สมาชิก

คาดเชือก

ตอนที่ 3

อัลบั้ม: เคลลี่ ธนะพัฒน์ ประกบ จั๊กจั๋น อคัมย์สิริ ละครพะบู๊ด้วยแม่ไม้มวยไทยใน "คาดเชือก"

เรือสองชั้นเข้าจอดเทียบท่า พ่อค้าแม่ค้าขนข้าวของทยอยขึ้นท่าเรืออย่างคึกคัก ศรีวรรณกับศรีไพรสองศรีพี่น้องที่นั่งมากับเรือลำนี้พยายามเบียดกายแทรกออกจากผู้คนด้วยอารมณ์หงุดหงิด

“โอ๊ย...อะไรกันเนี่ย หลีกๆๆเกะกะ” ศรีวรรณตะโกนไล่ ศรีไพรช่วยสำทับให้หญิงชราที่เดินเงอะงะอยู่เบื้องหน้าหลบไป แต่ไม่ทันใจถูกเธอเบียดจนล้มเสียหลัก ชาวบ้านชายคนหนึ่งเห็นเหตุการณ์รีบตรงเข้าประคองร่างหญิงชราแล้วหันมาต่อว่าศรีไพร สมุนของทองคำที่มาช่วยขนสัมภาระในเรือเห็นก็ไม่พอใจปรี่ตรงเข้าชกชายคนนั้นล้มคว่ำแล้วชี้หน้า “ไม่รู้จักที่ต่ำที่สูง”

ศรีไพรหันมามองเหยียดด้วยสายตาดูถูก “ที่นี่ใครใหญ่ จำใส่กะลาหัวไว้บ้างนะยะ” ศรีวรรณเร่งสมุนให้รีบขนของกลับ บ่นเมื่อกวาดตามองหาทองดีที่บอกว่าจะมารับแต่ไม่เห็นแม้เงา

คนที่ถูกบ่นถึงกำลังเดินกร่างอยู่กลางตลาด โดยมีลูกน้อง 4 คนเดินคุมเชิงอยู่ข้างหลัง แม่ค้าเห็นทองดีก็ตกใจสะกิดบอกเพื่อนแม่ค้าด้วยกันเสียงสั่น จีซึ่งขายผลไม้อยู่ใกล้ไม่รู้โพล่งขึ้นว่า “หมาที่ไหนวะ” แต่พอเห็นว่าเป็นใครก็ตกใจตัวลีบ ลูกน้องคนหนึ่งปรี่เข้ามาหาเรื่องทันที “เฮ้ย! ว่าใครหมาวะ” จีรีบก้มหน้าแก้ตัวกลบเกลื่อน ทองดีตบหัวลูกน้องปราม

“เฮ้ย...ระวังหน่อย! นี่มันตลาดของคุณละไมแฟนฉัน ไอ้พวกนี้สอนไม่รู้จักจำ” แล้วหันไปบอกพ่อค้าแม่ค้าให้ทำตัวตามสบาย ทำมาหากินกันไป

แล้วเสียงแสบแก้วหูของศรีวรรณก็ดังขึ้นพร้อมกับใบหน้าบึ้งตึง มีลูกสมุนขนของเดินรั้งท้ายเป็นพรวน มาถึงก็รีบชวนทองดีกลับบ้าน ศรีไพรเองก็บ่นเบื่อ เหม็นเหงื่อพวกในตลาด “พี่ทองดีแต่งงานกับละไมเมื่อไหร่ ต้องปรับปรุงขนานใหญ่เลยนะเนี่ย!”

พอดีแป๊ะชองชายใบ้ดูดกาแฟเดินผ่านตัดหน้า ศรีวรรณกับศรีไพรที่ยังหงุดหงิดอยู่ถึงกับของขึ้นโวยวายเพราะกลัวกาแฟจะหกใส่

ยังไม่ทันขาดคำ ละเมียนซึ่งวิ่งมาจากอีกด้านหนึ่งส่งเสียงร้องตะโกนให้ทุกคนหลีก เบียดแซงชนศรีไพรกับศรีวรรณจนเสียหลักเซไปชนแป๊ะชองทำให้ถุงกาแฟในมือหกใส่เลอะเทอะ สองพี่น้องกรีดร้องอย่างโกรธจัด ผิดกับแป๊ะชองมองกาแฟที่ตกพื้นอย่างแสนเสียดาย

สองสาวเอาเรื่องละเมียนหาว่าแกล้งชน ละเมียน อธิบายว่าตะโกนบอกแล้วให้หลบ จากนั้นหันไปบอกแป๊ะชอง วันหลังค่อยซื้อกาแฟให้ใหม่ เขาทำท่าขอบใจ เรื่องระหว่างสามสาวทำท่าไม่จบลงง่ายๆ แม้มีเสียงห้ามปรามของทองดีว่าอีกหน่อยก็จะเป็นทองแผ่นเดียวกัน สองศรีพี่น้องรีบประสานเสียงตอบไม่ต้องการเพราะมีทองเยอะแล้ว พร้อมกับหันมาถลึงตาใส่ละเมียนอย่างไม่มีใครยอมใคร

ภายในร้านค้า...สตางค์ เด็กกำพร้าที่ละไมเก็บมาเลี้ยงเป็นลูกกำลังนั่งวาดรูปอยู่เพลินๆ เงยหน้ามองเห็นเบียบลูกจ้างในร้านวิ่งหน้าตาตื่นเข้ามาบอกละไมที่นั่งเครียดคิดบัญชีไม่ลงตัว จนละไมรำคาญ

“จะพูดอะไรก็รีบพูด! ฉันกำลังใช้สมาธิ! คราวที่แล้วคิดขาดไปสลึงนึง...หาแทบตาย!”

ความเหนื่อยทำให้เบียบพูดไม่ออก จนละไมต้องยื่นคำขาด “ถ้าเป็นเรื่องไม่สำคัญละก็ ฉันจะหักเงินเดือน” คราวนี้เบียบนึกออกรีบละล่ำละลัก “ที่ตลาดค่ะ! ตี๊ตาต่าตี๊กันยกใหญ่”

ที่ตลาด...แม้ทองดีจะสั่งให้น้องสาวทั้งคู่กลับบ้าน แต่คู่กรณียังโต้คารมกันไม่หยุดเมื่อต่างฝ่ายต่างไม่มีใครยอมใครจนถึงขั้นตบตี ขณะกำลังชุลมุนไม่มีใครได้ยินเสียงร้องห้ามของละไม เธอจึงคว้าถังน้ำจากเบียบสาดโครมแยกสามสาวที่กำลังนัวเนียออกจากกัน

ทองดีพลอยถูกน้ำเปียกปอนไปด้วย เมื่อเห็นว่าเป็นละไมขยับจะเข้าไปหา ธนูก็ขี่ “ไอ้แก่” มอเตอร์ไซค์ประจำตำแหน่งเข้าถามว่าจะให้ช่วยอะไรไหม ละไมมือไวเท่าความคิดยกถังน้ำที่เหลือในมือสาดโครมใส่เขาเต็มรัก ธนูไม่ทันตั้งตัวถึงกับสำลัก

“ช่วยไปให้พ้นหน่อย” ว่าแล้วเดินกลับร้านไป ในขณะที่ศรีไพรรีบหยิบผ้าเช็ดหน้าเปียกชุ่มของตัวเองเช็ดหน้าให้ธนูอย่างห่วงใย

ooooooo

ละเมียนเดินจูงสตางค์กลับเข้ามาในร้าน ละไมเรียกให้หยุดเพื่อขอโทษทองดี ละเมียนเถียงว่าไม่ได้ทำอะไรผิด ทองดีคล้อยตามรีบไล่ให้ไปเช็ดตัวเดี๋ยวเป็นหวัด เมื่อลับร่างน้องสาว ละไมต่อว่าเขาทันที

“คุณไม่น่าให้ท้ายละเมียน...แล้วเห็นมั้ยคะ จะขอบคุณคุณสักคำก็ไม่มี!”

“ผมไม่ถือหรอก น้องไมก็เหมือนน้องผม...ผมเองก็ต้องขอโทษที่ปล่อยให้ศรีวรรณกับศรีไพรพาลูกน้องมาเอะอะโวยวายที่ตลาดของคุณ”

“ไม่เป็นไรค่ะ น้องคุณก็เหมือนน้องไมเหมือนกัน”

ทองดีเลียบเคียงถามละไมเรื่องที่ธนูชอบมา ป้วนเปี้ยนทำให้เธอรำคาญใจ

“ค่ะ เขาชอบมาหาเรื่องกวนประสาทไม บางทีไล่เท่าไหร่ก็ไม่ยอมไป ไมละเกลี๊ยด...เกลียด!”

ทองดีรับปากจะจัดการให้ แต่เมื่อละไมฟังแล้วกลับรู้สึกไม่สบายใจ

คนที่ถูกกล่าวถึงกำลังขี่มอเตอร์ไซค์คู่ใจมีศรีไพรนั่งซ้อนท้ายมาอย่างเริงร่า ศรีวรรณนั่งซ้อนท้ายรถอีกคันอยู่ด้านหลัง มีสมุนขับตามอารักขาเหมือนเช่นทุกครั้ง

เมื่อถึงบ้านพักธนูซึ่งทองคำจัดการซ่อมแซมให้ ศรีไพรถึงกับนิ่วหน้าบ่นว่าบ้านเล็กไป เดี๋ยวบอกพ่อสร้างใหม่ให้เหมือนบ้านแบบโปรวองซ์ ศรีวรรณวาดฝันว่าส่วนของเธอกับบุญสมจะสร้างให้เหมือนปราสาทท่านเคาท์แดร็กคูล่า

ธนูฟังแล้วหน้าเครียดแย้งว่าเป็นบ้านหลวงคงทำอะไรตามใจมากไม่ได้ อีกอย่างตนเป็นคนมักน้อย ศรีไพรรีบเสนอให้ปลูกบ้านขนมผิงแล้วกัน

“จะบ้านขนมผิง หรือบ้านขนมชั้นก็ไม่ได้ทั้งนั้นครับ” ธนูตัดบทแล้วไล่สองสาวกลับบอกว่าเย็นๆจะไปหาทองคำที่บ้าน ศรีไพรจึงยอมจำนนกลับไปอย่างอาลัยอาวรณ์

ooooooo

แป๊ะชองกำลังส่งภาษามือบอกจีแม่ค้าขายผลไม้ว่าอยากกินกาแฟ จีบอกอยากกินให้ไปขอกับละเมียนเพราะเห็นรับปากว่าจะซื้อให้ แล้วร่ายยาวว่าเงินทองหายากแถมหาได้ยังต้องเสียค่าคุ้มครอง

พูดไม่ทันขาดคำ สมุนของทองคำกลุ่มหนึ่งเดินตรงเข้ามาบอกอยากอยู่สงบต้องจ่ายค่ารักษาความสงบ จีดึงดันไม่ยอมจ่าย แป๊ะชองเข้าไปช่วยแสดงท่าทางต่อว่าเลยถูกสมุนคนหนึ่งชกหน้าหงายเลือดกบปาก ท่ามกลางความตื่นตะลึงของทุกคน ลูกน้องกลุ่มหนึ่งที่รอจังหวะอยู่รีบตรงเข้ารื้อค้นทำลายข้าวของกระจาย หนึ่งในนั้นกระชากเอากล่องเงินของจีกับแม่ค้าคนอื่นๆ ไปจนได้ แต่ต้องชะงักเมื่อถูกก้อนหินลึกลับกระแทกใส่หางคิ้วเลือดอาบ

“ใครวะ”

“ข้าเอง”

ชายหนุ่มค่อยๆเลื่อนหมวกแก๊ปเผยให้เห็นโฉมหน้า ชาวบ้านต่างตื่นตะลึงเมื่อรู้ว่าผู้มาเยือนเป็นใคร?

บุญสมนั่นเอง ชาวบ้านเข้าใจว่าเขาแหกคุก แล้วส่งเสียงขับไล่ให้ออกไป ที่นี่ไม่ต้อนรับ “ไอ้ฆาตรกร”

“ฉันไม่ใช่ฆาตกร แล้วนี่ก็บ้านฉัน ฉันเกิดที่นี่ แม่ฉันก็อยู่ที่นี่” บุญสมตอบโต้

ชาวบ้านอีกคนตะโกน “เอ็งก็เอาแม่เอ็งไปอยู่ที่อื่น ที่นี่ต้องการความสงบสุข”

“ความสงบสุข! ใต้ปีกซาตานอย่างนายทองคำ ที่สั่งให้ทุกคนเป็นหรือตายได้ตามความพอใจของมันเนี่ยนะ!”

“เอ็งไม่ต้องพูดมาก ออกไปจากที่นี่ซะไอ้บุญสม!”

ว่าแล้วสมุนของทองคำพุ่งหมัดเข้าใส่ บุญสมเอี้ยวตัวหลบ แล้วการต่อสู้ระหว่างเขากับลูกสมุนของทองคำก็เปิดฉากท่ามกลางเสียงหวีดร้องตกใจของชาวบ้าน บุญสมฉวยจังหวะคว้าเชือกบริเวณนั้นมาพันหมัดอย่างลวกๆ

ภายในร้านค้าของละไม เบียบกำลังเล่าเรื่องศรีวรรณกับศรีไพรอย่างออกรสให้ละเมียนและธนูฟัง เมื่อละไมกลับมาเห็นเข้าก็อารมณ์ขุ่นสีหน้าบึ้งตึงทันที

“เมื่อไหร่จะจำเสียทีว่า คุณศรีวรรณกับคุณศรีไพรเขาเป็นน้องคุณทองดี ซึ่งเป็นผู้ชายที่ฉันจะแต่งงานด้วย”

ทุกคนเงียบกริบ ธนูยิ้มยั่ว “ชัดเจน...ชัดเจน! นับถือ...นับถือ!”

“ถ้าไม่มีธุระอะไรก็ออกไปจากร้านฉัน!”

“แม่เจ้า! เล่นไล่กันซึ่งๆหน้า”

“แม่ละไมคร้าบ...อย่าไล่พ่อธนูเลยนะคร้าบ... ”

สตางค์ตรงเข้าออดอ้อนอย่างน่ารัก ละเมียนให้เหตุผลชวนธนูมาเพื่อปรึกษารับมือบุญสม ละไมฟังแล้วยิ้มเยาะว่าปรึกษาถูกคนแล้วหรือ?

ธนูอ้าปากไม่ทันได้ตอบโต้ เหลือบเห็นแป๊ะชองวิ่งหน้าตาตื่นเข้ามา ชายใบ้พยายามสื่อให้รู้ด้วยการคว้าเชือกใกล้มือมาพันหมัดแบบลวกๆ แล้วทำท่าเหวี่ยงหมัดเตะต่อยกลางอากาศ ทุกคนงง แต่ละเมียนนึกรู้ได้ในทันที รีบเดินออกไปอย่างร้อนรน

การต่อสู้ระหว่างบุญสมกับสมุนของทองคำยังคงดำเนินอย่างต่อเนื่อง ข้าวของในตลาดกระจายเกลื่อน บุญสมจัดการลูกสมุนของทองคำจนสะบักสะบอมก่อนสบถใส่

“หมาจะกินข้าว มันยังรู้จักกระดิกหางขอ แต่พวกเอ็งเป็นคน แล้วดูท่าทางก็ไม่น่าอดอยาก แต่ทำอะไรไม่อายหมามันบ้างวะ”

แป๊ะชองวิ่งนำทุกคนเข้ามาดู ละไมตกใจเมื่อเห็นข้าวของในตลาดเสียหาย ละเมียนหันมาถามธนู “เชื่อรึยังล่ะคะว่าพวกเราต้องรับมือกับความหายนะ กลับมาแค่วันเดียวก็ประเดิมที่ตลาดฉันก่อนเลยนะ”

ชาวบ้านต่างส่งเสียงโห่ร้องขับไล่บุญสมให้ออกไปจากอำเภอโพธิ์ทอง เขาหงุดหงิดอุตส่าห์มาช่วยแล้วโดนขับไล่ ระบายความกดดันด้วยการไล่กระทืบลูกน้องทองคำซึ่งกำลังประคองร่างวิ่งหนีหลังจากได้ยินเสียงนกหวีดของเจ้าหน้าที่ตำรวจ

ผู้กองเพชรนำกำลังตำรวจส่วนหนึ่งวิ่งแหวกกลุ่มชาวบ้านเข้ามา เมื่อเห็นบุญสมก็ตรงเข้าล็อกตัว บุญสมสะบัดแขนเหวี่ยงตำรวจกระเด็น ผู้กองเพชรใช้ด้ามปืนทุบต้นคอเขาจากด้านหลังจนทรุดไปกองกับพื้น บุญสมพยายามขัดขืน ละเมียนบอกคราวนี้ให้ขังลืมไปเลย ละไมไม่สนใจอะไรนอกจากตลาด บ่นว่าหมดกัน ธนูแย้งว่าไม่หมด ยังเหลืออีกตั้งหลายแผง

“เอ็งออกจากคุกมาได้ยังไงไอ้บุญสม”

“พูดไปก็ไม่มีใครเชื่อ ก็แล้วแต่หมวดจินตนาการเอาก็แล้วกัน อ้อ...เดี๋ยวนี้ไม่ใช่หมวดแล้วนี่ คงสอยดาวมาเพิ่มได้ตอนจับผมเข้าคุกใช่มั้ย...ผู้กอง”

ผู้กองเพชรฟังแล้วฉุน บุญสมท้าทายอย่าคิดว่าคนอย่างเขาจะยอมเจ็บตัวฟรี ธนูรีบเข้าขวาง ผู้กองเพชรบอกสรรพคุณ “คุณธนูยังไม่รู้ ว่าไอ้นี่มันแสบแค่ไหน มันอยู่ที่ไหนพินาศที่นั่น” แล้วสั่งลูกน้องควบคุมตัวบุญสมกลับโรงพัก

ooooooo

บุญสมมองผู้กองเพชรด้วยสายตาเหยียดหยามกึ่งสมเพชเมื่อถูกเขาจับยัดเข้าห้องขังในเวลาต่อมา

“จะผ่านไปกี่ปีที่นี่ก็เหมือนเดิม ไอ้พวกที่มารีดไถพ่อค้าแม่ค้าไม่จับ ดันมาจับคนที่ช่วย...”

“ช่วยก่อเรื่องจนตลาดพังพินาศน่ะเรอะ!”

“แล้วไอ้พวกที่มันไถพ่อค้าแม่ค้าล่ะ จัดการได้แต่พวกปลายแถว ไม่เคยทำอะไรหัวเรือใหญ่ได้...ทั้งๆที่รู้ว่าเป็นใคร”

คำปรามาสของบุญสมทำให้ผู้กองเพชรโกรธ เมื่อนายอำเภอปรีชาเดินมาเห็นกล่าวหาว่าแหกคุกออกมาอีกคน บุญสมย้อนถามกลับอย่างเหลืออด ตกลงคนอย่างไอ้บุญสมทำเป็นแต่เรื่องชั่วๆแค่นั้นหรือ?

ธนูเห็นใจบุญสมตัดบทบอกนายอำเภอปรีชากับผู้กองเพชรถ้าอยากรู้ให้สอบถามไปยังกรุงเทพฯ ถ้าแหกคุกจริงก็ส่งกลับไปจะได้ความดีความชอบ

“คิดได้แค่เนี้ย! มิน่า! ถึงถูกส่งมากองรวมกันที่นี่” จ้องธนูอย่างดูแคลนเพราะคิดว่าคงไม่ต่างจากคนอื่นๆ ยิ่งเมื่อเขาบอกเป็นปลัดอาวุโส บุญสมมองเขาอย่างไม่เป็นมิตรสักเท่าไร

ด้านทองดีโกรธลูกสมุนที่สะบักสะบอมกลับมาทำให้เสียหน้า ระบายอารมณ์ด้วยการไล่กระทืบซ้ำจนทองคำผู้เป็นพ่อต้องปรามให้ใจเย็น เพราะรู้ชั้นเชิงการต่อสู้ของบุญสมดีว่าไม่มีใครเอาชนะได้ง่ายๆ ทองคำบอก

“ถึงเวลาที่เราจะทดสอบปลัดธนูคนดีของเราแล้ว” สองพ่อลูกมองหน้าแล้วแสยะยิ้มอย่างรู้กัน

ooooooo

หลังจากบริเวณร้านค้าปราศจากการต่อยตี ละไมเห็นน้องสาวนั่งหน้างอเดาออกได้ในทันทีว่าขุ่นใจเรื่องอะไร?

“บอกแล้ว สันดอนน่ะขุดได้ แต่สันดานน่ะมันขุดไม่ออกหรอก” เห็นละเมียนยังนั่งนิ่งเลยเอ่ยลอยๆให้เข้าหูอีก “แค่เหยียบกลับเข้ามาที่โพธิ์ทองไม่เท่าไหร่ ก็นำความหายนะมาให้แล้ว”

คราวนี้ละเมียนสวนกลับทันควัน “ต่อให้ไอ้บุญสมมันไม่กลับมา ความหายนะมันก็มีอยู่ทุกเมื่อเชื่อวัน”

ละไมได้ยินถึงกับปรี๊ดแตกเพราะรู้ดีว่าหมายถึงใคร? หันมาเข่นเขี้ยวน้องสาวแต่จำต้องข่มอารมณ์ไม่อยากทะเลาะด้วย ละเมียนจ้องหน้าพี่สาว กระแทกเสียงใส่

“ถึงบุญสมจะร้ายแต่ก็ร้ายซึ่งหน้าไม่เหมือนทองดีที่มาในคราบนักบุญแต่ร้ายเสียยิ่งกว่าปีศาจ” พูดจบก็สะบัดตัวจากไปทิ้งให้ละไมกำมือแน่นด้วยความโมโห

ขณะเดียวกันบุญสมนั่งกอดเข่าพิงลูกกรงห้องขัง ขณะคิดอะไรเพลินๆก็สะดุ้ง เมื่อได้ยินเสียงเรียกของใครคนหนึ่ง เงยหน้าพบว่าเป็นครูจรัลนั่นเอง

เขาก้มกราบที่พื้นเสมือนกราบแทบเท้า ครูจรัลเอื้อมมือจากนอกลูกกรงมาลูบหัวศิษย์รัก เวลาผ่านไปกี่ปีเขาก็ยังใจร้อนเหมือนเดิม แล้วเตือนสติให้บุญสมได้คิด

“แต่ที่เอ็งทำลงไป มันเหมือนสาดน้ำมันลงในกองเพลิง ที่ผ่านมาเอ็งก็เห็นว่ามันแก้ปัญหาไม่ได้ แถมชีวิตเอ็งยังต้อง...”

ครูจรัลพูดไม่ออกด้วยสะเทือนใจ แต่ลึกๆยังหวังลูกศิษย์คงไม่แหกคุกกลับมาเหมือนอย่างที่ชาวบ้านเขาลือ บุญสมเป็นห่วงถามถึงแม่ ครูจรัลเอ่ยเพียงเขาออกจากคุกเมื่อไรแล้วค่อยไปเห็นด้วยตาตัวเอง บุญสมทอดสายตามองเหม่อออกไปด้านนอกเอ่ยอย่างมาดมั่น “คุกบ้านี่ขังผมไม่ได้นานหรอกครู”

ooooooo

ห้องทำงานของผู้กองเพชร เขานั่งหน้าเครียดขณะกำลังคุยโทรศัพท์กับใครบางคน ธนูยืนอยู่อีกด้านเหมือนกำลังลุ้นอะไรบางอย่าง ผิดกับนายอำเภอปรีชาที่เอาแต่ถอนใจอย่างหงุดหงิด เมื่อเห็นผู้กองเพชรวางสายก็รีบถามทันที

“ว่าไงผู้กอง ตกลงแหกมั้ย”

“แหม พูดซะเสียววาบเลยนะครับนายอำเภอ”

ธนูเอ่ยอย่างอารมณ์ดีผิดกับนายอำเภอที่ไม่สนุกด้วยแต่อยากรู้มากกว่า บุญสมแหกคุกหรือออกมาเพราะประพฤติดี ผู้กองเพชรบอกทุกคนมันมีอะไรที่มากกว่านั้นอีก ขณะกำลังคุยกัน จ่าก็วิ่งหน้าตื่นเข้ามารายงานว่าบุญสมกำลังโวยวายลั่นโรงพัก

เมื่อทุกคนมาถึงเห็นชาวบ้านกำลังมุงดูอยู่ ผู้กองเพชรเดินแหวกกลุ่มคนเข้ามาด้านใน บุญสมเห็นตะโกนทวงถามถึงอิสรภาพของตัวเองทันที

นายอำเภอปรีชาตะคอกใส่ “เอ็งจะแหกปากหาอะไรวะไอ้บุญสม รึเอ็งอยากลองดี” บุญสมไม่สนใจหันมาร้องขอผู้กองเพชรว่าอยากกลับบ้านไปหาแม่ ผู้กองเพชรพยักหน้าว่า “ได้” แล้วหันมาสั่งลูกน้องให้ไขประตูห้องขัง

เมื่อเป็นอิสระบุญสมเดินยิ้มออกมาอย่างผู้มีชัยก่อนชวนครูจรัลกลับโดยไม่ลืมที่จะคว้าเป้ของตัวเองไปด้วย ผู้กองเพชรเรียกให้หยุดแล้วคว้าเป้ใบนั้นกลับมารื้อค้นอย่างรวดเร็ว บุญสมตรงเข้าแย่งแต่ต้องชะงักเมื่อผู้กองเพชรหยิบซองเอกสารราชการออกมาจากเป้เขาแล้วพูดด้วยเสียงอันดัง

“คุณยังไม่ได้รายงานตัวกับนายอำเภอเลยนะ...ปลัด”

ทุกคนที่ได้ยินถึงกับตะลึงไม่คาดคิด สายตาทุกคู่ต่างจับจ้องไปที่ปลัดคนใหม่ของอำเภอโพธิ์ทอง

เวลาต่อมา ภายในห้องทำงานของนายอำเภอปรีชา เขารับเอกสารราชการที่บุญสมนำติดตัวมาอ่านอย่างไม่เต็มใจนัก พูดกับบุญสมทั้งที่ไม่มองหน้า

“นี่ถ้าผู้กองเพชรไม่โทร.ไปถามท่านเดชา ข้าก็คงไม่รู้ว่าได้เอ็ง...เออฉันก็คงไม่รู้ว่าได้นายมาเป็นปลัดคนใหม่”

“เรียกเอ็ง เรียกข้า หรือด่าผมเหมือนเป็นเศษมนุษย์เหมือนเดิมก็ได้นะครับ ผมชินแล้ว”

ความเป็นคนตรงของบุญสมทำให้นายอำเภอปรีชาเข้าใจว่าเขากำลังยียวนกวนประสาท กำหมัดแน่นด้วยความโกรธแล้วข่มใจพูดด้วยน้ำเสียงจริงจัง

“บอกตรงๆนะ ที่เรียกเพราะให้เกียรติตำแหน่งปลัดอำเภอ แต่ถ้าให้เรียกในฐานะคนรู้กำพืดกันล่ะก็...

ไม่มีทาง” บุญสมจะอ้าปากอธิบายความบริสุทธิ์ของตัวเองหากแต่คงลบอคติที่มีอยู่ในใจของนายอำเภอไปไม่ได้

“ก็ยังดีกว่าข้าราชการที่นั่งดูดาย มองคนชั่วมันทำระยำตำบอนโดยไม่ทำอะไรเลยก็แล้วกันครับ”

“ไอ้...ปลัด!” คราวนี้นายอำเภอถึงกับฉุนขาดตบโต๊ะเปรี้ยง! ลุกขึ้นชี้หน้าบุญสมเหมือนจะด่าแต่แล้วชะงักข่มอารมณ์เต็มที่ บอกให้เขาอยู่ในขอบเขต ไม่ควรล้ำเส้นแล้วเดินไปเปิดประตูเชิญเขาออกไป บุญสมมองหน้านายอำเภอก่อนเดินออกไปอย่างไม่เข้าใจว่าทำไมถึงได้จงเกลียดจงชังเขามากมายขนาดนี้

ออกมาจากโรงพักได้ บุญสมตะโกนก้องด้วยความดีใจกับอิสรภาพที่ได้มาอีกครั้งโดยไม่สนสายตาผู้คนที่เดินผ่านไปมา ธนูขี่มอเตอร์ไซค์มาดักหน้าถามจะให้ไปส่งไหม ถูกบุญสมปฏิเสธว่า ไม่ชอบรับความช่วยเหลือจากใคร

บุญสมตรงดิ่งกลับบ้านด้วยความคิดถึงแม่ ยิ่งสะท้อนใจเมื่อพบสภาพบ้านดูทรุดโทรมมีแต่ความว่างเปล่า เดินตามหาแม่ไปจนทั่ว กระทั่งมาหยุดอยู่หน้าห้อง เมื่อผลักประตูเข้าไปก็ต้องตกใจ

“แม่! แม่!”

บุญสมรีบคว้าร่างผู้เป็นแม่ซึ่งยืนอยู่บนเก้าอี้กำลังคิดสั้นแขวนคอตาย เขากอดร่างนั้นไว้แน่น จวงพยายามดิ้นรนขัดขืนปากก็ร้องว่า อยากตายๆ บุญสมเรียกแม่ จวงลืมตามองเห็นว่าเป็นลูกชายจริงๆ ก็ยิ้มทั้งน้ำตา “ข้านึกว่าชาตินี้จะไม่ได้เจอเอ็งอีกแล้ว”

จวงโผกอดลูกด้วยความคิดถึง บุญสมให้สัญญาว่า จะไม่ไปไหนอีกจะอยู่ดูแลแม่ให้สุขสบาย แล้วเล่าว่าตอนอยู่ในคุกเขาตั้งใจเรียนหนังสือจนได้ใบปริญญาและตอนนี้ได้บรรจุเป็นปลัดอำเภอคนใหม่ของที่นี่

สองแม่ลูกคงจะคุยกันให้หายคิดถึงอีกนานถ้าอาการอยากยาของจวงไม่กำเริบขึ้นเสียก่อน บุญสมตกใจเมื่อเห็นสภาพแม่ตัวสั่นเหมือนคนเป็นไข้ จะพาไปหาหมอแต่จวงกลับไล่ให้ไปตามพุดแทน

ooooooo

เรื่องราวเกี่ยวกับปลัดอำเภอคนใหม่กำลังเป็นที่วิพากษ์วิจารณ์ของชาวบ้านร้านตลาด

เย็นนั้นขณะละเมียนกำลังรื้อเสื้อผ้าออกมาจากกระเป๋าเดินทางต้องตกใจที่เบียบบอกว่า บุญสมคือปลัดอำเภอคนใหม่ ละเมียนเห็นอนาคต “โพธิ์ทองลุกเป็นไฟแน่ๆ” ละไมว่าจากนักเลงหัวไม้กลายเป็นฆาตกรฆ่าคนติดคุก แล้วกลับมาเป็นปลัดอำเภอดูเป็นเรื่องเหลือเชื่อ!

แม้แต่ทองดีเองก็แทบไม่อยากเชื่อ ทุบโต๊ะด้วยความโกรธเมื่อรู้คู่แค้นที่แสนจะเกลียดชังกลับมีชีวิตผกผันไปในทางที่ดี

“พ่อ! นี่มันอะไรกัน เพิ่งรู้ว่ามันออกจากคุกเมื่อไม่กี่ชั่วโมง ตอนนี้มันกลายเป็นปลัดอำเภอได้ไงอ่ะพ่อ”

ทองคำปลีกตัวออกจากลูกสาวซึ่งกำลังนั่งชื่นชมเครื่องประดับงดงามที่เพิ่งนำมาจากกรุงเทพฯ ปลอบลูกชายให้ใจเย็นๆ

“งานนี้พ่อว่าชักสนุกแล้วโว้ย ยิ่งมันกลับมาคราวนี้มีหัวโขนครอบกลับมาด้วย”

ศรีวรรณได้ยินเขยิบเข้ามาใกล้ออกปากชมว่าบุญสมเท่ระเบิด ทองดีหันไปดุน้องสาวเสียงขุ่น ไม่พอใจที่ชื่นชมศัตรูต่อหน้า

“ไอ้บุญสมมันก็แค่หมาตัวเดิมที่ไปฝึกกัดมาใหม่ก็เท่านั้นแหละวะ” ทองคำจิ้มนิ้วไปที่อกลูกชายเตือนสติให้ไล่ความกลัวออกไปให้หมด ไม่เช่นนั้นก็จะแพ้บุญสมไปตลอดชาติ

ooooooo

ละไมยืนอยู่ที่ท่าน้ำหน้าบ้านในตอนเย็น เห็นน้องสาวถือปิ่นโตกำลังเดินตรงไปยังท่าน้ำมีสตางค์เดินตามหลังไปไม่ห่าง จึงเรียกไม่ให้สตางค์ไปด้วย แม้ละเมียนจะอธิบายว่าไปกับตนไม่มีอันตรายอะไร

“ไอ้คนที่แกจะไปหานั่นแหละ ตัวอันตราย ฉันไม่อยากให้สตางค์ไปซึมซับความชั่วของไอ้บุญสมมาถ้าแกอยากจะไป ก็ไปคนเดียว”

ละเมียนเถียงว่าไปหาป้าจวงต่างหากไม่ใช่บุญสม แต่พี่สาวยังตะแบง เอาของไปให้แม่มันก็ต้องถึงลูกอยู่ดี ละเมียนขี้เกียจต่อปากด้วยหันมาบอกสตางค์ไม่ต้องไปเดี๋ยวแม่เขาจะหาว่าพาไปมั่วสุม สตางค์หน้าจ๋อย แต่พอเรือจะออกสตางค์ตัดสินใจกระโดดลงเรือหมายตามละเมียนจนหวุดหวิดตกน้ำ สองพี่น้องต่างตกใจ! ไม่คาดคิดว่าสตางค์จะกล้าทำ

ในเวลาเดียวกัน ด้วยความเคลือบแคลงสงสัย บุญสมมาดักรอพุดกับเผือกในสวนผลไม้ใกล้บ้าน บุญสมปล่อยหมัดใส่พุดและเผือกไม่ยั้ง เมื่อค้นเจอยาบ้ากว่า 20 เม็ดถูกบรรจุรวมกันอยู่ภายในถุงเล็กๆ

เขาพูดด้วยสีหน้าเจ็บปวดไม่เคยคาดคิดว่าเพื่อนรักทำเขาได้ถึงเพียงนี้

“ยานี่ใช่มั้ย ที่ทำให้แม่ข้าโทรมเหมือนผีตายซากอย่างนั้น ยานี่ใช่มั้ยที่ทำให้แม่ข้าร้องแต่จะให้ตามเอ็งมา ทำไมวะไอ้พุดทำไม...ทำไม!”

แล้วปล่อยหมัดเต็มแรงจนพุดกับเผือกกระเด็นกันไปคนละทางสองทาง พุดกับเผือกคงแย่ถ้าครูจรัลไม่เข้ามาห้ามและเตือนสติศิษย์เอกว่าคบกับพุดมาแต่เล็กก็น่าจะรู้ว่าไม่เคยทำเรื่องชั่ว

“เอ็งเห็นผลที่เกิดขึ้นแล้วใช่ไหมว่ามันไม่คุ้มกัน เอ็งต้องถูกใส่ความจนติดคุก แม่เอ็งต้องติดยา นายทองคำกะให้เอ็งตายทั้งเป็นแต่เอ็งไม่ตายแถมกลับมามีหัวโขนเป็นปลัดอำเภอครอบมาด้วย”

ครูจรัลเตือนบุญสมอย่างเป็นห่วง ให้เขาดับไฟในใจให้เย็นลงไม่เช่นนั้นมันจะย้อนกลับมาเผาตัวเอง ให้ตั้งสติตอนนี้สิ่งแรกที่ควรทำคืออะไร?

บุญสมเหมือนได้คิด เร่งฝีเท้าฝ่าความมืดกลับบ้าน มาถึงเห็นแม่กำลังกระตุกเกร็งไปทั้งร่าง ข้างๆมีปิ่นโตข้าวที่ละเมียนกับสตางค์นำมาให้ตกพื้นเกลื่อนกระจาย ละเมียนเร่งให้บุญสมพาแม่ไปหาหมอเพราะเธอมีเรือ บุญสมปฏิเสธแต่เมื่อนึกถึงแม่ทำให้รีบบึ่งเรือแหวกคุ้งน้ำท่ามกลางความมืดไปอย่างรวดเร็ว โดยมีสตางค์กับละเมียนคอยประคองร่างจวงที่นอนหมดสติอยู่

ละไมหันมาสั่งเบียบปิดร้าน ส่วนตัวเองเดินมายืนรออยู่ท่าน้ำด้วยความเป็นห่วงสตางค์กับละเมียน ต้องสะดุ้งเมื่อธนูเดินมาเงียบๆ พร้อมกับยื่นถุงขนมขึ้นตรงหน้าบอกเป็นของฝากจาก กทม.แล้วลากเสียงยาวบอกอร่อยมาก

ละไมสะบัดหนีอย่างรังเกียจไล่เขาไปให้พ้นไม่งั้นจะฟ้องทองดี

“เฮ้อ! คุณทองดีนี่คงรับฟ้องจนหูแฉะ! ขนมนี่ผมซื้อมาฝากลูกของเรา!”

ละไมเต้นเร่าๆ ด่าอย่างโมโห ธนูอธิบายสตางค์เรียกเขาว่าพ่อ เรียกละไมว่าแม่ คงไม่ผิดถ้าบอกว่าคือลูกของเรา พอนึกได้ถามอย่างแปลกใจเมื่อไม่เห็นสตางค์ ระหว่างนั้นมีเรือลำหนึ่งวิ่งผ่านมาบริเวณท่าน้ำด้วยความเร็ว ธนูกับละไมหันมองเห็นบุญสมขับเรือที่มีสตางค์กับละเมียนนั่งไปด้วย

ooooooo

บุญสมเดินไปมาอย่างกระวนกระวายที่หน้าห้องฉุกเฉินของโรงพยาบาลประจำอำเภอ เมื่อประตูห้องเปิดออกเขารีบปรี่ไปถามอาการของแม่อย่างร้อนใจ

หมอบอกคนไข้ปลอดภัยแล้ว บุญสมเค้นเสียงเครียด จะปลอดภัยต่อเมื่อแม่เขาหายติดยา แล้วขอร้องให้หมอช่วยรักษา เมื่อเห็นหมอหนักใจ บุญสมฉุนขาดผลักร่างหมอจนเซไปติดผนังก่อนปรี่เข้าไปขยุ้มคอเสื้อ

“นายทองคำสั่งไม่ให้หมอทุกคนที่นี่รักษาแม่ผมใช่มั้ย” เมื่อเห็นว่าหมอนิ่งหลบตา บุญสมกระชากเสียงถามซ้ำจนหมอตกใจ ละเมียนต้องเข้าไปห้าม

“คุกไม่ได้ช่วยขัดเกลาเรื่องการชอบใช้แต่กำลังของนายเลย นี่ถือว่าตัวเป็นปลัดอำเภอรึไงถึงจะลงไม้ลงมือกับประชาชน”

“เป๊งๆๆ หมดยกหยุดทะเลาะกันได้แล้วจ้ะ อายชาวบ้านเขา”

บุญสมเพิ่งรู้สึกตัวเหลียวไปรอบๆ เห็นชาวบ้านที่นั่งอยู่บริเวณนั้นมองเขาด้วยสายตาไม่ชอบใจนัก เขาหันมาขอโทษหมอ หมอไม่ถือโกรธบอกเขาให้คนไข้นอนพักค้างคืนที่นี่ก่อนจะรีบเดินออกไปอย่างโล่งอก!

พ้นร่างหมอ ละเมียนกระแทกเสียงใส่ “คนอย่างนายไม่เหมาะจะเป็นปลัดอำเภอหรอก...ไอ้ขี้คุก”

เมื่อเห็นสายตาละเมียนมองเขาตั้งแต่หัวจดเท้าอย่างดูถูก บุญสมตั้งท่าอธิบาย แต่เธอวิ่งออกไป สตางค์เห็นรีบหันมาไหว้ลาบุญสมก่อนจะวิ่งตามพี่สาวไป

บุญสมหมดแรงหลับตานิ่งพิงผนังอย่างเหนื่อยหน่าย ทำไมทุกคนถึงได้ฝังใจว่าเขาคือฆาตรกรฆ่าคนตาย

ทางด้านธนู เขายังอยู่ตรงท่าน้ำบ้านละไมสนุก กับการได้ยั่วอารมณ์เธอ

“ไล่จัง พอผมไปขี้คร้านจะคิดถึง”

พูดแล้วยื่นช็อกโกแลตตรงหน้าบอกฝากให้สตางค์ด้วย แต่เปลี่ยนใจกลัวละไมขโมยกิน พูดพลางทำหน้าทะเล้นใส่ หญิงสาวโกรธก้มเก็บของใกล้มือปาใส่เขาไม่ยั้ง ธนูยังยิ้มยั่วแกล้งโดดหลบไปมา

ละเมียนหัวเสียตั้งแต่โรงพยาบาลกระทั่งกลับถึงบ้าน ละไมซึ่งยืนรออยู่ที่ท่าน้ำเมื่อเจอหน้าน้องสาวเดินตามหลังบ่นไม่เลิก ละเมียนไม่สนใจฟัง

“ปลัดขี้คุกจะทำให้ที่นี่เป็นทะเลเพลิง” แล้วปึงปังกลับเข้าห้องนอนตัวเอง ละไมตะโกนไล่หลังน้องสาว

“แล้วแกไปยุ่งกับมันทำไม” หันขวับมามองธนู นายก็เหมือนกันอย่ามายุ่งกับพวกฉัน!

ธนูได้แต่ร้อง “อ้าว”

ooooooo

จวงหลับสนิทอยู่บนเตียงคนไข้ ในห้องมีแสงสลัวจากไฟดวงเล็ก บุญสมนั่งเฝ้าดูอาการแม่ด้วยความรู้สึกเจ็บปวด นึกย้อนถึงเหตุการณ์ในวันขึ้นชกบนเวทีมวยคาดเชือก

วันนั้นบุญสมขัดขืนการจับกุมของหมวดเพชรจนเขาต้องใช้ไม้กระบองหวดจนบุญสมหลังแอ่นแล้วเซไปซบเท้าใครคนหนึ่ง เมื่อเงยหน้าพบว่าเป็นทองดี มันแสยะยิ้มก่อนใช้เท้าเตะเสยปลายคางจนเขาหน้าหงาย บุญสมปาดเลือดที่มุมปาก ทะลึ่งพรวดกำลังจะถึงตัวทองดี แต่ถูกเจ้าหน้าที่ตำรวจจำนวนหนึ่งรวบตัวไว้เสียก่อน เมื่อเห็นบุญสมขัดขืน หมวดเพชรก็ใช้กระบองอันเดิมกระทุ้งท้องจนเขาล้มฟุบลงไปกองกับพื้น

“พอ...พอแล้ว มันเจ็บแล้ว อย่าตีลูกชายฉันอีกเลยนะหมวด ฉันไหว้ล่ะ” จวงยกมือไหว้หมวดเพชรทั้งน้ำตา ละเมียนกับละไม รวมทั้งพุดและครูจรัลวิ่งเข้ามาพอดี เมื่อเห็นภาพเบื้องหน้ายิ่งเวทนาสงสารจวงจับใจ

“ฉันก็ไม่อยากใช้ความรุนแรงหรอกนะป้า แต่ไอ้บุญสมมันฤทธิ์มากเหลือเกิน” แล้วหันไปสั่งลูกน้องให้พาไปโรงพัก บุญสมยังพยายามสะบัดให้หลุดจากการจับกุม ปากก็ร้องเรียก แม่! แม่!

“อย่าจับบุญสมมันเลยนะหมวด มันไม่ได้ฆ่าเขา... มันไม่ได้ฆ่า”

“เรื่องนี้ฉันตอบไม่ได้หรอกนะป้า ทุกอย่างศาลจะเป็นผู้ตัดสิน แต่ตอนนี้พวกฉันต้องทำตามหน้าที่”

บุญสมถูกควบคุมตัวออกไปแล้ว จวงยังคงตะโกนเรียกชื่อลูกชายน้ำตาไหลพรากร้องไห้ปิ่มว่าจะขาดใจเป็นที่น่าเวทนาต่อสายตาชาวบ้าน...

เมื่อนึกถึงเหตุการณ์ที่ผ่านมาบุญสมถึงกับน้ำตาไหลพราก ถ้าไม่มีวันนั้นแม่เขาคงไม่ต้องมาตกอยู่ในสภาพเช่นนี้

“พาข้ากลับบ้าน”

เสียงของจวงปลุกให้บุญสมรู้สึกตัว เขาดีใจที่เห็นแม่ฟื้นรีบถามอย่างเป็นห่วง แต่จวงไม่ตอบ ร้องขอแต่จะกลับบ้าน “ที่นี่ไม่มีใครกล้ารักษาข้าหรอก พาแม่กลับบ้านนะบุญสม” จวงจับมือบุญสมแน่น เขากระชับมือแม่อย่างชั่งใจ

ooooooo

คืนนี้ธนูกลับถึงบ้าน เมื่อไขกุญแจเข้าห้องพบว่าทองดีนอนเอกเขนกอยู่บนเตียงนอนโดยมีจ่อยคอยนวดขาให้ ทองดีสปริงตัวลุกขึ้นนั่งถีบจ่อยตกเตียง

ธนูข่มความไม่พอใจร้องทักว่าเขาจรรยาไม่ดี จ่อย ถามแปลว่าอะไร “แปลว่า ไม่มีมารยาท...เข้าใจไหมจ่อย” จ่อยพาซื่อหันไปพูดกับทองดีด้วยเสียงอันดัง “เข้าใจครับ แปลว่าคุณทองดีไม่มีมารยาท” แล้วยิ้มให้เจ้านาย

ทองดีมองจ่อยอย่างหมายมาดแล้วบอกปลัดว่าพ่อให้มาตามไปพบเดี๋ยวนี้ เดินผ่านหน้าธนูออกไปอย่างยียวน “ผมไม่ชอบขี้หน้าปลัดเลย...ให้ตาย”

ธนูเดินตามลงมาเห็นจ่อยกำลังเจาะยางรถของตนจึงโวยวายถามว่าทำอะไร จ่อยบอก “เจาะยางครับคุณปลัด” ทองดีมองธนูถาม ไม่พอใจหรือ?

“โอ๊ย! พอใจสิครับ งานนี้ต้องพอใจอยู่แล้ว มีไอ้ผีบ้ามาเจาะยางรถไม่พอใจได้ไง ปลื้มปริ่มจะแย่” ทองดีแสยะยิ้มแต่จ่อยฟังแล้วสะดุ้ง

เมื่อมาถึง ทองคำขอโทษที่ให้ไปตามยามวิกาล ธนูว่าสำหรับเขายามไหนก็ได้ทั้งนั้น ทองดีไม่ชอบขี้หน้าปลัดธนูเป็นทุนเดิมแขวะว่าเข้าใจสอพลอ ทองคำต้องคอยปรามเนืองๆ บอกจะให้เขาไป “ฆ่าคน” ธนูอึ้งแล้วทุกคนก็ระเบิดเสียงหัวเราะออกมาพร้อมกัน ทองคำหยุดหัวเราะทันทีพูดเป็นงานเป็นการทำเอาธนูเบรกหัวเราะแทบไม่ทัน

“พูดเล่น คืองี้...ผมเห็นว่าปลัดน่ะมีฝีมือพอตัว ก็เลยอยากจะขอเป็นโปรโมเตอร์อีกสักครั้ง คราวนี้เป็นมวยการกุศลหาทุนให้นักเรียนยากจนข้นแค้น” แล้วบอกให้เขาขึ้นชกกับบุญสม

ทางด้านละไมรีบสั่งเบียบให้เตรียมขายน้ำกับลูกชิ้นปิ้งเพราะจะมีมวยคาดเชือกศึก “ปลัดชนปลัด” ส่วนบุญสมดึงดันชกมวยโดยไม่ฟังเสียงทักท้วงของพุดกับเผือก แม้ทั้งคู่จะอ้างแม่เขารู้คงไม่ยอม บุญสมว่าชีวิตนี้ทำบาปมามากอยากทำบุญทำกุศลบ้าง หลังชกมวยแล้วค่อยพาแม่กลับจากโรงพยาบาล

ooooooo

ที่ด้านหน้าเวทีมวยคาดเชือกมีป้ายใหญ่ติดอยู่ โปรโมเตอร์ทองคำเสนอ “ศึกวันปลัด (ขี้เท่อ) ชนปลัด (ขี้คุก)” เพื่อช่วยนักเรียนยากจนข้นแค้น

บรรยากาศโดยรอบคึกคักราวกับงานวัด ผู้คนเดินขวักไขว่ บรรดาพ่อค้าแม่ค้าส่งเสียงเรียกลูกค้ากันเซ็งแซ่

ละไมไม่ได้ไปดูมวย เพราะตะขิดตะขวงใจไม่รู้ควรเชียร์หรือแช่งฝ่ายไหนดีจึงอยู่เฝ้าร้าน ส่งเบียบไปขายน้ำโดยมีแป๊ะชองช่วยปิ้งลูกชิ้นอยู่ใกล้ๆ

ชาวบ้านปรบมือต้อนรับเมื่อทองคำเดินมานั่ง ทองดีคว้าโทรโข่งกล่าวเชิญปลัดทั้งสอง ธนูเดินมามีศรีไพรเป็นหัวหน้าทีมพี่เลี้ยงเข้านั่งมุมตัวเอง ส่วนบุญสมมีพุดกับเผือกดูแลและศรีวรรณเป็นหัวหน้าทีม ทองดีเห็นเข้าก็หงุดหงิดใช้ให้สมุนไปหลอกว่าทองคำเรียก ศรีวรรณดึงดันขออยู่เป็นพี่เลี้ยงให้บุญสม

เมื่อ “ยอด” สมุนของทองดี กล่าวเชิญนักมวยขึ้นเวที ชาวบ้านถึงกับร้องฮือ! กลัวกรรมการลำเอียง

ยกแรก บุญสมกับธนูต่างปล่อยหมัดใส่ไม่ยั้ง ผลัด กันรุกผลัดกันรับไม่มีใครเพลี่ยงพล้ำ ยอดยืนดูพึมพำ ฆ่าได้ฆ่ากันไปเลย เอามันให้ตาย จ่อยได้ยินถามอย่างอยากรู้ “มันไหน” ยอดเหมารวมว่า “มันทั้งสองคน”

ระฆังตีหมดยกแรกทั้งคู่กลับเข้าพักมุมตัวเอง...

เวลาผ่านไปถึงยก 2 กระทั่งยก 3 ใกล้หมด ทองดีเรียกลูกน้องมากระซิบบางอย่าง สมุนหยิบผ้าเย็นส่งให้ศรีวรรณและศรีไพรคนละกล่องบอกท่านทองคำแจกมา

ระฆังตีหมดยก 3 คู่ชกทั้ง 2 กลับเข้ามุมตัวเองอีกครั้ง ทั้งธนูและบุญสมถูกพี่เลี้ยงใช้ผ้าเย็นเช็ดหน้า

เมื่อระฆังตีเริ่มยกใหม่ ทั้งคู่ตรงเข้าหากัน บุญสมเริ่มมึนและตาลาย ธนูไม่ทันสังเกตปล่อยหมัดเปรี้ยงเดียวบุญสมหมดสติล้มลงกองกับพื้นอย่างง่ายดาย ธนูตะลึง ส่วนสองพ่อลูกสบตา ยิ้มให้กัน

เมื่อได้อยู่กันตามลำพัง ทองคำถามธนูอย่างหงุดหงิดทำไมไม่ซ้ำให้บุญสมตายไปเลย ธนูให้เหตุผลพ่อสอนเขาว่า ไม้ล้มข้ามได้แต่คนล้มอย่าข้าม ทองคำฟังแล้วอยากพบพ่อเขา ธนูอ้างเหตุผลสารพัดว่าพ่อไม่ชอบเข้าสังคมเจอหน้าผู้คน

ทองดีพูดอย่างไม่พอใจ “รู้แล้วจะหนาวเรอะ” ธนูต่อปากรู้แล้วจะร้อนต่างหาก ทองคำเห็นลูกชายฮึดฮัดไม่พอใจเลยรีบตัดบทให้ปลัดไปพักเหนื่อยเพราะเพิ่งชกเสร็จใหม่ๆ

ooooooo

จ่อยขับรถมาส่งธนูที่บ้าน...

เขาขอบใจ จ่อยวางท่าเท่บอก “เรื่องเล็ก” แล้วเรียก “คุณปลัด วันหลังช่วยสอนผมบ้างได้มั้ย”

ธนูหันมาทำท่าเลียนแบบจ่อย “เรื่องใหญ่” แล้วเข้าบ้านทิ้งให้จ่อยงงว่าเรื่องใหญ่คืออะไร?

ชิ้นเอาลูกชิ้นปิ้งมาให้ธนูที่บ้าน เขาบอกไม่หิวแล้วเข้าห้องทบทวนเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นบนเวทีมวยคาดเชือก

“เลือดเย็น อำมหิต พวกมันฆ่าได้ทุกจังหวะ ทุกที่ แถมยังยัดเยียดความผิดให้คนอื่นโดยไม่ละอาย” เสียงโทรศัพท์ดัง เดชาโทร.มาเตือนให้ลูกชายระวังตัวให้มาก ธนูบอกเขาโตจนมีเมียได้แล้วพ่อไม่ต้องเป็นห่วง เดชาย้อนแล้วทำไมไม่มีเสียที

ธนูเริ่มหิว เดินออกมาจากห้องต้องแปลกใจเมื่อเห็นชิ้นยืนหันหลังคุยโทรศัพท์ ชิ้นแก้ตัว “นกไม่มีขน คนไม่มีเพื่อน มันเจริญไม่ได้” ธนูเย้าคิดว่าทองคำส่งชิ้นมาสืบเรื่องของเขา

ส่วนศรีวรรณบุกมาหาบุญสมถึงบ้านด้วยความเป็นห่วง แต่ถูกเขาไล่ตะเพิดคิดว่ารู้เห็นแผนการเรื่องผ้าเย็นชุบยาสลบ

เธอกลับไปถามพ่อ ทองคำอ้างเขาเป็นคนใจบุญสุนทานจะทำอย่างนั้นเพื่ออะไร? แล้วเสนอเงินให้ช็อปปิ้ง 5 หมื่นแต่มีข้อแม้

“เราจะลืมเรื่องที่เกิดขึ้นทั้งหมด แล้วเริ่มต้นกันใหม่ พ่อไม่อยากให้ครอบครัวเราต้องมาทะเลาะกันเพราะไอ้บ้า...”

ศรีวรรณรีบเผยความในใจว่าเธอชอบบุญสม ทองคำเสนอ “งั้นให้ดึงบุญสมมาเป็นพวก”

ภายหลังบุญสมรับแม่กลับมาอยู่บ้าน พุดกับเผือกสำนึกผิดขันอาสากันช่วยกันดูแลจวง บุญสมถามเรื่องราวของเผือก

พุดเล่าว่า พ่อแม่เผือกตายเพราะติดยา เผือกอยากเรียนมวยคาดเชือกแต่ครูจรัลไม่สอนมันเลยวิ่งซื้อของให้ลูกค้าที่บ่อนได้ค่าขนมเลี้ยงปากท้อง บุญสมบอกจะจ้างพุดกับเผือกมาดูแลแม่และส่งเสียให้เรียนหนังสือด้วย พุดปฏิเสธโตแล้วไม่อยากเรียน

“ไม่มีใครแก่เกินเรียน เอ็งดูข้า ข้าอยู่ในคุกยังกระเสือกกระสนที่จะเรียน จำไว้นะไอ้พุด ความรู้ จะทำให้เอ็งมีโอกาสในชีวิตมากขึ้น”

แล้วหันมาบอก ว่างๆจะสอนมวยคาดเชือกให้พุดกับเผือกดีใจกระโดดตัวลอย

ooooooo

เช้าวันใหม่ บุญสมยืนสง่างามในเครื่องแบบข้าราชการ ระหว่างยืนส่องกระจกตรวจดูความเรียบร้อย เขาหวนนึกถึงวันที่พ้นโทษออกจากคุก

วันนั้น ‘เดชา’ ผู้บัญชาการเรือนจำ อวยพรเขาให้ออกไปมีชีวิตใหม่อย่างที่หวัง

“อย่าให้เครื่องหมายบนบ่ามันดึงตัวเธอขึ้นไปจนเท้าไม่ติดดินนะบุญสม เอามันมาเป็นเครื่องเตือนสติว่านี่คือเครื่องหมายของคนที่มีหน้าที่รับใช้ประชาชน”

บุญสมรับฟังอย่างตั้งใจ “จำไว้นะบุญสม เธอไม่ได้เป็นเจ้าคนนายคน แต่เธอมีหน้าที่รับใช้ประชาชนที่ให้เงินเดือนเธอกินใช้อยู่ทุกเดือน เข้าใจที่ฉันพูดใช่มั้ย”

คำสอนของเดชายังก้องอยู่ในหู บุญสมพูดกับตัวเองในกระจกด้วยสีหน้าที่เปี่ยมไปด้วยอุดมการณ์

“เข้าใจและไม่มีวันลืมเด็ดขาดครับ”

เช้าวันเดียวกัน บริเวณลานหน้าที่ว่าการอำเภอโพธิ์ทอง กลุ่มชาวบ้านจำนวนหนึ่งนั่งรวมตัวอยู่หน้าเสาธง ผู้กองเพชรและเจ้าหน้าที่ตำรวจยืนคุมเชิงอยู่อีกด้าน ละเมียนเป็นหัวโจกร้องนำชาวบ้าน

“ออกไป ออกไป ออกไป”

สตางค์อยู่ในชุดนักเรียนเต้นเหยงๆ ส่งเสียงเชียร์ตามประสาเด็ก ธนูทำเหมือนไม่สนใจอะไรเพราะมีลูกน้องทองคำยืนอยู่ใกล้ๆ

เมื่อบุญสมมาถึง ละเมียนร้องนำทันที “เราไม่เอาปลัดที่ชอบใช้แต่ความรุนแรงใช่มั้ย” เสียงขานรับอึงอลละเมียนได้ใจกระทุ้งเข้าไปอีก “เราไม่เอาปลัดขี้คุกใช่มั้ย” ชาวบ้านคล้อยตามและขานรับ บุญสมเดินเข้าหาละเมียน เธอมองเขาด้วยสายตาท้าทายแล้วสั่งลุย!

สิ้นเสียงละเมียน ทั้งไข่ไก่ ไข่เป็ดรวมไปถึงเศษผักต่างๆ ถูกประเคนใส่บุญสมไม่ยั้ง บุญสมปัดป้อง นายอำเภอปรีชาเห็นเหตุการณ์ได้แต่ถอนใจหมุนตัวกลับขึ้นบนอำเภอ ผู้กองเพชรพร้อมเจ้าหน้าที่ตำรวจตะโกนให้หยุด ตรงเข้าห้ามปรามกลับโดนลูกหลง ได้ลิ้มรสทั้งไข่ไก่และเศษผักในคราวเดียวกัน

“ลุยเลยไม่ต้องยั้ง งานนี้ฉันจ่ายเอง อำเภอของเราต้องไม่มีปลัดขี้คุกอย่างไอ้หมาบ้าบุญสม ใช่มั้ย!” ละเมียนคอยยั่วยุทำให้ชาวบ้านยิ่งฮึกเหิม บุญสมปรี่เข้าหาละเมียน

“ทำบ้าอะไรของเธอเนี่ย หา!”

“หูหนวกรึไง ชาวบ้านก็ตะโกนปาวๆว่าไม่ต้องการปลัดที่ใช้แต่กำลัง บ้าอำนาจ สร้างความเดือดร้อนให้ชาวบ้าน คนอย่างแกไม่เหมาะกับตำแหน่งนี้หรอก ปลัดขี้คุก”

บุญสมเหลืออดคว้าข้อมือละเมียนไว้แน่น

“ปัง!” เสียงปืนดังขึ้นทำให้ทุกคนหันไปมองที่มา ของต้นเสียง เห็นผู้กองเพชรเนื้อตัวเละเทะน้ำเมือกไข่ไก่ไหลย้อยเป็นทาง ในมือถือปืนชูขึ้นฟ้า ใบหน้าจริงจัง

“ถ้าพูดกันดีๆไม่ฟัง จะต้อนเข้าตะรางให้หมด”

ละเมียนสะบัดแขนจนหลุดจากมือบุญสม ละไมขับรถกระบะมาถึงพอดีเมื่อเห็นข้าวของเสียหายพานเสียดายตามประสาคนขี้งก ต่อว่าละเมียนที่ไม่ยอมส่งสตางค์ไปโรงเรียนกลับพามาทำเรื่องไร้สาระ

บนอำเภอ ธนูถามอย่างแปลกใจเมื่อเห็นบุญสมไม่เอาเรื่องใคร จนบุญสมฉุน แต่เมื่อหันไปทางประตูยิ่งหงุดหงิดกว่าเก่าเพราะเจ้าหน้าที่มองเขาอย่างเกรงกลัว

“โจทก์เยอะเหมือนกันนะ...ปลัด”

บุญสมตะโกนใส่หน้าธนูอย่ามายุ่ง นายอำเภอปรีชาเดินมาสมทบ “ทำงานวันแรกก็โดนรับน้องแล้วเหรอปลัด คงรู้สึกได้นะว่า คนที่นี่ไม่ต้องการปลัด”

บุญสมเครียดเมื่อถูกกดดันจากหลายฝ่ายเลยโต้แบบไม่ไว้หน้าใคร “ผมจะใช้ความรู้ความสามารถที่มีเปลี่ยนความคิดของชาวบ้าน ผมจะทำให้ทุกอย่างที่นี่ดีขึ้น”

“จะไหวเร้อ!” นายอำเภอยังดูถูก

“พยายามที่จะทำ ก็ยังดีกว่าข้าราชการประเภทเช้าชาม เย็นชามล่ะครับนายอำเภอ”

ถ้อยคำดูแคลนของบุญสมทำให้นายอำเภอปรีชาถึงกับสะอึกในอก มองตามเขาไปด้วยความโกรธ

ooooooo

คาดเชือก

ละครแนะนำ

ข่าวละครวันนี้ดูทั้งหมด