ตอนที่ 9
เมื่อกลับถึงบ้านตระกูลหวัง เฉินเปียวรายงานเรื่องที่ได้ยินจากปากของเฉินเซียวเหยาให้แดเนียลทราบ แต่ทั้งคู่ก็กังวลใจไม่น้อยที่ยังไม่ได้รายละเอียดอื่นใดอีก ยกเว้นเรื่องที่ลูกน้องคนสนิทได้ยินมาจากปุยฝ้าย
“บอสครับ ผมรู้มาจากคุณปุยฝ้ายว่าเรื่องที่
คุณฟ้าใสกับเพื่อนๆถูกคนร้ายตามข่มขู่ก็เป็นฝีมือของเทียนคง แต่เฉินหมิงไม่รู้เรื่อง...ไม่รู้ว่านอกจากนี้จะยังมีเรื่องอะไรอีก ที่เทียนคงทำแต่เฉินหมิงไม่รู้”
แดเนียลแปลกใจที่เทียนคงกล้าทำนอกเหนือคำสั่ง นั่นเป็นสิ่งที่ทำให้เขาไม่สบายใจ ขณะเดียวกันนั้นที่บ้านแก๊งเสือขาว เฉินหมิงเตรียมตัวจะไปพบกับฟ้าใส จึงสั่งให้เทียนคงคอยดูแลพี่ชายอย่างใกล้ชิดแล้วตนจะรีบกลับมา เทียนคงรับคำแต่มองตามด้วยสายตาเรียบนิ่งซ่อนความร้ายกาจไว้ข้างใน
ฟงยืนรออยู่หน้าห้องเก็บของรายงานกับเทียนคงว่าเรื่องที่ให้จัดการเรียบร้อยแล้ว ทั้งคู่เดินเข้าไปในห้องนั่นที่ปิดไฟมืดสลัว เสียงเฉินเซียวเหยาร้องไห้ครวญครางอย่างทุกข์ทรมานดังต่อเนื่อง ฟงหันไปหยิบท่อนไม้ส่งให้เทียนคง ครู่ต่อมาเขาก็ฟาดไม้นั่นใส่ร่างของเฉินเซียวเหยาไม่ยั้ง ชายหนุ่มส่งเสียงร้องด้วยความเจ็บปวดดังลั่น...
ที่หน้าบ้านฟ้าใส เฉินหมิงขับมอเตอร์ไซค์เข้ามาจอด ขณะนั้นฟ้าใสเดินถือของมาจากทางร้านขายข้าว พอเห็นชายหนุ่มก็ตกใจ หันรีหันขวางกลัวว่ากวินทร์จะเห็นเขาเข้า เธอปราดเข้าไปลากตัวเขาให้กลับออกไป แต่ไม่ทันเสียแล้ว เสียงกวินทร์ตะโกนขึ้นจากทางด้านหลังของเฉินหมิง
“แม่พาฟ้าเข้าบ้านไป...ส่วนคุณ กลับไปเดี๋ยวนี้ แล้วอย่ามายุ่งกับเราอีก ที่นี่ไม่ต้อนรับมาเฟีย!”
“ผมทำอะไรผิด สำหรับที่นี่...ผมเป็นแค่ผู้ชายธรรมดาที่จริงใจกับลูกสาวบ้านนี้”
กวินทร์ขู่ว่าถ้าไม่ยอมกลับ ตนจะฟาดให้หัวแบะ แทนที่เฉินหมิงจะกลัวคำพูดนั่น เขากลับยืดอกตอบว่า
ตนยินดีรับโทษทัณฑ์ ถ้ามันเป็นการพิสูจน์ความจริงใจ ฟ้าใสกับชวนชมช่วยกันดึงกวินทร์และร้องห้ามกันอย่างชุลมุน ภรรยาเตือนสติว่าถ้าเกิดชายหนุ่มตายขึ้นมา กวินทร์จะต้องติดคุกเอายามแก่ กวินทร์เลือดขึ้นหน้าไม่สนใจ และแล้วฟ้าใสก็พูดโพล่งขึ้น
“แต่พ่อรอดตายเพราะเขานะ! เงินค่ารักษาโรคหัวใจของพ่อ...เป็นเงินของเฉินหมิง”
เท่านั้นเอง ทั้งกวินทร์และชวนชมชะงักกึกอย่างคาดไม่ถึง ก่อนเจ้าบ้านฝ่ายชายจะเอ่ยเสียงเครียดบอกเฉินหมิงให้เข้าไปคุยกันในบ้าน
“ทำไมคุณถึงยอมให้ฟ้ายืมเงิน คุณต้องการอะไร อย่าพูดแค่ว่าหวังดีอยากช่วยเหลือ เพราะของฟรีไม่มีในโลก”
“ผมให้ฟ้าใสทำงานให้อย่างหนึ่ง...ซึ่งก็คือขโมยของสำคัญจากแดเนียล ศัตรูเบอร์หนึ่งของแก๊งผม”
กวินทร์ตบหน้าชายหนุ่มอย่างแรงบริภาษว่าทำไมปล่อยให้ลูกสาวของตนไปเสี่ยงอันตรายแบบนั้น เฉินหมิงก้มหน้าชั่วครู่แล้วกล่าวขอโทษอย่างสำนึกผิด
“ผมยอมรับว่าตอนนั้นผมคิดน้อยเกินไป แต่มันก็ทำให้ผมรู้จักฟ้าใสมากขึ้น เธอกล้าทำทุกอย่างเพื่อช่วยคนที่เธอรัก ผมรักฟ้าใสครับ...แม้จะรู้ว่าเธอยังไม่มีใจให้กับผม แต่สักวันเธอจะเปลี่ยนใจ...”
ฟ้าใสเดินออกมาส่งเฉินหมิงพร้อมกับขอโทษที่พ่อพูดจาไม่ดีกับเขา เฉินหมิงส่ายหน้าเหมือนไม่ได้เป็นเรื่องใหญ่และถามว่าจะมีสักวันไหมที่จะทำให้เธอเปลี่ยนใจมารักตน หญิงสาวมองเขานิ่งก่อนส่ายหน้าปฏิเสธ
เฉินหมิงเศร้าฝืนยิ้มพูดล้อว่าอย่ามาดูถูกกัน ฟ้าใสได้แต่มองเขาด้วยความสงสาร
ooooooo
ที่บ้านตระกูลเฉิน เทียนคงเดินนำลูกน้องที่ช่วยกันแบกร่างอันไร้สติและบอบช้ำของเฉินเซียวเหยาเข้ามาจากทางหลังบ้าน พลันชายหนุ่มรู้สึกตัวตื่นขึ้นมาก็ดิ้นพล่านตะเกียกตะกายหนีด้วยความกลัว ก่อนจะถูกเทียนคงใช้ปืนทุบจนสลบอีกครั้ง
ภาพการทำร้ายลูกชายคนโตของแก๊งเสือขาว ทำให้โอลิเวอร์ที่เพิ่งเดินเข้ามาถึงกับตกตะลึงอ้าปากค้าง ต่างจากเทียนคงที่ยืนมองด้วยแววตาเรียบเฉย แต่ชักปืนออกมายิงลูกน้องคนหนึ่งที่ปล่อยให้แขกเข้ามาโดยไม่มีการแจ้งล่วงหน้า
“บอกนายน้อย...ว่าคุณชายใหญ่คลุ้มคลั่งทำร้ายตัวเองและแย่งปืนมายิงใส่มัน”
เสียงฟงกับลูกน้องคนอื่นๆตอบรับอย่างหวาดกลัวในความโหดของลูกพี่ หลังหายตกใจ โอลิเวอร์เอ่ยชื่นชมว่า
“นี่คุณทำเรื่องใหญ่กว่าที่ผมคิดไว้เยอะเลย แค่เรื่องที่ผ่านมา ผมว่าคุณก็สุดยอดแล้วนะ”
เทียนคงนิ่งนึกถึงเรื่องที่ตนเองได้กระทำลับหลังเฉินหมิง ไม่ว่าจะเป็นการส่งลูกน้องไปยิงถล่มที่ท่าเรือจนทำให้คารีฟเข้าใจผิดว่าแก๊งเสือขาวต้องการหาเรื่อง หรือเรื่องที่บังคับให้กิมลั้ง เมียลูกน้องแสร้งเอ่ยชื่อแก๊งมังกรทองว่าเป็นผู้อยู่เบื้องหลังในเหตุการณ์ยิงนั่น โอลิเวอร์รู้สึกทึ่งที่เทียนคงกล้ากระทำเรื่องร้ายๆโดยที่เฉินหมิงไม่ได้ระแคะระคายแม้แต่น้อย
“ผมยอมภักดีกับคุณคนเดียวเลยขอรับนายท่าน แต่ช่วยเล่าให้ผมฟังทีเถอะว่าคุณทำทั้งหมดนี้เพื่ออะไรกัน”
“ไอ้พวกตระกูลเฉิน...โง่แต่อวดฉลาด...พวกมันไม่สมควรได้เป็นผู้นำเสือขาวเลยด้วยซ้ำ”
เทียนคงเล่าเรื่องราวในอดีตอย่างอาฆาตแค้นว่าเฉินฮ่าวต่อหน้าทำดีกับตนเพื่อให้ช่วยดูแลสมุดปกดำที่มีรายชื่อของเจ้าหน้าที่รัฐผู้รับสินบนจากแก๊งเสือขาว เพราะถ้าหากสมุดเล่มนั้นตกไปถึงมือของตำรวจหรือศัตรู มันจะเป็นหลักฐานโค่นทำลายแก๊งได้ แต่พอได้รับข่าวเรื่องแดเนียล หัวหน้าแก๊งมังกรทองสั่งห้ามเก็บส่วยเฉินฮ่าว
กลับเชื่อใจลูกชายคนโตให้ไปเจรจามากกว่าตน เพราะเหตุนี้จึงทำให้ตนเสียหน้าและเครดิตกับลูกน้องในแก๊งอย่างมากมาย
ดวงตาของเทียนคงฉายแววแค้นพรั่งพรูความน้อยเนื้อต่ำใจ พูดรอดไรฟันว่า
“มันบอกว่ามันไว้ใจฉัน แต่จริงๆแล้วมันไม่เคย คิดอย่างที่มันพูด มันเห็นฉันเป็นแค่หมารับใช้! ฉันทำให้เสือขาวเจริญรุ่งเรืองมาด้วยสองมือของฉันและจะไม่ยอมให้เสือขาวก้มหน้าให้ใครเด็ดขาด ฉันนี่แหละกำจัดไอ้แก่เฉินฮ่าวด้วยการหลอกให้มันกินน้ำกรด ส่วนไอ้เฉินเซียวเหยา ฉันก็ใช้มีดดาบฟันมันจนแทบจะสิ้นลมหายใจ ก่อนจะจัดฉากเอาทั้งคู่ไปแขวนคอเพื่อให้ไอ้เฉินหมิงเข้าใจผิด
คิดว่าเป็นฝีมือของแดเนียลและแก๊งมังกรทอง”
โอลิเวอร์ฟังเรื่องสยองนั้นด้วยความรู้สึกสะพรึงกลัว แต่ต้องข่มใจไม่แสดงท่าทีอะไรออกมา เขาย้อนถามว่าทำไมเวลานั้นไม่จัดการเฉินหมิงอีกคน ปล่อยให้มารับตำแหน่งหัวหน้าแก๊งแทนได้อย่างไร เทียนคงคำรามตอบว่าตนเกือบจะจัดการแล้ว แต่แดเนียลส่งเฉินเปียวมาขโมยสมุกปกดำเสียก่อน และถ้าสมุดนั่นถึงมือตำรวจ คนที่เป็นผู้นำแก๊งเสือขาวจะเดือดร้อน เมื่อใดก็ตามที่ขจัดสมุดปกดำได้ ตนไม่รั้งรอที่จะขึ้นเป็นหัวหน้าอย่างแน่นอน เทียนคงท้าทายโอลิเวอร์ว่า
“เอาสมุดปกดำหรือชีวิตไอ้แดเนียลมาให้ผมสิ แล้วผมไม่ลืมคุณแน่นอน”
ไม่มีสัจจะในหมู่คนร้ายและตำรวจน้ำเลว โอลิเวอร์ ยิ้มเจ้าเล่ห์รีบแล่นไปหาแดเนียลทันทีที่ออกจากบ้านเฉินหมิง และใช้ข้อมูลที่ได้ยินมาเป็นเครื่องต่อรองเพื่อการแลกเปลี่ยนกับสมุดปกดำ ท่าทีของเจ้าพ่อแก๊งมังกรทองนิ่งเงียบอย่างใช้ความคิดหนักจนโอลิเวอร์แปลกใจ แต่เพื่อความรอบคอบ แดเนียลถามว่า
“ผมอยากรู้มากกว่า...ว่าทำไมเขาถึงบอกความลับนี้กับคุณ ผมไม่ได้เชื่อใครง่ายๆ...ขอเวลาพิสูจน์ความจริงก่อน”
โอลิเวอร์เดินยิ้มสมใจออกมา สวนกับหวังเฟยที่มองตามอย่างไม่พอใจ ถามลูกชายว่าเขามาทำไม แดเนียลรายงานว่า
“เขามีเรื่องมาบอกผมว่าเทียนคงเป็นคนอยู่เบื้องหลังเรื่องเลวร้ายทั้งหมดของเสือขาว”
“ไม่มีทางที่เทียนคงจะทำแบบนั้นกับเสือขาว เพราะฉันไม่ใช่คนเชื่อคนง่ายอย่างแก ระวังจะกลายเป็นคนโง่ไปด้วย อย่าเสียเวลากับเรื่องไร้สาระเช่นนี้ สายส่งข่าวมาว่ามีลูกน้องแก๊งเราใช้เรือสินค้าลักลอบส่งยาเสพติด แกควรใส่ใจเรื่องนี้นะ”
เหตุที่หวังเฟยไม่ตื่นเต้นกับข้อมูลของโอลิเวอร์ก็เพราะก่อนหน้านั้น เทียนคงเพิ่งมาแจ้งให้ทราบว่าศพที่ตายในงานเปิดตัวนิตยสารโลลาเป็นลูกน้องของโอลิเวอร์ ทั้งหมด ซึ่งแสดงว่าเขาเป็นผู้อยู่เบื้องหลังในการสั่งฆ่าแดเนียล หวังเฟยเครียดและเป็นห่วงลูกชาย เทียนคงได้ทีรีบยุว่า
“ตอนนี้แดเนียลกำลังถูกโอลิเวอร์หลอก ที่ผมทำทุกอย่างก็เพราะหากเกิดอะไรขึ้นกับมังกรทอง เสือขาว ต้องมาทำหน้าที่นี้แทน และนายน้อยก็ยังไม่พร้อม มีแต่อารมณ์เหนือเหตุผล แม้ว่าจะเคยเตือนเรื่องแดเนียลไม่ได้ฆ่าเฉินฮ่าว เขาก็ไม่ฟัง”
หลังจากรู้ว่าโอลิเวอร์หักหลังเอาเรื่องไปบอกแดเนียล เทียนคงเดือดดาลยิ่งนัก แต่คนอย่างเขาต้องมีแผนอันแยบยลโดยยืมมือหวังเฟยจัดการหอกข้างแคร่แล้วตัวเองค่อยตลบหลังก็ไม่สาย...
ตกดึกวันเดียวกัน เป็นไปตามคาดของเทียนคง หวังเฟยส่งลูกน้องไปจัดการเก็บโอลิเวอร์ที่โรงแรม แต่ชายหนุ่มรู้ตัวเสียก่อนจึงหนีรอดไปได้ เทียนคงสบโอกาสเหมาะในระหว่างที่โอลิเวอร์กำลังหนีมาดักคอยและซุ่มยิงทิ้งอย่างโหดเหี้ยม
ฟงกับลูกน้องเข้าไปยืนตรงหน้าโอลิเวอร์ แล้วจับมือตำรวจหนุ่มกางลงกับพื้น ฟงชักมีดยาวออกมาตัดนิ้วทั้งสิบและลิ้นอย่างเลือดเย็น ก่อนจะโยนร่างอันโชกเลือดและสะบักสะบอมของโอลิเวอร์ลงหลุมฝังกลบ ในขณะที่เทียนคงยืนมองไร้ความปรานี
ooooooo
ด้านปุยฝ้ายกับนุตรามีแต่ความเครียดตั้งแต่เกิดเรื่องยิงถล่มที่งานเปิดตัวของนิตยสารโลลา ทั้งคู่หวั่นใจว่าบริษัทอาจปิดตัวลงเพราะเหตุการณ์นั่น สิ่งเดียวที่ทำได้ในตอนนี้คือภาวนาให้การวางแผงในวันแรกมีคนซื้อนิตยสารอย่างถล่มทลาย
และแล้วพระเจ้ายังคงเห็นใจพนักงานในสำนักพิมพ์โลลา เพราะเพียงวันแรกที่วางขาย นิตยสารก็ถูกซื้อไปจนหมดสิ้น เจนและหนูดีรับโทรศัพท์สั่งซื้อนิตยสารเพิ่มกันวุ่นวาย ในขณะที่พนักงานคนอื่นๆเริ่มเก็บของด้วยความเศร้า หนูดีวิ่งตะโกนดีใจสั่งการให้ทุกคนหยุดเก็บของเพราะมียอดสั่งซื้ออีกหลายหมื่นเล่ม พนักงานทุกคนกอดคอร้องไห้ดีใจ นุตรานึกได้ถามว่าใครแจ้งข่าวดีนี้กับราเมศแล้วหรือยัง สิ้นคำพูดนั้น...ก็มีเสียงเก้าอี้ล้มตึงในห้องทำงานราเมศ ทุกคนวิ่งกรูไปทันที
ภาพที่ทุกคนเห็นคือราเมศมีเชือกเส้นใหญ่คล้องคอตัวเอง แล้วจับเก้าอี้ขึ้นตั้งปีนขึ้นไปบนนั้น
หนูดีกับเจน ถลาเข้าไปผลักเจ้านายอย่างแรง จนเขาตกลงมากระแทกพื้นร้องโอดโอย เสียงลูกน้องดังเซ็งแซ่ขอร้องไม่ให้คิดสั้น ราเมศมองงงๆ
“โว้ย! อะไรของพวกเธอ พี่ไม่ได้ฆ่าตัวตาย! พี่จะขึ้นไปห้อยกระดิ่งนี่ ซินแสแนะนำมาเพื่อช่วยเราให้ดังก้องกังวาน”
เจนกับหนูดียิ้มแหยที่เข้าใจผิด แต่ยังไม่ทันได้อธิบายอะไรต่อ ก็มีพนักงานคนหนึ่งเข้ามาแจ้งว่าแดเนียลมาขอพบ ราเมศแปลกใจแต่พยายามลากสังขารไปหาที่ห้องรับแขก
“ขอโทษนะครับคุณแดเนียลที่ให้รอ เผอิญมีอุบัติเหตุนิดหน่อยน่ะครับ ทำเอาเคล็ดขัดยอกไปทั้งตัว ผมกำลังจะโทร.แจ้งว่านิตยสารโลลาขายดิบขายดี มียอดสั่งซื้อเข้ามาอีกเพียบ ถ้าไม่ได้คุณแดเนียลช่วยคงแย่ ไหนๆคุณแดเนียลก็มาแล้ว เรามาช่วยคิดคอนเซปต์เล่มหน้าดีไหมครับ”
“ผมดีใจด้วย แต่ที่แวะมาเพราะผมจะมาถอนหุ้น ผมเข้ามาที่นี่ไม่ได้หวังกำไรใดๆจากโลลา แต่อยากช่วยให้พวกคุณพ้นจากวิกฤติ และเพิ่งทราบว่าโลลาฟื้นคืนชีพแล้ว เท่ากับว่าหมดหน้าที่ของผม นับจากนี้ก็เป็นหน้าที่ของพวกคุณแล้ว”
ราเมศหน้าเสียตกใจ เช่นเดียวกับพวกปุยฝ้าย แต่เมื่อไม่มีทางเลือกอื่น ทุกคนจำต้องยอมรับโดยดุษฎี ที่ด้านนอก ฟ้าใส หนูดีและเจนก็ตกใจไม่แพ้กัน ราเมศ เดินกะเผลกออกมาสั่งว่า
“ฟ้า...พี่วานเอากระเช้าไปเยี่ยมหมอขวัญที่โรงพยาบาลทีสิ พี่จะไปเองแต่ปวดตัวเหลือเกิน”
ฟ้าใสทำหน้าเซ็ง มันเป็นกรรมอะไรหนอที่เธอต้องไปเผชิญหน้ากับผู้หญิงปากร้ายชอบจิกกัดแบบนั้น ปุยฝ้ายสงสารเสนอตัวไปเป็นเพื่อน แต่ถูกราเมศสกัดเพราะยังไม่ได้ส่งงานให้เขา แดเนียลยิ้มเจ้าเล่ห์บอกว่า
“ให้คุณฟ้าใสไปพร้อมผมก็ได้ ผมกำลังจะไปเยี่ยมหมอขวัญพอดี”
เฉินเปียวแอบยิ้มขำรู้ทันบอสว่าคิดจะทำอะไร ปุยฝ้ายรีบฉุดแขนเขาแล้วขอร้องให้ช่วยส่งข่าวถ้าฟ้าใสถูกหมอขวัญใช้วาจาเสียดสีอีก หญิงสาวฉีกยิ้มหวานทำตาใสซื่อนึกในใจว่าคราวนี้จะยิงปืนนัดเดียวให้ได้สองตัว เพราะนอกจากจะได้ใช้เขาเป็นหูเป็นตาแทนแล้ว ยังถือโอกาสนี้ตีเนียนให้เบอร์ตัวเองกับเฉินเปียวไปด้วย
ooooooo
บรรยากาศการนั่งรถไปโรงพยาบาลของแดเนียลและฟ้าใสเต็มไปด้วยความอึดอัด ทั้งสองคนต่างมองออกไปนอกหน้าต่างไม่ยอมสนทนาเพราะทิฐิที่มีต่อกัน เฉินเปียวมองจากกระจกส่องหลังส่ายหน้าเหนื่อยใจ
เมื่อมาถึงโรงพยาบาล โจววิ่งกระหืดกระหอบเอาช่อดอกไม้มาส่งให้แดเนียล ฟ้าใสตาโตตะลึงกับความอลังการของมัน ชายหนุ่มแสร้งยิ้มพอใจเพื่อยั่วหญิงสาวพลางสั่งลูกน้องว่า
“ฉันสั่งแล้วไม่ใช่เหรอว่าห้ามมีดอกลิลลี่ คุณหมอขวัญแพ้เกสรดอกลิลลี่ เอาไปเปลี่ยน”
โจวยืนเกาหัวแกรกมั่นใจว่าได้รับคำสั่งมาอย่างถูกต้อง เฉินเปียวกระทุ้งข้อศอกกระซิบยืนยันว่าเขาฟังไม่ผิดหรอก แต่บอสต้องการแกล้งฟ้าใสเท่านั้น ที่ผ่านมาไม่เคยให้ดอกไม้กับผู้หญิงคนไหนเลย โจวมองช่อดอกไม้งงงวย...
ขณะนั้น หมอขวัญนอนอยู่บนเตียงภายในห้องพัก เมื่อเห็นแดเนียลมาเยี่ยมก็พยายามลุกขึ้น แดเนียลปราดเข้าประคองช่วยเธอโดยหวังยั่วฟ้าใสให้ออกอาการหึงและเขาก็ทำสำเร็จเพราะฟ้าใสรีบหันหน้าเมินไม่อยากมองให้เจ็บปวดใจ เฉินเปียวสะกิดฟ้าใสพยักพเยิดให้เอากระเช้าไปให้ หญิงสาวพยักหน้าแล้วยิ้มกว้างสู้
“ขอโทษนะคะที่ขัดจังหวะ พี่ขวัญคะ...กระเช้าเยี่ยมจากสำนักพิมพ์โลลาค่ะ พี่ราเมศอยากจะมาด้วยตัวเองแต่ว่าไม่สบาย แล้วนี่ก็การ์ดจากฟ้าทำเองกับมือเลยค่ะ”
“น่ารักมากเลย พี่เคยได้ยินอิฐพูดชมบ่อยๆว่าฟ้าช่างประดิษฐ์ ยังไงก็ขอบใจมากนะ”
ฟ้าใสยิ้มรับแล้วรีบขอตัวกลับเพราะไม่อยากรบกวนเวลาของหมอขวัญกับแดเนียล เจ้าพ่อมาเฟียหน้าหยกมองตามหลังตาละห้อย ก่อนจะพึมพำขอตัวเช่นกัน หมอขวัญพยายามจะรั้งเขาไว้แต่ไม่ทัน ฟ้าใสเดินออกไปอย่างรวดเร็ว แดเนียลรีบคว้าแขนเธอไว้สั่งว่า
“คุณยังกลับไม่ได้...ผมยังไม่ให้คุณกลับ”
“ฉันเสร็จธุระแล้ว คงต้องรีบกลับไปทำงานแล้วอีกอย่างหนึ่ง...คุณถอนหุ้นจากออฟฟิศฉันแล้ว คุณไม่ใช่เจ้านายของฉันอีกต่อไป เพราะฉะนั้นคุณไม่มีสิทธิ์มาสั่งฉัน”
“ผมสั่งคุณไม่ใช่ฐานะเจ้านาย แต่เป็นคนที่หวังดีกับเฉินหมิง ช่วยโทร.บอกเขาให้มารับคุณที่นี่ ผมมีเรื่องจะคุยด้วย”
ไม่นานนัก เฉินหมิงก็มาถึงและทำหน้าแปลกใจที่เห็นแดเนียลรออยู่กับฟ้าใสด้วย เขากระชากเสียงถามศัตรูคู่อาฆาต
“นายมีอะไรจะคุยกับฉันหรือเปล่า”
“ตกลงว่าพี่ชายนายเป็นอะไรกันแน่ เพราะเท่าที่ฉันเห็น...เขาดูเหมือนคนมีอาการทางจิตมากกว่าคนป่วยที่เคยถูกรัดคอแล้วขาดเลือดไปเลี้ยงสมอง นายแน่ใจนะว่าสิ่งที่พี่ชายเป็นมันเกิดจากเหตุการณ์ในวันนั้น ถ้าให้ฉันเดา...คนที่พาเขาไปหาหมอคือเทียนคงใช่ไหม ฉันขอเตือนนะ...เรื่องสำคัญบางเรื่อง ไม่ควรไว้ใจใครที่ไม่ใช่คนในครอบครัวทำแทน”
เฉินหมิงเดือดปุดปราดเข้าไปกระชากคอเสื้อแดเนียลสั่งว่าไม่ใช่เรื่องของคนนอก และขอทวงบุญคุณจากการช่วยชีวิตด้วยการห้ามไม่ให้พูดถึงคนในครอบครัวตนอีก สองหนุ่มจ้องหน้ากันอย่างเอาเรื่องอยู่ชั่วครู่ ก่อนหัวหน้าแก๊งเสือขาวผู้มีอารมณ์ร้อนจะลากฟ้าใสให้กลับไปกับเขา แดเนียลยืนนิ่งมองตามคนทั้งคู่อย่างเป็นห่วง เฉินเปียวกระซิบถามถึงผลการคุย
“เฉินหมิงเห็นเทียนคงมาตั้งแต่เกิด และคิดกับเขาเป็นเหมือนญาติคนหนึ่ง เขาถึงไม่เคยคิดว่าเทียนคงจะหักหลังเขา ตราบใดที่สมุดปกดำยังอยู่กับเรา เทียนคงยังไม่ลงมือทำอะไรหรอก...ฉันดีใจที่นายเป็นห่วงเฉินหมิง”
เฉินเปียวอึ้งแต่ยังไม่ยอมรับความรู้สึกนั้น เรื่องที่เฉินฮ่าวกับเฉินเซียวเหยาทำกับครอบครัวเขา มันเป็นบาดแผลลึกยากที่จะสมานจิตใจได้ง่ายๆ แดเนียลจ้องหน้าลูกน้องคนสนิทบอกว่าไม่ต้องหาเหตุผล...เป็นห่วงก็คือเป็นห่วง แต่ใครกันที่ทำให้เขาเปลี่ยนแปลงไป เฉินเปียวไม่ยอมสบตาบอสเพราะรู้ดีว่าใครที่ทำให้เขามีความรู้สึกเช่นนี้
ooooooo
เฉินหมิงขับรถมาส่งฟ้าใสที่บ้านแต่ไม่ยอมเข้าไปเพราะกลัวทะเลาะกับกวินทร์อีก หญิงสาวขอบคุณที่เขาเข้าใจแล้วถามว่าจะตัดสินใจอย่างไรกับคำเตือนของแดเนียล
“ผมไม่เข้าใจว่าแดเนียลต้องการอะไร”
“ฉันว่าเขาไม่ได้ต้องการอะไรเลย เพราะเป็นห่วงคุณจริงๆ ฉันยังยืนยันคำเดิม...ตั้งแต่ฉันรู้จักเขามา...ไม่เคยได้ยินเขาพูดถึงคุณในทางไม่ดีเลยแม้แต่คำเดียว ลองเอาคำเตือนของเขาไปคิดดูนะ”
“ก็ได้ แต่ที่ผมยอมเพราะคุณนะ...ไม่ใช่เพราะแดเนียล”
คืนนั้นเฉินหมิงนั่งมองใบหน้าของเฉินเซียวเหยาที่ฟกช้ำอย่างครุ่นคิด พอเทียนคงมาหาตามคำสั่งก็ถามถึงเรื่องการติดต่อกับหมอที่ฮ่องกง เทียนคงอึกอักถามว่าเกิดเรื่องอะไรขึ้น ชายหนุ่มอธิบายว่าอยากคุยเรื่องอาการของพี่ชาย เพราะต้องการย้ายมารักษากับหมอที่เมืองไทย ตนจะได้มีเวลาดูแลใกล้ชิด สีหน้าเทียนคงบ่งบอกถึงความไม่สบายใจกลัวแผนแตกก่อนเวลาอันสมควร เขาสั่งการให้ฟงมาหาโดยด่วน และต้องตกใจสุดขีดเมื่อฟงเล่าว่า
“วันนี้ผมตามนายน้อยตามที่คุณสั่ง นายน้อยไปหาแดเนียลกับผู้หญิงคนนั้นที่โรงพยาบาล พวกเขาคุยอะไรกันก็ไม่รู้ ผมไม่ได้ยิน”
“มันต้องพูดอะไรให้นายน้อยฟัง เขาถึงคิดจะดูแลไอ้เฉินเซียวเหยาด้วยตัวเอง”
“แล้วแบบนี้...นายน้อยจะรู้ไหมครับว่าคุณไม่เคยพาคุณชายใหญ่ไปหาหมอเลย”
ดวงตาของเทียนคงฉายแววแค้นใจ เขาพูดเสียงกร้าวว่าเวลานี้ตัวปัญหาคือแดเนียลไม่ใช่เฉินหมิง!
ด้านกวินทร์มีแต่ความกังวลใจครุ่นคิดหาเงินมาชดใช้คืนเฉินหมิงให้เร็วที่สุด พอเห็นหน้าหมออิฐที่พยายามเทียวไปเทียวมาหาลูกสาวก็นึกอะไรออก เขาเปลี่ยนท่าทีเป็นต้อนรับชายหนุ่มอย่างดีใจจนชวนชมแปลกใจ ผิดกับฟ้าใสที่รู้เท่าทันความคิดของพ่อ เธอฉุดลากกวินทร์มาคาดคั้นถามเสียงเครียด
“พ่อคิดจะยืมเงินพี่อิฐไปคืนคุณเฉินหมิงใช่ไหม พ่อทำแบบนี้ทำไม ฟ้าบอกแล้วไงว่าเดี๋ยวฟ้าหาทางจัดการเอง”
“ฟ้าจะจัดการยังไง เงินไม่ใช่พันสองพัน...ทำไมไม่คิดตั้งแต่ก่อนจะเอาเงินเขามา พ่อปล่อยให้ฟ้าคิดคนเดียวไม่ได้เพราะเงินก้อนนี้เกิดจากความเจ็บป่วยของพ่อ วันดีคืนดีพวกมาเฟียอาจจะขู่ให้แกไปนอนกับมันก็ได้”
“แต่ฟ้าจะไม่ปล่อยให้พ่อไปเอาเงินจากพี่อิฐ ฟ้าไม่อยากให้เขามาดูถูกเรา พวกมาเฟียไม่ใช่คนเลวเสมอไป”
กวินทร์ยืนยันไม่ให้ลูกสาวยุ่งในเรื่องนี้เพราะมันเสี่ยงอันตราย ฟ้าใสมองพ่อนิ่งอยู่ชั่วครู่แล้วนึกเสียใจวิ่งออกไปทันที ชวนชมผวาจะเข้าไปปลอบลูกสาวแต่สามีตวาดเสียงลั่นไม่ให้ไป
หลังจากทะเลาะกับพ่อ...ตกดึกคืนนั้น ฟ้าใสฮึดสู้นั่งพิมพ์นวนิยายเรื่องใหม่โดยหวังหาเงินมาชดใช้หนี้ให้เร็วที่สุด
รุ่งเช้า ฟ้าใสกระหยิ่มยิ้มย่องรีบเอานวนิยายเรื่องใหม่ไปเสนอกับราเมศ แต่แล้วก็ต้องใจแป้วเมื่อเจ้านายพูดว่า
“บอกไม่ถูก...มันเหมือนจะดี เกือบจิกหมอนแล้ว แต่มันไปไม่ถึง แล้วก็ดูแห้งแล้งบอกไม่ถูก ไม่เหมือนตอนที่ฟ้าเขียนกาลครั้งหนึ่งในหัวใจ เรื่องนั้นหวาน...น้ำตาลเรียกแม่ ช่วงนี้อกหักอยู่หรือเปล่า”
“เปล่าค่ะ แต่อาจเป็นเพราะฟ้ามีเรื่องเครียดก็เลยหวานไม่ออก”
“หวานออกแล้วค่อยแก้ส่งมาให้พี่อ่านใหม่แล้วกัน เออนี่...คิดตอนจบกาลครั้งหนึ่งในหัวใจมาส่งด้วย เดี๋ยวไม่มีลง”
หญิงสาวคอตกเดินกลับโต๊ะหมดสิ้นเรี่ยวแรง ปุยฝ้ายมองท่าทีอ่อนระโหยนั่นอย่างเห็นใจ เหมือนเคราะห์ซ้ำกรรมซ้อน เจนเดินมาสั่งให้ไปซื้ออาหารแถวบริษัทอีก ฟ้าใสอยากจะกรีดร้องแต่ในความเป็นจริงทำได้แค่เพียงพยักหน้ารับเท่านั้น
ฟ้าใสหน้าซีดเดินถือถุงอาหารและชานมหลายแก้วมาตามทาง เธอเริ่มโงนเงนจากแสงแดดที่แผดกล้า เพียงครู่เดียวก็หน้ามืดล้มลง ทันใดนั้นมีชายคนหนึ่งที่เดินตามหลังปราดเข้ามาประคองถามว่าเป็นอะไรไหม หญิงสาวส่ายหน้าแข็งใจลุกขึ้น ระหว่างนั้นมีรถตู้เข้ามาจอดเทียบข้าง คนในรถเปิดประตูแล้วชายคนที่ช่วยเหลือก็กระชากตัวเธอผลักเข้าไปในรถทันที
ooooooo
ขณะเดียวกันนั้นภายในรถของแดเนียล ชายหนุ่มกำลังคุยโทรศัพท์ด้วยสีหน้าวิตกกังวล ถามปลายสายว่า
“วันนี้มีเรือเข้ามาใช่ไหม ฉันจะเข้าไปดูความเรียบร้อยในอีกสองสามชั่วโมงข้างหน้า เตรียมตัวด้วย”
เมื่อวางสาย จู่ๆก็มีเบอร์แปลกส่งข้อความเป็นไฟล์วีดิโอเข้ามา แดเนียลแปลกใจแล้วกดเปิด ภาพในคลิปเป็นฟ้าใสนอนสลบ และถูกมัดปากด้วยสกอตช์เทป บนตัวมีระเบิดตั้งเวลาไว้ 60 นาที ชายหนุ่มตะลึงงัน ก่อนจะตะโกนเรียกชื่อหญิงคนรักเสียงดังลั่น เฉินเปียว สะดุ้งหันมาถามว่าเกิดอะไรขึ้น ยังไม่ทันจะได้ฟังคำอธิบาย ก็มีเสียงเรียกเข้าจากมือถือแดเนียล ชายหนุ่มกดรับ ปลายสายเป็นเสียงผู้ชายแหบพร่าดังลอดออกมาแว่วๆว่า
“มาเล่นซ่อนหากันดีกว่าไหม เจ้าพ่อแก๊งมังกรทอง”
“แกเป็นใคร แกเอาฟ้าใสไปไว้ที่ไหน!”
“หาสิ หาให้เจอ ฉันให้เวลาหนึ่งชั่วโมง...ไม่อย่างงั้นผู้หญิงของแดเนียล...บึ้ม!”
เสียงหัวเราะของผู้ชายปลายสายดังอย่างเย้ยหยัน ก่อนจะตัดสายไปอย่างรวดเร็ว แดเนียลตะโกนใส่โทรศัพท์แทบจะคลุ้มคลั่ง แล้วหันมาสั่งการเสียงเด็ดขาดกับ
เฉินเปียวให้ติดต่อหาเพื่อนของฟ้าใสโดยด่วน เวลานั้น นุตรากับปุยฝ้ายยืนอยู่ริมถนนด้วยความร้อนใจ เพราะฟ้าใสหายตัวไปหลายชั่วโมงแล้วติดต่อไม่ได้ พอเดินออกมาตามหา พบเพียงซากถุงอาหารและแก้วชานมตกกระจายเกลื่อนพื้นตรงริมทาง สองสาวตกใจแทบสิ้นสติหวั่นใจว่าต้องมีเรื่องร้ายเกิดขึ้นกับเพื่อนรุ่นน้องแน่นอน
พอดีกับเฉินเปียวโทร.หาปุยฝ้าย เธอละล่ำละลักบอกพิกัดที่พวกเธอเจอถุงอาหารและแก้วชานม ไม่กี่นาทีต่อมา รถของแดเนียลขับมาจอดตรงนั้นอย่างเร็ว แดเนียลกระโจนลงจากรถถามสองสาวว่า
“มีโทรศัพท์จากฟ้าใสติดต่อกลับมาบ้างหรือยัง ที่ออฟฟิศมีใครรู้เรื่องนี้บ้างไหม”
ปุยฝ้ายส่ายหน้าบอกว่าตนกลัวทุกคนจะแตกตื่นจึงยังไม่ได้บอกใครแม้แต่พ่อแม่ของฟ้าใส แดเนียลตัดสินใจโทร.หาฟ้าใสแต่ไม่มีการตอบรับจากปลายสาย ขณะนั้นเองฟ้าใสเพิ่งฟื้นคืนสติขึ้นมาด้วยความตกใจ
เธอรู้สึกถึงการสะเทือนของมือถือเนื่องจากมีสายเรียกเข้าแต่ไม่สามารถกดรับได้เพราะถูกมัดทั้งมือและเท้า แถมเมื่อมองตามสายไฟที่พันอยู่รอบตัวก็ยิ่งใจเสียเพราะมีแผงระเบิดตั้งเวลาจับอยู่ มันเหลือเวลาอีกแค่ 40 นาทีเท่านั้น ฟ้าใสตะลึงงันแล้วพยายามจะดิ้นหนี...แต่ไม่สำเร็จ
แดเนียลวางสายนิ่วหน้าอย่างใช้ความคิด พึมพำว่าฟ้าใสไม่รับสาย แต่มือถือยังใช้ได้อยู่ พลันเฉินเปียวพูดโพล่งขึ้นว่า
“หาพิกัดของมือถือจากสัญญาณโทรศัพท์ไหมครับ”
“ใช่ๆ นุตจำได้ว่าฟ้าเคยจดล็อกอินกับพาสเวิร์ดที่ใช้หามือถือหายไว้ในสมุดบันทึก แต่มันอยู่ที่บ้านฟ้าใส”
เท่านั้นเองทุกคนกระโจนขึ้นรถที่วิ่งมุ่งหน้าไปยังบ้านหลังนั้นแทบติดจรวด เมื่อไปถึงนุตรากับปุยฝ้ายวิ่งพรวดพราดเข้าไปในบ้านด้วยความร้อนใจ ทั้งคู่พยายามสะกดท่าทีไม่แสดงอาการพิรุธต่อหน้ากวินทร์กับชวนชม ปุยฝ้ายฝืนยิ้ม
“พ่อคะ แม่คะ พอดีพวกหนูผ่านมาทางนี้ ฟ้าใสเลยฝากให้เรามาหยิบของให้เธอ ขออนุญาตขึ้นไปข้างบนนะคะ”
กวินทร์และชวนชมแปลกใจที่จู่ๆสองสาววิ่งถลาเข้ามา พอได้ยินคำชี้แจงนั่นก็ไม่ติดใจอะไรอีกพยักหน้าอนุญาตทันที สองสาววิ่งแข่งกันไปที่ห้องของฟ้าใสพยายามค้นหาสมุดบันทึกแทบทุกมุมห้องจนเจอในที่สุด
เฉินเปียวคุยโทรศัพท์กับปุยฝ้ายแล้วใส่รหัสลงในโปรแกรมติดตามมือถือ แดเนียลยืนมองลุ้นอย่างใจระทึก เพียงครู่เดียว ผลการค้นหากำลังจะระบุพิกัดที่อยู่สุดท้ายของมือถือฟ้าใสบนหน้าจอมือถือของเฉินเปียว ชายหนุ่มยิ้มดีใจแต่แล้วโปรแกรมก็หยุดการค้นหา แดเนียลถามว่ามันเกิดอะไรขึ้น ลูกน้องคนสนิทอธิบายว่า
“มันหยุดค้นหา เพราะมือถือคุณฟ้าอาจจะไม่มีสัญญาณ หรือไม่ก็แบตหมด”
แดเนียลแทบจะคลั่งตาย พยายามสะกดอารมณ์ครุ่นคิดหาทางอีกครั้ง ก่อนจะถามว่าพิกัดสุดท้ายที่โปรแกรมบอกนั้นอยู่แถวไหน เฉินเปียวกดมือถือตัวเองอีกครั้งแล้วส่งให้เจ้านายดู เจ้าพ่อแก๊งมังกรทองประหลาดใจเพราะมันอยู่แถวบ้านฟ้าใส!
ปุยฝ้ายกับนุตราวิ่งกลับลงมาชั้นล่างของบ้าน พยายามหลอกล่อให้กวินทร์กับชวนชมออกจากบ้านเพื่อเปิดทางสะดวกให้กับพวกแดเนียลเข้ามาค้นหาอย่างเร่งด่วน นุตราใช้แผนออดอ้อนกวินทร์ว่า
“พ่อคะ...พอดีที่ออฟฟิศโทร.มาให้เราสองคนช่วยหาซื้อข้าวกล่องไปให้ พ่อช่วยทำให้นุตหน่อยนะคะ”
ชวนชมขมวดคิ้วแย้งว่าร้านปิดแล้ว แต่กวินทร์สวนขึ้นว่าวันนี้ไปหาหมอมาทั้งวันยังไม่มีเงินเข้ากระเป๋าเลย ตนคงนอนไม่หลับถ้าไม่มีรายได้เข้ามาบ้าง ภรรยาพยักหน้าเห็นด้วยและคว้ากุญแจร้านรีบเดินออกไปทำตามคำขอร้องอย่างเต็มใจ ปุยฝ้ายถอนหายใจโล่งอกผลักนุตราให้เดินตามคนทั้งคู่ ส่วนตัวเองจะตามไปทีหลัง
นาฬิกาบนระเบิดโชว์ว่าเหลือเวลาอีกเพียงสิบกว่านาทีเท่านั้นที่มันจะเริ่มทำงาน ฟ้าใสน้ำตานองหน้าพยายามดิ้นรนเพื่อให้หลุดพ้นจากพันธนาการทั้งหมด แต่ทำเท่าไรก็ไม่สำเร็จ
หลังจากปุยฝ้ายโทร.แจ้งว่าทางสะดวกแล้ว รถของแดเนียลขับเข้ามาจอดอย่างรวดเร็ว ทั้งลูกพี่และลูกน้องแก๊งมังกรทองกระจายกำลังเข้าค้นหาทั่วทุกซอกทุกมุมภายในบริเวณบ้าน ปุยฝ้ายถามมาเฟียหน้าหยกว่ามั่นใจได้อย่างไรว่าฟ้าใสอยู่ที่นี่
“ที่ที่ปลอดภัยที่สุด คือที่ที่อันตรายที่สุด นายสองคนแยกย้ายกันหาข้างนอก ฉันจะหาข้างใน”
แดเนียลเดินตามหาร่องรอยของฟ้าใสไปรอบบ้าน แต่ไม่เห็นมีอะไรผิดปกติ เขาใจจะขาดเพราะเหลือเวลาอีกไม่มากแล้ว สุดท้ายด้วยความอัดอั้นตันใจ ชายหนุ่มตะโกนเรียกหาฟ้าใสเสียงดังลั่น และแล้วเหมือนโชคชะตาลิขิตให้หญิงสาวไม่ถึงฆาต เธอได้ยินเสียงชายคนรักแว่วมา ฟ้าใสเริ่มมีความหวัง พยายามจะตะโกนผ่านผ้าปิดปากแต่ไม่สำเร็จ เธอมองไปที่นาฬิกาเหลือเวลาอีกเพียงแค่สองนาที เธอตื่นตระหนกตัดสินใจใช้หัวกระแทกกับพื้นแรงๆ
มีเสียงดังมาจากด้านหนึ่งของบ้าน แดเนียลชะงักพยายามเงี่ยหูฟังว่าเสียงนั้นมาจากที่ไหน เขากวาดสายตาไปรอบๆ จนกระทั่งสังเกตเห็นกล่องสีขาวขนาดใหญ่ที่เหมือนโลงศพปะปนอยู่กับกลุ่มกระถางขนาดใหญ่หลายใบ ชายหนุ่มวิ่งปราดเข้าไปผลักพวกกระถางนั่นออก ฟ้าใสฝืนความเจ็บผงกหัวขึ้นแล้วฟาดลงกับพื้นอีกครั้ง แดเนียลตะโกนเรียกเฉินเปียวให้มาช่วย ปุยฝ้ายวิ่งเอาชะแลงมาส่งให้ สองหนุ่มช่วยกันงัดฝาโลงออกได้สำเร็จ เมื่อเปิดขึ้นก็เห็นฟ้าใสนอนอยู่ข้างใน
ระเบิดเวลาบนตัวฟ้าใสเหลืออีกห้าวินาที แดเนียลกระชากสายระเบิดออกได้ทันเวลาพอดีแล้วส่งให้ลูกน้องเอาไปทำลาย ฟ้าใสร้องไห้โฮทั้งกลัวและดีใจ ชายหนุ่มกอดคนรักอย่างแหนหวงและพบว่าเธอหัวแตก เท่านั้นเองทั่วทั้งบ้านก็เกิดโกลาหลอีกครั้ง แดเนียลตะโกนสั่งให้เตรียมรถเพื่อพาฟ้าใสส่งโรงพยาบาล ตอนนี้ความห่วงใยมีมากจนหลงลืมความโกรธและทิฐิที่เขาสร้างไว้กับฟ้าใส
กวินทร์กับชวนชมได้ยินเสียงเอะอะรีบวิ่งตามมาดูก็เห็นแดเนียลอุ้มลูกสาววิ่งขึ้นรถ พ่อแม่ตะโกนอย่างหัวเสียว่าจะพาเธอไปไหนกัน ปุยฝ้ายต้องรีบเข้ามาเคลียร์และพาสองคนขึ้นรถตามไปโดยเร็ว...
ooooooo










