สมาชิก

กาลครั้งหนึ่งในหัวใจ

ตอนที่ 2

รถที่ขโมยมาวิ่งไปในความมืดได้เพียงไม่นานก็จอดนิ่งอยู่แถวป้ายรถเมล์ ฟ้าใสแปลกใจถามว่ารถเป็นอะไร แดเนียลหน้าเครียดตอบว่ายางรถถูกยิง ไปต่อไม่ได้ เขาเหลือบมองกระจกด้านข้างเห็นไฟหน้ารถคันหนึ่งวิ่งตรงมาทางนี้พอดี

แดเนียลกระโดดลงจากรถแล้วโบกมือขอความช่วยเหลือ เจ้าของรถกระบะเป็นคุณตาแก่ๆคนหนึ่งดูท่าทางใจดี ชายหนุ่มเจรจาอยู่ชั่วครู่ก่อนตะโกนบอกฟ้าใสให้ขึ้นรถ จากนั้นรถกระบะก็พาคนทั้งคู่มาที่หมู่บ้าน

แห่งหนึ่งไม่ไกลจากเมืองหลวงนัก คุณตาขับรถมาจอดกลางลานบ้านแล้วเชิญทั้งสองเข้าไปในบ้านรับรอง ฟ้าใสกระซิบถาม

“เดี๋ยวคุณ เรามาทำอะไรกันที่นี่...น่าจะขอให้คุณตากลับไปส่งที่โรงแรม เพราะถ้าไม่กลับไป เพื่อนฉันจะเป็นห่วง”

“เราจะนอนค้างกันที่นี่ คืนนี้คงกลับไปไม่ได้พวกมันดักรออยู่แน่ๆแล้วผมก็เพลียจนไม่มีแรงจะสู้กับใครอีกแล้ว”

ฟ้าใสจำใจเดินตามแดเนียลเข้าไปอย่างไม่มีทางเลือก แล้วเธอก็ต้องตกใจเมื่อพบว่าคุณตาจัดห้องให้เพียงห้องเดียว หญิงสาวโวยวายถามแดเนียลว่าคุณตาเข้าใจอะไรผิดหรือเปล่า ชายหนุ่มทำหน้านิ่งอธิบายว่า

“ผมจำเป็นต้องบอกว่าเราเป็นผัวเมียกันเพราะไม่รู้ว่าเราจะมาเจออะไรบ้าง ถ้าเกิดโชคร้ายมาเจอคนไม่ดี คิดหวังในตัวคุณ เขาจะได้เลิกคิดเพราะมีผมเป็นผัว!”

“ไม่ต้องตอกย้ำ ฉันฟังแล้วแสลงหู คุณตาได้บอกหรือเปล่าว่าห้องน้ำอยู่ตรงไหน”

แดเนียลชี้ไปอีกด้านของห้อง ฟ้าใสบ่นอุบอิบกับตัวเองพลางจะดึงสายกระเป๋าออกจากตัว แต่ต้องตกใจซ้ำสองเมื่อรู้ว่ากระเป๋าหายไป ชายหนุ่มไม่สบายใจกลัวว่ากระเป๋าใบนั้นจะตกอยู่ในมือของฝ่ายเฉินหมิง ฟ้าใสรีบวิ่งกลับไปหาที่รถแต่ไม่เจอ แดเนียลถามเสียงเครียดว่า ในกระเป๋านั่นมีอะไรบ้าง ฟ้าใสค่อยๆนึกบอกว่า

“มีกระเป๋าเงิน สมุดบันทึก ปากกา มือถือ ยาลม ยาดม...ทำไมเหรอคะ”

“มีรูปถ่ายคุณด้วยไหม ถ้ามี...คุณรู้ไว้แค่ว่า...ถ้าไอ้คนที่ตามล่าผมได้เห็นหน้าคุณ ชีวิตคุณจะไม่สงบสุขอีกต่อไป”

ฟ้าใสอึ้งแปลกใจ การคาดการณ์ของแดเนียลไม่ไกลเกินจริงนัก เพราะหลังจากเทียนคงเก็บกระเป๋าของฟ้าใสได้ เขานำไปให้เฉินหมิงทันที ชายหนุ่มประหลาดใจเมื่อเห็นรูปถ่ายของโบตั๋นถ่ายกับชายหญิงสูงอายุคู่หนึ่งอยู่ในกระเป๋าเงิน

“ฉันเคยพบผู้หญิงหน้าเหมือนโบตั๋นคนนี้ที่สนามบิน ฉันคิดว่าตัวเองตาฝาดซะอีก”

“ผมสืบที่โรงแรมที่ผู้หญิงคนนี้เข้าพักแล้ว เธอเป็นคนไทยมาเที่ยวกับเพื่อน ตอนนี้เธออยู่กับไอ้แดเนียล แต่คิดว่าไปไหนไม่ได้ไกลเพราะผมยิงล้อรถคันนั้น”

เฉินหมิงยิ้มร้ายสั่งเทียนคงให้ตามล่าหาตัวทั้งสองให้เจอเพราะตนอยากพบกับผู้หญิงคนนั้นตัวเป็นๆ...ในขณะที่เฉินเปียวกำลังวุ่นวายตามหาแดเนียลเช่นกัน เสียงเขาคุยโทรศัพท์โวยวายอยู่แถวหน้าห้องฉุกเฉินกับลูกน้อง

“ยังไม่เจอบอส! ฉันก็โทรศัพท์ติดต่อบอสไม่ได้...หาแถวนั้นให้ทั่ว บอสถูกยิง...ไปไหนไม่ได้ไกล ฉันกำลังตามไป”

พอจะเดินไปก็เห็นปุยฝ้ายเดินโซซัดโซเซออกมาจากห้องฉุกเฉินโดยมีพยาบาลตะโกนตามห้าม แล้วบอกให้เฉินเปียวสกัดญาติตัวเองไว้ ชายหนุ่มกระชากเสียงตอบว่าไม่ใช่ แล้วเดินออกไปอย่างเร็ว ปล่อยให้ปุยฝ้ายยืนงงไม่เข้าใจว่าทั้งสองพูดอะไรกัน แต่อึดใจเดียวหญิงสาวก็จำได้ว่าเฉินเปียวเป็นคนช่วยเธอและพามาที่นี่ เธอถลาไปดักหน้าเขาไว้ถามเป็นภาษาอังกฤษ

“คุณคะ! ฉันจำหน้าคุณได้ คุณเป็นคนพาฉันมาส่งโรงพยาบาล ฉันอยากจะ...ขอให้คุณช่วยฉันอีกครั้ง เผอิญว่าน้องฉันที่มาด้วยกันตกอยู่ในอันตราย เขารอให้ฉันไปช่วย... ได้โปรดนะคะ”

ปุยฝ้ายพูดขอร้องเป็นภาษาอังกฤษอย่างตะกุกตะกัก ก่อนจะสบถเป็นภาษาไทยว่าจะเอายังดีหรือต้องบีบน้ำตา... แล้วเธอต้องอ้าปากค้างเมื่อได้ยิน เฉินเปียวสวนกลับว่าน้ำตาไม่ทำให้ตนใจอ่อนได้ หญิงสาวดีใจที่เขาฟังภาษาไทย ออกจึงอ้อนวอนไม่หยุด ชายหนุ่มนิ่งไปเพราะกำลังชั่งใจว่าจะทำอย่างไรดีกับเหตุการณ์นี้

ooooooo

และแล้วเฉินเปียวก็อดไม่ได้ที่จะช่วยเหลือปุยฝ้าย ทั้งคู่ค่อยๆเดินย่องอย่างระวังเข้ามาที่หน้าห้องพักในโรงแรมของเธอ หญิงสาวเอาหูแนบประตูเพื่อฟังเสียงที่อยู่ภายในห้อง ก่อนจะหันมาสั่งชายหนุ่มเหมือนเป็นเจ้าแม่ยากูซ่าว่า

“ไม่มีความเคลื่อนไหว...คุณไปยืนฝั่งโน้น ฉันจะยืนฝั่งนี้แล้วเคาะประตู พอมันออกมา ฉันจะล่อมันไว้ คุณหาจังหวะจู่โจมมันจากด้านหลัง ตอนเรียนมหาวิทยาลัยฉันเคยเรียนศิลปะการต่อสู้ คุณเข้าไปล็อกแขนเขาจากด้านหลังนะ”

เฉินเปียวทำหน้ารำคาญกับคำสั่งสอนนั่น เขาชักปืนออกมากระชับมั่นในมือแล้วเคาะห้อง...ไม่มีเสียงตอบ ก่อนจะตัดสินใจถีบประตูห้องให้เปิดออกอย่างแรง แต่แล้วก็พบว่าไม่มีใครอยู่ในนั้น มีเพียงหยดเลือดบนพื้นและอุปกรณ์ทำแผลกับพาสปอร์ตของฟ้าใสเท่านั้น ปุยฝ้ายวิ่งถลาไปที่ห้องน้ำเพราะคิดว่าเพื่อนรุ่นน้องอาจจะซ่อนตัวที่นั่น เสียงเฉินเปียวอุทาน

“มีด! คนที่อยู่กับน้องคุณเป็นบอสของผม...

นี่เป็นมีดของเขา บอสผมถูกศัตรูยิง เขาคงจะมาขอความช่วยเหลือจากน้องคุณ แต่คุณไม่ต้องกังวล...พวกเขายังปลอดภัยเพราะถ้าพวกมันจัดการบอสได้ มันตัดนิ้ว ของบอสส่งมาเย้ยเราแล้ว”

ปุยฝ้ายตกใจแทบจะเป็นลม ทันใดนั้น เฉินเปียวก็ต้องตกใจเมื่อเห็นรูปถ่ายที่อยู่ในหน้าพาสปอร์ต...เพื่อนรุ่นน้องของปุยฝ้ายมีใบหน้าเหมือนกับโบตั๋นจนแทบจะเป็นพิมพ์เดียวกัน!

ooooooo

ที่บ้านคุณตานอกเมือง แดเนียลหลับไปด้วยความอ่อนเพลีย ในมือยังคงกำสร้อยโบตั๋นแน่น เขาฝันเห็นอดีตหญิงคนรักพูดตัดพ้อว่า

“คุณเคยบอกว่ารักฉัน จะปกป้องดูแลให้ปลอดภัย แต่แล้วคุณเองที่ฆ่าฉัน อย่าให้ใครต้องตายเหมือนฉันอีกเลย”

รุ่งเช้าวันใหม่ ฟ้าใสเห็นอากัปกิริยาของแดเนียลที่ยกมือขึ้นพยายามจะไขว่คว้าอะไร หญิงสาวคุกเข่าก้มมองใกล้ๆและพยายามจะปลุกชายหนุ่ม แต่แดเนียลที่รู้สึกตัวตื่นขึ้น กลับปัดมือหญิงสาวอย่างแรงจนเธอล้มลงไปกับพื้น

“โอ๊ย! ฉันแค่จะปลุกคุณ ทำไมต้องรุนแรงด้วย...ฉันเพิ่งเคยเห็นผู้ชายตัวใหญ่ร้องไห้เวลาฝันร้าย น่าเอ็นดูเหมือนกัน”

“จำไว้ อย่าเข้าใกล้ผม เพราะเวลาผมตกใจ สิ่งแรกที่ผมจะคว้าคือปืน”

แดเนียลมองฟ้าใสตาเขียว จนหญิงสาวขยาดกลัวบอกว่าตนแค่ล้อเล่น ตอนนี้ได้เวลาที่จะกลับโรงแรมแล้ว ชายหนุ่มกลับส่ายหน้าบอกว่ายังไม่ถึงเวลานั้น ฟ้าใสขมวดคิ้วแปลกใจ

“คุณกลัวจะเจอพวกคนร้ายกลางทางแล้วจะไม่มีแรงสู้ใช่ไหม คุณไม่ต้องห่วง ฉันคิดแผนไว้ให้หมดแล้ว... พวกเราจะปลอมตัวกันแล้วให้คุณตาไปส่งที่หน้าโรงแรม ก่อนจะแยกย้าย ตัวใครตัวมัน”

นอกจากแดเนียลจะไม่เห็นดีด้วยแล้ว เขากลับไล่ให้เธอไปนอนต่อเผื่อจะเลิกฟุ้งซ่าน ฟ้าใสเสียความมั่นใจรีบเดินตามถามว่าแผนของตนไม่ดีตรงไหน ชายหนุ่มจ้องหน้าพูดเสียงเข้มว่า

“คุณรู้จักพวกมันน้อยเกินไป ขอพูดเป็นครั้งสุดท้ายว่าเราจะยังไม่กลับเข้าเมืองตอนนี้ ถ้าพร้อมเมื่อไหร่ จะบอกเอง”

“ถ้าคุณอยากอยู่ต่อก็เชิญอยู่ไปคนเดียวแล้วกัน แต่ฉันจะกลับ!”

ฟ้าใสเดินสะบัดออกไป แดเนียลมองตามนิ่งๆ ในใจมีความห่วงใยแต่ไม่แสดงออก หญิงสาวเดินออกมานอกบ้านและพบกับชาวบ้านแถวนั้น เธอพยายามพูดขอความช่วยเหลือ ปรากฏว่าโชคไม่ดี...ไม่มีใครเข้าใจภาษาอังกฤษระดับงูๆปลาๆของเธอแม้แต่คนเดียว แล้วสองสามชั่วโมงถัดมา ฟ้าใสก็ต้องยอมแพ้เดินกลับ

เข้าบ้านมาพร้อมกับถุงผลไม้ แดเนียลก้มหน้าซ่อนยิ้มขำ คุณตาคุณยายดีใจกวักมือเรียกให้มากินข้าว หญิงสาวพยักหน้ารับอย่างอ่อนเพลียละเหี่ยใจ...

ooooooo

ระหว่างล้างจานหลังกินข้าวเสร็จ ฟ้าใสร้องไห้น้ำตาร่วงไม่รู้ชะตากรรมของตัวเอง แดเนียลเห็นแล้วสงสารจับใจอยากจะเข้าไปปลอบ แต่ทำได้แค่เพียงส่งกระดาษทิชชูให้เท่านั้น

“เลิกร้องไห้ได้แล้ว...คนอื่นจะเป็นห่วง”

“ก็ดีสิ คุณตาคุณยายเป็นห่วง เขาจะได้อยากรู้ว่าฉันเป็นอะไร เขาจะช่วยพาฉันกลับ”

แดเนียลอ่อนใจคว้าแขนฟ้าใสกำชับเสียงกร้าวไม่ให้คนที่นี่รู้เรื่องของพวกเรา หญิงสาวอารมณ์เสียขู่กลับว่ากลัวพวกเขาจะไปแจ้งตำรวจใช่ไหม ขณะนั้นเอง คุณตาเดินเข้ามาในห้องพอดี ชายหนุ่มรีบกดหน้าฟ้าใสแนบอกตัวเองทำทีสวีตกัน คุณตายิ้มอายเข้าใจว่าเข้ามารบกวนเวลาของผัวเมีย ในขณะที่ฟ้าใสดิ้นรนส่งเสียงร้องอู้อี้ ก่อนตัดสินใจกัดหน้าอกเขา

ชายหนุ่มสะดุ้งเฮือก กลั้นเจ็บรอจนคุณตาเดินออกไปแล้วจึงปล่อยฟ้าใส พร้อมกับกระชากเสียงดุใส่

“ถ้าคุณอยากให้พวกมันตามมาฆ่าคุณตาคุณยาย ก็ไปบอกพวกเขาเลย คุณก็เห็นว่าพวกมันเป็นยังไง ถ้าวันนึงที่เรากลับไปแล้ว แล้วพวกมันรู้ว่าคุณตาคุณยายเคยให้ความช่วยเหลือเรา พวกมันไม่ปล่อยพวกเขาไว้แน่”

ฟ้าใสนิ่งเงียบ...เขาพูดถูก แต่ยังไม่วายเอ่ยปากเสียงสั่นว่าตนอยากกลับบ้านเพราะเป็นห่วงพ่อแม่ แดเนียลย้ำเตือนให้ใจเย็นอย่าวู่วาม แค่ให้ฝ่ายโน้นห่วงไม่กี่วัน ดีกว่าสูญเสียเธอไปตลอดชีวิต หญิงสาวเศร้าจำยอมทนต่อไป

ด้านเฉินหมิงรู้สึกร้อนใจที่ยังหาตัวแดเนียลกับฟ้าใสไม่เจอ เขาสำรวจข้าวของในกระเป๋าของเธออย่างสนใจ จนกระทั่งเจอกับสมุดบันทึกเรื่องราวต่างๆของฟ้าใส ในนั้นมีข้อความบรรยายถึงการเดินทางมาที่ญี่ปุ่นเริ่มต้นด้วยวันแรกที่มาถึงและกำหนดวันที่จะเดินทางกลับ เฉินหมิงเงยหน้าขึ้นแววตาเป็นประกาย คิดอะไรออกจึงต่อสายหาเทียนคงทันที

“ผู้หญิงคนนั้นมาเที่ยวญี่ปุ่นกับเพื่อนผู้หญิง วันมะรืนเธอจะกลับเมืองไทย พวกเขาต้องหาทางติดต่อกันแน่ นายสั่งคนไปพาตัวเพื่อนคนนั้นมาหาฉันโดยด่วน!”

เวลานั้น ปุยฝ้ายยังนอนสลบอยู่บนเตียงด้วยความอ่อนเพลีย เฉินเปียวนั่งกอดอกรอคอยด้วยความอดทน กระทั่งเขาเห็นรถของแก๊งเสือขาวมาจอดที่หน้าโรงแรม สัญชาตญาณบอกว่าภัยกำลังจะมาถึงตัว เขารีบเข้าไปกระชากแขนปุยฝ้ายให้ลุกขึ้นแล้วสั่งให้หนี หญิงสาวปรือตาสะลึมสะลือก่อนจะได้สติดีดตัวเองออกจากเตียงอย่างเร็ว คว้าได้เพียงกระเป๋าสะพายและพาสปอร์ตของฟ้าใสเท่านั้น เมื่อทั้งคู่วิ่งออกมานอกห้องก็พบกับลูกน้องแก๊งเสือขาวออกมาจากลิฟต์พอดี

ทั้งสองฝ่ายเปิดฉากต่อสู้โดยมีปุยฝ้ายกระโดดหลบไปมาอยู่ข้างหลังเฉินเปียวด้วยใจระทึก เพียงครู่เดียว ชายหนุ่มก็ใช้ชั้นเชิงเหนือกว่าเด็ดพวกนั้นลงอย่างราบคาบ เฉินเปียวรีบพาปุยฝ้ายไปหลบซ่อนที่โรงแรมของแดเนียลพร้อมกับอธิบายว่า

“บอสจะพาน้องคุณกลับมา ตอนนี้ไอ้เฉินหมิง หัวหน้าแก๊งเสือขาวต้องการตัวคุณ ถ้าคุณไม่อยากถูกพวกมันจับไปคาดคั้นเอาความจริง จงอยู่ที่นี่ไปอย่างเงียบๆ”

“เสือขาว เสือดำ เสือแดงอะไร ฉันไม่เคยรู้จัก พวกเขาจะเอาความจริงอะไรจากฉัน”

“ความจริงเกี่ยวกับน้องคุณว่าทำไมมีหน้าตาเหมือนคนรักของบอสผม ทั้งๆที่เธอตายไปแล้ว”

ปุยฝ้ายดูรูปภาพของโบตั๋นที่เฉินเปียวยื่นให้ด้วยความประหลาดใจ แล้วซักว่าตายด้วยสาเหตุอะไร เฉินเปียวอึกอักดุว่าไม่จำเป็นต้องรู้...หญิงสาวตงิดใจกลัวแดเนียลจะหลงรักฟ้าใสเพราะเผอิญหน้าตาเหมือนกัน

ขณะเดียวกันนั้นที่บ้านคุณตานอกเมือง แดเนียลรู้สึกตัวตื่นขึ้นแล้วไม่พบฟ้าใส เขารู้สึกเป็นห่วงเดินตามหาจนได้ความจากคุณยายว่าหญิงสาวอยู่บนเขาใกล้ๆบ้าน ชายหนุ่มเดินมาตามทางไม่นานก็พบหญิงสาวนั่งวาดรูปภาพและเขียนข้อความอะไรบางอย่างลงในกระดาษหลายแผ่น เขาถือวิสาสะหยิบมาดูพร้อมกับพูดว่า

“คุณไม่ควรออกมาไกลแบบนี้ พวกมันอาจจะมาพบคุณ...แล้วคุณเขียนอะไร”

“ฉันไม่อยากกวนเวลาคุณนาน แล้วก็ไม่อยากเศร้าให้คุณตาคุณยายเห็นด้วย เลยมานั่งเขียนจดหมายลาพ่อแม่”

แดเนียลอึ้งเมื่อได้ฟังสิ่งที่หญิงสาวชี้แจง ก่อนยืนยันว่าเธอจะรอดปลอดภัยกลับบ้านแน่นอน ฟ้าใสส่ายหัวไม่เชื่อ เอ่ยแย้งว่าชีวิตไม่มีอะไรแน่นอน ถ้าเกิดอะไรขึ้นจริงๆอย่างน้อยตนยังมีโอกาสบอกลาพวกเขา ชายหนุ่มหยิบกระดาษมาดูแล้วยิ้มขำกับความคิดแผลงๆ ของเธอ ฟ้าใสโวยวายพยายามยื้อแย่งกระดาษคืนเพราะมันเป็นความลับทางการเงินของบ้านเธอ

“เอามานี่...แล้วยิ้มอะไร เออใช่...พ่อฉันเคยบอกว่าถ้าเราไม่สบาย เราต้องพยายามหัวเราะเพื่อหลอกสมองให้หลั่งสารเอ็นโดฟิน ซึ่งเป็นสารแห่งความสุขออกมา แล้วเราจะรู้สึกสดชื่นขึ้น ลองดูไหม คุณจะได้หายเร็วขึ้น หัวเราะเสียงดังๆ ทำสิ”

แดเนียลแย้งว่าตนไม่ใช่เด็กและปฏิเสธการทำตาม ฟ้าใสไม่ลดละยังตอแยอ้อนวอนให้เขาทำ ทันใดนั้น โดยไม่ได้ตั้งใจ เธอจะคว้าตัวเขาแต่มือไพล่ไปคว้าสร้อยที่คอเขาแทน มันขาดตกลงบนพื้นทำให้กระจกกรอบรูปโบตั๋นแตก แดเนียลอึ้งตกใจปราดเข้าไปเก็บแล้วนิ่งไม่พูดอะไรอีก ฟ้าใสหน้าเสียละล่ำละลักขอโทษ แต่ชายหนุ่มคว้าจดหมายของเธอมาฉีกเป็นชิ้นเล็กชิ้นน้อยทันที

สีหน้าของเขาสะใจ หญิงสาวโกรธถึงขีดสุดตบหน้าเขาแล้วตวาด

“คุณก็เห็นอยู่แล้วว่าฉันไม่ได้ตั้งใจ! คุณคงจะเคยชินกับการเอาคืน ใครทำคุณเจ็บเขาต้องเจ็บกว่า คุณไม่เคย นึกถึงความถูกต้อง ไม่นึกถึงจิตใจของใคร ไม่นึกถึงว่าสิ่งที่คุณทำจะทำให้ใครเสียใจมากแค่ไหน!”

คำพูดของฟ้าใสบาดลึกเข้าไปในจิตใจของแดเนียล วูบหนึ่งเขารู้สึกเสียใจแต่มันสายไปแล้ว ฟ้าใสพูดใส่หน้าเขาว่าต่อไปนี้ต่างคนต่างไป ชายหนุ่มปฏิเสธไม่ให้เธอไปไหนแล้วยกร่างหญิงสาวขึ้นพาดบ่าเดินออกไป ฟ้าใสร้องกรี๊ดตะโกนบอกให้ปล่อยพร้อมกับเอื้อมมือไปฟาดแขนของเขาตรงข้างที่เจ็บ ก่อนจะพาตัวเองลงจากบ่าเขาได้ ทั้งคู่ยื้อยุดกันไปมาจนเกิดอุบัติเหตุ ฟ้าใสเซล้มกลิ้งไปตามเนิน ข้อเท้าไปฟาดต้นไม้ เสียงร้องโอดโอยของหญิงสาวทำให้แดเนียลตกใจ

ฟ้าใสมองแดเนียลอย่างโกรธจัด ตะโกนไล่เขาเสียงลั่น แดเนียลพยายามจะเข้าช่วยเหลือแต่หญิงสาว

กลับปัดมือเขาออกกัดฟันข่มความเจ็บเดินกะเผลกออกไป ชายหนุ่มมองตามอย่างห่วงใยแล้วระเบิดเสียงหัวเราะดังลั่น หญิงสาวงุนงงกับพฤติกรรมนี้ มองอย่างไม่ไว้ใจถามว่าจะทำอะไร

“ทำให้ร่างกายแข็งแรงเร็วๆไง ผมจะได้ปกป้องคุณ ให้โอกาสผมได้ไหม”

แดเนียลเต้นท่าออกกำลังกายประกอบด้วย ทำเอาฟ้าใสหลุดขำหายโกรธฉับพลัน และเขินอายเมื่อเห็นชายหนุ่มส่งสายตาวิบวับให้ ในที่สุดฟ้าใสก็ยอมรับความช่วยเหลือจากแดเนียล เธอขี่หลังเขาชื่นชมบรรยากาศรอบกายอย่างมีความสุข นับเป็นช่วงเวลาของการเริ่มต้นความรู้สึกที่ดีๆต่อกัน

ooooooo

ด้านปุยฝ้ายในเวลานี้ตกอยู่ในสภาวะลำบากใจเพราะเมื่อชวนชม มารดาฟ้าใสโทร.หาลูกสาวไม่ได้จึงต่อสายหาเธอแทน ทำให้ปุยฝ้ายต้องหาทางโกหกไม่ให้ทางบ้านนั้นรับทราบว่าฟ้าใสหายตัวไปและจนถึงป่านนี้ก็ยังไม่รู้ชะตากรรม

“เมื่อคืนมือถือของฟ้าตกส้วมค่ะ เปิดเครื่องไม่ติดเลย...แถมเมื่อวานมัวแต่ไปเที่ยวไหว้พระตากแดดเสียนานเลยค่ะ”

“แม่ว่าแล้วเชียวว่าฟ้าต้องมีเรื่องไม่สบายใจอยู่ถึงขึ้นไปไหว้พระไหว้เจ้านานๆ แล้วฝ้ายรู้ไหมว่าฟ้าเป็นอะไร”

ปุยฝ้ายอึกอักเฉไฉให้ชวนชมไปไล่เบี้ยเอากับหมออิฐเอง ชวนชมสังหรณ์ใจลึกๆว่าต้องเป็นเรื่องร้ายแรงแน่ เธอรีบโทร.หาเขาทันที แต่หมออิฐกลับบ่ายเบี่ยงบอกว่าไม่ได้มีปัญหากัน เอาไว้คุยกันหลังจากที่ฟ้าใสกลับมาจากญี่ปุ่น แล้วตัดบทวางสายโดยเร็ว แต่เมื่อหันกลับมาเขาต้องตกใจที่เห็นหมอขวัญ ว่าที่เจ้าสาวยืนมองเขาเงียบๆอยู่ด้านหลัง

“คุณยังไม่ได้บอกเรื่องของเราให้ฟ้ารู้อีกเหรอคะ”

“ยังครับ ผมยังไม่กล้า ป้าชมกับลุงวินพ่อแม่ของฟ้ามีบุญคุณกับผม ตอนที่พ่อแม่ผมเสียไปก็มีแต่

พวกเขาที่ช่วยเหลือผม...เข้าใจผมนะขวัญ”

หมอขวัญเล่นบทหญิงสาวผู้แสนดียิ้มบอกว่าเข้าใจ ย้ำให้หมออิฐหาโอกาสบอกก่อนจะถึงวันสำคัญ แต่แววตาเธอมีแผน

ไม่กี่ชั่วโมงต่อมา หมอขวัญทำทีไปสอบถามหาบ้านหมออิฐที่ร้านอาหารของกวินทร์กับชวนชม ทั้งคู่ไม่รู้ความนัยของการถามนั้นจึงอธิบายทางอย่างคนมีน้ำใจ ส่วนหมอขวัญก็ทำซื่อ แจงเหตุผลว่า

“ขวัญตั้งใจจะแวะมาดูสถานที่ เพราะเสาร์นี้จะทำเซอร์ไพรส์วันเกิดอิฐที่นี่ค่ะ”

“หนูเป็นเพื่อนกับอิฐเหรอจ๊ะ”

“เปล่าค่ะ ขวัญเป็นคู่หมั้นของอิฐ เรายังไม่ได้ทำพิธีอย่างเป็นทางการน่ะค่ะ แต่คิดว่าอีกไม่นานนี้ก็คงจะมีขึ้น”

ทั้งกวินทร์และชวนชมตะลึงกับข่าวใหม่ เข้าใจทะลุปรุโปร่งว่าทำไมลูกสาวถึงมีอาการแปลกๆในช่วงนี้ ชวนชมพูดเสียงเย็นใส่ขวัญว่าพวกตนจะรอการ์ดแต่งงาน หมอขวัญลอบยิ้มสะใจ แต่การกระทำนี้ทำให้เธอถูกพ่อตำหนิในเวลาต่อมา หมออภิวัฒน์เตือนลูกสาวว่ากระทำการไม่สมกับลูกผู้หญิง คนอื่นจะดูถูกเอาได้ เขารู้สึกไม่สบายใจกับเรื่องนี้

ooooooo

ตกค่ำที่บ้านคุณตา ฟ้าใสเริ่มมองเห็นด้านดีของแดเนียลเพิ่มขึ้นทุกขณะ ยิ่งเมื่อรู้ว่าเขาขอยานวดจากคุณยายมาให้เธอก็รู้สึกประทับใจ แดเนียลยังคงไว้ฟอร์มไม่แสดงท่าทีสนใจเพื่อบังคับไม่ให้ตัวเองหลงรักหญิงสาว

แต่พอเห็นท่าทางเก้กังของหญิงสาวที่พยายามทายานวดเท้า เขาอดรนทนไม่ได้คว้ากระปุกยามาทานวดให้ ฟ้าใสปั้นหน้าให้เป็นปกติกลบเกลื่อนความรู้สึก แล้วเธอก็ต้องอึ้งไปอีกเมื่อจู่ๆแดเนียลลุกขึ้นช้อนร่างเธอเพื่อพาไปนอน

“ยิ่งข้อเท้าคุณกระทบกระเทือนน้อยเท่าไหร่ คุณก็จะหายเร็วขึ้น ถ้าร่างกายผมพร้อม แต่คุณไม่พร้อม เราจะไม่กลับ”

ฟ้าใสอมยิ้มแววตาเหมือนคนที่กำลังจะตกอยู่ในห้วงแห่งความรัก เช่นเดียวกับแดเนียลที่เริ่มมีความผูกพันกับหญิงสาวขึ้นเรื่อยๆ เพราะในระหว่างที่ฟ้าใสนอนหลับ เขาแอบประกอบจดหมายลาพ่อแม่คืนให้เหมือนสภาพเดิมด้วยสกอตช์เทป โดยหวังว่าเธอจะประทับใจและมีความสุขกับสิ่งเล็กน้อยๆที่เขาทำให้

เช้าวันรุ่งขึ้น แดเนียลขับรถขึ้นเขาเพื่อไปหาสัญญาณมือถือและหาทางติดต่อกับเฉินเปียวให้ได้ โดยไม่รู้เลยว่าขณะนี้เทียนคงและลูกน้องได้แกะรอยติดตามมาใกล้มากยิ่งขึ้น เฉินเปียวดีใจมากเมื่อเห็นสายจากแดเนียลติดต่อมา

“บอส! อยู่ที่ไหนครับ!...ได้ครับ ทำไมไม่ให้ผมไปรับบอสกับผู้หญิงที่นั่นเลยล่ะครับ”

“ฉันไม่แน่ใจว่าพวกเฉินหมิงสะกดรอยตามนายอยู่หรือเปล่า ฉันไม่อยากทำให้คนที่หมู่บ้านเดือดร้อน เราควรจะนัดพบกันที่อื่น เพื่อนฟ้าใสอยู่กับนายแล้วใช่ไหม”

แดเนียลยิ้มพอใจเมื่อรู้ว่าทุกอย่างเรียบร้อย แต่ในขณะเดียวกันก็รู้สึกใจหายเพราะเวลาที่เหลืออยู่กับฟ้าใสน้อยลงไปทุกที ขณะนั้นหญิงสาวกำลังวาดรูปรอให้ชายหนุ่มกลับมาทานข้าวกลางวันด้วยกัน แต่จนแล้วจนรอดก็ไม่เห็นวี่แววของเขา เธอรู้สึกเป็นห่วงจึงเดินออกจากบ้านมาชะเง้อมองหาที่ถนน แต่โชคไม่ดีที่รถของเทียนคงผ่านมาพบเธอเข้า ฟ้าใสพยายามจะวิ่งหนี เทียนคงกระโดดเข้าล็อกตัวเธอไว้พร้อมกับเอามืออุดปากเธอไว้ ตะคอกถามว่า

“ไอ้แดเนียลอยู่ที่ไหน!”

ฟ้าใสฟังไม่รู้เรื่อง ดิ้นรนต่อสู้ร้องโวยวายขอความช่วยเหลือ เทียนคงง้างมือจะตบเธอ แต่มีเสียงปืนดังขึ้น แดเนียลพุ่งตัวเข้าถีบเทียนคงเต็มแรงจนกระเด็น ชายหนุ่มคว้ามือฟ้าใสลากให้หนีและเล็งปืนขู่ เมื่อจะยิงกลับพบว่ากระสุนหมด เทียนคงยิ้มร้ายกระหยิ่มใจ รีบวิ่งมาหยิบปืน แต่ไม่ทันแดเนียลกับฟ้าใสที่วิ่งหนีเข้าป่าไปแล้ว เทียนคงคำรามเจ็บใจออกวิ่งตาม

ด้วยชั้นเชิงการเอาตัวรอดของแดเนียล ทำให้เทียนคงไม่สามารถหาตัวคนทั้งสองเจอ ต้องเดินกลับไปที่รถอย่างหัวเสีย ฟ้าใสร้องคราง เจ็บปวดที่ข้อเท้า แดเนียลหาไม้มาดามและบอกว่า

“เราต้องออกไปจากที่นี่ให้เร็วที่สุด ก่อนที่พวกมันจะย้อนกลับมา คืนนี้เราคงต้องหาที่พักในป่าไม่กลับไปที่บ้านคุณตาแล้ว เพราะพวกมันดักรอเราอยู่แน่ เราจะไปสร้างความเดือดร้อนให้กับคุณตาคุณยายและทุกคนในหมู่บ้านไม่ได้”

ฟ้าใสพยักหน้ารับ รู้สึกซาบซึ้งใจกับความห่วงใยที่เขามีให้กับเธอ

ooooooo

ปุยฝ้ายรอคอยด้วยความกระวนกระวายใจเพราะจนถึงบัดนี้ เธอยังไม่ได้ยินข่าวคราวจากฟ้าใสเลย ยิ่งเห็นไลน์ของชวนชมสอบถามถึงฟ้าใสก็ยิ่งกลุ้มใจไม่อยากโกหกผู้ใหญ่ เธอเดินวนเวียนไปมาในห้องก่อนจะออกเดินตามหาเฉินเปียว

“หายไปไหนกันหมด จะถามข่าวคราวเรื่องฟ้าใสสักหน่อยก็หายตัวเงียบเลย ให้ตายเหอะวะ!”

ระหว่างทางตามหา ปุยฝ้ายได้ยินเสียงเฉินเปียวคำรามเป็นจังหวะดังออกมาจากห้องหนึ่ง เธอเงี่ยหูฟัง แล้วเดินตามเสียงไปจนกระทั่งแอบเห็นเขากำลังฝึกซ้อมการต่อสู้อย่างเอาเป็นเอาตาย เธอเผลอมองหุ่นเขาเพลินและสะดุดกับรอยสักรูปเสือกับมังกรบนแผ่นหลัง คิดแปลกใจว่าชายหนุ่มนั้นอยู่ฝ่ายไหนกันแน่ พลันก็ต้องสะดุ้งเฮือกตกใจ เมื่อจู่ๆเฉินเปียวเขวี้ยงมีดสั้นมาปักตรงประตูเฉียดหน้าเธอแค่เส้นยาแดงผ่าแปด ปุยฝ้ายเข่าอ่อนทรุดตัวลงนั่งแทบร้องกรี๊ด!

“จำเอาไว้ อยู่ที่นี่อย่าทำอะไรเงียบๆ ไม่งั้นคุณอาจจะตายฟรี”

“นายบอกเองว่าให้ฉันอยู่เงียบๆจะเอายังไงกันแน่ แค่อยากรู้ว่าติดต่อบอสของคุณได้หรือยัง ฉันไม่อยากจะโกหกแม่ฟ้าแล้ว มันบาปรู้ไหม”

“วันนี้บอสโทร.มาแล้ว ปลอดภัยดี เขากำลังจะพาน้องคุณกลับมา แต่เมื่อไรผมคงบอกคุณไม่ได้เพราะเป็นความลับ”

ปุยฝ้ายพยักหน้ารับทราบ ก่อนจะถามว่าทำไมเขามีลายสักทั้งมังกรและเสือ เฉินเปียวชักสีหน้าไม่อยากให้ใครเข้ามาก้าวก่ายในเรื่องส่วนตัว เขาลุกขึ้นกระชากปุยฝ้ายออกไปทิ้งนอกห้อง ขู่ให้อยู่เงียบๆแล้วปิดประตูปัง

ที่หน้าคฤหาสน์ตระกูลเฉิน หวังเฟยกับพริมา พ่อแม่ของแดเนียลมาเยี่ยมเฉินเซียวเหยาหลังจากทราบเรื่องร้ายที่เกิดขึ้น สีหน้าหวังเฟยไม่ยินดียินร้ายเท่าไรกับการมาครั้งนี้ เพียงแต่ขัดภรรยาไม่ได้ เสียงเขาบ่นดังขึ้นว่า

“เราไม่มีความจำเป็นจะต้องมาเยี่ยมมันเลย”

“ฉันมาเยี่ยมเฉินเซียวเหยาเพราะคำว่ามนุษยธรรม บางทีถ้าเรามีน้ำใจให้เขาก่อน ความโกรธความแค้นที่พวกคุณมีต่อกันอาจจะลดลงหรือหายไปเลยก็ได้ เพราะฉันเบื่อที่จะต้องทนดูพวกคุณฆ่ากันเองเต็มทนแล้ว”

พ่อบ้านตระกูลเฉินมีสีหน้าตกใจคาดไม่ถึงว่าจะได้เจอกับคนทั้งสองอีกครั้งนับตั้งแต่มีความขัดแย้งในอดีต สภาพของเฉินเซียวเหยาทำให้หวังเฟยอึ้ง ในขณะที่พริมาตกใจมาก พ่อบ้านเล่าว่า

“คุณชายใหญ่ถูกของแข็งฟาดที่หัวอย่างแรงจนสมองได้รับการกระทบกระเทือน ไอ้คนร้ายตั้งใจจะแขวนคอเขาให้ตายเหมือนนายท่าน แต่นายน้อยมาช่วยไว้ได้ทัน เขาถึงยังมีชีวิตรอด”

พริมาฟังแล้วสงสารจับใจ เดินเข้าไปหา แต่เผอิญว่าแสงสะท้อนจากเพชรบนตัวเธอ กระตุ้นความทรงจำอันเลวร้ายของเฉินเซียวเหยาให้ปะทุขึ้นอีกครั้ง เสียงตะโกนร้องอย่างบ้าคลั่งของเฉินเซียวเหยาทำเอาพริมาตกใจร้องไห้ ต่างจากหวังเฟยที่มีสีหน้าเรียบเฉย ดูไม่ออกว่ากำลังคิดอะไรอยู่

ข่าวการอาละวาดของเฉินเซียวเหยาที่มีสาเหตุมาจากการเยือนของพ่อแม่แดเนียล สร้างความเจ็บแค้นให้กับเฉินหมิง เขาโกรธเกรี้ยวสั่งลูกน้องทุกคนอย่าให้เกิดเหตุการณ์เช่นนี้อีก

ด้านแดเนียลกับฟ้าใสสามารถเล็ดลอดการตามหาของเทียนคงเพื่อไปยังจุดนัดพบกับเฉินเปียวแถวท่าเรือได้ในที่สุด เสียงชายหนุ่มบอกหญิงสาวว่า

“เมื่อวานผมโทร.ติดต่อกับคนของผมได้เรียบร้อยแล้ว เรานัดกันว่าวันนี้ผมจะพาคุณไปส่งในเมือง เขาจะเตรียมตั๋วเครื่องบินกลับเมืองไทยไว้ให้คุณ แต่ที่ไม่ได้บอกล่วงหน้าเพราะอยากให้เราได้ใช้ช่วงเวลาที่เหลืออยู่สำหรับการร่ำลา”

ฟ้าใสฟังแล้วใจหล่นวูบรู้ทันทีว่าตัวเองมีใจให้แดเนียลเพียงฝ่ายเดียว เพราะเขาไม่พูดถึงการไปเยี่ยมเยียนที่เมืองไทยเลย เธอรีบหันหน้าไปทางอื่นเพื่อกลบความเศร้าโดยไม่รู้เลยว่าชายหนุ่มเองก็เศร้าไม่แพ้กัน...

ooooooo

กาลครั้งหนึ่งในหัวใจ

ละครแนะนำ

ข่าวละครวันนี้ดูทั้งหมด