สมาชิก

กาลครั้งหนึ่งในหัวใจ

ตอนที่ 8

สิ่งแรกที่หมอขวัญจำเป็นต้องทำในเวลานี้คือการถอนหมั้นกับหมออิฐเพื่อกรุยทางให้กับตัวเอง เธอนัดเขามาคุยอย่างใจเย็นที่ร้านอาหารไม่ไกลจากโรงพยาบาลนัก ด้านหมออิฐกระตือรือร้นดีใจเพราะเข้าใจผิดคิดว่าหญิงสาวใจอ่อนยอมคืนดี

“ขอโทษนะขวัญ ผ่าตัดเคสนี้ยากเลยใช้เวลานานหน่อย ทำไมขวัญยังไม่สั่งอาหารมาทานล่ะครับ ไม่หิวหรือไง”

“ขวัญไม่ได้จะมาดินเนอร์กับคุณค่ะ...แค่อยากคืนของให้คุณ ขวัญขอถอนหมั้นคุณค่ะ ไม่ต้องถามเหตุผลว่าทำไม เพราะขวัญไม่อยากเห็นคุณเจ็บมากไปกว่านี้ เอาเป็นว่าขวัญต้องการอิสระ”

หมออิฐมึนงงตั้งตัวไม่ติด กระทั่งเห็นหมอขวัญเดินออกจากร้านจึงได้สติวิ่งตามออกมาคว้าแขนถามถึงเหตุผลว่าตนทำอะไรผิด หมอขวัญหยุดยืนนิ่งชั่วครู่ก่อนจะพูดประโยคที่เชือดเฉือนความรู้สึกชายหนุ่มยิ่งนัก

“เราต้องเลือกสิ่งที่ดีที่สุดให้ชีวิตเรา เหมือนที่คุณเคยเลือกขวัญเพราะขวัญดีกว่าฟ้าใส แต่ตอนนี้คุณไม่ใช่สิ่งที่ดีที่สุดสำหรับขวัญ โชคดีนะคะอิฐ และถ้าคุณยังอยากเป็นหมอมือหนึ่งของที่นี่ โปรดอย่าไปแสดงความหึงหวงขวัญที่ไหนด้วย”

เวลาเดียวกันนั้นที่บ้านแก๊งเสือขาว เฉินหมิงรู้สึกดีใจที่พี่ชายมีการตอบสนองดีขึ้นหลังกลับจากพบหมอที่ฮ่องกง เทียนคงได้ทีกำชับให้รีบดำเนินการตามแผนเพื่อจะได้นำตัวคุณชายใหญ่กลับไปอยู่ที่นั่นเป็นการถาวร สิ้นคำพูดก็มีเสียงมือถือของเทียนคงดังขึ้น มันเป็นสายจากหยางรายงานว่าเจอตัวคนที่ทำร้ายฟ้าใสแล้ว

สองคนเร่งรุดไปยังโกดังร้างไม่ไกลจากบ้าน เฉินหมิง แปลกใจเมื่อเจอลูกน้องของหวังเฟยถูกซ้อมอย่างทรมาน เสียงเทียนคงชี้แจงว่าคืนที่ตนไปบ้านคุณฟ้าใส ก่อนหน้านั้นมีสายจากฮ่องกงส่งข่าวมาบอกว่าเธออยู่กับแดเนียลที่เขาใหญ่ ตนจึงเช็กดู...ถึงเจอว่าเป็นสายที่โทร.มาจากคน ของแก๊งมังกรทองและตามหาตัวมันจนเจอ เฉินหมิง สาวเท้าเข้าใกล้มันถามว่าใครใช้ให้มาฆ่าฟ้าใส นอกจากจะไม่ได้รับคำตอบแล้ว มันยังถุยน้ำลายใส่หน้าเขาอีก เทียนคงกระหน่ำเท้าเข้าใส่มันไม่ยั้ง

“เทียนคง พอ! ฉันจะจัดการมันเอง...จะบอกฉันได้หรือยังว่าใครใช้แกมา!”

ลูกน้องหวังเฟยไม่ตอบแสยะยิ้มด้วยท่าทางยียวนใส่ เฉินหมิงแววตาแข็งกร้าวกระชากมีดจากมือลูกน้องคนหนึ่งมาสับลงที่มือมันอย่างแรง เสียงร้องอย่างเจ็บปวดดังขึ้นก่อนจะโพล่งสารภาพว่า

“นายท่าน! นายท่านหวังเฟยสั่งให้ฆ่าผู้หญิงคนนั้น”

ทั้งเฉินหมิงและเทียนคงต่างอึ้งคาดไม่ถึงว่าหวังเฟยจะมีส่วนเกี่ยวข้องในเรื่องนี้...ขณะเดียวกันนั้นที่บ้านแดเนียล ชายหนุ่มดีใจเมื่อเห็นมารดามาเยี่ยมเขาในเวลาที่ความอ่อนแอทางจิตใจกำลังถาโถมจนแทบตั้งตัวไม่ติด พริมาดักคอลูกชาย

“ถ้าลูกกลับไปฮ่องกงแค่ตัว แต่หัวใจยังอยู่ที่นี่ แม่ไม่ให้กลับหรอกนะ”

“แต่ถ้าหน้าที่ความรับผิดชอบอยู่ที่โน่น ต่อให้เหลือแค่วิญญาณ แกก็ต้องกลับไป!”

หวังเฟยย้ำหนักแน่นให้ตระหนักถึงหน้าที่ว่าต้องมาก่อนสิ่งอื่นใด พริมาส่ายหน้าอ่อนใจกับความคิดของสามี ในขณะที่ลูกชายมองหน้าบิดาด้วยความรู้สึกผิดที่ไม่เชื่อฟังคำเตือนก่อนหน้านี้ ทันใดนั้นมีเสียงเอะอะดังขึ้นจากหน้าบ้าน เฉินเปียวปราดเข้ามาด้วยสีหน้าไม่สบายใจ ตามมาด้วยจิวกับลูกน้องอีกคนลากลูกน้องหวังเฟยที่สลบเหมือดมาจากทางหน้าบ้าน หวังเฟยตกใจกับสภาพของลูกน้องที่เต็มไปด้วยเลือดโซมกายโดยเฉพาะตรงรอยสักมังกรทองที่ถูกกรีดลึกเป็นทางยาว

แดเนียลกับเฉินเปียวสบตากันอย่างเคร่งเครียด เสียงกระซิบจากลูกน้องคู่ใจดังขึ้นว่า

“ไอ้เฉินหมิงรู้แล้วว่านายท่านสั่งคนไปฆ่าคุณฟ้าใส มันต้องเอาไปบอกเธอแน่นอน”

ooooooo

เช้าวันรุ่งขึ้นที่สำนักพิมพ์โลลา ปุยฝ้ายเห็นเฉินหมิงขี่มอเตอร์ไซค์เข้ามาก็ถลาเข้าไปถามว่า

“คุณเฉินหมิง! ฉันอยากเจอคุณอยู่พอดี ทำไมคนของคุณจะต้องมาตามทำร้ายเรา”

“ผมต้องขอโทษด้วยและสัญญาด้วยเกียรติของผมว่า...ต่อไปนี้จะไม่มีใครไปยุ่งหรือสร้างความเดือดร้อนให้อีก”

นุตรากับปุยฝ้ายถอนหายใจเฮือกใหญ่โล่งอกกับเหตุการณ์อกสั่นขวัญแขวนที่ผ่านมา เฉินหมิงยิ้มแล้วยื่นรูปถ่ายเก่าๆใบหนึ่งส่งให้ปุยฝ้ายบอกว่า

“นี่เป็นรูปถ่ายของผมกับอาเปียวตอนวัยรุ่น ผมไม่รู้จะเก็บไว้ทำไมอีกเพราะเขาตัดขาดกับพวกเราไปแล้ว แต่มันอาจจะมีประโยชน์กับคุณนะ”

ปุยฝ้ายจำต้องรับรูปใบนั้นมาอย่างงงๆ แล้วเฉินหมิง ก็เดินไปหาฟ้าใสที่นั่งหน้าเศร้าอยู่ไม่ไกลเพราะเปิดดูการ์ดเชิญงานเปิดตัวโลลาโฉมใหม่ เขาปาดน้ำตาบนแก้มหญิงสาวพูดเสียงเรียบว่า

“อยากให้ไอ้แดเนียลมาเห็นจัง ว่ามันทำให้คุณอ่อนแอขนาดไหน”

ฟ้าใสเลื่อนหน้าหลบมือเขาอย่างมีมารยาทถามว่ามาทำอะไรที่นี่วันนี้ เฉินหมิงอึกอักชั่งใจว่าควรจะบอกเรื่องหวังเฟยดีหรือไม่ ก่อนตัดสินใจไม่บอกกลับเสพูดว่าคิดถึงเธอจึงมาหาแทน หญิงสาวค้อนพึมพำว่าคงจะว่างมาก ขณะนั้นเองหนูดีถือซองน้ำตาลมาสั่งงานว่า

“พี่ราเมศสั่งให้เธอเอารายละเอียดนี่...ไปให้ร้านชุดราตรีที่จะเป็นสปอนเซอร์ให้งานเรา และก่อนไปให้เข้าไปฟังพี่ราเมศบรีฟก่อนด้วย เร็วๆเข้าล่ะ อย่ามัวแต่อ้อยอิ่ง”

หนูดีสั่งเสร็จก็สะบัดหน้าจากไป ฟ้าใสทำท่าเซ็ง ในขณะที่เฉินหมิงยิ้มให้กำลังใจสู้กับงานหนักนั่น

ด้านแดเนียล แม้ว่าปากจะพูดกับคนใกล้ชิดว่าเรื่องระหว่างเขากับฟ้าใสจบลงแล้ว แต่กิริยาทางกายส่อแววให้เห็นว่ามันยังคงจบลงไม่ได้ง่ายๆ...ระหว่างที่เซ็นเอกสารกองโต ใจของเขาไพล่คิดถึงแต่ภาพฟ้าใสที่เคยนอนหลับบนโซฟา เขาหงุดหงิดตัวเองที่คอยนึกถึงเธอตลอดเวลา วางปากกากระแทกกระทั้น ปิดหน้าหลับตาพยายามข่มความรู้สึกให้ลืมเธอ เผอิญว่าหวังเฟยผ่านมาเห็นเข้าจึงเปิดประตูเดินเข้าไปหาอย่างฉุนเฉียว

“ฉันต้องหาผู้หญิงหน้าเหมือนโบตั๋นมาให้แกใช่ไหม...ถึงจะลืมฟ้าใสได้ รีบทำใจเข้า อย่าให้ใครเขาดูถูกได้ว่าแกโง่”

“อย่าเข้าใจผิดครับ ผมไม่ได้รักฟ้าใสเพราะเธอหน้าเหมือนโบตั๋น ผมรักที่เธอเป็นเธอ แต่ผมจะรีบตัด ใจให้ได้”

“ดีแล้ว...ลืมยายเด็กทรยศนั่นเสีย ก่อนจะทำให้ตัวแกเองเสียเครดิตไปมากกว่านี้!”

แดเนียลนิ่งเงียบไม่ตอบโต้...พลันมีเสียงเอะอะอยู่ด้านนอก สองพ่อลูกรีบเดินออกไป เจอคนกลุ่มใหญ่กำลังมุงดูอะไรอยู่ เฉินเปียวลุกขึ้นจากพื้นแหวกผู้คนออกมารายงานว่า

“คุณวิชัย พนักงานของเราเกิดโรคหัวใจกำเริบครับ คุณหมอขวัญกำลังช่วยปฐมพยาบาลให้อยู่”

หวังเฟยเลิกคิ้วเหมือนเป็นคำถามว่าใครคือหมอขวัญ แต่พอก้าวเข้าไปดู เขาเห็นผู้หญิงคนนั้นกำลังทำหน้าที่แพทย์ด้วยความคล่องแคล่วพร้อมกับโทร.สั่งการกับปลายสายจนเรื่องเรียบร้อยในที่สุด อดีตเจ้าพ่อแก๊งมังกรทองมองภาพนั้นอย่างพึงพอใจ...ต้องผู้หญิงแบบนี้ถึงจะคู่ควรกับลูกชายของตน เสียงหมอขวัญเจื้อยแจ้วอธิบายว่าตนผ่านมาทางนี้เลยจะมาชวนแดเนียลไปทานข้าวด้วยกัน แต่เพิ่งทราบว่าชายหนุ่มมีประชุมคงจะไม่สะดวก

หวังเฟยยิ้มเจ้าเล่ห์หันไปบอกลูกชายให้เลื่อนการประชุมออกไปก่อน แดเนียลหนักใจเมื่อเห็นท่าทางของบิดาแล้วก็รู้ทันทีว่าพ่อคิดจะทำอะไร จึงจำใจตอบรับการเชิญนั้นอย่างเสียไม่ได้

ที่ร้านอาหาร แดเนียลมีสีหน้าตึงเครียดเหมือนครุ่นคิดอะไรบางอย่างอยู่ตลอดเวลา หมอขวัญสังเกตเห็นเปรยว่า

“ถ้าคุณไม่อยากมาทานข้าวกับขวัญก็น่าจะบอกกับคุณป๊าคุณตรงๆ...คุณดูเครียด”

“ผมต้องขอโทษด้วย เผอิญมีเรื่องให้คิดหลายอย่าง แต่เชื่อเถอะว่าผมอยากมาทานข้าวกับคุณ ผมอยากมาเลี้ยงตอบแทนคุณหมอที่ช่วยชีวิตลูกน้องของผมไว้”

หมอขวัญแสร้งเล่นบทผู้หญิงที่เข้าใจโลกพยักหน้ารับทราบ พลันมีสายเรียกเข้ามือถือของเธอจากหนูดี

แจ้งว่าที่นัดเรื่องเลือกชุดใช้ในวันงาน สามารถเปลี่ยนวันได้ ถ้าหากไม่อยากเจอกับฟ้าใสในวันนี้ หมอขวัญชำเลืองมองแดเนียลที่กำลังกินข้าวอย่างมีเลศนัย ก่อนจะพูดขอบคุณแล้ววางสาย เธอสบตาชายหนุ่มถามว่า

“หนูดีโทร.มาบอกว่าให้ขวัญรีบเข้าไปเลือกแบบชุดที่ร้าน คุณแดเนียลพอจะมีเวลาว่างไปเป็นเพื่อนขวัญได้ไหมคะ”

ooooooo

หลังรับบรีฟจากราเมศเรียบร้อย ฟ้าใสตรงดิ่งมาพบกับเจ้าหน้าที่ร้านเสื้อหรูในห้างดังเพื่อซักซ้อมความเข้าใจ

“ชุดของคุณหมอขวัญขอเป็นชุดสีแดงให้ตรงธีมของงานคือความรัก ส่วนชุดพิธีกรก็เป็นโทนสีเดียวกัน แต่อาจจะเป็นชุดเดรสสั้นจะได้คล่องตัว”

เจ้าหน้าที่ตอบรับว่าจะจัดการให้ตามความประสงค์ ฟ้าใสขอบคุณและยิ้มโล่งใจที่งานเสร็จไปอีกขั้น จู่ๆก็มีเสียงเฉินหมิงถามดังขึ้นว่าเธอจะใส่ชุดไหนไปงาน หญิงสาวส่ายหน้าตอบว่ายังไม่ได้ตัดสินใจ แต่คงขุดหาชุดเก่าๆในตู้มาใช้ ชายหนุ่มฟังแล้วอ่อนใจ ก่อนจะหยิบชุดราตรีจากราวใกล้ตัวมาทาบกับตัวฟ้าใส

“ชุดนี้เหมาะกับคุณดี คุณชอบไหม ผมจะซื้อให้”

ฟ้าใสปฏิเสธเป็นพัลวันเพราะเกรงใจ ทั้งสองคนหยอกล้อกันเล่นเรื่องชุดอยู่นาน จนกระทั่งแดเนียลเห็นภาพบาดตานั่นเข้า ฟ้าใสชะงักอึ้งทำตัวไม่ถูก เรื่องที่เกิดขึ้นทำให้คนทั้งคู่ต้องจำใจเลิกรา แม้ว่าภายในจิตใจยังคงรักโหยหากันอย่างล้นเหลือ แต่เวลานี้ทำได้แค่เพียงมองและสกัดกั้นความรู้สึกนั้นให้จมลงอยู่ใต้บึ้งของหัวใจ

เสียงหมอขวัญทักทายฟ้าใส ทำให้สองฝ่ายหลุดจากภวังค์ เฉินหมิงกุมมือฟ้าใสกระซิบให้กำลังใจว่า

“ถ้าคุณหนีไม่ได้ คุณก็ต้องกล้าที่จะเผชิญหน้า ความรักไม่เคยทำให้ใครเจ็บจนตาย”

ฟ้าใสฝืนยิ้มสดใสเพื่อกลบเกลื่อนความเศร้าพลางยกมือไหว้หมอขวัญกับแดเนียล เชื้อเชิญให้ทั้งคู่เข้าไปลองชุดที่จะใส่ในงานเปิดตัวนิตยสารโลลาโฉมใหม่ หญิงสาวพยายามทำตัวให้เป็นปกติแล้วเดินนำหมอขวัญเข้าไปในร้าน และเปิดโอกาสให้แดเนียลกับเฉินหมิง

อยู่กันตามลำพัง หัวหน้าแก๊งเสือขาวยิ้มยียวนขอบคุณที่ทำให้ตนสนิทกับฟ้าใสมากขึ้น เท่านั้นเองอารมณ์ของแดเนียลก็ปะทุขึ้น เขากระชากคอเสื้อฝ่ายตรงข้ามตวาดเบาๆว่า

“ไอ้ทุเรศ! เอาผู้หญิงเป็นเครื่องมือ”

“พ่อนายไม่ทุเรศกว่าเหรอ แต่ฉันไม่บอกเรื่องนั้นให้ฟ้าใสรู้หรอกนะ ฉันไม่อยากให้เรื่องนายรบกวนจิตใจเธออีกเพราะฟ้าใสกำลังจะลืมนายได้แล้ว...แดเนียล”

เจ้าพ่อแก๊งมังกรทองกำหมัดแน่นพยายามสะกดอารมณ์โกรธที่พลุ่งพล่าน ทันใดนั้นฟ้าใสเดินออกมาเรียกแดเนียลให้เข้าไปลองเสื้อสูท สองหนุ่มจึงต้องเปลี่ยนท่าทีอย่างทันควัน หญิงสาวจ้องหน้าเฉินหมิงเหมือนอยากรู้ว่ามีเรื่องอะไรกัน ชายหนุ่มส่ายหน้าปฏิเสธแต่รู้สึกสะใจที่ทำให้แดเนียลเปิดเผยความรู้สึกส่วนลึกในจิตใจได้ ทั้งๆที่ปกติมีแต่ความเย็นชา

แดเนียลยืนลองเสื้อสูทสีขาวอยู่หน้ากระจกพยายามข่มความหงุดหงิดที่กำลังแล่นเป็นริ้วๆอยู่ในใจ เสียงฟ้าใสคุยกับพนักงานอยู่ด้านนอกยิ่งก่อกวนความรู้สึกเขามากยิ่งขึ้น เมื่อสบโอกาสตอนที่พนักงานไปช่วยหมอขวัญลองเสื้ออีกห้อง เขากระชากฟ้าใสเข้าไปในห้องอย่างรุนแรง หญิงสาวตัวแข็งตกใจในท่าทีนั้น เอ่ยปากถามเสียงสั่นว่าเขาจะทำอะไร แดเนียลไม่ตอบแต่ล็อกแขนเธอไว้ทั้งสองข้าง ก่อนจะก้มจูบบดขยี้ปากอย่างร้อนแรง...

ฟ้าใสดิ้นรนขัดขืนน้ำตาไหลพรากมองแดเนียลด้วยแววตาดุเหมือนแม่เสือร้าย เสียงแดเนียลตะคอกใส่เธอว่า

“ฉันกำลังจะให้บทเรียนกับคนทรยศ! คุณต้องเจ็บอย่างที่ผมเจ็บฟ้าใส!”

“ไม่ต้องห่วง ฉันได้บทเรียนแล้วจากการสูญเสียนั่นแล้ว”

แดเนียลชะงักอึ้งอยู่ชั่วครู่ ก่อนกระชับแขนแล้วกระหน่ำจูบเพื่อทดแทนความเจ็บปวดภายในใจ ยิ่งเมื่อนึกถึงสิ่งที่ฟ้าใสกระทำ เขายิ่งระงับอารมณ์ทั้งรักทั้งแค้นไว้ไม่อยู่...กระชากเสื้อเธอจนขาด ดวงตาของฟ้าใสเบิกโพลงแล้วสะบัดหน้าหนีได้สำเร็จ เธอร้องตะโกนขอความช่วยเหลือจากเฉินหมิงทันที

แดเนียลหยุดชะงัก จ้องมองฟ้าใสด้วยความผิดหวัง...เธอเรียกหาชายอื่นที่ไม่ใช่เขา มือของเขาคลายออกจากเธอ หญิงสาวใช้โอกาสนั้นผลักเขาออกแล้วเปิดประตูวิ่งออกไปอย่างเสียขวัญ ชายหนุ่มหันไปชกกระจกเปรี้ยงเดียวแตกเพื่อระบายอารมณ์โกรธ...เหมือนความสัมพันธ์ของเขาและฟ้าใสได้พังทลายลงแล้วในที่สุด

เสียงกระจกแตกทำให้ทุกคนวิ่งออกมาดูว่าเกิดอะไรขึ้น ภาพที่เห็นคือฟ้าใสเสื้อขาดวิ่นวิ่งน้ำตานองหน้าออกมาจากหลังร้าน เฉินหมิงปราดเข้ามาถามว่าแดเนียลทำอะไรเธอ ฟ้าใสไม่ตอบเอาแต่ร้องไห้ แต่สภาพของเธอทำให้เขาเข้าใจทันทีว่าเกิดอะไรขึ้น เสียงเขาคำรามถลาจะวิ่งเข้าไปจัดการ แต่ฟ้าใสดึงตัวอ้อนวอนเสียงสั่น

“พาฉันออกไปจากที่นี่ ฉันขอร้อง...ได้โปรดเถอะ”

เฉินหมิงถอดเสื้อตัวนอกออกแล้วคลุมตัวให้ฟ้าใสเดินโอบประคองเธออย่างทะนุถนอม แดเนียลมองตามภาพนั้นอย่างเศร้าใจ กิริยาท่าทางของทั้งสามคนทำให้หมอขวัญนิ่วหน้าสงสัยในความสัมพันธ์...

ooooooo

ที่โรงพยาบาล เฉินเปียวเดินสวนกับปุยฝ้ายโดยบังเอิญ หญิงสาวแปลกใจถลาเข้ามาถามว่ามาทำอะไรที่นี่ ส่วนตนหมอนัดให้มาดูกระดูกแขนที่เดาะ ชายหนุ่มเล่าว่าตนมาส่งคนที่บริษัท เพราะเกิดอาการโรคหัวใจกำเริบ ตอนนี้เสร็จแล้ว

“งั้นก็ดีเลย มีเวลาว่างสักชั่วโมงไหม ไปเป็นเพื่อนฉันหน่อยสิ”

เฉินเปียวเลิกคิ้วแปลกใจแต่ไม่ปฏิเสธคำขอร้องของหญิงสาว ปุยฝ้ายพาชายหนุ่มมาที่สถานรับเลี้ยงเด็กกำพร้าเพื่อนำขนมมาเลี้ยงตามที่ทำเป็นประจำ พวกเด็กๆกรูเข้ามาหาพวกเขาอย่างดีใจ เสียงเด็กร้องถามเซ็งแซ่จนทำให้เฉินเปียวอึดอัดใจทำตัวไม่ถูกท่ามกลางเด็กนั่น

ด้วยความไร้เดียงสาของเด็ก พวกเขาไม่รู้ว่ากำลังเล่นอยู่กับมาเฟียหน้าหยกจึงรุมล้อมดึงเสื้อ เนกไทเล่น ชายหนุ่มหน้าบึ้งบอกบุญไม่รับพยายามส่งเสียงห้ามแต่ไม่เป็นผล พวกเด็กเข้าใจว่าเขาเล่นด้วยจึงเอาพู่กันจุ่มสีมาระบายบนหน้าเฉินเปียวเป็นที่สนุกสนาน แต่แล้วในที่สุดสติเขาก็ขาดผึง ตบโต๊ะตะคอกเด็กเสียงดังให้หยุด

เสียงหัวเราะของพวกเด็กเงียบกริบเหมือนปิดสวิตช์ ก่อนที่เด็กตัวเล็กสุดจะแผดเสียงร้องไห้ดังลั่น

ทั้งครูพี่เลี้ยงและปุยฝ้ายวิ่งหน้าตาตื่นเข้ามาถาม พวกเด็กๆ พร้อมใจชี้ไปที่เฉินเปียวตัวต้นเหตุ

“ผมไม่ผิด พวกเขาอยากมายุ่งวุ่นวายกับผมเอง... ผมไม่ชอบโอ๋ใคร”

“พวกเขาอยากเล่นกับคุณ แต่คุณนั่งนิ่งเฉย ไม่พูดไม่จา...อย่าแล้งน้ำใจแม้กระทั่งกับเด็กตาดำๆ คุณอย่าอ้างว่าที่เป็นแบบนี้เพราะพ่อแม่ถูกฆ่า เรื่องนั้นมันจบไปนานแล้ว แต่คุณยังไม่ยอมปล่อยวางเอง คุณดูเด็กๆ พวกนั้นสิ เขาแย่กว่าคุณตั้งเยอะเพราะเขาไม่รู้เลยพ่อแม่ตัวเองเป็นใคร ไม่เห็นต้องเป็นบ้าเหมือนคุณ”

คำพูดของปุยฝ้ายกระทบใจเฉินเปียวเข้าอย่างแรง...ไม่นานนักหญิงสาวได้ยินเสียงเด็กหัวเราะ เมื่อเดินไปดูก็เห็นชายหนุ่มยอมคลานสี่ขาเล่นกับเด็กด้วยท่าทีที่เปลี่ยนไปอย่างสิ้นเชิง ปุยฝ้ายยิ้มถูกใจแล้วหยิบผ้าเช็ดหน้าออกมาจากกระเป๋าเพื่อช่วยซับหน้าเขาอย่างเอาใจโดยไม่ทันมองว่ารูปถ่ายที่ได้รับจากเฉินหมิงกระเด็นตกออกมา ชายหนุ่มนิ่วหน้าคว้ารูปนั่นขึ้นมาดู

“รูป? คุณเอามาจากไหนกัน”

“คุณเฉินหมิงให้ แทนคำขอโทษที่คนของเขามาก่อกวนฉันกับนุต เขาไม่รู้เรื่องที่เกิดขึ้นเลย พวกนั้นทำโดยพลการ”

เฉินเปียวแปลกใจกับข้อมูลนี้...ขณะเดียวกันนั้น เฉินหมิงพาฟ้าใสกลับมาส่งที่บ้านบอกว่าถ้ารู้สึกไม่ดีให้โทร.หาได้ตลอดเวลา ฟ้าใสพยักหน้ายิ้มเนือยๆ ชายหนุ่มถอนใจย้ำว่า

“อย่าลืมข้อเสนอของผม ถ้าคุณอยากเป็นผู้หญิงที่โชคดีที่สุดในโลก ทำง่ายๆแค่เปิดใจกับผมเท่านั้น”

ไม่มีคำตอบจากปากฟ้าใส นอกจากคำเตือนให้เขากลับบ้านโดยสวัสดิภาพ ฟ้าใสเดินเข้าบ้านสวนกับชวนชมที่ถือปิ่นโตใส่ข้าวออกมา มารดาตกใจในสภาพของลูกสาว แต่ฟ้าใสรีบกลบเกลื่อนว่าตนเองซุ่มซ่ามทำเสื้อขาดจึงยืมเสื้อพี่ที่ทำงานมาใส่ ชวนชมส่ายหน้าระอาใจกับความโก๊ะของเธอแล้วบอกว่าจะเอาปิ่นโตไปส่งให้หมออิฐที่บ้าน ฟ้าใสแปลกใจ

“อิฐบอกว่าลาพักผ่อนมาอยู่ที่บ้านหลายวัน แม่ไม่อยากให้เขามาที่นี่ พ่อเราชอบเหน็บแนมประชดเขา แม่สงสาร”

ทั้งสองคนเดินมาถึงหน้าบ้านของหมออิฐแต่เมื่อตะโกนเรียกกลับไม่มีเสียงตอบรับ ฟ้าใสเอะใจประหวัดคิดถึงสิ่งที่หมอขวัญพูด เธอใจไม่ดีบอกมารดาให้รีบเข้าไป เผื่อชายหนุ่มคิดทำอะไรบ้าๆ ชวนชมงงกับคำพูดของลูกสาวแต่ก็ทำตามอย่างเร็ว หมออิฐงุนงงเมื่อเห็นสองแม่ลูกวิ่งเข้ามาหน้าตาตื่นถามว่าเกิดอะไรขึ้น ฟ้าใสถอนหายใจโล่งอก...หมออิฐรู้สึกดีเริ่มมีความหวังเข้าใจว่าหญิงสาวยังคงมีใจให้กับตัวเอง จึงถามว่าเธอยังรักตนอยู่ใช่ไหม ฟ้าใสทำหน้าเบื่อพูดเสียงกร้าวว่า

“การที่ฟ้าเป็นห่วงพี่ กลัวพี่จะฆ่าตัวตาย ไม่ได้แปลว่าฟ้ายังรักพี่ เข้าใจตรงกันนะ”

หมออิฐไม่สะดุ้งสะเทือนกับคำพูดนั่นแต่หมายมั่นในใจว่าจะต้องหาหนทางให้หญิงสาวกลับมารักตนอีกให้ได้ ฟ้าใสเดินกลับบ้านอย่างละเหี่ยใจว่าวันนี้มันเป็นวันโลกาวินาศสำหรับชีวิตเธอหรือไร มีแต่เรื่องไม่หยุดหย่อน พอนึกถึงสิ่งที่แดเนียลทำกับเธอ ฟ้าใสตัดสินใจเด็ดขาดว่าจะต้องทำอะไรสักอย่าง...สิ่งแรกที่ทำคือโยนกำไลลวดลายมังกรทิ้งลงในถังขยะ...

ooooooo

ด้านแดเนียลหลังจากเห็นสภาพลูกน้องของพ่อถูกทารุณกรรมจากพวกแก๊งเสือขาวก็เคลือบแคลงใจยิ่งนัก เขากับเฉินเปียวไปหาอาเหลียงถึงห้องพักภายในบ้าน

“ฉันมีคำถามจะถามนายอย่างเดียว ป๊าฉันเป็นคนฆ่าพ่อกับพี่ชายของเฉินหมิงหรือเปล่า...ในฐานะที่นายเป็นมือขวาของพ่อฉัน ฉันจะให้เงินนายก้อนหนึ่งกับที่ดินบนฮ่องกงสักเล็กน้อย สำหรับเอาไปเริ่มต้นชีวิตใหม่”

อาเหลียงเงียบไม่ตอบรู้สึกกดดัน แต่พอได้ยินเรื่องเงินตั้งตัวกับที่ดินเท่านั้น...ท่าทีสงบนิ่งก็แปรเปลี่ยนยอมเล่าความจริงทั้งหมด ทั้งแดเนียลและเฉินเปียวมึนงงสับสนมากขึ้นเมื่อรู้ว่าหวังเฟยไม่มีส่วนเกี่ยวข้องกับการสั่งฆ่าคนตระกูลเฉิน...

เวลาเดียวกันนั้นที่บ้านเฉินหมิง เทียนคงพาโอลิเวอร์มาพบกับนายน้อยเพื่อเจรจาเรื่องสมุดปกดำ ลูกน้องคนสนิทมั่นใจว่านายตำรวจสากลผู้นี้จะสามารถหาวิธีบีบเอาสมุดปกดำจากแดเนียลได้ ในขณะที่เฉินหมิงยิ้มดูแคลนพูดหักหน้าโอลิเวอร์ว่าไม่มีวันทำสำเร็จ เทียนคงแย้งว่าที่ผ่านมาไม่ว่าวิธีไหน แม้แต่ใช้ฟ้าใสก็ยังไม่บรรลุแล้วจะทำอย่างไรดี เฉินหมิงจ้องหน้าเทียนคงอย่างเด็ดเดี่ยวแล้วย้ำว่า

“ถ้าใครทำไม่ได้...ฉันนี่แหละจะทำด้วยตัวเอง!”

เทียนคงมองอย่างไม่สบายใจ หันไปพูดกับ โอลิเวอร์ว่าในเมื่อเจรจากับนายน้อยไม่เป็นผล เห็นทีตนเองต้องลงมือจัดการเองโดยต้องขอความช่วยเหลือจากตำรวจสากล สีหน้าเทียนคงเต็มไปด้วยความมุ่งมั่น...

รุ่งขึ้น เฉินหมิงใส่ชุดสูทเต็มยศไปหาฟ้าใสที่บ้านอย่างอารมณ์ดีพร้อมกับกล่องชุดราตรีเพื่อเซอร์ไพรส์หญิงสาว ฟ้าใสนิ่วหน้าไม่ชอบใจที่ชายหนุ่มชอบทำอะไรตามใจตัวเอง ไม่เคยรับฟังสิ่งที่เธอเคยขอร้อง ชวนชมไม่เห็นด้วยเอ่ยปากว่า

“ฟ้าต้องใส่ แม่เพิ่งรู้จากคุณเฉินหมิงว่าวันนี้ฟ้าจะต้องไปเปิดตัวฐานะนักเขียนนิยายของนิตยสาร ชุดกระโปรงฟ้าธรรมดาเกินไป เผื่อได้ถ่ายรูปลงหนังสือ ฟ้าจะได้สวยๆเอาไปอวดคนทั้งซอยเลย”

ฟ้าใสละเหี่ยใจแต่ต้องจำนนกับคำสั่งของมารดา เมื่อแต่งตัวเสร็จแล้วเดินลงมาข้างล่าง เฉินหมิงมองแล้วยิ้มตาเป็นประกายอย่างตกตะลึง เช่นเดียวกันกับแดเนียลที่เห็นฟ้าใสเดินเข้ามาภายในงาน เขารู้สึกปวดแปลบในใจแต่ต้องซ่อนไว้ภายใต้ดวงหน้าเรียบเฉย เสียงนุตราเอ่ยชมไม่ขาดปาก แม้แต่ราเมศเองยังอดรู้สึกทึ่งกับการเปลี่ยนแปลงนั้น แดเนียลเสมองไปทางอื่นเพื่อไม่ให้ตัวเองทำอะไรเหมือนคนขาดสติเฉกเช่นวันลองเสื้อที่ร้านอีก เฉินเปียวเห็นอาการเจ้านายแล้วได้แต่เศร้าใจ

ราเมศเดินนำแดเนียลเข้าไปพักรออยู่ในอีกห้องหนึ่ง เจ้าพ่อแก๊งมังกรทองหัวเสียเมื่อรู้ว่าคนประสานงานไม่ใช่ฟ้าใส เขาสั่งราเมศเสียงเครียดว่าต้องการคนประสานงานคนเดิมเท่านั้น! นุตราหน้าเสียรีบวิ่งหาฟ้าใสอย่างจ้าละหวั่น...

ระหว่างที่รอคนประสานงานคนเดิมให้เข้ามาทำหน้าที่ แดเนียลก้มหน้าอ่านนวนิยายของฟ้าใสในนิตยสารโลลาอย่างรู้สึกดี เขามีความสุขกับความทรงจำอันสวยงามที่ก่อกำเนิดเป็นความรักในเวลาต่อมา พลันมีเสียงเคาะประตูดังขึ้น ฟ้าใสเดินเข้ามาพร้อมกับรายละเอียดการบรีฟงานก่อนจะขึ้นเวทีจริง

“เราเริ่มกันเลยนะคะ อีกประมาณครึ่งชั่วโมง...ช่วงพิธีการจะเริ่มต้น...แล้วต่อด้วยการแสดง”

“ยืนตรงนั้นกลัวผมกัดหรือไง...หรือกลัวว่าผมจะจูบคุณอีก...จะเขียนถึงผม ไม่คิดจะขออนุญาตบ้างหรือ”

ฟ้าใสเชิดหน้าตอบว่าตนเขียนจากจินตนาการไม่ใช่ชีวิตใคร และตอนจบก็เหมือนนิยายรักทั่วไปที่คู่พระนางจะสมหวังอยู่เคียงคู่กัน แดเนียลยิ้มหยันแล้วดึงกระชากตัวหญิงสาวเข้ามากอด ฟ้าใสขืนตัวกระซิบเสียงเข้มว่า

“คุณเฉินหมิงคอยฉันอยู่หน้าห้อง แค่ฉันร้อง เขากับลูกน้องจะเข้ามาช่วยฉัน”

แดเนียลไม่ฟังโน้มหน้าลงจูบฟ้าใสอย่างอ่อนโยนนุ่มนวล ทำเอาหญิงสาวเคลิ้บเคลิ้มหลับตาพริ้มสติล่องลอยไปไกล เมื่อเขาถอนริมฝีปากออก ฟ้าใสหายใจหอบถี่ด้วยความรู้สึกตื่นเต้นสับสน ชายหนุ่มเชยคางเธอขึ้นบอกว่าตนเป็นจูบแรกของเธอจึงอยากให้จำจูบอย่างนี้ไปจนวันตาย แม่ผีเสื้อตัวน้อยตะลึงงัน...ก่อนที่หมอขวัญจะเดินเข้ามาในห้อง เสียงแดเนียลสั่งว่า

“เธอออกไปได้แล้วฟ้าใส ผมต้องการอยู่กับคุณหมอขวัญตามลำพัง...วันนี้คุณสวยมากนะ คุณขวัญ”

ฟ้าใสหน้าเสียอยากจะกรีดร้องทุบตีถามเขาว่าทำอย่างนี้เพื่ออะไรกัน แต่ความเป็นจริงทำได้แค่เพียงเดินออกไปจากห้องแล้วร้องไห้โฮ ไม่สามารถอดกลั้นได้อีกต่อไป

ooooooo

หลังจากนั้นสมองของฟ้าใสสั่งการเพียงอย่างเดียวให้เข้มแข็งมุ่งมั่นทำงานเพื่อให้หลงลืมภาพความเจ็บปวดนั้นออกจากใจ เฉินหมิงยืนอยู่ข้างล่างเวทีส่งกำลังใจให้แม่ผีเสื้อตัวน้อยด้วยแววตาเป็นประกาย

แดเนียลกับหมอขวัญเดินเข้างานด้วยกัน เสียงกดชัตเตอร์และแสงแฟลชจากกล้องถ่ายรูปของนักข่าวมีมาไม่ขาดระยะ ฟ้าใสมองภาพคนทั้งคู่อย่างปวดใจ เมื่อเธอสบตากับแดเนียลภาพความหลังอันหวานชื่นก็หลั่งไหลเข้ามาในห้วงคำนึง แต่แล้วชายหนุ่มก็ถอนสายตาหันไปสนใจถ่ายรูปกับหมอขวัญต่อ หญิงสาวก้มหน้าพยายามสะบัดภาพเหล่านั้นทิ้งไป

ปุยฝ้ายกับนุตรายืนมองอาการของเพื่อนรุ่นน้องอย่างสะท้อนใจ และแล้วมีสายเรียกเข้าที่มือถือของนุตรา เธอดีใจเมื่อเห็นสายมาจากทวยเทพ จึงรีบเดินออกไปด้านนอกห้อง และเห็นคนร้ายในชุดบริกรกำลังล้วงปืนขนาดเล็กออกจากเสื้อมาวางซ่อนบนถาดที่มีผ้าปกคลุมมิดชิด นุตราตะลึงอ้าปากค้างด้วยความกลัว เฉินเปียวหันมาเห็นอาการนั้นเข้าจึงถามว่ามีอะไร

“ฉันว่าฉันเห็น...ปืน! บริกรคนนั้นเขามีปืน”

เฉินเปียวตกใจถลาวิ่งตามไปทันที แต่เมื่อถึงตัวกลับไม่พบอาวุธใดๆที่ตัวคนร้ายในคราบบริกร พลัน... สายตาของเขาสังเกตเห็นชายอีกคนกำลังยกมือเล็งขึ้นไปที่แดเนียลตรงหน้าเวที เขาวิ่งไปจัดการไม่รั้งรอ เพียงครู่เดียวเสียงปืนก็ลั่นขึ้น

หมอขวัญทรุดตัวล้มลงเอามือกุมท้องที่มีเลือดไหล แดเนียลปราดเข้าไปประคองเธอไว้ คนร้ายอีกสามคนชักปืนเพื่อจะยิงไปที่ชายหนุ่ม แต่แล้วโดยฉับพลัน เฉินหมิงตัดสินใจพุ่งเข้าไปเตะปืนจากมือคนร้ายได้ท่ามกลางความประหลาดใจของเฉินเปียวและแดเนียลที่คาดไม่ถึงกับการช่วยเหลือในครั้งนี้ เฉินหมิงวิ่งหาฟ้าใสแล้วพาเธอออกจากตรงนั้นทันที

โอลิเวอร์รับฟังรายงานทางโทรศัพท์จากลูกน้องว่าทำงานไม่สำเร็จเพราะถูกเฉินหมิงขัดขวางเข้าช่วยเหลือฝ่ายศัตรู เมื่อวางสายเขาโวยวายกับเทียนคงว่า

“คุณควรจะบอกแผนนี้กับนายน้อยของคุณไม่งั้นป่านนี้ไอ้แดเนียลกลายเป็นศพสมใจคุณแล้ว”

เทียนคงกัดฟันกรอดพึมพำไม่เข้าใจว่านายน้อยคิดยังไงถึงไปช่วยเหลือฝ่ายโน้น ก่อนจะหันมาเห็นฟงยืนจับรถเข็นเฉินเซียวเหยาอยู่แถวหน้าประตูห้อง เขาตวาดเสียงดังว่าใครสั่งให้มาแอบฟัง ฟงโพล่งว่าตนแค่อยากรู้ว่าแดเนียลตายหรือยัง เทียนคงปราดเข้าไปกระชากคอเสื้อฟงคำรามสั่งว่า

“แกห้ามพูดว่าฉันจะฆ่าไอ้แดเนียลให้นายน้อยฟังเด็ดขาด เข้าใจไหม ถ้ายังไม่อยากตาย อย่าแส่หาเรื่อง!”

แต่แล้วสิ่งที่เทียนคงกับฟงเถียงกันอยู่ก็เข้าไปอยู่ในหัวของเฉินเซียวเหยาโดยที่คนทั้งคู่ไม่ทันสังเกต...

ooooooo

ที่โรงพยาบาล แดเนียลเดินวนเวียนไปมาอยู่หน้าห้องฉุกเฉินด้วยความเป็นห่วงหมอขวัญ

หมออภิวัฒน์เดินแทบเป็นวิ่งเข้ามาดูลูกสาวอย่างตื่นตระหนก ก่อนจะสังเกตเห็นแดเนียล หนุ่มที่หมอขวัญหลงใหลเพ้อพกในช่วงนี้

“ขวัญเป็นยังไงบ้าง มันเกิดอะไรขึ้น...”

ยังไม่ทันจะตอบ ประตูห้องฉุกเฉินก็เปิดออก

ทั้งคู่ปราดเข้าไปหาหมอเวรถามไถ่ถึงอาการของหมอขวัญ โชคดีที่กระสุนปืนไม่ได้เข้าที่จุดสำคัญ หมอขวัญรอดมาได้อย่างปลอดภัย แดเนียลถอนหายใจโล่งอก รีบขอตัวกลับไปจัดการเรื่องต่างๆให้เรียบร้อย เฉินเปียวรายงานว่ายังไม่สามารถบอกได้ว่าพวกคนร้ายเป็นคนของ
แก๊งใดเพราะไม่มีรอยสักที่จะบ่งบอก แดเนียลพยักหน้ารับทราบ...ครุ่นคิดในใจเงียบๆว่าทำไมเฉินหมิงถึงช่วยชีวิตตน!

เฉินหมิงร้อนใจกลับเข้าบ้านมาราวพายุ ถามเทียนคงเสียงห้วนว่า

“นายไม่ได้เป็นคนส่งคนไปฆ่าแดเนียลใช่ไหม...

มันจะเป็นใครก็ตาม แต่ก็ต้องขอบใจที่ทำให้แผนฉันง่ายขึ้นเยอะ”

“พวกนั้นไม่ใช่คนของผม นายน้อยคิดจะทำอะไรครับ”

“ฉันบอกนายแล้วนี่ ในเมื่อไม่มีใครเอาสมุดปกดำมาจากแดเนียลได้ ฉันในฐานะเพื่อนรักก็ต้องลงมือเอง”

เฉินหมิงยิ้มมั่นใจ ในขณะที่เทียนคงมองอย่างเคลือบแคลงสงสัย...

ข่าวการยิงในงานเปิดตัวนิตยสารโลลาโฉมใหม่ดังกระฉ่อนไปทั่ว หมออิฐตกใจสุดขีดเมื่อฟังข่าวแล้วพบว่าสาเหตุการยิงถล่มมาจากแดเนียลที่เป็นผู้นำ

แก๊งมังกรทอง มาเฟียข้ามชาติ เขาแล่นไปหากวินทร์กับชวนชมถึงบ้านอย่างร้อนใจ ฟ้าใสคอตกสารภาพกับพ่อแม่ว่าตนปกปิดเรื่องแดเนียลกับเฉินหมิงเป็นมาเฟียมานานแล้วเพราะคิดว่าเป็นเรื่องส่วนตัวของพวกเขา และมาเฟียไม่จำเป็นต้องเป็นคนโหดร้ายเสมอไป กวินทร์แทบอยากจะจับตัวลูกสาวมาเขย่าให้ได้สติ เขาย้ำเสียงเด็ดขาดว่า

“ขึ้นชื่อว่าเป็นมาเฟีย แสดงเป็นนักเลงใช้อิทธิพล พ่อไม่ชอบ! พ่อจะไม่ยอมมีลูกเขยเป็นหัวหน้ามาเฟียแน่ๆ ฟ้าต้องเลิกยุ่งกับพวกเขาทุกคน”

แดเนียลพาพริมาไปเยี่ยมเฉินเซียวเหยาที่บ้านตระกูลเฉิน หัวหน้าแก๊งเสือขาวเลิกคิ้วแปลกใจเมื่อทราบว่าคนทั้งคู่มาขอพบ พริมาพยายามประสานความสัมพันธ์ในอดีตของลูกชายสองตระกูลแต่ดูเหมือนจะไม่เป็นผล เฉินหมิงมีท่าทีไม่เป็นมิตรแต่ยังคงรักษามารยาท แดเนียลขอคุยเป็นการส่วนตัวเพื่อไขข้อข้องใจว่าเฉินหมิงช่วยชีวิตตน เพื่อหวังผลอะไร

“ฉันต้องการให้นายเป็นหนี้บุญคุณฉัน แต่มันยังไม่ถึงเวลาที่ฉันจะขอการตอบแทนคืน สักวันหนึ่งฉันจะบอกนาย”

หยางเข็นรถพาเฉินเซียวเหยาเข้ามาหาพริมาและเฉินเปียว ท่าทางเหม่อลอยของอดีตลูกชายคนโตของแก๊งเสือขาวทำให้คนทั้งคู่อดไม่ได้ที่จะสงสารจับใจ พริมาขยับเข้าไปนั่งใกล้เขาถามว่าจำตนได้ไหม ตนเป็นแม่ของแดเนียล ชื่อนั้นกระตุกต่อมความจำถึงภาพของเทียนคงที่สั่งฟงไม่ให้บอกเฉินหมิงว่าจะฆ่าแดเนียล เฉินเซียวเหยายกมือแตะที่ปากบอกว่า

“อย่าพูดเรื่องแดเนียล เดี๋ยวนายน้อยรู้ อย่าพูด... เขาโกรธ เขาน่ากลัว”

ฟงตกใจสุดขีดคาดไม่ถึง ในขณะที่พริมากับเฉินเปียวแปลกใจพยายามจะซักถามให้รู้เรื่อง แต่ฟงตัดบทว่าถึงเวลากินยาแล้ว พอดีกับเทียนคงเดินเข้ามาเห็นท่าทางอันผิดปกติของคนทั้งหมด เขาคาดคั้นให้ฟงเล่าว่ามันเกิดอะไรขึ้น...

ooooooo

กาลครั้งหนึ่งในหัวใจ

ละครแนะนำ

ข่าวละครวันนี้ดูทั้งหมด