ตอนที่ 1
น้ำท่วมใหญ่คราวนี้ทำให้โรงงานปลาร้าแปรรูป “แม่ศรีไทยแลนด์” ต้องปิดตัวลง เพราะทั้งโรงงานเครื่องจักรและวัตถุดิบในการผลิตถูกน้ำท่วมเสียหายจนไม่อาจนำกลับมาใช้งานได้ หายนะครั้งนี้ทำให้ เรือนแก้วเจ้าของโรงงานทำใจไม่ได้ถึงกับล้มป่วย รสรินจึงต้องเข้ามาช่วยแม่แก้ปัญหา...
ระหว่างที่รสรินกำลังเอาปลาร้าผัดอาหารจานโปรดของแม่ใส่กล่องเพื่อจะเอาไปให้ท่านที่โรงพยาบาล มีคนงานสามคนบุกมาขอเงินค่าจ้างที่ยังค้างอยู่ เธอมีเงินไม่พอจึงขอจ่ายแค่บางส่วน รับปากว่าเงินที่เหลือจะรีบจัดการให้ สายบัวพี่สาวของเรือนแก้วไม่ค่อยจะพอใจนักโวยวายลั่น
“นี่ถ้าเอากันจริงๆหลายคนน่ะเบิกล่วงหน้ากันไปเป็นเดือนแล้ว ถ้าจะไม่ให้ก็ได้นะ”
“ช่างเถอะป้าบัว ยังไงเดี๋ยวค่อยมาเคลียร์กัน” รสรินตัดบท สายบัวมองพวกคนงานอย่างหมั่นไส้ก่อนจะไล่ตะเพิด ได้เงินแล้วจะมายืนเสนอหน้าอีกทำไม พวกคนงานไม่รอให้ไล่ซ้ำพากันสลายตัว รสรินขอตัวเอากับข้าวไปให้แม่ที่โรงพยาบาลก่อน เสร็จแล้วจะเลยเข้ากรุงเทพฯไปคุยกับลูกค้า
“งั้นก็รีบไปเถอะ กว่าจะไปกว่าจะกลับค่ำกันพอดี... อ้อ แล้วก็บอกแม่เอ็งให้กินข้าวกินปลาบ้างนะ เดี๋ยวบ่ายๆ ป้าจะไปเฝ้าเอง”...
ที่บ้านศาสตราบุรินทร์ในกรุงเทพฯ กรพงศ์ หนุ่มหล่อไฮโซ ลูกเจ้าของบริษัทอสังหาริมทรัพย์รายใหญ่ของเมืองไทย อาบน้ำเสร็จนุ่งผ้าเช็ดตัวผืนเดียวตรงไปเปิดประตูตู้เสื้อผ้า เห็นทางหางตาแวบๆ หันขวับไปมอง ต้องตกใจที่มีหญิงสาวคนหนึ่งนอนคว่ำหน้าอยู่บนเตียงตัวเอง เขาคิดทบทวนว่าเกิดอะไรขึ้นเมื่อคืน แล้วมองไปที่ประตูห้องเหมือนกลัวใครจะเข้ามา รีบเดินไปปลุกสาวนางนั้น เธองัวเงียลุกขึ้น
“คุณกรขา ทำไมตื่นไวจังคะ มานอนกับเจนต่อเร็ว”
“นอนอะไร บ้าเปล่า เธอกลับไปได้แล้วไป ก่อนที่คุณพ่อจะมาเห็น”
หญิงสาวมองกรพงศ์ไม่ค่อยพอใจ ก่อนจะแบมือขอเงิน เขารีบไปหยิบมาให้ สักพัก กรพงศ์พาสาวมาส่งที่ประตูบ้าน คอยเหลียวซ้ายแลขวากลัวใครจะมาเห็น เธออิดออดไม่ยอมไป แต่สุดท้ายเขาก็ไล่เธอกลับจนได้ แล้วรีบปิดประตูหันกลับมาอีกทีถึงกับสะดุ้งโหยง เมื่อเห็นศักดิ์สกุลผู้เป็นพ่อยืนจ้องอยู่
ooooooo
กรพงศ์เดินหนีไปที่โต๊ะอาหาร แล้วนั่งลงจ้วงมื้อเช้ากินราวกับไม่ได้กินอาหารมาเป็นอาทิตย์ พิมพ์-เพทายที่นั่งกินอยู่ก่อนต้องขอร้องให้พี่ชายช้าๆลง หน่อย เดี๋ยวจะติดคอตายเสียก่อน เขารีบควักผ้าใน กระเป๋าขึ้นมาเช็ดปาก ศักดิ์สกุลตามมาถามลูกชายว่าแม่สาวคนนั้นเป็นใคร เอาจริงหรือเอาเล่น
“จริงเล่นอะไรล่ะครับพ่อ แค่เพื่อนมาเที่ยวเฉยๆ” กรพงศ์แก้ตัวน้ำขุ่นๆ
“เพื่อนสนิทสินะ ถึงได้กล้าเอายกทรงเธอมาเช็ดปากแบบนี้” ศักดิ์สกุลแดกดัน ชายหนุ่มเห็นยกทรงในมือตัวเองถึงกับสะดุ้งรีบเก็บใส่กระเป๋า พิมพ์เพทายส่ายหน้าเอือมระอาในความประพฤติของพี่ชาย
“นี่พิมพ์เป็นพี่น้องกับคนแบบนี้จริงๆเหรอเนี่ย”
สองพี่น้องมีปากเสียงเถียงกัน ดวงกมลได้ยินเสียงเอะอะเข้ามาถามว่าเกิดอะไรขึ้น กรพงศ์ฟ้องแม่ว่าน้องหาเรื่อง ดวงกมลเดินมาหอมหัวลูกชายสุดสวาทแล้วเหลือบเห็นยกทรงในกระเป๋าเขา
“เดี๋ยวนี้พกผ้าเช็ดหน้าแบบนี้แล้วเหรอลูก พอดีเลยแม่ยืมซับเหงื่อหน่อย” ดวงกมลคว้ายกทรงไปซับหน้าตัวเอง กรพงศ์ห้ามไม่ทัน รีบลุกพรวดขอตัวไปก่อนเพิ่งนึกได้ว่ามีธุระ เดินยังไม่ทันถึงประตูบ้านมีเสียงแม่ร้องกรี๊ดๆขึ้นเสียก่อน กรพงศ์ไม่รอช้า วิ่งปรู๊ดไปขึ้นรถขับออกไปอย่างรวดเร็ว...
ครู่ต่อมา ดวงกมลเดินถือขันใส่น้ำมนต์พรมหัวตัวเองเข้ามาหาศักดิ์สกุล บ่นอุบว่าลูกชายจะทำให้ตัวเองซวยไปทั้งวันหรือเปล่า เขาสวนทันทีว่าซวยตั้งแต่เธอมีลูกอย่างมันแล้ว จากนั้นเขาขุดความไม่เอาไหนของลูกชายขึ้นมาด่า ทั้งเรื่องการเรียนที่กว่าจะเรียนจบ ทั้งเรื่องที่วันๆ ไม่ทำงานทำการ เอาเวลาไปร่อนหาสาวๆไม่เหมือนพิมพ์เพทายที่ช่วยงานตนสารพัด ดวงกมลออกรับแทนลูก
“เด็กผู้ชายก็อย่างนี้ล่ะค่ะ แต่เรื่องผู้หญิงนี่ไม่ต้องห่วงนะคะ ยังไงตากรก็ต้องเลือกหนูอรอยู่แล้ว”
ศักดิ์สกุลไม่ปลื้มอรอาภา ลูกสาวรัฐมนตรีวีระสักเท่าไหร่ ยิ่งเห็นรูปถ่ายของเธอในชุดว่ายน้ำที่ลงปกนิตยสารก็ยิ่งไม่ชอบใจ ผิดกับดวงกมลที่ชื่นชมเธอจนออกนอกหน้า
ooooooo
รสรินกำลังขับรถไปโรงพยาบาลตอนที่จิ้งหรีดขี่มอเตอร์ไซค์มาประกบข้างถามว่าจะไปไหน พอรู้ว่าเธอจะเอาอาหารไปให้เรือนแก้วที่โรงพยาบาล รีบบอกว่าตนก็จะเอาอาหารฝีมือแม่ไปให้ท่านเหมือนกัน
“ว่าแต่เสร็จแล้วพี่รสจะไปไหนต่อเหรอ”
“ว่าจะเข้ากรุงเทพฯ”
จิ้งหรีดดีใจจะขอติดรถไปด้วยอยากไปซื้อของ รสรินเห็นคุยกันแบบนี้ไม่ปลอดภัย ไว้ถึงโรงพยาบาลค่อยคุยกัน เธอโม้ทันทีว่าฝีมือระดับนี้แล้ว ขี่มอเตอร์ไซค์หลับตายังได้ แล้วหลับตากอดอกโชว์ พอลืมตามองอีกทีมีรถแล่นสวนมา เธอรีบหักหลบรถไถลลงข้างทาง แข้งขาถลอกปอกเปิก แทนที่จะแค่เอากับข้าวฝีมือแม่ตัวเองไปฝากเรือนแก้ว จิ้งหรีดก็เลยต้องไปทำแผลที่นั่นด้วย แถมอดไปกรุงเทพฯอีกต่างหาก...
ด้านอรอาภาทำตัวเหนือนางแบบคนอื่นเพราะถือว่าตัวเองเป็นถึงลูกสาวรัฐมนตรี ทำให้นางแบบคนอื่นไม่พอใจถึงขั้นจะลงไม้ลงมือ พี่ก้องเจ้าของสินค้ารีบเข้ามาห้าม อรอาภารีบฟ้องว่าโดนพวกนางแบบรุมด่า พวกนั้นฟ้องกลับว่าเธอต่างหากเป็นฝ่ายหาเรื่องก่อน พี่ก้องทำท่าจะเล่นงานอรอาภา แต่เธอเจ้าเล่ห์ชิงพูดขึ้นเสียก่อนว่าถ้าเขาไม่เชื่อ งานนี้เธอขอไม่เดินแบบก็ได้
“แต่เสียดาย อรว่าจะคุยกับคุณพ่อให้ช่วยส่งเสริมแบรนด์ของพี่ก้องซะหน่อย”
พี่ก้องถึงกับหูผึ่งหันไปเล่นงานพวกนางแบบเพื่อประจบประแจงอรอาภา ทำให้นางแบบเหล่านั้นยิ่งหมั่นไส้เธอหนักขึ้น...
ทางฝ่ายเรือนแก้วช้ำใจที่โรงงานแม่ศรีไทยแลนด์ต้องปิดตัวลง พาลทำให้ไม่อยากกินข้าวกินปลา ขนาดรสรินทำปลาร้าผัดของโปรดมาให้ ท่านกินได้แค่สองคำก็อิ่ม รสรินขอร้องให้ท่านห่วงตัวเองบ้างอย่าเป็นห่วงแต่โรงงาน เธอสัญญาว่าจะหาทางทำให้โรงงานของเรากลับมาเหมือนเดิมให้ได้ไม่ว่าจะอย่างไรก็ตาม แล้วขอตัวกลับก่อน บ่ายๆป้าบัวจะมาเฝ้า จิ้งหรีดรีบเสนอตัว
“พี่รสไม่ต้องห่วงหรอก เดี๋ยวจิ้งอยู่เป็นเพื่อนป้าแก้วเอง”
รสรินขอบใจจิ้งหรีดมาก แล้วหันมองแม่ที่ยังนั่งเหม่อ ก่อนจะตัดใจคว้ากระเป๋าถือออกไป...
ในเวลาต่อมา ขณะที่รสรินขับรถเข้าเขตกรุงเทพฯ นกเจ้ากรรมดันอึใส่กระจกรถ เธอเปิดที่ปัดน้ำฝน ยิ่งปัดก็ยิ่งเละเต็มกระจกรถแทบมองไม่เห็นถนน ตัดสินใจเข้าร้านคาร์แคร์ที่อยู่ข้างหน้า...
ทางฝ่ายกรพงศ์เห็นพริตตี้สาวเซ็กซี่ของร้านคาร์แคร์โบกมือเรียกลูกค้าอยู่ริมถนน จัดแจงเลี้ยวรถมาจอดข้างๆ มองหุ่นของพวกเธอด้วยสายตาหื่นกระหาย แถมพูดจาแทะโลมอีกต่างหาก สาวๆพากันหัวเราะคิกคักชอบใจ รสรินจะเข้ามาล้างรถแต่รถของกรพงศ์จอดขวางอยู่ก็บีบแตรไล่ เขาไม่สนใจยังคงจีบพริตตี้สาวอย่างสนุกปาก เธอบีบแตรครั้งที่สองเขาก็ยังเฉยไม่ยอมขยับรถให้ตัดสินใจลงไปหา
“ช่วยขยับรถหน่อยได้ไหมคะ”
กรพงศ์โมโหที่ถูกขัดจังหวะ หันไปจะด่าแต่พอเห็นความสวยของรสรินถึงกับอ้าปากค้าง เธอเห็นเขายังเฉยขอร้องให้ขยับรถอีกครั้ง เธอจะเอารถเข้าไปล้าง กรพงศ์หลีใส่ทันที เสนอจะล้างรถให้ เธองงเป็นช่างล้างรถหรือ แล้วทำไมมาจอดรถขวางทางเข้าแบบนี้
“ผมไม่ใช่ช่างหรอกครับ แต่ผมล้างได้คุณอยากลองไหมล่ะ สวยๆอย่างคุณผมยินดีล้างให้เต็มที่เลย”
รสรินเห็นสายตาของเขาก็เข้าใจทันที คิดจะแก้เผ็ดคนเจ้าชู้ไม่เลือกที่โดยหลอกให้ตามเธอไปที่ห้องน้ำ แล้วปิดประตูล็อกเขาไว้ในนั้น เอาน้ำฉีดใส่จนเปียกโชกแล้วสาดผงซักฟอกตามก่อนจะฉีดน้ำซ้ำเผื่อจะล้างความหื่นออกจากตัวได้บ้าง แล้วเดินลอยชายออกไปอย่างสะใจ
ขณะที่กรพงศ์โดนทีเด็ดของรสรินเต็มๆ อรอาภาพยายามโทร.ติดต่อเขาแต่ไม่มีใครรับสาย ก็เลยพาลหงุดหงิดใส่ไม่เว้นแม้แต่พี่ก้องเจ้าของสินค้าที่มาตามให้ไปซ้อมเดินแบบ จนเป็นที่เอือมระอาของทุกคน
ooooooo
สายบัวเห็นน้องสาวไม่แตะต้องอาหาร พยายาม หว่านล้อมให้กินอะไรบ้าง ซังกะตายแบบนี้ไม่ได้อะไรขึ้นมา น้ำท่วมโรงงานไม่มีใครห้ามได้ โทษตัวเองก็ไม่มีประโยชน์ สู้เราค่อยๆหาทางแก้ไขไม่ดีกว่าหรือ
“จะแก้ยังไงล่ะพี่ เราจะไปพึ่งพาใครได้ ฉันกับพี่ก็มีกันอยู่สองคนเท่านั้น”
พูดเรื่องนี้ขึ้นมาสายบัวอดเจ็บใจญาติฝ่ายอรรณพผัวของเรือนแก้วไม่ได้ ไม่เคยดูดำดูดีพวกเราเลย เรือนแก้วน้ำตาไหล หันหน้าไปหาใครไม่ได้แบบนี้โรงงานของเราคงหมดหวัง สายบัวขอร้องอย่าเพิ่งท้อแท้ รสรินกำลังหาทางอยู่ เธอไม่อยากให้ลูกต้องพลอยลำบากไปด้วย ลูกเพิ่งเรียนจบอาจอยากทำงานอย่างที่ใฝ่ฝัน สายบัวต่อว่าว่าพูดแบบนี้เหมือนไม่รู้จักลูกตัวเอง
รสรินคงไม่ปล่อยให้แม่กับป้าต้องลำบาก
เรือนแก้วอ้าปากจะทักท้วงแต่สายบัวชิงห้ามเสียก่อนให้พอได้แล้ว เธอน่าจะดีใจมากกว่าที่มีลูกดีๆแบบนี้ แล้วถ้าไม่อยากให้ลูกกลุ้มใจไปกว่านี้ ก็ช่วยรีบทำตัวให้แข็งแรง เป็นอย่างนี้ลูกจะพลอยทุกข์ใจไปด้วย แล้วสั่งให้กินข้าว จะได้กินยา จากนั้นเลื่อนสำรับอาหารไปตรงหน้าเรือนแก้ว...
ขณะมาดูคอนโดฯใหม่ในเครือศาสตราบุรินทร์ที่กำลังก่อสร้าง พิมพ์เพทายอดถามพ่อไม่ได้ว่าคิดจะขยายโครงการอสังหาริมทรัพย์ไปต่างจังหวัดบ้างไหม เขาสนใจเหมือนกัน แต่คงต้องดูอะไรหลายๆอย่าง ทั้งทำเล ทั้งสภาพสถานที่ เธอเห็นด้วยเพราะหลายจังหวัดโดนน้ำท่วม
“ได้ยินข่าวมาเหมือนกัน แต่พ่อยังไม่ได้ดูรายละเอียดเลย”
“เห็นว่าหนักเอาการอยู่นะคะ โรงงานแปรรูป บางรายถึงกับต้องปิดตัวไปเลยทีเดียว”
ศักดิ์สกุลสะดุดกับคำว่าโรงงานแปรรูป จึงขอให้ลูกสาวเช็กรายชื่อโรงงานที่โดนน้ำท่วม พบว่าหนึ่งในนั้นมีชื่อโรงงานแม่ศรีไทยแลนด์ เขารีบเปิดดูเบอร์โทรศัพท์ของเรือนแก้วในมือถือตัวเอง...
กรพงศ์ไม่มีเวลากลับบ้านจึงแวะซื้อชุดใหม่ที่ห้างสรรพสินค้าซึ่งนัดกับอรอาภาเอาไว้ เปลี่ยนเสื้อไปก่นด่ารสรินไปด้วย ยิ่งเห็นผิวตัวเองขึ้นผื่นแดงเพราะผงซักฟอกกัดก็ยิ่งโกรธ หมายหัวเอาไว้ เจอยัยตัวแสบเมื่อไหร่จะเล่นงานให้สาสม เปลี่ยนเสื้อผ้าเสร็จอรอาภาโทร.มาพอดี...
ในร้านอาหารไม่ไกลกันนัก ลูกค้าขอเอาแบบที่รสรินทำไปปรึกษากับหุ้นส่วนก่อน แล้วจะแจ้งให้ทราบ จากนั้นก็ขอตัวกลับก่อน รสรินเก็บข้าวของเตรียมจะออกจากร้านอาหาร แต่ต้องชะงักเมื่อเห็นกรพงศ์เดินเข้ามานั่งที่โต๊ะใกล้ๆกับโต๊ะที่เธอนั่ง รสรินเอาแฟ้มปิดหน้าจะเดินหนี เขาคลับคล้ายคลับคลาเหมือนจะเคยเห็นที่ไหน ร้องถามว่าเราเคยเจอกันหรือเปล่า เธอตอบคำถามทั้งที่มีแฟ้มปิดหน้า
“คุณจำผิดคนแล้ว” ตอบเสร็จ รสรินเดินหนี กรพงศ์แกล้งตะโกน
“คุณครับ กางเกงขาดแน่ะ”
รสรินอายมากคิดว่าเป็นเรื่องจริง รีบเอาแฟ้มปิดก้นอย่างลืมตัว กรพงศ์เห็นเธอก็จำได้จะเข้ามาเอาเรื่อง แต่อรอาภาเดินเข้ามาเสียก่อน รสรินอาศัยจังหวะนั้นหนีเอาตัวรอดไปได้...
กว่ารสรินจะกลับถึงบ้านที่ต่างจังหวัดพระอาทิตย์ตกดินไปนานแล้ว เห็นสายบัวกำลังนั่งดูบัญชีโรงงานอยู่ ร้องถามว่าแม่เป็นอย่างไรบ้าง ได้ความว่าเหมือนเดิมยังทำใจไม่ได้ ไม่รู้จะเศร้าอะไรนักหนา เธอรู้ว่าแม่เสียดายที่ต้องปิดโรงงานที่ช่วยกันสร้างมากับพ่อ แล้วถามป้าว่าไม่เสียดายหรือ
“เสียดายสิวะ ข้าก็อยู่กับมันมาพอๆกับพ่อแม่เอ็งนะ แต่จะให้มานั่งเศร้าเหมือนแม่เอ็งก็ใช่ที่”
รสรินจะลองไปขอความช่วยจากคุณลุงกับคุณป้าญาติทางพ่อดู สายบัวไม่สนับสนุนเพราะรู้ดีว่าทางนั้นไม่มีวันช่วย แม้จะได้รับคำเตือนจากผู้เป็นป้าแต่เธอก็ยังจะขอลองดูสักตั้งหนึ่งก่อน
ooooooo
หมอมาตรวจอาการเรือนแก้วแต่เช้า สั่งให้กินอะไรบ้างไม่อย่างนั้นร่างกายจะไม่ไหว บอกพยาบาลเพิ่มน้ำเกลือให้เธออีก แล้วออกจากห้องไปพร้อมกับพยาบาล สายบัวย้ำกับน้องสาวได้ยินที่หมอสั่งแล้วใช่ไหม จากนี้ไปก็อย่าดื้ออีก กินอะไรได้ก็ให้กินเข้าไป เรือนแก้วพยักหน้าอย่างอ่อนแรงก่อนจะหลับตาลง
สายบัวหยิบมือถือของน้องสาวที่เปิดระบบสั่นเอาไว้ขึ้นมาดู เห็นมีสายมิสคอลล์แต่ไม่มีชื่อคนโทร.ก็แปลกใจ ถามน้องสาวว่าไม่ได้เมมเบอร์ไว้หรือ เธอขอดูเบอร์นั่นหน่อย พอเห็นเบอร์แววตาดูตื่นเต้นทันที
“ใคร? ใช่พวกมาทวงเงินเดือนหรือเปล่า เอามาเดี๋ยวฉันโทร.กลับไปด่ามันเอง”
เรือนแก้วปฏิเสธว่าไม่ใช่ แล้วรีบเปลี่ยนเรื่องคุย ถามว่ารสรินไปไหน สายบัวได้แต่อ้ำอึ้ง...
คนที่เรือนแก้วถามถึงแวะไปหาญาติฝ่ายพ่อเพื่อขอความช่วยเหลือ นอกจากจะไม่ช่วยแล้ว ยังไล่เธอไปขอความช่วยเหลือจากสังคมสงเคราะห์อีกต่างหาก พอเธอถามถึงเงินที่พ่อเคยช่วยเหลือลุงกับป้าและยังใช้หนี้ไม่หมด ก็หาว่าเธอลำเลิกบุญคุณ แถมดูถูกไปถึงแม่ของเธอหาว่าเป็นบ้านนอกคอกนา ไล่ให้เธอกลับไปขอความช่วยเหลือจากญาติทางแม่ รสรินฟิวส์ขาดด่ากลับไปบ้าง ทั้งลุงทั้งป้าเต้นเป็นเจ้าเข้า...
สายบัวสะใจมากเมื่อได้ฟังหลานรักเล่าเรื่องที่ไปด่าลุงกับป้าญาติข้างพ่อ เธอออกตัวไม่ได้อยากจะล่วงเกินผู้ใหญ่ แต่ทนไม่ได้ที่พวกนั้นดูถูกแม่ดูถูกพวกเรา สายบัวเสียดายถ้าอยู่ที่นั่นด้วยจะตบซ้ายตบขวาให้ลงไปกองกับพื้น รสรินเองก็เจ็บใจไม่แพ้ท่านเช่นกัน สักวันหนึ่งเธอจะทำให้พวกที่ดูถูกเราพูดไม่ออก...
ทางด้านเรือนแก้วไม่แน่ใจว่าเบอร์มิสคอลล์เป็นเบอร์ของศักดิ์สกุลหรือเปล่า รีบไปหยิบนามบัตรจากในกระเป๋าสตางค์ที่เขาเคยให้ไว้เมื่อครั้งมางานศพอรรณพและยังกำชับกับเธอด้วยว่าถ้ามีเรื่องจำเป็นไม่ว่าจะเล็กหรือใหญ่ให้ติดต่อมาได้เลย เมื่อเรือนแก้วเอานามบัตรมาเทียบกับเบอร์ในมือถือ ใช่เบอร์ศักดิ์สกุลจริงๆ แต่เธอกลับลังเลไม่กล้าโทร.หา...
กรพงศ์กลับถึงบ้านเห็นน้องสาวกับพ่อช่วยกันดูอะไรในมือถือรีบเสนอหน้าเข้าไปขอดูด้วย ดวงกมลเข้ามาเห็นสามคนพ่อลูกสุมหัวกันอยู่ ร้องถามว่าทำอะไรกัน กรพงศ์ปากเสีย ดันบอกว่าพ่อหาเบอร์เมียน้อยอยู่ ดวงกมลเชื่อคำโป้ปดของลูกชายตาเขียวใส่ ศักดิ์สกุลรีบแก้ตัวหาเบอร์เพื่อนไม่ใช่กิ๊ก
“เพื่อนที่ไหน ชื่ออะไร ผู้หญิงผู้ชาย สาวหรือแก่ บอกมาให้หมดเดี๋ยวนี้นะ” ดวงกมลทั้งหยิกทั้งตีสามีจนเขาต้องเล่าเรื่องที่โรงงานแม่ศรีไทยแลนด์ของเพื่อนสนิทถูกน้ำท่วมเสียหาย และที่หาเบอร์มือถือก็เพื่อจะโทร.ไปถามภรรยาของเพื่อนว่ามีอะไรให้ช่วยหรือเปล่า เพราะถ้าไม่มีเขาก็คงไม่มีตนในวันนี้ ดวงกมลทักท้วงในเมื่อเพื่อนของศักดิ์สกุลตายไปแล้ว ก็ไม่ใช่หน้าที่เราที่จะต้องดูแลไปถึงครอบครัวของเขา
“แต่เธอกำลังลำบาก”
ดวงกมลยืนกรานไม่ให้ช่วย แต่ศักดิ์สกุลไม่สนใจสั่งให้พิมพ์เพทายช่วยประมาณความเสียหายของโรงงานแม่ศรีไทยแลนด์ว่าเป็นจำนวนเท่าไหร่ เขาจะได้โทร.หาเรือนแก้วอีกที ดวงกมลเห็นพ่อลูกง่วนอยู่กับค้นข้อมูลในคอมพิวเตอร์ แอบหยิบมือถือของเขาไปลบเบอร์เรือนแก้วทิ้ง ก่อนจะเอากลับมาวางที่เดิม
ooooooo
ครั้นได้ข้อมูลเรียบร้อย ศักดิ์สกุลจะโทร.หาเรือนแก้ว แต่เบอร์หาย พิมพ์เพทายช่วยไล่หาในมือถือของพ่อก็ไม่เจอ สองพ่อลูกแปลกใจเบอร์หายไปไหน แล้วนึกขึ้นได้ว่าดวงกมลต้องอยู่เบื้องหลังเรื่องนี้ ตามมาคาดคั้นเธอที่กำลังให้กรพงศ์นอนหนุนตักอยู่ที่ห้องรับแขกว่าเป็นคนลบเบอร์เรือนแก้วใช่ไหม
ทีแรกดวงกมลไม่ยอมรับ แต่พอถูกเค้นหนักเข้า ถึงสารภาพว่าเป็นคนลบเบอร์นั้นเอง ศักดิ์สกุลตำหนิเธอทำไมถึงไร้น้ำใจขนาดนี้ ดวงกมลฟ้องลูกชายว่าเขาจะเอาเงินไปให้คนอื่น พอท่านห้ามก็โดนต่อว่า
“อ้าว ทำไมเป็นอย่างนั้นล่ะครับคุณพ่อ คนในครอบครัวต้องมาก่อนสิครับ”
“เขามีบุญคุณกับพ่อ ช่วยพ่อมาตั้งแต่สมัยเรียนโน่น แล้วตอนนี้ครอบครัวเขากำลังแย่” ป่วยการจะอธิบาย กรพงศ์คิดเหมือนดวงกมลไม่มีผิดเพี้ยน
“ถ้าวันหนึ่งแกต้องตกอยู่ในสถานะแบบนี้ วันนั้นล่ะที่แกจะเข้าใจ” ศักดิ์สกุลว่าแล้วเดินออกไปกับ พิมพ์เพทาย สองพ่อลูกไม่รู้จะไปหาเบอร์ติดต่อเรือนแก้วได้ที่ไหน คงต้องรอให้ทางนั้นติดต่อมาเอง...
ในเวลาไล่เลี่ยกัน ขณะรสรินกำลังออกแบบผลิตภัณฑ์อยู่หน้าจอโน้ตบุ๊ก จิ้งหรีดวิ่งหน้าตื่นเข้ามาแจ้งว่าพวกคนงานบางส่วนเห็นเพื่อนคนงานมาเบิกเงินไปเมื่อวานก็อยากจะได้บ้าง กำลังจะไปหาเรือนแก้วที่โรงพยาบาล รสรินไม่อยากให้แม่รับรู้เรื่องเงินๆทองๆ ขอยืมมอเตอร์ไซค์ของจิ้งหรีดบึ่งไปที่นั่นทันที
โชคดีที่รสรินไปถึงโรงพยาบาลทันเวลา ก่อนที่พวกคนงานจะบุกไปที่ห้องพักฟื้นของแม่ เธอสารภาพว่าตอนนี้ยังไม่มีเงินจ่าย แต่ขอเวลาอีกสองวัน พอดีจะมีเช็คเข้าวันพรุ่งนี้ คนงานตกลงรับข้อเสนอ
“งั้นอีกสองวันพวกฉันจะไปเบิกเงินกะแม่รสที่บ้านละกัน แต่ถ้าไม่ได้พวกฉันจะมาเบิกกับแม่แก้วที่โรงพยาบาลนี่แหละ” คนงานว่าแล้วพากันกลับ
รสรินถอนใจโล่งอก จากนั้นรีบขึ้นไปที่ห้องพักฟื้นของแม่ เห็นท่านนอนหลับอยู่ รีบดึงสายบัวออกมาห่างๆ เล่าให้ฟังว่าอีกสองวันต้องหาเงินมาจ่ายให้พนักงานอีก
“งานที่รสรับออกแบบเอาไว้ลูกค้านัดจ่ายเช็คพรุ่งนี้น่ะจ้ะ ถ้ารสเอาเข้าแบงก์มะรืนก็น่าจะใช้ได้แล้ว”
สายบัวสงสารหลานสาวจับใจ ไหนจะต้องทำงานของตัวเองดึกๆดื่นๆ แถมยังคอยจัดการเรื่องโรงงานอีก รสรินคุยว่าทำได้สบายอยู่แล้ว สองป้าหลานมัวแต่คุยกันไม่รู้ว่าเรือนแก้วฟังอยู่ น้ำตาไหลสงสารลูก
ooooooo
วันนี้อรอาภามีงานเดินแบบที่ห้างฯหรูกลางกรุง แต่อุตริพากรพงศ์ไปงานด้วย ระหว่างรอเธอแต่งหน้าทำผมเพื่อขึ้นเวที เขาแอบหิ้วนางแบบคนหนึ่งออกไปนอกห้องจัดงาน
รสรินนัดมารับเช็คจากลูกค้าที่ห้างฯแห่งนี้เช่นกัน บังเอิญลูกค้ามาสายเนื่องจากรถติด เธอจึงเข้าไปเติมแป้งในห้องน้ำระหว่างรอการมาถึงของลูกค้า ได้ยินเสียงคนกุ๊กกิ๊กกันอยู่ในห้องส้วมห้องสุดท้าย เธอย่องไปก้มดูตรงช่องประตูด้านล่างเห็นรองเท้าชายกับหญิงอยู่ในนั้นก็ตกใจ
ทันใดนั้นผู้ชายในห้องน้ำทำมือถือหล่น แถมเตะออกมานิ่งสนิทอยู่ตรงหน้ารสรินพอดี เธอหยิบมันขึ้นมาดูเป็นจังหวะเดียวกับประตูห้องน้ำเปิด กรพงศ์เดินออกมากับนางแบบ ต่างฝ่ายต่างชะงัก กรพงศ์ตั้งสติได้ก่อน ต่อว่าเธอยกใหญ่ที่มาแอบดูเขา รสรินด่าสวนทันที
“แอบดูบ้าบออะไร ไอ้โรคจิต นี่มันห้องน้ำสาธารณะนะยะ ทุเรศประเจิดประเจ้อไม่รู้จักอาย”
กรพงศ์ขี้เกียจเถียงด้วย ขอมือถือของเขาคืน รสรินหมั่นไส้ ทำทีจะยื่นให้แต่แกล้งปล่อยตกลงพื้น แถมพูดติดตลกว่าของแพงแบบนี้ตกกี่ครั้งก็คงไม่เจ๊ง แล้วเดินกวนประสาทออกไป นางแบบจะดึงกรพงศ์กลับเข้าห้องส้วมอีกครั้ง แต่เขาหมดอารมณ์จะสนุกด้วย เดินออกจากห้องน้ำโดยมีนางแบบวิ่งตาม...
อรอาภารู้เรื่องที่กรพงศ์หายไปกับนางแบบคนนั้นนานสองนานก็ไม่พอใจมาก ตามไปเล่นงานนังนั่นถึงบนเวทีเดินแบบ นักข่าวที่มาทำข่าวแฟชั่นโชว์ต่างถ่ายช็อตเด็ดกันกระหน่ำ อรอาภาไม่สนใจใคร ขึ้นคร่อมนางแบบได้ก็ตบซ้ายตบขวาไม่ยั้ง แถมถอดส้นสูงจะตบซ้ำ โชคดีกรพงศ์เข้ามาคว้ามือไว้ทัน เธอสะบัดมือเขาออกอย่างแรง รองเท้ากระแทกหน้าเขาหงายเงิบปากเจ่อ แต่สุดท้ายก็แบกตัวอรอาภากลับหลังเวทีจนได้
ครั้นมาถึงห้องพักนางแบบ กรพงศ์ปล่อยอรอาภาลง นางแบบคนนั้นไม่ยอมเจ็บฝ่ายเดียวตามมาเอาคืน เพื่อนๆนางแบบต้องกรูกันเข้ามาห้าม อรอาภาชี้หน้าด่านังนั่นฉอดๆ ที่มายั่วผู้ชายของคนอื่น
“คงคิดว่าหน้าอกแบนๆของหล่อนจะทำให้กรเขาสนใจได้ล่ะสิ”
“สนไม่สนไม่รู้สินะ แต่เมื่อครู่นี้เขายังชมว่าฉันเก่งอยู่เลย” นางแบบโต้ไม่ยอมแพ้ อรอาภาปรี๊ดแตก ปรี่เข้าไปจะตบคู่อริ แต่โดนตบสวนกลับมาหน้าหงาย กรพงศ์ขอร้องให้พอได้แล้วแต่ไม่มีใครฟัง ตรงเข้าตะลุมบอนกันอุตลุด เขารำคาญมากเปิดประตูห้องจะออกไป เจอแสงแฟลชจากนักข่าวรัวเป็นชุด
“นี่ไงไฮโซกร คุณกรครับ ออกมาให้สัมภาษณ์หน่อยครับ”
กรพงศ์จะปิดประตู แต่ถูกนักข่าวดึงไว้จนต้องใช้เท้าช่วยยันถึงกระชากประตูปิดได้ ในห้องยังตบกันไม่เลิก เขาหันไปคว้าหมวกใบใหญ่ที่วางอยู่มาสวมอำพราง ใบหน้า และหลบพวกนักข่าวออกมาได้
ooooooo
ที่ชั้นล่างของห้างฯ รสรินรับเช็คจากลูกค้าแล้วตรงรี่ไปยังธนาคารเพื่อจะเอาเช็คเข้า กรพงศ์ที่เพิ่งหลบพวกนักข่าวมาได้เห็นเธอเดินถือซองเอกสารท่าทางรีบร้อน วิ่งมาคว้าไปจากมือหวังจะแก้เผ็ด
รสรินทั้งขอร้องทั้งอ้อนวอนให้เขาคืนเช็คเพราะต้องเอาไปเข้าให้ทันเคลียริ่งวันนี้แต่เขาไม่สนใจ
หญิงสาวหมดความอดทนกระโจนใส่ แต่ดันสะดุดขาตัวเองหน้าคะมำ กรพงศ์ตกใจพุ่งคว้าเธอไว้ ตัวเองกลับเสียหลักล้มกระแทกพื้นเสียงกระดูกดังกร๊อบถึงกับร้องลั่น รสรินเห็นซองใส่เช็คตกอยู่ที่พื้นรีบคว้าจะเอาไปเข้าธนาคาร แต่หันมาเห็นเขาท่าทางเจ็บมากจำต้องตัดใจพาเขาไปโรงพยาบาลก่อน...
ขนาดเจ็บร้องโอดโอยกรพงศ์ยังไม่วายขายขนมจีบให้พยาบาล เกือบโดนเธอเอาผ้ากอซปิดปากแทนที่จะปิดแผลที่นิ้ว อาการของเขาไม่หนักอย่างที่เห็น แค่นิ้วซ้นกับมีรอยถลอกเท่านั้น กรพงศ์ออกจากห้องทำแผลเห็นรสรินนั่งซึมอยู่ เข้ามานั่งกระแซะข้างๆขอบคุณที่อุตส่าห์พามาหาหมอ
“อย่างนี้สิถึงจะน่าให้อภัยหน่อย ว่าแต่ยังไม่รู้จักชื่อเลย ว่าไง ชื่ออะไรอะ เป็นใบ้เหรอ” กรพงศ์เห็นเธอ ไม่พูดไม่จาแถมจะลุกหนี ไม่วายแหย่อีก “แน่ะๆๆ อารมณ์ไม่ดี แหมแค่เอาเช็คเข้าไม่ทันแค่เนี้ย มันจะเป็นอะไรหนักหนา ได้เงินช้าไปอีกวันเดียว”
รสรินหันขวับจ้องเขาน้ำตาคลอเบ้าโมโหสุดๆ “มันคงไม่เป็นอะไรหรอก ถ้าเอามาตรฐานความคิดทุเรศๆ ของคุณมาวัด แต่สำหรับคนอื่น เรื่องบางเรื่องมันก็สำคัญมากกว่าที่คนอย่างคุณจะเข้าใจ” ด่าเสร็จหญิงสาวผละจากไป กรพงศ์ได้แต่มองตามไม่เข้าใจ...
สายบัวเห็นสีหน้าไม่สู้ดีนักของหลานสาวไม่ต้องบอกก็เดาออกว่ามีปัญหา เธอเล่าให้ฟังว่าเอาเช็คเข้าไม่ทันคงจะจ่ายเงินให้คนงานตามนัดไม่ได้ สายบัวปลอบไม่ต้องคิดมาก ช้าไปอีกแค่วันสองวันเอง ให้พวกนั้นรอไปก่อนก็ได้ รสรินไม่สบายใจไม่อยากผิดคำพูดกับใคร
“เชื่อป้าเถอะ แต่ถ้าอีคนไหนมันมีปัญหา เราก็จำเอาไว้ คราวหน้าคราวหลังจะได้ไม่ต้องจ้างพวกมันอีก... มา เอ็งมากินข้าวเถอะ ป้าก็ได้แต่หวังว่าเราคงมีโอกาสเลือกคนกลับมาทำงานอีกนะ”...
โชคดีที่ท่านวีระพ่อของอรอาภาไม่อยู่เมืองไทย ไม่อย่างนั้นคงเกิดเรื่องใหญ่แน่ถ้ารู้เรื่องที่ลูกสาวทำ
ooooooo
ข่าวอรอาภาไฮโซสาวตบตีกับนางแบบแย่งกรพงศ์ ขึ้นหน้าหนึ่งของหนังสือพิมพ์ทุกฉบับ ศักดิ์สกุลทนอยู่เฉยไม่ไหว ขึ้นมาเล่นงานลูกชายตัวแสบที่กำลังนอนแช่อยู่ในอ่างอาบน้ำอย่างสบายอารมณ์
“คือ...เดี๋ยวค่อยคุยกัน ดีกว่าไหมครับคุณพ่อ”
ไม่ใช่จะมีแต่ศักดิ์สกุลเท่านั้นที่บุกมาคุยเรื่องข่าวฉาว ทั้งพิมพ์เพทายและดวงกมลพรวดพราดเข้ามาจะคุยถึงข่าวชิ้นนี้เช่นกัน กรพงศ์ต้องขอร้องให้ออกไปคุยกันข้างนอกแต่ไม่มีใครฟัง ทันใดนั้นสาวใช้เอามือถือมาให้ศักดิ์สกุลเนื่องจากมีสายเข้า เขาไม่ทันจะรับสายทางนั้นวางไปเสียก่อน ยังไม่หมดแค่นั้น อรอาภาวิ่งหน้าตื่นเข้ามายื่นแท็บเล็ตให้กรพงศ์ดู ถามว่าเห็นข่าวนี้หรือยัง เจ้าของห้องยกมือกุมขมับ
“เอ้า มีอะไรคุยกันให้เต็มที่เลยครับ ไม่ต้องสนใจผมเลยก็ได้” กรพงศ์ก้มหน้าตีน้ำในอ่างให้เป็นฟอง พอเงยหน้าอีกทีเห็นบางคนเมินหน้าหนี บ้างก็เอามือปิดตา มีเพียงอรอาภาเท่านั้นที่จ้องเขาตาเยิ้ม...
ที่ห้องพักผู้ป่วย เรือนแก้วมองมือถือตัวเองที่หน้าจอเป็นเบอร์ศักดิ์สกุล ก่อนจะตัดใจเอามือถือเก็บไว้ ในลิ้นชัก แล้วเปิดทีวีแก้เซ็ง เป็นภาพข่าวอรอาภากำลังตบตีกับนางแบบ เธอรู้สึกสมเพชคว้ารีโมตฯจะเปลี่ยนช่อง แต่ต้องชะงักเมื่อเห็นกรพงศ์เข้ามาอุ้มอรอาภากลับไปหลังเวที นักข่าวรายงานเพิ่มเติมว่า
“และที่เห็นในภาพนี้นะคะก็คือคุณกรพงศ์ ศาสตราบุรินทร์ ทายาทอสังหาริมทรัพย์ที่ได้ชื่อว่าเนื้อหอม เป็นที่หมายปองของทั้งสาวแท้สาวเทียม ต่างพากันจ้องจะครอบครองหนุ่มหล่อคนนี้ให้ได้”
เรือนแก้วพึมพำ หรือกรพงศ์คนนี้จะเป็นลูกชายของศักดิ์สกุล...
ในเวลาเดียวกันที่บ้านศาสตราบุรินทร์ อรอาภาเห็นศักดิ์สกุลจ้องมองท่าทางไม่พอใจกับข่าวฉาวที่เกิดขึ้นรีบแก้ตัวว่าพวกนักข่าวเว่อร์ไปเอง เธอแค่สั่งสอนนังนั่นนิดๆหน่อยๆ พิมพ์เพทายส่งไอแพดที่มีคลิปข่าวตอนอรอาภาเงื้อส้นสูงจะตบนางแบบด้วยสีหน้าโกรธจัดจนปากเบี้ยวให้ดู
“นิดหน่อยเหรอคะ พิมพ์นึกว่าคุณอรจะกินหัวเขาซะอีก”
“น้องพิมพ์ก็พูดเกินไปค่ะ เนอะคุณพ่อคุณแม่” อรอาภาหันมาออดอ้อนศักดิ์สกุลกับดวงกมล แต่เขาไม่เล่นด้วยเพราะไม่ชอบขี้หน้าพ่อขี้ฉ้อของเธอ รวมทั้งตัวเธอด้วย จึงให้ไปแขวะเมียตัวเองว่าคลอดอรอาภาตั้งแต่ตอนไหน หรือว่าเป็นลูกชู้ ดวงกมลรีบแก้ตัวให้ว่าที่สะใภ้ในดวงใจ แถมพูดเข้าข้างอีกต่างหากแล้วบอกให้กรพงศ์พาว่าที่ลูกสะใภ้ไปช็อปปิ้งดูหนังให้สบายใจ ถือเป็นการล้างซวยไปในตัว...
ครู่ต่อมาศักดิ์สกุลแอบมานั่งหน้าเครียดอยู่คนเดียวในห้องทำงาน พิมพ์เพทายยกกาแฟมาให้เห็นสีหน้าไม่สบายใจของพ่อ ถามว่าเครียดเรื่องพี่กรอยู่อีกหรือ ท่านจะไม่คิดมากได้อย่างไรเขาปาเข้าไปจะสามสิบแล้วไม่เป็นโล้เป็นพายอะไรสักอย่าง หรือจะต้องรอให้ท่านตายก่อนถึงจะคิดได้
“ก็ไม่แน่หรอกค่ะ เกิดพี่กรเขาโชคดีเจอผู้หญิงดีๆ อาจจะทำให้เขาคิดได้ก็ได้นะคะ”
“แล้วจะมีผู้หญิงที่ไหนล่ะที่จะเอามันอยู่ ไม่สิ ต้องบอกว่าผู้หญิงดีๆที่ไหนเขาจะเอามัน”
พิมพ์เพทายหัวเราะชอบใจ แล้วนึกขึ้นได้เมื่อครู่นี้ใครโทร.หาพ่อ ใช่ทางครอบครัวคุณลุงอรรณพหรือเปล่า ศักดิ์สกุลรีบหยิบมือถือขึ้นมาดูเบอร์สุดท้ายที่โทร.มารู้สึกคุ้นๆน่าจะใช่เบอร์เรือนแก้ว...
คนงานมาทวงเงินตามที่ได้ตกลงกันเอาไว้ รสรินไม่อยากผิดคำพูดจำต้องเอาเครื่องประดับที่ตัวเองสะสมไว้ไปขายเอาเงินมาจ่ายให้ก่อน สายบัวสงสารหลานมากที่ต้องมาลำบาก แนะให้ขายโรงงานทิ้ง เธอร้องเอะอะจะทำอย่างนั้นจริงหรือ โรงงานนี่พ่อแม่และป้าช่วยกันสร้างมากับมือ
“ถึงเวลาต้องปล่อยก็ต้องปล่อย จะยื้อไว้ก็ไม่มีประโยชน์ เอ็งคิดดูนะ กว่าเราจะรื้อใหม่ทำใหม่ ไหนจะพวกเครื่องจักรสารพัดอีกล่ะ มันต้องใช้เงินอีกตั้งกี่ล้าน แล้วเราจะเอาเงินที่ไหนกัน...หา ขายมันซะเถอะเชื่อป้า แล้วป้าจะอธิบายกับแม่เอ็งเอง”...
หมออนุญาตให้เรือนแก้วกลับไปพักผ่อนต่อที่บ้านได้ กำชับอย่าเครียดเกินไป หากมีอะไรไม่สบายใจก็ให้ระบายให้คนใกล้ตัวฟัง เธอรับปากจะทำตามที่หมอแนะ แล้วขอตัวเก็บของต่อ รอจนหมอกับพยาบาลไปแล้ว รีบหยิบมือถือขึ้นมาดูเห็นมีสายที่ไม่ได้รับเป็นเบอร์ของศักดิ์สกุล ตัดสินใจโทร.กลับ แต่ยังไม่ทันจะทำอะไร เขาโทร.มาหาเสียก่อน เธอรีบรับสายทันที
“ดีใจจังเลยครับที่คุณยอมรับสาย ผมรู้ข่าวเรื่องโรงงานแล้วนะครับ ทำไมคุณไม่ติดต่อผมมาล่ะครับ ผมบอกแล้วไงอย่าคิดว่าผมเป็นคนอื่น ผมยินดีจะช่วยคุณแก้ว” ศักดิ์สกุลมัวแต่คุยโทรศัพท์ไม่รู้ว่ากรพงศ์ได้ยินที่เขาพูดทุกคำรีบนำเรื่องนี้ไปฟ้องแม่
ด้านรสรินพรวดพราดเข้ามาในห้องเห็นแม่โทรศัพท์อยู่ถึงกับหยุดกึก เรือนแก้วแก้ตัวว่าเกรงใจ ศักดิ์สกุลก็เลยไม่กล้าโทร.ไปรบกวน เขารู้ดีว่าเธอเป็นคนขี้เกรงใจแต่จะให้เขาทนเห็นเธอลำบากได้อย่างไร หากอรรณพรู้เข้าคงเคืองเขาแย่ อยู่ๆดวงกมลตะโกนลั่นเข้ามาว่าเดี๋ยวพวกเราจะติดต่อมูลนิธิผู้ประสบภัยให้หรือจะให้บริจาคผ้าห่มกับข้าวสาร ศักดิ์สกุลตกใจรีบหันหนี เธอยังตามเข้ามาตะโกนใส่โทรศัพท์
“โถ ผัวตายไปตั้งนานแล้วจะมารื้อฟื้นบุญคุณอะไรกันหนักหนาล่ะคะคุณขา”
“คุณแก้ว ขอโทษนะครับ เดี๋ยวผมติดต่อกลับไปใหม่” ศักดิ์สกุลวางสายแล้วเดินออกไปอย่างหัวเสียโดยมีดวงกมลตามไปโวยวายไม่เลิกไม่แล้ว เรือนแก้วได้ยินชัดเต็มสองหูถึงกับน้ำตาไหลพราก รสรินต้องเข้ามากอดแม่ไว้อย่างปลอบใจ แล้วหยิบมือถือออกจากมือท่าน...
ด้านกรพงศ์หัวเราะขำที่เห็นพ่อโกรธเป็นฟืนเป็นไฟ พิมพ์เพทายไม่พอใจมากด่าเขาว่าทุเรศแล้วเดินหนีขึ้นห้อง กรพงศ์เกาหัวแกรกๆไม่เข้าใจทำไมจะต้องโกรธอะไรขนาดนั้น
ooooooo










