดซ้ำเพื่อความแน่ใจ กรพงศ์เข้ามาโอบเธอไว้จากด้านหลัง เห็นใบหน้าฟกช้ำของเธอผ่านทางกระจกเงา จับใบหน้าให้หันมาทางตัวเอง

“ไปมีเรื่องมาอีกแล้วเหรอ กับใครอีกล่ะ”

ยัยไฮโซหน้าวอกคิดแผนชั่วขึ้นมาได้ แต่งเรื่องว่าไปขอร้องรสรินคืนตำแหน่งผู้จัดการบริษัทให้กรพงศ์ นอกจากจะไม่ยอมคืนยังทำร้ายตนอีกต่างหาก ตนไม่ตอบโต้สักนิดเผื่อเธอจะเปลี่ยนใจแต่ก็เหลว

“กลับไปทำงานเถอะนะคะกร คุณก็เห็นฤทธิ์แม่นั่นแล้ว ถ้าขืนคุณปล่อยให้เป็นแบบนี้ มันก็จะยิ่งได้ใจ อีกหน่อยก็เอาทุกอย่างไปหมด นี่อรไม่ได้จะว่าคุณกับพ่อคุณโง่หรอกนะคะ อรแค่เป็นห่วง”...

สายบัวถึงกับส่ายหน้าสมเพชเมื่อได้ฟังหลานสาว เล่าว่าที่กรพงศ์ไม่ยอมไปทำงานเพราะอับอายที่ทำงานสู้เมียไม่ได้ นวลพรรณสงสัยว่าเขาอยู่ไหน รสรินเอง

ก็ไม่รู้เหมือนกัน กำลังกลุ้มใจอยู่ถ้าวันนี้เขาไม่เข้าบริษัทก็เท่ากับขาดงานเกิน คงโดนคุณพ่อไล่ออกจากงานแน่ มีเสียงมือถือของเธอดังขึ้น รสรินรีบรับสาย

“จ้ะน้องพิมพ์ เจอกันแล้วจ้ะ นี่กำลังแวะกินข้าวกันอยู่น่ะจ้ะ...จ้ะ นวลก็อยู่ พี่ให้ออกมาด้วยกันน่ะ น้องพิมพ์ไม่ต้องห่วงนะจ๊ะ...เอแล้วก็คุณกรน่ะ เขาออกมาหาลูกค้ากับพี่นะ บอกคุณพ่อให้ด้วย แบบนี้เท่ากับเขากลับเข้าทำงานแล้วนะ คงไล่เขาออกไม่ได้แล้วล่ะจ้ะ... แค่นี้นะจ๊ะ” รสรินวางสายแล้วยิ้มพอใจที่ช่วยกรพงศ์

ไว้ได้ ทั้งสายบัว จิ้งหรีดและนวลพรรณต่างจ้องเธอเขม็ง สายบัวแกล้งแหย่ ปกป้องผัวหรือ

“เปล่านะจ๊ะป้า รสก็แค่ไม่อยากให้เขามาว่าทีหลังว่าเป็นเพราะรสแย่งตำแหน่งเขา”

รสรินเห็นจิ้งหรีดยังจ้องมองไม่เลิกถามว่ามีอะไร เธอแค่สงสัยทำไมรสรินถึงไม่ปฏิเสธสักคำที่ป้าบัวเรียกคุณกรว่าเป็นผัวพี่ รสรินอายหน้าแดงไม่รู้จะแก้ตัวอย่างไร แม้งานนี้รสรินจะต้องเจ็บตัว แต่ก็ดีใจที่ปรับความเข้าใจกับนวลพรรณได้

ooooooo

กรพงศ์เชื่อคำโป้ปดของอรอาภากลับถึงบ้านก็โวยวายเรียกรสรินมาคุยกันให้รู้เรื่อง ศักดิ์สกุลกำลังคุยงานอยู่กับพิมพ์เพทาย สายบัวนั่งดูทีวีส่วนดวงกมลขัดเครื่องประดับอยู่ต่างหันหน้ามองเขาเป็นตาเดียวกัน ศักดิ์สกุลต่อว่าว่าโผล่หัวมาได้แล้วหรือ ดวงกมลแว้ดใส่สามีที่พูดจาไม่ดีกับลูก แล้วเปลี่ยนโทนเสียงทันที

“...กรไปอาบน้ำอาบท่าสิลูกเดี๋ยวจะได้มากินมื้อเย็นกับแม่”

ลูกชายตัวแสบไม่เกรงหัวดำหัวหงอกตะโกนเรียกรสรินให้ลั่นจนศักดิ์สกุลต้องปราม พิมพ์เพทาย ตัดรำคาญ บอกว่าเธออยู่ที่ห้อง เขาจะทำไมหรือ กรพงศ์มีเรื่องต้องเคลียร์กับยัยนั่น พิมพ์เพทายนิ่วหน้าสงสัยอยู่ด้วยกันทั้งวันทำไมไม่เคลียร์หรือว่าทะเลาะกันอีก คราวนี้กรพงศ์เป็นฝ่ายหน้านิ่วคิ้วขมวดบ้าง

“อะไร...ใครอยู่ด้วยกันทั้งวัน”

“อ้าว...” พิมพ์เพทายเอะใจ รีบเปลี่ยนเรื่องพูด “เออ ช่างเถอะ พี่รสอยู่ที่ห้องแน่ะ”

“ขอบใจ” พูดจบกรพงศ์เดินขึ้นข้างบน พิมพ์เพทายหันไปเห็นพ่อทำหน้าสงสัยก็ไม่สบายใจ...

อีกมุมหนึ่งในห้องนอนกรพงศ์ รสรินนั่งอยู่หน้ากระจกโต๊ะเครื่องแป้ง ส่องดูร่องรอยที่ใบหน้าตัวเองพลางบ่นให้จิ้งหรีดที่ถือตลับยาหม่องอยู่ข้างๆว่าพรุ่งนี้จะหายทันไปรับอานนท์หรือเปล่าก็ไม่รู้ แผลเริ่มม่วงแล้วด้วย ส่วนรอยเล็บข่วนก็เห็นชัดกว่าเดิมอีก เธอหยิบทั้งคอนซีลเลอร์ทั้งรองพื้นขึ้นโบกปิดรอยเหล่านั้นแต่ก็ปิดไม่มิด จิ้งหรีดตั้งข้อสังเกตถ้าอยู่ไกลหน่อยก็จะไม่ค่อยเห็น

“ถ้างั้นพรุ่งนี้อย่าให้ไอ้เจ้านนท์มาอยู่ใกล้พี่เด็ดขาด ขานั้นยิ่งช่างซักช่างฟอกอยู่ด้วย”

พลันประตูเปิดผลัวะ กรพงศ์เดินหน้ายุ่งเข้ามา รสรินเห็นสีหน้าเขาก็รู้ว่าต้องมีเรื่องแน่ ไล่จิ้งหรีดออกไปก่อน ทันทีที่จิ้งหรีดปิดประตูตามหลัง กรพงศ์ปรี่เข้ามาจับแขนทั้งสองข้างของรสรินดึงให้ลุกขึ้น เธอร้องลั่นว่าเจ็บ กรพงศ์หมั่นไส้แค่นี้ทำเป็นเจ็บ แล้วทีเธอไปทำร้ายอรอาภาจะไม่เจ็บหรือ รสรินสะบัดแขนเขาออกลุกขึ้นมาโวยใส่หน้าไปทำอะไรยัยนั่นตั้งแต่เมื่อไหร่

“ไม่ต้องทำมาตีหน้าซื่อ มันไม่เนียน อรเขามาขอเธอดีๆไม่ให้ก็ไม่น่าจะทำกันถึงขนาดนั้น”

“เขามาขออะไรฉัน นี่คุณเมาหรือเปล่านี่”

“ยังจะมาทำไม่รู้เรื่องอีก โกหกจนเป็นนิสัยแล้วเธอน่ะ...หวงมากใช่ไหมไอ้ตำแหน่งบ้าๆเนี่ย...ดี พรุ่งนี้ฉันจะกลับเข้าไปทำงาน แล้วเธอก็เตรียมตัวไว้ได้เลย ฉันเขี่ยเธอกระเด็นแน่”

รสรินดีใจมากที่เขาจะกลับไปทำงานเผลอยิ้มออกมา กรพงศ์ไม่เข้าใจท่าทีของเธอเดินเลี่ยงเข้าห้องน้ำ แล้วทิ้งตัวลงนั่งที่ชักโครก สงสัยว่าความจริงเป็นอย่างไรกันแน่ ไหนอรอาภาบอกว่าไม่ได้โต้ตอบอะไรเลย แล้วทำไมรสรินถึงได้มีร่องรอยถูกทำร้ายเต็มไปหมด

ตั้งเนื้อตัวหน้าตา

“ถ้าอย่างนั้นยัยนั่นไปโดนอะไรมาล่ะ...ใครโกหกกันแน่วะ”

ooooooo

ที่สนามบินสุวรรณภูมิ รสรินอายมากที่พิมพ์-เพทายทำป้ายไฟอันใหญ่ยักษ์มีชื่อ “อานนท์” ตัวเท่าบ้าน มาให้สายบัวถืออยู่ตรงประตูทางออก พิมพ์เพทายแปลกใจไม่เคยรู้มาก่อนว่ารสรินมีน้องชาย

“แม่เขากันไว้ไม่ให้รับรู้เรื่องปัญหาต่างๆน่ะ” รสรินพูดโดยไม่รู้เลยว่าอานนท์รู้ความเป็นไปทุกเรื่องที่เกิดขึ้นเพราะสายบัวคอยส่งข่าวตลอด...

รออยู่พักใหญ่ อานนท์ลากกระเป๋าเดินทางออกมา สายบัวตะโกนเรียกหลานสุดสวาทเสียงลั่น ทิ้งป้ายไฟวิ่งเข้าไปกอดไปหอมดีใจสุดๆ รสรินกับพิมพ์เพทายตามไปสมทบ อานนท์ยกมือไหว้พี่สาวแล้วเข้ามากอด

“ไง ไอ้ตัวแสบ เรียนจบสักที”

“โห พูดอย่างกับผมโง่ นี่ผมจบสองปีครึ่งเองนะครับ”

รสรินแนะนำให้อานนท์รู้จักกับพิมพ์เพทาย ทีแรกเขายิ้มให้อย่างมีไมตรีแต่พอรู้ว่าเป็นน้องสาวของกรพงศ์ก็หุบยิ้มทันที ในเวลาต่อมา ระหว่างนั่งอยู่บนรถ อานนท์ไม่ชอบใจนักเมื่อรู้ว่าต้องไปนอนค้างบ้านศาสตราบุรินทร์ พรุ่งนี้ถึงจะกลับบ้านพร้อมสายบัว เขาไม่อยากไปยุ่งกับคนบ้านนี้จะขอไปนอนโรงแรม

“คุณนนท์กลัวไม่สะดวกเหรอคะ พิมพ์ให้เด็กเตรียมไว้หมดแล้วถ้าอยากได้อะไรเพิ่มก็บอกพิมพ์ได้ค่ะ”

“ไม่อ่ะไม่อยากได้” อานนท์เสียงห้วนแล้วเมินหน้าไปทางอื่น พิมพ์เพทายงงเขาไม่พอใจเรื่องอะไร ส่วนรสรินเองก็เริ่มเอะใจ มองสายบัวอย่างสงสัย ท่านก้มหน้าหลบไม่ยอมสบตาด้วย...

ด้านกรพงศ์ถือโอกาสตอนที่รสรินไม่อยู่ เอาโปรเจกต์ของเธอไปเสนอให้พ่อดูโดยสวมรอยว่าตัวเองเป็นคนคิดและยังวิเคราะห์ความเป็นไปได้ของโครงการใส่ในแฟลชไดรฟ์มาให้ดูอีกด้วย ศักดิ์สกุลลุกไปหาลูกชายแล้วตบหัวผัวะ ไล่ตะเพิดผีร้ายให้ออกไป กรพงศ์คลำ หัวป้อยๆ

“พ่อ...ผีเผออะไรกัน โธ่ ตบมาซะเต็มเหนี่ยวเลย”

ศักดิ์สกุลแกล้งถามไม่ได้โดนผีสิงใช่ไหม เขาไม่ได้โดนผีสิงแต่เป็นจิตวิญญาณแห่งความรับผิดชอบต่างหาก ท่านเกรงว่าจิตวิญญาณที่ว่าจะอยู่ได้ไม่นาน เขาขอร้องอย่าเพิ่งดูถูกกัน รอให้เขาพิสูจน์ตัวเองให้ดูก่อน ศักดิ์สกุลจะรอดูแล้วถามว่าเมื่อวานไปหาลูกค้ามาเป็นอย่างไรบ้าง กรงพงศ์งงลูกค้าไหน

“แกคงไม่ได้ไปทำเจ้าชู้ใส่ลูกค้าต่อหน้าหนูรสอีกหรอกนะมาสำนึกเอาทันวันสุดท้ายไม่ได้ทำพังใช่ไหม”

“อะไรครับวันสุดท้าย”

“ก็แกขาดงานเกินกำหนดไง ฉันกำลังจะเซ็นไล่แกออก ถ้าหนูรสไม่โทร.มาแกโดนไปแล้ว อะไรแทนที่จะโทร.มาบอกเองว่าอยู่กับลูกค้า...โอเคเดี๋ยวฉันจะดูที่แกทำมาแล้วกัน แกออกไปทำงานต่อได้แล้ว”

กรพงศ์อึ้งเมื่อรู้ว่ารสรินแก้ตัวให้ อ้าปากจะถามบางอย่างแต่คุณนัทเข้ามาหาพ่อเสียก่อน เขาจึงต้องเดินเลี่ยงออกมา คุณนัทเข้ามาเห็นแฟ้มงานที่รสรินฝากให้เธอเอามาให้ศักดิ์สกุลวางอยู่บนโต๊ะ ก็แปลกใจมีคนเอามาให้แล้วหรือ เธอกำลังหาอยู่พอดี ศักดิ์สกุลชูแฟ้มกับแฟลชไดรฟ์ให้ดูว่านี่ของรสรินหรือ

“ใช่ค่ะ คุณรสทำไว้ตั้งแต่วันก่อนแล้ว” คำพูดของคุณนัททำให้ศักดิ์สกุลระอาใจกับลูกชายตัวดี

ooooooo

นวลพรรณเข้ามาในห้องทำงานของรสรินเห็นกรพงศ์ง่วนอยู่ที่หน้าจอคอมพิวเตอร์ของเธอโวยวายว่าทำอะไรจะขโมยงานของรสรินหรือ เขาปฏิเสธเสียงสูงปรี๊ดว่าเปล่า แต่กลับขอร้องนวลพรรณว่าอย่าบอกเรื่องนี้ให้เธอรู้ เขาแค่เปลี่ยนชื่อคนทำโปรเจกต์นิดหน่อยเท่านั้นเอง นวลพรรณทำไม่รู้ไม่ชี้ก็จบ

“แล้วนวลจะได้อะไรล่ะค่ะ”

กรพงศ์เสนอจะยกตัวเองให้ นวลพรรณไม่สนของเสื่อมสภาพอย่างเขายืนยันจะบอกเรื่องนี้กับรสริน เขาแทบจะคุกเข่าขอร้อง เขาแค่อยากมีผลงานบ้างเท่านั้นรสรินแย่งทุกอย่างไปจนพ่อไม่เห็นหัวเขาแล้ว นวลพรรณยืนยันรสรินไม่ได้ทำอย่างนั้นเขาทำตัวเองต่างหาก

“ฉันทำอะไรหา เพื่อนเธอนั่นแหละทำทั้งฉัน ทำทั้งอร เพื่อนเธอน่ะมันตัวแสบ”

พูดถึงอรอาภาขึ้นมา นวลพรรณตัดสินใจจะเล่าความจริงว่าผู้หญิงของเขาคนนี้เลวร้ายแค่ไหน แต่อรอาภาโทร.มาจิกเขาให้ไปช่วยทายาที่แผลให้เสียก่อน เธอก็เลยไม่ได้เล่าอะไร...
ครู่ต่อมา กรพงศ์มาถึงบ้านท่านวีระ อรอาภาออดอ้อนให้เขาทายาแก้ฟกช้ำให้ เขาสบช่องถามว่า

เมื่อวานที่เธอเล่าว่ารสรินทำร้ายเธอฝ่ายเดียวเป็นความจริงหรือ เธอยืนยันว่าเป็นความจริง ที่เธอไม่ได้ตอบโต้รสรินก็เพื่อเขา แล้วถามว่ากลับไปทำงานแล้วใช่ไหม คราวนี้เขาต้องเสนอหน้าแย่งทุกอย่างคืนมาให้ได้

“คงจะยากนะครับอร ยัยนั่นเก่งจริงๆ ไม่แปลกใจเลยที่คุณพ่อจะไว้ใจ”

อรอาภายุส่งถ้ากรพงศ์ทำผลงานเองไม่ได้ ก็ให้ทำผลงานของรสรินให้พังหรือไม่ก็ทำให้ผิดพลาดที่นี่ก็จะไม่มีใครเห็นมันเหนือกว่าเขาอีกแล้ว กรพงศ์เริ่มกลัวความร้ายกาจของผู้หญิงคนนี้...

ด้านอานนท์ทำตัวเป็นไม้เบื่อไม้เมากับพิมพ์–เพทายทั้งที่เพิ่งเจอกัน เธอพยายามจะญาติดีด้วยแต่เขากลับพูดจามะนาวไม่มีน้ำ เมื่อได้อยู่กันตามลำพังพี่น้อง รสรินต้องปรามไม่ให้น้องทำแบบนั้นอีก...

ที่ห้องครัว สายบัวกับจิ้งหรีดกำลังปรึกษากันว่าจะทำเมนูปลาร้าอะไรให้อานนท์กินเพื่อฉลองการกลับมา พิมพ์เพทายเดินหน้าบอกบุญไม่รับเข้ามาเปิดตู้เย็นหยิบน้ำออกมาดื่มรวดเดียวหมดแก้ว จิ้งหรีดเห็นสีหน้าไม่สู้ดีนักของเธอ ร้องทักว่าเป็นอะไรหรือเปล่า เธอไม่ได้เป็นอะไรแค่หงุดหงิดนิดหน่อย

“ทำไมวะนังหนู มีใครทำอะไรเอ็งบอกป้าเดี๋ยวป้าจะไปตบกะโหลกมันให้”

“งั้นพิมพ์ฝากถามหลานชายป้าบัวด้วยนะคะว่าพิมพ์ไปเหยียบเท้าหรือเหยียบหางเขาเข้าหรือเปล่า ถ้าเขาบอกว่าเปล่าก็ช่วยตบกะโหลกแทนให้ด้วยล่ะกันค่ะ” พิมพ์เพทายบ่นเสร็จกระแทกแก้วน้ำกับโต๊ะแล้วเดินออกไป สายบัวมองหน้าจิ้งหรีดงงๆ หรือจะมีมวยอีกคู่

ooooooo

หลังจากเอากระเป๋าแบรนด์เนมที่อุตส่าห์ทำงานเก็บเงินซื้อมอบให้พี่สาวสุดเลิฟแล้ว อานนท์ไม่วายต่อว่าว่าจดหมายไม่มี โทร.หาก็ไม่เคยสักครั้ง นี่ถ้าป้าบัวไม่แอบเล่าก็คงไม่รู้เรื่องอะไรสักอย่าง

“พี่กลัวเราไม่สบายใจเดี๋ยวจะเรียนไม่จบออกกลางคัน”

อานนท์มองหน้าพี่สาวอึดใจก่อนจะคาดคั้นให้บอกว่ารอยที่ใบหน้าไปโดนอะไรมา ใช่สามีของเธอ

ทำหรือเปล่า รสรินขอร้องอย่าเรียกกรพงศ์ว่าเป็นสามีของเธออีก เราไม่ได้สนิทกันขนาดนั้น และเขาไม่ได้เป็นคนทำ แล้วรีบตัดบทอย่าไปใส่ใจเพราะพวกนั้นก็โดนกลับไปไม่ใช่น้อย เธอกับป้าบัวจัดการเอาคืนไปแล้ว อานนท์กำหมัดแน่นด้วยความโกรธ รสรินต้องเข้าไปโอบไหล่น้องขอร้องอย่าทำหน้าอย่างนั้น

“นนท์ก็รู้ว่าพี่ก็ใช่ย่อยซะที่ไหน น่า...พี่ไม่เป็นอะไรหรอก แค่อย่าบอกแม่ก็แล้วกัน”

“ตอนที่ป้าบัวโทร.ไปบอกว่าพี่รสต้องแต่งงานเพื่อโรงงาน ผมเสียใจมากเลยรู้ไหมที่ช่วยอะไรไม่ได้เลยยิ่งพอได้รู้กิตติศัพท์ของไอ้บ้านั่น ผมยิ่ง...”

รสรินขอร้องว่าอย่าคิดมากไม่ต้องเป็นห่วงอะไรทั้งนั้น เธอเอาตัวรอดได้ สิ่งที่อานนท์ควรทำมากที่สุดในตอนนี้ก็คือกลับไปช่วยแม่ฟื้นฟูโรงงานขึ้นมาให้ได้ เขาสวนทันทีแล้วปล่อยให้พี่ตกนรกอยู่ที่นี่หรือ เธอแก้ตัวแทนกรพงศ์ว่าไม่ได้เป็นคนร้ายกาจอะไร ส่วนดีก็ยังมีอยู่ อานนท์มองหน้าพี่สาวที่อมยิ้มเมื่อพูดถึงกรพงศ์ ก็ชักสงสัย หรือว่าเธอตกหลุมรักเขาเข้าให้แล้ว รสรินหลบตาวูบ อ้อมแอ้มว่าใครตกหลุมอะไร

“เอาเถอะถ้าไม่ใช่ก็แล้วไป อย่าลืมนะชื่อเสียงความหื่นของไอ้บ้านั่นดังขนาดนักเรียนไทยที่โน่นยังรู้จัก เกิดพี่ไปตกหลุมรักมันเข้าจริงๆ คราวนี้ล่ะ นรกชัดๆ”

ooooooo

กับข้าวสารพัดชนิดถูกลำเลียงออกมาตั้งบนโต๊ะอาหาร ดวงกมลเห็นเข้าก็โวยวายลั่นทำไมถึงมากมายนัก สายบัวคุยอวดจะเลี้ยงฉลองหลานชายกลับมาทั้งทีก็ต้องให้เต็มที่หน่อย เธอต่อว่าว่ามาจัดเลี้ยงกันที่นี่ทำไมไม่บอกสักคำ สายบัวบอกกล่าวกับผัวของเธอแล้ว

“จริงๆผมอยากจะจัดงานเลี้ยงต้อนรับเลยด้วยซ้ำ แต่ทีนี้คุณแก้วไม่อยู่ก็เลยไว้ว่าจัดวันหลังดีกว่า”

ดวงกมลยังโวยวายไม่เลิกจนอานนท์เดินเข้ามากับรสริน เธอถึงเงียบเสียงลงได้ เขายกมือไหว้สองสามีภรรยา ศักดิ์สกุลรับไหว้แต่ดวงกมลทำเชิดหน้าคอตั้ง ศักดิ์สกุลได้ข่าวว่าเขาเรียนจบด้านบริหารฯมา จะชวนมาทำงานด้วยกัน เขาขอผ่านจะกลับไปช่วยแม่ที่โรงงาน พูดพลางเดินมานั่งเก้าอี้ข้างพิมพ์เพทายซึ่งเขยิบเก้าอี้หนี ดวงกมลไม่วายแขวะ จบเมืองนอกมาทั้งทีแต่กลับจะไปทำโรงงานปลาร้า อานนท์สวนทันที

“ผมก็ว่าน่าจะดีกว่าร่อนไปร่อนมาแบบพี่เขยผมนะครับ”

“ปากร้ายเหมือนกันทั้งพี่ทั้งน้อง” ดวงกมลด่ากราด รสรินโต้ไม่ยอมแพ้ ก็เหมือนท่านกับกรพงศ์ที่ชอบร่อนไปร่อนมาแบบเดียวกันไม่มีผิดเพี้ยน ดวงกมลโกรธควันแทบออกหู ขณะที่ศักดิ์สกุลทำไม่รู้ไม่ชี้...

ในเวลาต่อมา ที่ห้องครัว กรพงศ์กำลังยืนดื่มน้ำอยู่ตอนที่เห็นรสรินเดินถือชามแกงจะมาเติม เขาดึงเธอเข้ามาใกล้ๆจับหน้าหันไปหันมาอย่างพิจารณาก่อนจะถามว่าไปโดนอะไรมา เธอไม่ยอมบอก ขยับจะหนี กรพงศ์คว้าตัวไว้สั่งให้บอกความจริงมาก่อนว่าไปโดนอะไรมา รสรินกระชากแขนเขาออก ชามแกงพลาดหลุดมือตกแตก ทั้งคู่ยืนอึ้งสักพัก เธอตั้งสติได้เดินลิ่วออกไป

“มาคุยกันให้รู้เรื่องก่อน รส...รสริน” กรพงศ์วิ่งตามจนทันกันที่ห้องอาหาร คว้ามือรสรินไว้ เธอตวาดลั่นให้ปล่อยพูดไม่รู้เรื่องหรือ สองคนมีปากเสียงกัน

เขาดึงเธอเข้ามาหาจะขอดูหน่อยไม่ได้หรือ อานนท์ไม่พอใจ พุ่งเข้าไปกระชากไหล่กรพงศ์ออกจากพี่สาวแล้วผลักกระเด็น ดวงกมลกรีดร้องลั่น กรพงศ์หันมองเขา

“สวัสดี คุณพี่เขย”

ดวงกมลเคืองจัดด่าอานนท์ที่บังอาจมาทำร้ายลูกชายของตน เขาไม่เกรงกลัวด่ากลับไปบ้าง รสริน

ไม่อยากให้เรื่องราวบานปลาย รีบดึงตัวน้องชายออกห่าง ดวงกมลด่าว่าสองพี่น้องไม่เลิกทำให้สายบัวโกรธเงื้อมือจะตบ ศักดิ์สกุลต้องขอร้องให้พอได้แล้ว จากนั้นหันบอกให้พิมพ์เพทายพากรพงศ์ไปเก็บ ก่อนจะหันไปเรียกรสรินกับอานนท์มากินข้าวกันต่อ รสรินขอตัวก่อนแล้วดันหลังอานนท์ให้เดิน

“ฉันก็ไม่กินแล้วเหมือนกัน ไปยัยพิมพ์ตากร อยู่ให้ห่างๆพวกคนบ้ากันเถอะ” ดวงกมลว่าแล้วประคองลูกชายสุดเลิฟขึ้นข้างบน พิมพ์เพทายมองอานนท์แวบหนึ่งก่อนจะเดินตามแม่ ศักดิ์สกุลจะลุกหนีอีกคน สายบัวไม่ยอมให้ไปสั่งให้เขานั่งลงกินข้าวเป็นเพื่อนเธอก่อน ศักดิ์สกุลจำต้องนั่งอย่างเดิม...

แค่รอยช้ำนิดหน่อยแต่กรพงศ์ร้องโอดโอยราวกับถูกเชือด ดวงกมลพลอยบ้าจี้ตามไปด้วย พิมพ์เพทายถามประชดจะให้เรียกรถพยาบาลมาไหม แล้วเอายามาทาแผลให้ เธอต้องการจะคุยกับพี่ชายตามลำพังจึงหลอกแม่ลงไปเอาปลาสเตอร์ยาให้ พอท่านคล้อยหลังเท่านั้น พิมพ์เพทายด่าพี่ชายว่าทุเรศมากที่ไปขอดูอะไรของรสรินต่อหน้าคนอื่น เขาแก้ตัวว่าจะขอดูแผลที่หน้ากับที่ตัวของเธอแค่นั้น

“ก็พอจะเห็นอยู่หรอก ว่าจะถามเขาเหมือนกัน แต่ยังไม่กล้า เหมือนพี่รสจะพยายามปิดบังยังไงก็ไม่รู้”

กรพงศ์เห็นด้วยถึงได้อยากดูชัดๆยัยนั่นก็โวยวายอยู่ได้ ถามก็ไม่ยอมบอก แล้วไอ้เด็กบ้านั่นอีกคนผลักมาได้ นี่ถ้าอายุเท่ากันซัดหมอบไปแล้ว พิมพ์เพทายเบ้ปากแล้วหยิบยานวดแก้ฟกช้ำออกไป...

อานนท์ไม่พอใจมาก บอกให้รสรินเก็บของกลับบ้านจะทนให้เขารังแกทำไม เธอแก้ต่างให้กรพงศ์ว่าไม่ได้ทำอะไรเธอสักหน่อย เขาแค่จะขอดูรอยแผลเหล่านี้ อานนท์แปลกใจเขาไม่รู้หรืออย่างไรว่าเป็นฝีมือพวกกิ๊กของเขา มีเสียงเคาะประตูห้องดังขึ้น รสรินรีบจุ๊ปากให้น้องชายเงียบๆเอาไว้ พิมพ์เพทายเปิดประตูเข้ามาถามว่าสองพี่น้องเป็นอย่างไรบ้าง รสรินโอเคไม่มีปัญหาแล้วหันมองน้องชาย

“จะเป็นอะไรก็ตอนเห็นหน้าเธอนี่แหละ”

พิมพ์เพทายหมดความอดทน ต่อว่าอานนท์ว่าเธอไปทำอะไรให้ ล้อชื่อพ่อ หรือเผลอไปเหยียบเท้าเขาถึงได้ทำท่าไม่พอใจเธอแบบนี้ อานนท์เถียงไม่ออกได้แต่นิ่งอึ้ง

“ถ้าฉันเผลอไปเหยียบหางคุณเข้าก็บอกด้วยนะคะ เอ้านี่...เผื่อจะมือเคล็ดนวดมือแล้วก็นวดปากด้วยล่ะ จะได้มีมารยาทพูดกับคนอื่นเขาดีๆ” พูดจบพิมพ์เพทายค้อนขวับแล้วเดินออกไป พอพ้นประตูห้อง เธอนึกถึงเรื่องที่ได้ยินสองพี่น้องคุยกันเกี่ยวกับบาดแผลของรสรินว่าเป็นฝีมือกิ๊กเก่า...

ฝ่ายท่านวีระจับได้ว่าอรอาภาเอาศักดิ์ไปใช้ทำเรื่องเลวร้ายก็โกรธมาก หากเป็นเรื่องใหญ่โตขึ้นมาแล้วตำรวจสืบรู้ว่าเป็นฝีมือลูกน้องของท่านจะทำอย่างไรกัน สั่งให้อรอาภาเตรียมตัวให้พร้อมวันพรุ่งนี้ต้องไปกับท่าน เธอสงสัยจะให้ไปไหน ท่านสั่งไม่ให้ถามอะไรแค่เตรียมตัวไว้ก็พอ...

รสรินเป็นห่วงกรพงศ์ เห็นนอนหลับในสภาพใบหน้ามีรอยช้ำ นั่งลงข้างๆค่อยๆเอาคลูแพ็กประคบให้ สักครู่ใหญ่ก็ลุกขึ้น จัดผ้าห่มเขาให้เข้าที่แล้วผละจากไป กรพงศ์ค่อยๆลืมตาขึ้นก่อนจะยิ้มออกมา

ooooooo

ศักดิ์สกุลกับรสรินมาส่งอานนท์กับสายบัวขึ้นรถเตรียมกลับบ้านที่ต่างจังหวัด อานนท์ชวนพี่สาวกลับด้วยเหยงๆแต่เธอไม่กลับ ศักดิ์สกุลชวนให้เขาลงมาเที่ยวกรุงเทพฯอีก รสรินพูดเป็นนัยๆว่า ไม่แน่เขาอาจจะต้องลงมาใหม่ในอีกไม่กี่อาทิตย์ก็ได้ แล้วไล่น้องขึ้นรถพร้อมกับยัดโบรชัวร์งานฟู้ดแฟร์ให้

“ลองเอาไปปรึกษากับแม่ดูแล้วกัน พี่จะลองคุยกับทางนี้อีกที”

อานนท์รับไปอย่างงงๆ ศักดิ์สกุลจ้องโบรชัวร์เขม็งแต่ไม่พูดอะไร ด้านกรพงศ์กับพิมพ์เพทายยืนมองรสรินกับพวกอยู่ในตัวบ้าน เขาถามย้ำกับน้องสาวได้ยินว่าเป็นฝีมือกิ๊กเก่าของเขาจริงหรือ เธอพยักหน้ารับคำ แต่รายละเอียดเป็นอย่างไรเธอไม่รู้ แล้วเดินกลับไปนั่งที่โซฟาโดยมีกรพงศ์ตามมานั่งข้างๆ

“แล้วแบบนี้จะไปถามใครได้ล่ะ”

พิมพ์เพทายเองก็จนปัญญา ให้ถามเจ้าตัวก็คงไม่บอกอะไร ระหว่างนั้นดวงกมลเดินเข้ามาชะโงกมองไปด้านนอกพูดขึ้นลอยๆว่า ไปกันแล้วใช่ไหมอีพวกนั้น พิมพ์เพทายต่อว่าแม่ว่า ไม่เห็นต้องเรียกจิกขนาดนั้น แล้วขอตัวไปทำงานก่อน บอกให้กรพงศ์ไปกับรสริน ดวงกมลทักท้วงไปไหวหรือ

“กรไม่เป็นไรแล้วล่ะครับแม่”

ดวงกมลพยายามจะรั้งลูกชายให้อยู่บ้าน แต่ผีขยันเข้าสิงเขาเต็มๆ รีบเดินออกไปกับพิมพ์เพทาย...

ระหว่างทางไปบริษัท กรพงศ์เอาแต่นั่งจ้องหน้ารสรินซึ่งทำหน้าที่พลขับจนเธออึดอัด ขอร้องให้หันไปนั่งเหมือนคนปกติ เขาก็ไม่ยอมจะขอจ้องอยู่อย่างนี้จนกว่าเธอจะบอกว่าไปโดนอะไรมา รสรินรำคาญแกล้งกระแทกเบรกจนกรพงศ์หัวทิ่ม เขายังอุตส่าห์หันกลับมานั่งจ้องเธอเหมือนเดิม...

เมื่อมาถึงที่ทำงาน รสรินเปิดดูคอมฯตัวเองก็พบสิ่งผิดปกติ หันมองกรพงศ์ซึ่งทำหน้าไม่รู้ไม่ชี้ เธอยังไม่ทันจะพูดอะไร นวลพรรณเปิดประตูเข้ามาเตือนว่าตอนประชุมฝ่าย ท่านประธานให้เตรียมเรื่องโปรเจกต์ใหม่ไว้ด้วย พูดพลางนวลพรรณจ้องมาทางกรพงศ์ที่พยายามขยิบตาเป็นทำนองไม่ให้บอกเรื่องเขาขโมยผลงานของรสริน ทีแรกนวลพรรณจะไม่ยอมทำตามแต่แล้วก็เปลี่ยนใจ

“ถ้าอย่างนั้นเดี๋ยวเจอกันที่ห้องประชุมเลยละกันนะ” พูดจบนวลพรรณหันมองกรพงศ์ที่แอบปาดเหงื่อก่อนจะเดินออกจากห้อง เขาละสายตามามองรสรินอีกทีเห็นเธอจ้องอยู่ก็ร้อนตัว

“มาจ้องฉันทำไม ฉันไม่ได้ขโมยงานอะไรของเธอไปเลยนะ”

รสรินนิ่งคิดไปอึดใจก่อนจะยิ้มออกมาอย่างรู้ทัน แต่ไม่พูดอะไรก้มหน้าก้มตาทำงานต่อไป

ooooooo

ครั้นถึงเวลาประชุมฝ่าย ศักดิ์สกุลหยิบยกโปรเจกต์ชิ้นนั้นขึ้นมาจั่วหัวแล้วเชิญเจ้าของโปรเจกต์มาอธิบาย กรพงศ์รีบลุกขึ้นเดินไปหน้าห้องประชุม ศักดิ์สกุล

ย้ำว่าต้องการให้เจ้าของโปรเจกต์เป็นคนพูด

“ก็ผมนี่ไง เจ้าของ”

ศักดิ์สกุลทำท่าจะเอาเรื่อง รสรินต้องช่วยรับรองว่าโปรเจกต์นี้กรพงศ์เป็นคนคิดขึ้นมาเองนานแล้ว แต่เขาไม่ได้เข้าบริษัท เธอกลัวลืมก็เลยฝากคุณนัทไว้ ทุกคนต่างคาดไม่ถึงว่ากรพงศ์จะทำอะไรดีๆกับเขาเป็น ขณะที่เจ้าตัวทำหน้าไม่ถูก ไม่คิดว่ารสรินจะช่วยพูดให้...

ในเวลาต่อมา ขณะรสรินกำลังดื่มกาแฟอยู่ในห้องพักผ่อนของบริษัท นวลพรรณเข้ามากระเซ้าออกโรงปกป้องกรพงศ์ขนาดนี้เลยหรือ แล้วเตือนว่านี่ไม่ใช่โปรเจกต์เดียวที่เขาคิดจะขโมยงานของเธอมีอีกหลายเรื่อง รสรินรู้อยู่แล้วเพราะกรพงศ์ทำงานไม่เรียบร้อย ขโมยงานคนอื่นทั้งทีเหลือร่องรอยให้ตามไว้เพียบ

“แล้วรสก็จะปล่อยไปแบบนี้นะเหรอ”

“จริงๆงานพวกนี้รสก็ตั้งใจจะให้เขาเป็นคนทำต่ออยู่แล้ว ให้เขาได้มีผลงานอะไรบ้าง เขาจะได้ไม่มาหาว่ารสอยากชิงดีชิงเด่นกับเขาอีก”

นวลพรรณไม่ค่อยเห็นด้วยกับวิธีนี้ของเพื่อนสักเท่าไหร่เพราะจะทำแทนกรพงศ์ตลอดไปไม่ได้แน่ เธอไม่ได้คิดจะทำอย่างนั้นอยู่แล้ว อย่างน้อยก็ให้เขาเลิกงี่เง่าก่อนแล้วค่อยให้เขาลุยเองก็ได้ กรพงศ์ยืนฟังอยู่หน้าห้องทั้งรู้สึกดีและละอายใจไปพร้อมๆกัน...

ทันทีที่เจอหน้าแม่ อานนท์โผกอดด้วยความคิดถึง เรือนแก้วกอดลูกตอบด้วยความคิดถึงไม่แพ้กัน หลังจากกอดจนความคิดถึงคลาย ทั้งสามคนพากันขึ้นบ้าน จังหวะที่เรือนแก้วไปเอาน้ำเอาท่ามาให้ลูกดื่ม อานนท์ถามสายบัวว่าจะบอกเรื่องที่พี่รสโดนรุมทำร้ายให้แม่รู้ดีไหม เธอส่ายหน้าดิกรู้แล้วจะได้อะไรขึ้นมา อานนท์อยากให้แม่เรียกพี่รสกลับ

“เอ็งนึกว่าแม่กับป้าเอ็งไม่เคยลองเหรอไง เอ็งก็รู้พี่เอ็งมันไม่ยอมเอาเปรียบใคร ในเมื่อเรารับความช่วยเหลือเขาแล้ว รสมันไม่ยอมผิดคำพูดแน่ๆ”

อานนท์เซ็ง ถ้าเป็นอย่างนี้เราทำอะไรไม่ได้เลยหรือ สายบัวแนะให้ช่วยกันทำให้โรงงานกลับมาเหมือนเดิมเร็วๆ จะได้เอาเงินไปคืนศักดิ์สกุลจบเรื่องจบราวกันไป สองป้าหลานยังคุยกันไม่จบ เรือนแก้วออกมาเสียก่อน ทั้งคู่จึงต้องยุติการสนทนาไปโดยปริยาย...

ครู่ต่อมาเรือนแก้วพาอานนท์มาที่โรงงานแม่ศรีไทยแลนด์ เขาเห็นสภาพโรงงานที่เปลี่ยนแปลงไปในทางที่ดีขึ้น แถมแพ็กเกจจิ้งก็ทันสมัยจนได้เข้าไปขายในห้างฯ ก็ดีใจที่พี่สาวบริหารโรงงานได้สุดยอด เขาเองก็มีโครงการจะแปรรูปปลาร้าเป็นผลิตภัณฑ์อย่างอื่นอีก จะได้ตรงกับกลุ่มลูกค้าที่เมืองนอก

“เออจริงสิครับ พี่รสให้ไอ้นี่มาแน่ะ ผมว่าน่าสนใจเหมือนกันนะครับ” อานนท์ว่าแล้วหยิบโบรชัวร์งานฟู้ดแฟร์ที่พับไว้ในกระเป๋ากางเกงให้แม่ดู ทั้งเรือนแก้วและสายบัวสนใจจะไปเปิดบูธเผื่อจะได้ลูกค้าใหม่ๆ ในเมื่อทุกคนเห็นดีด้วย อานนท์จะได้ร่างรายละเอียดแล้วปรึกษากับพี่สาวอีกที จากนั้นเขาเดินไปนั่งที่โต๊ะทำงานเปิดโน้ตบุ๊กเริ่มร่างแผนงานทันที เรือนแก้วเห็นแล้วก็อดปลื้มในความเอาการเอางานของลูกไม่ได้

ooooooo

กรพงศ์รู้สึกละอายใจรีบเข้าไปพบพ่อที่ห้องทำงาน เพื่อจะสารภาพเรื่องฮุบงานของรสรินมาเป็นของตัวเอง แต่ไม่มีโอกาสได้พูดเพราะท่านเอาแต่ชมเขาไม่หยุดปาก แต่พอเขาสบโอกาสจะสารภาพ

พิมพ์เพทายเข้ามากระซิบบอกกับท่านเสียก่อนว่าท่านวีระกับอรอาภามาที่นี่ตอนนี้อยู่ในห้องทำงานรสริน ศักดิ์สกุลไม่พอใจนัก รีบตรงไปที่นั่นทันที โดยมีพิมพ์เพทายและกรพงศ์ตามไปด้วย นวลพรรณเองก็ถูกตามตัวให้ไปที่ห้องนั้นเช่นกัน

ที่ห้องทำงานรสริน เมื่อทุกคนมากันพร้อมหน้า ท่านวีระไม่รอช้าบอกจุดประสงค์ที่มาที่นี่ว่าตั้งใจจะพาลูกสาวมาขอโทษรสริน อรอาภาถึงกับปรี๊ดแตกทำท่าจะไม่ยอม ศักดิ์สกุลสงสัยคราวนี้มีเรื่องอะไรอีก ถ้าเป็นเรื่องที่ลูกของท่านวีระชอบมาเกาะแกะกรพงศ์ รสรินคงไม่อยากจะใส่ใจเท่าไหร่กระมัง

“ผมว่าลองถามหนูรสเองดีกว่าครับ”

“ช่างมันเถอะค่ะ เรื่องมันแล้วไปแล้วรสไม่อยากจะรื้อฟื้นค่ะ”

ท่านวีระเห็นรสรินก็เอาแต่ปิดปากเงียบ จึงวานให้นวลพรรณช่วยพูดแทนเพื่อนหน่อย เธอเล่าว่ารสรินถูกบรรดากิ๊กของกรพงศ์รุมตบแต่สายบัวกับจิ้งหรีดมาช่วยไว้ทัน รสรินพยายามสะกิดห้าม แต่นวลพรรณเห็นว่าไหนๆก็ไหนๆแล้วจึงเล่าเพิ่มเติมว่า

“คุณอรส่งคนไปทำร้ายพวกกิ๊กของคุณกรแล้วใส่ร้ายว่ารสเป็นคนส่ง นวลเองก็เกือบโดนไปด้วยค่ะ”

กรพงศ์ไม่อยากจะเชื่อหูตัวเอง ลุกขึ้นมายืนตรงหน้าอรอาภาถามเสียงเครียดว่าไม่จริงใช่ไหม ทีแรกเธอเอาแต่นิ่ง ครั้นถูกคาดคั้นหนักเข้าจึงยอมรับว่าเป็นฝีมือเธอเอง เธอเป็นคนสั่งให้ศักดิ์ลูกน้องของพ่อไปตบไปขู่พวกกิ๊กที่มายุ่งวุ่นวายกับกรพงศ์ และก็ให้ศักดิ์บอกว่าเมียหลวงของเขาส่งมา

“อร...นี่คุณทำอะไรลงไปคุณรู้ตัวไหม”

อรอาภารู้ตัวทุกอย่างเขาต่างหากที่ไม่รู้ว่าทำอะไรกับตนไว้บ้าง อ้างจะจีบสาวเพื่อยั่วให้รสรินโกรธจนเลิกรากับเขาไปเอง แต่ความจริงแล้วเขาทำเพื่อสนองตัณหาตัวเอง ดังนั้นนังพวกนั้นสมควรแล้วที่โดนแบบนี้

“แล้วไอ้สัญญาบ้าบอของคุณน่ะจำได้ไหมว่าจะรักแต่อรจะรีบหย่ากับมันให้เร็วที่สุด แล้วนี่อะไร คุณหลงรักมันไปแล้วรู้ตัวไหม อย่างมันน่ะโดนแค่นี้ยังน้อยไปด้วย มันต้องโดนอีก” ไม่พูดเปล่า อรอาภาปรี่เข้าไปจะตบรสริน ท่านวีระกระชากแขนลูกสาวกลับมาตบฉาดใหญ่

“ฉันให้แกมาขอโทษ แกยังจะมาหาเรื่องเขาอีกเหรอนังลูกไม่รักดี...ขอโทษหนูรสเดี๋ยวนี้”

อรอาภาปากสั่นระริกน้ำตาคลอเบ้า หันมองรสรินสลับกับกรพงศ์ก่อนจะวิ่งหนีออกจากห้อง ท่านวีระทิ้งตัวลงนั่งอย่างหมดเรี่ยวแรง กุมมือตัวเองที่กำลังสั่นให้อยู่นิ่ง ท่านตีบทรัฐมนตรีผู้ไม่เข้าข้างคนผิดได้แตกกระจุยจนทุกคนเชื่อหมดใจ ยกเว้นศักดิ์สกุลเท่านั้นที่เคลือบแคลงสงสัย...

ขณะที่รสรินถูกสองพ่อลูกอรอาภากับท่านวีระรวมหัวกันจัดฉากขอโทษปลอมๆ สายบัวทำพิรุธจนเรือนแก้วเกือบจับได้ว่ารสรินไปมีเรื่องกับคนอื่นอีก อานนท์ต้องช่วยป้าตัวเองโกหกแม่ว่าพี่รสไม่ได้ไปมีเรื่องกับใคร เรือนแก้วไม่ค่อยจะเชื่อเท่าใดนัก ย้ำว่าไม่ได้ช่วยกันปกปิดใช่ไหม

“ไม่มีครับ แหม นนท์เหรอจะกล้าปิดแม่ นนท์มีอะไรก็บอกแม่หมดแหละครับ” อานนท์เข้าไปกอดออดอ้อนแม่ ทำให้เรือนแก้วไม่ติดใจสงสัยอะไรอีก

ooooooo

คู่ซ่ารสแซ่บ

ละครแนะนำ

ข่าวละครวันนี้ดูทั้งหมด